ความคิดเห็นที่ 1 No problem. Both Thailand and US allow dual citizenship. จากคุณ : Tisco fan - [ 19 พ.ย. 47 03:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Webกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าได้ครับ ไปดูได้ที่ http://www.mfa.go.th/web/1071.php จากคุณ : Q - [ 19 พ.ย. 47 05:58:02 A:216.41.122.53 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ได้ค่ะ ดิฉันก็เป็นยูเอสซิติเซ่นมาเกือบสิบปีแล้ว และก็ยังมีสัญชาติไทยด้วย ถือพาสปอร์ตทั้งสองประเทศ ไม่มีปัญหาค่ะ จากคุณ : khunjamie - [ 19 พ.ย. 47 07:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วต้องขอวีซ่าเข้าประเทศไทยด้วยรึเปล่าครับในกรณีที่อยู่เกินหนึ่งเดือน จากคุณ : Huntington - [ 19 พ.ย. 47 08:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราว่าไม่ได้นะ ไปดูเรื่องแปลงสัญชาติดิ กฏหมายไทยบอกว่าใครไปแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติอื่นก็เสียสัญชาติไทยอ่ะ แต่ก็มีคนไทยมากมายที่เป็นแบบความเห็นข้างบน เราก็เลยงงสถานะที่ได้สัญชาติอเมริกันโดยการแปลง (แปลงอยู่แล้ว เพราะไปสอบเอา) แล้ว จะเป็นยังไง อันนี้เราก็งงๆอยู่ ตัวอย่างในลิ้งที่คุณ Q ให้มาเป็นเรื่องไทย กับ ออสเตรเลียนี่ ไม่ใช่ ไทยกัย อเมริกา ผลมันต่างกันนะ เพราะของอเมริกาจะได้สัญชาติต้องไปสอบเอานี่ เท่ากับแปลงสัญชาติ แต่ของออสเตรเลีย เราไม่รู้ว่าเค้าต้องมีการทำแบบอเมริการึเปล่า จากคุณ : Khun Minnie - [ 19 พ.ย. 47 10:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยากถามคุณ khunjamie น่ะค่ะว่า กรณีเราถือกรีนการ์ด เพราะแต่งงานกับคนอเมริกัน ซึ่งต่อมา ถ้าต้องการถือสัญชาติอเมริกันด้วย (ถ้าไม่ต้องเสียสัญชาติไทย กะว่าอยากจะถือสัญชาติอเมริกันด้วยเหมือนกัน) ตรงนี้เราต้องทำเรื่อง apply หรือขั้นตอนเป็นยังไง ช่วยเล่าประสบการณ์ให้ฟังด้วยค่ะ....ขอบคุณมากค่ะ... จากคุณ : JC2002 - [ 19 พ.ย. 47 20:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตอบคุณKhun Minnie Webของสถานกงศุลใหญ่ ณ นครนิวยอรค์ ก็บอกว่าไดครับ ดูได้ยินมาว่าที่2ที่ http://www.thaiconsulnewyork.com/mythfact.html ตอบคุณJC2000 แต่งครบสามปีสมัครcitizenได้(สามีต้องยินยอม) ถ้าถือgreen cardครบ5ปีสมัครเองได้เลย ใช้Form N400 loadได้ที่ http://uscis.gov/graphics/formsfee/forms/index.htm จากคุณ : Q - [ 19 พ.ย. 47 20:40:21 A:216.41.122.131 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณ คุณ Q มากค่ะ จากคุณ : JC2002 - [ 19 พ.ย. 47 22:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดิฉันเป็น permanent resident มาสามปีเต็ม (เพราะแต่งงานกับอเมริกัน) ก็ทำเรื่องสอบเอาสัญชาติค่ะ จ่ายค่าธรรมเนียม (จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แน่นอน) อีกเดือนก็ไปสอบ เค้าก็บอกเลยว่าสอบผ่านหรือไม่ หลังจากนั้นก็รออีกเดือนเดียวเค้าก็เรียกให้ไปเข้าพิธีสาบาญตนค่ะ บางรัฐก็ใช้เวลามากกว่านี้เพราะว่าคนน้อย ส่วนสัญชาติไทยก็ยังคงอยู่ เอกสารไทยทุกอย่างเป็นนางสาวหมดค่ะ ไม่เคยเปลี่ยน ไปถ่ายรูปทำบัตรประชาชนก็เอาลูกๆไปด้วย เค้าก็รู้ก็เห็น (ลูกก็ใช่ว่าจะพูดไทยได้) เค้าก็ไม่ว่าอะไร ดิฉันไม่เคยกลับเมืองไทยนานเกินสามอาทิตย์จึงไม่เคยใช้พาสปอร์ตไทยในการเดินทางเลย แต่ถ้าต้องอยู่นานเกินหนึ่งเดือนก็จะยื่นพาสปอร์ตไทยค่ะ จากคุณ : khunjamie - [ 20 พ.ย. 47 06:13:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณ คุณ khunjamie มากค่ะ อยากรบกวนถามคุณ khunjamie อีก เพราะเห็นว่ามีประสบการณ์น่ะค่ะ คือสงสัยว่าถ้าเราจดทะเบียนสมรสที่เมืองไทยเรา แล้วจำเป็นหรือไม่คะว่าต้องมาจดทะเบียนสมรสที่อเมริกาอีก คือทะเบียนสมรสจากประเทศไทยเรามีสิทธิ์เท่ากันกับทะเบียนสมรสที่จดในอเมริกาหรือไม่.... จากคุณ : JC2002 - [ 20 พ.ย. 47 06:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบคุณ Q และทุกท่านที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ รบกวนช่วยอ่านตรงนี้ด้วยนะคะ จากที่คุณ Q ได้ยกตัวอย่าง ถาม-ตอบของกระทรวงต่างประเทศ ดิฉันได้พบกระทู้นี้ในเวบ www.archanwell.org ซึ่งเป็นเวบเกี่ยวกับสัญชาติซึ่งดิฉันคิดว่าดีที่สุดนะคะเพราะเป็นการตอบในเรื่องของข้อกฏหมายจริงๆ ตัวอย่างที่คุณ Q ยกมา เจ้าตัวคนที่เขียนไปถามกระทรวงต่างประเทศ ได้ไปโพสถามอาจารย์พันทิพย์ เจ้าของเวบอีกครั้ง เพราะเค้ายังไม่เข้าใจตามที่กระทรวงต่างประเทศหรือกงศุลไทยที่เค้าได้ถามไปตอบไว้ http://www.archanwell.org/webboard/show.php?Category=board_1&No=310 http://www.archanwell.org/webboard/show.php?Category=board_1&No=319 http://www.archanwell.org/webboard/show.php?Category=board_1&No=320 ถ้าคุณอ่านแล้วเข้าใจยังไงก็ช่วยมาตอบด้วยนะคะ จากคุณ : Khun Minnie - [ 20 พ.ย. 47 13:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบคุณจขกท. ถ้าคุณจดทะเบียนที่ไทยแล้วไม่จำเป็นต้องจดที่เมกาอีก แค่เพียงคุณแปลทะเบียนสมรสแล้วนำไปยืนยันที่โน่นตอนปรับสถานะค่ะ ขอย้ำอีกครั้งให้ทุกท่านไปอ่านลิ้งที่ดิฉันทำไว้นะคะ เพราะคงจะทำให้เข้าใจสถานะของคนไทยที่ได้สัญชาติอเมริกันได้ดีขึ้นค่ะ ในทางปฏิบัติที่คุณยังเข้าใจว่าถือ2สัญชาติได้นั้นเพราะเป็นความผิดพลาดของระบบราชการ และความตรวจสอบไม่ดีพอ แต่ถ่าในอนาคตมีการออนไลน์ถึงกันแล้ว ซึ่งก็คงไม่นานนี้เพราะทางอเมริกาเค้ากลัวเรื่องผู้ก่อการร้ายสากล ก็คงมีการคัดชื่อออกจากทะเบียนราชมากขึ้น จากคุณ : Khun Minnie - [ 20 พ.ย. 47 13:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อือ ขอบคุณ คุณ Khun Minnie ค่ะ ได้เข้าไปอ่านแล้ว ก็ยังสับสนเหมือนกับที่คนในกระทู้นั้นพูดน่ะค่ะ.... ซึ่งก่อนมาตั้งกระทู้นี้ประมาณ 2 อาทิตย์ ตัวดิฉันเองก็ได้ email ไปถามกงศุลในอเมริกา และก็สภาทนายความในเมืองไทยของเรา แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ คิดว่าคงคงรอสักระยะ เพราะเคย mail ไปถามเกี่ยวกับนามสกุลในกรีนการ์ดและพาสปอร์ตไม่ตรงกัน และก็สิทธิ์ของหญิงไทยที่จดทะเบียนสมรสกับต่างชาติว่าต้องเสียสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินในไทยหรือไม่ ก็ได้คำตอบมาแล้ว แต่ก็รอเวลานานหน่อย ทีนี้ก็ได้ไอเดียว่าถ้ามาโพสก์ถามที่เว็บพันธ์ทิพย์ห้องชีวิตในต่างแดน ถามคนที่มีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้ คงได้คำตอบชัวร์ อย่างคุณ khunjamie ก็เล่าจากประสบการณ์จริง ซึ่งแกก็ถือสองสัญชาติมาตั้ง 10 ปีแล้ว ก็ไม่มีปัญหา แต่พอเข้าไปอ่านในเว็บ immigration ของสหรัฐฯ ในเรื่อง Dual Citizen นั้นกลับกล่าวถึงคนที่ได้สัญชาติโดยการเกิด ส่วนในเรื่องการแปลงสัญชาติ ตรงข้อที่กล่าวถึงขั้นตอนการปฏิญาณตน หรือสาบานตนนั้นมีข้อนึงบอกว่า ต้องยกเลิกสัญชาติเดิมของตัวเอง ซึ่งตรงนี้ก็เลยทำให้ดิฉันสับสน เพราะในเมื่อก็มีคนถือสองสัญชาติได้มาตั้งหลายปีแล้ว หรือว่าในเว็บไซต์จะเป็นกฏหมายใหม่ของเค้าหลังจากเหตุการณ์ก่อการร้ายเยอะขึ้น เพราะเท่าที่อ่านเว็บของสำนักกฏหมายบางที่ของอเมริกา เค้าก็พูดถึงว่าปัจจุบันนี้กฏหมายอเมริกาพยายามที่จะทำเรื่องของการ สปอนเซอร์ให้ญาติ หรือขั้นตอนการขอกรีนการ์ดยากขึ้น เพราะหลังจากเหตุการณ์ 9/11 แล้วทำให้เค้าระมัดระวังในการให้วีซ่ามากขึ้น ดูอย่างขนาดงานด้านคอมพิวเตอร์ ตอนนี้เค้าก็ซีเรียสมากในเรื่องว่าถ้าคนที่ทำงานด้านคอมพิวเตอร์ที่ต้อง support หน่วยงานราชการ โดยเฉพาะด้าน database จะต้องมี Security Clearance (เค้าจะเช็คทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณ โดยเฉพาะประวัติด้านคดีอาญา) และคนที่จะมี Security Clearance ได้นั้นจะต้องเป็น US Citizen ซึ่งเคยเจอกับตัวเอง ตอนนั้นสมัครงานด้าน Database Server ซึ่งเป็นหน่วยงานร่วมวิจัยฯ ระหว่างมหาวิทยาลัยแมรี่แลนด์ร่วมกับ Naval ซึ่งเป็นหน่วยงานทหาร พอเค้าโทรสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ แต่พอเจอคำถามว่า คุณสามารถทำหรือมี Security Clearance หรือไม่ พอถึงตรงนี้ก็ยิ่งทำให้เสียดายโอกาส เพราะเราไม่ใช่ US Citizen ก็จะทำหรือมี Security Clearance ได้ อย่างอ่านใน ลิงค์ ที่คุณ ลิงค์ไว้ก็ดีมากค่ะ ก็เหมือนในความเห็นบางความเห็นในลิงค์นั้นบอกว่าเค้าก็สับสน ดูตัวเค้าก็คงไม่อยากเสียสัญชาติไทย คงเหมือนตัวดิฉันด้วย ถ้า apply เป็น US Citizen แล้วต้องเสียสัญชาติไทย ก็คงจะยอมถือกรีนการ์ดไปตลอด และคงยอมเสียโอกาสบางอย่างที่อเมริกาไป จากคุณ : JC2002 - [ 20 พ.ย. 47 22:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอแก้ไขข้อความข้างบน จาก "พอถึงตรงนี้ก็ยิ่งทำให้เสียดายโอกาส เพราะเราไม่ใช่ US Citizen ก็จะทำหรือมี Security Clearance ได้" เป็น "พอถึงตรงนี้ก็ยิ่งทำให้เสียดายโอกาส เพราะเราไม่ใช่ US Citizen ก็จะทำหรือมี Security Clearance ไม่ได้" จากคุณ : JC2002 - [ 20 พ.ย. 47 22:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบจขกท.นะคะ ดิฉันเข้าใจนะคะว่าคุณก็สับสน ตัวดิฉันเองก็งงๆ ตอนที่ตอบคุณไปในคห.ที่5 จึงได้ไปลองถามอาจารย์พันทิพย์ ( อาจารย์สอนเรื่องกฏหมายสัญชาติที่ธรรมศาสตร์นะคะ) ท่านก็เลยให้ลิ้งดิฉันมาอ่านดูกรอบความเข้าใจของดิฉันก็เลยแคบเข้า ถ้าตัวคุณเองคุณอยากจะลองโพสถามหรือแลกเปลี่ยนความเห็นในกระทู้นั้นก็ได้นะคะเพราะเป็นเวบเกี่ยวกับกฏหมายสัญชาติโดยเฉพาะ ตัวดิฉันก็กำลังจะแต่งงานกับชาวอเมริกันเหมือนกัน ก็เลยอยากจะมีความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ถูกต้องค่ะ จากคุณ : Khun Minnie - [ 20 พ.ย. 47 23:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบคุณJC2002 เรื่อง Dual Citizen อ่านที่ US State Department webดีกว่าครับ ดูได้ที่ http://travel.state.gov/travel/dualnationality.html ตอบคุณ Khun Minnie ผมว่าwebของกระทรวงการต่างประเทศและของสถานกงสุลใหญ่นิวยอรค์น่าเชี่อถือกว่าweb archanwell.orgนะครับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอาจานย์แ่ต่ก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวของเขา webที่ผมยกตัวอย่างมาเป็นของหลวงนะครับ ถ้าคุณสนใจพระราชบัญญัติสัญชาติอ่านได้ที่ http://www.mfa.go.th/web/225.php เรื่องถือสัญชาติตามสามีเขียนไว้ชัดเจนในมาตรา13 ว่า "หญิงไทยซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับคนต่างด้าวและอาจถือสัญชาติของสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามีถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้แสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง" จากคุณ : Q - [ 21 พ.ย. 47 06:29:21 A:216.41.122.16 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากค่ะ คุณ Q จากคุณ : JC2002 - [ 21 พ.ย. 47 09:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบคุณ Q มาตรา13 นั้นถูกต้องค่ะ แต่เรื่องการได้สัญชาติและเสียสัญชาติจะต้องดูทั้งกฏหมายของทั้ง2ประเทศนะคะ หญิงไทยสามารถถือสัญชาติตามสามีชาวต่างด้าวโดยการสมรสได้นั้นถูกต้องค่ะ แต่ว่าคุณดูกฏหมายของอเมริกัด้วยนะคะเพราะ การจะได้สัญชาติอเมริกันไม่สามารถทำได้โดยการสมรสค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องไปสอบเอาสัญชาติถึงจะเป็นซิติเซ่นได้ ดังนั้นมาตรา13 จะใช้กับหญิงไทยที่สมรสกับชาวอเมริกันไม่ได้นะคะ ถ้าเป็นหญิงไทยสมรสกับชาวฝรั่งเศษสามารถทำได้ตามมาตรา13ค่ะ เพราะตามกฏหมายฝรั่งเศษสามารถได้สัญชาติโดยการแต่งงาน กฏหมายไทยก็รองรับให้ถือ2สัญชาติได้ตามมาตรา 13 นี้ ฉนั้นการที่หญิงไทยหรือใครก็ตามจะได้สัญชาติอเมริกันไม่ใช่ตามมาตรา 13นะคะ เป็นเรื่องของการแปลงสัญชาติค่ะ มาตรา 13 หญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับคนต่างด้าวและอาจ ถือสัญชาติของสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ถ้าประสงค์จะสละ สัญชาติไทย ให้แสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่ กำหนดในกฎกระทรวง เห็นมั้ยคะ ถือสัญชาติของสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ต้องดูของอเมริกาคู่ไปด้วย มาตรา 22 ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือ สละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทยย่อมเสียสัญชาติไทย การที่คนไทยมากมายเข้าใจว่าตนเองสามรถถือ2สัญชาติ ทั้งไทยและอเมริกันได้ หลังจากที่มีการแปลงสัญชาติได้นั้น การที่ข้อเท็จจริงทำได้ ไม่ได้หมายถึงความไม่มีอยู่ของกฏหมายนะคะ ดิฉันว่าเป็นเรื่องของความผิดพลาดของทางราชการมากกว่านะคะ เรื่องกฏหมายสัญชาติเป็นเรื่องที่เข้าใจยากละเอียดออ่น ขอบคุณคุณ Q อย่างยิ่ง ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับคุณนะคะ จากคุณ : Khun Minnie - [ 21 พ.ย. 47 11:57:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้ของคุณ  ชัยรัฐ  ดิฉันว่าเป็นคนเดียวกับคนที่โพสไปถามกงศุล 2. ประเทศไทยอนุญาติให้คนไทยถือสองสัญชาติได้หรือไม่ และในกรณีใดบ้าง หากในกรณีที่ได้perminent resident ของประเทศออสเตรเลีย และกำลังจะยืนขอ citizenship ของประเทศออสเตรเลีย ก่อนตัดสินใจอยากจะทราบว่าทางประเทศไทยอนุญาติให้ถือสองสัญชาติได้หรือไม่ และกรณีที่ประเทศไทยไม่อนุญาติให้ถือสองสัญชาติถ้าดิฉันมีสัญชาติออสเตรเลียและในอนาคตอยากกลับไปอยู่ประเทศไทยจะซื้อที่ดินและบ้านในเมืองไทยภายใต้ชื่อตนเองได้หรือไม่ และจะขอคืนกลับมาเป็นสัญชาติไทยได้หรือไม่ พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขโดย พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่2 และฉบับที่3) พ.ศ. 2535 มิได้มีบทบัญญัติกำหนดเกี่ยวกับผู้มีสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นในขณะเดียวกันไว้โดยตรง และไม่ได้มีบทบัญญัติกำหนดว่าให้ผู้ที่มีสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นในขณะเดียวกันต้องเสียสัญชาติไทยเพราะข้อเท็จจริงที่บุคคลนั้นมีสัญชาติอื่นอยู่ด้วย ดังนั้น หากบุคคลผู้ถือสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นในขณะเดียวกันมิได้แสดงเจตนาสละสัญชาติไทย หรือกระทำการใดที่อาจเป็นเหตุให้องค์กรของรัฐถอนสัญชาติ และไม่มีสถานการณ์ที่บุคคลอาจเสียสัญชาติ หรือกระทำการใดที่เป็นการยอมรับว่าตนเป็นคนต่างด้าว บุคคลนั้นจึงสามารถถือสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นได้ในขณะเดียวกัน ส่วนบุคคลนั้นจะเสียอีกสัญชาติหนึ่งหรือไม่ประการใดก็ย่อมเป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของประเทศนั้น ทั้งนี้ คุณดวงใจฯ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมและข้อมูลในทางปฎิบัติได้จากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้รักษาการพ.ร.บ.สัญชาติฯ http://www.mfa.go.th/web/1071.php ----------------------------------------------------------------------- * ได้ยินมาว่า คนไทยเมื่อมาอยู่อเมริกานานเป็นสิบๆปีได้สัญชาติอเมริกันแล้ว ไม่ถือว่าเป็นคนไทยอีกต่อไป ความจริง * คุณยังถือว่าเป็นคนไทยอยู่ ตราบใดที่ยังไม่ได้ ขอสละสัญชาติ การขอสละสัญชาติมีขั้นตอนคือต้องมายื่นคำร้องขอสละสัญชาติที่สถานทูตหรือสถานกงสุล ซึ่งคำร้องนี้จะส่งไปยังกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้พิจารณา หลังจากกระทรวงมหาดไทยอนุมัติแล้วยังต้องมีการประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเสียก่อนอีกด้วย http://www.thaiconsulnewyork.com/mythfact.html ----------------------------------------------------------------------- ***คำถาม**** 1. ถ้าความเห็นดังกล่าวข้างต้นถูกต้องก็ขัดกับคุณ archanwell คนไปทำงานแล้วได้สัญชาติยังไม่เสียสัญชาติจนกว่ายื่นคำร้องขอสละสัญชาติ ถ้าไม่ยื่นแล้วใครจะบังคับให้ยื่นได้จริงหรือปล่าวครับ????? ผมเคยเขียน email ไปถาม สถานทูต และ สถามกงศุล ไทย ว่าถ้าผมไปทำงานแล้ว ได้สัญชาติอื่น เขาตอบกับมาว่าผมไม่เสียสัญชาติจนกว่าจะยื่นคำร้องขอเสียสัญชาติเอง บางคนก็ตอบกับมาว่า กฏหมายเมืองไทยไม่ได้ห้ามไม่ให้ถือสองสัญชาติ เพราะฉะนั้น คุณก็ถือได้สองสัญชาติ ไม่มีปัญหาอะไร (((((คุณ archanwell ลองเขียน email ไปถามเองก็ได้น่ะครับ )))))) ที่ผมบอกกล่าวข้างต้น เพราะว่าขนาดหน่วยงานราชการ ยังเข้าใจผิดเลย แล้วประชาชนธรรมดาจะเข้าใจได้ยังไง เพื่อนผมที่เอมริกาเข้าใจว่าไม่เสียสัญชาติ เพราะหน่วยงานราชการเป็นคนตอบเอง ย้ำน่ะครับผมเขียน email ไปถามว่าแปลงสัญชาติโดยการไปทำงานแล้วได้สัญชาติอื่น ทางสถานกงศุลไทย ตอบกลับมาว่าไม่เสียสัญชาติ จนกว่ายอมสละสัญชาติเอง ***คำถาม**** 2. ถ้าเสียสัญชาติอย่าง archanwell ที่คุณว่า หน่วยงานราชการยังเข้าใจผิด และประชาชนจะเข้าได้ยังไงครับ???? สำหรับคำตอบที่ ๒ แล้วรัฐบาลจะรู้ได้อย่างไรว่า แปลงสัญชาติมาจากอะไร (เช่นแต่งงาน , sponsor, ทำงานแล้วได้ )เพราะ ใบได้สัญชาติเหมือนกันหมด ยกเว้น ประเทศฝรั่งเศษ ???? ตอบว่า ก็ในเมื่อ มันไม่เหมือนกันหมดนี่คะ ใบคำร้องก็ไม่เหมือนกัน ดูท้ายพระราชบัญญัติสัญชาตินะคะ ตามกฎหมายไทย การได้สัญชาติภายหลังการเกิดในกรณีทั่วไปมีได้แค่ ๒ กรณี กล่าวคือ (๑) สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ (มาตรา ๑๒) และ (๒) สัญชาติไทยโดยการสมรส (มาตรา ๙) ***คำถามต่อ ยังไม่เคลียร์**** 3. ผมหมายถึงถ้ามีมีคนร้องว่าผมมีสองสัญชาติ แล้วทางรัฐบาลจะรู้ได้ยังไงว่าผมได้มาจากไหน(ทำงาน, ญาติสปอนร์เซอร์ หรือ แต่งงานแล้วได้มา) เพราะประกาศนียบัตรแปลงสัญชาติที่เมืองนอกเหมือนกันหมด ????? อย่างไรก็ตามถ้าเสียสัญชาติจริงผมขอแนะนำให้ ทุกหน่วยงานตอบตรงกัน ไม่งั้นประชาชนสับสน และการเสียสัญชาติเป็นเรื่องใหญ่ ------------------------------------------------------------------------------------ อันนี้เป็นบางส่วนที่ตัดแป๊ะมาจากกระทู้ในเวบโน้นนะคะ   คืออยากจะชักชวนให้ได้ไปอ่านจะดีกว่าค่ะ  เพราะถ้ามาตัดแปะหมดอาจจะงงๆได้ค่ะ ดิฉันเข้าใจคุณนะคะว่าคุณเชื่อเวบไซ้ของกงศุล     ถ้าผู้ที่ตอบคำถามได้มีความเข้าใจในเรื่องสัญชาติอย่างแท้จริงก็ดีไป   ดิฉันขอดูไปตามตัวบทดีกว่าค่ะ    ขอบคุณอีกครั้งที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันนะคะ   แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 47 12:20:49 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 47 12:15:58 จากคุณ : Khun Minnie - [ 21 พ.ย. 47 12:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณKhun Minnie พระราชบัญญัติสัญชาติมาตรา ๕ "การได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๙ หรือ มาตรา 12 การเสียสัญชาติไทยตามหมวด ๒ หรือการกลับคืนสัญชาติไทยตามหมวด ๓ ให้มีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้มีผลเฉพาะตัว" มาตรา๒๒อยู่ในหมวด๒ครับ ดังนั้นจะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงจะเสียสัญชาติครับ หากคุณไม่ขอสละสัญชาติเอง และคุณเป็นคนไทยตามมาตรา๗ไม่มีใครมีอำนาจถอนสัญชาติคุณโดยเอาชื่อคุณไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา(มาตรา๑๖-๒๑) ครับ ฃึ่งตรงกับบทความในwebของกระทรวงการต่างประเทศและของสถานกงสุลใหญ่นิวยอรค์ที่ผมยกตัวอย่างไว้ webของกระทรวงการต่างประเทศบอกว่า"พ.ร.บ. สัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขโดย พ.ร.บ. สัญชาติ (ฉบับที่2 และฉบับที่3) พ.ศ. 2535 มิได้มีบทบัญญัติกำหนดเกี่ยวกับผู้มีสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นในขณะเดียวกันไว้" ฃึ่งก็เป็นตามนั้น ยกตัวอย่าง คนอเมริกันไปขอแปลงสัญชาติเป็นไทยกฎหมายไม่ได้บังคับให้เขาต้องเสียสัญชาติอเมริกัน และกฎหมายอเมริกาก็ให้ถือสองสัญชาติได้ แต่ถ้าคนอินเดียแปลงสัญชาติเป็ไทยขาจะเสียสัญชาติอินเดียตามกฎหมายอินเดีย ฃึ่งไม่ให้ถือสองสัญชาติ คนไทยแปลงสัญชาติเป็นอินเดียจะเสียสัญชาติตามมาตรา๒๒ คนอินเดีนหลังจากได้สัญชาติอเมริกันแล้วทางINSจะแจ้งให้รัฐบาลเขารู้และจะมีจดหมาย(ผมไม่ทราบว่าจากINSหรือสถานฑูตอินเดีย)มาบอกcancel passportและให้ส่งpassportกลับไป หลายคนเข้าใจว่าคนไทยไป"แอบ"ทำcitizen ทางINSแขาไม่ได้แอบทำให้นะครับ จากคุณ : Q - [ 21 พ.ย. 47 21:31:32 A:216.41.121.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณ คุณ Q และคุณKhun Minnie ค่ะ เพราะที่คุณนำข้อมูลมานี้ ถือว่าเป็นการดีมากค่ะ เพราะทำให้เริ่มเคลียร์ขึ้นบ้าง และก็กลับไปอ่านเรื่อง Dual Citizen ที่คุณ Q ทิ้งลิงค์ไว้อีกรอบ และก็ไปอ่านตรงเรื่องการปฏิญาณตน หรือสาบานตนในขั้นตอนการแปลงสัญชาติเป็น US Citizen ก็เริ่มเคลียร์ขึ้น http://www.bcis.com/naturalization.shtml --------------------------------- Oath of Allegiance To become a citizen, one must take the oath of allegiance. By doing so, an applicant swears to: a) support the Constitution and obey the laws of the U.S.; b) renounce any foreign allegiance and/or foreign title; and c) bear arms for the Armed Forces of the U.S. or perform services for the government of the U.S. when required. In certain instances, where the applicant establishes that he or she is opposed to any type of service in armed forces based on religious teaching or belief, BCIS will permit these applicants to take a modified oath. ตอนแรกเข้าใจผิดตรงข้อ b คิดว่าเราต้องสละสัญชาติเดิม แต่จริงไม่ใช่ จากคุณ : JC2002 - [ 21 พ.ย. 47 22:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมไปอ่านหระดานข่าวที่คุณKhun Minnieทำlinkมา โดยแฉพาะ http://www.archanwell.org/webboard/show.php?Category=board_1&No=321 ฃึ่งต่อจาก320 ยกความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกามาแต่คุณarchanwellก็ยังไม่เห็นด้วย ขอพูดแบบตรงๆนะครับ ผมรู้สึกว่าท่านไม่ทำใจเป็นกลางและพยายามอ่านกฎหมายให้เป็นไปตามความคิดของท่าน จากคุณ : Q - [ 21 พ.ย. 47 22:39:51 A:216.41.121.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบคุณJC2002 ผมเคยไปงานสาบานตัวมา ท่านผู้พิภากษาฃึ่งเป็นคนทำพิธีบอกว่าคำพูดในคำสาบานนั้นทางสภาเป็นคนเขียนแต่ไม่มีผลบังคับเพราะว่าไม่มีกฎหมายรองรับ ผมไปงานนั้นมาจริงๆนะครับ สาบานได้ 555 จากคุณ : Q - [ 21 พ.ย. 47 22:48:50 A:216.41.121.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ดิฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรอกค่ะ ว่าตามระบบกฎหมายน่ะค่ะ ไม่มีส่วนได้เสียค่ะ จากคุณ : archanwell (archanwell) - [ 21 พ.ย. 47 23:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบคุณ Q คือตอนนี้รู้สึกว่ามันมีหลายประเด็น ดิฉันไม่ทราบว่าคุณเข้าใจทั้งหมดว่ายังไงนะคะ แต่ขออนุญาติอนุมานตามที่คุณตอบไว้นะคะ คุณ Q ตอบไว้ มาตรา๒๒อยู่ในหมวด๒ครับ ดังนั้นจะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงจะเสียสัญชาติครับ หากคุณไม่ขอสละสัญชาติเอง ความเห็นดิฉัน การเสียสัญชาติเนี่ยตามมาตรา 22 บอกว่า "มาตรา 22 ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือ สละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทยย่อมเสียสัญชาติไทย" จะเห็นได้ว่า มาตรานี้ได้แยกออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1.บุคคลสัญชาติไทยที่แปลงสัญชาติ 2.บุคคลสัญชาติไทยที่สละสัญชาติ 3.บุคคลสัญชาติไทยที่ถูกถอนสัญชาติ ข้อเท็จจริงที่ หญิงไทยสมรสกับชาวอเมริกัน หรือคนไทยที่ไปอยู่อเมริกา มีความประสงค์จะได้สัญชาติอเมริกันเค้าก็ต้องแปลงสัญชาติ ดังนั้นบุคคลกลุ่มนี้ก็จะเข้ามาตรา 22 ในกลุ่มของบุคคลสัญชาติไทยที่แปลงสัญชาติ ไม่เป็นเรื่องที่จะต้องแสดงเจตนาสละก่อนถึงจะเสียสัญชาตินะคะ เมื่อได้สัญชาติใหม่ก็จะเสียสัญชาติไทยไปโดยผลของกฏหมาย ไม่ใช่เรื่องของเอกชนที่จะต้องมาแสดงเจตนาสละอีกต่อไปนะคะ ในมาตรา 22 นี้ ต้องแยกว่าคนที่เสียสัญชาติไทยโดยเจตนาสละสัญชาติ นั้นต่างจากเสียสัญชาติโดยการแปลงนะคะ เพราะมันต่างกันที่เป็นเรื่องของเอกชน กับเรื่องของรัฐค่ะ "สละซึ่งเป็นการเสียสัญชาติโดยเจตนาของเอกชน" และ "ถอนซึ่งเป็นการเสียสัญชาติโดยเจตนาของรัฐ" นะคะ การประกาศในราชกิจานุเบกษาตามมาตรา 5 ที่คุณ Q เข้าใจนั้นถูกต้องแล้วนะคะ แต่ว่าการประกาศในราชกิจานุเบกษานั้นหมายถึงผลระหว่างบุคลที่เสียสัญชาติต่อบุคคลภายนอกนะคะ คือการเสียสัญชาติจะมีผลต่อบุคคลภายนอกก็ต่อเมื่อประกาศในราชกิจานุเบกษาแต่ผลระหว่างบุคคลกับรัฐนั้นเกิดขึ้นทันทีค่ะ ไม่จำต้องประกาศ ตอบคุณ JC2002 ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับคุณและคุณ Q ในนี้นะคะ อ้อมีอาจารย์แหววด้วย :) ขอบคุณค่ะ ถ้าดิฉันไม่ได้มาตอบต่อไม่ได้หายไปไหนนะคะ แต่ว่าจะไปเที่ยวค่ะ ถ้ากลับมาแล้วจะมาตามหากระทู้ต่อค่ะ เอ๊ะคุณ JC คุณเรียน JC มารึเปล่า ฮิๆ จากคุณ : Khun Minnie - [ 22 พ.ย. 47 01:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีครับคุณarchanwell ผมดีใจมากที่คุณสละเวลามาช่วยตอบในห้องนี้ ถ้าผมเขียนแรงไปหน่อยในความคิดเห็นที่ 22ก็ขอโทษด้วยนะครับ คำถามเรื่องถือสองสัญชาติได้ไหมนี้มีขื้นมาบ่อยในห้องนี้และคำตอบส่วนใหญ่ก็เป็นแบบ"ได้ยินมา"หรือไม่ก็เป็นความเห็นส่วนตัว ผมถึงพยายาม ชี้ไปตามข้อมูลของรัฐ ผมเองยังติดใจอยู่ว่าถ้าคนอเมริกันแปลงสัญชาติเป็นสัญชาติไทยไม่มีกฎมายระบุว่าเขาจะต้องสละสัญชาติอเมริกัน ดังนั้นเขาจะถือสองสัญชาติใช่ไหมครับ และการที่คนไทยไปสอบcitizenจะถือว่าเขาไม่ได้"แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว"ตามมาตรา๒๒ได้ไหมในเมื่อไม่มีกฎหมายบอกว่าเขาถือได้สัญชาติเดียว และทางอเมริกันให้ถือสองสัญชาติได้ดังนั้นเขาไม่ได้แปลงสัญชาติไปเป็นอเมริกันแต่เขาได้สัญชาติิอเมริกันเพิ่มขึ้นมาจะฟังขึ้นไหม ผมไม่ได้เป็นนักกฎหมายเป็นเพียงคนที่ไม่ค่อยเชื่อใครง่ายๆ ตามความเข้าใจของผมการ"แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว"ตามมาตรา๒๒หมายถึงเขาไปขอเปลี่ยนจากสัญชาติไทยไปเป็นสัญชาติอื่นโดยไม่ประสงค์จะมีสัญชาติไทย เช่นคนไทยไปขอสัญชาติอินเดียทางอินเดียจะบอกว่าเขาจะเสียสัญชาติไทยและจะทำเรื่องแจ้งให้ไทยรู้ว่าคนคนนี้ได้แปลงเป็นคนอินเดียแล้วและจะมีผลเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 01:28:44 A:216.41.121.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตอบคุณKhun Minnie "การประกาศในราชกิจานุเบกษานั้นหมายถึงผลระหว่างบุคลที่เสียสัญชาติต่อบุคคลภายนอกนะคะ คือการเสียสัญชาติจะมีผลต่อบุคคลภายนอกก็ต่อเมื่อประกาศในราชกิจานุเบกษาแต่ผลระหว่างบุคคล กับรัฐนั้นเกิดขึ้นทันทีค่ะ ไม่จำต้องประกาศ" ข้อความนี้มีหลักฐานอ้างอิงไหมครับ เอาเป็นข้อกฎหมายนะครับจะได้เชื่อถือได้ จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 01:37:20 A:216.41.121.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมอ้างมาตรา๕ฃึ่งเขียนว้ว่า "มาตรา ๕ การได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๙ หรือ มาตรา 12 การเสียสัญชาติไทยตามหมวด ๒ หรือการกลับคืนสัญชาติไทยตามหมวด ๓ ให้มีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้มีผลเฉพาะตัว" ตรงไหนที่เขาแยกระหว่างบุคลที่เสียสัญชาติต่อบุคคลภายนอกและระหว่างบุคคลกับรัฐครับ จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 02:08:19 A:216.41.121.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กรณีหญิงไทยแต่งงานกับชาวอเมริกันแล้วขอสัญชาติตามสามีโดยใช้สิทธิสอบcitizenหลังจากถือใบเขียวครบ๓ปี จะไปเข้าข่ายมาตรา๒๒ได้อย่างไรในเมื่อเป็นการใช้สิทธิฃึงได้จากการแต่งงาน คุณKhun Minnieเอาอะไร ไปตีความว่าเป็นการขอแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวตามมาตรา๒๒ในเมื่อเขาขอถือสัญชาติตามสามีฃึ่งเขียนไว้ในมาตรา๑๓ ่อย่างชัดเจนว่า"อาจถือสัญชาติของสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี" การที่จะต้องสมัครและถูกinterviewเป็นเพียงพิธีการจุดหลักอยู่ที่เขาขอสัญชาติของสามีตามมาตรา๑๓ ครับ จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 02:50:04 A:216.41.121.68 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตอบคุณ Q (นอนไม่หลับกลับมาดูพอดีเลย) ในคห.29 ก่อนนะคะ ดิฉันเอาอะไรไปตีความ คืออยากจะให้คุณ Q เข้าใจนะคะว่ามาตรา 13 นี้ ไม่ใช่ว่าจะใช้กับหญิงไทยที่ไปแต่งกับชาวต่างชาติ ชาติไหนมาตรา 13 ก็ไปรองรับครอบคลุมหมดนะคะ คือมันต้องเอากฏหมายของชาติของฝ่ายสามีมาดูด้วยว่ากฏหมายสัญชาติของฝ่ายสามีเค้ายอมรับให้หญิงที่แต่งงานนั้นได้สัญชาติของเค้าโดยการสมรสหรือไม่ ถ้ากฏหมายสัญชาติของฝ่ายสามียอมให้ได้มาตรา 13 ของเราก็ครอบคลุมให้หญิงนั้นถือ2สัญชาติไปตามสัญชาติของสามีด้วยได้ อย่างในกระทู้นี่เราพูดถึงหญิงไทยที่แต่งงานกับคนสัญชาติอเมริกัน เราก็ต้องเอากฏหมายสัญชาติของทั้งสองชาติออกมาดูกัน กฏหมายไทยยอมให้หญิงไทยถือสัญชาติตามสามีได้ตามาตรา 13 แต่กฏหมายของอเมริกันว่าไว้ (ดิฉันก็ตามลิ้งที่คุณ Q ให้ไว้ไปนะคะ) If you are not a U.S. citizen by birth or did not acquire U.S. citizenship automatically after birth, you may still be eligible to become a citizen through the normal naturalization process. the normal naturalization process. นี่แปลว่า ต้องทำการแปลงสัญชาติใช่มั้ยคะ (คือภาษษของดิฉันก็ไม่แข็งแรงนะคะ) ในเมื่อกฏหมายของอเมริกันเค้าไม่ยอมให้สัญชาติเค้าด้วยการสมรสแล้ว เราจะเอามาตรา 13 ไปใช้ได้อย่างไรคะ คือเท่าที่ดูตามลิ้ง How do I Become a Naturalized Citizen? ไม่มีตรงไหนบอกว่าให้ได้สัญชาติโดยผลของการสมรสเลยนี่คะ ถ้ามีตรงไหนรบกวนคุณ Q ด้วยนะคะ คือเท่าที่ดิฉันอ่านดูตอนนี้คือของอเมริกันเค้าไม่ยอมรับให้ได้สัญชาติโดยผลของการสมรส แล้วทีนี้หญิงที่สมรสกับชาวอเมริกันก็ต้องแปลงสัญชาติคือทำตามกระบวนการต่างๆ ที่เค้ากำหนดไว้ ถึงจะได้สัญชาติ ดังนั้นดิฉันจึงเห็นว่ามันไม่สามารถนำมาตรา 13 มาใช้ได้ และเมื่อการได้สัญชาตินั้นได้มาด้วยการแปลงแล้วมันก็เลยมาเข้ามาตรา 22 ด้วยประการฉะนี้ค่ะ จากคุณ : Khun Minnie - [ 22 พ.ย. 47 04:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ Q คะ  ดิฉันไม่ได้ตอบแทนอาจารย์แหววนะคะ  เผื่อว่าบางที่ท่านผ่านมาอีก  ท่านอาจจะมาตอบคุณเอง   แต่ดิฉันเอาบางอันที่อาจารย์แหววเคยตอบไว้ในกระทู้เก่าๆตามลิ้งที่ดิฉันทำไว้มาตัดแปะนะคะ   คือว่าเข้าใจนะคะที่คุณบอกว่าไม่ใช่นักกฏหมายเลยไม่เชื่ออะไรง่ายๆ  ถึงแม้นักกฏหมายเองก็ตามนะคะจะเชื่ออะไรโดยง่ายๆก็ไม่ใช่นักกฏหมายที่ดี  (ถ้าตื่นมาก่อนเดินทางมีเวลาจะเข้ามาตอบที่เหลือนะคะ) http://www.archanwell.org/webboard/show.php?Category=board_1&No=319 สัญชาติโดยการแปลงสัญชาติ ปรากฏในทุกประเทศมังคะ เป็นทางปฏิบัติทางกฎหมายที่รัฐหนึ่งยอมรับให้สัญชาติแก่คนต่างด้าวภายหลังการเกิด ฝรั่งเรียกว่า naturalisation ถ้าจะดูรากศัพท์ ก็จะเข้าใจว่า เป็นการดัดแปลงจากธรรมชาติ อาทิ กรณีของคนๆ หนึ่ง ซึ่งเกิดในไทยจากบิดามารดาไทย ธรรมชาติของเขาก็คือ บุคคลที่มีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐไทย จึงเป็นธรรมชาติที่เขาจะมีสัญชาติไทย เป็นกฎหมายธรรมชาติ แต่เมื่อรัฐอธิปไตยยอมรับให้เขาเปลี่ยนแปลงสถานะทางสัญชาติ ก็จะต้องใช้อำนาจอธิปไตยในการแปลงสภาพของเขาจากธรรมชาติ สาเหตุที่รัฐมักยอมรับให้แปลงสัญชาติ ก็คือ ความที่คนต่างด้าวนั้นมีความกลมกลืนแล้วกับสังคมของรัฐตน หรือมีศักยภาพที่จะกลมกลืนกับรัฐของตน ซึ่งความกลมกลืนที่เกิดขึ้นแล้วหรือกำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนนั้น แสดงถึง "ความจงรักภักดี" ที่บุคคลมีต่อรัฐ โปรดดูมาตรา ๑๐ และ ๑๒ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ แล้วจะเห็นข้อเท็จจริงที่รัฐไทยยอมรับให้เป็นสาเหตุแห่งสิทธิที่จะร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทยค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 47 05:02:25 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 47 04:53:35 จากคุณ : Khun Minnie - [ 22 พ.ย. 47 04:46:30 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบคุณKhun Minnie ความคิดเห็นที่ 30 ผมเอามาจาก "A Guide to Naturalization" section 4 หน้า 18 ฃึงระบุว่ามีสิทธิ์ขอสัญชาติอเมริกันแมื่อแต่งงานและอยู่ด้วยกัน3ปี Loadมาอ่านได้จาก http://uscis.gov/graphics/services/natz/guide.htm ยาวเกือบ2Megเสียเวลาloadหน่อยนะครับ จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 05:41:11 A:216.41.121.68 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตอบคุณKhun Minnieความคิดเห็นที่ 31 วันนี้ที่นี่ฝนตกและหนาวด้วยเลยไม่อยากออกไปไหน ผมเห็นว่ากระทู้นี้น่าสนใจและมีประโยชน์เลยมาตามอ่านตามตอบ คือว่าสมัยก่อนผมเข้าใจว่าการที่คนไทยไปทำUS Citizenเป็นการแอบทำและให้หลบๆฃ่อนๆอย่าบอกใคร ต่อมามีคนมาอ้างlinkที่ผมยกตัวอย่างไว้ว่าเป็นการกระทำที่ถูกกฎหมายฃึ่งผมตามไปอ่านดูแล้วเห็นด้วยตามที่เขาเขียนไว้ วันนี้โชคดีมีนักกฎหมายมาร่วมกระทู้ก็เลยถีอโอกาศถามข้อข้องใจ หวังว่าที่นอนไม่หลับนี่ไม่ได้เกิดจากกระทู้นะครับ จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 06:19:54 A:216.41.121.68 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ในความเข้าใจของผม มาตรา๔เขียนว่า "คนต่างด้าว" หมายความว่า ผู้ซึ่งมิได้มีสัญชาติไทย มาตรา๒๒เขียนว่า " ผู้มีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว" หมายความว่า "แปลงสัญชาติเป็นผู้ซึ่งมิได้มีสัญชาติไทย" คนไทยแปลงสัญชาติเป็นคนอินเดียได้เพราะว่า่จะเปลี่ยนจากไทยไปเป็นอินเดีย แต่คนไทยแปลงสัญชาติเป็นอเมริกันไม่ได้แต่ขอสละสัญชาติไทยได้ ผมสรุปตามหลักlogicนะครับจะถูกกฎหมายไหมนี่ไม่รู้ จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 06:47:10 A:216.41.121.68 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตอบคุณ Q  คห.32 คือตามที่คุณ Q ให้มาhttp://uscis.gov/graphics/services/natz/guide.htm  จะบอกว่าดิฉันไม่มี adobe reader ต้องไปดาวโหลดมา พยายามตามไปมากๆ :p  เท่าที่ดิฉันดูจากหัวข้อ  คุณ Q คะเข้าใจนะคะว่ามันอาจจะดูสับสนแต่ถ้าคุณ Q ค่อยๆทำความเข้าใจไปที่ละ step ก่อนนะคะ  ดิฉันเรียนมาบอกตามตรงว่าตอนแรกไม่ได้สนใจเลยเรียนให้ผ่านๆไป  แต่ตอนนี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงเลยมาปัดฝุ่นอีกครั้ง  ในเรื่องสัญชาตินี้แบ่งเป็นหลายเรื่องแต่ตอนนี้เราเอาแค่มาตรา 13  กับ มาตรา 22  ก่อนนะคะ  และอย่าเพิ่งไปเทียบกับอินเดียค่ะ  เพราะงั้นต้องไปหากฏหมายอินเดียมาดูอีก   กลับมาคห.30 โหลดไม่สำเร็จค่ะ   แต่ดูจากหัวข้อ "A Guide to Naturalization"  คือคุณ Q คะ คำว่า naturalization นี่นะคะถ้าแปลแล้วมันแปลว่าแปลงชาติ นะคะ   ขอยกตัวอย่างบางประเทศในยุโรปเช่นฝรั่งเศสนะคะ คือถ้าเค้ายินยอมให้ได้สัญชาติโดยการสมรสได้  คือเมื่อหญิงไทยไปสมรสกับคนฝรั่งเศษปุ๊บ  หญิงไทยก็สามารถได้สัญชาติฝรั่งเศษจากผลการสมรสนั้นได้เลย   ไม่ต้องมาสัมภาษณ์  สอบ  อีกนะคะ กฏหมายไทยมาตรา13  ก็รองรับให้หญิงเหล่านี้ถือ2สัญชาติได้   แล้วทีนี้กลับมาดูของอเมริกัน "A Guide to Naturalization"  ก็แสดงว่าไม่ให้ได้สัญชาติโดยผลของการสมรสนะคะ  เพราะถ้าให้ได้หญิงไทยก็ไม่ต้องมาสัมภาษณ์  มาสอบอีกนะคะ  คือหลังจากสมรสแล้วก็ได้เลย  เมื่อไม่ได้ปุ๊บ  กลับมาใช้มาตรา 13 ก็ไม่ได้เพราะกฏหมายสัญชาติของฝ่ายสามีไม่ยอมให้ได้ตามผลของการสมรส     ทีนี้มันก็เลยมาเข้าเรื่องแปลงสัญชาติ  ซึ่งกรณีอเมริกานี้ดูง่ายมากๆเลยนะคะเพราะไม่ว่าเป็นใครก็ต้อง naturalized กันทั่วหน้า  ยกเว้นพวกที่ได้มาตั้งแต่การเกิด(ถ้าคุณงง ก็จะอธิบายภายหลังในเรื่องการได้สัญชาติตามหลักการเกิดและหลักดินแดนเป็นอีกเรื่องนะคะ)   เมื่อเข้าเรื่องแปลงแล้วก็กลับมาดูกฏหมายไทย  ซึ่งกฏหมายไทยดันไม่ยินยอมให้พวกที่แปลงสัญชาติคงสัญชาติไทยไว้ด้วย ตามมาตรา 22  "ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือ สละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทยย่อมเสียสัญชาติไทย"           ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว  กฏหมายแยกต่างหากเป็นคนละพวกกับคนที่สละสัญชาติไทยนะคะ   ดูได้จากการใช้คำว่า  หรือ  ไม่ได้ใช้คำว่า และ  ซึ่งพวกสละนี่เป็นพวกที่ไม่อยากได้แล้ว  มีอันใหม่ก็ขอสละอันเก่า   อันนี้เป็นเรื่องของเจตนาของเอกชน(เอกชนที่ไม่ใช่รัฐ ก็คือบุคคลแบบคุณและดิฉันนี่นะคะ)  แบบที่ดิฉันได้พูดถึงไว้ใน คห.25 นะคะ           แต่พวกแปลงนี่เป็นเรื่องของเอกชนกับรัฐ นะคะ    หลักการเบื้องหลังซึ่งกฏหมายไม่ได้เขียนไว้ มันเป็นเรื่องallegiance นะคะ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 47 11:41:24 จากคุณ : Khun Minnie - [ 22 พ.ย. 47 11:39:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบคุณ Q คห.33 ฝนตกและอากาศหนาว คุณ Q อยู่เมกาฝั่งตะวันตกบนๆรึเปล่าคะ ไม่ใช่เพราะกระทู้หรอกค่ะ มานอนบ้านญาติมันแปลกที่เลยนอนไม่หลับมากกว่า การทีคนเราจะแปลงสัญชาติ ( ไม่เจอในประมวลกฏหมายนะคะที่ใช้คำว่าเปลี่ยน) เป็นสิทธิที่เราสามารถทำได้ค่ะ การที่เราจะแปลงสัญชาติเป็นเมกันนี่ก็มีกฏหมายรองรับนะคะหรือจะแปลง แต่ดิฉันว่าเหตุใดคนมากมายที่ได้สัญชาติเมกันแล้ว แต่ยัง ถือพาสปอร์ตไทยด้วย มีบัตรประชาชน มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษอยู่ ดิฉันว่าตรงนี้เป็นความผิดพลาดของระบบมากกว่านะคะ ข้อเท็จจริงถึงแม้ว่าจะสามารถทำได้อยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่ากฏหมายมันไม่มีอยู่นะคะ ความมีอยู่ของกฏหมายเป็นเรื่องที่เราปฏิเสธไม่ได้นะคะ คือทุกวันนี้อย่างตัวอย่างคุณ khunjamie ที่สามารถมาทำบัตรประชาชนได้อยู่ คุณมีความคิดเหมือนดิชั้นมั้ยคะว่าเจ้าหน้าที่ที่อำเภอหรือสำนักงานเขต จะมีความเข้าใจในเรื่องของสัญชาติเพี่ยงไหน ลิ้งของกงสุลดิฉันว่ามันเป็นการถามตอบแบบฉาบฉวยนะคะ คืออย่างที่กล่าวไป มันต้องจับกันเป็นคู่ๆไป ไทยกับอเมริกัน ไทยกับฝรั่งเศษ ไทยกับออสเตรเลีย จะได้จะเสียสัญชาติมันต้องเอากฏหมายของสัญชาติมาดูกันเป็นคู่ๆไป อย่าไปเข้าใจว่าเค้าตอบข้อเท็จจริงหนึ่งว่าถือ2ได้ จะหมายรวมถึง ข้อเท็จจริงทุกอันนะคะ อันนี้ดิฉันเกรงว่าคนที่ไม่เข้าใจไปอ่านอาจจะเข้าใจว่าสามารถใช้รวมได้กับทุกข้อเท็จจริง อันนี้ก็เป็นคห. ของดิฉันนะคะ ซึ่งดิฉันก็ตีความตามตัวบทและหลักการเบื้องหลังเท่าที่ดิฉันเข้าใจนะคะ เผื่อว่าจะไม่ได้กลับมาตอบอีกหลายวันถ้าคุณ Q อยากทำความเข้าใจจริงๆ ดิฉันว่าเวบอาจารย์แหววในหน้าแรก ไม่ใช่ส่วนของเวบบอร์ดนะคะ ในส่วนที่เป็นห้องเรียนออนไลน์มีเรื่องเกี่ยวกับสัญชาติซึ่งอาจารย์ทำไว้เป็นโปรแกรมพาวเว่อพ้อยเอาไว้ ถ้าคุณอ่านและทำเข้าใจไปทีละขั้นพร้อมทั้งดูพรบ.ไปด้วยดิฉันว่าน่าจะทำให้เข้าใจเป็นระบบมากกว่าอ่านจากถามตอบและดูจากพรบ.อย่างเดียวนะคะ จากคุณ : Khun Minnie - [ 22 พ.ย. 47 16:01:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตอบคุณKhun Minnie ความคิดเห็นที่ 32 กรณีหญิงไทยแต่งงานกับชาวอเมริกันแล้วไปสอบcitizenโดยใช้คุณสมบัติว่าอยู่ด้วยกันครบ๓ปี ผมมั่นใจว่าเขาข่ายมาตรา๑๓ ถึงแม้ว่าเขาจะต้องไปยื่นform N400,จ่ายค่าทำเนียม,พิมพ้นิ้วมือ,interview etc. แต่ทั้งหมดนั้นเกิดจากการใช้สิทธิในการถือสัญชาติตามสามี กรณีคนไทยไปสอบcitizenหลังจากถือgreen cardครบ๕ปี ผมมั่นใจว่าเข้าข่ายมาตรา๑๕คือมีสิทธิขอสละสัญชาติ ผมไม่แน่ใจว่าจะเขาข่ายมาตรา๒๒หรือไม่ ถ้าเข้าข่ายมาตรา๒๒ เขาก็ยังไม่เสียสัญชาติไทยแพราะว่ามาตรา๕เขียนว่าให้มีผลต่อเมื่อได้ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กรณ๊ที่คุณarchanwell มาแยกว่าจะมีผลต่อบุคคลภายนอกก็ต่อเมื่อ ประกาศในราชกิจานุเบกษาแต่ผลระหว่างบุคคกับรัฐนั้นเกิดขึ้นทันที อันนี้ผมไม่ทราบแต่ผมไม่เห็นด้วย เพราะว่ามาตรา๕กำหนดผลของมาตราต่างๆไว้ก่อนที่จะบัญญัติมาตราเหล่านั้น ดังนั้นผลทั้งสองได้ถูกกำหนดไปแล้ว จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 21:15:05 A:216.41.122.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตอบคุณKhun Minnie ความคิดเห็นที่ 32 ผมไปloadโปรแกรมพาวเว่อพ้อยมาดูแล้วครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากมาย ขอบคุณมากที่แนะนำ ผมอยู่แถบNew Englandครับ หิมะตกครั้งแรกของปีเมื่ออาทิตย์ที่แล้วอาทิตย์นี้เมฆมากและฝนตก ข้อมูลใหม่ที่ผมได้จากกระทู้นี้คือ 1.ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา จาก http://www.archanwell.org/webboard/show.php?Category=board_1&No=321 ตรงกับข้อมูลบwebของกระทรวงการต่งประเทศและกงสุลต่างๆ 2.เรื่องผลต่อบุคคลภายนอกและ่ผลระหว่างบุคคกับรัฐ ผมสรุปว่า worst case คืออาดจะเสียผลระหว่างบุคลกับรัฐ อยากให้คุณarchanwellช่วยอธิบายว่ามันคืออะไร มีผลต่อการดำเนินชิวิดประจำวันอย่างไร ขอบคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 21:56:07 A:216.41.122.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเอามาจาก http://www.krisdika.go.th ---------------------------------------------------- เลขเสร็จ 61/2526 เรื่อง บันทึก เรื่อง หารือข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 (การเสีย สัญชาติไทยของผู้ซึ่งแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว จะมีผลเมื่อใด) -------- เนื้อหา กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือ ที่ มท.0206/18492 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2525 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ความว่า กระทรวงมหาดไทย ได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ได้ยื่นคำร้อง ต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อขอเพิ่มชื่อ บุตรคือ เด็กชายมาร์ค ลงในหนังสือเดินทางไทยของนางกลอยใจซึ่งเป็นภริยาโดย ชอบด้วยกฎหมายของตน สถานเอกอัครราชทูต ฯ ได้ตรวจสอบหลักฐานแล้วปรากฏว่า นายเสถียรฯ มีสัญชาติอเมริกัน และนางกลอยใจฯ มีสัญชาติไทยสถานเอกอัครราชทูตฯ จึงปฏิเสธคำร้องดังกล่าวเพราะเด็กชายมาร์คมีบิดาเป็นคนสัญชาติอเมริกัน ซึ่งนายเสถียร ฯ ได้สัญชาติอเมริกันโดยได้รับอนุมัติจากทางการสหรัฐอเมริกาเมื่อ 22 มิถุนายน 2522 แต่ยังไม่ได้สละสัญชาติไทย นายเสถียร ฯ ได้เคยยื่นคำร้องขอเพิ่ม ชื่อบุตรของตนลงในหนังสือเดินทางอเมริกันของตนแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธเพราะ นางกลอยใจ ฯ ไม่ได้สัญชาติอเมริกันและเด็กชายมาร์ค ฯ เกิดนอกประเทศสหรัฐ อเมริกาโดยเกิดที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ต่อมานายเสถียร ฯ ได้ยื่นคำร้องขอหนังสือ เดินทางให้แก่เด็กชายมาร์ค ฯ ต่อทางการของประเทศซาอุดิอาระเบีย แต่ได้รับการ ปฏิเสธเช่นกัน นายเสถียร ฯ จึงได้ขอให้สถานเอกอัครราชทูต ฯ พิจารณาเพิ่มชื่อ เด็กชายมาร์ค ฯ ลงในหนังสือเดินทางไทยของนางกลอยใจ ฯ หรือออกหนังสือเดินทาง ให้แก่เด็กชายมาร์ค ฯ ด้วย กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาโดย กระทรวงการต่างประเทศมีความเห็นว่า การที่นายเสถียร ฯ ได้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน นั้น ย่อมเป็นเหตุให้เสียสัญชาติไทยตามาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 แต่เนื่องจากมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้การเสียสัญชาติไทยมีผลต่อเมื่อ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เสีย สัญชาติไทย นายเสถียร ฯ จึงยังมีสัญชาติไทย และนายเสถียร ฯ ยังมิได้สละสัญชาติไทย ตามมาตรา 15 ดังนั้นเด็กชายมาร์ค ฯ ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 กระทรวงมหาดไทยได้ส่งเรื่องให้ที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงมหาดไทย กรมอัยการและกรมตำรวจพิจารณา ที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงมหาดไทยกับกรมอัยการ เห็นพ้องด้วยกับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ แต่กรมตำรวจเห็นว่า เมื่อ นายเสถียรฯ ได้สัญชาติอเมริกันโดยการแปลงสัญชาติจึงต้องเสียสัญชาติไทยตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 โดยไม่จำต้องแสดงเจตนาสละสัญชาติไทยตาม มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน ทั้งนี้ ได้มีแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1507/2522 วินิจฉัยไว้แล้ว ส่วนการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีผู้รักษาการตาม กฎหมายจะต้องดำเนินการต่อไป มิใช่ว่าหากยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จะยังไม่เสียสัญชาติไทย เมื่อนายเสถียร ฯ ได้เสียสัญชาติโดยผลของการได้รับอนุญาต ให้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกันเด็กชายมาร์ค ฯ จึงมิใช่เป็นผู้เกิดโดยบิดามีสัญชาติไทยหรือ ผู้เกิดนอกราชอาณาจักรไทย โดยมารดามีสัญชาติไทยแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือบิดาไม่มีสัญชาติอันจะได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามนัยมาตรา 7 (1) หรือ (2) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 เนื่องจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็น แตกต่างกันดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาให้ความเห็นเพื่อให้ได้ข้อยุติที่แน่นอนและถือเป็นทางปฏิบัติต่อไปว่า 1. เมื่อนายเสถียร ฯ ได้รับอนุมัติจากทางการของสหรัฐอเมริกาให้ได้ สัญชาติอเมริกันโดยการแปลงสัญชาติแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้เสียสัญชาติไทยตามนัยมาตรา 5 และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 จะถือว่า นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยตั้งแต่เมื่อใด 2. เด็กชายมาร์ค ฯ ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามนัยมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 หรือไม่ คณะกรรมการกฤษฎีกา(กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 5)ได้พิจารณา ปัญหาดังกล่าว และได้ฟังคำชี้แจงจากผู้แทนกระทรวงมหาดไทย(สำนักงานปลัดกระทรวง กรมตำรวจ และกรมอัยการแล้ว มีความเห็นดังนี้ 1. สำหรับปัญหาข้อแรกนั้น ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้ว่า "ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวหรือ สละสัญชาติไทยหรือถูกถอนสัญชาติไทย ย่อมเสียสัญชาติไทย" ซึ่งหมายความว่า ผู้มี สัญชาติไทยเมื่อได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวแล้ว ย่อมเสียสัญชาติไทย แต่การเสีย สัญชาติไทยนั้นจะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามที่กำหนด ไว้ในมาตรา 5*(1) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และการเสียสัญชาติไทยตาม มาตรา 22 นั้น ก็อยู่ในหมวด 2 ภายใต้บังคับตามมาตรา 5 เช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลดังกล่าวเสียสัญชาติไทย การเสียสัญชาตินั้นก็ยังไม่มีผลตามกฎหมาย จึงต้องถือว่าบุคคลนั้นยังมีสัญชาติไทยอยู่ ทั้งนี้ เพราะการได้สัญชาติไทยหรือการเสียสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 นั้น กฎหมายได้กำหนดขั้นตอนของแต่ละกรณีไว้ เช่นการได้สัญชาติไทย ตามสามีของหญิงต่างด้าวจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรีที่จะอนุญาตหรือไม่ ตามมาตรา 9*(2) หรือกรณี การแปลงสัญชาติตามมาตรา 12*(3) และการสละสัญชาติตามมาตรา 15*(4) ซึ่งกำหนดให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรีที่จะอนุญาตหรือไม่เช่นเดียวกัน แสดงให้เห็น เจตนารมณ์ของกฎหมายว่าไม่ประสงค์จะให้การได้สัญชาติไทยเป็นไปโดยอัตโนมัติ ในกรณี ตามที่หารือนี้จึงต้องถือว่า นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ยังคงมีสัญชาติไทย 2. สำหรับปัญหาที่สอง เนื่องจากได้วินิจฉัยแล้วว่า ระหว่างที่ยังไม่มี การประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทย นายเสถียร ฯ จึงยังคงมีสัญชาติไทย และตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า เด็กชายมาร์ค ฯ เกิดนอก ราชอาณาจักรในขณะที่บิดา คือนายเสถียร ฯ ยังคงมีสัญชาติไทย เด็กชายมาร์ค ฯ จึงย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 (1)*(5) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ -------------------------------------------------------------- *(1) โปรดดูเชิงอรรถ (1) หน้า 4 *(2) โปรดดูเชิงอรรถ (2) หน้า 4 *(3) โปรดดูเชิงอรรถ (3) หน้า 4-5 *(4) โปรดดูเชิงอรรถ (4) หน้า 5 *(5) โปรดดูเชิงอรรถ (5) หน้า 5 พ.ศ.2508 นอกจากนี้แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้มี ประกาศลงวันที่ 20 สิงหาคม 2524 ให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2525 ก็ตาม ประกาศดังกล่าวก็ย่อมมีผล บังคับในวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ 14 กันยายน 2525 และมีผล เฉพาะตัวของนายเสถียร ฯ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 เด็กชายมาร์ค ฯ จึงยังคงมีสัญชาติไทยเช่นเดิม (ลงชื่อ) _วัฒนา รัตนวิจิตร_ (นายวัฒนา รัตนวิจิตร) รองเลขาธิการ ฯ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กุมภาพันธ์ 2526 - จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 22:19:44 A:216.41.122.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอย้ำว่าข้างบนนั้นเป็น"ความเห็นทางกฎหมาย"นะครับ จากคุณ : Q - [ 22 พ.ย. 47 22:45:25 A:216.41.122.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอถามคุณKhun Minnie หรือคุณarchanwell จากความเห็นทางกฎหมายในความคิดเห็นที่39 ฃึ่งถือเป็นทางปฏิบัติในขณะนี้ ในตอนท้ายอ้างอิงถึงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า "กระทรวงมหาดไทยได้มี ประกาศลงวันที่ 20 สิงหาคม 2524 ให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2525" แต่ไม่ได้บอกถึงสาเหตุ ผมขอถามว่าหากนายเสถียรไม่ได้ขอสละสัญชาติและเป็นคนไทย โดยการเกิดตามมาตรา๗ใครเป็นผู้มีอำนาจในการเอานายเสถียร ฯไปประกาศให้เสียสัญชาติครับ จากคุณ : Q - [ 23 พ.ย. 47 01:12:38 A:216.41.122.164 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ต่อจากความคิดเห็นที่ 37เรื่องขอสัญชาติตามสามี มาตรา๑๓เขียนไว้ว่า "หญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับคนต่างด้าวและอาจถือสัญชาติของสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้แสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง" เห็นได้ชัดว่าให้สิหธิที่จะสละสัญชติไทยเท่านั้น ฃึ่งไม่ได้หมายความว่าจะไม่เข้าข่ายมาตรา๒๒ จากคุณ : Q - [ 23 พ.ย. 47 06:16:20 A:216.41.122.17 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณ คุณ Q อีกครั้งค่ะ รู้สึกว่าจะเจอคุณ Q ในกระทู้นึง ที่ห้องแม่บ้านต่างแดนด้วย เรื่องปลูกผักสวนครัวอะไรประมาณนี้น่ะ....แฮ่ะ แฮ่ะ...พอดีก็เพิ่งไปแจมมาด้วยค่ะ ขอเข้าเรื่องนะคะ พอดีเพิ่งได้รับ email มากจาก สถานกงศุล ดี.ซี. แล้วค่ะว่า สามารถถือสองสัญชาติได้ และจะไม่เสียสัญชาติไทย ตราบใดที่เรายังไม่ไปประกาศสละสัญชาติไทยที่กระทรวงมหาดไทยค่ะ....ตอนนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะแล้วค่ะ และคิดว่าต่อไปถือ green card ครบ 3 ปีแล้วก็กะว่าจะไป apply US Citizen เพราะด้วยเหตุผลเรื่องงานหลาย ๆ อย่างที่นี่ โดยเฉพาะงานด้านคอมพิวเตอร์ หรือ engineer แถว ๆ DC, MD และ VA เนี่ยเค้าต้องการคนที่มี Security Clearance เพราะส่วนมากบริษัทคอมพิวเตอร์แถวนี้เค้า support หน่วยงานราชการเยอะ ยังไงขอขอบคุณ คุณ Q และคุณKhun Minnie มาก ๆ ค่ะ ที่ช่วยหาข้อมูลมาอ้างอิงกัน ทำให้ได้แง่คิดเยอะแยะค่ะ... จากคุณ : JC2002 - [ 23 พ.ย. 47 08:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคุณJC2002 คุณไปได้เมล็ดผักชีจากที่ไหนครับ ขอเข้าเรื่องนะครับ ทางสถานกงสุลตอบมาเป็นตามแบบทางปฏิบัติครับ ถ้าจะให้แน่นอนเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต้องดูตามตัวบทกฎหมายตามที่คุณKhun Minnieบอกไว้ ถ้าคุณถามกงสุลว่าทำไมถืงไม่เสียสัญชาติ เขา คงจะให้เหตุผลตามความเห็นทางกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่61/2526ที่ผมแปะไว้ใน ความคิดเห็นที่ 39 แต่ถ้ามีเรื่องถึงศาลฎีกาผมมั่นจว่าศาลจะเห็นด้วยและเรื่องก็จะสิ้นสุด แต่ถ้าศาลฎีกา ไม่เห็นด้วยจะยุ่งกันใหญ่ครับ จากคุณ : Q - [ 23 พ.ย. 47 11:42:28 A:216.41.122.168 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตอบคุณ Q ค่ะ อ้อเมล็ดผักชี พอดีไปซื้อที่ วอลมาร์ท มาค่ะ.... จากคุณ : JC2002 - [ 23 พ.ย. 47 22:55:22 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่ทราบว่าคุณJC2002ยังวกมาอ่านหรือเปล่า ผมไปค้นเจอความเห็นทางกฏหมายเสร็จที่ 113/2540 เรื่อง : การเสียสัญชาติไทยของผู้ซึ่งได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว ฃึ่งยังคงเห็นด้วยกับความเห็นทางกฏหมายเสร็จที่ 61/2526 เกี่ยวกับมาตรา๕ และยังพูดถึงการได้รับสัญชาติโดยการ ยื่นคำขอหลังการสมรสกับสามี นั่น เป็นกรณีของหญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับคนต่างด้าวและได้ถือสัญชาติของสามี ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ซึ่งมาตรา 13*(3) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ (ไม่เข้าข่ายการแปลงสัญชาติครับ) จากคุณ : Q - [ วันลอยกระทง 08:53:34 A:216.41.122.212 X: TicketID:009272 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณอีกครั้งค่ะ คุณ Q จากคุณ : JC2002 - [ 27 พ.ย. 47 00:17:26 ]