ความคิดเห็นที่ 1 เคยเจอกับคนอังกฤษที่เค้ามาเที่ยวเมืองไทยนะ จำได้ฝังใจเลยแบบว่าคุณป้าอายุแกก็ประมาณ 55-60 เราเป็นไกด์ ทีแรกก็หนิดหนมกันดีนะ ไปเที่ยวกันมาหลายวันแล้ว ที่นี้เราพาไปเที่ยวถ้ำเชียงดาวที่เชียงใหม่ เราก็อุตสาห์ปล่อยไอ้พวกหนุ่มๆสาวๆมันเดินไปก่อนแล้วก็รอกะว่าจะดูแลคุณป้าเพราะแกแก่สุดในกลุ่ม พอถึงทางลงทางมันก็ทั้งมืดและลื่น เราก็จะจับแขนคุณป้าประมาณว่าเออ เดินระวังๆหน่อย กะจะช่วยประคองแกเดินลง....(แบบที่เคยทำกับป้าๆคนไทยทั้งหลาย) แต่ผลปรากฏว่าคุณป้าฝาหรั่งแกสะบัดมือและหันมาด่าเราทันทีว่า.....คนมีมารยาทเค้าไม่แตะต้องตัวคนอื่นหรอกนะ........ อึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไงหล่ะ Culture Shock มั้ยหล่ะ หลังจากวันนั้น เราก็ไม่ยุ่งกับคุณป้าอีกเลยนะ แม่--คนอาไรฟ่ะ จากคุณ : Tigress - [ 24 ม.ค. 48 21:55:37 A:202.5.82.56 X: TicketID:081570 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพิ่มเติมครับ คือ เคยดูในสารคดี คือมีหมู่บ้านนึง ในอเมริกา ที่เค้าไม่ใช้กระดุม ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีโทรศัพท์ ต้องเดินทางด้วยรถม้า อะไรเนี่ยแหละครับ หมู่บ้านนี้ชื่อว่าอะไรเหรอครับ คิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจที่จะเอามาทำเป็นรายงานอะครับ ขอถามผู้รู้ด้วยค้าบ จากคุณ : จขกท (Hey Man!!! Nice Shot) - [ 24 ม.ค. 48 21:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แต่วันที่เค้าจะกลับอังกฤษ เราก็บอกเค้าที่ดอนเมืองว่า I'm sorry for touching you in the cave, I didn't mean to be rude or anything. But here in Thai culture, it's quite nice to take care old people. พูดเสร็จแล้วก็เดินไปเลย แมร่งกลับบ้านไปเลยป่ะ จากคุณ : Tigress - [ 24 ม.ค. 48 22:01:01 A:202.5.82.56 X: TicketID:081570 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คคห.2  ใช้ Amish หรือเปล่าครับ  เคยดู X-Files อยู่ตอนนึงเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้ ลอง Google ดูนะครับ มีมาเยอะเลย จากคุณ : 1PDY - [ 24 ม.ค. 48 22:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คห. 2 และ คห. 4  ใช่ค่ะ เค้าเรียกว่าหมู่บ้านชาว Amish ค่ะ  จะอยู่รัฐเพลซิลวาเนียค่ะ... ตอนนั้นเคยเข้าไปกับแฟน เค้าจะมีเปิดให้ท่องเที่ยวน่ะ และจะมีเป็นคล้ายพิพิธภัณฑ์ของเค้าแบบเล็ก ๆ ด้วย และเข้าไปในย่านที่เค้าอยู่ ซึ่งก็จะยังเป็นไร่ปลูกข้าวโพดส่วนใหญ่  จะยังเห็นรถม้าเยอะแยะ ขนาดสัญญาณจราจรก็ยังมีให้ระวังรถม้าด้วย จะมีป้ายรถม้าเตือนด้วยน่ะ... และมีบ้านนึงเค้าก็จะขายถังใส่นมน่ะ เราสองคนก็แกล้งเป็นว่าสนใจซื้อ แต่แค่อยากเข้าไปดูเฉย ๆ น่ะว่าข้างในเป็นยังไง ส่วนชาว Amish รุ่นที่เคร่งจริง ๆ ผู้ชายก็จะไว้เคราทั้งคางและแก้มเลยค่ะ และการแต่งตัวของเค้าเนี่ยจะมีแบบฟอร์มเลย ใส่หมวกแบบทรงชาลี แชปลินท์น่ะ...แต่คน Amish จะตัวไม่ค่อยใหญ่นะ ทั้งผู้หญิงและชายจะหุ่นดีนะ ดูผอม ๆ เพรียว ๆ ตอนนั้นเข้าไป ก็มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวหมู่บ้านนี้เยอะเหมือนกัน ดูสงบดีค่ะ ขนาดตอนขับรถออกมาจากหมู่บ้าน มาที่ห้าง ก็ยังเจอคน Amish นั่งรถม้าเข้ามาในเมืองเลย ที่จอดรถของห้างก็จะมีที่ให้สำหรับจอดรถม้าและม้าด้วยนะ...วันนั้นก็ยังเห็นรถม้าและม้าจอดรอเจ้าของหน้าห้างเลย... ลองเข้าไปแล้วจะรู้ว่าความสงบ เรียบง่ายของชีวิตเป็นยังไง เพราะยังอึ้งเลยว่า ประเทศอเมริกาที่บอกว่าเจริญ และมหาอำนาจ ส่งคนไปดวงจันทร์และดาวอังคาร จะยังคงเหลือกลุ่มคนที่อนุรักษณ์ได้ขนาดนี้ค่ะ... ซึ่งถ้าจะเทียบ ก็คงคล้าย ๆ กับชาวเขาที่ทางเหนือของเราน่ะค่ะ... เพียงแต่บ้านเรือนเค้าออกดูดีกว่าชาวเขาบ้านเรา และคุณภาพชีวิตก็จะดีกว่า เพียงแต่เค้าอนุรักษณ์วัฒนธรรมของเค้าเองไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้... เห็นเค้าบอกชาว Amish ดั้งเดิม นี่จะมาจากเยอรมัน และเป็นชาวดัชน์น่ะ.... จากคุณ : JC2002 - [ 24 ม.ค. 48 23:34:33 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฝรั่งล้างจาน แล้ว ไม่ล้างน้ำเปล่าค่ะ เหอๆๆ อึ้งๆ จากคุณ : Robotoon - [ 24 ม.ค. 48 23:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พวกผู้หญิง eu ก็ห้ามเอาใจใส่นะ แบบลุกให้นั่งบนรถเมล์ กลายเป็นดูถูกซะอีกแหนะ จากคุณ : cdaw - [ 24 ม.ค. 48 23:56:17 A:61.91.78.95 X: TicketID:067634 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นมีน้ำยาล้างจานของแอมเวย์ ที่สามารถล้างจานแล้วไม่ล้างน้ำตามได้เลยอ่ะ จากคุณ : London United - [ 24 ม.ค. 48 23:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาอังกฤษตั้งนาน ยังหาแฟนไม่ได้ซักคน shock ไปเลย จากคุณ : เด็กบ้านนอก UK - [ 25 ม.ค. 48 00:06:22 A:157.228.187.195 X: TicketID:001535 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่นี่ไม่ต้องแอมเวย์ค่ะ คุณขา ยี่ห้ออะไรเค้าก้อไม่ล้างน้ำเปล่าตาม ไม่ใช่ว่าซกมกหรือขี้เกียจนะแต่เค้าคงมั่นใจว่าไร้สารตกค้างมั๊ง แต่เราไม่ไหวง่ะ ยังไงก้อต้องล้างน้ำเปล่าอีกรอบ จากคุณ : Robotoon - [ 25 ม.ค. 48 00:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยกับคุณ Robotoon ค่ะ บางทีช่วยเค้าเช็ดจานแบบว่าจานยังมันๆ อยู่เลย แถมมีฟองด้วยอ่ะ แต่ก็จานเค้าบ้านเค้า เราก็ไม่รู้จะทำไง ก็คิดซะว่าเหมือนไปกินข้าวข้างทางแถวบ้านที่เค้าล้างน้ำเดิมๆ ในกะละมังน่ะค่ะ อีกอย่างคือใส่รองเท้าเดินในบ้านค่ะ รองเท้าใส่ออกนอกบ้านไปเหยียบอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ ใส่เข้าบ้านแล้วเวลาทำความสะอาดดูดฝุ่นเอาอย่างเดียว แบบว่า???? จากคุณ : Afro Violet - [ 25 ม.ค. 48 01:24:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่ได้เจอกับตัวเอง เพื่อนเล่าว่า homestay บ้านที่เขาอยู่ (ออสเตรเลีย) เป็นแบบนี้ ๐ ไม่ชอบอาบน้ำกันทั้งบ้าน น่าจะอาบอาทิตย์ละครั้งเท่านั้น ใครอาบน้ำขึ้นมาวันไหนจะถูกทัก "วันนี้จะไปไหนเหรอ มีนัดเหรอ" ๐ ประตูห้องน้ำและห้องสุขาไม่มีล๊อค ๐ ใช้ส้อมตักข้าวกิน (ด้วยมือขวา) ๐ ล้างจานแค่เอา จานเปื้อนมาจุ่มๆ น้ำร้อนในอ่าง ที่ละลายด้วยน้ำยาล้างจานช้อนชาเดียว แกว่งๆ แล้วยกขึ้นเช็ดเลย ใช้อ่างเดียวกับจานกองโต ๐ ถามว่า ทำอาชีพอะไร โดนมองว่าละลาบละล้วง ๐ ชมเด็กในรถเข็นว่าน่ารัก ก็โดนด่า หาว่าคิดจะขโมยลูกเหรอ ๐ กินอาหารด้วยมือ เสร็จแล้วเลียมือ แปล๊บๆๆ ไม่ล้าง ๐ หนาว ไม่เปิดฮีทเตอร์ (ทั้งที่มี) แต่ใส่เสื้อซ้อนกัน 5 ชั้น ๐ ลูกเอาเท้าเขี่ย เรียกพ่อแม่ ๐ เอาเท้าทำกิจกรรมต่างๆ เช่น กดรีโมท เฮ้อ... จากคุณ : Autumn Leaves - [ 25 ม.ค. 48 01:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาเพิ่ม.. ๐ ตากผ้า เอาด้านถูกออก (แทนที่จะกลับด้านเอาด้านในออก) ๐ ฝนตกหนัก หนาวมาก ลูกอายุไม่เกิน 15 โทรมาบอกให้เอาร่ม (หรือรถ) ไปรับปากซอย พ่อแม่ไม่ไป บอกให้เดินตากฝนกลับมาเอง ๐ เปิดวิทยุทิ้งไว้ในบ้านตลอดทั้งวัน แม้ไม่มีคนอยู่ ๐ ไม่ดุ ไม่สอนลูก ตะโกนด่าอย่างเดียว เป็นครั้งๆ ไป (ไม่ตีด้วย) นึกออกแค่นี้ จากคุณ : Autumn Leaves - [ 25 ม.ค. 48 01:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าจะดูตามหัวข้อเราคิดว่า เรื่องของ ชาวอามิช (Amish) ไม่น่าจะเป็น Culture Shock ได้ เราว่า คห 12, 13 ของ Autumn Leave ตรงประเด็น Culture Shock มากที่สุด แต่เมื่อมีคนพูดถึงเรื่อง ชาวอาิมิช ในอเมริกันกันมาก เรา็ก็จะเสนอภาพที่อีกด้านหนึ่งที่เรารับทราบเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้ให้ฟัง ชาวอามิช (Amish) เป็นหนึ่งในชาวอเมริกันอีกพวกหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบสมถะมากที่สุด คนอามิชแต่งตัวแบบโบราณใส่ชุดสีดำยาวกรอมเท้า ใส่ผ้าโพกผม ดำรงชีพด้วยการทำการเกษตร เดินทางโดยรถม้าลาก ในหมูบ้านอามิชจึงไม่มีเสาไฟฟ้าและไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า คนอามิชเป็นโปรแทสแทนท์ที่เคร่งศาสนาดังนั้นวันอาทิตย์ทุกคนจะไปโบสถ์และสารภาพบาป ในครอบครัวอามิช พ่อ และพี่ชายจะเป็นใหญ่และต้องเคารพผูที่มี้อาวุโสกว่า เราดูรายการ Dateline เมื่อต้นเดือนมกราคม 2548 นี้เอง เขาได้เอาเรื่องราวของเด็กผู้หญิงชาวอามิชคนหนึ่งมาเปิดเผยว่า เมื่อเธออายุได้ 11 ปี เธอถูกพี่ชายคนโตซึ่งมีอาุยุ 19 ลวนลามทางเพศเป็นเวลา 1 ปี เหตุการณ์จบลงหลังจากนึ้พี่ชายคนโตได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ทว่าพี่ชายคนที่สองซึ่งมีอายุ 17 ปีกลับก้าวขึ้นมาแทนและไม่ใช่แค่เพียงการลวมลามภายนอก เขาข่มขื่นเธอทุกสัปดาห์หลังจากกลับมาจากโบสถ์วันอาทิตย์เป็นเวลา 2 ปีจนกระทั่งแม่เธอได้มาพบเห็น แม่ไม่ได้ต่อว่าพี่ชายที่กระทำเรื่องราวเช่นนั้นต่อเธอแต่กลับต่อว่าเธอกระทำการไร้ยางอาย เธอรู้สึกว่าเธอถูกทรยศโดยแม่ซึ่งเคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ วันหนึ่งแม่ได้พาเธอไปตรวจรักษาฟันที่หมอฟันอามิชตามปกติ เมื่อเธอขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ เธอได้ยินแม่คุยกับหมอฟันว่าให้ถอนฟันเธอให้หมดปากและหมอฟันก็ได้ถอนฟันของเธอออกทีละซี่ทีละซี่จนหมดปากตามแม่เธอบอกให้หมอทำจริงๆ เธอกล่าวว่าที่ทำเช่นนั้นเพราะ้ต้องการปิดปากไม่ให้เธอพูดถึงเรื่องที่น่าอับอายในครอบครัว เธอนอนซมเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนด้วยความเจ็บปวดโดยไม่มียาแก้ปวด เธอรู้แล้วว่าเธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป เธอติดต่อขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอกจากเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่ใช่ชาวอามิชและได้ย้่ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ที่ให้การอุปถัมภ์เธอ หลังจากเรื่องราวของเอมี่ได้ถูกเปิดเผย ก็มีหญิงชาวอามิชคนอื่นออกมาเปิดเผยว่าคนในครอบครัวของเธอขมขืนเช่นเดียวกับเอมี่ถูกกระทำ หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นครอบครัวของเอมี่ได้ย้ายไปอยู่กับหมู่บ้านอามิชที่รัฐเพนซิลเวเนียแต่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหน เธอคิดว่าเธอคงจะไม่มีโอกาสได้พบครอบของเธออีกแล้วและเธอรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวคนอื่นๆของเธอ เรารู้สึกช็อคเมื่อได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชาวอาิมิช แต่มันคงไม่ใช่ Culture Shock เพราะเมื่อเร็วๆนี้เราก็ได้ยินมาว่า ที่เมืองไทยมีคนที่อยากอุทิศตัวไปเป็นครูดอย แต่กลับถูกชาวเขาทั้งเผ่าขมขื่น เราว่าอะไรที่มันเคร่งเกินไปส่วนมากท้ายที่สุด มันก็มัีกจะเข้ารกเข้าพง ส่วนตัวของเรา เรามี Culture Shock ในเรื่่องของการกิน เพราะคนอเมริกันกินอาหาร Junk กันมากๆ ลูกเด็กเล็กแดงกิน ชิคเก้นนักเกท เป็นอาหารสามมื้อตั้งแต่เล็กจนโต ไม่กินผัก ไม่กินผลไม้ ครัวสวยงาม ทันสมัย มีทั้งเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เตาอบ แต่อาหารทุกอย่างที่เขากินกันจริงๆ เขาเอาใส่ไมโครเวฟหมด ทุกอย่างเข้าเครื่องไมโครเวฟจริงๆ ไม่มีการปรุงอาหารกินร้อนๆเหมือนคนไทย เราว่าร้านอาหารตามสั่งข้างถนนที่มเืมืองไทยครบหลักโภชนาการกว่าอาหารอเมริกันเยอะเลย จากคุณ : Kim - [ 25 ม.ค. 48 02:51:56 A:64.136.27.43 X:64.136.27.229 TicketID:085839 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เจอคนสาวไทยมาอยู่นี่ได้ปีกว่า เเต่พูดไทยไม่ชัดซะเเล้ว พอดีพูดทายม่ายช้าดหนาคะ พอดีม่ายค่อยได้เจอคนทายยย ช๊อคค่ะ อึ้งไปนาน ฮิๆ หมู่บ้านเอมิชอยู่ที่เพนนอย่างที่คหข้างบนบอกค่ะ ตอนไปเที่ยว ก็สนุกดี ไม่เคยเห็นมาก่อน เเอบคิดเล็กๆว่าจริงๆเเล้ว ชาวเอมิชเป็นเจ้าของoutlet เเถวนั้นป่าวหว่า?!?!  มันอยู่ใกล้เหลือเกิน จากคุณ : คุณหนูไฮโซ - [ 25 ม.ค. 48 03:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องล้างจาน ยังไม่เคยเห็นแบบที่พี่ๆข้างบนว่าเลยค่ะ แต่เห็นบ่อยๆที่เค้าแค่เอาจานล้างน้ำลวกๆ แค่พอเอาเศษอาหารออก แต่หลังจากนั้นเค้าเอาลงเครื่องล้างจานค่ะ จานเลยสะอาดอ่อง แห้งแกร็กอีกต่างหาก (แต่ที่พี่ๆเจอ ถ้าเค้าล้างของเค้าแค่นั้นจริงก็โสโครกมากๆเลยนะคะ แหะๆ) แต่เรื่องเปิดฮีม เปิดทีวี วิทยุ ทิง้ไว้ทั้งๆที่ไม่อยู่บ้านเนี่ย แล้วแต่คนมากกว่าค่ะ แม่แฟนเราเค้าก็แทบไม่เคยปิดฮีทเตอร์เลย (ค่าไฟบ้านแม่แพงมากๆ)   แต่ขำเรื่องนึง คุณป้าแฟน อายุใกล้ ๖๐ แล้ว บ่นให้ฟังว่าเคยไปแมคโดนัลด์ แล้วกำลังจะจ่ายตัง พนักงานบอกว่าไม่ต้องจ่ายเพราะถือเป็นบริการพิเศษเพื่อคนชรา ...ฮ่าๆๆ คุณป้าโกรธสุดๆเลยค่ะ ต๊าย มาว่าชั้นเป็นคนชรา จากคุณ : ash the best - [ 25 ม.ค. 48 04:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ทักทายด้วยการกอด จูบ หอมแก้ม อย่างกอดนี่อึ้งมากๆ  แค่เจอกันครั้งแรก ก็ดึงเราเข้าไปกอดเลย..  (งานนี้มีด่า) อีกเรื่องคือ  อาการปิดตัวปิดใจของเขา เขาชอบว่าเราปิดตัว ไม่เปิดใจ  แต่เราก็ยอมรับวัฒนธรรมเขาได้ แต่เขาไม่สามารถยอมรับวัฒนธรรมเราได้ อย่างเรื่องอาหาร  เรากินอาหารเขาได้ เขากินของเราไม่ได้  พอเขาเห็นเรากินเขาก็ทำหน้า yuck ใส่ ไม่ก็ร้องยี้ด้วยความรังเกียจ เรื่องซักผ้า หรือการถือที่ต่ำที่สูง.. เราจะไม่ซักพวกชั้นใน หรือถุงเท้าร่วมกับพวกเครื่องนอน โดยเฉพาะปลอกหมอน..  และไม่ซักร่วมกับผ้าขนหนูด้วย.. แต่เขาซักรวมหมดเลย... อีกเรื่อง.. การพูดแทรก... เราถูกสอนไม่ให้พูดแทรกเวลาเขาพูดไม่จบ  แต่เขาแทรกเราตลอด  หรือแม้กระทั่งในชั้นเรียน เวลาแสดงความคิดเห็น เขาอยากจะพูดตอนไหนก็พูด ไม่ต้องยกมือ พูดแทรกคนอื่นๆ ได้เลย  เคยถามแล้ว เขาบอกว่าถือเป็นเรื่องปกติ ไม่เสียมารยาท (ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในอเมริกานะคะ) จากคุณ : S.S. - [ 25 ม.ค. 48 05:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มาอยู่ตั้งแต่ปี 2000 ยังไม่เจอ culture shock เลยหงะ ปกติที่บ้านแฟน (ฝรั่งนะ) ทานอาหารกันเสร็จก็จะเอาไปล้างน้ำเปล่าก่อน คือเอาเศษอาหารออกก่อนให้หมดแล้วก็เอาเข้าเครื่องล้างจาน ก็สะอาดดี ที่บ้านก็ทำแบบนี้เช่นกัน แล้วเรื่องคุณคคนที่ 1 ดิฉันว่า คุณเจอยายแก่ประเภทไม่ชอบคนเอเชียมากกว่า เพราะเวลาไปบ้านแฟน เค้ามีคุณยายกับคุณตาแก่ๆ ก็จะช่วยประคองเดิน ไม่เคยพูดอะไรเลยมีแต่บอก Thank you ๆๆ You are so sweet ยัยป้าฝรั่งนี่ต้องโดนด่าถึงจะสำนึก เคยด่ามาแล้วกะพี่ชาย ไปเดิน supermarket เดินเฉียดมันนิดเดียว หันมาทำหน้าทำตาใส่ พี่ชายด่าเลย Any problem old hag? "old hag" mean evil looking old woman  มันเลยก้มหน้าเดินผ่านไปไม่พูดและไม่จา แต่สำนึกหรือเปล่านั้นไม่รู้ ส่วนเรื่องกินข้าวแล้วใช้ส้อมกินนั้นเป็นเรื่องธรรมดามากของฝรั่งค่ะ เพราะฝรั่งใช้ช้อนกินซุปอย่างเดียวอยู่แล้ว เค้าไม่เหมือนคนไทยที่เวลากินข้าวแล้วใช้ช้อนและส้อมอย่างเราๆ เรื่องถามอาชีพการงาน นี่ถามได้นะ แต่ว่าอย่าไปถามว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ อันนั้นมันละลาบละล้วงเกินไป สามีเราที่บ้านนะ ก่อนทานข้าวก็ล้างมือ ทานเสร็จก็ล้างมือ สะอาดกว่าเราด้วยซ้ำไป ส่วนเรื่องเปิด Heater นั้นแล้วแต่บ้านมากกว่าค่ะ เวลาไปบ้านแม่สามีทีไร เรียกแทบได้ว่าต้องขอร้องให้ปิด เพราะมันแห้งมาก นอนไม่ได้เลย บ้านยายก็เหมือนกัน แบบดึกๆ ต้องแอบปิด ไม่งั้นนอนไม่ไหว แล้วเวลาเราไปเยี่ยมนะค่ะ คุณแม่สามีจะซักเสื้อผ้าให้ด้วยแถม พับเสร็จเรียบร้อยเลย เอามาวางไว้ให้บนเตียง จริงๆแล้ว มันแล้วแต่ว่าครอบครัวเค้าจะสอนกันมาอย่างไร มากกว่า อย่าเห็นว่าเป็นฝรั่งแล้วจะมีมารยาทกันทุกคนนะ บางครอบครัวเค้าสั่งสอนลูกดีมากๆ ก็มี หรือบางทีที่เราเรียกกันว่าพวก white trash คือ พวกฝรั่งไร้ค่า ไร้การศึกษาก็มีเยอะค่ะ จากคุณ : Scooterella - [ 25 ม.ค. 48 05:03:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Thais like to sit in the shade.  Canadians like to sit in the sun. Canadians rarely lock their front doors or cars. Rich Canadians ride motorcycles.  Poor Canadians ride cars. Canadian trains are five to ten times more expensive than planes. Canadians refer to a -20 C weather a heat wave. Cars are plugged to electrical outlets (during winter). Most of the cars in NWT are equipped with air-conditioners eventhough they are never used. Children wear shoes indoor but walk bare-feet outdoor. Waiting 10 hours in a hospital emergency room is considered normal. Trees must be protected with wire fences to prevent beaver attack. จากคุณ : Tisco fan - [ 25 ม.ค. 48 05:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 วันแรกที่เจอ advisor เค้าให้กรอกเอกสารอะไรซักอย่าง แต่จำได้แม่นมากว่า เค้าสไลด์มันมาให้ผมซึ่งนั่งอยู่อีกฝั่งนึงของโต๊ะ ตามด้วยการเขวี้ยงปากกามาตรงหน้า... ตอนนั้นโคดอึ้งครับ นึกในใจว่าเค้าอยากรับเราเป็นศิษย์จริงหรอ อยู่ๆไปก้อเข้าใจแล้วครับว่าการเขวี้ยงหรือปาของให้อ่ะ เป็นเรื่องปกติมากของคนที่นี่ เจอมาทุกที่แล้ว ตั้งแต่ bank, grocery store, แม้แต่พนักงานในมหาวิทยาลัย จากคุณ : อีกฝั่งของท้องฟ้า - [ 25 ม.ค. 48 06:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 i'm quite surprised to see how driven some of the foreigners (not limited to caucasian, but also asians esp. hongkies and singaporeans) are compared to thai people.  never before have i truly realised the meaning of 'world-class'.  a serious shock to me. จากคุณ : ! o_o ! - [ 25 ม.ค. 48 08:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 22 In China, (esp. Shanghai) people struggle for a taxi, especially when it rains, though you open the back door, other people might open the front door and sit in the car without caring who you are , what you would say... If you were passenger in the car, they don't wait till you get out of the car, they just step in and sit down to be sure they get this taxi... แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 48 14:36:51 จากคุณ : BFR - [ 25 ม.ค. 48 09:33:59 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ที่เมกา ที่ช็อคคือ 'ความห้วน' เช่น ถามอะไร แล้วตอบแบบเสียไม่ได้ ห้วนๆ ทีแรกนึกว่าไม่ชอบเรา หรือโมโหอะไร อยู่ๆไป ก็พบว่ามันเป็นอย่างนี้ของมันกันเป็นปกติ คือ บางทีพวกนี้ชอบทำอะไรเร็วๆๆๆๆ ก็รีบถามรีบตอบ จบกัน ....ไม่ได้มีอคติอะไรเป็นการส่วนตัว ยิ่งโทรศัพท์จะยิ่งเจอห้วนเยอะ อยู่เมืองไทย ชินกับการค่อยๆพูดค่อยๆจา อยู่ๆไปชักห้วนตาม กลับไปเมืองไทยไม่ถูกหูคนอีก จากคุณ : Overseas - [ 25 ม.ค. 48 10:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อันนี้ไม่รู้ว่าเป็น culture shock หรือเปล่า ตอนไปกินอาหารตามภัตตาคารแล้วยังกินไม่หมดจาน คนเสริฟเอาใบเสร็จมาวางบนโต๊ะ รู้สึกว่าเขาไม่มีมารยาทเลย อยู่มาจะแปดปีแล้วยังทำใจรับไม่ได้เลยค่ะ ร้านไหนทำแบบนี้จะกาหัวไว้ แต่ฝรั่งบอกว่าอย่าไปใส่ใจ พอใจจะนั่งนานเท่าไรก็นั่งไปเหอะ แต่มีบางร้านที่เดินมาทีก็หยิบจานไปที แว่บไปแว่บมาเกลี้ยงโต๊ะ เราก็ต้องระเห็จออกจากร้านไป บางทีุถ้าเขามีลูกค้าเยอะๆ ก็เห็นใจนะ แต่บางที่ไม่มีคนเลย ก็รู้สึกไม่พอใจค่ะ อยู่กรุงเทพจะชินกับร้านค้ามีคนเดินเข้าออกดูสินค้าตลอด และผู้คนเดินขวักไขว่ มาแรกๆ จะเห็นแต่ร้านมีสินค้าเต็มแต่ไม่มีคนเดินดูของ รู้สึกแปลกๆ ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าร้านเขาจะเจ๊งหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นแบบนี้เอง คนอเมริกันชอบถามว่า How are you? เวลาเจอกัน ถามเสร็จมันก็เปลี่ยนไปคุยธุระหรือเรื่องอื่นเลย ไม่รอฟังคำตอบ ตอนมาแรกๆ ก็จะงง จะอ้าปากตอบว่าสบายดี ฝรั่งก็คุยไปถึงไหนๆๆๆ แล้ว เหมือนกับในร้านขายของชำที่เขาให้พนักงานเน้นความเป็นกันเอง เวลาเจอลูกค้าให้ทักว่า Hi. How do you do today? หรือ Do you find everything ok? บางทีก็จะรำคาญมากค่ะเพราะว่าเวลาเขาพูดบางทีไม่มองหน้าเราด้วยซ้ำ บางทีก็ตอบไปว่า Bad คนถามจะออกอาการ..เอ๋อ.. จากคุณ : 94025 - [ 25 ม.ค. 48 10:26:46 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เจอตอนอยู่กับ host อะ คือเราวางหนังสือไว้ที่พื้นแล้วมันขวางทาง เค้าก็เอาเท้าดันให้มันเข้าที่ แต่เราไม่ชินไงเพราะที่ไทยเคยแต่พอข้ามแล้วต้องไหว้ใช่มะ อึ้งนิดๆ คิดว่านี่เรียก culture shock เหมือนกันนะ จากคุณ : me - [ 25 ม.ค. 48 11:23:58 A:202.57.183.96 X: TicketID:084048 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ที่ไทยเอาขนมให้เด็กกินได้ โดยไม่ต้องกลัวถูก Sue(ฟ้อง) แต่ที่ USA. ไม่ควรให้ของเด็กที่ไม่รู้จักกิน ต้องถามพ่อ แม่เด็กก่อน เพราะเดี๋ยวเป็นไรไปจะโดน sue ไปซะ อีกอย่างไม่ควรช่วยเหลือคนพิการ หรือ คนแก่ที่หกล้ม เพราะอาจโดน sue ก็ได้ ทางที่ดีไม่สนใจ หรืออย่างปราณีก็ call 911 รับรองรถพยาบาล รถ fireman มาครบ ที่นี่ fireman ช่วยเหลือทุกประเภท ตั้งแต่เป็นลม ลิฟท์ค้าง ยันไฟไหม้ จากคุณ : LACC - [ 25 ม.ค. 48 12:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 shock ที่ว่ามานี่ถ้ายังไม่ถึง 21 ซื้อเหล้ากินเองไม่ได้ = =' ช้อคไปเลยยย อดเหล้ามาครึ่งปีเต็มแล้ววววว จากคุณ : Ven - [ 25 ม.ค. 48 12:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^   ^ ^ อายุต่ำกว่า 21 ซื้อเหล้าไม่ได้แต่ซื้อปืนหรือไปรบได้นะ สนปะ จากคุณ : 94025 - [ 25 ม.ค. 48 13:00:51 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ช็อคเลยตอนไปเที่ยวปักกิ่งไปชมสุสานราชวงศ์ถัง(?)เข้าห้องน้ำเจอสาวสวยหมวยเอ็กซ์นางหนึ่งแต่งตัวดีมาก นั่งยองๆถ่ายหนักโดยไม่ปิดประตู เราเดินเข้าไปหาห้องน้ำที่ว่างแล้วมองเราอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเลยช็อควิ่งกระเจิง ไมใช่ประตูไม่มีกลอน มี แต่เธอไม่ปิด เปิดเผยเหลือเกินนะหมวย จากคุณ : สาวมะนาว - [ 25 ม.ค. 48 13:41:37 A:211.209.145.58 X: TicketID:002773 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เห็น นศ นั่งแถวที่สองเอา เท้าพาดพนักพิงเก้าอี้แถวแรก หัวนิ้วเท้าแทบชี้หน้าอาจารย์แล้ว ยังยกมือถามอาจารย์อีก อาจารย์ก็ไม่เห็นว่าอะไร ถ้าทำที่เมืองไทย คอมันกระเด็นแน่ จากคุณ : Bubbagump (BubbaGump) - [ 25 ม.ค. 48 13:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 31 น่าจะมีคนทำหนังสือ culture shock ขายนะ ทำเป็นเรื่องได้สารพัดเลย (ฮา) ทำแบบเปรียบเทียบนะ จะได้เห็นถึงความแตกต่าง (ความช็อค) จากคุณ : เฒ่า(ทารก) - [ 25 ม.ค. 48 14:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยกับ คห 31 น่าสนใจทุกเรื่องเลยที่หลายๆ คนเล่ามา ส่วน culture shock ที่เราเห็นบ่อยๆ ในหนัง ก็คือ พอกระดิ่งเลิกเรียนดังปุ๊บ ไม่ว่าอาจารย์จะพูดค้างอยู่ หรือให้การบ้านยัง ไม่เสร็จ เด็กลุกไปกันทันทีทันควัน ไม่สนใจฟังจารย์เลย มันไม่กลัว พลาดงานที่จารย์สั่งมั่งเหรอ ปรกติถ้าเด็กไทย ก็จะฟังให้ครบๆ ชัวร์ๆ ว่าส่งงานวันไหน ไม่งั้นซวยอีก จากคุณ : snoopy21 - [ 25 ม.ค. 48 14:22:45 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จริงๆหนังสือ Culture Shock เห็นมีขายนะคะ ปกดำ แยกตามประเทศ แต่เป็นแบบคนไทยมาเล่าสู่กันฟังนี่ก็น่าสนใจดีนะคะ ตามที่คุณ ความคิดเห็นที่ 26 ได้พูดถึงเรื่อง "ที่ไทยเอาขนมให้เด็กกินได้ โดยไม่ต้องกลัวถูก Sue(ฟ้อง) แต่ที่ USA. ไม่ควรให้ของเด็กที่ไม่รู้จักกิน ต้องถามพ่อ แม่เด็กก่อน เพราะเดี๋ยวเป็นไรไปจะโดน sue ไปซะ" อันนี้ไม่ต้องถึง ที่อเมริกา พ่อแม่บางคนก็เป็นค่ะ โดยเฉพาะตัวเองนี่เลี้ยงลูกมาเอง เป็นนะคะ จะอธิบายให้ฟังค่ะ (อย่าเข้าใจผิดนะคะ) อาหารการกินหรือแม้แต่ขนมเป็นหน้าที่ของพ่อแม่เด็กค่ะ คนอื่นไม่ควรให้สุ่มสี่สุ่มห้า ควรถามก่อน ถ้าพ่อแม่เขาไม่ยินยอมต้องเคารพสิทธิของเขา เกิดเด็กแพ้อะไร หรือ ไม่สบาย หรือกินแล้ว เป็นอะไรขึ้นมาแย่เลย อีกอย่างเราไม่รู้มือคนให้ไปจับอะไรมาบ้าง ลำบากพ่อแม่เขาอีก และอีกอย่าง คนเป็นพ่อเป็นแม่ ที่เลี้ยงลูกเองจะไม่ชอบมากๆ ที่คนอื่นเอาอะไรมาใส่ปากลูกโดยไม่ถาม ถึงถามแล้วไม่ให้ แล้วบางคน ก็ไม่เป็นไรน่า(ยัดให้เด็ก กิน)นี่ยิ่งน่าโกรธใหญ่เลยค่ะ อยู่ที่เมืองจีน (เมืองไทยก็ด้วย) คนชอบเอาขนมหวาน ลูกกวาด ลูกอม เอาชอกโกแล็ตมาให้เด็ก (ลูกดิฉันโดนบ่อย) ก็ทราบว่าเป็นน้ำใจแต่เป็นการทำร้ายเด็กทางอ้อม พ่อแม่บางคนที่ดูแลลูกจริงๆจะไม่ให้กินของหวานแบบนี้ เพราะกลัวฟันจะเสีย กลัวติดขนมหวาน และไม่กินข้าว นี่ล่ะค่ะ เผื่อใครไปเจอ culture shock ของครอบครัวอื่น เหตุผลก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ มาคอนเฟิร์มเหมือนกัน ค่ะ ว่าที่เมืองจีน เข้าห้องน้ำกัน ไม่ปิดประตูแล้วเขาไม่สนใจ ไม่ใช่เรื่องน่าอายด้วย (พูดถึงห้องน้ำหญิงนะคะ) ส่วนในห้องน้ำชายเมืองจีนยังไม่เคยเห็นค่ะ แต่สามีบอกว่า ชายจีนเวลาจะปัสสาวะเขาจะ ปลดซิปกางเกง แล้วร่นลงไปครึ่งตัวเลย ในขณะที่ผู้ชายทั่วไปจะแค่เปิดซิป และทำธุระผ่านช่องทางด่วนพิเศษ ไม่ต้องถลกกางเกงลงมา อันนี้ไม่ทราบเป็นเฉพาะ ประเทศจีน หรือ แล้วแต่บางคน (ชายไทยให้ความกระจ่างหน่อยไหมคะ อิอิ) แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 48 14:53:37 จากคุณ : BFR - [ 25 ม.ค. 48 14:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เคยเข้าคลาส ไปเรียนวันนั้น เป็นวัน ฮาโลวีนพอดี เด็กบางคน ก็ จะแต่งตัว fancy มาเรียน พออาจารย์มาถึงที่ห้องก็ถามว่า ทำไมไม่แต่งตัว กัน และก็เริ่มเล่า ว่าตัวอาจารย์ กับ สามี เคยแต่งชุดนักโทษ แล้วเดินไปตามถนน ก็จะมีคนตะโกน ถามว่า "What made u in ? " อาจารย์ฝรั่งผู้หญิงก็ตอบว่า i'm shoplifting........ ตอนที่อาจารย์เล่าเรื่องนี้อยู่ ก็มีเด็ก อเมริกันผู้ชายคนหนึ่งพูดว่า why don't you tell them that you are a prostitute? นักเรียนทุกคนในห้องต่างก็อึ้งไปพักหนึ่ง แต่ก็มีคนหัวเราะบ้าง แต่อาจารย์ก็ไม่ได้โกรธอะไร กับพูดขึ้นมาอีกว่า Maybe next time ....(class ใหญ่มาก ประมาณ 300 คน) เราก็อึ้งไปอีกเหมือนกัน จากคุณ : นารถ - [ 25 ม.ค. 48 17:14:19 A:202.44.7.49 X: TicketID:000637 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ห้องน้ำสาธารณะมีช่องระหว่างประตูและเสากว้างกว่าเมืองไทย แรกๆก็กังวลนะ มีใครแอบมองเข้ามารึป่าว แต่ตอนนี้ชินละ หาช้อนกินข้าวไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่ใช้ส้อมกิน บางทีเราก็ต้องใช้ช้อนชาหรือช้อนกลางกินกับส้อม บางทีก็ใช้มีดช่วย ฝรั่งบางคนมาแปลก ใช้ตะเกียบกินข้าวในจาน ในร้านไทย ที่เราไม่เข้าใจอีกอย่างก็คือ ทำไมถึงกินผัดไทยกับข้าวเปล่า ในความคิดเราคือมันมีเส้นอยู่แล้วนี่ เคยเจอฝรั่งเรื่องมาก เป็นบาร์เทนเดอร์ในร้านญี่ปุ่น ร้านทำข้าวราดแกงกะหรี่ญี่ปุ่นเป็นอาหารพนักงาน เค้าบอกว่าเหมือนอาหารหมา คลุกๆรวมกัน กินไปได้ยังไง คนแก่ที่นี่เรื่องมากมากๆ เอาแต่ใจตัวเองสุดๆ (ที่น่ารักก็มีนะ) เหมือนเค้าคิดว่าใครๆจะต้องยอมเค้าหมด ขับรถอยู่ คนข้างๆยกเท้าขวาขึ้นมาวางพาดขาซ้าย รองเท้าข้างขวาก็จ่อตรงแอร์เต็มๆ อึ้งไปเรย มองแล้วมองอีก เค้าก็ไม่เห็นจะอะไร แต่เราว่ามันสกปรกน่ะ ทัก hi, how are you? กันอยู่นั่นแหละ แต่ไม่เห็นจะสนใจฟังคำตอบ แรกๆงงมาก ใครฟะ ไม่เห็นรู้จัก มาถามว่าเราเป็นไงมั่ง รู้จักกันเหรอ ซักพักก็ชิน ไม่ทักเค้า หรือไม่ตอบกลับจะกลายเป็นเสียมารยาทไปซะด้วย เคยไปมอลล์ เดินๆอยู่ ฝรั่ง มีอายุแล้วนะ 30-40 ที่นั่งอยู่ ทักมาว่า hi เราก็รีบๆอยู่ มองไปแว๊บนึง แล้วเดินต่อ ใครๆก็ทำแบบนี้ที่เมืองไทยใช่มะ แต่เค้ากลับพูดขึ้นมาดังๆให้เราได้ยินว่า She didn't even say hi back! รู้จักกันที่ไหนเล่า เลี้ยวซ้ายที่สี่แยก ตอนมาใหม่ๆ ที่สี่แยก ไฟเขียวทั้งสองข้าง เห็นรถเปิดไฟเลี้ยว ตั้งท่าจะเลี้ยวซ้าย คิดว่าคงรอไฟเขียวให้เลี้ยว ที่ไหนได้ พอไม่มีรถมันก็เลี้ยวไปเลย อะไรฟะ งง ต่อมาก็ชินว่าถึงจะไฟเขียวทั้งสองทาง แต่ถ้าไม่มีรถสวนมา กะไม่เป็นไฟแดงของรถเลี้ยวก็เลี้ยวได้เลย ที่จอดรถที่นี่ (FL)ใหญ่มาก หมายถึงช่องจอดที่เค้าแบ่งไว้สำหรับแต่ละคัน อาจเป็นเพราะว่ารถยี่ห้ออเมริกันมักคันใหญ่กว่าปกติ   ยิ่งช่องจอดรถมิเตอร์เราว่าสามช่องนี่พอให้พี่ไทยจอดห้าคันสบายๆ ที่นี่คนข้ามถนนเป็นใหญ่ คนข้ามไม่ต้องคอยดูรถ เดินมาถึงทางม้าลาย ก็ข้ามเลย ไม่ต้องรีบเดินหรือกึ่งวิ่งกึ่งเดินด้วย เดินสปีดเท่าเดิม เพราะรถจะหยุดให้เค้าเอง ถ้าใครไม่หยุดก็จะเป็นใครไร้มารยาท ยกเว้นถนนใหญ่ๆ หรือบางสี่แยกที่มีสัญญาณไฟให้คนข้ามกด ถ้าเป็นเมืองไทยก็ต้องรอจังหวะรถว่างหรือติดไฟแดงเอง ตอนมาใหม่ เรารีบๆเดินให้พ้นทางรถ ปรากฎว่าคนอื่นๆก็เดินเอื่อยๆตามปกติ ที่เมืองไทยถ้าห้องเรียนเป็นห้องแอร์ จะใช้ไวท์บอร์ด ที่นี่แอร์ทุกห้อง แต่ใช้ชอล์คกับกระดานดำ ที่นี่ไม่ค่อยกินหมู เน้นไก่ เนื้อ กุ้ง คนไทยเราถูกสั่งสอนมาให้พูดขอบคุณ/ขอโทษให้ติดปาก ที่นี่ขอบคุณกันเกินปกติ แต่ไม่ค่อยจะขอโทษกัน ในที่นี้หมายถึง I'm sorry. นะ ไม่รวม Excuse me. บางอย่างมันก้ำกึ่ง หรือคนไทยจะพูดขอโทษกัน แต่ถ้าเค้ามองว่ามันไม่ใช่ความผิดเค้า เค้าไม่รู้นี่ เค้าก็จะไม่ขอโทษ เราคงพูดบ่อยไป จนมีคนถามว่า ทำไมพูด I'm sorry. อยู่เรื่อยเลย ทำอะไรผิดเหรอ จากคุณ : lookjiab - [ 25 ม.ค. 48 17:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ที่ยุโรป ... 5 โมงร้านทุกร้านปิดหมดครับ ดึกๆนี่ถ้าหิวไม่มี 7-11 เหมือนบ้านเรา ถ้าไม่ซื้ออะไรมาตุนไว้ ก็ไม่ต้องกินครับ ยิ่งวันอาทิตย์นี่ไม่ต้องพูดถึง ... ไม่มีใครเลย ถนนเงียบเชียบ จากคุณ : Ton (CLTB) - [ 25 ม.ค. 48 19:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อีกอย่างคือ สุนัข ... เขาพาไปได้ทุกที่ แม้กระทั่งขึ้นรถเมล์ รถราง ถ้าเป็นเมืองไทยกระเป๋าด่าและไม่ยอมให้ขึ้นถ้าไม่ใส่กล่องมิดชิด จากคุณ : CLTB - [ 25 ม.ค. 48 19:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องฝรั่งทักว่า hi. How are you? นั้นรู้สึกจะเป็นแค่คำทักทายที่ไม่ต้องการคำตอบนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าไปโกรธฝรั่งเลยถ้าเค้าไม่ฟังคุณพูดต่อว่า ช่วงนี้ไม่สบายปวดหัวตัวร้อน ทะเลาะกับแฟน ฯลฯ ถ้าเทียบกับภาษาไทยคงเหมือนกับเราเจอใครแล้วทักว่า "ไปไหนมา" "จะไปไหน" อะไรยังงี้มากกว่า เรื่องอื่นๆ เราก็เจอมามั่ง เช่นเพื่อนชาวเยอรมันเขายืมโปสการ์ดเราไปดู แล้วตอนหล่อนจะเอาคืน หล่อนก็ "ร่อน" กลับมาให้อ่ะค่ะ อึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจว่าเค้าไม่ถือ อีกเรื่อง เพื่อนชาวเยอรมันอีกคนเค้าหกล้ม กลิ้งขลุกๆๆ เราก็ไปช่วยพยุงแล้วก็ยิ้มๆให้เขานิดนึง แล้วบอกประมาณว่า ไม่เป็นไรใช่มั้ย เดี๋ยวช่วยถือของให้นะ เค้าตาเขียวขวับกลับมาแล้วบอกว่า "That's not funny!!"  เหวอเลยค่ะ ยิ้มสยามของเราดันใช้ผิดที่ผิดเวลาซะแล้ว จากคุณ : ชอบซื้อแต่ไม่ชอบอ่าน - [ 25 ม.ค. 48 19:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อิอิ กำลังมัน ต่อๆ ชาวญี่ปุ่น เค้าไม่แปรงฟันตอนเช้าค่ะ คือเราไปเข้าค่ายกับเพื่อนในคณะประมาณ ๔๐ คน ตื่นเช้ามา มีเราคนเดียวที่ไปยืนหน้าซิงค์แล้วล้างหน้า แปรงฟัน คนอื่นเค้าเอาข้าวปั้นมานั่งกินกันเฉย  (แอะ) ชาวญี่ปุ่นอีกที ไม่รู้เป็นทุกที่รึเปล่า แต่ตอนนั้นทำอาหารทานกัน เค้าไม่ล้างผักเลยแฮะ หั่นๆแล้วลงหม้อ เอ มันสะอาดขนาดนั้นเชียวเหรอ ผักญี่ปุ่น?? อีกอย่างที่ ช็อค พอสมควรที่ญี่ปุ่นคือ การลงออนเซ็น  แต่หลังๆมาชินแล้วค่ะ อิอิ จากคุณ : ชอบซื้อแต่ไม่ชอบอ่าน - [ 25 ม.ค. 48 19:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อ่าน #38 เรื่องหน้าแตกเพราะยิ้มสยามของเรา เคยเจอกับตัวเองเหมือนกันค่ะ... พอดีเจอตอนฝรั่งเล่าเรื่องอะไรซักอย่างนี่แหละ แล้วตอนนั้นก็เป็นเรื่องที่เค้าน่าสงสารนิดนึง  ส่วนเราก็ตามประสาคนไทย บางทีก็มีรอยยิ้มเพื่อปลอบใจกันไงคะ....เจอคำเดียวกับที่คุณ #38 เจอเลย ..."It's not funny" อึ้งเหมือนกันค่ะ...ยิ้มหุบโดยอัตโนมัติ...และเรียนรู้เลยว่าต่อไปห้ามยิ้มสุ่มสี่สุ่มห้ากับฝรั่งนะคะ....โดยเฉพาะการยิ้มปลอบใจแบบที่เราเคยทำกับเพื่อน ๆ ในเมืองไทยเนี่ย....ตอนนี้ระวังตัวขึ้นเยอะเลย.. จากคุณ : JC2002 - [ 25 ม.ค. 48 19:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เล่าบ้าง ที่ฟินแลนด์ ตอนนั้นเจอเพื่อนของเพื่อนเค้าเข็นเด็กมาด้วยเราก็นึกว่าน้อง พอถามไปถามมาคือ ลูกเค้าแล้วตัวแม่ก็แค่ 19 พอได้คุยไปเรื่อยเค้าบอกว่าคนที่นี่เป็นอย่างนี้แหละปกติ อายุ19 -20 ก็มีลูกแล้ว แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าจะมีพ่อรึเปล่า ที่ทำให้เราอึ้งมากคือคนที่เรารู้จักเค้าก็มีลูกเหมือนกัน ลูกอยู่ที่บ้านแต่แม่มาเที่ยวผับ งงไปเลย มีอีก เวลาซาวน่าก็จะแก้ผ้าหมดทุกคน แต่อันนี้ทำใจไม่ได้จริงๆ เวลาเข้ากะเพื่อนก็ต้องพันผ้าเช็ดตัว เคยโดนชวนเข้าซาวน่าบ่อยมาก เรากะเพื่อนบอกไม่ตลอด แหะ แหะ อาย เรื่องของกินก็จะประมาณว่าผักซื้อมาจากตลาดก็กินได้เลย ไม่ต้องล้าง ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แอปเปิ้ลก็เหมือนกัน หลังๆเลยกลายเป็นชิน แต่อันนี้ก็ว่าไม่ได้ประเทศเค้าสะอาดจริงๆ อ้อ ขนมกรอบๆ เปิดไว้แล้วไม่ต้องผูกปากถุงทิ้งไว้ 3 วันก็ยังกรอบอยู่ อีกอันนึงก็เรื่อง one night stand อันนี้รับไม่ค่อยได้ เคยไปเที่ยวผับแล้วก็มีหนุ่มฟินน์เข้ามาคุยด้วย คุยตั้งนาน สุดท้ายถามว่า Can I sleep with u? '- - เอ่อ เซ็งเลย แอบหล่ออีกต่างหาก แล้วจะเจอเยอะมากที่เข้ามาถามแบบนี้   แล้วที่งงๆอีกอย่างคือเค้าจะไม่เหมือนคนไทยไม่ค่อยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เค้าจะดีกับคนที่ทำประโยชน์ให้เค้า แต่ก็ถือว่าแฟร์ดี จากคุณ : tipzz - [ 25 ม.ค. 48 20:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ออสเตรเลียก่อน ไปทำงานร้านอาหารญี่ปุ่น เจ้าของร้านเตือนเรื่องของวางผิด เรายิ้มรับ อ้าว ก้อยิ้มเก้อๆเวลาทำผิดงะ โดนด่าไม่มีดี ไปพูดกับคนอื่น ว่าชีไม่สำนึก สยองไปนาน เราก้อยิ้มแต่ไม่ได้หมายความงั้นสักหน่อย ล้างจานกะน้ำยานี่ ชินมาก งงว่า ทำไมไม่ล้างน้ำ บางทีเศษอาหารมันยังคาอยู่เลย เอาผ้าแห้งเช็ดปัดๆออก ง่ะ อีกครั้งนึงเราไปกินข้าวอีกบ้าน เค้าถามเราว่า บ้านยูไม่มีน้ำร้อนล้างจาน ล้างได้ไง สกปรกนะ เราเลยยิ้มๆ ใส่มัน อีกที เราหั่นตับ กะว่าจะทำตับกระเทียม มันยี้กันทั้งบ้าน ทำไมหั่นตับเลือดสดๆ มันแปลกตรงไหน เห็นมันยังกินตับบดได้เลย ฮามากๆอีกเรื่อง เราไม่รู้ เรื่องซื้อตับอีกนั่นแหล่ะ ไปซื้อผิดช่อง ไม่รู้ช่องนั้น เค้าเอาไปทำอาหารหมา อ้าวไม่ป้ายบอกใครจะรู้วะ หลังๆเลยระวังไม่ไปยุ่งกะตู้นั่นอีก ญี่ปุ่น กินผลไม้เป็นลูกๆ งง ปกติเราซื้อเป็นกิโลพี่แกขายเป็นลูก กินกล้วยทีละลูก อะไรวะ ขายผักเป็นซีกๆ อันนี้เหมือนที่ออส แต่ก้อนะ เคยกินแต่ทั้งหัว ไม่เคยซื้อเป็นซีก นึกในใจ เอประเทศแกรวยหรือจนวะเนี่ย เมลอน ลูกราคาเป็นพันบาทไทย เคยซื้อลูกละ สี่สิบ พอสั่งไอติมเมลอนมากิน เพื่อนญี่ปุ่นบอก ยูรวยเนอะ อ้าว ไม่รู้ว่าเมลอนเป็นอาหารสุดหรูของที่นี่ มันบอกที่นี่มีแต่เค้าซื้อไปเยี่ยมคนป่วยเพราะมันแพง คนญี่ปุ่นตากผ้า เรียบร้อยมาก ดูสามีตากผ้า แล้วงง เห็นผ้า คนข้างบ้าน คนหลังบ้านก้องง เออ เรียบร้อยดีเนอะ คนญี่ปุ่น ล้างขวดน้ำ ป๋อง สะอาด ก่อนทิ้ง แบบว่า ไม่ชินตา แต่ชื่นชมง่ะนะ คนญี่ปุ่น ไม่ลุกให้เด็กนั่ง เค้าลุกให้คนแก่นั่ง แต่เด็กไม่มีลุก งงมาก ประจำเลย เค้าไม่คิดว่าเด็กอ่อนแอไง ขี่จักรยานพอไฟคนเดินขึ้น ก้อไปได้้เลย ไม่ต้องดูซ้ายขวา มันมั่นใจมาก แต่แรกๆ เราฟ่อมาก กัว รถชน แต่รถเค้าหยุดจิงๆ นะ รถติดไฟแดงตอนตีสาม ไม่มีรถสักคน รถบัสคันนี้ มันจดอยู่เกือบห้านาทีจนไฟเขียว นับถือจริงๆ มีตำรวจมาดักตรวจล้อว่ามีอุปกรณ์ขับป้องกันหิมะเปล่า โห ป้องกันกันจริงๆ งงไง อุปกรณ์สารพัดสร้าง ห้องส้วมมีที่อุ่น เครื่องทำไอน้ำ เวลาเปิดฮีทเตอร์ หมอนน้ำแข็งเวลาป่วย ที่ฉีดน้ำในห้องส้วม การใช้น้ำที่แช่อ่าง มาซักผ้าต่อ งงมาก เค้าบอกน้ำแรกไม่เป็นไร แม่อาบน้ำ ลูกอาบต่อ เราเลยไม่แช่อ่างเลยไม่กล้าไปอาบต่อ เราว่าสกปรกออก เยอะอ่ะ พอก่อนนะ จากคุณ : ฟารา - [ 25 ม.ค. 48 20:30:02 A:210.86.205.253 X: TicketID:068327 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ไหนๆๆ ก้อไหนต่อ สิงค์โปร์ คนสิงค์ ชอบถามราคาของทุกอย่าง สากกระเบือกยันเรือรบ คำว่า แพงกะถูกเนี่ย ว่าคนไทยพูดบ่อยแล้วเจอสิงค์นี่ชิดซ้ายไปเลย ญ๊่ปุ่น ไปหาหมอ หมอจับตรวจฉี่ก่อนเลย ปกติเมืองไทย จับชั่งน้ำหนักวัดความดัน หลายที่แล้วนะ ผู้หญิงสูบบุหรี่ที่นี่เป็นเรื่องปกติ ไม่มีคำว่า ไม่งามไม่ดีไม่สุภาพ สามารถขายกางเกงในได้ แล้วถ่ายรูปเจ้าของไว้ จะมีคนมาซื้อ อี๋ย... บ้ากามมากๆ มีโบรชัวร์มาส่งที่บ้าน รับทำออรัลเซักซ์ให้ทั้งวัน ออรัลอย่างเดียวอย่างอื่นไม่เกี่ยว หนึ่งวัน สามหมื่นเย็น มีรูปให้ด้วยนะ ขึ้นชินคันเซนแล้ว รถช้า สองนาที มีคนมาโค้งทุกตู้เลย ขอโทษไป โค้งไป งงมาก รถไฟราคาเท่าเครื่องบิน หมายถึงชินคันเซนนะ มนุษย์ญ๊๋ปุ่นในเมืองมักใส่เสื้อเพียงสามสีหลัก ส่วนใหญ่ ขาว ดำ น้ำตาล อ้อ มีเทา ดูแล้วมันขมุกขมัวมากเลยล่ะ เคยใส่เสื้อยืดตัวเล็กๆ เพื่อนมาถามว่า เสื้อยูคับไปนะ อ้าว นี่ปกตินะที่เมืองไทย ทำไมทักกันหลายคนจัง บูชาผีญี่ปุ่น ด้วยน้ำ กะธูป คนไทยจะมีอาหารด้วยใช่ไหม เราเจอผี สามีเอาน้ำมาไหว้ผี เรางงงะ พอแล้ว พิมพ์เมื่อยจัง จากคุณ : ฟารา - [ 25 ม.ค. 48 20:41:57 A:210.86.205.253 X: TicketID:068327 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ที่มาเลเซีย ละหมาดวันละ 5 ครั้งแถมผ่านเครืองกระจายเสียงอีกด้วย คนจะหลับจะนอนก็ไม่ได้นอน เบื่อๆๆๆๆ พนักงานบริษัทคนที่เป็นมุสลิม สามารถพักกลางวันได้นานกว่าชาวบ้านเพราะไปละหมาด จากคุณ : eve - [ 25 ม.ค. 48 21:57:51 A:218.208.19.193 X: TicketID:065457 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เยอรมัน - เวลาสั่งเครื่องดื่มที่ร้านอาหาร ถ้าไม่ใช่เบียร์ ที่แก้วจะมีขีดบอกมาตราวัดคล้ายๆแก้วตวงทำขนม เค้าจะรินไม่เกินขีด ขึ้นอยู่กับปริมาณที่เราสั่ง สรุปคือมีแก้วขนาดเดียวใช้ได้หมดสำหรับเครื่องดื่มขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ ญี่ปุ่น - เวลาอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ฟิตเนส เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าฝรั่งยังหันหน้าเข้าตู้ แต่พี่ยุ่นเปลือยอกนั่งคุย นมก็ยานๆแต่เค้าไม่อายและไม่ยอมใส่เสื้อสักที อเมริกัน - ถ้ายากจนแต่ดันคลอดลูกมาหลายคน (ได้แฝด) วิธีที่ควรทำคือยกลูกให้คนอื่นเลี้ยง (หรือเลือกคนใดคนหนึ่ง) ไม่งั้นจะโดนสังคมประณามว่าเป็นแม่ที่เห็นแก่ตัว ถ้าเป็นคนไทยทำงี้คงโดนว่าว่าแม่ใจยักษ์ จีน - เวลากินปลาที่มีก้างหรืออาหารที่มีเปลือก เค้าจะไม่แกะก่อนเอาเข้าปาก แต่จะใช้ฟัน+ลิ้นแกะได้ เสร็จแล้วก็คายหรือขย่อนออกมา สำหรับคนไทยไม่ค่อยน่าดู แต่เห็นเพื่อนคนจีนไม่ว่าจะเรียบร้อยแค่ไหนก็เป็นงี้ทุกรายไป จากคุณ : ฝน - [ 25 ม.ค. 48 22:08:30 A:24.107.19.163 X: TicketID:064226 ]

ความคิดเห็นที่ 46 In Bangladesh, No traffic light on any street even in the capital (Dhaka).  Use drivers' bravery at all intersections. Men wear "Sarong" without underwear.  They can sit and pee on street at will. Work Saturday to Thursday.  Weekend is on Friday. Lunch at 2 pm. Many unscheduled public holidays at the discretion of opposition party to protest government. Women are supposed to give large sum of money (dowry) to men when they get married.  Women dreams are to save enough money so they can get married.  One man can have many wives to increase his income. แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 48 22:30:33 จากคุณ : Tisco fan - [ 25 ม.ค. 48 22:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เรื่องเอาแก้มแนบแก้มอ่ะเรื่องนี้รู้ว่าฝรั่งเขาทำกันแต่เพื่อนไรไม่เคยทำกับเราเพราะรู้ว่าเราไม่คุ้นมีอยู่วันนึงไปเที่ยวกันเพื่อนก็แนะนำให้รู้จักเพื่อนเขา อีตานี่นะจับมือแล้วก็เอาแก้มมมาแนบเลยอ้ะ เราตกใจยืนทื่อไปเลย จากคุณ : mary_poppins - [ 25 ม.ค. 48 23:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ที่จีนนะครับ -ขากถุยน้ำลายกันอยู่ได้ โอ้วมายกอร์ดพระเจ้าจอร์ดมันอะไรช่างแย่อย่างนี้มองไปทางไหนมีอันนับไม่ถ้วน เด็กหนุ่มแก่สาว ถุยกันอยู่ได้ ถุยยังพอว่านะมีการขากก่อนถุยนี่สิ๊ กินๆข้าวอยู่ได้ยินตูจะเป็นลมตอนแรก ทั้งๆที่ไม่ไรมันก็ขากกันอยู่ได้ -ขับจักรยาน ขับรถ มั่วซั่วกันยิ่งกว่าอะไรดี ไฟแดงแล้วก็ยังไป กดแตรไม่หยุดอยู่ห่างหลายร้อยเมตรกำลังข้ามถนนก็กดอยู่ได้อารายเนี่ย - ผู้คน เวลาข้ามถนนนะไม่ดูรถ สักแต่ว่าขอข้ามๆไปเหอะไม่กลัวรถด้วยกรำ ข้ามแบบลอยหน้าลอยตาเราก็กลัวจะตายรถแต่ละคันขับเร็วโครต -อาหาร มันเยิ้ม ไม่ว่าอะไรก็ใส่น้ำมันเป็นลิตร แป่ว กินกันอร่อยเชียว ซ๊วบเสียงนี้อาจได้ยินเป็นธรรมดา พูดจาเสียงดังด้วยครับ แป่วๆ ช็อคไปเลยแรกๆหลังเริ่มชิน แป่วอะไรที่ไม่ดีก็ยังมีอะไรที่ดีๆแฝงอยู่เป็นธรรมดาครับ จากคุณ : LT - [ 26 ม.ค. 48 00:14:19 A:220.112.149.214 X: TicketID:079147 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ที่อเมริกาขอพูดเรื่องเดียวก็คือ เวลานั่งเรียน(โท) แต่งตัวตามสบาย ถ้าหน้าร้อน เสื้อยืด เกงขาสั้น เท้าแตะ เกาะอก ยีนส์ กระโปรงสั้นจุ๊ด หน้าหนาวก็ต้องใส่เสื้อ กางเกงปิดเพราะมันหนาวน่ะ เอาขนมมากินได้ในห้องแม้ขณะครูสอนก็เหอะ(ทำมาแล้ว บ่อยด้วย) ก็กินเบาๆ นั่งเอาขาพาดเก้าอี้อีกตัวก็ได้ พาดตรงที่นั่ง ทำตัวตามสบายมากๆ แต่ห้ามคุยมือถือ ห้ามเปิดมือถือ เหมือนเมืองไทย ถ้าจะคุยไปคุยข้างนอกค่ะ จากคุณ : แม่น้องจัสติน (Baby I love you) - [ 26 ม.ค. 48 00:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ที่เราเคยเจอก็คล้ายๆ กับที่เพื่อนๆ เล่ามาเหมือนกัน เจอแบบนี้กับเพื่อนหลายๆ ชาติ เอาแบบที่เห็นแล้วงงก่อนละกัน - ล้างจานแล้วไม่ล้างน้ำเปล่า แค่เช็ดจานเฉยๆ เวลาจะเอาจานมาใช้ เราก็จะแอบเอาไปล้างน้ำก่อนทุกครั้ง ไม่งั้นจะรู้สึกว่ากินน้ำยาล้างจานเข้าไปด้วย อันนี้เจอกับคนยุโรป - ทักทายด้วยการเอาแก้มมาแนบแก้ม แล้วทำเสียงจุ๊บๆ อันนี้จะเจอบ่อยถ้าเป็นคนยุโรป แต่คนอังกฤษเนี่ยไม่ค่อยเห็น - เวลานั่งสัมมนา บางคนก็นั่งชันเข่าขึ้นมาบนเก้าอี้ ส่วนอาจารย์ก็นั่งชันเข่าเวลาสอนเหมือนกัน เห็นแล้วงง - ฝรั่งสั่งน้ำมูกกันดังมาก ปื้ดๆๆๆๆ ดังลั่นห้อง ไม่ได้กระมิดกระเมี้ยนแบบคนไทย - เวลาลองเสื้อที่ร้าน บางร้านก็ทำเป็นห้องๆ มีกระจก แต่ไม่มีประตูปิด แล้วสาวๆ ก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากันหน้าตาเฉย บางคนเดินไปเดินมาทั้งที่ใส่ชุดชั้นใน เห็นแล้วเขินแทนจัง - ปิดประตูเสียงดังมาก แม้เวลาตีสองตีสาม - ช่วงหน้าร้อน สาวๆ หลายคนก็ใส่เสื้อสายเดี่ยวมาทำงานออฟฟิศ เห็นแล้วงงว่าใส่แบบนี้มาทำงานได้ด้วยเหรอ - ถ้าเป็นเพื่อนคนจีน เกาหลี ญี่ปุ่น มักจะซดน้ำซุปเสียงดัง พอเรากินเงียบๆ ก็หันมาถามว่าไม่อร่อยเหรอ (ไม่ใช่ว่าเค้าไม่มีมารยาท แต่วัฒนธรรมเค้าต้องซดเสียงดังๆ อยู่แล้ว) - เวลาไปกินข้าวร้านจีน พนักงานจะเสิร์ฟอาหาร วางจานเสียงดังมาก แถมมารยาทแย่สุดๆ จนนักเรียนไทยพร้อมใจกันเรียกร้านนึงในไชน่าทาวน์ว่า "ร้าน (ไอ้) เลว" (ใครเคยไปร้านที่ว่านี้ อ่านแล้วต้องรู้แน่ๆ ว่าอยู่ที่ไหน เพราะขึ้นชื่อมาก) แบบที่ดีๆ น่าประทับใจก็มีเหมือนกัน - เวลาผู้ชายฝรั่งกำลังจะเดินเข้าประตู ถ้าเค้าเห็นว่ามีคนเดินตามหลังมา ก็จะเปิดประตูค้างไว้ให้เราเดินเข้าไปก่อน แม้ว่าจะไม่รู้จักกันก็ตาม บางทีเราเดินตามหลังมา ห่างตั้งเกือบ 10 เมตร ยังเปิดประตูรอตั้งนาน น่ารักและสุภาพมากๆ หรือถ้าเค้าเดินเข้าไปแล้ว ก็จะดึงประตูค้างไว้ให้คนที่เดินตามหลังมา อันนี้เจอมาทั้งหญิงทั้งชาย จากคุณ : Aoyama - [ 26 ม.ค. 48 02:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อนานมาแล้ว ระหว่างรอสัมภาษณ์กรีนการ์ด เจอสาวงามหน้ามน เป็นคนไทยนี่แล เราไม่ได้ตั้งใจฟังเค้าคุยแต่บังเอิญได้ยิน เค้าแนะนำตัวกับฝรั่งๆว่า ฉันเป็นคนฟิลิปปินส์น่ะย่ะ สักพัก สาวงามเดินมาหย่อนก้นนั่งใกล้ๆ ทักเราว่า คนไทยรึเปล่าค่ะ ช๊อคไปเลย คนฟิลิปปินโน พูดไทยชัดแจ๋ว ช๊อคครั้งที่ 2 เค้าบอก เค้าก็เป็นคนไทยค่ะ อ้าว แล้วไหงบอกฝรั่งว่าตัวเองเป็นฟิลิปปินโนหว่า ดิฉันทั้งช๊อคทั้งงงมาถึงทุกวันนี้ ดีน่ะไม่ได้ให้เบอร์ติดตงติดต่อไม่งั้น ความช๊อคคงยังวนเวียนต่อแหงๆ อ้อ สถานที่เกิดเหตุ คืออเมริกาจ๊ะ เรื่องช๊อคอื่นๆ ก้เจอบ้างแบบท่านอื่นๆข้างต้นค่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 48 04:09:35 จากคุณ : พอช๊อคได้มั๊ยค่ะ (อบาคัส) - [ 26 ม.ค. 48 04:08:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอแจมบ้างง ที่ค่อนข้างมากหน่อยก็มี +เค้าไม่คิดว่าเท้าเป็นของต่ำ ใช้ได้ไม่ต่างกับมือ ถ้าตอนนั้นใช้เท้าทำไรแทนมือได้ก็ทำ ไม่ว่าจะเขี่ยของให้ ชี้โน่นนี่ ดีไม่เอาเท้ามาจับหัวเรา +เรื่องการทักทายด้วยการหอมแก้ม ตอนแรกก็ไม่ค่อยชินสาวๆยุโรปพอเจอกันมักยื่นหน้าเข้า ตอนแรกก็ไม่รู้ยืนเฉยๆเค้าก็เอ๋อๆ ตอนหลัง ก็ยื่นเข้าไปแตะด้วยหนึ่งครั้ง เค้าก็งงอีก เพราะต้องแตะให้ครบสองข้าง หรือหลังๆคนที่สนิทกันมากๆ แตะกันถึงสี่ครั้ง จนตอนหลังต้องเตรียมตัวเลยว่าวันนี้มีแก้มช้ำแน่ แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกันแฮะ เอิ๊กๆๆ จากคุณ : GB Norm - [ 26 ม.ค. 48 04:26:02 A:217.44.224.34 X: TicketID:000828 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอเล่าเรื่องเกย์ ๆ ละกัน เพราะใกล้ตัวค่ะ พี่เขยเล่าว่าตอนนี้ลูกชายมีเพื่อนเพศเดียวกันคนหนึ่งมาติดพัน อายุเยอะกว่าด้วย(เด็กอายุ 16 มีผู้ชายอายุ 24 มาตามรับตามส่ง) เราก็บอกว่าน่าเสียดายนะคะ ที่หลานจะเป็นเกย์ เค้ากลับบอกว่า "เสียดายทำไม เป็นเกย์มันผิดตรงไหน ถ้ามันจะเป็นก็เรื่องของมันดิ แต่ที่กังวลคือไอ้คนที่มาติดพันมันนิสัยแปลก ๆ กลัวจะไปกันไม่รอดอ้ะดิ" แป่ว.... คือขนาดเราเป็นกะเทยเองยังเสียดายหลานเลย เพราะหลานหน้าตาดีแถมแมนมากๆ แต่พ่อเค้ากลับกลัวหลานจะไปไม่รอดกับแฟนหนุ่ม จะบ้าตาย จากคุณ : กะเทยไทยในอัมสเตอดัม - [ 26 ม.ค. 48 07:15:14 A:84.80.52.170 X: TicketID:077778 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อันนี้เป็นประสบการจริงที่เกิดที่นอวนะคับ -คือว่าถ้าเราข้ามถนนแล้วมีรดมาเค้าจะเร่งเครื่องเหมือนจะให้ชนเรา -เคยเดินๆๆอยู่แล้วมีคนขับรดมา บีบแตรแล้วชูนิ้วกลางให้ -เคยเดินๆๆอยู่อีกแล้วมีคนเมารี(ชาวเกาะของนิวอะ) เปิดกระจกมาด่า mother**cker chinese แล้วยังถามอีกว่า any problems mother**cker? -ฝรั่งส่วนใหญ่เกลียดคนจีน -เด็กนักเรียนฝรั่งขายปุ๊นในโรงเรียน ที่ออสต่อนะ -พี่เราไปเรียนต่อที่ออสแล้วโดนฝรั่งขับรดมาจอดข้างๆๆแล้วปาปากกาใส่ แล้วยังถามอีกว่า do you want some more? พ่อพี่เดินเข้าไปมันก็ขับรดหนีไปเลย สรุป ฝรั่งส่วนใหญ่ก็ดีแต่ปากเอาจริงก็กลัวหนีกันหมด จากคุณ : ... - [ 26 ม.ค. 48 08:36:15 A:138.37.212.189 X: TicketID:086670 ]

ความคิดเห็นที่ 55 น่าจะเข้าข่ายช็อคเล็กๆเหมือนกันนะเรื่องของเรา คือเมื่อหน้าร้อนที่แล้ว ไปเห็นขบวนสมรสหมู่ขบวนนึง สวยมากเลย เหมือนในหนังย้อนยุค มีรถม้าด้วย เจ้าสาวเจ้าบ่าวก็แต่งตัวสวยๆหล่อๆทั้งนั้น เราก็ไปยืนดูอยู่นาน แต่พอเขาตั้งขบวน ไหงคนใส่ขุดเจ้าสาวจูงมือกันไปเดินคู่กัน ส่วนเจ้าบ่าวก็เดินคู่กับเจ้าบ่าวอีกคน สงสัยเราเอ๋อมาก เพื่อนเลยเฉลย ว่าเป็นงานแต่งงานของคนรักเพศเดียวกันจ๊ะ แหมนี่ถ้า เพื่อนรักสุดหล่อ (แต่ตอนนี้สวย) ได้มาเห็นละก็ หล่อนควงแฟนมาร่วมงานปีหน้าแน่ จากคุณ : :) - [ 26 ม.ค. 48 08:39:16 A:24.226.44.151 X: TicketID:080273 ]

ความคิดเห็นที่ 56 USA. ถ้ามีการ strike หรือ แต่งงาน ถ้าเราเห็นด้วยให้บีบแตรรถ เราก็งง ว่าทำไมมีรถขบวนแต่งานผ่านต้องบีบแตรไล่เค้าด้วย ถามไปมาได้ความว่าเป็นการแสดงความยินดี แล้วถ้าขับรถกำลังเปลี่ยน lane ถ้ารถคันหลังใช้ไฟสูงแสดงว่า Ok. เข้ามาได้ เราให้ทางนาย แรกๆงงเลย ไม่คุ้น ถ้าเป็นที่ไทยนะ เร่งไฟสูงเหรอ อยากมีเรื่องล่ะสิ จากคุณ : LACC - [ 26 ม.ค. 48 11:06:47 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เอาขนมให้เด็กกิน.....เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ คคห#33 เราก็เลี้ยงลูกเอง และก็ระแวงมากเวลาใครทำท่าจะเอาอะไรมาใส่ปากลูกเรา เพราะไม่รู้มือเขาจับอะไรมาบ้าง และอาหารนั้นสะอาดรึเปล่า ใกล้หมดอายุรึยัง และเราก็ไม่ให้ลูกทานลูกอม ถั่ว หรืออะไรที่จะหลุดเข้าหลอดลมได้ และมีหลายอย่างที่ให้ทานไม่ได้เพราะเป็นภูมิแพ้ค่ะ เคยมีเพื่อนเราเองเอานมเม็ดให้เจ้าตัวเล็กปรากฎว่าตกเย็นผื่นขึ้นเต็มแก้มและคันมาก(เขาเอาแก้มถูกับที่นอนตลอดเวลา)ต้องส่ง รพ.เหตุผลคือเขาแพ้นมวัวค่ะ เจ้าเพื่อนก็เสียใจใหญ่ เราเลยถือโอกาสบอกมันว่า นี่น่ะน้อย เคยมีคนที่แพ้(จำไม่ได้ว่าแพ้เกสรดอกไม้แล้วไปกินขนมหวานที่มีน้ำผึ้งผสมหรืออะไร) แล้วเกิดเป็นผื่นลมพิษ ทั้งตัวหายใจไม่ออก เสียชีวิตเลย ฉะนั้นเลิกรักเด็กโดยเอาอะไรไปให้ลูกเขาทานเถอะค่ะ เพราะเราไม่รู้ข้อจำกัดของแต่ละคน จากคุณ : พู่รัศมี - [ 26 ม.ค. 48 11:41:05 A:203.150.104.78 X: TicketID:071903 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่อง Culture Shock ที่ช็อคกันสุดๆก็ เคยขับรถเข้า London กะเพื่อนๆ แซงรถตำรวจ พวกเรากำลังร้องเพลงกันสนุกสนานก็โบกมือให้รถตำรวจขณะแซง ผลคือตำรวจขับแซงแล้วเรียกจอด....พาไปสถานีตำรวจให้ทุกคนเป่าตัวตรวจจับแอลกอฮอล์, ให้เดินให้ดู + กักตัวไว้ตั้งนาน เข็ดเลยไม่เล่นด้วยแล้ว เรื่องล้างจานไปใหม่ๆก็ทำใจไม่ได้ที่ล้างน้ำยาแล้วเช็ดเลยก็ล้างน้ำเปล่า ผลคือโดนเจ้าของบ้านว่าว่าเปลืองน้ำพร้อมอธิบายว่าน้ำยาที่นี่ปลอดภัย เราเลยยอมไปเรียนสายหน่อยพอเจ้าของบ้านออกไปทำงานปุ๊บก็แอบเอาจานไปล้างน้ำเปล่า ไปนิวซีแลนด์ พอลงรถปุ๊บผู้ชายเมารีเอาจมูกชนทุกคน yuck!! ไปแคนาดา ตอนเช้าตื่นเร็วเลยเดินเล่นหน้าโรงแรมเห็นคน homeless พอทานข้าวเสร็จเลยกำไข่ต้มมาสองฟอง ครัวซองแฮมสองชิ้นค่อยๆเดินไปวางใกล้ๆที่เขานอนด้วยความกลัว เขาหันมองมานิดนึง เราก็ไปรวมกลุ่มเตรียมขึ้นรถ สักครู่เขาเดินตรงรี่มาหา แล้วชูไข่ถามว่า สุกหรือดิบ โอย...ตอนเดินรี่เข้ามาเนี่ย....เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรเกือบวิ่งแล้ว จากคุณ : พู่รัศมี - [ 26 ม.ค. 48 11:59:34 A:203.150.104.78 X: TicketID:071903 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อ่านมาแล้วยังไม่เจอที่ตัวเองเจอ อยู่เมืองไทยค่ะ รับเป็นHost Family ให้ อาสาสมัครชาวอเมริกันมาพักที่บ้าน แม่บ้านมาบอกทำไมอาสาสมัครใช้กระดาษชำระเปลืองจัง ตอนหลัง รู้ว่าฝรั่งไม่ใช้สายชำระ ใช้กระดาษเช็ดก้นเวลาอึเท่านั้น เท็จจริงเป็นอย่างไร ใครรู้ช่วยบอกด้วย รับมา 2 รุ่นแล้ว เหมือนกันเลย จากคุณ : พลอยแหวนแสนสวย - [ 26 ม.ค. 48 12:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 60 งงเหมือนกันทำไมฝรั่งมันชอบโยนรองเท้าแขวนบนสายไฟ -ตู้ATMแบบ drive throughมีอักษรเบลล์ด้วย -housemateผมกินไข่ดาวตอนเช้าวันละ5ฟอง ที่เจ๋งสุดก็ ฝรั่งบางคนขับรถขานึงเหยียบคันเร่ง อีกขาหนึ่งยื่นออกนอกกระจกผึ่งลม จากคุณ : เดี๋ยวมีอีก - [ 26 ม.ค. 48 14:00:50 A:10.10.10.25 X:203.156.146.44 TicketID:030869 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขับรถค่ะ ขับรถมาทางเอก แล้วเจอวงเวียน ด้วยความเคยชิน เราก็ชะลอ มองซ้าย...มองขวา... รถคันที่ตามหลังมาบีบแตรแปร๊นนนนนนนนเลยอ่ะ ประมาณว่า ยายโง่นี่ อยู่ทางเอก ชะลอรถทำไมยะ แง ก็หนูชินกะการขับรถแบบของประเทศหนูนี่ โฮ โฮ เอิ๊กกกก แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 48 18:26:17 จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 26 ม.ค. 48 15:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เนเธอร์แลนด์ -ถ้าสนิทกัน ก็แนบแก้มกัน 3ครั้ง พร้อมเสียงจุ๊บๆ สนิทกันมาก จุ๊บสุดท้าย จูบปากไปเลย  แต่ถ้าชายกับชาย แค่จับมือกัน -ทุกคนจะผกผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋า สั่งน้ำมูกเสร็จก็ยัดใส่กระเป๋า  จะสั่งอีกครั้งก็ผืนเดิมนั่นแหล่ะ ยัยยู่เชียว สั่งไปแล้วกี่ครั้งก็ไม่รู้  อิอิ -เรื่องล้างจานเหมือนกัน ล้างด้วยน้ำยาแล้วเช็ดแห้งเลย  ก็ถือว่าธรรมเนียมเค้าอ่ะค่ะ  บ้านเค้าทำอย่างงั้น เราก็ทำตามเวลาไปกินบ้านเค้า  แต่บ้านเราล้างน้ำเปล่าปิดท้ายตลอด -ถ้าได้รับเชิญไปบ้านคนอื่น  เวลาสายๆดื่มกาแฟ  บ่ายๆ ชา  หลัง2ทุ่ม กาแฟแล้วตามด้วยของมึนเมา จากคุณ : Wabbit - [ 26 ม.ค. 48 18:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ที่เมกา หลายบ้านจะเปิดวิทยุดังๆ ไว้ เวลาไม่อยู่บ้าน...ไว้หลอกขโมยว่ามีคนอยู่จ้า (แต่คนสมัยใหม่คงไม่ค่อยคิดยังงี้มั้ง..ไม่ค่อยเห็นและ) คุณ# 59 ที่เมกาไม่เคยเห็นสายฉีดชำระเลยค่ะ ใช้ทิชชูกันเพียวๆ เลยเปลืองหน่อย ส่วนใหญ่ม้วน double roll นี่ก็ไม่เกินอาทิตย์ละค่ะ บางคนอาทิตย์ละสองม้วน ส่วน culture shock ก็คงเป็นมารยาทของคนขับรถเมล์น่ะคะ..อันนี้ถามเพื่อนหลายประเทศ ...ไม่มีใครเหมือนในกทมสักคน ... จอดรอนิ่งสนิท ไม่รีบไปหาอะไร คนจะขึ้นบางคนก็ถามโน่นถามนี่ให้แน่ใจ หรือมัวคุยร่ำลาเพื่อน คนขับก็รอ ไม่เห็นด่าเลย มารยาทและการรักษากฎจราจรส่วนใหญ่ก็โอเค เข้าวงเวียนตามทิศที่ควร...คนในมีสิทธิ์ออกก่อน...หยุดตรงป้ายที่บอกให้ stop (ตำรวจเขาเข้มงวดน่ะ ไม่หยุดเดี๋ยวโดนจับ) เดี๋ยวนี้ยิ่งดีกันใหญ่ ไฟเหลืองก็ชลอกันแทนที่จะเร่ง บางทีก็เบรคกันตัวโก่ง...ก็มันเล่นติดกล้องถ่ายรูปไว้ง่ะ ฝ่าไฟแดงทีเนี่ย แนะ...ส่งมาเก็บตังถึงบ้านเลย ไม่ต้องไปเถียงกะใคร..รูปมันฟ้อง (โดนไปสามที..เดี๋ยวนี้เจอไฟเขียวยังชลอเลย..กลัวมันเปลี่ยนปุปปัป..แหะๆ) คนเดินข้ามถนน....ไม่ต้องดูรถกันเลย แถมลอยชายเดินช้าๆอีกนะ...ที่เมกานี่...คนใหญ่กว่ารถจ้า...ตอนกลับมาเมืองไทยใหม่ๆ...โห ข้ามถนนทีเพื่อนทักเลยว่ากล้าหาญมาก...ที่เมืองไทยนี่รถใหญ่จ้า...เผลอๆเดี๋ยวได้อ่านนสพ ฟรี จากคุณ : just me - [ 26 ม.ค. 48 18:54:07 A:10.226.73.148 X:203.185.133.6 TicketID:045974 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อืม ที่นี่ข้ามถนนสบายนะ ถ้าเป็นที่ที่ให้ข้าม รถเกือบทุกคันจอดให้แน่ๆ ประมาณ 99 เปอเซ็นต์ แต่พวกแบบอีเดียทๆ ก้อมี คนบริติชเวลาจะชูนิ้วประมาณ f**k u ไม่ชูนิ้วกลางอะ แต่จะชู 2 นิ้ว แบบหันหลังมือ แรกๆเราก้อไม่รู้ เวลาจะขออะไร 2 ชิ้นมักจะชูแบบนั้นบ่อยๆ เหอๆๆ  จนโดนทัก คคห 54 นี่ไม่น่าจะเป็นคัลเจอร์ช๊อคนะ เรสซิสมากกว่า จากคุณ : Robotoon - [ 26 ม.ค. 48 21:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เล่ามั่งค่ะ อันนี้เกิดขึ้นในบ้าน แฟนเราเองค่ะ เรื่องก็คือ นั่งดูทีวีกันอยู่ แฟนเรานั่งบนโซฟาฝั่งขวา แม่เค้านั่งบนฝั่งซ้าย แล้วแม่แฟนก็พูดว่า เหม็นอะไรน่ะ มาจากเท้าเธอรึเปล่า แฟนเราก็เอาเท้าขึ้นมาดมแล้วบอกว่า เปล่านะ พร้อมทั้งยกเท้า ขึ้นไปที่หน้าแม่เค้า พร้อมทั้งพูดว่า นี่ไง ดมดูซิ เราเองกรี๊ดลั่นบ้าน เค้าตกใจกันทั้งบ้านนึกว่าเราผีเข้า ฮ่า ๆๆ ทุกคนทำเหมือนเรื่องปรกติ เรารับไม่ได้จริง ๆ เลย พร้อมทั้งบอกแฟนว่า ต่อไปนี้ห้ามทำแบบนี้กับแม่อีก เค้าบอกว่า ปรกติธรรมดาจะตาย แม่เค้าก็บอกว่า เรื่องธรรมดา แต่ว่าเรารับไม่ได้ เลยขอให้ไม่ทำ จึ๋ย ๆ จากคุณ : HoneyPuii - [ 26 ม.ค. 48 22:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อันนี้เขียนเตรียมไว้ให้เวบไซต์แห่งหนึ่งครับ เลยลอกมาลงที่นี่เสียด้วย เป็นช๊อกเก้ ของฝรั่งเศสครับ 1. คนฝรั่งเศสรักหมาเหมือนลูก  ดังนั้น หมาในฝรั่งเศสจึงสามารถไปได้ทุกที่เท่าที่คนจะพาไปด้วยได้ บางที่ก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะเอาหมาขึ้นไป เช่น ยอดภูเขาไฟสูงประมาณหนึ่งกิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล ภัตรคารระดับหรู ห้างสรรพสินค้า ห้องสมุด ฯลฯ คือพูดง่ายๆ ว่าไม่มีเขตปลอดหมาในประเทศฝรั่งเศส ที่อยากจะเตือนเรื่องหมา คือ คนฝรั่งเศสเขาถือว่าหมาเหมือนลูกจริงๆ เราจึงต้องระวังตรงนี้ เราสามารถพูดชมหมาเขาได้ คุยกับเขาเรื่องหมา (ของเขา) ได้ แต่หากเขาไม่อนุญาตอย่างชัดเจนด้วยวาจา หรือไม่ใช่คนคุ้นเคยกันแล้ว ห้ามไปจับหมาเขาเล่นเด็ดเด็ดขาด รวมทั้งการเรียกหมาเขาไปเล่นด้วย เขาจะไม่พอใจมาก หากเราไปจับหรือแตะต้องสุนัขเขาโดยพละการ เช่นเดียวกับเด็กทารกหรือเด็กเล็กๆเหมือนกัน เพราะนิสัยของคนไทยเรา เจอเด็กเล็กๆ ชอบจับแก้มเล่นบ้าง ขออุ้มบ้าง ก็ขอบอกว่า อย่าเชียว !!! ทั้งเด็กทั้งหมา ซึ่งเรื่องนี้รวมถึงการทำร้าย หรือข่มขู่หมาเขาเช่นกัน การไปเผลอเตะหมาที่มีเจ้าของเข้า จะส่งผลเป็นเรื่องใหญ่พอๆกับเขกกบาลลูกเขาเลย ซึ่งคนไทยบางคนเราไม่ชิน เจอหมาตัวใหญ่ๆ หรือคนบางคนไม่ชอบหมา เห็นหมาเดินมาใกล้ๆ ก็ส่งเสียงไล่ หรือเงื้อไม้เงื้อมือขู่ เจ้าของเขาจะไม่พอใจ หรืออาจจะต่อว่าเราก็มี เพราะเรื่องนี้เป็นความแตกต่างทางวัฒนธรรม หมาฝรั่งเศสที่มีเจ้าของ ถ้าเราไม่ซวยจริงๆ มันจะไม่กัดเราเป็นอันขาด เพราะหมาที่เป็นอันตรายจะต้องใส่ตะกร้อครอบปากอยู่แล้ว และถ้ามันไปกัดใครขึ้นมา เจ้าของเขาก็จะเจอปัญหาหนัก ต้องชดใช้ให้เรามากมายมากเรื่อง เขาก็จะป้องกันหมาเขามายุ้งกับเราเหมือนกัน ทางที่ดี ถ้าคุณกลัวหมา หรือไม่ชอบหมาขนาดนั้น เห็นใครจูงหมามาเราเดินหลบเสียดีกว่าครับ ปล. ถ้าเจอฝรั่งบางคนทำท่าผวา หรือดึงหมาออกห่างเวลาคุณมองหมาเขาหรือไม่ยอมให้คุณเล่นกับหมาของเขา ก็อย่าตกใจหรือเสียใจไป เพราะฝรั่งบางคนเข้าใจว่าคนเอเชียส่วนใหญ่กินหมา และเขาไม่เข้าใจว่า คุณมองหมาเขาเพราะมันน่ารักหรือน่ากิน ! แล้วก็อย่าไปซีเรียสหรือเจ็บแค้นเคืองโกรธ ถ้ามีฝรั่งถามว่าบ้านเรากินหมากันไหม โดนถามทุกคนแหละน่า.... 2. คนฝรั่งเศสไม่ถือเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวเพศตรงข้าม และไม่ถือเรื่องหัว-เท้า อันนี้เหมือนฝรั่งทั่วไป และคนฝรั่งเศสเขาทักทายด้วยการกอดและหอมแก้มซ้ายขวา (Bisou) อันนี้สาวๆอาจจะช๊อกแตก ถ้าอยู่ดีๆฝรั่งหนุ่มๆ มาจับถือถือแขน จับแก้ม หรือเข้ามาหอมแก้มเมื่อเจอกันครั้งแรก วิธีแก้ง่ายๆ คือเมื่อพบกันครั้งแรก ให้ยื่นมือไปจับมือเขาเสียเลย ถือเป็นการทักทายแล้ว ก็จะได้ไม่ต้อง Bisou ให้จั๊กกะจี้ใจ หรือผู้ชายบางคนอาจจะถูกเพื่อนลูบกบาลเล่น ก็อย่าไปโกรธ แต่ถ้าไม่ชอบก็บอกเขาไป หรือบางทีฝรั่งบางคนที่มารยาทไม่ดีเป็นปกติ (คือทราม เพราะคนดีๆเขาก็ไม่ทำกัน) อาจจะใช้เท้าเขี่ยข้าวของๆคุณ ถ้ามันไปขวางทางเขา เช่น ตะกร้าจ่ายตลาด กระเป๋านักเรียน อะไรแบบนี้ ก็อย่าไปตกใจหรือโกรธ เพราะเขาไม่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง แค่ไม่เหมาะสมสำหรับคนที่มีมารยาท ส่วนเรื่องจับถือถือแขน หรือการอยู่ดีๆ ดึงตัวเราไปเต้นรำ หรือกอด (เวลามีงานเต้นรำหรือเวลาคุณไปเที่ยวตามสถานบันเทิง) หรือกระทั่งการขอมี sex ถ้าคุณไม่ประสงค์ คุณตอบเพียงว่า Non เสียงเข้มๆ เป็นพอครับ หรือถ้าเขาถือวิสาสะเข้ามาในห้องนอนหรือห้องส่วนตัวคุณ ก็ไล่ไปตรงๆเลย Non ! Sors ! (ไม่ ! ออกไปนะ) ส่วนใหญ่เขาพูดรู้เรื่องครับ แต่บางทีคนไทยติดนิสัยอ้ำอึ้ง เขาก็ไม่รู้ว่าเราโอเคไม่โอเค แต่ถ้าพูดกันตรงๆก็จบ เข้าใจว่าโทษข่มขืนหรือลวนลามจะแรง และคุกฝรั่งเศสโหด 3. คนฝรั่งเศสเป็นพวกพูดจาขวานผ่าซาก และติดนิสัย “แดกดัน” ที่โรงเรียนผมมีครูอยู่คนหนึ่ง ซึ่งเด็กเอเชียจะเกลียดมาก เพราะนิสัยมาดามแกคือนิสัยแบบฝรั่งเศสแท้ๆ คือพูดจาขวานผ่าซาก และติดๆจะชอบแดกดัน (Ironique) ซึ่งเป็นนิสัยของคนฝรั่งเศสอย่างหนึ่งที่เราไม่ควรไปถือสา เช่น เรียนๆอยู่ มีนักเรียนเกาหลีหลับ แทนที่แกจะปลุกหรือด่าแบบครูไทยหรือครูเอเชียตามที่ควร แกก็ปล่อยให้หลับไปแหละ แต่พอหมอนั่นตื่นขึ้นมา แกก็ยกมือไหว้แล้วบอกว่า “โอ๊ะ ขอโทษที่รบกวนการนอนหลับของท่าน พวกเราส่งเสียงดังไปหรือเปล่า” แล้วก็หันไปยักคิ้วกับคนจีนว่า “ดูไว้ อีกไม่นานหรอก เศรษฐกิจเกาหลีล่องจุ๊นให้จีนเอาไปกินแน่” ... อย่างนี้ใครจะไม่เกลียดแกไหวละ... ผมเองก็เคยมีทีนึง หยุดเรียนไปพร้อมกับสาวสเปนร่างใหญ่ เช้าวันรุ่งขึ้นมาดามแกทักผมว่า “เมื่อวานไปไหนมา ? สร้างลูกครึ่งไทย สแปนิชรึ ?” แล้วก็หันไปพูดกับทั้งห้องว่า “แต่คงน่ารักดีเนาะ หน้าคมๆแบบสเปน ผิวคล้ำแบบคนไทย” ถึงจะไม่ทุกคน, แต่ต้องยอมรับว่าคนฝรั่งเศสส่วนใหญ่นิสัยอย่างนี้จริงๆ โดยเฉพาะคนปารีส อย่าไปโกรธเขาเลย มันเกือบๆจะเป็นนิสัยประจำชาติ เหมือนที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยตรงต่อเวลา หรือคนจีนชอบส่งเสียงดังอื้อฉาว คนญี่ปุ่นชอบพูดจาซุบซิบ เหมือนจะนินทากันต่อหน้า ให้ฝรั่งเขาด่านั่นแหละ ทุกชาติมีข้อดีข้อเสียของตัวเอง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ก็ดี ให้ทำความเข้าใจว่าเป็นปัญหาความแตกต่างทางวัฒนธรรมก็จบครับ 4. หมอที่ฝรั่งเศส จะส่งให้แก้ผ้าเพื่อตรวจโรคเกือบหมด ไม่ว่าตรวจอะไรก็ตาม ยกเว้นอุบัติเหตุเช่นมีดบาด ขาแพลง แต่ถ้าอุบัติเหตุตกกะได ลื่นล้ม อะไรแบบนี้บางทีก็ต้องแก้ สาเหตุไม่ใช่เพราะเขาอยากดูอะไรๆ ของคนเอเชียเรา แต่เพราะจริงๆแล้ว เคยคุยกับเพื่อนที่เรียนหมอ เขาว่าเป็นวิธีที่ถูกต้อง เพราะบางที บางโรค อาจจะเหมือนไข้หวัดหรือปวดท้องธรรมดา แต่หมอก็ควรดูตามร่างกายให้ทั่วด้วยว่ามีจ้ำเลือด รอยช้ำ หรือจุดอะไรแปลกๆขึ้นบนร่างกายหรือไม่ กรณีอุบัติเหตุก็เช่นกัน ดังนั้นอย่าเครียด อย่าตกใจ ถ้าไปหาหมอเพราะเจ็บคอแล้วหมอว่า “โอเคครับ แก้ผ้าขึ้นไปนอนบนเตียง” ซึ่งหมอทุกคนจะให้เราแก้ผ้าเหลือแต่กางเกงในทั้งนั้น ไม่ว่าจะชายหรือหญิง หรือถ้ามีเหตุต้องสงสัย เขาจะให้เราถอดกางเกงในเหลือแต่ตัวล่อนจ้อนเลยก็ได้ (มีน้องๆผู้หญิง หลายคนต้องตรวจร่างกายตอนทำบัตรต่างด้าว (การ์ต เดอ เซจูร์) แล้วเครียดไปเลยหลายคน เพราะหมอส่งให้แก้ผ้านี่แหละ) และเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะหาหมอผู้หญิงหรือหมอผู้ชายด้วย ... ดังนั้นจงอย่าคิดมาก พยายามทำใจว่าหมอแกไม่รู้จักหรือจำเราได้หรอก จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ 26 ม.ค. 48 22:56:07 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เเบบว่าเข้าไปในโรงยิมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ทั้งรุ่นต่างๆทั้งเเก่ทั้งสาว เเบบว่าโทงๆกันเลยค่ะ นี่ขนาดเราอยู่มาหลายปีเเล้วน่ะยังทำใจไม่ได้เลย มายืนใกล้ๆเเล้วเขินเเทน เเต่เห็นสาวหมวยบางคนเเบบว่า เข้าร่วมวงกะเค้าด้วย เขินเเทน ถามสามีเค้าบอกว่าคนไทยชอบกินซีฟู๊ดมากถึงมากที่สุด ไม่ใส่รองเท้าเข้าบ้าน ทุกประตูในบ้านมีล็อคด้วย เค้าบอกว่าบางห้องก็ไม่จำเป็นเช่นห้องนอน บ้านเกือบทุกบ้านต้องมีลูกกรง(ไม่รู้จักโจรกรุงเทพซะเเล้น) มีอาหารขายทั่วทุกมุมเมืองไม่ว่ากี่โมงกี่ยามก็เหอะ ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่เจเจ เค้าเห็นที่ร้านล้างชามในกระละมัง เเล้วก็ไม่กล้ากินเลย เค้าบอกว่าเเบบจุ่มๆไม่เปลี่ยน้ำเลย เราบอกว่าเดี๋ยวเค้าก็เอาน้ำร้อนราด ก่อนใส่ก๋วยเตี๋ยว หุหุ เเค่นี้ก่อนดีกว่า จากคุณ : Jamigirl - [ 26 ม.ค. 48 23:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ที่สวีเดน ถ้าถูกเชิญไปดื่มกาแฟหรือกินข้าว ก่อนกลับเจ้าของบ้านจะเชื้อเชิญให้เดินดูทั่วบ้าน หรือเราก็สามารถเดินดูได้ทั่วบ้านโดยเจ้าของบ้านไม่ต้องเชิญ ดูได้จนถึงห้องนอน ห้องส้วม ได้หมด จากคุณ : ต้นลูกตาล - [ 27 ม.ค. 48 00:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อยู่เมกาึค่ะ มาใหม่ๆ กินอะไรเรียกหา ketchup ตลอด ก็มันชินอ่ะ อยู่เมืองไทย กินพิซซ่า KFC French fries ไข่เจียว ก็กินกับไอ้ซอสมะเขืิอเทศเนี่ย ตามร้านยังมีขวดตั้งไว้ให้ไม่ต้องร้องหาให้เมื่อยปาก แต่พอมาอยู่กับ homestay ที่นี่ เค้าสั่งพิซซ่ามากิน เราก็เดินไปหยิบ ketchup โฮสต์ก็มองหน้าแปลกๆ หลังๆ เค้าเริ่มจับไต๋ได้ว่าเรากิน ketchup กับอะไรทุกอย่างที่เป็นอเมริกัน ก็เลยโดนแซวว่า Ketchup ไม่ใช่สัญลักษณ์ของอาหารอเมริกันนะ เราก็ อ้าว ก็ชั้นชอบของชั้นอย่างนี้นี่หว่า แต่พอลองกินพิซซ่าของที่นี่เพียวๆ ก็อร่อยดี ไม่เหมือนร้าน fast food ในเมืองไทยอ่ะ แห้งๆ จืดๆ พอตอนหลังโฮสต์เห็นว่าไม่กิน พิซซ่ากับ ketchup แล้ว พี่แกชมเี่ราว่า " I'm so proud of you" แป่ววววว หนูไม่ได้ชนะเลิศรางวัล Nobel นะคะ จากคุณ : nemojung - [ 27 ม.ค. 48 01:05:27 A:68.39.177.112 X: TicketID:056497 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เรียนมัธยมที่ญี่ปุ่น คาบพละ  ต้องเปลี่ยนชุด ชายหญิง ถอดเปลี่ยนมันในห้องเลยอ่ะ ไม่มีการไปเปลี่ยนในห้องน้ำ แต่แหม  ยังไม่ได้เห้นอะไรดีๆ ยกเว้น ขาโตๆ ขาวๆ จากคุณ : หน้ากากแอ๊คชั่น - [ 27 ม.ค. 48 02:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอตรงข้ามบ้างนะ ฝรั่ง อึ้งมาก ที่เราใช้กระดาษเช็ดก้น เช็ดปากได้ แถม ทำกล่องใส่ อย่างสวยงามด้วย จากคุณ : Pamela - [ 27 ม.ค. 48 03:10:07 A:81.38.172.72 X:80.58.33.107 TicketID:079091 ]

ความคิดเห็นที่ 72 Netherland fastfood: Buy hamberger & fries, have to pay extra for Ketchup.  Go to the bathroom, door is coin operated. จากคุณ : Tisco fan - [ 27 ม.ค. 48 05:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เรื่องที่เล่าๆ มาข้างบน เคยเจอสมัยเด็กๆ น่ะ ตอนนี้มา uk ตอนโตแล้วเลยปรับตัวได้ง่ายหน่อย แต่ที่ยังติดนิสัย พยายามระวังอยู่คือ ไม่เสนอความช่วยเหลือสุ่มสี่สุ่มห้าสุ่มหก ฝรั่งบางทีเขาจะ independent มากๆ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางทีเขาจะไม่ยุ่งกันถือว่าส่วนตั๊ว ส่วนตัว บางทีเห็นเขาหยิบอะไรจุกจิกๆ ไม่ถนัด จะเผลอไปช่วยเขาถือของเรื่อย ลืมตัว เพราะถ้าเป็นเพื่อนคนไทยส่วนใหญ่ เราจะชอบเอ่ยปากช่วยอะไรกุ๊กๆ กิ๊กๆ แบบผู้หญิงประมาณช่วยถือของ หยิบของ เก็บ sheet ให้ แต่ทำกับเพื่อนฝรั่งจะดูว่า อีนี่ nice เว่อร์จนดูเหมือน fake หรือไม่ก็ stupid ดูง่ายๆ มีเพื่อนคนจีนคนนึง เขามาจอยน์คลาสเราทีหลัง คลาสเมตในชั้นเราที่เป็นฝรั่งก็เป็นแฟลตเมตกับเพื่อนคนจีนคนนี้ ก็เห็นดูคุยสนิทกันดี แต่เพื่อนคนจีนที่เพิ่งคุยกับเราแค่สองวันเดินมาขอ sheet เก่าๆ เราที่ห้องไป cerox ทั้งๆ ที่เพื่อนฝรั่งเขา ก็เรียนห้องเดียวกัน คือ เรียกว่า ฝรั่งบางคนเขาจะไม่เอื้อเฟื้ออะไรกันเท่าไหร่ คุยกันน่ะคุยได้ แต่ถ้าฉันเข้าห้องปิดประตูแล้วก็ตัวใครตัวมัน แต่ก็ใช่ว่าเขาไม่มีน้ำใจน่ะ เป็นลักษณะ culture เขามากกว่า แต่นิสัยคนไทย จะเปิดๆ เรือ่งช่วยเหลือกันหน่อย ไม่ค่อยถืออะไร เรื่องขอ copy เรื่องให้ยืม notes นี่เป็นเรื่องปรกติมาก แต่ก็แปลกบางทีเรื่องมารยาทเนี่ย ฝรั่งเขากินเราขาด เวลาเขาเปิดประตูเขาจะคอยระวังว่ามีคนตามหลังเขาไหม ยิ่งผู้ชายที่ เป็นผุ้ใหญ่เขาเปิดรอให้เราเลย เรื่องเขาแถวซื้อของก็เหมือนกัน เขาจะเป็นระเบียบมาก ถ้าเรามาก่อนเขาจะผายมือให้เราทำ ธุระก่อนตลอดไม่ว่าจะเป็นแถวประเภทไหน แต่ถ้าเดินตามหลังคนจีนน่ะ ประตูแทบเด้งใส่หน้า หรือ เวลาต่อแถวถ้าก่ำกึ่งๆ พี่จีน พี่ไทยแกแซงได้ไม่เขินไม่อาย จากคุณ : Nina (นู๋ปิ๋มมี่) - [ 27 ม.ค. 48 05:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 74 culture shock Thailand มีเป็นหนังสือหนาเป็นร้อยหน้า เจ้าของภัตตาคารใจดีมากถึงมากที่สุด สั่งอาหารเปลี่ยนเครื่องปรุงได้ ชอบรสไหนบอกได้ เอาอาหารเหล้าจากข้างนอกไปกินได้ ทุกคนไม่สูงกว่า ก็ต่ำกว่าทุกคนเสมอ ไม่มีความเท่าเทียมทางสังคม การวัดดูที่นามสกุล ฐานะ การศึกษา เสื้อผ้า รถ ทุกคนมีชั้นวรรณะทางสังคม I and you ทีคำเป็นสิบๆคำในภาษาไทย ผู้หญิงสามารถบอกได้อย่างภูมิใจว่าตัวเองชื่อ หมู หรือ อ้วน ต่อให้จนที่สุด หรือได้รับความอยุติธรรมอย่างที่สุด ก็คิดเสมอว่าตัวเองโชคดีแล้วที่เกิดเป็นคนไทย ทุกๆที่มีผี ไม่ว่าจะบ้าน โรงแรม ใหม่หรือเก่า ผีมีชนิดต่างๆ แล้วมีหมอผีมาปราบได้ด้วยบ้านฝรั่สร้างมาร้อยๆปียังไม่มีการกลัวผีขนาดนี้ มักเงียบเมื่อถูกถาม แต่แล้วปรากฏว่าที่นั่งฟังมาไม่เข้าใจเลย วุ่นวายกับเรื่องอาหารการกินมาก สั่งซื้อเป็ดย่างข้ามทวีปกันได้เป็นเรื่องปรกติ พร้อมกับที่บอกว่าผู้หญิงไทยรักนวลสงวนตัว แต่มี Sex Industry ใหญ่ที่สุด เปิดเผยมากที่สุดแห่งหนึ่ง ใครก็เข้าไปได้อยู่กลางเมือง พร้อมกันนั้นผู้ชายถือว่าการนอนกับโสเภณีเป็นเรื่องแสดงความเป็นชาย ใส่กางเกงยีนส์และเครื่องแต่งกายเต็มที่เล่นน้ำทะเล work and party เป็นคำเดียวกันในภาษาไทย เรื่องประหลาดใดๆในประเทศสามารถตีเป็นตัวเลขบอกใบ้หวยได้ มีมาเฟียอยู่ทุกถนนที่จอดรถแล้ว ต้องจ่ายเงินในกรุงเทพ ให้ยาแก้อักเสบตลอดเวลา และแค่เจ็บคอ คนไทยจะไปโรงพยาบาลแล้ว ทุกคนยิ้มเวลาถ่ายภาพแม้ในงานศพ เกลียด กลัวฝรั่งและคิดว่าฝรั่งส่วนมากเหยียดผิว แต่ยังอยากไปเรียนต่อเมืองฝรั่ง ขับรถฝ่าไฟแดงก็ไม่ถูกจับ เพราะตำรวจอยากได้สองร้อยบาทมากกว่า อวัยวะของร่างกายก็มีลำดับขั้นความศักดิ์สิทธิ เท้าถือว่าต่ำ ยังมีอีกเยอะ จากคุณ : nut - [ 27 ม.ค. 48 06:35:25 A:137.222.234.130 X:137.222.10.67 TicketID:076480 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อีกอันที่ช็อค ที่ฝรั่งเศส ช่วงหน้าร้อน เวลาขับรถไปชายหาด ระหว่างทางจะเห็นรถบางคันที่เปิดหน้าต่างทางฝั่งคนนั่ง แล้วก็เอาเท้ายื่นออกมานอกรถพาดไว้กะกระจกข้าง ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แหมช่างสบายอะไรเช่นนี้ (กลัวลมไม่โกรก) เห็นมาเยอะด้วย^^" จากคุณ : bordeaux - [ 27 ม.ค. 48 17:52:38 ]

ความคิดเห็นที่ 76 Cultrue shock เมื่อตอนเที่ยงนี่เอง เหตุเกิดที่เอ็มโพเรียม เมืองไทย  สองสาวหมวย-ไม่แน่ใจว่าชาติไหน-มาเลือกซื้อกางเกงลดราคา แล้วเธอก็ลองใส่โดยการถอดตัวเก่า ใส่ตัวใหม่ หน้ากระจกเงาตรงบริเวณที่โชว์สินค้านั่นแหละ มีเพื่อนช่วยเอาเสื้อบังๆท่อนล่างให้แค่นั้น  ทั้งที่ห้องลองเสื้อก็ห่างไป5-6ก้าว อึ้งไปเรยยยย จากคุณ : ต้นปู - [ 27 ม.ค. 48 18:01:59 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อายุก็ปาเข้าไป36   แต่เพื่อนฝาหรั่งทายว่า16-20ต้นๆ    อาฟเตอร์ช๊อคไปเลยคุณน้องขา.. จากคุณ : kunpet35 (kunpet35) - [ 27 ม.ค. 48 18:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อีกเรื่องหนึ่ง (ขึ้นอยู่ว่าอาศัยอยู่ในเขตของเคาท์ซิลไหน ในอังกฤษ) เช่น ห้ามให้รั้วบ้านสูงเกินกว่า สี่ เมตร    ห้ามใช้รั้วลวดหนาม เพราะถ้าขโมยบาดเจ็บจากการปีนบ้านของเรา เจ้าของบ้านอาจถูกฟ้องร้อง หรือ ถ้าไปกองสุมสิ่งของใกล้รั้ว แล้วขโมยปีนเข้าบ้านแล้วเหยียบถูกกองไม้ที่สุ่มไว้ตกลงมา เจ้าของมีโทษ (อันนี้มาจากปากคำของตำรวจ บอกให้ย้ายลังไม้ออกไม่ให้สูงเกิน เพราะเป็นอันตรายและเป็นอุบัติเหตุแก่นักปีนบ้าน)    ถ้าขโมยเข้าบ้าน แล้วไปใช้ปืนป้องกันขโมย มีสิทธิ์ติดคุกแทนขโมย และถูกฟ้องจากขโมยในฐานที่ทำให้เขาไม่สามารถทำอาชีพขโมยได้ จากคุณ : บีพี - [ 27 ม.ค. 48 21:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เรื่องล้างจานแล้วไม่ล้างน้ำเปล่าตบท้าย นี่ก็เจอเหมือนกันค่ะ เห็นแล้วอึ้งเลย พอเค้าชวนไปทานข้าวที่บ้านเค้า เราก็นึกไปถึงเรื่องนี้ทุกที กินไม่ค่อยสะดวกยังไงไม่รู้ เรื่องสั่งน้ำมูก  นั่งอยู่ในรถไฟ เห็นเด็กสาวๆ หน้าตาสวยๆ พอน้องเค้าสั่งน้ำมูกที ยังกะแผ่นดินไหว ปืด ปาด เสียงดังกลบตู้เลย เห็นแล้วหมดอารมณ์เลย หน้าตาก็ออกจะสะสวยไม่น่าเลย เรื่องแอบดู ไม่รู้ที่อื่นเป็นหรือเปล่า แต่ที่สวิสนะ เวลาเราเดินตามถนน หรือตามซอย จะเห็นได้บ่อยมีคนแอบดูอยู่ตรงหน้าต่าง ทั้งๆที่มีผ้าม่านปิด แต่เวลาที่เราเดินจากมุมไกลๆ น่ะจะเห็นว่ามีคนดูอยู่ แล้วแม่สามีก็แล้วใหญ่เลย ท่านลงทุนซื้อกล้องส่องดูดาว แต่ไม่ดูดาวหรอกนะ ส่องดูชาวบ้านว่าเค้าทำอะไรกันบ้าง กล้องส่องทางไกลเหมือนที่ไปส่องสัตว์ก็มีนะ  เนี่ย ตามถนน ตามมุมก็จะมีกล้องติดอีกเหมือนกัน บ้านนี้เมืองนี้เป็นประเภทที่ชอบคอลโทรล สอดส่องดูแลความสงบเรียบร้อย นิสัยนี้คงติดมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา เพราะเค้าว่ากันว่าที่เป็นอิสระได้วันนี้เพราะไม่ชอบไปมีเรื่องกับใคร แต่จะจับตาดูความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว จากคุณ : lilien - [ 27 ม.ค. 48 22:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อ่า...มายืนยันและสนับสนุน #77 ค่ะ  เพราะเคยเจอกับตัวเอง ตอนนั้นกับแฟน ก็นึกสนุกกันว่าเอ...วันนี้ไปดูการแข่งม้าดีกว่า... พอไปถึงสถานที่  และก็เลือกจะเข้าไปดูการแข่งม้า แต่พอจะเดินเข้าประตู ก็มีลุงฝรั่งที่เป็น Security แกเดินเข้ามากั้นเราไว้ และถามว่า "How old are you?" ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็ทำหน้างงว่าทำไมต้องถามอายุด้วย แต่ก็ตอบไปพร้อมกับทำหน้างง "I'm 33." แกทำหน้าไม่เชื่อค่ะ.. พร้อมกับถามหา ID  แต่ตอนนั้นเพิ่งมาอยู่อเมริกาใหม่ ๆ ซึ่งกำลังรอเรื่อง SSN, Workpermit และ Green Card ที่อเมริกาอยู่ จะมีก็แต่ Thai ID ก็คงใช้ไม่ได้  ... และแกก็มองมาที่แฟนเรา และก็ยังทำหน้างงอยู่ ต้องให้แฟนมายืนยัน แต่ในที่สุดแกก็ปล่อยให้เราเข้าไป พอเข้ามาได้ ก็ถามแฟนว่าทำไมเหรอ...แฟนก็เลยบอกว่าที่นี่เค้าห้ามคนที่อายุต่ำกว่า 21 ปี เข้ามาในนี้  ต้องเป็น 21 ปีขึ้นไป.... หลังจากรู้เหตุผล ก็เลยอึ้ง....อ้าวนี่เราหน้าเด็กกว่าวัยรุ่นฝรั่งเลยเหรอนี่...อิอิ แต่เรื่องจริง คนเอเชียจะดูแก่ช้ากว่าฝรั่ง...เพราะโครงร่างเราตัวเล็ก จากคุณ : JC2002 - [ 27 ม.ค. 48 22:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ที่เบลเยี่ยมค่ะ ก็มีแบบล้างจานแล้วฟองติดตรึม  แล้วเช็ดเลย   อีกอัน แม่แฟน เวลากินอาหารเหลือ แกวางจานลงที่พื้นให้หมากินต่อ งงเลย แฟนเราเอง เคยเห็นบ่อย ๆ เวลาชี้ของที่วางอยู่กับพื้น จะชี้ด้วยเท้า แม่แต่ชี้ของให้แม่ พ่อเค้าดูก็ใช้เท้าเหมือนกัน อืมม  และถ้าใครขับมอร์ไซค์ ออกนอกเมือง เวลาสวนกันกับมอร์ไซค์ด้วยกัน จะโบกมือให้กัน เรางงเลย ถามแฟนว่า รู้จักเค้าเหรอ ตอนแรกอ่ะ แฟนบอกมารยาท แล้วพี่แกก็โบกมือให้มอร์ไซค์ทุกคันที่สวนกัน คนที่ขับสวนมาก็โบกมือให้เค้าตลอดเหมือนกัน เออแฮะ  เรื่องยิ้มสยามก็เจอบ่อย ยิ้มผิดที่ ที่นี่เค้าให้ความหมายการยิ้มไม่เหมือนกัน  มีอึหมา หรืออะไรที่ทำให้คนเดินผ่านล้มได้ เจ้าของบ้านนั้นต้องรับผิดชอบ มีวันนึง ใครไม่รู้เอาหมามาอึหน้าบ้าน กองโตมาก โชคดี ฝนตกหนัก  กวาดอึไปเรียบ เราเลยโชคดีไป ไม่ต้องไปล้างเอง แหวะ  ขยะที่นี่ แยกถุง กระดาษส่วนกระดาษ ขวด ส่วนขวด พลาสติก ขยะสดแยกทิ้งคนละวัน เฮ้อ ตรูล่ะเบี่ย   พอก่อน เดี๋ยวไปนึกก่อน เยอะค่ะ จากคุณ : แม่นาง...น้ำดอกไม้ - [ 28 ม.ค. 48 00:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ที่อังกฤษค่ะ -เค้าเรียกชั้นสองของตึกว่า first floor ส่วนชั้นล่างเรียก ground floor -เวลาจะข้ามถนนตรงทางม้าลาย ไม่ต้องกลัวรถชนค่ะ เพราะเค้าจะหยุดให้ แต่ที่เมืองไทยอาจจะโดนด่าเอาได้ค่ะ -ฝรั่งส่วนใหญ่กอดจูบลูบคลำล้วงกันหน้าตาเฉย ตอนแรกshock ค่ะ หลังๆๆเริ่มชิน -คนที่นี่กินเบียร์แทนน้ำค่ะ เอิ๊ก!!!! -ห้องทุกๆๆห้องไม่มีกลอนล๊อคค่ะ แม้แต่ห้องน้ำ อาบไปผวาไป -คนที่นี่เค้าถือเรื่องกฏระเบียบค่ะ มีการเข้าแถว ไม่ใช่นึกอยากจะแทรกก็แทรกค่ะ จากคุณ : นึกไม่ออกแล้วค่ะ - [ 28 ม.ค. 48 01:21:16 A:203.113.39.55 X:203.150.217.113 TicketID:037023 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เอาจานของคนที่ตัวเองกินอาหารเหลือ ส่งต่อให้หมามากินต่อ อย่างนี้รับไม่ด้จริง ๆ จากคุณ : chatchanya - [ 28 ม.ค. 48 01:34:28 ]

ความคิดเห็นที่ 84 กระทู้นี้มันจริงๆ ..... แต่มันก็เป็นความจริงนะ ที่เดนมาร์ก น้ำยาล้างจาน ... ก็เหมือนๆๆ เพื่อนๆ ทุกคนพูดแหละ ไร้สารตกค้าง แต่ว่าน้ำยาขอเค้าสกัดมาจากพืชหน่ะ แต่ถึงอย่างไง เราก็ล้างน้ำทุกครั้ง จากคุณ : baby_lotion - [ 28 ม.ค. 48 02:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ไม่ค่อยเจอะเท่าไหร่ค่ะ ครอบครัวสามีสุภาพและน่ารักมาก แต่ที่เห็นคือ เวลาไปเรียน โดยเฉพาะวิชาช่วงเย็น นักเรียนเรียนไป กิน Subway ไปเฉยเลย เราหิวแทบตายยังไม่กล้าต้องรอเบรคก่อน  อ๊าว อาจารย์สอนๆ ไปฉีกซองมันฝรั่งเรย์กินเฉยเรย อีกอย่างนักเรียนที่นี่ช่างขยันแสดงความคิดเห็นได้คิดเห็นดี ยกมือกันสลอนเชียว บางทีเยอะจนอาจารย์ทำเป็นไม่เห็นก็มีอะ นึกถึงตอนอยู่เมืองไทย ก้มหน้าก้มเรียน อิๆ จากคุณ : meneya - [ 28 ม.ค. 48 04:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 86 /\ [] usa. sure แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 48 06:17:13 จากคุณ : ตถตา - [ 28 ม.ค. 48 06:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ทู้นี้ตลกมากค่ะ ที่เจอกะตัวเองก็เยอะนะ แบบที่คุณๆ ข้างบนๆ เล่ามาอ่ะค่ะ แต่ว่าที่รับไม่ได้คือล้างจานด้วยน้ำยาแต่ไม่ได้ล้างน้ำเปล่าตามอ่ะ ไม่รู้ว่าเวลากินนี่จะได้รสชาติน้ำยาล้างจานด้วยรึเปล่า อึ๋ย... เราไปหาๆ ข้อมูลมาค่ะ เค้าบอกว่าที่ทำอย่างนั้นเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ ส่วนมากพฤติกรรมนี้ทำในยุโรป เค้ากลัวมีปัญหาค่ะ เพราะเมื่อก่อนเกิดการขาดแคลนน้ำกันมาก ก็น่าเห็นใจนะ แต่ว่าถ้าตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้วก็ล้างน้ำมั่งก็ได้ กัวว ส่วนเรื่องใส่รองเท้าเข้าบ้านนี่ก็ธรรมดานะคะ ยังโอเค แต่บางคนใส่ขึ้นเตียงนอนนี่ดิ เอ่อ... เราว่าเกินไปอ่ะ จากคุณ : พัชชา - [ 28 ม.ค. 48 09:35:15 A:172.139.231.41 X: TicketID:076829 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เผอิญไปอ่านเจอกระทู้สินสอด ก็เลยทำให้นึกออกว่า คัลเจอร์ ช๊อค ของเราคืออะไร ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่ประเทศไทย จึงเริ่มรู้สึกว่า หากจนนี่คงหมดหวัง กับการมีเมีย จากคุณ : ยาโมเมะ - [ 28 ม.ค. 48 10:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 89 -คนญี่ปุ่นอาบน้ำ แช่น้ำร้อนยังกะน้ำลวกไก่ (แช่ไปได้ไงเนื้อไม่สุกหมดเรอะ) -กินบะหมี่ ซุป อารหารประเภทเส้น ๆ น้ำ ๆ ให้ซู๊ดดดด...เสียงดัง ๆ งั้นแสดงว่าไม่อร่อย -กินบะหมี่ชามเท่าหม้อ ตบท้ายด้วยข้าวผัดอีกจาน (กินไปได้ไง ท้องไม่แตกเรอะ) -จะทิ้งพวก หนังสือ หนังสือพิมพ์ พลาสติก ขวดแก้ว กระป๋อง บ้านเราขายรถซาเล้ง ได้ตัง ที่นี่ต้องเอาใส่รถไปทิ้งที่โรงงานรีไซเคิลของอำเภอที่เราอยู่ ก่อนเข้ามีตรวจบัตรว่าเป็นคนในพื้นที่รึเปล่าไม่งั้นไม่ให้เข้า ชั่งน้ำหนักรถ ขับรถเข้าไปทิ้งเป็นจุด ๆ(แยกประเภทด้วย) ขาออกชั่งน้ำหนักรถอีกที หายไปกี่โลแสดงว่าเอาขยะมาทิ้งเท่านั้น เสร็จแล้วจ่ายตังค์ ช็อค...บ้านเราได้ตังค์ที่นี่เสียตังค์ งง ..งง -มาใหม่ ๆ ช็อค ราคาอาหาร จนไม่กล้าหยิบจับอะไร ผักกาดขาว เศษหนึ่งส่วนสี่หัว ร้อยยี่สิบเยน มะเขือเทศลูกล่ะร้อยสี่สิบ แตงกวาลูกละแปดสิบ เนื้อ หมู ไก่ ขายเป็นกรัม โธ่...บ้านเราขายเป็นกิโล ๆ -อยู่บนรถไฟ รถเมล์ ที่สาธารณะ ห้ามใช้โทรศัพท์ บ้านเราลองให้เป็นมือถือ พูดได้ทุกที่ -มีนัดกับคนญี่ปุ่นมาก่อนล่วงหน้าสิบนาที คนไทยมักมาเลทสิบนาทีเป็นอย่างน้อย -ไม่มีการให้ทิป เพราะถือว่าค่าบริการรวมอยู่ในค่าอาหารแล้ว บ้านเราลองไม่เหลือไว้ในถาดมั่งพนักงานมันมองหน้าจัง.. -เดินเร็วกันจัง จะรีบไปใหน เดินตามไม่เคยทันสักที (เอะ..หรือว่าเราขาสั้นเองหว่า) -คนข้างบ้าน ไม่รู้จักกันหรอก ไม่มีมานั่งตั้งวงก๊งเหล้ากันแบบบ้านเราหรอก -ไม่มีใครรู้หรอกว่าใครได้เงินเดือนเท่าไหร่ โบนัสเท่าไหร่ มีเงินเก็บเท่าไหร่ ต่อให้สนิทกันแค่ใหนก็เหอะ พ่อแม่ยังไม่รู้ของลูกเลย -ไม่มีคนรับใช้ ไม่มีแจ๋ว ไม่มีพี่เลี้ยงเด็ก แต่บ้านเราหาได้ง่าย ๆ -จ้างงานกันตลอดชาติ จึงไม่ค่อยเห็นคนญี่ปุ่นเปลี่ยนงาน ย้ายงานกันเลย (มีก็น้อยมาก) -มีอะไรผิดพลาดชอบโทษตัวเอง -คนญี่ปุ่นไม่รู้หรอกว่าตัวเองเกิดวันอะไร จันทร์ พุทธ พฤหัส ศุกร์ ไม่มีใครจำ รู้แต่ว่า วันที่ เดือน ปี อะไรเท่านั้น -หาดูกระเทย รักร่วมเพศ ทีนี่ยากสักหน่อย บ้านเราเรอะ เกลื่อนเมือง มีทุกหย่อมหญ้า -ชนชั้นวรรณะ ไม่ค่อยเห็น บ้านเราชัดเจนมาก -ข้าวของเครื่องใช้ เสียแล้วไม่ค่อยซ่อมกันหรอก ทิ้งอย่างเดียว ราคาซื้อใหม่พอ ๆ กะค่าซ่อม บ้านเราต้องเอาไปซ่อมก่อน ไม่ทิ้งกันง่าย ๆ (ก็ของมันหายากนี่นา) -ผู้หญิงสูบบุหรี่เป็นเรื่องธรรมดา -อายุยืนกันจัง อยู่กันเป็นร้อย ๆ ปี ทำได้ไง -มีคนญี่ปุ่นหลายคนที่ไม่นับถือศาสนาใด ๆเลย ---------------------------------------------------- นึกไม่ออกล่ะ ---------------------------------------------------- มาเพิ่มอีกข้อนึง -น้ำที่ใช้ทุกวัน ทิ้งลงท่อไป กดชักโครกไป เสียตังค์ด้วย เรียกเก็บรวมในบิลค่าน้ำถ้าเสียค่าน้ำหนึ่งหมื่นนั่นเป็นค่าน้ำที่เราใช้ครึ่งนึง ค่าน้ำเสียที่เราทิ้งลงท่ออีกครึ่งนึง (ของจะทิ้งยังเสียตังค์อะ) แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 48 14:08:33 จากคุณ : กาปุ้ย - [ 28 ม.ค. 48 15:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เพิ่มเติม Japan Culture Shock เข้าไปอาบออนเซ็น(น้ำพุร้อน) ครั้งแรก เจอผู้ชายเดินโทงๆออกมาเลย โอวววว์ ซ๊อออก จากคุณ : Leontief - [ 28 ม.ค. 48 19:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 91 อ่าน..ข้างบนแล้ว รู้สึกว่าวัฒนธรรมญี่ปุ่น คล้ายๆกะเกาหลีเลยแฮะ จากคุณ : kanomping - [ 28 ม.ค. 48 23:41:53 ]

ความคิดเห็นที่ 92 มาเพิ่มเติมว่าที่เมืองนอก (อเมริกา) เวลาแต่งงาน พ่อแม่ผู้หญิงเป็นคนออกค่าใช้จ่ายค่ะ จากคุณ : พัชชา - [ 29 ม.ค. 48 01:40:54 A:172.209.87.73 X: TicketID:076829 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ขอหนับหนุน77คุณkunpet35และ80คุณjc2002 ,,,,ไปซี้อบุหรี่ให้แฟนเขาก็ไม่ขาย อยากไปเล่นคาสิโนเขาก็ไม่ให้เข้า ไปร้านอาหารก็โดนซุบซิบนินทาว่าไปหลอกเด็กมาเป็นเมีย อายุก็ปาเข้าไป35แล้ว ยังหาว่าเราวัยทีนเอจอยู่เรื่อย ตอนแรกเป็นปลื้มอยู่หรอก ตอนนี้ชักโมโหแล้ว คงเป็นเพราะสาวเอเชียตัวเล็กกระมัง จากคุณ : สาวใต้ตาคม (vikorn) - [ 29 ม.ค. 48 05:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 94 อันนี้เกิดในเมืองไทย เรารู้สึกว่าช็อคอย่างแรง สาวน้อยสาวใหญ่ชาวเกาหลีที่มาเล่นกอล์ฟในเมืองไทย เธอแก้ผ้ากันโทง ๆ ในห้องลอคเกอร์เลยค่ะ สาวไทยใจกล้าอย่างดิฉัน ได้แต่เอาหน้ามุดเข้าไปในตู้ลอคเกอร์ กลัวมันติดตา ก็แหม แต่ละนางทั้งอวบทั้งเหลือง จากคุณ : A-Chee - [ 29 ม.ค. 48 07:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อิอิ อันนี้ก็เกิดในประเทศไทยค่ะ เราไปว่ายน้ำที่สระของมหาวิทยลัยทีจบมาเพราะใกล้หอพัก แล้วสาวจีนสงสัยพวกนักเรียนแลกเปลียน แก้ผ้าเฉยเลยอ่ะ เราอาบน้ำใส่เสือผ้าเสร็จออกมา ช๊อค เห็นตรูดเจ๊แก รีบเข้าห้องน้ำอาย นึกว่าแกไม่รู้ว่ามีคนอื่น ปรากฎเราออกมาแล้วแกก็ยังเพิ่งใส่ กกน. ซีทรูเสร็จ + โชว์อกต่อไป แป่ว อายแหมน่าจะมองซักพัก เสียดายซะแล้ว + แฟนเราก็ใช้เท้าชี้ด้วย เราเคยบอกแล้วว่าอย่าใช้เท้าชี้ของ แฟนเค้าลืมเอาเท้าชี้ของเราเลยเอ็ด ว่าไม่สุภาพนะก๊าบ จากคุณ : ชฎาแหลม - [ 29 ม.ค. 48 12:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อันนี้ไม่รู้ว่าช็อคหรือเปล่า แต่ผิดหวังเล็ก ๆ ที่โรงหนังที่อเมริกา ไม่ให้จองที่นั่งไว้ ถึงเวลาใครอยากนั่งไหนก็ได้ มาก่อนนั่งก่อน ใครเข้าช้าก็อดนั่งที่ดีๆไป ไอ้เราอุตส่าห์ไปซื้อตั๋วตั้งแต่เช้า แต่พอหนังจะฉาย เราไปเข้าห้องน้ำ ตอนจะไปนั่งดูโอ้โห... คนแย่งที่หมดเลยอ่ะ เศร้ามาก... โรงหนังที่นี่สู้ที่เมืองไทยไม่ได้ โรงเล็กๆ จอก็ไม่ใหญ่เท่าที่เมืองไทย เมืองนอกก็ไม่ได้หมายความว่าต้องดีกว่าเมืองไทยเสมอไป จากคุณ : ชินชา - [ 29 ม.ค. 48 13:13:15 A:172.157.229.245 X: TicketID:076829 ]

ความคิดเห็นที่ 97 Culture Shock มีเยอะมากคะ เกิดที่อเมริกาคะ 1. เวลาจาม ฝรั่งที่นี่เค้าพูดว่า Bless you. ถ้าเป็นเมืองไทยก็คงจะหมายถึง...มีคนพูดถึงคุณแน่นอน (หรืออาจนินทาหรืออาจจะคิดถึงก็ได้ 555)... 2. Shock สุด ๆ ก็คือ ถ้าต้องการยาคุม คุณจะต้องผ่านการตรวจร่างกายและขอย้ำตรวจภายในกับคุณหมอด้วยคะ ไม่งั้นเค้าไม่ยอมเขียนใบจ่ายยาให้คุณแน่นอนคะ ต่างกับเมืองไทยที่คุณสามารถเดินไปซื้อยาคุมที่ร้านขายยาได้ตามอำเภอใจ โดยไม่ต้องมีใบเสร็จจ่ายยาคะ 3. ตอนไม่สบายแฟนพาไปหาหมอ พอตอนไปขากลับแวะไปซื้อยาที่ Wal-Mart พนักงานถามว่า What's your daughter's birth date? แฟนก็มองหน้างง ๆ แล้วตอบว่า. She is not my daughter. She is my wife. พนักงานก็ไม่เชื่อใจคะ แฟนเลยหยิบ Green Card มาให้ดู...เอาไปเลย...ดูให้เต็มตา คราวหน้ามาใช้บริการอีกจะได้ไม่ต้องถามคำถามนี้ ทุกวันนี้พนักงานที่ถามคำถามครั้งนั้นก็เป็นเพือนที่ทำงานด้วยกันคะ เห็นหน้ากันทีไรอดขำไม่ได้ 4. Shock และกลัวสุด ๆ ก็ตอนไปงานแต่งงานของเพื่อนแฟนที่นิวออร์ลีนคะ แฟนให้ดิฉันไปสั่ง Margarita ให้คะ พอดิฉันไปสั่งที่เคาน์เตอร์ ฝรั่งคนที่ทำงานที่เคาน์เตอร์มองหน้าแปลก ๆ เพราะเป็นคนเอเชียคนเดียวที่โผล่ในงานนี้ ทำให้บรรยากาศรู้สึกกลัว ๆ อาย ๆ ปนไปหมด จากนั้นฝรั่งก็คนที่เสริฟเครื่องดื่มก็ถามว่า Can I see your ID please? ดิฉันตกใจแทบแย่คะ เพราะกระเป๋าตังค์ก็ทิ้งไว้กับแฟน ที่ถือมาก็มีแค่เงินค่าทิปให้เค้า ก็เลยบอกเค้าว่า I don't have ID card. My ID card is in my pursc with my husband. ฝรั่งก็เลยถามว่า How old are you? I'm 23 years old. แฟนก็นั่งอยู่ที่โต๊ะ แอบชำเลืองอยู่ตลอดเวลา ก็รู้ว่าต้องมีปัญหาก็เลยเดินมาหาที่เค้าเตอร์พร้อมส่ง Green Card ให้พนักงานคนนั้นดูคะ จากนั้นเค้าก็เลยยอมทำ Magarita ให้คะ แต่ดิฉันยังไม่หายกลัวคะ เพราะคิดว่าฝรั่งคนนั้นต้องคิดว่าดิฉันเป็นโรบินฮู้ดแน่นอน ก็เลยตัดสินใจถามแฟนคะ แฟนก็เลยบอกว่าไม่ใช่ ฝรั่งคนนั้นเค้าคิดว่าดิฉันอายุต่ำกว่า 21 ปีคะ พอได้คำตอบจากแฟนก็เลยหายใจคล่องมากขึ้น 5. วันนี้ได้เจอเรื่องที่ shock จริง ๆ คะ ไม่ใช่ Culture shock หรอก แต่เป็นการกระทำของคนอเมริกันที่คนไทยเราเค้าไม่ทำกันคะ ดิฉันทำงานที่ Wal-Mart เป็นปกติที่ตอ้งเจอเรื่องแปลก ๆ เยอะมาก แต่วันนี้ไม่ค่อยเหมือนวันอื่น ๆ คะ ดิฉันทำงานด้านสต๊อคคะ พอดีได้เอาสินค้าออกมาจากสต๊อคและจัดวางในชั้นให้พนักงานขาย แต่ลังกระดาษที่ใส่สินค้านั้นดิฉันก็ใส่ในรถเข็นยาว ๆ ไว้คะ และก็เข็นจะเอาลังนั้นไปเข้าในสต๊อคข้างหลัง แต่ระหว่างทางที่เข็นของนั้น ระยะทาง 10 เมตร มีเด็กฝรั่งอายุประมาณ 6-7 ขวบนะคะ ปั่นจักรยานจากแผนก Toy มาจนถึงแผนก Houseware คะ แต่ท่าทางการปั่นของน้องคนนี้ดูมาดมั่นมากคะ น้องคนนี้ได้อารมณ์ซึ่งสุด ๆ มาอย่างเร็วต่อหน้าต่อตาดิฉันประมาณ 10 เมตร...ดิฉันก็คิดในใจว่าจะต้องโดนชนเต็ม ๆ แน่เลย แต่มีอยู่สองจุดคะ เด็กคนนี้จะขับรถชนดิฉันหรือน้องเค้าจะชนชั้นวางของตรงทางเดินกันแน่ ดิฉันจึงได้รวบรวมสติขอหลบไปข้างหน้าก่อน ยังไงก็ขอจับเอาจับจักรยานคันนี้ให้หยุดให้ได้ แต่เชื่อไหมคะ พอจังหวะที่น้องเค้าจะชนดิฉัน 2 เมตร น้องเค้าตกใจขับชนชั้นวางของเฉยเลย ผิดคาดคะ ...ดิฉันก็ตกใจแทบแย่รีบวิ่งไปพยุงช่วยเด็กผู้ชายคนนั้น แล้วก็ถามเค้าว่าเจ็บตรงไหนไหม เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่สีหน้าน้องเค้าเหมือนจะร้องให้เพราะชนอย่างแรงคะ พอสักพักพ่อเด็กเดินมารับเด็กคนนั้นคะ ....แม้แต่คำว่า ขอโทษ...หรือ ขอบคุณสักคำที่ดิฉันช่วยพยุงลูกชายของเค้า ก็ไม่มีเลยสักคำ แถมยังด่าลูกชายอีกต่างหาก (ไม่รู้ด่าดิฉันตามหลังหรือเปล่าก็ไม่รู้ แหะ ๆๆ) นี่ถ้าลูกชายเค้าเจ็บหนักก็คงสู Wal-Mart แน่นอน รู้ ๆ กันอยู่คนที่นี่เค้าชอบสูกันคะ แต่ก็คงจะเป็นข่าวใหญ่แน่ถ้าดิฉันบาดเจ็บ แล้วดิฉันสูพ่อเด็กชายคนนั้น คนอเมริกันคงจะเคยเห็นแต่ Customer sue Wal-Mart แต่ก็คงไม่เคยเห็น Wal-Mart associate sue the customer. 6. เรื่องที่จำไม่เคยลืม ก้ตอนที่ทำงานเป็นพนักงานขายนะคะ บังเอิญดิฉันทำงานอยู่ที่แผนกตกแต่งบ้านนะคะ ก็เป็นธรรมดาที่จะมี หมอน ผ้านวม ผ้าม่าน พรม ผ้าขนหนู เต็มไปหมดคะ มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่ห้างคะ ขณะนั้นดิฉันทำงานอยู่ที่แผนก ดูแลความเรียบร้อยของแผนก  จู่ ๆ รองเท้าลอยมาจากไหนไม่ทราบมุมผ่านหน้าดิฉันไปเกือบโดนลูกค้าคุณยายคนหนึ่งคะ แต่บังเอิญตอนนั้นลูกค้าคนนั้นยังไม่รู้ตัวคะ ดิฉันก็มองหาแต่ไม่ยักกะเจอเจ้าของรองเท้าค่ะ คิดในใจ...ฮึ่มอดทนไว้นะ....ถ้ามีอีกขอด่าฝรั่งสักนิดหนึ่งก็แล้วกัน มาอยู่อเมริกาเกือบสองปียังไม่ได้เคยด่าใครเลย พอสักพักดิฉันรู้สึกว่าหมอนที่เรียบเรียงอย่างสวยงามมันหายไปไหนน้อ...ที่ไหนได้รองเท้าลอยมาอีกข้างหนึ่งข้ามหัวดิฉันไปอย่างไม่เกรงกลัวใด ไอ้คนที่โยนรองเท้ามันพากันเอาหมอนของดิฉันหลบรองเท้าเพื่อนมันคะ ...แต่รองเท้าข้างนั้นไปชนรถเข็นของคุณยายคนเดิมคะ ดิฉันโผล่ไปหาเจ้าของรองเท้าทันที แถมมีลูกค้าคุณยายแก่เดินมาสนับสนุนอีกรอบ...เอาละคะ ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงด้วย เต็มที่เลยเรา คุณยายก็เชียร์เหลือเกิน...Stop play like this! If you want to play like this please get out of here. This is store is not your play grond. ไม่น่าเชื่อคะ ภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยจะดีของดิฉันใช้ได้ผลคะ วัยรุ่น 4 คนวิ่งเตลิดออกจากห้างทันทีคะ แต่ดิฉันก็ไม่หยุดคะ ทิ้งท้ายด้วยคำว่า...Please give me back my pillow. วัยรุ่น 4 คนยื่นหมอนให้แล้วก็รีบวิ่งออกจากห้างทันทีคะ ถ้าเมืองไทยเราก็คงหายากนะคะ ไม่เคยเห็นเลยคะ แต่ที่นี่มีหลายรูปแบบคะ ในสังคมที่เจริญแล้ว แต่ก็ยังมีสังคมบางจุดที่ยังด้อยการพัฒนาอีกเยอะ เรื่องราวเปิ่น ๆ แปลกๆ มีให้เห็นทุกวัน Real American life and real American people are in Wal-Mart. ต้องขอโทษที่แก้ไขข้อความหลายรอบ เพราะว่าง่วงสุด ๆ คะ แต่อยากแชร์ประสบการณ์คะ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 48 13:49:24 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 48 13:43:54 จากคุณ : roslita - [ 29 ม.ค. 48 13:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 98 อยากได้หัวข้อ tip แบบนี้เวลาไปต่างประเทศ คือที่พี่ๆข้างบนพูดมาทั้งหมดเนี่ยละครับ แต่เป็นแบบภาษาอังกฤษ จะเอาไปทำรายงาน ไม่ทราบพอจะมีบ้างมั้ยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : gabriel - [ 29 ม.ค. 48 14:49:08 A:203.209.117.58 X: TicketID:063138 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ชอบมากๆกระทู้ที่สร้างสรรค์อย่างนี้ นั่งอ่านทุกความเห็นเลยครับ ผมไม่เคยไปต่างประเทศเลย (เพิ่งรู้ว่าชายบังคลาเทศไม่ใส่ กกน. แต่เพื่อนผมคนไทยนี่ละครับ ก็ไม่ใส่เหมือนกัน ผมเคยถามมันว่าทำไม  มันบอกไม่ได้ใส่ตั้งแต่เด็ก พอมาใส่ตอนโตเลยรู้สึกรำคาญ -_-" ) อ่านแล้วทำให้ได้ประสบการณ์ขึ้นมากครับ ยังไงต้องขอบคุณครับ ปล.ขำ #63 "เผลอๆเดี๋ยวได้อ่านนสพ ฟรี" จากคุณ : gob_non - [ 29 ม.ค. 48 23:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 100 นึกออกอีก เลยเข้ามาต่อค่ะ มีวันนึงเรียนเกี่ยวกับมารยาท แล้วเค้าให้กาถูก ผิด หน้าข้อนั้น ๆ มีข้อนึงบอกว่า ถอดรองเท้าทุกครั้งที่เข้าบ้านคนอื่น เรากาผิดทันที พอเฉย สรุปเราผิดค่ะ เลยถามอาจารย์ เค้าบอกเป็น มารยาทที่นี่น่ะ เข้าบ้านใครก็แค่เช็ดเท้ากับผ้าปูหน้าบ้าน สองสามปื๊ด แล้วเข้าได้เลย ถอดไม่ได้ น่าเกลียด   ........   อ๋อเหรอ อีกอย่าง แม่แฟน เป็นคนสะอาดมากกกก ระเบียบสุด ๆ จ้างคนมาทำความสะอาดบ้านทุกอาทิตย์ (แต่เรื่องเอาจานข้าวเหลือให้หมากืนต่อ เป็นเรื่องที่เค้าว่า เค้ารักหมาเค้ามาก อันนี้ก็ความคิดต่างกันนะ) ที่นี้เราไม่ได้อยู่กะเค้า แต่แม่เค้าก็ไม่ยอมให้ซื้อเครื่องซักผ้าค่ะ บอกว่าน้ำแพง ให้เอาผ้ามาให้เค้าซักให้เอง ไม่ว่าถุงเท้า กกน ทุกอย่าง เค้าซัก ปั่น รีด และพับให้เรียบร้อย เป็นแม่สามีบ้านเรา หาได้มะ อย่างนี้ ช๊อคเหมือนกันนะ เวลากินข้าว ทุกคนจะดื่มไวน์แทนน้ำ ก่อนอาหารไวน์ขาว พอลงมือกินอาหารก็ไวน์แดง เราเหรอ น้ำตลอดไม่งั้นเมาก่อนพอดี จากคุณ : แม่นาง...น้ำดอกไม้ - [ 30 ม.ค. 48 00:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณนะคับสำหรับประสบการณ์ต่างๆ อ่านเพลินเลยคับ จากคุณ : ปลาฬทราย - [ 30 ม.ค. 48 01:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ที่ทำงานที่ผมอยู่ มีหลายชาติครับ - คนเกาหลี คนจีนเวลากินแล้วมีอะไรเหลือ มันเทลงอ่างล้างจานเลย ถังขยะอยู่ห่างแค่ 2 ก้าว - คนเกาหลี ถ้านั่งเก้าอี้อยู่ แล้วเค้าเวลาเดินชน มักจะเฉย ๆ ไม่พูดขอโทษ - ผู้หญิงฟิลิปินส์สูบบุหรี่กันแทบทั้งนั้น - คนฟิลิปินส์พูดกันชัดทุกเสียง จะไปซื้อแผนที่ ถามคนขายว่า มี map (แม็ป) มั้ย เค้าถามว่าจะเอาแบบพลาสติก หรือแบบผ้า เอ.. อะไรเนี่ย แผนที่มีแบบพิเศษด้วยเหรอ แล้วพาไปที่แผนกขายเสื่อ ผ้าปู (mat) เวรกรรม -_-' เลยคุยภาษามือดีกว่า สุดท้าย เค้าบอกว่า อ๋อ มัปป้า ช็อคมากครับ  ฮ่าๆ จากคุณ : PEDestrain - [ 30 ม.ค. 48 07:14:25 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อันนี้ไม่ใช่ Culture shock นะคะ แต่เป็นความเข้าใจผิดมากกว่า คือ มีฝรั่งคนนึงในร้านอาหารไทย เค้านั่งกินข้าวกับเพือน ๆ หลายคน แล้วเค้าก็พูดกับเพือนเค้าว่า มาร้านไทยต้องกินแบบไทยดิ และแล้วเค้าก็เรียกเด็กเสริฟ ขอตะเกียบกับถ้วยเล็กทันที เรานั่งโต๊ะข้าง ๆ งงเลย มันไทยตรงไหนวะ เราด้วยความเป็นไทยแท้ เลยสะกิดเค้าแล้วบอกว่าไทยเค้ากินกะช้อน และส้อมและจานนี่แหละค่ะ เค้าก็ อ้าวววเหรอ ที่นี้ก็เลยถามเราต่อว่า คำว่าสวัสดีของไทยผมพูดได้นะ คุณฟังนะ ถูกเปล่า(แบบว่าคนนี้เค้าด้วยความอยากอวดเพื่อน) แล้วเค้าก็พูดออกมาอย่างเต็มเสียงว่า "หมาเห่า" เราก็ หา........... ไรนะ เค้าก็พยายามพูดให้ชัดมากขึ้นอีก แต่ก็คำเดิม เราอยากจะขำตรงนั้นเลยอ่ะ เลยบอกเค้าว่า คุณจะพูดว่า "หนีห่าวหมา" ใช่ไม๊ เค้าบอกใช่ๆๆๆๆ เวงกำ จีนโว๊ย ฝรั่งคนนี้สับสนระหว่างไทยกะจีนมาก แถมบอกว่า ตอนแรกไม่กล้าถามเรา เพราะนึกว่าเราเป็นคนจีน อ้าวววเอากะเค้าซิ เฮ้อ สับสนสุด ๆ จากคุณ : แม่นาง...น้ำดอกไม้ - [ 30 ม.ค. 48 17:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เคยไปอ่านกระทู้ของฝรั่งอ่ะค่ะ เรื่องงี่เง่าที่ฝรั่งทำ กับเรื่องงี่เง่าที่คนไทยทำ เหมือนในกระทู้นี้แหละค่ะ ในความคิดของเขาเท่าที่เห็นมา ฝรั่งอย่างในคุณ คคห.103 นั่นก็ติดอันดับฝรั่งงี่เง่าเหมือนกันนะคะ เรื่องใช้ตะเกียบในร้านอาหารไทย เพราะพี่แกคิดว่า "ตอนนี้ข้าไม่ได้คิดว่าข้ากินอาหารไทย" อะไรประมาณนี้ นี่ขนาดเพื่อนร่วมชาติเขายังยอมรับไม่ค่อยได้เลย ฝรั่งคนนี้สงสัยน่าช๊อค+งี่เง่าจริงๆดังว่า เพราะทั้งไทยและฝรั่งลงความเห็นตรงกันเด๊ะขนาดนี้ จากคุณ : คนไทย - [ 30 ม.ค. 48 20:24:51 A:10.30.1.172 X:202.28.77.30 TicketID:080530 ]

ความคิดเห็นที่ 105 อ่านมาหลายวัน เขียนไป 2 ความเห็นแรกๆ วันนี้อ่านตาลาย แต่หนุกดีค่ะ ได้แชร์ความรู้ ประสบการณ์ ช๊อคๆ เหอๆ วันนี้มาเพิ่มอีกอย่างเพิ่งนึกออก ๐ ฝรั่งออสเตรเลีย ซักผ้าเอาผ้าเข้าเครื่อง เอาใส่รวมหมดไม่มีแยกผ้าสีผ้าขาว ไม่มีแยกว่า เสื้อ หรือยีนส์ (ไม่รู้ตั้งได้หรือยัง) หรือถุงเท้า (ดำด่าง) หรือผ้าขนหนู (เช็ดหน้าเช็ดตัว) ใส่รวมกันหมด โห ซกมก แต่พอเราท้วง ก็ว่าเราแปลก แยกทำไม เปลืองน้ำ เปลืองไฟ ผ้าก็คือผ้า สกปรกก็ซักรวมกันได้ ออกมาก็สะอาด แหะๆ เราขอแยกซักเองดีกว่า จากคุณ : Autumn Leaves - [ 30 ม.ค. 48 20:45:51 ]

ความคิดเห็นที่ 106 #12 ถูกเกือบหมด ผมอึ้งเลยจะอาบน้ำเค้าประชดว่าเมืองไทยน้ำคงมีเยอะละสิ โฮสน่ารักมาก จากคุณ : Jotheerapat - [ 30 ม.ค. 48 23:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ++สิงคโปร์++ +พวกคนจีน (จากจีนแผ่นดินใหญ่) เวลาซักผ้า ไม่ชอบใช้ผงซักฟอก เลย stink ไปทั้งถัง.. -*- (เขาว่ากันว่า พวกมานประหยัดเงิน ไม่ซื้อผงซักฟอก ซักน้ำเปล่านั่นแล) +พวกคนจีน (พวกเดิมอะแหละ) กินข้าวโดยใช้ตะเกียบกินกับจาน แต่ไม่ได้ยกจานขึ้นกินนะ heก้มลงกินกับพื้นโต๊ะ เราสะกิดบอกเพื่อน เอ่อ...สุนัขบ้านเรายังกินงามกว่ามันเลย +พวกคนจีน (พวกเดิม เดิ๊มม) คุยเสียงดัง เอะอะโวยวาย คุยโทรศัพท์ทีได้ยินไปทั้งตึก +พวกคนจีน (ไม่บอกแล้วนะ ถือว่ารู้กัน) เห็นแก่ตัวมากค่ะ แซงคิวได้เป็นแซง หน้าหนาเป็นที่หนึ่ง ถือว่าตัวเองเป็นใหญ่ ชิ.. +พวกคนจีน เวลากินข้าว แล้วมีพวกก้างปลา หรือกระดูก จะกองสุมๆไว้ข้างจาน เราเห็นแล้วกินข้าวแทบไม่ลง อยากคายของเก่าออกมาสุดๆ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มอีก กิ๊ดดดดดดดดดด จากคุณ : เบื่อมันจริงๆ (` FLuFFybY~ KeLLy ^) - [ 31 ม.ค. 48 00:49:31 ]

ความคิดเห็นที่ 108 USA. เรื่องไปกินอาหาร แล้วเอาใบเสร็จมาวางไม่แปลกนะ หลายๆ ที่พออาหารครบแล้วก็เอามาวางเลยก็มี เรื่อง Say Hi เดินๆ อยู่ใน Best Buy  พอดูของเสร็จ  ผมก็ร้องบอกเพื่อนที่อยู่ไกลออกไปหน่อย  "ไปเหอะ" ฝรั่งข้างๆ หันมา Say Hi ด้วย เฉยเลย เครื่องหมายถูกของเราเนี่ย มันคือ check mark อย่างนึง  ไม่ได้ระบุค่า ว่าถูก หรือผิด ไปเรียนแรกๆ งง  ตูทำได้ตั้งเยอะ ทำไมมันขีดถูกน้อยข้อจังวะ แล้วข้อที่ขีดมา  มันผิดนี่หว่า แต่พบว่า อาจารย์เกาหลีใช้เหมือนไทย นักเรียนฝรั่งงง อาจารย์ก็เลยต้องประกาศหน้าห้องว่า  เครื่องหมายถูก นี่ good  กากบาท นี่ bad ส่วนเรื่องการจราจร ผมเคยโมโห  ขับรถเร็ว ไม่ได้หยุดให้คนข้าม (วัยรุ่น คนดำ) พี่แกก็หยุดยืนด่ามันอยู่กลางถนนนั่นแหละ  ไม่รู้จักกลัวเล้ย ว่าถ้าเกิดพลาดขึ้นมาแล้วแกจะเจ็บตัว เรื่องคนฟิลิปปินส์ อันนี้เพิ่อนมาเล่าให้ฟัง คนไทย: I would like to send a fax. ฟิลิปปินโน: Ha? ไทย: I want to send fax. ฟิลิปปินโน: Ha? ไทย: I want to fax. ฟิลิปปินโน: Oh! I see...you wanna ฟ๊ากกซ. แบบว่าเขาไม่มีสระแอ จากคุณ : อากง - [ 31 ม.ค. 48 01:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 109 นักเรียนทุนหวย ซึ่งกำลังเรียนภาษาเยอรมันเพื่อเตรียมตัวเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเล่าให้ฟังว่า ครอบครัวที่เขาพักอยู่ด้วย แม่บ้านจะบ่นเรื่องกลิ่นอาหารที่เขาทำ และอาหารไทยที่ซื้อตุนไว้ว่ามีกลิ่นเหม็น รวมทั้งคกดินเผาที่ซื้อมาไว้ใช้ก็ว่าทำให้รก เอาไปตั้งไว้ในตู้โชว์ เขาต้องไปขอเอาคกกลับคืนมา ตอนนี้ย้ายไปอยู่ห้องพักใหม่ ไม่มีแม่บ้านคอยบ่นแล้ว จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 31 ม.ค. 48 04:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ขอแก้คำผิด คำว่า คกดินเผา ที่ถูกคือ ครกดินเผา จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 31 ม.ค. 48 04:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ที่ U.S.A. เมื่อต้นเดือนนี้เอง พาน้องๆครูประจำการจากแอลเอ ไปเที่ยวรัฐโอเรกอน ก็มีพี่ที่นั่นเป็นไกด์พาเที่ยว...โดยพวกเรานั่งรถ 15 ที่นั่ง ขณะกำลังวิ่งอยู่บนฟรีเวย์นั้น มีรถคันข้างๆ มองเห็นน้องๆ (ครูสาว) ในรถเราแล้วก็โบกมือให้ น้องๆ ก็ยิ้มแล้วโบกมือตอบ...เท่านั้นแหละครับ..พวกเราทั้งหมดก็ต้องอึ้ง!!!  ด้วยผู้ชาย 1 ใน 3 ของรถคันนั้นซึ่งนั่งติดหน้าต่าง เปิดกระจกรถ แล้วโชว์ก้น อันน่าเกลียด และก็ขับรถตีขนานคู่กับรถของพวกเราตลอด จนรู้สึกตกใจกันหมด...น้องๆ หน้าซีดกันหมด แบบไม่เคยเจออันแบบนี้มาก่อน... พี่ที่เป็นไกด์พาเที่ยวก็แกล้งหยิบมือถือมา ทำแกล้งโทรหาตำรวจ พวกนั้นถึงหยุดพิเรน..เฮ้อ..ค่อยหายเครียดหน่อย แหม..พวกนั้นต้อนรับแขกต่างรัฐ และต่างเมือง อย่างอึ้ง ทึ่ง เสียว..ซะจริงๆ อีกเรื่อง  ปกติเวลาเติมน้ำมันรถ จะเป็น self service คือจ่ายตังค์ บอกนัมเบอร์หัวจ่าย และก็ต้องเติมเองครับ...แต่ไปรัฐโอเรกอน เกือบเสี่ยวแดก..ครับ แค่จ่ายตังค์แล้วเขาจะเติมให้ครับ...ดีจัง จากคุณ : พี (รางจืดขี้เมา) - [ 31 ม.ค. 48 08:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ที่อเมริกา 1. ปั่นจักรยานไปมหาวิทยาลัยทุกวัน จะมีฝรั่งที่ขับรถผ่าน เปิดกระจกมา แล้วตะโกนใส่ jzkijwk (ฟังไม่รู้เรื่อง) เป็นประจำเดือนละ 4-5 หน เจอคราวแรกแย่มาก ต่อมาก็ชิน บางคนก็รู้สึกว่าตะโกนดี แค่ทักทาย บางคนก็ตะโกนเหมือนด่า เค้าคงเห็นแปลก เพราะไม่ค่อยมีใครปั่นจักรยานแถวนั้น 2. เข้าห้องน้ำไม่มีน้ำล้าง มีแต่ทิชชู หลังจากกลับเมืองไทย ฝรั่งมาเยี่ยมที่เมืองไทย แล้วแอบถามเราว่า ไอ้สายน้ำที่อยู่ข้างชักโครก คนไทยเค้าเอาไว้ทำอะไรกัน 3. บ้านฝรั่งไม่มีล๊อก แม้แต่ห้องน้ำก็ไม่มี จากคุณ : pumpond - [ 31 ม.ค. 48 12:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 113 - Children wear shoes indoor but walk bare-feet outdoor. - Waiting 10 hours in a hospital emergency room is considered normal Ummm... strange but true!! (agree with #19) จากคุณ : bbco - [ 31 ม.ค. 48 13:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ได้รับเชิญจากครอบครัวหนึ่งให้ไปดื่มกาแฟตอนบ่าย คุยกันเสร็จ เอา วีดีโอ ที่ถ่ายตอนเขาไปพักร้อนที่สมาคมอาบแดดมาฉายให้ดู มีรูปสามีและภรรยากำลังเล่นเรือใบเล็ก ทั้งคู่อยู่ในชุดวันเกิด จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 31 ม.ค. 48 15:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 115 กระทู้นี้เยอะดีจัง เราอ่านกว่าจะหมด ตาลายหมดเลย หลังจากที่อ่านก็รู้สึก shock เหมือนกัน ไม่ใช่ shock วัฒนธรรมต่างชาตินะ แต่ shock วัฒนธรรมครอบครัวตัวเอง เพราะเพิ่งค้นพบว่าบางอย่างในครอบครัวเรา มันดันไปเหมือนกับ shocking culture ในต่างชาติด้วย มี 2 ข้ออ่ะ คือ 1. กินอาหารเหลือแล้ววางจานให้หมากินต่อเลย อันนี้บ้านเราทำมาตั้งแต่เรายังเด็กๆ แล้วอ่ะ เลยแปลกใจที่คนไทยคนอื่นๆ เค้าไม่ทำกัน แสดงว่าบ้านเราซกมกใช้ได้ ?!?! 2. เข้าส้วม ใช้กระดาษชำระอย่างเดียวเลยล้วนๆ ก็เรารู้สึกว่าใช้น้ำล้างเนี่ยะ มือเราก็สกปรกนะสิ ใช้กระดาษเปลืองก็จริงแต่รู้สึกสะอาดกว่านะ จากคุณ : snoopy21 - [ 31 ม.ค. 48 16:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ไม่แสบหรือคะ คุณสนุปปี้ อยากถามฝรั่งเหมือนกันว่าทำไมใช้กระดาษอย่างเดียว มันไม่แสบตูดกันมั่งหรือไง ต้องล้างอ่ะ ไม่งั้นนั่งไม่ได้ (ลมมันเย็น) จากคุณ : คนไทย - [ 31 ม.ค. 48 17:50:59 A:10.30.1.136 X:202.28.77.30 TicketID:080530 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เรื่องยิ้มผิดเวลานี่เจอบ่อยมากช่วงแรกๆ เซ็งไปเลย จากคุณ : xebsisor - [ 31 ม.ค. 48 19:25:00 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ช๊อค ฮอลแลนด์ ตอนมาใหม่ๆ   เพื่อนบ้านมาชวนไปกินกาแฟวันเกิดเค้า  เราก็เดอกไม้กับของขวัญไปให้ หลังจากเสริฟกาแฟ เค้าเดินไปยกหีบเหล็กใส่คุ๊กกี้มาเปิด ยื่นให้หยิบ  เราหยิบ 1 ชิ้นตามมารยาท  พอทุกคนหยิบเสร็จ เค้าก็ปิดฝาหีบแล้วเอาไปเก็บในตู้   เราเลยอึ้ง  อา ตอนหลังมีคลาสเรียนเรื่องวัฒนธรรมเลยรู้ว่า คนดัชท์แก่ๆ  หลายคนก็ยังใช้ธรรมเนียมนี้    คือเชิญมาดื่มกาแฟรึชา ก็กาแฟ กับชา  คุ๊กกี้คนละชิ้น  ...พอ จากคุณ : miss_ginger(ยิ้มแป้น) - [ 31 ม.ค. 48 20:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 119 จะไปดำน้ำ แล้วแว่นดำน้ำมัว เพื่อนฝรั่งบอกว่าให้ถุยน้ำลายลงบนแว่นแล้วจะชัดขึ้น เราไม่ทำเพราะเห็นว่ามันสกปรก มันก็เลยเอาแว่นของเราไป แล้วถุยน้ำลายให้ คงนึกว่าเราไม่อยากถุยเอง โห...คิดได้ไงเนี่ย แล้วยังมาexpectให้เราใส่แว่นที่มีน้ำลายมันอีก....เฮ้อ! อาเมน จากคุณ : reida - [ 31 ม.ค. 48 21:05:28 ]

ความคิดเห็นที่ 120 - โปรเฟสเซอร์ ที่นี่ (เยอรมนี) ปั่นจักรยานไปสอนที่ มหาวิทยาลัย วันดีคืนดี เชิญลูกศิษย์ (นักศึกษาไทย) ไปทานกาแฟที่บ้าน บ้านอาจารย์ ใหญ่โตมีสนามหญ้าและบริเวณกว้างขวาง อาจารย์จัดการเสิร์ฟกาแฟและขนมเค้กด้วยตัวเอง ลูกศิษย์แปลกใจ ทำไมอาจารย์ ไม่มีแจ๋วคอยรับใช้ - วันหนึ่ง มีธุระจะต้องขับรถเข้าไปในเมืองกับคนใกล้ตัว พอไปถึงไม่มีที่จอดรถ เลยต้องจอดทิ้งไว้ประมาณ 1 ป้ายรถใต้ดิน แล้วก็พากันเดินไป พอขากลับฝนตก ร่มก็ไม่ได้ติดมือไปด้วย ก็เลยตกลงกันว่าจะนั่งรถใต้ดินไปที่รถจอดอยู่ คนใกล้ตัวถามว่า "มีเงินเหรียญสำหรับหยอดเครื่องซื้อตั๋วหรือเปล่า?" เราบอกว่า " ไม่เป็นไร ไม่มีก็นั่งไปโดยไม่มีตั๋ว เพราะแค่ป้ายเดียวเอง"  แค่นั้นแหละ ดิฉันโดนว่าเสียยาวเลย...เขาบอกว่า " ถ้าไม่มีตั๋ว ก็เดินตากฝนไปยังงี้แหละ เขาจะไม่ยอมขึ้นรถ โดยไม่มีตั๋วเด็ดขาด" จากคุณ : jasminchen - [ 31 ม.ค. 48 21:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 121 คุณ  reida วิธีนี้ที่ไหนก็ทำค่ะ คนไทยก็ทำกัน ลองไปเที่ยวทางใต้สิคะ ทั้งนั้นเลยกระบี่ตรัง และอื่นๆ (ตัวเองก็ไม่ค่อยกล้าทำแหละ ฟังดูแล้วหยึ๋ยๆแล้วแว่นดำน้ำมันใสขึ้นจริงๆนะ) จากคุณ : BFR - [ 31 ม.ค. 48 21:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ึึคนอินเดียน กินข้าวเปิปมือเหลืองอ๋อย กินกับแกงและน้ำแกงกะหรี่นี่แหละ กินมัน 5 นิ้วเลย เลียอีกต่างหาก ...หยองขวัญ มากๆๆ จากคุณ : vivy - [ 31 ม.ค. 48 23:05:59 A:218.208.19.193 X: TicketID:065457 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ไปเที่ยวกะแฟนที่พัทยาและพักบ้านเพื่อนซึ่งแต่งงานกับชาวสวีเดน สามีเราอยากจะชิมทุเรียนเลยซื้อมาให้ชิมดูกินเสร็จก็วางไว้บนโต๊ะ สามีเพื่อนกลับจากที่ทำงานตอนเย็นพอเข้าบ้านก็ถือไม้ไล่ตีหมาในบ้านใหญ่หาว่าวันนี้มันนิสัยไม่ดีขี้ในบ้านอีกแล้ว แต่หาขี้หมาเท่าไหร่ก็ไม่เจอดันมาเจอทุเรียนนี่เอง งานนี้หมาเลยกลายเป็นแพะ.... จากคุณ : kk (kunpet35) - [ 1 ก.พ. 48 01:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ในเยอรมนี แม่ตบหน้าลูกสาวอายุสองขวบ แม่ถูกฟ้องศาลและศาลสั่งปรับเงิน 100 ยูโร เรื่องพอสรุปสั้นๆว่า แม่อายุ 41 พาลูกสาวไปร่วมฉลองวันเกิด และลูกสาวอายุสองขวบเขย่าน้ำผลไม้ในขวดรดกางเกงแม่ แม่เลยตบหน้าลูกสาว ซึ่งมีคนหลายคนเห็น ตั้งแต่ปี 1998 ในเยอรมนีมีกฏหมายมหาชน เวลาอบรมสั่งสอนเด็ก ต้องปราศจากความรุนแรง และในปี 2002 กฏหมายได้เข้มงวดขึ้น ห้ามไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับเด็กในครอบครัว จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 1 ก.พ. 48 01:33:15 ]

ความคิดเห็นที่ 125 comment 94 เวลาจาม ที่พูดว่า Bless You เพราะว่า หัวใจหยุดเต้นไป 1 milli second ค่ะ จากคุณ : หมึกสีขาว (Love Tennessee) - [ 1 ก.พ. 48 11:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ไปห้องอาบน้ำสาธาณะที่ญี่ปุ่น  มีแต่ผู้หญิงด้วยกัน เปลือยหมดก็ยังไม่เป็นไร ก่อนลงบ่อน้ำร้อน ต้องอาบน้ำบนลานด้านข้างให้สะอาดเสียก่อน  เจอสาวนางหนึ่งเอากรรไกรไปเล็มด้วย เล็มบนเล็มล่างอย่างเมามัน ส่วนอีกนางขึ้นจากบ่อน้ำร้อนแล้ว ใช้ผ้าเช็ดตัวซับแบบไซ้ทุกซอกทุกหลืบ ดิฉันเลยพลอยเห็นซอกหลืบของเธอทั้งสองไปด้วย อย่างไม่ตั้งใจ อู้ย ก็เล่นทำยังกะอยู่ที่บ้านคนเดียวซะขนาดนั้น จากคุณ : แม่น้องหยง - [ 1 ก.พ. 48 12:03:52 ]

ความคิดเห็นที่ 127 Comment 125 Westerners say "Bless You" because in the past in Europe, when Christianity was a young religion, the people believed one's soul resided in one's head. So when one sneezed, people feared that their soul would escape their body. To make sure your soul didn't leave your body, the people around you would say "Bless you." What you're describing, the heart momentarily stopping, is the biological effect of sneezing, but it is not why Westerners say "bless you." จากคุณ : Used to Teach in Tennessee (roslita) - [ 1 ก.พ. 48 13:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 128 สำหรับเรา ... ทุกอย่างที่ว่ามา ไม่ถือว่าshock แต่เป็นอะไรที่บ้านเขาเมืองเขา ทำอะไรที่แตกต่างจากบ้านเราเมืองเรา เช่น... 1. ล้างจานด้วยน้ำร้อน+น้ำยาล้างจานครั้งเดียว...แรกๆรู้สึกแปลกๆ บ่อยๆเข้า ฮืม สะอาดดีเหมือนกันเนอะ ... 2. เข้าห้องน้ำถ่ายหนัก แล้วมีแต่ทิชชู่...ก็เห็นใจฝรั่งเมืองหนาวน่ะนะ ขืนใช้น้ำฉีดก้นคงสะดุ้งพึลึก, แรกๆเราต้องล้างน้ำตบท้ายทุกที บ่อยๆเข้า...ทิชชู่อย่างเดียวก็ได้ฟะ หนาวตู..... 3.ไปเยี่ยมญาติครั้งแรกเค้าถามว่าจะดื่มอะไร เราตอบว่าน้ำเปล่า เล่นเอาฝรั่งอึ้งไปเลย ตอนหลังถึงมารู้ว่าเขาไม่ค่อยดื่มน้ำเปล่ากัน บ่อยๆเข้า เลยเล่นน้ำนางเอกตลอด...แล้วน้ำดื่มที่นี่เปิดกินได้จากก็อก ไม่ต้องแช่เย็นด้วย ก็มันหนาวนี่นา.. 4. เรื่องฝรั่งแก้ผ้าอาบน้ำ-ที่ฟิตเนสนี่ก็ไม่ชินเหมือนกัน ว้ายยยยเห็นหมดเลย ปัจจุบันก็ยังอาบมันทั้งบรา+กกน. ถึงฝรั่งจะมองแปลกๆก็เถอะ ให้มันรู้เสียบ้าง...ของดีไม่ให้ดูฟรีๆหรอก..อิอิ 5.ไปซื้อของที่ตลาดสด เลือกไม่ได้อย่างบ้านเรา เคยเลือกมะเขือเทศ แฟนว่า What r you doing?จ๋อย...แป่ว 6.พี่สาวแฟนเคยไปเที่ยวเมืองไทย ได้กลิ่นทุเรียน เค้าบอกว่าคิดว่าใครเสียชีวิต ...นึกในใจ สำหรับเค้ากลิ่นมันแรงขนาดนั้นเลยหรือ. 7.ที่นี่....ฮอลแลนด์ หน้าร้อนพระอาทิตย์กว่าจะตกเกือบ5ทุ่ม หน้าหนาว พระอาทิตย์กว่าจะขึ้นเกือบ8โมง สับสน สับสน 8. เรื่องสัมผัส ทัช เวลาเห็นเด็กฝรั่งน่ารักนี่ก็เป็นเหมือนกันตามประสาปุ๋ยรักเด็ก หลังๆเลยต้องเก็บอาการเวลาเจอเด็กฝรั่งน่ารักๆๆๆ ได้แต่ยืนยิ้มมองอย่างปลาบปลื้มลูกชาวบ้านเขา 9.เคยปั่นจักรยานฝ่าไฟเขียว(ของอีกด้านจราจร)มาแล้ว คือฝั่งเราต้องหยุด แต่เราไม่เห็นปั่นข้ามไปเลยเหลียวมองทางซ้าย สติแตกค่ะ ทั้ง โฟล์ค เฟียท ฟอร์ด โตโยต้า ฮอนด้า ฯลฯ พุงมาซะ แบบว่ามันสับสนน่ะ แหม แม่เกือบได้เงินล้านแล้วไง..(ประกันชีวิต)ผลเหรอ ถูกฝรั่งที่ขี่มอไซด์มาตะโกนชมเอาน่ะสิ ... 10..สุดท้าย...ฮึฮึ ที่นี่หลังเที่ยงคืนมีหนังเรตอาร์ให้ดูด้วยไม่ต้องเสียตังซื้อหรือเช่าน้องแนตมาดู...อยากดูนะแต่อาย กลัวแฟนว่าหื่น... จากคุณ : ปุ๋ย รักเด็ก+คนแก่ด้วยค่ะ (Pjanet) - [ 1 ก.พ. 48 16:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 129 เพิ่มเติม ... เมื่อวานฟังข่าว แฟนแปลให้ฟังว่า มีเด็กขว้างหิมะใส่ผู้ชายคนหนึ่ง คงล้อเล่นน่ะ ผู้ชายคนนั้นกลับเข้าบ้านเอาปืนมายิงเด็กคนนั้นตายเลย ..โทษฐานล้อเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือ... โหดเนอะ ...ที่นี่ ฮอลแลนด์ จากคุณ : ปุ๋ย รักเด็ก+คนแก่ด้วยค่ะ (Pja (Pjanet) - [ 1 ก.พ. 48 16:38:58 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ที่มหาวิทยาลัย เพื่อนฝรั่งมาคุยด้วยแล้วชวนไปทานกาแฟด้วยกัน  เราตอบเลย โทษทีนะ เราไม่ชอบดื่มกาแฟ ฝรั่งช็อค...ไปเลย...เอิ๊กๆๆๆๆ จากคุณ : shaiaiw - [ 1 ก.พ. 48 21:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ที่คราคุฟ โปแลนด์ครับ เอาเท่าที่นึกออก - คนที่นี่ขึ้นรถเมลแล้วไม่ค่อยชอบนั่งกัน ทั้งที่มีที่ว่างเยอะแยะ สงสัยเพราะรถไม่ติด คิดว่าแป๊บเดียวถึงมั้ง -คนที่นี่ใช้ส้อมกินข้าวครับ มีอยู่วัน ชวนเพื่อนมากินข้าวที่ห้อง เพื่อนกินข้าวกับน้ำหวานเฉยเลย - คนแก่ที่นี่บางคนเป็นมิตรมาก เข้ามาคุยกับผม ทั้งที่ผมพูดภาษาโปแลนด์ยังไม่ได้(มาทำแล๊บแค่สี่เดือนนี่ครับ แล้วไม่ได้เรียนภาษาเขาด้วย)ก็จะพยายามมาคุย ผมก็ยิ้มอย่างเดียว บางทีดีหน่อย มีคนมาแปลให้(บางทีคนเมาก็เข้ามาคุยด้วย แต่ดูเป็นมิตรดี) -ภาษาที่นี่ใช้ลมเยอะมาก เสียงฉู่ฉี่ไปหมด แต่ก็น่ารักดี ตอนแรก แยกชื่อเพื่อนบางคนไม่ออก ตอนนี้แยกพอได้แล้วครับ แต่คนที่นี่จะแยกวรรณยุกต์ และพูดตัว ง ไม่ได้ครับ - คนที่นี่โดยทั่วไปพูดอังกฤษไม่ได้ ซื้อของยังบอกราคาเป็นภาษาโปแลนด์เลย(ผมว่าป้าขายกล้วยทอดบ้านเรายังนับวัน ทู ทรีได้เลยนะ)ก็ต้องหัดนับตัวเลขภาษานี้ไว้เป็นพื้นฐาน แต่นักศึกษาในมหาลัย(ที่เรียนสายวิทย์นะครับ)พูดได้ดีมากๆ -คนที่นี่เดินเร็วมาก สงสัยจะหนาวมั้ง เลยรีบๆเดิน(ไม่แปลก ที่โปแลนด์ได้เหรียญทองเดินทนโอลิมปิค) - คนที่นี่ลิ้นอ่อนมาก ทำอาหารไทยให้กิน ขนาดไม่ใส่พริกเพิ่ม ยังว่าเผ็ด(เอาผงแกงส้มยี่ห้อโลโบน่ะครับ) -คนที่นี่น่าจะแต่งงานเร็ว อย่างเพื่อนที่แล๊บผม กำลังจะคลอดแล้วครับ -เรื่องเอาแก้มชนกันนี่ ตอนนั้น ผมเอาของจากเมืองไทย ไปให้ที่ปรึกษา(ของที่ระลึกน่ะครับ) เขาเป็นผู้หญิงน่ะครับ พอเขารับของแล้วเอาแก้มมาชนสามที ผมก็เขินๆ ตกใจนิดหน่อย มีอยู่ทีนึง มีปาร์ตี้คริสต์มาส เขามีประเพณีให้ถือเวเฟอร์ แล้วผลัดกันอวยพร อวยพรเสร็จให้บิของอีกคนกิน พอเสร็จแล้ว สาวๆบางคนนี่เข้ามากอด โอ้ ผมและผองเพื่อนตกใจมาก(เพื่อนมาจากเมืองไทยด้วยกันน่ะครับ เพื่อนคนไทยผมบางคนอวยพรเสร็จแล้วนั่งเลย ไม่กล้าให้สาวมากอด จนเพื่อนโปแลนด์แซวว่า พวกนี้กลัวผู้หญิงกัน)มีอยู่คนนึงที่หอ วันนั้นเขาฉลองหมั้นกับแฟน ก็มาคุยกะเพื่อนผม(คนไทย) เขาบอกว่าอยากจูบคนไทยก่อนแต่งงาน(เขาคงหมายถึงหอมแก้ม แต่เขาใช้คำว่าkiss) แล้วมาซบๆ เพื่อนผมนี่รีบกระเถิบ แล้วอธิบายว่า ที่เมืองไทยเขาไม่ทำอย่างนี้กัน - รู้สึกว่าคนที่นี่จะภูมิใจกับสาวๆของประเทศเขามากเกือบทุกคน ถามว่า คุณคิดว่าสาวโปแลนด์เป็นไงมั้ง(ตั้งแต่คณะบดี ยันเพื่อนที่หอ) -รถราง รถเมล์ มาค่อนข้างตรงเวลา มีตารางเวลาทุกป้ายรถครับ เช็คทางเน็ตก็ได้ -ถึงไม่มีเซเว่น แต่มีร้านกบน้อย(Zabka ตัวZพิเศษผมพิมพ์ไม่ได้ครับ ไม่มีฟอนท์ คำว่ากบใหญ่รู้สึกจะเป็นZabba) บางตัว(หมายถึงร้านน่ะครับ)เปิดถึงห้าทุ่ม บางตัวเปิดถึงตีสอง(ใช้ลักษณนามว่าตัวหมายถึงกบนะครับ) -ผู้หญิงสูบบุหรี่กันทั่วบ้านทั่วเมือง(แต่ไม่ใช่ทุกคนนะคับ แต่สูบกันเยอะ) เรื่องสุรา ไม่ต้องพูดถึง ผู้หญิงที่รู้จักทุกคน ดื่มแอลกอฮอล์หมดเลยมั้งครับ(เพื่อนโปแลนด์ที่ผมรู้จักและไม่ดื่มนี่เป็นผู้ชายหมดเลย) ตอนฉลองปีใหม่ เอา Fakeแชมเปญ(เป็นน้ำอัดลมมาใส่ขวดเหมือนแชมเปญให้เด็กๆ)มากินกัน ก็มีคนไทยสามคน และหนุ่มโปแลนด์สองคน ที่กินแชมเปญปลอมดังว่า นอกนั้นนี่กินแชมเปญจริงๆกันหมด -ที่นี่กินเนื้อกระต่ายกันด้วยแฮะ ผมเคยหม่ำอยู่สองที เพื่อนทำแซนด์วิชมาเผื่อครับ -ห้องน้ำที่นี่ไม่มีน้ำล้างก้นครับ มาวันแรกนี่ต้องคว้าถังซักผ้าเล็กๆของใครไม่รู้ เอามารองน้ำล้าง(นิสัยไม่ดีเนาะ แต่เพื่อนผมอีกสองคนก็ทำอย่างนี้แหละครับ) วันหลังเลยไป เทสโก้ ซื้อกะละมังเล็กๆมาใช้ - คนโปแลนด์นี่ชื่อซ้ำๆกันเยอะมากครับ อย่างสมมติผู้หญิงเดินมาร้อยคน ผมว่าชื่ออั๊กเนียชก้าซะสามสิบคน ชื่อคาตาเชียนาซะยี่สิบคน แอนเนียซะยี่สิบคน เอวาซะสิบ อีกสิบคนนี้ก็เป็นชื่ออื่นๆ(เหอๆๆ ล้อเล่นน่ะครับ แต่ชื่อซ้ำกันเยอะจริงๆ ที่เอ่ยมานี่เป็นชื่อยอดฮิตเลย)ผู้ชายก็ซ้ำกันเยอะ อย่างวอยเต็ก อังเดร นี่มีเป็นโหล ลองไปที่คนเยอะๆแล้วเรียกอังเดรสิครับ ผมว่าหันกันพรึบ เดี๋ยวนึกออกจะโพสต์เพิ่มนะครับ Dobranoc(ราตรีสวัสดิ์)ครับ แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 48 00:47:07 จากคุณ : jibjibboy (jibjibboy) - [ 2 ก.พ. 48 00:45:11 ]

ความคิดเห็นที่ 132 จ๊าก #107 "พวกคนจีน เวลากินข้าว แล้วมีพวกก้างปลา หรือกระดูก จะกองสุมๆไว้ข้างจาน เราเห็นแล้วกินข้าวแทบไม่ลง อยากคายของเก่าออกมาสุดๆ" ที่บ้านผมก็ทำ อ่ะ (แต่วางหลบในจานข้าวตัวเอง) #115 แต่ก่อนผมก็ใช้กระดาษครับ แต่แสบ...อย่างที่ 116 ว่าครับ เลยหันมาใช้น้ำแทน วันนึงผมเข้าห้องน้ำที่มหาวิทยาลัย(ในเมืองไทยนี่ละ) ซึ่งน้ำในห้องน้ำนั้นแรงมาก(ใช้ pump น้ำ) เผลอฉีดเข้าไป... ร้องเลยครับ เจ็บมากๆๆๆ ตอนนั้นออกมาด้านนอกอายมากกกกครับ จากคุณ : วรพจน์ - [ 2 ก.พ. 48 01:51:11 A:210.203.176.60 X: TicketID:077548 ]

ความคิดเห็นที่ 133 คุณ Jibjibboy น่าสนใจมากๆ ค่ะ เพื่อนสนิท ที่นี่เป็นคนโปแลนด์ เดี๋ยวจะไป ลองถามเค้า ตามที่คุณเขียนค่ะ อ้อ เธอชื่อ แอนเนีย ค่ะ จากคุณ : พาเมล่า - [ 2 ก.พ. 48 02:47:04 A:81.38.172.72 X:80.58.33.44 TicketID:079091 ]

ความคิดเห็นที่ 134 คุณวรพจน์ขำอ่ะ จากคุณ : reida - [ 2 ก.พ. 48 06:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 135 เห็นฝรั่งอังกฤษนินทาเพื่อนร่วมงาน จนนึกว่าตัวเองนั่งอยู่เมืองไทย ตกลงที่ชอบนินทากันนี่ ไม่ใช่เฉพาะคนไทย ฝรั่งมันก็นินทากันมันเหมือนเราเลย จากคุณ : horseshoes - [ 2 ก.พ. 48 06:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ชอบกระทู้นี้มากค่ะ เข้ามาอ่านทุกวัน วันนี้ก็เลยขยันพิมพ์มาเเชร์ประสบการณ์ด้วย (ค่อนข้างยาว ต้องขออภัยผู้อ่านล่วงหน้านะคะ) 1. มาเลเซีย......ไปครั้งเเรก เเปลกใจว่า เวลาทานข้าว ทำไมเค้าชุบมือเปิบ ทำไมไม่ใช้ช้อนกับส้อมเเบบคนไทยเรา 2. สิงคโปร์...เเปลกดี เมืองทั้งเมืองไม่เห็นตำรวจ เเต่ใช้กล้องคอยจับตาดูคนทิ้งขยะ ขับรถฝ่าฝืนกฏ เเละทำผิด ก็เลยผาดผวา อยู่ตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่นว่า ใครเเอบดูเราอยู่หรือเปล่า 3. ลาว... ขนมปังเเละ Bakery ที่ขายที่เวียงจันทร์ ไม่ว่า ตามตลาด ข้างทาง ทำไมรสชาติอร่อยกว่าของที่ทำขายที่ไทย ...เเละส้มตำลาวที่โน่น เเซบ เผ็ด ถึงพริกถึงขิงจริงๆ (สะใจมาก) ...เเล้วคนท้องถิ่นชอบถามว่า เป็นคนไทยหรือคนลาว (เป็นไทยอิสานจ้า เเต่พูดลาวได้) เพราะกฏหมายลาว ห้ามหญิงลาว date กับคนอเมริกัน ...เเล้วที่นี่ ชอบรับเงินบาทไทย มากกว่าเงินกีบของประเทศตัวเองมากเลย..ผู้คน อัศยาศัยเเละมีน้ำใจดีมาก (ประทับใจมาก) จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:01:53 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 137 4. ฟิลิปปินส์ - ขับรถคนละฟากกับเมืองไทย ตอนข้ามถนนครั้งเเรก เกือบถูกรถชน เพราะไทยเราสอน เวลาข้าม ให้มองซ้าย-มองขวา-เเละมองซ้ายอีกทีก่อนข้าม ... ทำมั่ง ที่ฟิลิปปินส์ เเม่เจ้าโวย เพื่อนฟิลิปปินส์ รีบคว้าเเขนตอนก้าวข้ามเเล้ว 1 ก้าว เพราะรถมาพอดี ก็เลยเเค่เฉี่ยวๆ (ตกใจเหมือนกัน).. เเถม โดนเพื่อนตวาดใส่ว่า เธอจะบ้าเหรอ เดินข้ามถนนไม่ดูรถ .. ก็เเหม.. ดูอยู่จ๊ะ เเต่ไม่ดูเเบบไทย - เเล้วตอนจะขึ้นรถ ดันไปเปิดประตูทางขวา เเล้วเพื่อนถามว่า เธอจะขับเหรอ ... เปล่า... ชั้นเป็นคนนั่ง (ผู้โดยสาร) ... งั้นเธอก็ไป ขึ้นรถทางซ้ายสิ ..อ้าว... ฮิๆๆๆ เเหกค่ะ... พวงมาลัยคนขับกับผู้โดยสาร มันอยู่ละข้างกับของไทยหมดเลย 5. บรูไน.... ผู้ชายออกสาวกันมากเลย เคยมีเพื่อนชาตินี้ เค้าบอก มีกระเทยเยอะเหมือนกัน เเต่สังคมไม่เปิดมากเหมือนเมืองไทย ก็เลยต้องแอบๆ กัน (แต่เราที่มีเพือนสนิทเป็นกระเทยนี่ดูออก) เเต่ต่อให้ชอบชายเพศเดียวกัน ก็ต้องเเต่ง (ถูกจับเเต่ง) กับภรรยาผู้หญิง เพราะสังคมกำหนด (น่าสงสารเนาะ) จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:02:58 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 138 6. ญี่ปุ่น.. ทั้งไปเที่ยวเเละไปอยู่ - คิดว่า สาวญี่ปุ่นจะรักนวลสงวนตัว เรียบร้อย (อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นไปสมัยอยู่ ม. ปลายเเหน่ะ) เเละหน้าตาสวยคิกขุอะโนเนะ ..ไปเห็นของจริง ครั้งเเรก อี๋... คิดผิด ...ไม่เห็นเรียบร้อยเลย ... หนุ่มๆ สาวๆ ไป makeout กันตาม park กันเกลื่อน บางที จนคิดว่า จะเอากันอยู่ตรงนั้นเลย ..เห็นเเล้ว รู้สึกเขินเเทน ขนาดตัวเราเอง เราถูกหมายหัวว่า ค่อนข้างทะลึ่งเเละเเก่เเดดมากกว่าเพื่อนๆ ที่เมืองไทยเเล้วนะ .. อยู่นี่กลายเป็น conservative ไปเลย - 3-4 ปีต่อมา คราวนี้ไปอยู่จริงๆ หลายปี มีเรื่องตกใจเยอะกว่าเดิม (มีเวลาสังเกตเยอะ) .. สาวญี่ปุ่นนี่ หน้าตาขี้เหร่เนาะ สาวไทย สาวฟิลิปปินส์ผิวน้ำผึ้ง เนียนๆ นี่ดูสวยกว่าเยอะเลย เเล้วเห็นเกือบร้อยทั้งร้อย สาวญี่ปุ่น สูบบุหรี่กันเกือบทุกคนเลย (ผู้ชายด้วย) บางคน หน้าตาน่ารัก เเต่พอเห็นพ่นๆ ควันออกมา หมดความงามเลย .. เเล้วที่ร้ายไปกว่านั้น โห ทำไม คนประเทศนี้ ฟันเหยินกันจัง (เหมือนฟันปลาฉลาม) เขี้ยวท่านเเต่ละคนนี้ น่ากลัวมาก ไม่รู้เค้าดูงามกันยังไง ฝรั่งเเถวบ้าน ชอบเอามา joke ว่า คนญี่ปุ่น นี่ฟันขี้เหร่กันมากเลย - เรื่องอยู่ดีๆ มาตบหัวกันนี่ รับไม่ได้จ้า เค้าว่า เป็นการเเสดงความเอ็นดูอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องร้ายเเรง เเต่เจอเองครั้งเเรก งงจ้า นั่งทานราเมงกับเพื่อนสาวอยู่ดีๆ ผู้ชายญีุ่ี่ปุ่นนั่งทานกับครอบครัวอยู่โต๊ะข้าง พูดอะไรก็ไม่รู้เป็นภาษาญี่ปุ่น ไม่รู้เรื่อง เพราะพูดไม่ได้ พอเห็นเรากับเพื่อนพูดไทย ชายท่านก็เลย ชี้เรากับเพื่อนว่า sister, sister เราเข้าใจว่า เค้าคงถามว่า เป็นพี่น้องกันหรือเปล่า ก็เลยบอกว่า ไม่ใช่ friends ค่ะ ..บอกเเล้ว ชายท่านหัวเราะเองเเละพูดญี่ปุ่นอะไรก็ไม่รู้ เเล้วมาตบกบาลดิชั้นอีกรอบ .. อ้าว คนไทยถือนะคะ เรื่องตบหัวคนอื่นนี่ ... เเต่เพื่อนบอก อย่าไปถือ ที่ญี่ปุ่น เค้าตบหัวกันเป็นว่าเล่น (จริงเหรอ วัฒนธรรมประหลาด) เเต่เล่น ตบเเต่หัวหนูคนเดียว (มากัน 2 คน) ไม่เเฟร์นะ รีบกินเเล้วรีบออกค่ะ ก่อนหัวจะเยินมากกว่านี้ จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:06:28 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 139 - ในร้านราเม็งเดียวกัน ฝรั่ง GI สองคนนั่งซดราเม็งอยู่โต๊ะข้างๆ อีกคนเมา อีกคนคอยปรับทุกข์ .. สงสัย เค้าไม่รู้ว่า เราฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่อง.. อีคนเมา ตัดพ้อกับเพื่อนว่า ถูกผู้หญิงฟิลิปปินส์ (บาร์) หักอกมา ดูสิ ให้หล่อน 20 เหรียญ บอกไม่เอา เเล้วก็ด่าผู้หญิงไปด้วยคำสวยงามฝรั่ง ฟักๆ เเเฟงๆ บิชๆๆ ไป จนเรากับเพื่อนรับไม่ได้ (พอดี มัวกินเงียบๆ เเบบไทย เเละสนทนาภาษาใบ้กับครอบครัวญี่ปุ่นอยู่... เพื่อนพอพูดญี่ี่ปุุุ่นได้ ก็เลยเเปลไทย เป็นญี่ปุ่นไปด้วย) ..พอฝรั่งฝั่งนี้ เริ่มพูดมาก เรากับเพื่อนก็เลย ก็เลยคุยกันเป็นภาษาอังกฤษกัน เรื่องการงานธุรกิจที่ทำกับทหารในค่าย .. อ้าวคราวนี้ อีฝรั่งโน่น สะดุ้งสิ รู้ว่า พวกเราฟังรู้เรื่อง เค้าพอกัน เงียบ เเล้วเสียงเบาลง เเล้วเปลี่ยนเรื่องอื่นพูด (ไม่รู้เค้าอายกันหรือเปล่านะ) - เรื่องเวลา การทำงานหนัก เเละความซื่อสัตย์ของคนญี่ปุ่นนี่ ขอนับถือมากๆ ค่ะ .... เราย้ายบ้านบ่อย ตอนย้ายในญี่ปุ่นเอง หรือเเม้จากญี่ปุ่นไปประเทศอื่นนี่ เวลาคนญี่ปุ่นมาเเพ็คของ ไม่ต้องยืนเฝ้าหรือกลัวว่า ของจะหาย (เเต่ฝรั่งมาเเพ็คนี่ ต้องดูดีๆ เเละเอ้อระเหยกันมาก) ทุกชิ้น ใหญ่เล็กเเค่ไหน เเพ็คเป็นอย่างดี คิดดูน้ำตาล เรา (ตั้งใจ) ลืมเทออกจากโถเเก้ว เค้ายังเเพ็คอย่างดี ... ก่อน อยู่ไง เปิดออกมา ก็ยังอยู่เเบบนั้น (ทึ่งค่ะ เพราะถ้าเป็นฝรั่งเเพ็ค เค้าจะไม่เเตะเลย บอก อาหารเปิดใช้เเล้ว ไม่เเพ็คเฉย) ....เเถมเวลานัดคนญี่ปุ่นมาเเพ็คของ เช็คบ้าน ซ่อมเครื่องใช้ในบ้าน บอกมากี่โมง นี่เลยค่ะ ได้ยินเสียง น็อคหรือกริ่งประตู ตามเวลาเป๊ะๆ เลย (เค้าก็มาก่อนเวลานะ เเต่ทุกที เห็นนั่งเช็คกระดาษอยู่ในรถ พอได้เวลานัด ถึงออกมา) ตรงเวลามาก เเละทุกอย่างต้อง perfect ไม่ให้ complaint ได้ - รู้ว่า น้ำตาล เเละช้อกโกเล็ตที่ญี่ปุ่นเเพงมาก (ส่วนมากอาหารอะไรก็เเพงเหมือนกัน เเต่ 2 อย่างนี้ เเพงมากๆเลย) เค้าก็เลยไม่ค่อยทำขนมออกหวานกันมาก (เหมือนของอเมริกัน โห.. นี่ก็หวานซะเหลือเกิน) ..ของอเมริกันเหรอ... น้ำตาลถูก เทใส่ไปเลย ไม่ต้องหวง ใช้ไม่หมดถุง เอาทิ้งไปเลยก็ได้ ... ที่ญี่ปุ่น ฝรั่งบ้านไหน ทำ chocolate cake ให้เพื่อนญี่ปุ่นนี่ เค้าชอบมากเลย จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:07:39 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 140 - เวลาไปทานอาหารที่ร้านญี่ปุ่น ไม่ต้องทิป เพราะเค้าคิดรวมกับค่าบริการเเล้ว เเต่ไปร้านอเมริกัน (ไม่ใช่ fast food) ต้องทิป 15% ขึ้นไป (เหมือนเวลาไปทำผม ตัด สระ ทำเล็บอะไรพวกนี้) ... ถ้าร้านธรรมดา พออาหารมาเสริพครบคนเเล้ว ปกติ เค้าก็จะเอาบิลมาวางคว่ำไว้ข้างโต๊ะลูกค้าเลย ... ถ้าอยากจ่ายทันที ก็จ่ายได้ หรือกินเสร็จ นั่งคุยกันต่อจนอยากลุก ถึงเอาบิลไปจ่าย ก็ได้ ไม่มีใครว่า เเล้วไม่ว่า จะร้านธรรมดาหรือร้านเเพงมากๆ กินไม่หมด เหลือมากน้อยเเค่ไหน สั่งพนักงาน ใส่กล่องกลับบ้านได้ - เวลา ค่ายทหารอเมริกันเปิดค่ายให้คนญี่ปุ่นเข้ามาได้ โห... คนญี่ปุ่นเล่นกวาดซื้อพิซซ่า (กล่องใหญ่เล่นเป็น 10-20 กล่องที) chocolate candies ขนมไปเยอะมาก..... รู้มาว่า ถ้าซื้อที่ร้านญี่ปุ่น มันเเพงกว่าเป็น 2 เท่าเลย (ตลกดี พิซซ่ากล่องละเกือบ 40 เหรียญ) เเละของอเมริกัน(ในค่าย) เทียบกับของญี่ปุุ่นข้างนอกเเล้ว super sized ราคาถูกเเค่ไม่กี่เหรียญ คิดดู Small drink ของ Burger King นี่เเค่เหรียญเดียว เเต่ Small drink ที่ร้าน Mac Donald ของญี่ปุ่น ราคา 150 เยน (1.5 เหรียญ) กินได้เเค่ 2-3 อึกหมด ..... เหมือนตอนญาติคนญี่ปุ่น มาเยี่ยมที่อเมริกาครั้งเเรก สั่ง large drink (3-4 เหรียญ) ที่โรงหนังให้ เค้าตกใจกัน เพราะมันใหญ่มาก ดูเเล้ว เหมือนเหยือกน้ำสำหรับเทให้คน (ญี่ปุุ่น) ดื่มสัก 3-4 คน .. อิๆๆ ตลกดี (คนละมุมมอง) - วันหนึ่งเเม่ (ที่เมืองไทย) ถามว่า อยู่ญี่ปุ่น ตักบาตรหรือไปวัดบ่อยหรือเปล่า ...เเม่ถามจบ... นั่งอึ้งไป 1 นาที ..ออ.. เพิ่งสังเกตว่า ที่ญี่ปุ่นไม่มีวัดเเบบบ้านเรานี่นา พระก็ไม่ได้ออกมาบิณฑบาตร เเต่พอดี อยู่โอกินาว่า พระเเละศาสนาที่นั้น ไม่เหมือนที่ Mainland Japan ... พระเป็นเพศหญิงค่ะ เเละสุสาน (เเบบคนจีนที่เป็นหินๆๆ) นี่มีเกลื่อนให้เห็นสลับตามบ้านคนมาก ..ไปเเรกๆ ไม่รู้ (ไม่เอะใจ) ว่าเป็นอะไร เรียกว่า บ้านหินๆ เเต่พอสามีบอกว่า ไอ้บ้านหินที่เธอเรียกหน่ะ มันสุสานนะ ถึงรู้สึกหนาว (บรือๆๆๆๆ) จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:14:47 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 141 7. เเคนาดา... ที่ British Columbia ..... นึกว่า ยังอยู่เอเชีย เพราะคนเอเชียเยอะมาก เเต่ฝนตกบ่อย เท่าๆ กับที่รัฐวิชิงตันเลย เเต่อาหารถูกกว่าที่อเมริกา 8. อเมริกา - ครั้งเเรกไปอยู่รัฐวิชิงตันช่วง Spring... ก่อนไป โทรถามเพื่อนว่า อากาศเป็นไง เค้าบอก มันเริ่มร้อนเเล้ว ไม่ต้องใส่ชุดกันหนาวมา ใส่ชุดหน้าร้อนธรรมาดามาก็ได้ .. เชื่อเพื่อนค่ะ (เพราะไม่เคยไป) ... พอดี มันเพิ่งเมษาที่เมืองไทย (อุณหภูมิ 40 กว่า) ก็เลย ใส่เเค่กางเกงยีนส์ เเละเสื้อยืดบางๆ ไป .. ตอนบิน ก็เฉยๆ เพราะขอผ้าห่มเเอร์มาหลายผืน เเต่พอเครื่องลงที่ SEA-TAC เค้าบอกว่า อุณหภูมิ 11 องศา ... ยังไม่คิิดอะไร เเต่พอประตูเครื่องเปิด ไอหนาวเข้ามา ยืนสั่นจนท้องเกร็ง ขนลุกชันอยู่คนเดียว เพราะหนาวมาก เเต่ความหนาวหายไป (ลืมว่าหนาว) ตอนจ.น.ท. Immigration บอกให้ไปต่อคิวสาวจีน เพื่อเปิดกระเป๋าให้ จ.น.ท. ดู .....พอถึงคิวเรา จ.น.ท. ถามว่า รู้จักใครที่นี่ บอกไป ...เเล้ว จ.น.ท. ถามว่า เเล้วคนนั้นทำงานอะไร ...เราบอก เป็น soldier เค้าทำหน้างง ....ถามอีก เราก็บอกว่า เป็นทหาร ..ทำไมไม่เข้าใจ ก็เลยอธิบายบอกว่า รับราชการทำงานให้กองทัพบก.... .. จ.น.ท. ทำหน้างงอีก ไม่เข้าใจ .....ก็เลยบอกว่า เป็นหน่วยรบพิเศษ เค้าก็เลย ให้ผ่านๆ ไป ....เเต่ก็เล่น เสียความมั่นใจไปมากเลย ว่า ภาษาอังกฤษชั้นห่วยขนาดเค้าต้องถามซ้ำเลยเหรอ เสียความรู้สึกมาก เพราะมั่นใจว่า ภาษาไม่ได้ห่วยขนาดนั้น จบเอกอังกฤษ ได้เกียรตินิยม เเถมสอนภาษาอังกฤษในมหาลัยมาก่อน มาเจองี้ เเล้วรู้สึกว่า ตัวเองโง่มากเลย......เเต่พอออกมา เจอเเฟน เเล้วเล่าให้ฟัง... เค้าบอกว่า อ๋อ ที่นี่ (อเมริกา) เค้าไม่บอกว่า เป็นทหารหรอก เค้าพูดรวมๆ ว่า He/She’s in the military. (ก็ไม่รู้นี่นา ตอนนั้น) นอกจากใครถามว่า อยู่ service ไหน ก็บอกเฉพาะอย่างไป - คิดว่า อเมริกา คงเป็นเหมือนในหนัง เมืองใหญ่ มีตึกระฟ้าเยอะๆ เเละผู้คนเเต่งตัวสวยงามเหมือนในหนัง ..ไปถึงผิดหวังมาก (ที่รัฐวิชิงตันเเรกเลย) เพราะทำไมตึกส่วนมาก สูงไม่เกิน 2 ชั้น ...สามีบอก ตึกระฟ้ามีเฉพาะเมืองใหญ่จริงๆ เพราะกฏหมายที่นี่ ห้ามให้สร้างตึกหรือบ้านเรือนสูงเกินกว่ากำหนด เเล้วอเมริกามีที่เยอะ ไม่จำเป็นต้องสร้างให้สูง เอากว้าง ยาวใหญ่ ได้ เพราะที่มีเยอะเเยะ (เหรอ) จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:15:59 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 142 - ทีนี้ก็ผู้คนนะคะ..... ผิดหวังอีกเเล้ว .....นึกว่า ฝรั่งอเมริกันส่วนมากจะสวย (สาวยุโรป เเละออสเตรเลีย ยังดูมีสวยเยอะกว่า) โห... มานี่เเล้ว ทำไมมีเเต่โิ่ิอ่งน้ำกลิ้งได้หล่ะ..... ไม่มีเซ้นส์การเเต่งตัว (เหมือนคนเอเชีย) เลย เเฟชั่นถอยหลังไทยไปสัก 2 ปีได้ เเถมผู้หญิงเกือบทุกคนที่เห็น ทำไม เเต่งหน้าจัดกันจัง ...งงค่ะ ว่า เเต่งเเล้วจะไปงานไหน (ตอนเเรก คิดว่า เค้าคงไปหลายงานเนาะวันหนึ่งๆ เเต่มารู้ทีหลังว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาของสาวที่ประเทศนี้ เเหม... เด็ก 10 ขวบ ยังเเต่งหน้ากันเเล้ว เราเหรอ เพิ่งมารู้จักเเต่งบางๆ ก็ 20 ต้นๆ นี้เอง) บางคน เลี้ยงลูกอยู่บ้าน หน้ายังพอกอย่างหนาเลย (ช้อคมากๆ ค่ะ เเต่ตอนนี้ เฉยๆ) - พอไปรัฐอื่นเเล้ว ค่อยประหลาดใจกับประเทศอเมริกาว่า โห... ทำไมมันใหญ่ขนาดนี้ เเต่ละรัฐนี่ ต่างกันมาก บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างไม่เหมือนกัน ... อย่างทาง Northwest บ้านส่วนมากทำจากไม้ เพราะไม้ถูก ... ทาง Southwest นี่ส่วนมากบ้านปูน หรือ sandstone กันเยอะ เพราะหาง่้าย เเละทนต่อสภาพอากาศ ไม่ต้องไปสั่งไม้ขนลงมาจากรัฐทางเหนือให้เเพงเปล่า .... เเถว Texas โห บ้านคนหลังใหญ่ๆ กันเยอะเนาะ คนมีกะตังค์ก็อยู่กันเยอะ เเต่เหม็นกลิ่นน้ำมันที่เค้าเจาะกันเหลือเกิน เเถวๆทางใต้ ตามอ่าวเเม็กซิโก (LA, MISS, AL, GA) มานี่ บ้านส่วนมาก เป็นเเบบ colonial กันเยอะ ได้ความรู้สึกมากเวลาอ่านนิยายอเมริกันเก่าๆ เหมือนได้ย้อนยุคไปอยู่ในเหตุการณ์เลย ... ทางรัฐ Carolina ขึ้นมานี่ บ้านส่วนมากเป็นอิฐเเดงกัน เพราะเค้าผลิตกันที่นั่น... ที่ Florida รู้สึกเหมือนอยู่เมืองไทยเลย ก็อบอุ่นดี - ที่ Oregon รู้สึกอากาศดีกว่าที่ Washington มี farmland ราบๆ เยอะ ไม่เขียวเเละฝนตกชุกเท่า วอชิงตัน รู้สึก คนทางรัฐตะวันตกนี่ liberal มากๆๆๆๆ เลย - California นี่เป็นรัฐที่ยาวมาก (ขับรถทั้งวันจากเหนือถึงใต้ยังใช้เวลามากกว่า 1 วันเลย) เเต่รู้สึกว่า พอเข้าใกล้เเคลิฟอร์เนียเเล้ว คนสวยๆ หน้าตาดีๆ (ฝรั่ง) หุ่นเพรียวๆ เยอะมากขึ้น เเละคนเอเชียก็เริ่มเห็นมากขึ้นเช่นกัน จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:17:14 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 143 - Southeast ของอเมริกา คนพูดเหน่อมากเลย เเละประหลาดใจที่เห็นคนดำอยู่เยอะ (ปกติ ไม่ค่อยเห็นหน่ะ) เเต่พออยู่ 2-3 ปี เริ่มติดนิสัย ทักทายคนชอบกอดหรือจูบที่เเก้มเหมือนกัน (กอดดะค่ะ จนสามีเเซว ว่า ชอบเเจกกอดเหลือเกิน) ...คนเเถวๆ นี้ กิน grit เป็นอาหารเช้ากัน (เเต่ตอนอยู่ west coast กินเเต่ bagle กับกาเเฟเป็นอาหารเช้า)... ผู้คน อัศยาศัยดี ง่ายๆ เหมือนคนไทย เเล้วคนส่วนมาก ไม่ค่อยออกไปกินอาหารนอกบ้านนัก... เราชอบ Southern/soul food มากเลย - ตอนนี้ ย้ายมาอยู่ Southwest (อยู่ฟีนิกซ์ค่ะ) เพิ่งสังเกตว่า คนเเถวนี้ (รวมถึงญาติตัวเองด้วย) พูดไวกันมากเลย (พูดเร็วกว่าคนทางตะวันออก หรือเป็นเฉพาะครอบครัวตัวเองก็ไม่รู้นะ) - เรื่องเวลานี่ (สงสัยเฉพาะครอบครัวสามีหรืิอเปล่าไม่รู้) สำคัญมาก ... ถ้านัดอะไรไว้ ถ้ามาถึงเป๊ะๆ หรือเเค่อีก 5 นาที นี่ถือว่า ไม่สุภาพมาก ถือว่า disrespect คนเชิญ.... ฉะนั้น เป็นธรรมเนียม (ของครอบครัวเรา) ว่า ถ้านัดไว้เวลาไหน ทุกคนต้องมาเจอกันก่อนครึ่ง ช.ม. หรือถ้าให้ดี ก็คือ เตรียมตัวไว้ก่อน 1 ช.ม ไปเลย สุภาพ เชื่อถือ เเละ ใช้ได้ เเล้วถึงจะถูกเชิญไปอีกในอนาคต - เเล้วคนที่ Phoenix นี่ ออกไปทานอาหารตามร้านข้างนอกถี่มาก อาทิตย์ละ 4-5 วัน เเละคนส่วนมากค่อนข้างเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เเละเกือบทุกๆ บล็อก มี gym เเละคนไปใช้บริการกันมากเลย ...พอดี เราไม่เคยเห็นฝรั่ง health conscious มากขนาดนี้ ก็ที่นี่เเหละ.....ส่วนสาวๆ ใน gym เเก้ผ้านี่ก็ธรรมดา เหมือนที่ญี่ปุ่น .. เราเดินผ่านก็ไม่ได้ไปจ้องอะไรเค้า เพราะก็รู้สึกเฉยๆ เพราะใครๆ เค้าก็ทำกัน - ส่วนประกันรถยนต์เเละค่า registration ที่นี่ (ทางรัฐตะวันตก) เเพงหูฉี่มากๆ (กว่าทางตะวันออก) เลย .. เเละข่าวเรื่อง Police brutality นี่ที่นี่ บอกตรงๆ เลยว่า มีมากที่สุด เพราะรายงานสาธารณชนทุกอย่าง ไม่ปิดข่าวกัน - เวลาถูกเชิญไปทานอาหารบ้านญาติ หรือถ้าญาติมาบ้าน ถ้าไม่อยากกินอะไร ก็บอกไปเลย ว่า ไม่ชอบ เพราะทุกคนเข้าใจว่า เเต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน ไม่ต้องมาเกรงใจกัน ...เหมือนคราวที่เเล้ว .. ป้าเราทำสุกี้ยากี้วันปีใหม่ (เเกก็เปลี่ยน theme เเกไปทุกปี) เเต่ญาติฝรั่งคนอื่น เค้ามา (เค้าก็รู้นะว่า เป็น Suki Yaki Party) เค้าก็ซื้อพิซซ่ามาหลายกล่องมาด้วย บอก เค้าไม่กินสุกี้กันนะ เเต่เอาพิซซ่ามากินปีใหม่ด้วย ... คนทำ เค้าก็เข้าใจ ไม่ได้มานั่งน้อยใจว่า อุตส่าห์ทำให้เเล้ว ทำไมไม่กิน ..พอไม่มีคนกิน เค้าก็เอาอาหารทิ้งเหมือนเดิม เพราะไม่มีคนกิน เก็บไว้ ก็เปลืองที่ในตู้เย็นเฉยๆ จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:20:25 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 144 - ปกติ เจอฝรั่งที่ไหน จะบอกว่า ชอบอาหารไทย กินเผ็ดได้ เเต่ญาติทางสามีที่นี่ ไม่มีใครชอบอาหารไทยเลย พริก เเค่พริกไทยดำ เค้าก็ไม่เเตะกัน ยิ่งอะไร ใส่กระเทียมสดๆ เลยนี่ พากันห่าง (บอกว่า เหม็นกัน) ก็เลย มีเเค่ เราคนเดียว enjoy อาหารไทยเเละชาติอื่นๆ อยู่คนเดียว - พูดเรื่องอาหาร ครั้งหนึ่งเปิดตำราทำ ข้าวคลุกกะปิที่ญี่ปุ่น ..ตอนผัดกะปิอยู่ ..เพื่อนบ้านฝรั่งมาเคาะประตูบ้านว่า ได้กลิ่นใครมาสูบส้วมหรือเปล่า เพราะมันเหม็น (นอกบ้าน) ไปทั่วเเถวนั้นมากเลย ... อ้าว... เวร...อย่าบอกนะว่า ข้าวพริกกะปิหนู ทำเรื่องรบกวนจมูกเพื่อนบ้าน.... ก็เลยบอกเค้าว่า ชั้นทำอาหารไทย เธออยากชิมดูไหม ตอนทำมันคงมีกลิ่น เเต่ทานเเล้ว ไม่ได้กลิ่นนะ (หรือเราคิดอยู่คนเดียว ไม่รู้นะ) ..เค้าก็เลย ลองชิมดู บอก เออ.. อร่อย ... เราก็เลยเเบ่งให้บ้าง (เป็นค่าขอโทษที่ทำให้อากาศในละเเวกบ้านฝรั่งเเถวนั้นป็นมลพิษไป) ก็ไม่รู้ เค้าเอาไปเททิ้งหรือกินก็ไม่รู้นะ .. สามีกลับจากทำงาน เล่าให้ฟัง เค้าขำกลิ้งเลย ... เเต่ตอนนี้ เลิกทำกับข้าวเองเเล้วค่ะ เวลาอยากอาหารไทย ไปร้านเลยดีกว่า ง่ายดี ไม่ทำมลพิษอากาศที่บ้านเสียไปด้วย - Club ที่อเมริกา ไม่รู้สึกเหมือนเวลาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เพราะที่นี่มีความรู้สึกเหมือนเค้าไปหาเพื่อนนอนกันจริงๆ ไม่เหมือนของไทยเรา ไปกับเพื่อนๆ ไปดื่ม ไปเต้น ไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้าน เเล้วสนุกกว่า ... ที่นี่เเหละ... พอสามีหายไปห้องน้ำสักครู่ โห... สายตาหนุ่มเพ่งมาอย่างน่ากลัวมาก (ไม่ไว้ใจ) บางคน ใจกล้า เดินเข้ามาคุยเเละ flirt ด้วยทันที ... อูย.. ขอบใจนะที่มอง (ดีกว่า ไม่ถูกมอง) ชั้้นไม่เอาพวกเธอหรอก... สามีชั้นหล่อลากดินกว่า (ก๊าก).. ตอนหลังมา ก็เลยเลิกไป ไม่สนุก - เวลาไปกินอาหารหรือพักบ้าน (ฝรั่ง) คนอื่น .. ถ้าคนไทย ถูกสอนมาว่า อย่าขี้บนเรือน กินบนหลังคา คือ อยู่บ้านคนอื่น ต้องรู้จักช่วยเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เเต่..ถ้าไปบ้านฝรั่ง นี่ อย่าได้ช่วยเลยนะคะ เพราะเค้าถือว่า เราเป็นเเขก ไม่ต้องไปช่วยล้าง ช่วยยก อะไรมาก (เจ้าขอบ้านเค้าไม่ชอบ ประมาณ นี่ครัวชั้น อย่ามายุ่ง อย่ามาล้างจานชั้น เธอทำไม่เหมือนชั้น ชั้นไม่ชอบ จิปาถะ) เค้าจะไม่พอใจ .........ฉะนั้น กินเสร็จ ก็วางๆ ไว้ตรงนั้นเเ้หละ เดี๋ยวเจ้าของบ้านจัดการเอง (ไม่ถือว่า เสียมารยาท เพราะมารยาทเค้าเ็ป็นเเบบนั้น) ต่อให้บ้านเค้ารกหูรกตาเราเเค่ไหน เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปช่วยทำความสะอาดหรือจัดข้าวของอะไรให้เค้า ... เเต่เวลา จะกินโน่นดื่มนี่ เป็นมารยาทว่า ต้องถามว่า ชั้นกินอันนี้ (ของเธอ) ได้ไหม ... ถ้าถามส่วนมาก เค้าก็จะบอกว่า ได้ ถ้าไม่ถามนี่ อาจมีเรื่องกันได้ (ตลกดี) - One last thing. It is pretty normal for be asked for an ID when entering a casino, club, or buying alcohol. I am always asked to show the ID card. The same thing happens to my sister-in-law. She is so petite like me though she is 36 years old. For me, nobody beleives I am 31. They still think I am kidding. When I was in the East Coast teaching ESL at a community college, my students' husbands and even some teachers from other departments thought I was one the (teen) students too. Funny, isn't it?.. Well, it was at the beginning, but it bugs me now. จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 08:32:35 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 145 เเถมท้ายอีกอันละกันนะคะ พอดีเพิ่งนึกออก ครั้งเเรกที่ไปเที่ยวเมืองไทย (หลังเเต่งงาน) กับญาติๆ สามี (ที่เพิ่งเคยไปเมืองไทยครั้งเเรก) .. ลูกพี่ลูกน้องสามี (ภรรยาเค้ากับเพื่อนเค้าก็นั่งอยู่ด้วยข้างๆ) อยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นมาว่า เเปลกดีนะ ทำไม ผู้หญิงประเทศ ส่วนมาก มีเเต่สวยๆ หน้าตาๆ ดีๆ ...เเต่ทำไมผู้ชาย ทำไมมีเเต่หน้าตาขี้เหร่ (อุ้ย ... ขออภัยคุณผู้ชายที่เข้ามาอ่าน ณ ที่นี้ด้วยนะคะ อันนี้เอาที่ได้ยินมาเล่าให้ฟังเฉยๆ คนหน้าหน้าตาดีๆ ก็มีอยู่เยอะนะคะ อย่าเข้าใจผิด) ...เราได้ยิน ก็ได้เเต่ขำ (ไม่เคยคิดมาก่อน) ตลกดี จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 11:53:25 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 146 คุณวรพจน์ #132 ที่เราหมายถึงกระดูกอะ มันคือ แบบ อธิบายยังไงดี เปรียบเทียบเหมือนกระดูกของไก่ทั้งตัวอะ ถ้าเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่นี่มาทีเป็นกองทัพ กองทีนี่สูงกว่าชามใส่น้ำแกงอีก เห็นแล้วอยากจะแหวะ.. กิ๊ดดดดดดดดดด จากคุณ : ` FLuFFybY~ KeLLy ^ - [ 2 ก.พ. 48 14:26:37 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ช็อคเราอ่ะ + สงสัยว่าคนจีนเป็นงี้หมดเลยเหรอ ++อันนี้เกิดที่ Central ลาดพร้าวอ่ะ มีกลุ่มคนจีนไม่รู้ฮองกงหรือเปล่า เรากำลังดูเสื้ออยู่ที่ PENA ได้ยินเสียงโล้งเล้งมาแต่ไกลแล้วจู่ๆ เค้าเดินเข้ามาตรงที่เราดู แย่งกันหยิบแบบประชากๆ พอไม่เอากะโยนๆ เสียงดังมาก เราเงง กำลังหยิบเสื้ออยู่ เค้าเดินมาชนเราแล้วจ้องหน้า พูดเสียงดังมาก+อารมณ์แบบไม่พอใจใส่เราประมาณว่าเกะกะ โอ้แม่เจ้า !!เอ้ยเรายืนอยู่ก่อนนี่นา ทำไมต้องโกรธเราด้วย ของมีเยอะแยะทำไมต้องแย่งกัน ช๊อคคคคค เรารีบถอยมาห่างนิดนึงเพราะกลัวโดนด่า ทำไมๆ ใครที่รู้ช่วยตอบที เรางง ถึงทุกวันนี้ แบบนี้เป็น culture shock เค้าป่าว แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 48 15:07:57 จากคุณ : Fresh Girl - [ 2 ก.พ. 48 15:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 148 เพิ่มอีกนะคะ อันนี้ สามีบอก เค้าว่า เเปลกดี คนไทย เวลาเเคะจมูก นี่ทำในที่สาธารณะ เอานิ้วเเหย่ๆ รูจมูกไปแบบไม่รู้สึกอะไร ....อเมริกัน ถือว่า ไม่มีมารยาท สมควรทำในที่ลับ หรือไม่ก็ใช้ Q-tip ทำความสะอาดในห้องน้ำส่วนตัว...เเต่เวลา คนไทยเเคะฟัน (ด้วยไม่จิ้มฟัน) กลับใช้มือปิดปากเวลาเเคะ ผู้ชายอเมริกันทั่วไปส่วนมาก เป็นโรค Homophobia ค่ะ ...ต่อให้ไปดูหนัง ดูเกมอะไรกับเพื่อนซี้กัน เค้าก็ไม่นั่งติดกันค่ะ ... จะห่างที่ว่างระหว่างที่นั่งกัน เพราะเป็นโรคกลัวกระเทย เกย์ หรือเพศเดียวกัน (ยกเว้นคนที่เค้าชอบเพศเดียวกัน) เเล้วเค้าจะรักษาระยะความห่างกับคนที่คุยด้วย ประมาณ 1 ฟุตเป็นอย่างน้อย ... ใกล้เข้ามามากหน่อย ก็ทำให้อีกคนอึดอัดเหมือนกัน สามีบอก เเปลกมากที่ผู้หญิงไทย 2 คน เดินจับมือกันในที่สาธารณะ ชายไทยจับมือกัน เดินชิดๆ ติดๆ กัน เค้าก็ว่า เเปลก (กลัวซะมากกว่า) .. ที่เมืองไทยนะคะ จากคุณ : Happy - [ 2 ก.พ. 48 15:41:59 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 149 บ้านเรารักหมามาก หมาเราก็เลียจานต่อจากเราบ่อยๆ ก็เลี้ยงเองนี่นา อยู่แต่ในบ้านเผลอๆสะอาดกว่าเราอีก ยื่นขนมให้ถ้ามันดมๆเฉี่ยวๆแล้วไม่กิน เราก็เอามากินต่อ นอนหอมแก้มกันทุกวัน บ้านเราถือว่าปกติมากๆ แต่เรื่องนี้ถ้าเพื่อนมาเลียจานเราสยองกว่าหมาเราเองเลียนะ แต่หมาที่ไม่ได้เลี้ยงเราไม่ทำนะ จากคุณ : Akrat - [ 2 ก.พ. 48 19:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ยังตามอ่านทุกความเห็นนะครับ ชอบจริงๆกระทู้แบบนี้ อ่านความเห็นคุณ jibjibboy #131 อยากไปโปแลนด์บ้างจังครับ ปล. ขำ #128 ข้อ 4 กับ ข้อ 10 จากคุณ : gob_non - [ 3 ก.พ. 48 00:47:07 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ขอบคุณมากครับ สำหรับทุกความคิดเห็นสำหรับความคิดเห็นที่ผมโพสต์ไปนี่เกี่ยวกับเมืองคราคุฟนะครับ เป็นเมืองหลวงเก่า ซึ่งก็แปลกๆเหมือนกันว่าคนเมืองนี้จะไม่ค่อยชอบวอร์ซอ(ที่นี่เรียกวอร์ซอว่า"วาชาว่า"ครับ)เท่าที่คุยๆกับคนต่างเมืองที่มาเรียนที่นี่ก็บอกเหมือนๆกันว่าที่นี่ดีกว่าวอร์ซอมาก เพื่อนบางคนยังไม่เคยไปวอร์ซอเลยครับ ผมก็ไม่เคยไป เลยไม่มีความเห็นเกี่ยวกับวอซอร์ครับสำหรับสิ่งที่นึกออกอีกก็มีดังนี้ครับ    - อันนี้เป็นความช๊อคส่วนตัวครับ เนื่องจากผมชื่อปิยะ มีอยู่วันนึง เพื่อนชวนไปปาร์ตี้ที่อพาร์ทเมนต์ของเพื่อนอีกคนหนึ่ง เพื่อนผมก็แนะนำคนคนนึงให้รู้จัก(คนนี้พูดอังกฤษไม่ได้) เขาก็พูดอะไรมาผมก็ฟังไม่ทัน นึกว่าเขาแนะนำชื่อตัวเอง ผมก็เลยจับมือ แล้วพูดว่าปิยะ(แนะนำชื่อตัวเองน่ะครับ) เขาก็ทำหน้าตกใจมาก ผมก็งงๆ ทำไมแค่แนะนำชื่อต้องตกใจขนาดนี้ด้วย เพื่อนผมเลยอธิบายให้ฟังว่า คนนี้เขาพูดสวัสดีเป็นภาษารัสเซียมา แล้วเขางงว่าทำไมเจอกันครั้งแรก ผมไปว่าเขาว่าเป็นไอ้ขี้เมา(ภาษาโปแลนด์ ปิยัค pijak แปลว่าไอ้ขี้เมา ตัวjของโปแลนด์ออกเสียงเป็นyของภาษาอังกฤษน่ะครับ พูดง่ายๆว่าเสียง ย ของไทย อย่างชื่อผมนี่เขาจะเขียนเป็นภาษาเขาว่า Pija ประเทศไทยก็Tajlandia อ่านว่าไทยแลนเดียครับ)เลยถึงบางอ้อ เพื่อนผมเลยอธิบายกลับไปให้เขาฟังว่าผมแนะนำตัวเอง ว่าชื่อปิยะ ไม่ได้ไปด่าว่าไอ้ขี้เมา  มีหลายคนมาแซวๆชื่อผมเหมือนกันครับ ว่าเป็น pijak อย่างคนคุมแล๊บผมชอบมาพูดกับผมว่า Ty jestes wielki pijak(แปลว่าคุณเป็นไอ้ขี้เมาผู้ยิ่งใหญ่)ไม่ก็พูดกับเพื่อนในแล๊บอีกคนว่า เขาสงสัยจริงๆเลย ว่าใครเป็นpijakที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แล้วชำเลืองมามองผม  คนเฝ้าหอก็ชอบแซวๆ มีท่าเฉพาะสำหรับคำนี้ซะด้วย ท่าเฉพาะของคนดื่มเหล้านี่ประมาณเอามือ(แบมือนะครับ)มาทุบๆแถวคอ เป็นท่าที่คนโปแลนด์รู้กันน่ะครับ แต่ผมไม่ดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์นะครับ     -ภาษาโปแลนด์จะออกเสียงตามที่เขียนครับ และมีวิธีอ่านที่แน่นอนครับอย่างตัว a นี่เป็นสระ อา หมดครับ ตัว u นี่เป็นสระ อุ ตลอดครับ ดังนั้นไม่แปลกใจเลยครับ คนโปแลนด์จะติดสระอุในการพูดภาษาอังกฤษด้วยครับ อย่าง วิทยาเขต campus ที่นี่จะออกเสียงเป็น แคมปุสครับ เดือนสิงหาเพื่อนผมจะออกเป็น ออกุส พวกราfungus ออกเป็นฟันกุส  ที่ชอบที่สุดนี่fungicide ที่นี่ออกเป็น ฟุงจิไซด์ ฟังแล้วน่ารักดีครับ      -สารเคมีในแล๊บนี่ ถ้าอะไรผลิตที่โปแลนด์นี่จะเขียนเป็นภาษาโปแลนด์ครับ อย่างตอนผมมาใหม่ๆเพื่อนจะให้เตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อให้ บอกส่วนผสมมาว่าให้ใส่ saharosa ผมก็งง อะไรคือซาฮาโรส เลยถามเขา เขาเลยนึกได้ว่าต้องบอกผมเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งก็คือซูโครสนั่นเองครับ ไปดูที่กระปุก เขียนเป็น ซาฮาโรสจริงๆด้วย อย่างเกลือNaClนี่เป็นโซดูอะไรสักอย่างเนี่ยแหละครับ แต่ตอนนี้ก็คุ้นแล้วครับ #คุณพาเมลาลองให้เพื่อนโปแลนด์ออกเสียงชื่อคนสองคนให้ฟังสิครับ ชื่อประมาณ ชือแม็ก Szymek กับ พแชแม็ก Przemek(พ ออกแค่เสียงลมนะครับ) ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าสะกดถูกหรือเปล่า แล้วก็มีประโยคเด็ดไว้พิฆาตชาวต่างชาติ จำไม่ค่อยได้แล้ว แปลว่าประมาณแมลงปีกแข็งขยับปีกบินอยู่ที่เมืองอะไรสักอย่าง(ไม่แน่ใจ แต่ประมาณเนี้ยครับ) ลองให้เพื่อนออกเสียงให้ฟังสิครับ ผมฟังแล้วเหมือนเขาไม่ได้พูดอะไรเลย เหมือนพ่นลมออกมาอย่างเดียว ฉู่ฉี่ๆน่ารักดี #คุณ gob_non ถ้าจะมาเที่ยวโปแลนด์แนะนำให้มาเมืองคราคุฟครับ เป็นเมืองที่สวยงาม ผู้คนใจดีครับ ผมยังอยากกลับมาเรียนต่อที่นี่เลยครับ(แต่ยังไงผมก็ต้องกลับไปเผาร่างตัวเองในเมืองไทยแน่นอนครับ ผมรักเมืองไทย) ลองดูรูปเมืองคราคุฟที่ผมถ่ายได้ที่ http://my.keepalbum.com/?poland ครับ แต่เป็นรูปที่ผมโพสต์ไว้นานแล้วครับ ไม่ได้อัพเดท มีสองอัลบั้มครับ มีอะไรก็เมลมาถามได้ครับ อีกสองอาทิตย์กลับเมืองไทยแล้วครับ วันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ อย่าพึ่งเบื่อกันนะครับ Dobranoc ครับ จากคุณ : jibjibboy (jibjibboy) - [ 3 ก.พ. 48 05:11:05 ]

ความคิดเห็นที่ 152 อ้าวเคยเห็นพี่ใส่แว่นในรูปชื่อเหงาอ่ะ พี่คณะเปล่าหว่า จากคุณ : pppp - [ 3 ก.พ. 48 11:15:43 A:10.42.4.189 X:202.28.179.1 TicketID:087131 ]

ความคิดเห็นที่ 153 แบบที่ดีๆ น่าประทับใจก็มีเหมือนกัน - เวลาผู้ชายฝรั่งกำลังจะเดินเข้าประตู ถ้าเค้าเห็นว่ามีคนเดินตามหลังมา ก็จะเปิดประตูค้างไว้ให้เราเดินเข้าไปก่อน แม้ว่าจะไม่รู้จักกันก็ตาม บางทีเราเดินตามหลังมา ห่างตั้งเกือบ 10 เมตร ยังเปิดประตูรอตั้งนาน น่ารักและสุภาพมากๆ หรือถ้าเค้าเดินเข้าไปแล้ว ก็จะดึงประตูค้างไว้ให้คนที่เดินตามหลังมา อันนี้เจอมาทั้งหญิงทั้งชาย จากคุณ : Aoyama  - [ 26 ม.ค. 48 02:03:41 ] .... อันนี้คนไทยก็เป็นนะ  เราประทับใจจัง ... ....... จากคุณ : ต้นกล้าจากบ้านนอก - [ 3 ก.พ. 48 14:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 154 คณคห.140 กว่าๆ ที่ใช้นามแฝงว่า happy เราก้อย่โอกิฯเหมือนกัน อยากร้จักค่ะ แต่ไม่แน่ว่าเราอาจร้จักกันแล้วก้ได้ เราอย่แคมป์แมคทีนะคะ เบอร์โทร 622-5329 ค่ะ ขออถัยเจ้าของกระท้นะคะ จากคุณ : ออน (ออนซัง) - [ 3 ก.พ. 48 15:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 155 -ที่ฮ่องกงคนคุยกันเหมือนทะเลาะไม่รู้หูหนวกอะไรกันนักหนา - ห้องน้ำตามตึกชอบล็อค ต้องคอยรอให้คนออกมา หรือไม่ก็ต้องไปขอกุญแจตามร้านค้าที่ไปซื้อของ แต่เดาเอาว่าคนจีนชอบทำสกปรกเลยห้ามเข้าให้หน้าเขียวซะให้เข็ด -คนก็ชอบเดินชนไม่รู้สึกรู้สา เดี๋ยวนี้คนไทยก็เริ่มอาการเดียวกันไม่มีการขอโทษ ว่าไหมคะ -ไปกินตามร้าน มันก็ชอบโยนกันจัง เดี๋ยวนี้ปั๊ดตะนาแย้ว รู้จักมีมรรยาทโยนเบาขึ้นมาหน่อย -แต่แปลกแฮะ คนเค้าเข้าคิวไม่แตกแถว สงสัยอังกฤษจะสอนไว้ดี อยู่มาสิบกว่าปี เข้าเมืองทีไรเป็นได้หงุดหงิดกะคนทู้กที ฮู้ยย เกือบลืม มาอยู่ใหม่ๆหน้าร้อนทีไร ขึ้นรถเมล์เป็นได้เห็นสาหร่ายลอยไปลอยมา หน้าตาก็ดี๊ดี แต่แม่คุณไม่โกนขนจั๊กกะแร้กันเล้ย เดี๋ยวนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว หมดสนุกไปเยอะ -คนไม่ค่อยอาบน้ำ ดีว่ายังหน้าหนาวเลยไม่ค่อยสาบ หน้าร้อนซิ แม่เจ้าประคุณเอ๋ย เต่ามาทั้งเล้า ยังมีช็อคชาติอื่นอีก กระทู้นี้อย่าเพิ่งไปไหนนะจ๊ะ จากคุณ : dotty girl - [ 3 ก.พ. 48 21:18:36 ]

ความคิดเห็นที่ 156 (ขอโทษคุณเจ้าของกระทู้เช่นกันนะคะ) *-* คุณออนซังคะ ตอนนี้ไม่ได้อยู่โอกินาว่าเเล้วค่ะ (ประจำอยู่ช่วงปี 1997-2001) ... ย้ายกลับมาอเมริกาตั้งเเต่ปี 2001 ไปอยู่ North Carolina 2-3 ปี ..เเล้วนี่ก็เพิ่งย้ายมาอยู่ Arizona มาค่ะ .... ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ มีอะไรก็เข้ามาคุยเรื่อยๆ ค่ะ จากคุณ : Happy - [ 4 ก.พ. 48 02:31:51 A:68.3.31.159 X: TicketID:010144 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ใบสั่งครับ ใบละเกือบสองหมื่น!!! โอ้ววว ช๊อครับประทาน - -" จากคุณ : ก็ยังช๊อคอยู่ (S(2)) - [ 4 ก.พ. 48 13:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 158 คุณjibjibboy OSK รุ่นอะไรเหรอครับ จากคุณ : radiohead - [ 4 ก.พ. 48 14:23:49 A:61.90.82.150 X: TicketID:083452 ]

ความคิดเห็นที่ 159 ลูกสาวคนเดียว+ หลาน ๆ นั่งปรึกษาหาทางให้แม่แก่ๆ คนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้อยู่คนเดียวที่อพาตเมนท์ไปอยู่บ้านพักคนชรา เพราะแม่แกบอกว่าถ้าให้ต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา ขอตายที่บ้านซะดีกว่า ยังไงก็ไม่ยอมไปอยู่ ทั้ง ๆที่ลูกสาวคนนี้ก็เป็นหม้ายอยู่คนเดียวและบอกว่าเหงามาก อยากให้มีสิ่งมีชีวิตอยู่ในบ้านเวลากลับจากทำงานจะได้ไม่เหงา  เลยไปหาซื้อแมวพันธ์เปอร์เซีย ขนปุกปุยตัวละเกือบแสนมาเลี้ยง แล้วพยายามหาทางส่งแม่แก่ๆ ไปบ้านพักคนชรา...ช๊อคจริง ๆ จากคุณ : Bryan - [ 4 ก.พ. 48 18:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 160 #คุณ  pppp อยู่คณะอะไรล่ะครับ แต่ผมว่าเพื่อนผมมันหน้าโหลนะ อาจจะคนละคนก็ได้ครับ ผมเรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ครับ #คุณ radiohead ครับ ผมOSK 119 ครับ แล้วคุณล่ะครับ? ที่พิมพ์ไปก่นหน้านั้นมีผิดไปนิดครับ คือซูโครสภาษาโปแลนด์ ต้อง Sacharoza ครับ (ch ออกเสียงเหมือน hตัวเดียวครับ เหมือนฉันรักคุณ Kocham cię อ่านว่าโคฮัมเชียวครับ) เรื่องชื่อก็มีเรื่องขำๆอีกครับ คือว่าที่แล๊บผมมีผู้หญิงสองคน แต่ละคนนี่ก็ชื่อเป็นชื่อที่ยอดนิยม คือ อั๊กเนียชก้า(ผมว่าชื่อนี้โหลที่สุดแล้ว) กับมักดาเลน่า(ชื่อนี้ก็โหลเหมือนกันครับ ขอเรียกว่ามักด้าละกัน) มีอยู่วัน ผมถามอักเนียชก้าว่า ชื่อไหนเป็นชื่อผู้หญิงที่นิยมที่สุดในโปแลนด์ อั๊กเนียชก้าก็บอกว่า ชื่อมักด้านี้โหลสุดแล้ว เนี่ยน้องสาวของสามีเขาก็ชื่อมักด้า แถมน้องสะใภ้เขาก็ชื่อมักด้าเหมือนกัน เขาก็รู้จักคนชื่อมักด้าเยอะเยอะแยะเลย สรุปว่าชื่อมักด้าเนี่ยแหละ โหลสุด หลังจากนั้นผมก็เลยไปถามมักด้าครับ มักด้าตอบวjา ชื่ออั๊กเนียชก้าเนี่ยโหลสุดแล้ว ตอนแรกแม่ยังจะตั้งชื่อฉันว่าอั๊กเนียชก้าเลย แต่ปีนั้นมีคนชื่อนี้เยอะแล้ว เลยตั้งว่ามักดาเลน่า  ชื่ออั๊กเนียชก้าเนี่ย โหลสุดแล้ว(ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะผมรู้จักคนชื่ออั๊กเนียชก้าเยอะมาก แต่เพื่อนบ้านผมว่า ชื่อแอนเนียโหลสุด) อ้อ คนโปแลนด์นอกจากจะฉลองวันเกิดแล้ว ยังฉลองวันชื่อด้วยนะครับ แต่ละวันจะเป็นวันฉลองชื่อของชื่อต่างๆ อย่างอั๊กเนียชก้านี่วันฉลองชื่อนี่เป็นวันที่ยี่สิบเอ็ด มกราคม(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)แล้วพอวันเกิดเขาก็ฉลองวันเกิดอีกที(ดีจัง ฉลองปีละหลายๆครั้ง นอกจากวันเกิดแล้วยังมีวันฉลองชื่ออีก) แต่ผมยังไม่เคยเจอใครวันฉลองชื่อกับวันเกิดเป็นวันเดียวกันเลย คงอยากฉลองปีละหลายๆครั้ง โอ้ อย่าพึ่งเบื่อกันเลยนะครับ Dobranoc จากคุณ : jibjibboy (jibjibboy) - [ 5 ก.พ. 48 02:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ***(ขอโทษเจ้าของทู้ค่ะ)*** คุณ jibjibboy คะ อ่านแล้ว ขำค่ะ เพราะ ไปถามเพื่อน คนที่ชื่อ แอนเนีย แล้ว เธอบอกว่า จริงๆ แล้วเธอชื่อ อั๊กเนียชก้า แต่ ตอนลี้ภัยไปอยู่เมกา คนเมกัน เรียกชื่อเธอไม่ได้ เลยเปลี่ยนชื่อ เป็น แอนเนีย สรุปว่า เปลี่ยนจากชื่อโหลที่สุด เป็นรองโหล อิอิ อ่านที่คุณเขียน ทำให้ อยากจะไปโปแลนด์ กับเพื่อนเลยนะเนี่ย **** จากคุณ : พาเมล่า - [ 5 ก.พ. 48 05:52:06 A:81.38.172.72 X:80.58.33.107 TicketID:079091 ]

ความคิดเห็นที่ 162 รุ่นน้องเรานี่เอง ผมรุ่น 118 ครับ จากคุณ : radiohead - [ 5 ก.พ. 48 09:05:52 A:61.91.76.144 X: TicketID:083452 ]

ความคิดเห็นที่ 163 เพื่อนเคยชวนไปช่วยทำสวนให้คนพื้นเมือง ซึ่งซื้อทำเนียบทูตไอร์แลนด์ ข้างบ้านเป็นทำเนียบทูตอเมริกา ติดแม่น้ำไรน์ ประมาณว่าทำเนียบที่ซื้อนี้ราคาไม่ต่ำกว่าสองล้านยูโร เจ้าของบ้านเลี้ยงอาหารกลางวัน เขาและภรรยามานั่งทานด้วย เป็นซุปมันฝรั่งใส่ไส้กรอก ไปอยู่สองครั้ง อีกมื้อหนึ่งเป็นมันฝรั่งผัดทานกับไข่ดาวและมีสลัดผัก เศรษฐีเงินล้านทานอาหารมื้อกลางวันเท่านี้จริงๆ จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 5 ก.พ. 48 15:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 164 scmu45 ครับ คิดว่าจำไม่ผิดนะ จากคุณ : pppp - [ 5 ก.พ. 48 22:27:36 A:10.42.4.189 X:202.28.180.201 TicketID:087131 ]

ความคิดเห็นที่ 165 -ถอดเล็บแมว -ฉีดยาให้สัตว์ไม่มีเจ้าของ หรือป่วย หลับไปตลอดชีวิต -ใช้บ้านเดี่ยวเป็นออฟฟิส (เช่นคลีนิค) -LLbean คืนสินค้าใช้แล้วได้ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเก่า แค่ไหน ไม่ว่าจะมีใบเสร็จหรือไม่ จากคุณ : ปรารถนา - [ 5 ก.พ. 48 22:54:42 ]

ความคิดเห็นที่ 166 คุณปรารถนา#165 LLbean นี่คืออะไรครับ มีแบบนี้ด้วย ชอบจังเลยครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 48 00:49:18 จากคุณ : gob_non - [ 6 ก.พ. 48 00:43:35 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ขอบคุณทุกท่านครับ      #คุณพาเมล่าว่างๆก็ลองให้เพื่อนพูดภาษาโปแลนด์ให้ฟังสิครับ ผมว่าน่ารักดี มีแต่ลม บางคำก็ไม่เห็นจะต่างกัน แต่เขาว่าต่าง อย่างชื่อคน คัชเชีย กับ คำที่แปลว่าธัญพืชสิครับ ผมนี่แยกไม่ออกเลย(ไม่แน่ใจว่า Gastrหรือเปล่า แต่เป็นพวกธัญพืชน่ะครับ) เหมือนที่เขาแยก ข และ ค เราไม่ค่อยได้น่ะครับ     #สวัสดีครับ พี่ radiohead ยินดีครับที่ได้รู้จักชาว OSKด้วยกัน      #น้อง pppp ยินดีเหมือนกันที่ได้ร่วมคณะเดียวกัน แต่ทำไมจำผมไม่ได้หว่า ผมว่าผมนี่ก็เสนอหน้าออกจะบ่อยนะในคณะน่ะ^_^       วันนี้ก็มีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกแล้ว(ถ้ายังไม่เบื่อนะครับ) เป็นเรื่องของเพื่อนที่แล๊บผมเองแหละครับเป็นผู้หญิงครับ  มีอยู่วัน เขาชวนเพื่อนที่แล๊บไปอพาร์ทเมนต์เขา ไปทำอาหารกินกันนะครับ และก็ชวนเพื่อนๆคนไทยผมไปด้วย ไปถึงเพื่อนๆผม(และผมด้วย) ก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูหน้าตาของ room mateของเขาน่ะครับ จะได้รู้จักกันไว้ เผื่อวันหลังได้พึ่งพา(เพราะคนโปแลนด์นี่หน้าตาดีกันเยอะครับ555) แต่ไปถึงเขาว่า room mate เขาออกไปข้างนอก จะกลับมาก็ตอนดึกๆ พวกผมก็ทำอาหารไทยให้เขากิน เขาก็ทำอาหารให้กินตามประสาปาร์ตี้เล็กๆน่ะครับ พอพวกผมใกล้จะกลับ เพื่อนผมก็บอกว่า room mate กลับมาแล้ว ผมและเพื่อนๆก็เลยจะไปลองทำความรู้จัก อ้าว ปรากฏว่าroom mate เขาสองคน เป็นผู้ชายทั้งคู่ครับ พวกผมเลยงงกัน แต่พวกเขาไม่ได้นอนห้องเดียวกันนะครับ มีห้องแยกไปอีกที เป็นเหมือนคอนโดน่ะครับ(คือว่าห้องนึงนี่มีห้องย่อยเป็นห้องนอนสองห้อง) ไปคุยกับเพื่อน เพื่อนก็บอกว่า เป็นเรื่องปกติ แต่แปลกมากเลย ที่แม่ของเขายอมให้มีroom mateเป็นผู้ชาย จะนอนอยู่ห้องเดียวกันก็ได้ แต่ผู้ชายคนนั้นต้องไม่ใช่แฟน (เหอๆๆ งงกันไหมครับ) พูดง่ายๆว่าจะอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายก็ได้ แต่ห้ามอยู่กับแฟนครับ แต่ที่หอขอผมนี่ รู้สึกว่ามีหลายห้องที่อยู่กันเป็นคู่ๆที่เป็นแฟนกันน่ะครับ แต่พ่อแม่ของพวกเขาก็รู้นะครับ ไม่ได้แอบอยู่กัน อย่างเพื่อนยูเครน(แต่มีแฟนเป็นคนโปแลนด์)ก็อยู่กับแฟนครับ กลับจากคริสต์มาสเขาเล่าให้ฟังว่าไปบ้านแฟนมา ไปกินว๊อดก้า(ที่นี่เรียกวุดก้าครับ)กับพ่อของแฟนมาแล้ว จากคุณ : jibjibboy (jibjibboy) - [ 6 ก.พ. 48 20:01:30 ]

ความคิดเห็นที่ 168 llbeans เสื้อผ้า รองเท้า แบบสปอร์ตแวร์ พวกแค้มป์ปิ้ง http://www.llbean.com/ อ่านตรง customer service เรื่อง returns http://www.llbean.com/customerService/FAQs/returnsExchanges.html?feat=gn#returnsFAQs แก้ไขเมื่อ 06 ก.พ. 48 22:00:44 จากคุณ : ปรารถนา - [ 6 ก.พ. 48 21:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 169 พวกฝรั่งที่กินข้าวด้วยส้อมนี่เราเคยถามค่ะว่า ทำไมไม่ใช้ช้อนซึ่งมันน่าจะสะดวกกว่า เค้าบอกว่าใช้ช้อนดูมันเยอะเกินไป กินแล้วไม่ค่อยสุภาพ แบบประมาณว่ากลัวกินคำโตไปอะคะ อีกเรื่องคือน้ำใจคนไทย ปกติเวลาขึ้นรถลงเรือ ถ้าเห็นเด็ก สตรีและคนชรา คนไทยเราจะลุกให้นั่ง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของคนไทยที่เห็นอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันนึงเพื่อนต่างชาติพาลูกมาด้วย 5ขวบ ขึ้นรถไฟฟ้าไปสยามมีคนลุกให้เค้ากับลูกนั่งเค้างงมาก แล้วรีบกลับมาเล่าให้ฟังว่าเค้างงและประทับใจมากๆเลยที่มีคนลุกให้เค้านั่ง เพราะเค้าไปอยู่สิงคโปร์ 5 ปีแล้วตั้งแต่ตอนลูกเค้ายังเล็กๆไม่กี่เดือนจนโตขึ้นรถ ไม่มีใครเคยลุกให้นั่งสักครั้งเดียว คนไทยใจดี ...ก็ลองไม่ลุกคงถูกมองว่าแล้งน้ำใจแน่ๆ ก็ดีนะเค้าประทับใจเลยพอเราอธิบายให้ฟัง จากคุณ : คนไทยมีน้ำใจ - [ 7 ก.พ. 48 02:08:43 A:202.57.159.154 X: TicketID:032595 ]

ความคิดเห็นที่ 170 นึกออกอยู่เรื่องนึงล่ะ จำได้ตอนอยู่เมืองไทย เวลาเข้าร้าน Fast Food อย่าง แมคโดนัลด์ สั่ง take home แล้ว เขามักจะให้ซอสมะเขือเทศนิดเดียว ห่อสองห่อเงี้ย (แหมสั่งตั้งเยอะ) ซึ่งเราขอเพิ่มเสมอ เขาก็มักจะหยิบเพิ่มให้ (อีกตั้งสองห่อแน่ะ) พอไปเมกาแล้วด้วยความเคยชิน สั่งเบอร์เกอร์เสร็จก็ขอ Can I have extra sauce, please. เมื่อนั้นล่ะ เขาหันกลับไป ใช้ทั้งมือขยุ้มลงหยิบห่อซอสมะเขือเทศออกมาเต็มอุ้งมือ โยนผลั่วะลงในถุง แล้วยื่นให้ทันที เขาไม่ได้ประชดด้วยนะ แบบว่าไม่ขี้เหนียวเลยอ่ะ เรางี้มีkatchupกินไปอีกหลายวัน จากคุณ : ari - [ 7 ก.พ. 48 10:10:19 A:202.59.249.244 X: TicketID:064317 ]

ความคิดเห็นที่ 171 ^ ^...หึๆๆ "extra sauce" ตัวดี อยู่อเมริกาสั่งpizzaขอ extra sauce เขาจะทา sauce เพิ่มบนหน้า pizza กลับมา เมืองไทย "ขอซอสเพิ่ม" ได้ katchup มาเต็มถุง... โอ้ ช๊อค แหม่... เราชอบอ่ะ pizza extra sauce เนี่ย... ชุ่มดีออก ---------------------------------------------------------- ต่อ129 กะ 127 นิด "Bless You" เป็นคำสั้นมาจาก "God Bless You" ค่ะ นอกเหนือจากเรื่อง soul แล้ว บางคนเชื่อ ว่าเวลาจามเราจะอ่อนแอต่อภูตผีปีศาจ เพราะหูตาปิดไม่ ทันระวัง เลยอวยพรให้พระเจ้าคุ้มครองค่า จากคุณ : abstract - [ 8 ก.พ. 48 01:48:01 A:202.176.123.91 X: TicketID:071021 ]

ความคิดเห็นที่ 172 ได้เรียนรู้วัฒนธรรมหลายรูปแบบดีจังครับ น่าจะมีการตั้งกระทู้ว่า แล้วคนต่างชาติมาเมืองไทย จะเห็น culture shock ที่ไทย อะไรบ้างเนอะ จากคุณ : amour man - [ 8 ก.พ. 48 17:25:18 A:161.200.255.161 X: TicketID:006368 ]

ความคิดเห็นที่ 173 อังกฤษ -มาครั้งแรกแปลกใจเรื่องทิชชู่อยู่เหมือนกัน เข้าห้องน้ำ เสร็จ นั่งมองหาสายชำระเลิกลั่ก ทำอะไรไม่ถูก หลังๆชินแล้ว -อย่างที่สอง ก๊อกน้ำ มีทั้งก๊อกน้ำร้อน ก๊อกน้ำเย็น อันนี้ ฝรั่งจะช๊อกคนไทยมากกว่า เพราะ เวลาล้างจาน ถ้าใช้น้ำร้อนล้าง มันจะรู้สึกว่าสะอาดกว่ามาก -อย่างที่สาม ตอนมาเป็นหน้าร้อน  แม่เจ้า.. สามทุ่มแดดยังเปรี้ยงอยู่ ตีสี่ สว่างแล้ว นอนไม่ได้เลย หน้าหนาว มืดตั้งแต่สี่โมงเย็น ตอนนี้ชินไปอีกแล้วเหมือนกัน -ทุกคนแปลกใจว่า เฮ้ยยย เมืองไทยมีแค่สามฤดูเองหรอ ... รายว้า... -เรื่องน้ำ.. สิบปีที่แล้ว เคยมาอยู่ Host ขอน้ำเปล่า หยิบโซดา (sparkling water) มาให้ อ๋อ คนที่นี่เขากินกันอย่างนี้ อยากกินน้ำเปล่า ไปนู่น .. ก๊อกน้ำ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่า sparkling water มีประโยชน์อะไร ถามคนอังกฤษ ก็ไม่รู้ ใครรู้ช่วยบอกที -นม ถูกกว่าน้ำเปล่า, น้ำผลไม้ ถูกกว่าน้ำเปล่า, โค้ก ก็ยังถูกกว่าน้ำเปล่า -ผู้หญิงที่นี่กระเตงลูกอ่อนๆ(ไม่กี่เดือน ดูเหมือนเพิ่งคลอดก็มี)ไปทุกที่ ไปชอบปิ้ง ขึ้นรถไฟฟ้า ไปดูนิทรรศการ ไปทำงานก็มี ถ้าเป็นบ้านเรา เด็กอ่อนๆนี่จะไม่ให้ออกจากบ้านเลย กลัวเชื้อโรค กลัวได้รับอันตราย แต่ที่นี่เห็นผู้หญิงเข็นเด็กเล็กๆใส่เปลบ้างก็ กระเตงไว้ข้างหน้า คอพับคออ่อน อย่างนี้ดีนะ เด็กแข็งแรงดี แต่ก็ อากาศที่นี่ไม่เป็นพิษเหมือนบ้านเราล่ะ -การแต่งตัว ... สาวๆอังกฤษ อเมซิ่งมาก เฉพาะอังกฤษเลยนะ ยุโรปประเทศอื่น ยังไม่เคยเจอเลย คือว่า ขณะที่อากาศหนาวมากๆ เรานี่หน้าเหน้อ หูเหอชา หมดแล้ว เสื้อโค้ตที่มีแทบเอาไม่อยู่ แต่สาวๆอังกฤษหลายคน ใส่เสื้อคอลึก กระโปรงสั้น ไม่มีถุงน่องด้วยนา ทำได้ยังไงกัน อเมซิ่งมากๆ - อาหารที่อังกฤษหลายอย่าง แค่สัมผัสลิ้นแล้ว ต้องคายทิ้งเลย กินต่อไม่ได้แล้ว เช่น ไส้กรอก อังกฤษ ใจนึกว่า เฮ้ย ทำอาหารรสชาดอย่างนี้มาขายได้ยังไงวะเนี่ย แต่เขายังกินได้หน้าตาเฉย -คนอังกฤษหุงข้าวใส่เกลือ -คนที่นี่ไม่มีด่าตรงๆ แต่ขี้ประชดประชันเป็นที่หนึ่ง -ของที่ซื้อจากร้านค้า พวกเสื้อผ้า เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนใหญ่ เปลี่ยน คืน ได้หมด แม้แต่ร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ซื้อไปแล้วไม่ถูกใจ ก็เอากลับไปคืนได้ -ค่าใช้จ่าย เรื่องโทรศัพท์มือถือ ถูกกว่าเมืองไทย ! เซ็นสัญญาค่าสัญญาณรายเดือนพอๆกับเมืองไทย แถมมือถือ รุ่น top สุดให้ใช้ (ตอนนี้ค้นพบแล้วว่าคนไทยคงมีค่าใช้จ่ายเรื่องโทรศัพท์มือถือ แพงที่สุดในโลก) -มีกระเบื้องปูพื้นถนนลายหมากฝรั่งเคี้ยวแล้ว! คุณเอ๋ย คนอังกฤษ มันไม่ทิ้งหมากฝรั่งลงถังกันเลย แค่ห่อใส่กระดาษก็ไม่มี ถุย ทิ้งกันตรงนั้นเลย โดยเฉพาะตรงป้ายรถเมล์ สุดๆ เป็นดวงขาวๆ เต็มไปหมด ดูเผินเผินจะไม่รู้เลย เพราะมันน่าเหลือเชื่อมาก ดูดีๆเฮ้ย หมากฝรั่งนี่หว่า ขนลุกเลย ดวงหมากฝรั่งเป็น พันๆดวง ไม่ได้เวอร์ ติดพื้นจนแบนแต๋ อยู่ตรงพื้นถนน คุณเอ๋ย มันจักกะจี้เท้าบอกไม่ถูกเลย(ก็ไม่รู้ว่าคนที่ทำเนี่ย เป็นคนอังกฤษแท้ๆหรือเปล่านะ บรึ๋อ) -สุนัขทุกตัว มีเชือกล่าม มีคนจูง ไม่ว่าจะพันธุ์ไหน ตัวเล็ก ตัวใหญ่แค่ไหน... ตั้งแต่มาก็ยังไม่เคยเห็นหมา แมว จรจัดเลย (อันนี้คนช๊อก ก็น่าจะเป็นฝรั่งที่ไปบ้านเรามากกว่า เหมือนกัน) -คนพิการมีสิทธิเท่าเทียมกับคนทั่วไป (สาธารณูปโภคที่นี่ส่วนใหญ่ ทำไว้ให้คนพิการก็สามารถใช้ได้เหมือนๆกับคนไม่พิการ) -ร้านขายของที่นี่ส่วนใหญ่ หกโมงเย็น พร้อมใจกันปิดหมด (คนทำงาน เอาเวลาที่ไหนไปชอปปิ้งดีเนี่ย) __ไม่มีร้านไหนที่เปิด 24 ชม. -คนแก่ชาวอังกฤษแข็งแรงมากๆๆๆๆๆอายุ 70- 80 เผลอๆ 90 เดินเหินเอง ไปไหนมาไหนเอง ขึ้นรถ ลงเรือเอง ไม่ต้องมีคนจูง ไม่มีลูกหลานตาม(อันนี้แย่หน่อย) ไม่มีหลง แข็งแรงจริงๆ -รายการทีวีที่นี่ น่า shock กว่า culture ญี่ปุ่น -เดินกันเร็วมาก ไม่มีเดินเป็นกลุ่ม เป็นคู่ เป็นครอบครัว หรือเดินอ้อยอิ่ง ทุกคนดูมีจุดมุ่งหมายของตัวเองมากๆ มาเจอพี่ไทยเดินคงงงพิลึก -กรุณาสละที่นั่งแก่ สตรีมีครรภ์ คนชรา และ คนพิการ ไม่ใช่เด็ก สตรี คนชรา แบบบ้านเรา เด็กเขาถูกเลี้ยงแบบช่วยตัวเอง แข็งแรงมาก เด็กตัวเล็กๆ ลากรถชอปปิ้งให้แม่ คนไทยเลี้ยงเด็ก สปอยล์เกินไปจริงๆ -บ้านเมืองสะอาดมากๆ แม้ในเมืองหลวง อยู่เป็นเดือน ไม่เห็นเศษขยะสักชิ้นตามพื้นถนนเลย ฝุ่นผง ตามพื้น ผนัง ทางเดินสาธารณะ แทบจะไม่มีให้เห็นเลย จีน -กินอาหารเสียงดังมากๆๆๆ จนน่าตกใจ (แต่อันนี้วัฒนธรรมเขานะ ไปว่าเขาไร้มารยาทไม่ได้) ไต้หวัน -หนุ่มสาวรุ่นนี้ถือว่าการอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด (พี่ไทยอย่าเอาอย่างเลยนะ) -ผู้ชายกินอาหารดัง ไม่แพ้คนจีน ที่ทึ่งจีนกับไต้หวันอีกอย่างคือ ใช้ตะเกียบ กินอาหารทุกอย่าง แม้แต่ข้าวสวย น้ำซุป(ยกซดเอาเลย) สามารถมากๆ แขก -กินข้าวด้วยมือ แม้ในที่สาธารณะ (เข้าใจว่าวัฒนธรรม) อย่างอื่นเล็กๆน้อยๆนี่ก็ ... เช่น ฝรั่งเกลียดคนจีน มากๆจริงๆ ตี๋ หมวยไทยที่ภูมิใจนักหนากับสายเลือดมังกร ก่อนมา รู้เอาไว้สักหน่อย ก็ดีนะ แค่นี้ก่อน เอาไว้นึกได้อีก จะมาต่อ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 48 07:56:05 แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 48 07:33:06 แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 48 07:19:56 จากคุณ : RebmemeR - [ 10 ก.พ. 48 07:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 174 คุณ ari #170   ถ้ามานี่ ฮอลแลนด์ ไปสั่งอาหาร ฟาสฟู๊ด แล้วเค้าถามเอาซ๊อส ไรก็ตามรึเปล่า  ต้องรู้เลยนะว่า ทุกซ๊อส (แม้ไม่เอ็กซต้รา) คิดเงิน  ไม่ว่าจะแฮปปี้มีล  จนถึง ปาตั๊ด (เฟรนช์ฟรายข้างทาง)  คิดค่าซีอสหมด  ที่นี่ไม่มีฟรี   เดี๋ยวจะช๊อคอีก จากคุณ : miss_ginger(ยิ้มแป้น) - [ 11 ก.พ. 48 03:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 175 ล่าสุดนี่ก็อาจารย์ผู้หญิงฉีกแข้งฉีกขา โกยร่างกายทั้งตัวมากองอยู่บนโต๊ะหนังสือ สอนหนังสือหน้าตาเฉย - -" จากคุณ : ไม่สวยแต่จน - [ 11 ก.พ. 48 06:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 176 1. ล้างจานด้วยน้ำร้อนจัด แล้วเช็ดแบบฟองฟอด อันนี้ชินแล้ว หลัง ๆ ทำเหมือนเค้าอีกต่างหาก เพราะขี้เกียจ 2. ไม่ค่อยอาบน้ำกัน แรก ๆ ก็งง หลัง ๆ ก็ทำตามได้สบายบรื๋อ แต่ก็ยังอาบน้ำมากกว่าพวกฝรั่งละนะ 3. ไม่ยิ้มเรี่ยราด หน้าบึ้ง หลัง ๆ เลยทำบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าเราบ้า 4. ผู้หญิงไม่ค่อยรักษาความสะอาดเท่าไหร่ ทิ้งจานไว้สองสัปดาห์ค่อยล้าง เวรไม่ทำ ทำกับข้าวไม่ค่อยเก่ง แต่ผู้ชายทำอร่อย เป็นระเบียบมากกว่า สะอาดกว่า 5. อยู่ห้องเดียวกันครึ่งปีคุยกันไม่เกินสองชม. 6. หุงข้าวโดยไม่ต้องให้หม้อหุงข้าว แถมไม่เช็ดน้ำ เก่งกว่าพี่ไทยแหะ 7. เบียร์ โค้ก น้ำผลไม้ ราคาเท่าน้ำเปล่า จากคุณ : กล้วยบวชชีใส่น้ำแข็ง (กล้วยบวชชีใส่น้ำแข็ง) - [ 11 ก.พ. 48 06:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 177 1)นี่เลยวันแรกที่เข้าไปในบ้านของhost โคตรสกปรกไม่เรียบร้อย ข้าวของเสื้อผ้าเกลื่อนกลาดใน living room ในครัว ตกใจมากไม่เหมือนที่คิดไว้เลย อันนี้ shocked แรก 2)shockedสอง เจ๊แกเล่นกอดจูบกับแฟนหนุ่มที่อายุอ่อนกว่าเกือบ10ปี อย่าไม่สนเลยว่ากรูอยู่ข้างๆ   3)แฟนใหม่กับสามีเก่าร่วมรับประทานอาหารด้วยกันได้ อย่าไม่มีเลือดตกยางออก (อันนี้พวกฝรั่งเค้าไม่แคร์อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นคนไทยละก็ ตายยยยย) 4)ย้ายhostคะ เจอhostใหม่เป็นฟิลิปปินส์ก็รักษาความสะอาดซะoverมากๆ เล่นดูดฝุ่นตั้งแต่6โมงเช้าทุกวัน ดูดมันทั้งวันคนพรมจะสึกอยู่แล้ว โคตรดหนกหูเลย เรายังเคยคิดจะไปตัดสายไฟแม่งเลย (ชั่วจริง ฮิๆ) 5)ต้องทำความสะอาดบ้านทั้งบ้านก่อนออกจากบ้านเพื่อส่งลูกไป รร.ตอนเช้า ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นแค่แม่บ้านไม่ต้องออกไปไหนอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าเจ๊แกต้องตื่นมาตั้งแต่ตี5เพื่ออะไร 6)เห็นดึงผักชีมาจากต้นแล้วไม่ต้องล้างเลยอะ อันนี้ก็อึ้งคะ 7)ect. จากคุณ : zusu - [ 11 ก.พ. 48 13:07:03 ]

ความคิดเห็นที่ 178 นี่ก็อึ้งอ่ะ แต่ไม่ใช่เรื่อง Culture Shock คนเวียตนามทักเราด้วยภาษาไทย เราไม่รู้ว่าเค้าคนเวียตฯ เลยถามเค้าว่า คนไทยเหรอคะ เค้าทำหน้าแหย ๆ แบบว่า หน้าอย่างฉันนี่นะคนไทย หึ ดั่งว่า ไทยนี่ล้ากว่าเวียตนามมากมาย ซะอย่างนั้น คิดไปได้นะ จากคุณ : แม่นาง...น้ำดอกไม้ - [ 13 ก.พ. 48 23:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 179 จะบอกว่าเป็น culture shock รึเปล่าที่เล่าๆกันมา เราว่าไม่น่าใช่น่ะ แต่ที่ประสบมากับการอยู่ทั้งอเมริกา และ อังกฤษ เป็น 10 กว่าปีแล้ว พบว่าฝรั่งส่วนมากจะค่อนข้างเห็นแก่ตัว ตัวเองมาก่อน และจะไม่ยอมเสียผลประโยชน์ เล็กๆน้อยๆ อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้ และ จะว่าคนไทยเข้าข้างพวกตัวเอง collectivism จะบอกว่าฝรั่งก็เป็นค่ะ และเป็นมากด้วย ดีกรีเหยียดผิวก็สูง เพราะเราทำงานร่วมกับ Aus และ Eng ต้องป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้เสียผลประโยชน์ เลยเราว่ามันสั่งสมให้เราเป็นคนที่ tough น่ะ อีกอย่างคือ ฝรั่งค่อนข้าง มักง่าย ทั้งนี้ไม่ทุกคนน่ะแต่ที่ล้างจานลวกๆ แล้วคว่ำก็คือความมักง่ายนั่นเอง เพราะฝรั่งที่ล้างจานสะอาดจริงๆก็มี แต่ที่มักงายก็เยอะ แต่ที่สังเกตุก็มี พวก Aus กับ Eng นั่นแหละที่ซกม๊ก แต่ American ค่อนข้างล้างสะอาดน่ะ เพราะส่วนใหญ่จะล้างผ่านwashing Liquid ก่อนแล้วก็เข้าเครื่องล้างจาน. จะบอกประสบการณ์ตอนที่ทำงาน รีสอร์ตหรู 5 ดาวในหัวหิน ทางรีสอร์ตจ้างพวก Aus กับ Eng มาทำ แต่ความที่พนักงานคนไทย มองว่าฝรั่งเป็นพระเจ้า ก็โดนฝรั่งใช้งานซะอย่างกะทาสทั้งโดนด่า โดนตะหวาดก็ไม่เคยเถียงคิดว่าอาจจะสื่อกันไม่รู้เรื่องเพราะต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ฝรั่งพวกนั้นคิดว่าคงจะใช้วิธีที่ใช้ treat เราเหมือนพวกพนักงานคนไทยในนั้นได้แต่ผิดคาด คือเราไม่ยอมให้พวกนี้เอาเปรียบเด็ดขาด จะบอกฝรั่งโง่ๆก็มีเยอะ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้ ยิ่งทำให้ฝรั่งได้ใจ นึกว่าเราโง่หลอกใช้งานได้ ตอนนี้จะบอกว่ากังวลมากที่เริ่มมีชาวต่างชาติมาตั้งรกรากในไทยเยอะขึ้นทุกวัน รัฐบาลน่ะจะStrict พวก immigration law ให้มากๆ เพราะพวกนี้จะคิดว่า เมืองไทยอยู่ง่ายกินง่าย ของก็ถูก เลยแห่กันเข้ามา ลองดูที่ภูเก็ตซิ บ้านหรูๆ ฝรั่งซื้อทั้งนั้น น่าเป็นห่วง จากคุณ : Lisa Ono - [ 14 ก.พ. 48 00:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 180 ไม่รู้ว่าเป็น Culture Shock รึเปล่า แต่รู้สึก Shock Shock ยังไงไม่รู้ ตอนไปอยู่แรก ๆ ไม่อยากออกนอกบ้านเลย รู้สึกทนสิ่งแวดล้อมไม่ค่อยได้ จากคุณ : ศาลาคนเศร้า - [ 15 ก.พ. 48 12:36:55 A:202.133.172.169 X: TicketID:087307 ]

ความคิดเห็นที่ 181 อ่านเพลินดีจัง เล่าบ้างๆ ตอนไปเมืองจีนช๊อคส้วมค่ะ เจอส้วมแบบราง แถมกั้นแค่คออีกตะหาก ทำธุระส่วนตัวไปมองหน้ากันไป แล้วก้อนิสัยขากถุย ทั้งสาวทั้งหนุ่มเดินไปเดินมาตามท้องถนน แต่งตัวกันสวยเก๋แบบเหมือนหลุดมาจากแม็กกาซีน โค้ทหนัง รองเท้าบูท เท่เชียว พอเดินมาใกล้ๆ ขากกก ถุยย! เฉียดเท้าเราไปนิดเดียว หมดกันความเท่ สุดท้าย ที่สนามบิน สาวจีนหน้าตาสะสวย วิ่งเข้าห้องน้ำไม่ปิดประตู!! เธอทำธุระของเธอจนเสร็จอย่างไม่สนใจชาวบ้าน แล้วยังถอดกางเกงเปลี่ยนอยู่หน้าห้องน้ำอย่างไม่อายสายตาใคร >_< รู้สึกว่าเราเป็นคนเรียบร้อยไปเลย จากคุณ : Terra Cotta - [ 15 ก.พ. 48 22:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 182 ที่ คห.178 บอกว่าคนเวียดนามทำหน้าแหยๆ นั่นใช่เลย!! เราก็เคยบอกเพื่อนเวียดนามว่า เออ...ตอนเธอเข้ามาใหม่ๆ ชั้นนึกว่าเป็นคนจีนซะอีก แล้วพี่แกก็ทำหน้าแหยๆเลยอะ ไม่เข้าใจว่าทำไม งง??ใครรู้ บอกที ตอนนี้เราไม่ได้เจอเค้าแล้ว จากคุณ : พีพี.พูพู - [ 16 ก.พ. 48 00:42:02 ]

ความคิดเห็นที่ 183 เอาอีกๆ มัน เดี๋ยวนึกอะไรได้จะมาเขียนมั้ง จากคุณ : mumu1999 - [ 17 ก.พ. 48 20:11:31 ]

ความคิดเห็นที่ 184 เคยเจอแบบความเห็นที่ 79 ครับ ช็อคเหมือนกัน ไม่น่าเลย... จากคุณ : InvEnTorY MoDels - [ 18 ก.พ. 48 00:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 185 everytime when american ask "Where do you from? " Thailand ohhhh after that you are from Taiwan right? เรื่องต่อมาก็ เคยทำงานอยู่ในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งในอเมริกา แม่ก็พาลูกเข้ามาซื่อของ ก็ซื่อ tic tac toe ปรากฎว่า พ่อลูกชายอายุประมาณ 6 ขวบ ก็ ทำหก บนพื้นที่เป็นพรม ก็ ค่อนข้างจะสกปรก ลูกชายก็ก้มลงไปเก็บ จะเอามากินต่อ เผอิญแม่เห็นก็เลย ไปแย่งมาจากมือ ตอนแรกนึกว่าจะเอาไปทิ้ง แม่แกกลับ เอาใส่ปากเฉยเลย งงไปเลย ตอนไปเรียนใหม่ๆ ไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ก็ มีคนทะเลาะ กันอยู่เป็นผู้หญิงผิวดำกับ ผู้ชายผิวขาว รุมต่อยกันนัวเนี้ย ก็มีฝรั่งมุงเยอะแยะเลย บางคน ก็ ว่าผู้ชายคนนี้ ใช่ไม่ได้เลยชอบรังแกผู้หญิง ได้ยินคนตะโกนว่า Call the police .... ไอ้เราก็เดินผ่านก็เฉย ก็นึกในใจ ผู้ชายคนนี้ใช้ไม่ได้จริง รังแกผู้หญิง ด้านผู้หญิงคนดำดูท่าทางจะสู้ไม่ไหว ก็เลย ถอดรองเท้าส้นสูง (high heel) ถอด เสื่อสูทชุดทำงาน ไอ้เราก็นึกว่า เออ จะ ได้เห็นผู้หญิงสู้กับผู้ชาย ปรากฏว่า เอ้อ ทำไมหน้าอกเธอแบนจัง ก็ไม่คิดอะไร แต่หลังจากนั้น เธอถอด วิกผม ออก ไอ้เรา ก็ ถึงได้ประจักษ์ ว่า เฮ้ย นั้นมันผู้ชายนี่หว่า มิน่าทำไมผู้ชายคนขาว ถึงบอกว่า she 's not a girl...... จากคุณ : jay - [ 18 ก.พ. 48 13:48:52 A:202.44.7.49 X: TicketID:000637 ]

ความคิดเห็นที่ 186 ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ นอกจาก จขกท. จะได้หัวข้อรายงานแล้ว เราอีกคนก็ได้หัวข้อสอบพูด กับอาจารย์ฝรั่งคะ จากคุณ : ถั่วปีบ - [ 18 ก.พ. 48 17:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 187 ยังไม่จบอีกเหะ ต้อง save ใหม่อีกแล้น จากคุณ : cdaw - [ 18 ก.พ. 48 19:23:50 A:61.91.78.78 X: TicketID:067634 ]

ความคิดเห็นที่ 188 ที่อังกฤษ เราต้องเข้าผ่าตัดที่นี่ พยาบาลมาตรวจเลือด บอกเราแล้วก็ปักเข็มจึก แบบไม่ปราณีเลยอะ ช๊อคแรกผ่านไป พอต้องเข้าผ่าตัดพี่แกขอสวนท่อปัสวะแบบสดๆ ปกติหมอที่เมืองไทยเค้าจะบร๊อคหลังก่อนค่อยสวน อีกช๊อคผ่านไป พอเราต้องฉีดยาเพื่อบร๊อคหลัง หมอบอกว่า ก้มตัวนะ จึกแบบไม่ปราณีอีกละ ช๊อกอีกเหมือนกัน หลังจากนั้น พยาบาลทุกคนที่มาฉีดยาเรา ปักเข็มแบบตรงๆ จึกๆๆ ทุกคนเลยอะ หลังจากนั้นถึงเวลาที่ต้องกลับไปตัดไหม พยาบาลบอกให้นอนลงนะ เค้าก็ใช้มีดตัดปลายไหมผ่าตัดด้านหนึ่ง เจ็บมากๆๆ แบบไม่ปราณี ช๊อคมาก หลังจากนั้น เจ๊แกบอก หายใจลึกๆนะ เราก็นึกว่าแกจะค่อยๆใช้กรรไกรตัด แกดึงปื๊ด ออกมาทั้งเส้นเลยอะ ช๊อคมากๆๆๆๆๆ นอนทำใจอยู่แป๊บนึง ลุกขึ้นมา คิดถึงพยาบาลมือนิ่มๆที่เมืองไทยมากๆ เมื่อคืนเจออีกพราะต้องไปตรวจอีกที เจ๊พยายม เอ๊ย แฮ่ๆๆ พยาบาลคะ ปักเข็ม จึกดูดปืดอีกละ พอเสร็จ ฉีดยา พยาบาลอีกคน ปักเข็มจึกตรงๆที่ต้นขาเลย แทบร้องไห้ ช๊อคคะช๊อค จากคุณ : mameehanako - [ 18 ก.พ. 48 20:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 189 ตอนอยู่ Perth Aus. ก็ประมาณนี้อ่า 1.ขึ้นรถเมส์ ต้องทักคนขับ และคนขับก็จะทักเรา พอลงก็ต้องบอก ขอบคุณ 2.ใช้ส้อมตักข้าว บางคนกินอิ่มก็ไม่กินน้ำเลย จะกินทีหลัง (ประมาณ ชั่วโมง) 3.ห้าง ร้าน ปิดเร็วมาก บางที 6 โมงก็ปิดแล้ว 4.ซูปเปอร์มาเก็ตก็ปิดเร็ว จะมีวันนึง มั๊งที่เปิดดึกหน่อย 5. ร้านอาหารจะอยู่เป็นจุดๆ ไม่เหมือนบ้นเรา แบบบ้านก็บ้านไปเลย ร้านก็อยู่รวมกัน 6.กินพิซซ่าไม่ใส่ซอส มะเขือ (อันนี้เราอาจจะแปลกมั๊ง ที่ใส่ซอสมะเขือ) และกินเฟร้านฟราย กะ น้ำส้มสายชู 7.คนทำงานแล้ว / นักศึกษา /นักเรียน ส่วนมากจะ ทำอาหารกลางวันไปกิน แล้วนั่งกิน ตาม เก้าอี้ริมถนน + สวนสาธารณะ ไม่ก็เดินกินอ่ จากคุณ : L@@ktan - [ 20 ก.พ. 48 00:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 190 อ้อ อีอย่างนึงอ่า เค้าจะให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงมากเลยอ่ะ อย่างหมาแมวใครป่วยเงี๊ย เหมือนเป็นเรื่องใหญ่อ่ะ เพื่อนๆของเจ้าของ ก็จะห่วงไปด้วย  ขนาดป้าเราหมาไม่สบาย เจ้านายให้กลับบ้านเลยอ่ะ บอกคุณไม่มีสมาธิทำงานหรอก กลับไปดูหมาดีกว่า และก็อีกอย่างห้ามเลี้ยงสัตว์ดุ อย่างหมาห้าม กัด ใครเด้ดขาด ถึงโจรเข้าบ้านก็ กัดไม่ได้นะ โจรเรียกค่าเสียได้อีก (แปลกป่ะ) คือเค้าคิดว่า หมามันแยกไม่ออกหรอกว่าใครดีใครเลว ถึงจะกัดโจรจริง แต่เค้าก็กลัวว่ามันจะไปกัดคนอื่นด้วย จากคุณ : L@@ktan - [ 20 ก.พ. 48 01:04:34 ]

ความคิดเห็นที่ 191 ลองเช๊คดูที่นี่ค่ะ เขาบอกไว้ว่า Culture Shock คืออะไร http://www.somdiary.com/mcontents/marticle.php?headtitle=mcontents&id=36490&Ntype=0 จากคุณ : Cookie - [ 20 ก.พ. 48 03:37:46 A:81.156.64.232 X: TicketID:025464 ]

ความคิดเห็นที่ 192 และวัฒนธรรมแปลกๆในต่างแดนก็มีค่ะ ดูซิว่ามีอะไรบ้างที่เราว่ามันต่างไปจากเรา 1. วิธีล้างจาน ฝรั่งใช้น้ำยาล้างจานแค่ไม่กี่หยด ผสมกับน้ำร้อนในกาละมังใบจิ๋ว จากนั้นเอาจานลงไปจุ่มๆล้างๆ แล้วยกขึ้นเลย ไม่มีการล้างฟองออก หรือล้างผ่านน้ำสะอาดอีกรอบแต่อย่างใด บางทีไอ้น้ำที่ผสมไว้ล้างจานตั้งแต่เช้าในกาละมังยังเก็บไว้ล้างต่อได้ถึงเย็น เห็นแล้วไม่ไหว น้ำในกาละมังก็ใช้ล้างมันตั้งแต่แก้ว ช้อนส้อม จานชาม ไปจนถึงหม้อไหต่างๆ ไม่ทราบจะหาความสะอาดได้จากตรงไหน แต่ฝรั่งเค้าก็ว่าสะอาดของเค้าแล้วล่ะ 2. ใช้เท้าทำกิจกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นกดรีโมททีวี หรือแม้แต่สะกิดเรียกพ่อเรียกแม่ ก็ใช้เท้าเขี่ย เรื่องใช้เท้า ฝรั่งเค้าไม่ถือกัน เราคนไทยไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง 3. เปิดวิทยุทิ้งไว้ในบ้านตลอดทั้งวัน แม้จะไม่มีคนอยู่ก็ตาม เข้าใจเอาเองว่าอาจเป็นแผนหลอกหลวงพวกขโมยขึ้นบ้าน อย่างน้อยมีเสียงวิทยุ ขโมยอาจจะคิดว่าบ้านนี้มีีคนอยู่ เคยถามเพื่อนฝรั่งว่าเปิดวิทยุทิ้งไว้ทำไม ฝรั่งก็บอกไม่รู้เหมือนกัน เหมือนเป็นกิจวัตรที่ต้องทำก่อนออกจากบ้าน เราก็ว่าถ้ามันจะมีขโมยมาจริงๆ มันคงไม่สนใจหรอกว่าบ้านนี้จะมีคนอยู่หรือเปล่า 4. ใส่รองเท้าเข้าบ้าน รองเท้าใส่ออกไปย่ำอะไรต่อมิอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ ยังใส่เข้ามาเดินต่อในบ้านอีก บ้านฝรั่งพื้นเป็นพรม เวลาทำความสะอาดก็ใช้แค่เครื่องดูดฝุ่นไถไปไถมาแค่นั้น มีรายการทีวีของอังกฤษชื่อ How clean is your house ทำการวิจัยออกมาแล้วว่า พื้นพรมในบ้านคนอังกฤษสกปรกกว่าพื้นถนนข้างนอกถึง 5 เท่า 5. อย่างที่บอกไปแล้วว่า บ้านคนอังกฤษพื้นปูด้วยพรม เป็นการเพิ่มความอุ่นให้บ้าน พรมที่นี่เค้าปูกันทั้งบ้านลามไปจนถึงในห้องน้ำ สมัยที่อยู่กับ host family เวลาอาบน้ำต้องกระมิดกระเมี้ยนอาบ เปิดฝักบัวในอ่างอาบน้ำ แล้วต้องระวังไม่ให้กระเด็นออกมาข้างนอก ถึงแม้จะมีแผ่นกระจกกั้นไม่ให้น้ำกระเด็น แต่ก็ไม่วายทำพรมเค้าเปียก อยู่เมืองไทยเคยชินกับการอาบน้ำฝักบัว แบบพื้นเปียกได้เต็มที่ มาอาบน้ำคนอังกฤษแล้วอึดอัดน่าดู ที่มา: http://www.somdiary.com/mcontents/marticle.php?headtitle=mcontents&id=109522&Ntype=4 จากคุณ : Cookie - [ 20 ก.พ. 48 03:40:11 A:81.156.64.232 X: TicketID:025464 ]

ความคิดเห็นที่ 193 โอยตาลาย เราเห็นเขาใช้มีดปลอกผลไม้แบบหันด้านคมเข้าหาตัวเองแบบใช้นิ้วชี้บังคับส่วนนิ้วโป้งคอยรองด้านคมไว้ ถ้าเป็นคนไทยจะปลอกออกนอกตัวเอง เลยลองถาม Host ที่ Aus ว่าทำไม เขาก็ไม่รู้เลยสัญนิษฐานว่าเป็นการป้องกันไม่ให้มีดบาดคนอื่น ส่วนของไทยป้องกันไม่ให้มีดบาดตัวเองมั้ง เหอๆ จากคุณ : เมเปิ้ลสีแดง - [ 20 ก.พ. 48 19:48:04 A:202.183.142.194 X: TicketID:084117 ]

ความคิดเห็นที่ 194 อ่า -- เพิ่มนะคะ แล้วที่ออส เวลาแต่งงานอ่า เจ้าบ่าว-เจ้าสาวจะระบุของขวัญมาให้ ว่าต้องการอะไรบ้าง แล้วให้เราไปเลือกซื้อให้เค้า --- เวลาแขกมาบ้าน ถ้ายกน้ำเปล่ามาให้ จะเหมือนดูถูก ไม่มีมรรยาทอ่า ต้องถามว่าเค้าต้องการอะไร ชา กาแฟ หรือน้ำ จากคุณ : L@@ktan - [ 20 ก.พ. 48 21:58:25 ]

ความคิดเห็นที่ 195 อ่านจนเหนื่อยเลย .. ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกเยอะ สนุกดีค่ะ :) จากคุณ : โอมาโทริ - [ 21 ก.พ. 48 03:33:57 ]