ความคิดเห็นที่ 1 ลองเข้าเวปนี้ดูสิครับ เผื่อให้คำตอบได้ www.thaiontario.com จากคุณ : Krittakorn - [ 19 พ.ย. 47 19:44:20 A:203.150.233.178 X: TicketID:079154 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เค้ายังมีให้สมัครพีอาร์อยู่ไหมหนอ น่าจะลองดูนะ นานหน่อย แต่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าอยากไปจริง ๆ ถามลูกรึยังล่ะ ว่าเขาอยากเติบโตที่ไหน จากคุณ : trifle - [ 19 พ.ย. 47 22:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองเข้าไปศึกษาที่เวบนี้ก่อนมั้ยค่ะ http://www.cic.gc.ca./english/ มาทั้งครอบครัวก็คงต้องคิดหนัก ลูกพร้อมและอยากมาหรือเปล่าคะ ทุกอย่างเท่ากับว่าต้องเริ่มใหม่หมด ถ้าพร้อมที่จะรับก็ดีค่ะ แคนาดาเป็นประเทศที่น่าอยู่ ผู้คนใจดี แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อาชีพหมอที่นี่ทำรายได้ดีมาก แต่ทั้งนี้ก็ต้องมาเทียบดีกรีกับที่นี่ มีสามีเพื่อนคนหนึ่ง (เกาหลี) จบหมอมา ตอนนี้ก็ยังเป็นหมอที่นี่ไม่ได้ เพราะวุฒิไม่เหมือนกัน ก็ต้องเรียนเพิ่ม ถ้าใชวิตในเมืองไทยไม่ลำบากอะไร ก็ใจเย็น ๆ หาข้อมูลหาข้อมูลก่อนสิค่ะ แล้วค่อยตัดสินใจ คิดว่าวิธีหาประสบการณ์ชีวิตให้ลูกมันมีต้องหลายวิธี เหมือนฝรั่งเค้าเลี้ยงลูก เค้าก็ปล่อยให้ลูกไปเที่ยว หาสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ก่อนเข้าวิทยาลัย ชีวิตเมืองนอกก็ไม่ได้สุขสบายไปซะทุกอย่าง แต่ถ้าเราพร้อมที่จะยอมรับมันก็ดีค่ะ จากคุณ : ลิปสติค - [ 20 พ.ย. 47 07:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลูกก็สนใจค่ะ ช่วงปิดเทอมก็ให้ลูกไปนิวซีแลนด์ ไม่งั้นถ้าอยู่บ้านไม่มีกิจกรรมให้ทำเลย เล่นเกมส์ทั้งวันทั้งคืนให้ไปสมัครkfc หน้าปากซอย เค้าก็ไม่รับอายุไม่ถึง18 สมัยที่ตัวเองเรียนจุฬา ก็รู้สึกว่าตอนเรียนจบมาก็ไม่ค่อยได้อะไรออกมาเท่าไหร่ แต่ดีว่าทำกิจกรรมก็ได้เพื่อนและการทำงานกลุ่มมาบ้าง เด็กที่ไทยทุกวันนี้เรียนลูกเดียว ออกจากรร.ก็ไปเรียนพิเศษต่อถึง2ทุ่ม วันหยุดก็ตั้งแต่8โมงเช้าไปถึง4 โมงเเย็น จากคุณ : มอญซ่อนผ้า - [ 20 พ.ย. 47 08:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ที่บ้านมีแม่บ้านลูกก็ทำอะไรไม่เป็นเลย เวลาแม่บ้านไม่อยู่แม่ทำเค้าก็ช่วย ก็พยายามให้ลูกหัดทำอาหารง่าย ๆ เองก็ทำซักพักเพราะสนุก เราไม่มีเวลามาจ้ำจี้จำไชลูก แต่เรื่องการใช้จ่ายก็ไม่ฟุ่มเฟือย เดิมคิดว่าหลังรู้ว่าได้เรียนที่ไหนแล้วอยากให้ลูกดรอปไว้เเล้วไปเรียนหรือเที่ยวก็ได้ที่ไม่ใช่เมืองไทย (เพราะคงเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับสังคมไทย เเค่ให้ลูกไปทำkfc ก็คงประหลาดที่เพื่อน ๆไม่ทำกันหรอก จากคุณ : มอญซ่อนผ้า - [ 20 พ.ย. 47 09:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เลยคิดว่าน่าจะเป็นแคนาดาเพราะเค้ายังไม่เคยไป คงเริ่มเฉพาะลูกก่อน คนเล็กยังอยู่ที่สาธิตมศว ปทุมวัน ม4 ถ้าคนโตไปแล้วดี ก็ถึงมาหาทางไปกันหมด ตัวเองและสามีก็ไม่ยึดติดอะไรธุรกิจทางนี้ก็ผ่องถ่ายให้เพื่อน น้อง ๆทำกันหรือไปแล้วมีปัญหาก็ค่อยกลับมา แต่ถ้าไปก็คงต้องหาอะไรทำเพราะไม่ชอบอยู่เฉย ๆ ขอบพระคุณทุกท่าที่ช่วยแนะนำ หากมีสิ่งใดให้ช่วยทำที่เมืองไทยยินดีรับใช้เป็นอย่างยิ่งนะคะไม่ต้องเกรงใจ ให้เมล์ไว้นะคะ noi210@yahoo.net จากคุณ : มอญซ่อนผ้า - [ 20 พ.ย. 47 09:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อ... ทีแรกก็เข้าใจว่า จะย้ายไปทีเดียวหมดเลย ก็เกรงว่าทุก ๆ คนไปเริ่มใหม่หมดพร้อม ๆ กันมันจะลำบากมาก ยิ่งถ้าไม่มีใครพึ่งพิงได้ที่นั่น คงเหนื่อยหนักกว่าเก่า แต่ถ้าค่อย ๆ ไปเรียนรู้ ค่อย ๆ ทยอยไป น่าจะสนุกดีนะ ..ถ้าชอบ ขอให้มีความสุขจ้ะ จากคุณ : trifle - [ 20 พ.ย. 47 18:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แชร์ในฐานะแม่ลูกสองที่เกิดและโตในต่างแดน เขามีเลือดแม่ที่เปJนคนไทย แต่การอบรมสังสอน... แต่ไม่ได้สอนให้ลูกมีนิสัยฝรั่งจ๋าค่ะ สอนให้เป็นคนเคารพตัวเองและกับคนรอบข้างที่ดีกับเรา ไม่ง่ายดายเลยนะคะที่จะควบคุมดูแลเด็กเข้าวัยรุ่น...ถึงแม้ว่าเด็กมีพ่อและแม่คอยดูแล สั่งสอนชี้แนะทาง ให้ความอบอุ่นอยู่ด้วยก็ตาม... วัยแรกรุ่นถึงวัยรุ่น คือวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่พ่อแม่ทุกคนต้องประสบ และมีความหนักใจไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งจนได้ คนรู้จักคนไทยสามี/ภรรยา มีลูกชายเกิดในอเมริกา... ฐานะของคู่นี้ดีมาก อยู่สบายแต่เขาเลือกที่จะส่งลูกชายเขาไปอยู่กับปู่กับย่าในไทยตั้งแต่สามขวบ...เพราะว่าเขาไม่ต้องการที่จะให้ลูกเขารับอิทธิพลคุมยาก เมื่อลูกชายโตเป็นหนุ่มในอเมริกา... ถ้าออกหัวคือเชื่อฟัง รู้จักตัวเองก็โชคดีไป... แต่ถ้าออกก้อย คือคุมไม่อยู่ก็มีสิทธิ์เตลิดไปเลยก็ได้... คือต้องใช้ความหนักแน่นและต่อเนื่อง.... ปัจจุบันลูกชายเขาอายุ 16 ยังอยู่ในไทย เขายังไม่รับกลับมา แต่เขาไปเยี่ยมทุกปีและคุยทางโทรศัพท์ทุกวัน... ลูกชายเขาได้รับความอบอุ่นคนละอย่างกับเด็กเกิดในต่างแดน... เขารอให้ลูกเข้าวัย 20'sต้นก่อน แล้วถึงจะรับกลับมาอเมริกา... ด้วยสามี/ภรรยาเขาใช้ชีวิตในอเมริกามากว่าสามสิบปี เขาพอรู้ดีถึงเรื่อง culture shock ของหัวเลี้ยวหัวต่อวัยรุ่น ถ้าคิดจะส่งเด็กมาในต่างแดน... ควรจะมีผู้ปกครองที่เด็กเคารพ เชื่อฟังติดตามด้วย... อย่าปล่อยให้มาคนเดียวอยู่ใต้ความดูแลของคนที่เป็นเพียงแค่ญาติ... คนที่เด็กไม่คุ้นเคย... เพราะว่า ในช่วงวัยรุ่นี้... ถ้าเด็กไม่ได้รับความเข้าใจ หรือมีที่ปรึกษาพอจะไว้ใจได้... เขาจะหันไปพึ่งเพื่อน ซึ่งคุณจะไม่รู้เลยว่าเพื่อนเขานั้นจะช่วยกันพาลงเหว หรือดึงขึ้นให้ออกจากปัญหา... มันเหมือนดาบสองคมกับการเลือกคบเพื่อน เห็นตัวอย่างเด็กไทยวัยรุ่นที่เกิดและโตในไทย และทั้งที่เกิดในอเมริกา... กับพ่อและแม่ที่ทำงานมากกว่ามีเวลาอยู่บ้านกับลูกๆ... จะมีปัญหาเรื่องเด็กๆไม่เชื่อฟัง ชอบออกไปสมาคมกับเพื่อน... คงอยู่ในขั้นของหลงตัวเอง ไม่รู้จักตัวเองไปชั่วขณะ แต่ผลจะออกมาได้ หรือ เสีย นั้นต้องดูกันไปอีกหลายปี ขนาดดิฉันเลี้ยงและให้ความอบอุ่น ใกล้ชิดกับลูกๆมาตลอดตั้งแต่เกิด... พอลูกเข้าวัยแรกรุ่น... ก็ค่อยๆเริ่มมีปัญหาที่แตกต่างไปจากตอนเป็นวัยเด็กๆ ที่ไม่มีอะไรนอกจากความน่ารัก และพึ่งเราให้ดูแลเขา... พอโตขึ้นมานี่ เขาจะเริ่มไม่ฟังเราเท่าไรแล้วค่ะ... เราจะเลี้ยงเขาได้แต่ตัว พอเขาคิดว่าโตและมีความคิดเห็นของตัวเอง... จะต้อง Dealกับลุกๆในรูปแบบที่จะทำให้คุณกังวล ด้วยเขามีความอดทนน้อยกับคนที่เรียกว่าพ่อและแม่ แต่กับเพื่อนเขาจะปฏิบัติไปอีกอย่าง... เพียงแค่ความไม่เข้าใจกันนิดหน่อยก็อาจก่อให้เกิดความหมางใจชั่วคราวได้ การปกครองลูกสาวให้รักตัวเอง และรู้คุณค่าของความเป็นสตรี และให้ตั้งใจเรียนรอดผ่านจนจบมหาลัยได้ แค่นี้ก็จะโล่งอก... แต่ต้องขึ้นอยู่กับการปลูกฝังคุณค่ารักตัวเองเป็นหลักค่ะ... อย่าพูดชมกรอกหูลูกตนเองว่าดีเด่นกว่า สวยกว่า เริ่ดกว่า... อย่าก่ออีโก้ผิดๆให้กับลูกตัวเองดีที่สุด ดิฉันไม่ทำแบบนั้นกับลุกเพียงเพื่อเสริมอีโก้ให้กับตัวเอง ไม่คิดว่าความสวยงามมันจะกินได้ ถ้าไม่มีการศึกษา และงานที่มันคง... เช่นเดียวกับลูกชายต้องป้อนคุณค่าให้เขาเคารพผู้หญิงและเป็นสุภาพบุรุษ และคอยเป็นเพื่อนที่ปรึกษาให้กับเขาได้เสมอ ความหนักแน่นและทำตัวให้น่าเคารพเชื่อถือ ของพ่อแม่ และให้ความอบอุ่น... สำคัญนะคะ... อย่าให้เพียงแค่เงินและความสุขสบาย.... โชคดี กลับบ้านแล้ว... ได้ทบทวนอ่าน และแก้ไขที่รีบๆพิมพ์เมื่อเช้านี้ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 47 10:17:41 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 47 10:14:01 จากคุณ : JidNince - [ 20 พ.ย. 47 21:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านข้อความของคุณ JidNince แล้วขนลุกเลยค่ะ จะบันทึกไว้อ่านซ้ำค่ะ หลังจากเรียนจบก็แต่งงานเลยชีวิตหลังแต่งงานก็เพื่อครอบครัวเลยค่ะ ทิ้งเพื่อนทิ้งงานหมดให้เวลากับครอบครัวหมดเพราะช่วงแรกสามีจะงานหนักมากเวลาที่สามีพอมีเวลาก็ต้องเอาลูกไปส่งเพื่อจะได้มีเวลาใกล้ชิดลูก ไม่นานก็ลงตัวก็มีเวลาเที่ยวกันทั้งครอบครัวพาลูกออกเที่ยวต่างจังกหวัด ป่า เขา ทะเล จนตายใจว่าเราคงทำหน้าที่สมบูรณ์ดี ช่วงวัยรู่น12-13ก็มีปํญหาเรื่องกริยาท่าทีของลูก ซึ่งเดิมก็อ่อนน้อม เชื่อฟัง กลับกลายเป็นสั่งอย่างจะทำอีกอย่าง ดื้อเงียบ รับไม่ได้ร้องไห้เลยค่ะ ผีสิงลูกหรือไง สามีก็บอกให้ถอยออกมาหน่อย เข้าไปวุ่นวายเหมือนเดิมมากไม่ได้ ก็ปรับที่เรานะคะ ไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิม เวลาเค้านัดเพื่อนที่รร.ไปเที่ยวต่างจังหวัดถ้าไม่มีพ่อแม่เพื่อนไปก็จะมาบอกให้แม่ไปด้วยหน่อย ผู้ปกครองคนอื่น ๆ จะได้สบายใจว่ามีผู้ใหญ่ดูแลบ้าง ไปกันที ก็20กว่าคน ช่วงนี้เค้าสอบเข้ามหาวิทยาลัยเริ่มมีการเถียงแม่ มีความคิดเห็นส่วนตัวที่เราเห็นว่าไม่น่าจะดีอย่างนี้ดีกว่ามั้ย ไม่ได้โกรธที่เค้าไม่เชื่อ แต่โกรธที่ท่าทีเค้า เหมือนที่คุณบอกเลยค่ะความน่ารักของลูกไปไหน เวลาที่เราทิ้งไปมานั่งดูแลนี่มันเสียเปล่าไปเลยหรือ เข้าใจและซาบซี้งทุก ๆคำพูดของคุณJidNince มาก ๆๆๆ เลยค่ะเค้าโตแล้ว(จริงหรือ) เค้าไม่ฟังเราแล้ว แต่เดิมเวลาสอนลูกก็จะพยายามยกตัวอย่างจริงจากชีวิตคนที่เรารู้จักเล่าให้เค้าฟัง แล้ววันนี้ความคิดเค้าเรามองว่าไม่ค่อยถูกนักเราแนะไปเค้าจะเริ่มเถียง บางอารมณ์ก็อยากปล่อยไปซะเลยช่างเค้า แต่สามีบอกว่าเป็นช่วงเค้าสับสนอยู่ให้ใจเย็น ๆ อย่างการเลือกสายอาชีพที่เรียน เค้าเป็นเด็กที่คล้ายพ่อ เรียนดี มีโลกของตัวเอง ไม่มีเพื่อนสนิท อยู่คนเดียวก็ได้ แต่ถ้ามีเพื่อนที่ไม่ดีเข้ามาในชีวิตก็พร้อมจะทำตามอย่างเค้าได้ ซึ่งอันนี้คิดว่าน่าอันตรายมาก ก็ไม่รู้ว่าจะให้ลูกไปจากอกครั้งนี้คิดถูกหรือผิด แต่คิดว่า4ปีในมหาวิทยาลัยที่ไทย เรื่องวิชาการถ้าเค้าไม่เรียนแพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ ก็คงจะเจอเพื่อนอีกแบบ เวลาว่างก็มาก ตอนนี้สังคมไทยก็เปลี่ยนนักศึกษาอยู่กันเป็นคู่ ๆเป็นเรื่องปกติซึ่งตอนนั้นแม่ก็คงเค้าไปก้าวก่ายเค้าไม่ได้ ตอนนี้ตัวเองก็สับสนไม่น้อยว่าวิธีไหนดี สำรับลูกคนนี้ ถึงคิดจะไปกันทั้งครอบครัว แต่ก็อยากจะดูเค้าห่าง ๆ ให้เคาเริ่มดูแลตัวเองมีอะไรไม่ชอบมาพากเราก็จะได้เห็นแต่แรก ตอนนี้ชีวิตที่เมืองไทยก็แฮปปี้มาก ทุกตัวอักษรที่คุณJidNince ชี้แนะจะบันทึกไว้คิดว่าคงต้องได้นำออกมาใช้เป็นระยะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ จากคุณ : มอญซ่อนผ้า - [ 21 พ.ย. 47 12:45:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 As a Thai student who has been in Canada quite long... i strongly support the comment #8... Living outside the country without parents isn't a good idea for a teenager... Why don't you send your eldest son to study in the program of study 2 years in Thailand and 2 years in oversea.. For continue study in Canada so far i know 2 universities.. Asian University, they have good contact with UBC in Canada ...as you know UBC is one of the best universities across Canada.. about BA Thammasat University, has a good contact with University of Nottingham (U.K) and University of Regina (Canada).. about Engineering.. There are more university but i don't know.. you better do research... So far, if you plan to do the business in Canada.. i support your son to study for BA in Asain University and continue in UBC.. UBC has very good business connetions among Asain countries especially, HK, Japan, and Korea since Vacouver is connected to the Pacific Ocean.. the area where people do the International Business here... After your son can find connections over there... you can immigrate with the investment.. last time i checked, it used about $6 millions baht for immigration for the investment..... This kind of plan is the plan that many Chinese people do.. Chinese people send their children to come to Canada to study at the same time they are looking for the connection for investment. Then, they invest and immigrate at the end... Believe me from my experience comes to study abroad with a group of friends is much better than come to study abroad alone.. P.S. please forgive me if there are some English grammar mistakes; i'm kind of sleepy now... จากคุณ : Cocochan - [ 21 พ.ย. 47 16:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณคุณCocochan มาก ค่ะ ที่คณะแพทย์มหาวิทยาลัยศรีนครินท์ก็มีค่ะ เรียนที่นอตติ้งแฮม 3ปี แล้วกลับมาเรียนที่ไทยอีก 3 ปี เดิมก็สนใจอันนี้มากค่ะ แต่เค้าเอาผลไอเอล 7 ค่ะ ตอนนี้ลูกกำลังเตรียมสอบอยู่ค่ะ แต่ตัวลูกเค้าก็ยังไม่อยากตัดสินใจว่าค้าจะเลือกเรียนอะไรดี ก็สอบตามที่พ่อแม่ให้ทำ ใจเลยอยากให้ลูกลองหาประสบการณ์ดู เป็นความหนักใจอย่างใหญ่หลวงไม่รู้สิ่งที่เราชี้แนะเค้าเป็นสิ่งทีดีที่ถูกต้องที่สุดหรือยัง จึงได้เข้ามาขอคำชี้แนะในนี้ค่ะ ขอบพระคุณนะคะ จากคุณ : มอญซ่อนผ้า - [ 21 พ.ย. 47 16:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อยากมีประสพการณ์ที่แตกต่างออกไปก็สามารถขอพีอาร์ไปได้ครับ หากลูกๆคุณยังมีอายุไม่เกิน 18 ปี ณ.วันที่รับใบสมัคร ก็สามารถทำเรื่องย้ายไปทั้งครอบครัวได้นะครับ ก็จะใช้เวลานานพอสมควรประมาณ 2 ปี แต่เห็นว่าเดี๋ยวนี้เขาทำเร็วขึ้นแล้วล่ะครับ เพราะเขาต้องทำตามกำหนดที่ทางรัฐบาลให้เอาไว้ว่าปีละ 220,000 คนเป็นอย่างน้อยนะครับ หากว่าคุณมีคุณสมบัติที่พร้อม และฐานะการเงินที่ดีนะครับ ก็สามารถทำได้ครับ และการย้ายไปทั้งครอบครัวจะทำให้เขาพิจารณาได้ดีขึ้นครับ คือมีความตั้งใจที่จะย้ายไปอยู่อย่างถาวรนะครับ เรื่องประโยชน์ที่จะได้รับก็คงทราบบ้างแล้วนะครับ ส่วนใหญ่จะได้กับลูกๆคุณเองครับ ทั้งเรื่องการศึกษาและอื่นๆ สำหรับการทำงานของคุณเอง อาจจะไม่ได้ตามอาชีพที่ทำอยู่ในขณะนี้เท่าใดนัก หากใช้ชีวิตอยู่สักพัก แล้วทำธุรกิจไปได้ ก็คงจะเหมาะสมกับคุณมากกว่ากระมังครับ คุณสามารถอยู่ที่โน่นได้ ไปๆกลับๆได้นะครับ จนกว่าจะครบกำหนดการต่อพีอาร์ใหม่ หากคุณไม่ชอบที่จะอยู่ที่โน่นเมื่อเวลาผ่านไป จะละทิ้งก็ทำได้น่ะครับ แล้วก็กลับมาทำธุรกิจที่เมืองไทยได้เหมือนเดิมครับ จากคุณ : mingest - [ 21 พ.ย. 47 20:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบพระคุณคุณmingest มากค่ะ ตอนนี้ลูกคนโต 18 ปีกับเกือบเดือนแล้วค่ะ ไม่เป็นไรค่ะส่วนไหนที่ควรจะต้องเสียก็ยินดีค่ะ เรายังไม่ได้ให้อะไรแก่บ้านเมืองเขาเลย จู่ ๆ ไปเอาฝ่ายเดียวก็ละอายแกใจค่ะ แต่ที่อยากไปกันหมดเพราะลูกถูกเลี้ยงมาในสังคมไทย ๆโตแต่ตัว แต่ความคิดก็ยังเป็นเด็ก ก็ไม่ถึงกะจะตามไปดูติด ๆ เช่นเดิมนะคะ แต่อยากจะเฝ้าดูห่าง ๆ เผื่อมีอะไรที่จะไม่ดีเราจะได้เห็นปัญหาแต่เนิน ๆ ขอบพระคุณอย่างสูงในคำแนะนำค่ะ จากคุณ : มอญซ่อนผ้า - [ 21 พ.ย. 47 22:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แค่อยากจะบอกว่าคุณพี่jidniceเป็นคุณแม่ยอดเยี่ยมครับ จากคุณ : kk (องครักษ์พิทักษ์อุลตร้า) - [ 22 พ.ย. 47 09:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อยากออกความคิดเห็นบ้าง อีกมุมหนึ่ง ของคนที่ถูกพ่อแม่ ส่งมาเรียนที่ กทม ผมก็เป็นคนนึงที่ อาจจะอยุ่ในสถานการเดียวกับ เจ้าของกระทู้กำลังจะทำกับลูกชายตัวเอง แต่มันอาจจะต่างตรงที่ว่า ผมเป้นคนต่างจังหวัด แล้ว คุณพ่อก็อยากจะส่งมาเรียนที่ กทม ผมรุ้และเข้าใจว่า นั่นคือสิ่งที่คุณพ่อผมอยากจะหยิบยื่นให้ และ มันก็เป้นโอกาสที่ดีมากเลยที่เดียวที่ผมจะได้ หาประสบการณื ผมพูดได้ ว่าถ้าผมไม่ได้เข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพ ไม่แน่ ตอนนี้ ผมอาจจะได้ทำไร่ไถนาอยุ่ ตจว ก็เป็นไปได้ แต่ ทุกอย่างมันก้ย่อมมีผลดีและผลเสีย ผมสามารถพูดได้ ว่า ผมกับคุณพ่อและคุณแม่ และคนอื่นๆ ในครอบครัว แทบจะไม่สนิทสนมกันเลย อาจเป้นเพราะว่าผมถูกจับแยกให้มาใช้ชีวิตด้วยตัวเองในกรุงเทพกระมัง ผมไม่ได้โทษใครทั้งนั้นในเหตุการณืที่มันเกิดขึ้นกับตัวผม แต่แค่อยากจะบอกว่า การที่คุณจะส่งลูกชายไปผจญลำพังในต่างแดน ผลที่ตามมามันอาจจะไม่คุ้มกันก็ได้ ถ้าลูกของคุณประสบ ความสำเร็จ แต่ว่า ความใกล้ชิด สนิทสนมระหว่างคุณกับลูกชายอาจหายไป อย่างที่หลายๆคนบอก วันรุ่น เป้นวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ เราไม่ควรจะไปจี้ เขามาก แต่ถ้าไม่เอาใจใส่เลยก็อาจจะ ออกนอกลู่ นอกทาง แค่อยากจะเล่า ประสบการส่วนตัวเท่านั้น แต่ละคน ไม่เหมือนกัน ผมอาจจะเป้น อีกหนึ่งเคส ที่ จขกท อาจรับไว้ พิจารณาผลดีผลเสียครับ จากคุณ : yoyobsb (Dirty_Face) - [ 22 พ.ย. 47 13:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมใช้วิธีสอนลูกให้รู้จักตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ค่อยชอบสั่งแล้วบังคับให้เค้าเชื่อฟํง เป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าพ่อ เพราะเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าไปกับเค้าตลอด ในที่สุดเค้าก็ต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเค้าเอง อีกอย่างหนึ่งคือไม่แน่ใจว่าผมจะตัดสินใจถูกเสมอไป เค้าโตขึ้นอาจจะคิดเก่งกว่าผมก็ได้ บางครั้งค่อนข้างแน่ใจว่าเค้าตัดสินใจผิด แต่ก็ไม่คัดค้านแค่ถามว่าเค้าแน่ใจหรือเปล่า ถ้าแน่ใจก็ทำไปสนับสนุนด้วย เมื่อเกิดผลไม่ดีตามมา (เช่นอากาศหนาวลบเกือบยี่สิบใส่เสื้อยืดตัวเดียวเพราะกำลังเห่อเสื้อ) ค่อยมาช่วยกันนั่งคิดกันว่าเอ..ทำไมตัดสินใจครั้งนี้ไม่ค่อยดีนา..ครั้งหน้าน่าเราน่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้ เลี้ยงอย่างนี้ไม่ค่อยเหนื่อยเพราะไม่ต้องมาคอยควบคุมเค้าให้เค้าควบคุมตัวเอง จะบังคับก็ต่อเมื่อเป็นเรื่องสำคัญจริงๆเช่นไม่ให้ไปเล่นกลางถนนเดี๋ยวรถชนเอา ถ้าไม่ไปบังคับเค้าบ่อย นานๆครั้ง รู้สึกว่าข้อบังคับเรามันจะมีผลมากขึ้นนะครับ จากคุณ : Tisco fan - [ 22 พ.ย. 47 19:42:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จากที่มี่เพื่อนสนิท(พูดถึงที่เมกา)ที่มีลูกชายสองคน ประมาณ 20ต้นๆ กะ 18-19 ปี ทำให้ได้เห็นว่า การเลี้ยงลูกที่ไหน แบบไหน ทุกที่มันเป็นดาบสองคม ต่างประเทศ บางทีดูภายนอกแล้วรู้สึกว่า อืม..เด็กมันรู้จักคิด มีค.เป็นตัวของตัวเองดี เป็นผู้ใหญ่เร็วดี ในไทย ดูขาดอย่างที่ว่ามา แต่บางทีเมื่อมองลึกๆแล้ว การให้อิสระมากๆอย่างในต่างประเทศ(โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับไทย) มันเป็นดาบสองคม อิสระมาก บางทีเด็กเกินเลยจนยากจะกู่กลับ ยิ่งสังคมตะวันตกไม่เน้นเรื่องผู้ใหญ่เป็นที่เคารพและเชื่อฟัง เด็กมันเถียงนะ บางทีไม่เถียงเฉยๆ ขึ้นเสียงตะโกนใส่กันอย่างที่น้อยมากจะเห็นในสังคมไทย อีกอย่างโครงสร้างสังคมตะวันตก ค่อนข้างสะดวกในการแยกไปอยู่ นี่ก็เหมือนดาบสองคมอีก ปัญหาเรื่องdrugs (นอกจากเพศสัมพันธ์) นี่ก็อีกเรื่อง มันมีอยู่ในสังคม แต่มีใครกี่คนที่ลูกมีปัญหาแล้วจะเอามาแชร์อย่างเปิดเผย อิสระในทางดี มันมาพร้อมกับค.รับผิดชอบ สังคมตะวันตกบางทีมุ่งเน้นกันมากเรื่องสิทธิ จนนึกแต่ว่า'ฉัน'ต้องได้โน่นได้นี่ เพราะเป็นสิทธิของฉัน จนลืมนึกถึงหน้าที่และค.รับผิดชอบที่ตนพึงมีทั้งต่อตัวเองและสังคม ยังเคยนึกเลยว่า ถ้าตัวเองมีลูก บางทีไม่อยากให้โตที่เมกา ให้ไปโตเมืองไทยบางทีดูจะคุมหรือดูแลสภาพแวดล้อมให้ได้ดีกว่า ถ้าจะมองกันจริงๆ เชื่อว่าโอกาสให้ลูกรู้จักช่วยตัวเองและมีค.รับผิดชอบมันมีแม้ที่เมืองไทย ไม่ต้องไปทำงานKFC ก็ได้ ง่ายๆอย่างงานบ้าน ถ้าจะทำจริงๆ ก็เลิกจ้างแม่บ้าน แล้วแบ่งหน้าที่กันไปเลยในครอบครัวว่า แต่ละคนทำอะไร วันไหนอย่างไร ถ้ามอบหมายหน้าที่แล้วไม่ทำ มีกฎลงโทษอย่างไร บอกไว้แต่ต้นเลย หรือตัวพ่อแม่มีคนรู้จักในสังคม มีญาติหรือเพื่อนคนไหนมีธุรกิจหรือเป็นระดับหัวหน้าใหญ่ในองค์กร เราก็ฝากลูกให้ทำงานกับเขาช่วงปิดเทอม จะได้เงินตอบแทนหรือไม่นั่นอีกเรื่อง มีองค์กรต่างๆมากมายที่ต้องการอาสาสมัครช่วยเหลือสังคม หาชื่อต่างๆให้ลูก ให้เขาลองโทรไปติดต่อเอง ดูว่าได้แค่ไหน (ถ้าลูกสนใจอยากทำ) ..จริงๆไม่ว่าอยู่ไหน ทุกที่ก็มีข้อดี แต่คิดว่าอย่างที่บอก ทุกอย่าง..เป็นดาบสองคม จากคุณ : Overseas - [ 24 พ.ย. 47 00:40:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความเห็นของคุณ Overseas ครับ อีกอย่างการเลี้ยงเด็กเอเซียในอเมริกาดูยิ่งยากกว่าฝรั่งเลี้ยงลูกเขาเอง เด็กเอเซียจะทำตัวเหมือนเด็กฝรั่งเรื่องอิสระภาพ ทำตามใจตัว เถียงเก่ง ไม่เคารพผู้ใหญ่เท่าที่ควรตามมารยาทไทยเรา แต่พอมาถึงเรื่องความรับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายต่างๆ จะเอาแบบไทยครับ คือให้พ่อแม่รับหมด ไม่ยอมช่วยเหลือตัวเองแบบเด็กฝรั่ง แล้วเวลาทำงานหาเงินได้ ก็ทำแบบฝรั่งครับ คือไม่มาจุนเจือครอบครัว เลี้ยงลูกในอเมริกาอย่าหวังว่าจะได้พึ่งยามแก่เฒ่าแบบบ้านเราเลยครับ เพราะฉนั้นคนไทยส่วนมากที่อยู่เมืองนอก จึงคิดอยากกลับบ้านตอนแก่ จากคุณ : Benz (BenzSiam) - [ 25 พ.ย. 47 10:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 19 If senior people really made mistakes, youngers still have the right to disagree. "Shut up and take it" is not the right thing to do. I know quite a few of Canadian families, they don't leave their parents alone. What we are trying to stereotype here is seem to be for people in big cities, not for small town people. จากคุณ : :-)Eh... - [ วันลอยกระทง 20:23:06 A:24.81.130.192 X: TicketID:000737 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมก็เกือบทำพลาดครั้งหนึ่งในชิวิต ก็ตอนที่จะอพยพครอบครัวไปแคนาดา เพราะเชื่อพวกยุทำเรื่องขอ PR มีอะไรบางอย่างดลใจ ให้เปลี่ยนใจ หลังจากขั้นตอนต่างๆผ่านหมดแล้ว เลยยอมเสียเงินบางส่วนไป นี่ก็ผ่านมา หกปีแล้ว เมื่อมองย้อนไปที่ไร เสียวสันหลังทุกที ว่า "เกือบไปแล้วเรา" จากคุณ : misery - [ 27 พ.ย. 47 06:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทำไมต้องแคนนาดาคะ เหตุผลหลักจริงๆ ถ้าต้องการให้ลูกได้การศึกษา และสภาพแวดล้อมที่ดี ใช่คะ แคนาดา คือ 1 ในหลายๆ ประเทศในโลกที่น่าเลือกมาคะเพราะคิดอย่างนั้นไว้ให้ลูก เช่นกัน พอแต่งงานแล้วขอ pr ได้ก็มาเช่นกันคะ ยังไม่รู้อนาคตคะ แต่เท่าที่อยู่มาปีครึ่งดูๆ แล้วน่าจะอยู่รอดได้ อนาคตจะเป็นไงยังไม่ทราบ แต่ไม่คิดเสียใจที่ได้ มาผจญภัยในต่างแดนคะ เพราะเลือกแล้วที่จะลอง แล้วพอดียังไม่มีลูกให้เป็นภาระให้คิดมากตอนนี้ เลยอยากทำไรก็ทำ เพราะวางแผนว่า จะมีลูกเมื่อพร้อม และเห็นเพื่อนที่เค้ามีลูกแบบ ไม่ตั้งใจ จะมีหรือไม่ได้วางแผน ชีวิตให้ลูกที่จะเกิดไว้ก่อน แล้ว ดุเค้าเลี้ยงแบบ ต้องเลี้ยงเพราะทำให้เค้าเกิดมาแล้ว ดุแล้ว หดหู่ไงไม่รู้ เท่าที่อ่านbackground เจ้าของกระทู้แล้ว ถ้า หลักตัองการให้ลุกได้การศึกษาดีๆ ไป เมืองการศึกษาอย่างออสเตรเลียหรือ อังกฤษ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจคะ แต่ไม่ว่า อยุ่ที่ไหน คนเราเลี้ยงได้แต่ตัว เรื่องความคิดความถูกผิดต้องให้เค้าลองเองเราได้แต่ดูและคอยแนะนำหละคะ ก็แล้วแต่ ตัวเด็ก เอง อยู่ดี เพียงแต่เลือกสภาพแวดล้อมที่คิดว่าดีที่สุดไว้ให้ จากคุณ : Diann - [ 27 พ.ย. 47 22:52:07 A:69.195.16.154 X: TicketID:078255 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สอนลูกให้เป็นเด็กดี อยู่ในโอวาสเชื่อฟังผู้ใหญ่ โตขึ้นเขาจะเป็นผู้ตามที่ดี สอนลูกให้คิดเองรู้จักหาเหตูผลและตัดสินใจ โตขึ้นเขาจะเป็นผู้นำที่ดี จากคุณ : Tisco fan - [ 28 พ.ย. 47 05:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไว้อนาคตมีลูกจะเอาไปฝากที่คุณ Tisco fan น่าจะเป็นทางเลือกทางนึง จาก toronto ไป calgary น่าจะดี 555 ล้อเล่นหนะคะ จากคุณ : Diann - [ 28 พ.ย. 47 14:59:25 A:69.195.16.154 X: TicketID:067373 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ฮั่นแน่ คุณ Diann มาเที่ยวห้องนี้ด้วย ... แวะมาทักทายครับ จากคุณ : Tripple Jack - [ 1 ธ.ค. 47 11:09:16 ]