CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ใครอยากรู้เรื่อง ออแพร์ เข้ามาอ่านซะ !! (ภาค 2)

    สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านกระทู้เกี่ยวกับ ออแพร์ ในภาคแรก และสนใจที่จะอ่าน ให้ตามไปอ่านที่ Link ข้างล่างนี้
    http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H3323948/H3323948.html

    แมวเพิ่งเจอเว็บบอร์ดเกี่ยวกับเรื่องของ ออแพร์ไทยในอเมริกา ซึ่งเป็นของเว็บ www.tanthai.com สำหรับน้องที่สนใจจะเป็นออแพร์แนะนำว่าควรจะเข้าไปอ่านเป็นอย่างยิ่ง มี Link อยู่ข้างล่างนี้เช่นกัน
    http://www.tanthai.com/cgi-bin/mboard/3157.shtml

    มีหลายคนส่งอีเมลมาถามว่า เอเย่นไหนดีที่สุด แมวขอตอบว่าแมวไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะบอกได้ว่าเอเย่นไหนดีกว่ากัน แต่จะขอให้คำแนะนำในการเลือกเอเย่นให้กับตัวเองดังต่อไปนี้คือ

    1. เรื่องค่าใช้จ่าย ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้เอเย่นเท่าไหร่ เมื่อจบโครงการกลับมา ได้เงินประกันคืนเท่าไหร่
    2. เรื่องการต่อสัญญาปีที่สองว่ามีการขึ้นเงินเดือนให้ออแพร์หรือเปล่า (บางเอเย่นที่ไม่ขึ้นเงินค่าตอบแทนให้เมื่อออแพร์อยู่ต่อปีที่สอง ในขณะที่บางเย่นขึ้นให้สัปดาห์ละประมาณ 20 เหรียญ)
    3. เรื่องการเปลี่ยนครอบครัว บางเอเย่น ถ้าออแพร์ไม่สามารถ Rematch ได้ภายในสองสัปดาห์จะถูกส่งตัวกลับ ในขณะที่บางเอเย่นรอได้เป็นเดือน (แต่ทางที่ดีที่สุด เลือกครอบครัวให้ดีตั้งแต่แรก และอย่า rematch เลยดีกว่า) บางเอเย่นสามารถเปลี่ยบครอบครัวได้ 2-3 ครั้ง ในขณะที่บางเอเย่น ไม่ว่าครอบครัวใหม่จะดีจะร้ายอย่างไร เปลี่ยนครอบครัวได้ครั้งเดียวถ้าอยู่ไม่ได้ก็จะถูกส่งกลับ
    อีกอย่างหนึ่งที่ควรจะรู้ไว้ก็คือ เมื่อเรามาที่อเมริกา เราเป็นคนของเอเย่นในอเมริกา
    ที่ปรึกษาก็เป็นคนของเอเย่นในอเมริกา มีปัญหาอะไรเราต้องคุยกับที่ปรึกษาที่อเมริกาเอง

    แมวได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องว่า ควรเตรียมตัวเตรียมใจอย่างไรในการเป็นออแพร์ เรื่องน้องที่เป็นออทิสติค และเรื่องเกี่ยวกับการขับรถและโดดตำรวจอเมริกันจับ ไปแล้ว
    เหลือเรื่อง ที่คงจะได้เขียนให้อ่านอีกดังต่อไปนี้คือ
    1. เรื่อง Culture Chock เกี่ยวกับรายการทีวีอเมริกัน และรายการทีวีสะท้อนความเป็นคนอเมริกันอย่างไร
    2. เรื่องการทำแท้งและการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม (Abortion and Adoption)
    3. เรื่องตลกๆเกี่ยวกับเด็กของเราและเด็กเพื่อน
    4. เรื่องการแอบไปทำงานร้านอาหารไทย และเพื่อนออแพร์ไทยที่กระโดดร่มออกไปทำงานร้านอาหารไทยเต็มตัว

    แต่เพราะว่าวันนี้เพิ่งจะมาขึ้นกระทู้ใหม่ภาค 2 ก็เลยขอเริ่มด้วยเรื่องเบาๆ ซึ่งเรื่องตลกเกี่ยวกับเด็กของแมวให้ฟังก่อนก็แล้วกันนะ

    ถ้าถูกใจก็ช่วยกับโหวตด้วยค่ะ

    Enjoy Reading,

    แมว

    เรื่องตลกของแมวมีชื่อเรื่องว่า “เด็กเล่นจู๋”

    มีอยู่วันหนึ่งเราดู แลน้องคนโตวัยสามขวบครึ่งตอนบ่ายหลังจากที่เขากลับมาจากโรงเรียน
    อยู่ๆน้องเขาก็แว๊บหายไป เราก็หาว่าหายไป เราก็เดินมองว่าอยู่ที่ไหน ปรากฏว่า พี่แกแก้ผ้าล่อนจ้อน ยืนแอบอยู่ในซอกโซฟา
    เราก็เลยถามว่า “นั่นทำอะไรอยู่นะ”
    น้องเขาก็กึ่งโกรธกึ่งอายพร้อมกับบอกให้เราไปไกลๆ อย่ามายุ่ง
    พร้อมกับชะโงกหัวไปดู เห็นแกกำลังลูบๆ คลำๆ จู๋ของแกอยู่ (ภาษาอังกฤษ เขาเรียกว่า penis ไม่รู้ว่าจะแปลเป็นภาษาไทยว่าอย่างไรถึงจะเหมาะสม เอาเป็นว่าเรียกว่า “จู๋” ก็แล้วกันนะ)
    เรารู้สึกตกใจมาก ความรู้เรื่องจิตวิทยาของฟรอยด์ที่เคยเรียนมาหายกระเจิดกระเจิง เรารีบบอกให้น้องเขาใส่เสื้อผ้า เขาก็ทำท่าทางอิดออดไม่พอใจ เราเลยต้องเอาขนมมาล่อ ถึงจะเบี่ยงเบนความสนใจออกมาได้
    เราก็มานั่งคิด “เอาหละสิ นี่ออแพร์อย่างฉันจะต้องมาสอนเพศศึกษาให้กับเด็กด้วยหรือเนี่ย”
    แต่เราไม่รู้เลยว่าจะสอนน้องเขายังไง คราวนี้ก็แล้วไป แต่คราวหน้าถ้าเขาทำอีกเราก็ต้องทำอะไรสักอย่าง

    ด้วยความกลุ้มใจ เราก็เลยโทรทางไกลกลับเมืองไทยไปถามเพื่อนชายเราว่า “นี่ ตอนเธอเป็นเด็กเธอเล่นจู๋เธอบ้างหรือเปล่า” เขาก็ตอบว่า จำไม่ได้แล้ว แต่ว่าเห็นหลานชายรุ่นราวกับเด็กเราชอบเล่นจู๋อยู่เหมือนกัน
    เรากลุ้มใจเรื่องเด็กเราเล่นจู๋ พอเลิกงาน เราก็เลยออนไลน์ msn แล้วก็ได้คุยกับเพื่อนสนิทที่เป็นออแพร์อยู่ฟิลาเดลเฟีย เราเล่าถึงความกลุ้มใจของเราให้เพื่อนฟัง เพื่อนเราก็บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะว่าเด็กวัยนี้มักจะสนใจอวัยวะเพศของตัวเอง เพื่อนเราคนนี้เลี้ยงเด็กผู้ชายเหมือนกันและแก่กว่าเด็กเราประมาณ ครึ่งปี แล้วเด็กของเพื่อนเราก็ผ่านช่วงนั้นมาแล้ว พอเราได้ฟังแบบนั้นเราก็สบายใจขึ้น แต่ก็ยังไม่หายสงสัย เราก็เลยเอาปัญหาของเราไปเล่าให้เพื่อนออแพร์บ้านใกล้อีกคนฟัง แล้วเขาก็บอกเช่นกันว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาทั้งเด็กหญิงเด็กชาย

    เราก็เลยย่องไปกระซิบบอกโฮสแม่เราว่า “อืม น้องเขาเล่นจู๋แหละ”
    โฮสแม่เราก็หัวเราะ เขาก็บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน เราก็เลยถามเขาว่า ถ้าน้องเขาเล่นอีกจะให้ทำยังไง โฮสเราก็บอกว่า “ให้บอกกับน้องว่า ถ้าเธอจะสัมผัสหรือเล่นกับจู๋ของเธอก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ว่าเธอต้องไปเล่นบนห้องนอนของเธอ เพราะว่า ปกติเขาไม่ทำกันในที่รโหฐาน”
    แล้วโฮสแม่เรากำชับกับเราอีกว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง น้องอีกสามคนเมื่อโตถึงวันนี้ทุกคน ก็ต้องเล่นจู๋กันหมด”

    ตอนหลังเรามานั่งคิดดู เราก็ว่าการที่เขาสอนเด็กแบบนี้เป็นสิ่งที่ดีเหมือนกัน เพราะเด็กจะได้เข้าใจว่าเรื่องเพศไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอายและเมื่อโตขึ้นเขาจะได้แสดงออกอย่างถูกต้องและจะได้ไม่มีทัศนคติที่ไม่ดีในเรื่องเพศ

    เรารู้สึกสบายใจขึ้น เพราะหลังจากนั้นเราก็ไม่เคยเห็นเด็กเราเล่นจู๋อีก

    ยกเว้นมีอยู่ครั้งหนึ่ง พี่แกฉี่เสร็จแล้วจู่ๆก็เกิดไม่อยากนุ่งกางเกงในขึ้นมา ทำยังไงก็ไม่ยอมนุ่ง เราก็เลยต้องงัดไม้ตาย ขึ้นมาโดยการบอกว่า “เนี่ยเธอเห็น Spider (แมงมุม) สามตัวใน Basement (ห้องชั้นใต้ดิน) ได้หรือเปล่า ถ้าเธอไม่นุ่งกางเกงใน แมงมุมมันจะไต่ขึ้นมากัดจู๋เธอนะ”
    น้องเขาได้ฟังเราพูดดังนั้น ก็สะดุ้ง รีบเอามือกุมจู๋ตัวเองด้วยความหวงแหน ทำตาโต แล้วถามเราว่า “จริงเหรอ”
    เราได้ที เลยทำหน้าจริงจังบอกว่า “อืม จริงสิ เนี่ยทุกคนต้องใส่กางเกงในกันทั้งนั้นแหละเพราะเขากลัวว่า Spider ไต่ขึ้นมากัดจู๋เอา ”
    น้องเขาทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเงยหน้า ถามเราขึ้นมาอีกว่า “แล้ว Spiderman เขาจะกัดจู๋ฉันด้วยไหม แต่ฉันคิดว่าเขาคงไม่ทำหรอก เพราะว่า Spiderman เป็นคนดี”

    จากคุณ : แมว - [ 22 มี.ค. 48 02:09:03 A:63.28.80.253 X:64.136.27.43, 64.136.27.229 TicketID:085839 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป