ถือว่าเป็นการเล่าสู่กันฟังสำหรับคุณแม่ที่ลูกแพ้อาหาร ส่วนคุณแม่ท่านอื่นก็อาจจะมีเพื่อนลูกที่เขาแพ้อาหาร เวลามาเล่นที่บ้านจะได้ระวัง และว่าที่คุณแม่จะได้ระวังไว้ไม่ให้โปรตีนเหล่านี้กะเด็กมากเกินไปทั้งตอนตั้งครรภ์และให้นมลูกค่ะ
เมื่อไม่นานนี้ คุณแม่แอนดรูว์ ตั้งกระทู้ถามถึงเรื่องว่าลูกใครแพ้อาหารกันบ้าง น้องแอนดรูว์แพ้ถั่วและต้องเข้าโรงพยาบาลในการแพ้ครั้งนั้น และมีเพื่อนคุณแม่ด้วยกันที่ลูกแพ้อาหารอย่างแม่หล้า(แม่น้องเล็ก) และปุย(แม่น้องนีน) ดิฉันทราบว่าลูกตัวเองแพ้พีนัทเมื่อตอนเขาอายุ 13 เดือน แต่ไม่ได้ตื่นตัวมากจนกระทั่งพาลูกไปหา allergist เรื่องไอของเขา คุณหมอเลยทำเทสต์ที่ผิวหนัง ผลก็คือว่าลูกแพ้พีนัท และ ซอย
ทราบเหมือนกันว่าการแพ้นี่เป็นได้ตั้งแต่ผื่นแดงที่ผิวจนกระทั่งอาการหายใจไม่ออก แต่ก็ไม่ได้พยายามหาข้อมูลเพราะคิดว่าค่อยคิดหลังจากพาไปทำเทสต์ตอนสามขวบ ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกนัก เพราะที่ผ่านมาดิฉันหลีกเลี่ยงแต่ไม่ได้มีความระมัดระวังเท่าที่ควรเลย หลังจากพบคุณหมอและเข้าไปอ่านพวกบอร์ดสนทนาสำหรับคนที่แพ้อาหารแล้ว การป้องกัน เป็นสิ่งที่สำคัญทีเดียว เด็กบางคนก็มีอาการแพ้จากการกัดฝากระป๋องพีนัทบัตเตอร์ แล้วขึ้นผื่นต่อจากนั้นก็บวมที่ตา(เหมือนลูกดิฉัน)และบวมทั่วใบหน้า บางรายลูกคนโตไม่แพ้ แล้วป้อนพีนัทบัตเตอร์ให้น้องอายุ 18 เดือน มีผลให้หายใจไม่ออก ดีที่คุณแม่โทรเรียก 911 ได้ทัน
90% ของเด็กที่แพ้อาหาร จะแพ้อาหารใน 8 ชนิดนี้ คือ ไข่ นม พีนัท ทรีนัท(tree nut เช่น วอลนัท พีคาน) ปลา เชลล์ฟิช(กุ้ง ปู) soy และ wheat และ 20% ที่จะหายแพ้เมื่อโตขึ้น (ที่มา : www.foodallergy.org ) ไม่ใช่เปอร์เซ็นต์ที่สูงเลย ที่เว็บไซต์นี้ คุณแม่สามารถใช้อีเมลล์สมัคร เพื่อรับข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการแพ้อาหาร อย่างเช่น ถ้ามีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาและมีสิ่งที่เราแพ้เป็นส่วนผสม เขาก็จะเตือนมา ทำนองนี้ค่ะ
สิ่งที่คุณหมอแนะนำดิฉัน นอกจากการอ่านฉลากอย่างละเอียดแล้ว คือดังนี้ค่ะ
1) พยายามอย่าให้มีของที่ลูกเราแพ้อยู่ติดบ้านเลย และห้ามใช้ soy sauce อย่างเด็ดขาด ถึงแม้ลูกจะไม่มีอาการอะไรแม้แต่ผื่นก็ตาม แต่เขาแพ้นมที่เป็นซอย เพราะไม่รู้ว่าต่อไปอาการแพ้จะเป็นยังไง จนกว่าจะกลับมาทำเทสต์ใหม่ตอนสามขวบ ดิฉันเพิ่งเห็นว่าส่วนผสมของซอยนี่มีเต็มไปหมด ระวังยากมาก พวก natural flavor ก็มีส่วนผสมของซอย ไม่ว่าจะเป็นเคทชัพ หรือ มาการีน
2) ให้มี epi-pen ติดตัวตลอดเวลา epi-pen คือ Epinephrine auto-injector หน้าตาเหมือนปากกาที่มีเข็ม ถ้าเด็กมีอาการหายใจไม่ออก ให้ใช้ทันที หลังจากนั้นโทรเรียก 911 ทันที
3) ให้เลื่อนการให้ปลากับลูกจนกว่าสามขวบ พีนัทและเชลล์ฟิช เป็นตัวที่มีอาการแพ้รุนแรง แต่ดิฉันไม่เคยให้พวกกุ้งปูแก่ลูกอยู่แล้ว
4) บอกคนใกล้ตัวลูกไม่ว่าจะเป็นทางการหรือแคชวล ว่าลูกเราแพ้อะไร อาจจะให้เขาใส่สร้อยข้อมือ MedicAlert
ดิฉันไม่ทราบว่าคุณหมอของคุณแม่แอนดรูว์แนะนำเรื่องเอพิเพ็นรึเปล่า รถพยาบาลในบางรัฐก็ไม่มีตัวยานี้ Epinephrine ติดไว้ประจำรถ ยาตัวนี้ช่วยพยุงอาการไว้ได้ถึง 30 นาทีก่อนจะถึงมือแพทย์หรือรถพยาบาลจะมาถึง ไม่ได้ทำให้กังวลนะคะ แต่คุณหมอดิฉันพูดถูกว่าเราควรเตรียมตัวถึงสิ่งที่แย่ที่สุดที่เราไม่หวังให้มันจะเกิดขึ้นกับลูกเราค่ะ
มีหนังสือที่ทาง FAAN แนะนำ ในเว็บไซต์ที่ให้ไว้นะคะ
1. The Parent's guide to food allergies
2. How to manage your child's life threatening food allergies
3. Caring your child with severe food allergies
4. The peanut allergy answer book
ดิฉันสั่งซื้อไป เบอร์ 1, 2, 4 เพราะหวังว่าจะช่วยลดความกังวลให้กับตัวเอง และอยากทราบว่าพ่อแม่เด็กที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันเขาทำยังไง ตอนนี้ก็อ่านพวกบอร์ดสนทนาเกี่ยวกับ food allergy มากขึ้น คงเข้ามาพันทิปน้อยลง
จากคุณ :
K@yla
- [
26 ม.ค. 48 23:16:08
]