CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    สัตว์ปาร์ตี้(Episode II)

    ปาร์ตี้ที่สองเป็นวันเกิดของแฟนหนูเองค่ะ แฟนหนูเกิดวันที่ 9 มกราคม โดยงานนี้เป็นงานภายในครอบครัว
    แฟนหนูเป็นคนเบลเยี่ยมค่ะ เคยแต่งงานมีภรรยามาก่อน จนภรรยาเสียชีวิตจากไปด้วยโรคมะเร็ง จึงได้ขายบ้านเก่าหนีอดีตมาอยู่ที่ฮอลแลนด์ ตอนที่รู้จักกันใหม่ ๆ เค้าเคยอยู่อีกเมืองนึงที่ห่างออกไป จนหนูย้ายมาอยู่ด้วยถึงได้ย้ายเข้ามาอยู่ในอัมสเตอดัมค่ะ (เค้าบอกว่ากลัวหนูจะเบื่อ แต่หนูว่าเค้าหลงแสงนีออนเสียเองมากกว่า) บ้านที่เราอยู่เป็นอพาร์ทเม้นท์สองห้องนอน ที่มีห้องนั่งเล่นกว้างขวางดีมาก แถมอยู่ในทำเลที่ดีค่ะ เป็นสวัสดิการของบริษัทที่แฟนทำงาน ยังไม่เคยมีใครในครอบครัวมาเยี่ยมที่นี่เลย เพราะทุกคนอาศัยอยู่ในเบลเยี่ยม แฟนหนูเลยถือโอกาสใช้วันเกิดในการเชิญครอบครัวมาขึ้นบ้านใหม่ด้วยกันค่ะ
    หนูเองเคยไปเยี่ยมครอบครัวของแฟนมาหลายรอบแล้ว โดยเราจะขับรถไปเยี่ยมครอบครัวแฟนเฉลี่ยเดือนละครั้ง ส่วนใหญ่จะพักกับพี่ชายแฟนค่ะ แฟนหนูเป็นลูกคนสุดท้องของพี่น้อง 5 คน มีพี่สาว 3 พี่ชาย 1 แต่ละคนมีบ้านเรือนอยู่ไม่ห่างกันนัก แม่อาศัยอยู่คนเดียว ส่วนพ่อก็นอนอยู่ในหลุมที่โบสถ์ใกล้ ๆ กันนั้น ครอบครัวอบอุ่นดีค่ะ
    ปาร์ตี้คราวนี้จะมี แม่ พี่น้องทุกคน สามีของพี่สาวสองคน(พี่สาวอีกคนนึงเป็นทอมครองโสดค่ะ) ภรรยาของพี่ชาย และลูก ๆ ของพี่ชายและพี่สาวบางคน รวมหนูกับแฟนด้วยก็ปาเข้าไป 16 คน แฟนหนูให้โจทก์มาค่ะ ว่าจะเป็นดินเนอร์แบบนั่งโต๊ะทาน มีออเดิฟ ซุป และอาหารหลัก ต้องเป็นอาหารรสอ่อน(ไม่เผ็ด)เพราะหลายคนทานเผ็ดไม่ได้เลยแถมยังมีเด็กมาด้วย พี่สาวคนหนึ่งจะทำซุปมาให้
    หนูตัดสินใจทำสะเต๊ะกุ้งเป็นออเดิฟ มัสมั่นเนื้อและไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นอาหารหลัก โดยจะเสิรฟเครื่องดื่มเป็นมาการิต้า(อีกแล้ว)เป็นตัวชูโรง(หนูว่าหนูต้องมีปมอะไรสักอย่างกะมาการิต้าแน่ ๆ )
    สะเต๊ะกุ้งนี่ง่ายค่ะ ได้สูตรมาจากร้านอาหารไทยที่ไปกินบ่อย ๆ แค่แกะกุ้งผ่าหลังเสียบไม้คลุกกับผงหมักสะเต๊ะแล้วเอาไปนาบกระทะ กินกับน้ำจิ้มไก่ เลยไม่ต้องซักซ้อมอะไร ส่วนไก่ผัดเม็ดมะม่วงก็มีเพื่อนสาวมาเสนอตัวทำให้(แม่ปีกไก่ที่โดนขอแต่งงานในปาร์ตี้ที่แล้วนั่นแหละค่ะ ) จึงขาดแต่มัสมั่นที่หนูต้องตระเตรียมเอาเอง ระหว่างนี้หนูได้ลองทำแล้ว ออกมารสชาติใช้ได้เลยค่ะ แถมยิ่งค้าง
    คืนก็ยิ่งอร่อย หนูเลยตั้งใจว่าจะทำไว้ล่วงหน้าหนึ่งวัน
    ดังนั้นหนูจึงใช้เวลาช่วงบ่ายวันก่อนปาร์ตี้ทำมัสมั่นค่ะ แฟนหนูถึงกับลางานทั้งวันมาช่วย(นั่งดู)หนูทำ ถึงแม้จะเป็นอาหารอย่างเดียวแต่ดูหนักนาไม่ใช่เล่น เพราะหนูใช้เนื้อวัวถึง 3 กิโล และมัสมั่นเองก็ใช้เวลานานมากค่ะ เริ่มจากต้มเนื้อกับกะทิประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เริ่มแกงซึ่งกว่ามันฝรั่งจะสุกก็กินปาเข้าไปมืดแล้ว แต่ออกมาทำไมหน้าตามันแปลก ๆ ก็ไม่รู้อ้ะค่ะ คือน้ำแกงมันเยอะเหมือนแกงเผ็ดเลย รสชาติมันก็แปลก ๆ ด้วย คืนนั้นก่อนนอนก็สวดมนต์ไหว้มัสมั่นด้วย ขอให้พรุ่งนี้ออกมารสชาติดีขึ้นเหมือนที่ซ้อมไว้ทีเทิ้ดเจ้าประคู้ณ
    .......
    ปาฏิหาริย์มีจริงแฮะ เช้าวันรุ่งขึ้นน้ำแกงที่ท่วมทุ่งจากเมื่อวานก็ลงไปนอนนิ่งอยู่ภายใต้น้ำมันลอยเป็นฝาอย่างสวยงาม เฮ้อ ต้องได้อย่างนี้สิ ก็เกิดความปีติอยากจะทำอาหารง่าย ๆ เพิ่มอีกสักสองอย่าง ทำไข่เจียวกุ้งสับกับผัดผักน้ำมันหอยแล้วกัน คิดได้ดังนั้นก็ออกไปซื้อของที่ร้านไทยซึ่งอยู่ไม่ไกล วันนั้นที่ร้านไทยมีดอกกล้วยไม้อย่างที่เห็นบ่อย ๆ แถวปากคลองตลาดด้วยเลยซื้อมากำนึง เมื่อเดิน
    กลับมาถึงบ้านแขกทุกคนก็มาถึงแล้วค่ะ
    ครอบครัวของแฟนส่วนใหญ่ยังไม่เคยเข้ามาในอัมสเตอดัมค่ะ เมืองที่เค้าอยู่กันก็เป็นเมืองเล็ก ๆ อาจมีร้านรวงอยู่บ้างแต่ก็เทียบไม่ได้กับอัมสเตอดัม ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้มามาก แม่เล่า(ผ่านล่าม:แฟนหนู)ว่าเมื่อคืนถึงกับนอนไม่หลับเลย หนูเลยบอกว่าให้แม่ไปเที่ยวกรุงเทพสิ ใหญ่กว่านี้อีก แม่บอกว่าไม่เอ๊า ไม่กล้าขึ้นเครื่องบิน ส่วนพี่สะใภ้ชมดอกกล้วยไม้ไทยเราใหญ่เลยค่ะ
    นั่งกันได้สักพัก ทุกคนก็อยากออกไปเดินช้อปปิ้ง เพราะเตรียมเงินมาช้อปกันเต็มที่ แฟนหนูเลยพาครอบครัวออกไปเที่ยวโดยบอกว่าจะกลับมาอีกทีตอนอาหารเย็น ส่วนหนูก็ขอตัวอยู่บ้าน ปล่อยให้แฟนได้ออกไปอยู่กับครอบครัวเว้าเฟลมมิชกันเต็มที่
    ระหว่างนี้หนูก็โทรไปหาเพื่อนสาวเพื่อคอนเฟิร์มเรื่องไก่ผัดเม็ดมะม่วง เพื่อนสาวก็บอกว่าจะมาช่วยตอนราว ๆ บ่าย 3 โมงค่ะและจะกลับไปก่อนเวลาอาหารเย็น(แล้วหนูก็จะสวมรอยบอกคนอื่น ๆ ว่าฝีมือหนูเอง เป็นไงคะแผนหนู โฮะ ๆ ๆ ๆ ) หนูก็เลยไม่รีบร้อนอะไร ออกไปซื้อกล้วยไม้มาเพิ่มอีกกำให้พี่สะใภ้ แล้วก็นอนอ่านหนังสือพิมพ์ฟังวิทยุไปตามเรื่อง
    ตอนบ่าย 3 โมงก็มีคนมากดกริ่งที่หน้าบ้าน ก็เปิดประตูออกไปรับโดยคิดว่าเป็นเพื่อน ปรากฎว่า อ้าว กลายเป็นว่าแฟนหนูพาแขกบางส่วนกลับมาแล้ว เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ แฟนหนูบอกว่า"ก็ตามที่เราคุยกันไว้ไงจ๊ะที่รัก ว่าวันนี้เราจะเริ่มกินอาหารเย็นกันตอนบ่าย 3 โมงครึ่ง เพราะทุกคนจะต้องขับรถกลับบ้านตั้งไกล จะได้ไม่ดึกมาก......ไหนจ๊ะ อาหารเสร็จหมดแล้วใช่ไหมหละ "
    ..........เ ห ว อ .....
    (เสียงกะเทยอึ้งกิมกี่ค่ะ)

    จากคุณ : กะเทยไทยในอัมสเตอดัม - [ 16 ม.ค. 48 07:42:47 A:84.80.52.170 X: TicketID:077778 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป