ความคิดเห็นที่ 1 Mayowazu... SK II สำหรับวัยใกล้และเลยเลขสามแล้ว แต่ตอนนี้เห็นมีสินค้าใหม่ออกมา ที่มี Pitera (สารสำคัญของ SKII ) ถึงสามเท่า แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า จำชื่อไม่ได้ค่ะ แล้วจะมาบอกทีหลัง จากคุณ : มายุมิ - [ 5 เม.ย. 48 20:02:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตั้งตารอคุณมายุมิมาบอกข่าว จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ 5 เม.ย. 48 21:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รอด้วย  รอนู๋มายูมิมาบอก  ป้าจะได้ใช้บ้าง  ฮ่า ๆ ๆ ชักกลัวเหี่ยวเหมือน  กานนน  เอิ๊กก   ๆ ๆ จากคุณ : อ้อแอ้เอง - [ 5 เม.ย. 48 21:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่ง 26 เหมือนกัน นอกจากจะเริ่มมีรอยเหี่ยว แล้ว...สิวสาวก็เห่อขึ้นมาอีก กลุ้มใจมากเลย ไปหาหมอก็แพงเหลือเกิน........ จากคุณ : วันเวลา~ ความทรงจำของเจ้าหญิง - [ วันจักรี 00:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เพิ่งสิบเจ็ด อิๆๆ แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 48 00:47:34 จากคุณ : ลำพูริมน้ำ - [ วันจักรี 00:43:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ๋า ไม่ได้อยู่ Japan น่ะค่ะ มาตอบได้มะคะ... ปกติครีมทาตัวทายี่ห้ออะไรก็ได้ค่ะ เท่าที่มีอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มีอะไรเปิดใช้ได้ ก็ใช้ เพราะเป็นของส่วนรวมพี่น้องใช้ด้วยกัน แต่ใบหน้านี่ซีเรียสหน่อยค่ะ ที่เพิ่งจะหันมาใช้ (และคิดว่าจะใช้ต่อไป) คือ Vasaline Whitening ผสมโยเกิร์ต ฝาสีชมพู กระปุกละ 100 กว่าบาทเอง ถูกมาก ๆ แล้วก็จะรับประทานวิตามิน C วันละ 1,000 mg เพื่อต้านอนุมูล อิสระอันเป็นสาเหตุของริ้วรอยและตีนกา (อิ อิ) และเป็นสารตั้งต้น ของการสร้างคอลลาเจน (ไม่แนะนำให้ทานคอลลาเจนผง หรือคอลลาเจนสังเคราะห์) ...................... การจะมีสุขภาพผิวดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องสำอาง หรือเครื่อง ประทันผิวอย่างเดียวหรอกค่ะ สาเหตุปัจจัยนั้นสำคัญกว่า อาทิ เช่น อาหารการกิน ฮอร์โมน สภาพผิว ของแต่ละบุคคล รวม ไปถึงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การพักผ่อน (นอนดึกผิวไม่สวยแน่) การออกกำลังกาย ฯลฯ ดิฉันเห็นหลายคนที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวพยายามรักษากันที่ปลายเหตุ เช่น ยิงเลเซอร์ อาจจะช่วยได้ชั่วคราว แต่อีกสักพักก็กลับมา หน้าเยินอีก อนิจจาจริง ๆ เพราะเธอเสียค่ายิงเลเซอร์หมดไป ทีหลายพัน อีกประการหนึ่ง การล้างมือบ่อย ๆ ก็ช่วยลดการเกิดสิว (กรณีคนที่พะวงเรื่องสิวเสี้ยน) เพราะคนเรามักเผลอเอามือไปจับหน้า ป้ายหน้า หรือแตะที่ใบหน้า มือนี่แหล่ะนำพาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายต่าง ๆ ได้มากมาย... หรือคนบางคนก็มีพฤติกรรมส่วนตัวประหลาดที่ชอบเกาหน้า หรือเล่นกับใบหน้า (อันนี้ดิฉันเอง) ก็จะนำพาสิวเสี้ยนให้คุณได้ ง่ายเช่นกัน ปล. เจ้าของกระทู้แค่ 26 เอง ดิฉันจะเข้า 30 แล้วนะคะเนี่ยะ! จากคุณ : Tai-Sarunya - [ วันจักรี 01:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดิฉันเห็นด้วยกับอาจารย์ศรัญญาประการหนึ่ง คือ ผิวพรรณที่ดีมาจากการรับประทานอาหารที่เหมาะสม อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเราทานอาหารที่เหมาะสม เราอาจไม่จำเป็นต้องทานยาหรือวิตามินเสริมเลยก็ได้นะคะ เพราะอาหารที่ดีจะทำให้เรามีสุขภาพผิวที่ดีและสุขภาพอื่นก็ดีตามไปด้วยค่ะ โดยส่วนตัวคิดว่า การดำรงตนให้อยู่ในสภาวะที่กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด ก็จะทำให้ร่างกายของเราดีไปด้วย ดิฉันเองก็วัยใกล้เคียงกับอาจารย์ศรัญญา ไล่มาติดๆ แต่ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาดิฉันเกือบจะไม่เคยแตะต้องเครื่องสำอางเลย ช่วงนี้ดิฉันได้เปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร คือ จะละเว้นเนื้อสัตว์ทุกประเภท ถ้าไม่ถึงคราวจำเป็นจริงๆ ดิฉันก็จะไม่เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ พยายามหัดทำอาหารทานเองเพราะคิดว่าจะได้อาหารที่สะอาดและได้รับโภชนาการที่เหมาะสม(พยายามหาความรู้ด้านโภชนาการจากหนังสือ อินเตอร์เนต คุณพ่อและพี่สาวซึ่งอยู่ในสายงานด้านสุขภาพ) ดิฉันเองมีบ้านอยู่ในชนบท ไปออกกำลังกาย เกือบจะไม่ทานเนื้อสัตว์เลย เกือบจะไม่เคยแต่งหน้า...ดิฉันคิดเอาเองโดยส่วนตัวว่า การดำรงชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติโดยรับอากาศบริสุทธิ์จากชนบท ไม่บริโภคเนื้อสัตว์มากเกินควร อยู่กับพืชผักผลไม้ จะทำให้สุขภาพผิวและสุขภาพอื่นๆดีขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ เครื่องสำอางทั้งเครื่องประทินผิวและเครื่องแต่งหน้า ส่วนตัวดิฉันไม่ค่อยเน้น บางวันหน้าก็ไม่ทาครีมอะไรสักอย่าง ตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่ค่อยได้ใช้เข้าไปอีก แต่ดิฉันเน้นเรื่องอาหารค่อนข้างมาก พยายามตรวจตราค้นคว้าเรื่องโภชนาการบ่อยๆ ปล. 1 เพิ่งลองฝึกตนทำแบบนี้ค่ะ แล้วก็ผลพลอยได้ที่ลองฝึกตนเองอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ดิฉันรู้สึกว่าละความอยากของตนเองไปได้มาก จากที่เคยอยากโน้นอยากนี้ อยากกินโน้นอยากกินนี้ ก็กลายเป็นว่าไม่ค่อยจะอยากหรือว่าอยากน้อยมาก รู้สึกว่าส่งผลทางด้านจิตใจโดยไม่รู้ตัว ปล. 2 อาจารย์คนข้างบนตัวจริงก็ยังดูอ่อนวัยกว่าอายุด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 48 03:15:30 แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 48 02:55:09 แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 48 02:52:53 แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 48 02:43:50 แก้ไขเมื่อ 06 เม.ย. 48 02:42:50 จากคุณ : ลำพูริมน้ำ - [ วันจักรี 02:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คือมันเหี่ยวก่อน จะทำแบบคุณลำพูริมน้ำแย้วอ่ะค่ะ ตอนนี้ขอแก้ผลที่ได้ก่อนนะตัวเอง  ส่วนคุณTai-Sarunya  เจ้าคะ เหมือนแอบรู้ เจ้าของกระทู้เพิ่งเริ่มทาน วิตตามีนซีเมื่อคืน แต่คอลลาเจนผง เคยทานเล่นๆมาอาทิตย์ละครั้งบ้างๆ กินไม่ไหว มันคาวอ่ะ แต่ทาๆๆ โบกๆๆ ปกติไม่ทา เลยอยากทามั่งจัง    หน้าไม่มีสิวสักกะเม็ดมีแต่ร่องรอยความยับของผิวโลก โอ้พระเจ้าจอร์ด มันเหี่ยวมาก จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ วันจักรี 07:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ใช้โลชั่นทาผิวมาตั้งแต่ยังเป็นสาวเพราะเป็นคนชอบถนอมผิวกายที่สุด แต่ไม่ได้เจาะจงว่าต้องใช้ครีมแพงๆมาก ขอให้เข้ากับผิวเราได้เป็นพอ  ที่ติดและใช้มาจนทุกวันนี้คือนีเวีย ตอนอยู่ไทยก็ใช้ของไทย อยู่ที่สิงคโปร์ก็ใช้ของที่นั่น มาอยู่ญี่ปุ่นก็ยังเป็นนีเวียอยู่ดี มีเนื้อครีมให้เลือกใช้ได้หลายแบบตามใจชอบ ที่ใช้อยู่ตอนนี้เป็นนีเวียบอดี้รุ่นใหม่ เนื้อครีมมันให้ความรู้สึกดี (มะได้ค่าโฆษณาน้าค้า) เคยอ่านหนังสือตอนเป็นวัยรุ่นเค้าว่า หลังอาบน้ำจะทำให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายที่สุด เลยเป็นนิสัยที่ติดมาตลอด อาบน้ำแล้วต้องทาครีม อากาศที่ญี่ปุ่นแห้ง ถ้าไม่ใช้ครีมช่วยในการให้ความชุ่มชื้นกับผิว จะทำให้ผิวแตกง่าย แต่ตัวเองไม่เคยผิวแตกเลย เพราะทาทุกวันจนน้ำมันหล่อเลี้ยงให้ผิวอยู่ตัวแล้วละมัง จะมีปัญหาบ้างตามมุมนิ้วมือ บางทีแตก เลือดซิบ เจ็บมาก แสดงว่าช่วงนั้นมือแห้งมาก เพราะล้างชามบ่อยๆ แล้วต้องใช้น้ำอุ่น เสร็จแล้วลืมใช้ครีมทามือบ่อยๆ ก็ต้องระวังเรื่องนี้ ส่วนเรื่องผิวหน้า อายุเลขสี่แล้ว ก็ต้องใช้ครีมช่วยบำรุงไอ้โน่นไอ้นี่เพิ่มมาจากที่เคยใช้ปรกติตอนยังอายุน้อยกว่านี้ ใช้ทั้งของคริสเตียนดิออร์ แพงหน่อย แล้วก็พอนด์สดับเบิ้ลไวท์ถูกๆนี่แหละ ใช้ของแพงอย่างเดียวเดี๋ยวพอดีไม่ต้องกินข้าวกัน ก็ไม่เห็นหน้ามันแพ้อะไร เวลาเลือกใช้ครีมแพงๆบางครั้งก็ดูสถานะการณ์ในกระเป๋าตังค์ก่อนซื้อด้วย อิอิ...แบบบางทีก็อยากสวย บางทีก็...ช่างมานเหอะ...สังขารมันไม่เที่ยงแท้...ยุบหนอ พองหนอ...สาตุ๊... จากคุณ : ปาน-Sapporo - [ วันจักรี 09:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถามคุณต่ายเพิ่มเกี่ยวกับวิตามินซีหน่อยนะคะ คือ วิตามินซีเม็ดๆ ที่ขายก็เหมือนกันเหรือค่ะ เคยได้ยินว่าต้องเป็น วิตามินซีแอซิค ซึ่งในวิตามินเม็ดส้ม ๆ นั้นไม่มีกินไปก็เหมือนกินของหวาน ..จริงรึปล่าค่ะ 1.ใช้อยู่ทุกวัน คือ ล้างหน้าด้วยครีมcetaphil อันนี้ซื้อมาจากไทยค่ะ รู้สึกว่าใช้ได้ดี ไม่มีสี กลิ่น ฟอง 2.แล้วทามอยเจอร์เพราะที่นี้หน้าหนาวมันแห้งกร้านมาก ก็ลองเปลี่ยนอยู่เรื่อย ๆ (เป็นคนขี้เบื่อ) แต่เลือกที่ ไม่ใส่สี ไม่ใส่กลิ่น พอมีสารประกอบน้อย ๆ ราคามันก็จะถูก ที่เคยใช้มาราคาไม่ถึง 1000เยนด้วย 3.ที่สำคัญทากันแดดค่ะ ยี่ห้ออะไรก็ได้ที่มีเอสพีเอฟ 20 ก็ป้องกันได้แล้ว ที่ใช้อยู่เป็นกันแดดสำหรับเด็กทารกค่ะเพราะหน้าแพ้ง่ายมาก ทาทั้งตัวทั้งหน้าเลยค่ะ 4.ปิดท้ายที่แป้งเด็กจอห์นสันเสร็จก็เรียบร้อยค่ะ อ้อ..ส่วนผิวตัวเท่าที่เคยใช้มาของ urenoa white  ของKose ถูกแล้วรู้สึกซึมซาบดี สู้หนาวมหาโหดที่ญี่ปุ่นได้ เห็นคุณป้าญีปุ่นเค้าผิวพรรณดี๊ดี ขาว เนียน จนแอบอิจฉา คงเพราะอาหารการกิน กับ วัฒนธรรมแช่น้ำแร่ ยังไงก็ยังรอ คุณมายุมิ มาบอกนะคะ ถูกกว่า เอสเค ทู เนี้ย น่าสนใจมากเลยค่ะ อิ อิ จากคุณ : il y a - [ วันจักรี 09:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่ค่อยได้ใช้เป็นจริงเป็นจัง ทั้งๆ ที่เป็นคนผิวแห้งมาก รอบเอวนี่เวลาถอดกางเกงที (มะได้ติดเรทนะ) ผิวเสียที่แห้งร่วงกราววว ก่อนมาญี่ปุ่นก็อยากเตรียมสวยประชันสาวยุ่น เลยซื้อ บอดี้ชอป มาโบ๊ะหน้า ก็ดีค่ะ พอมาญี่ปุ่นก็เจอเครื่องสำอางค์ละลานตาไปหมด สำหรับตัวก็ต้องใช้เพราะแห้งกรอบอย่างแรง ใช้นีเวียค่ะ ส่วนหน้า อยู่มา 2 เดือนยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะใช้อะไร ก็อย่างที่บอกว่ามันเยอะมาก แถมบางอย่างจับดูแล้วตัดใจซื้อไม่ลง แพงมั่กมาก (ของเก่าที่หอบมาก็ยังเหลือติดก้นขวดอยู่ เจียดใช้ให้ได้นานที่สุด) เรื่องสิวไม่เคยมีปัญหา แต่รอยตีนกามันมาแล้ววว เวลายิ้มทีมาเป็นริ้ว อิอิ ... รอคุณมายุมิมาบอกเหมือนกันค่ะ เพราะ เอสเคทู นี่ต่อให้กัดฟันยังไงก็ซื้อไม่ไหวค่ะ ปล. เจ๊ปานเลข 4 แล้ว แต่ถ้าได้เจอใครก็ต้องบอก 30 ยังแจ๋วนะเจ๊ อ.ต่าย จ๋า ตะเองรู้เรื่องพวกนี้เยอะจัง แล้วถ้าเป็นเรื่องควบคุมน้ำหนักอ้ะ ทำไงดี เอาแค่ควบคุมนะ ไม่ลด คือตอนนี้ตัวเลขมันชนเพดานที่เรากำกับไว้อ้ะ ถ้าจะหยุดไม่ได้ (พวกตามใจปากแต่อยากสวย) จากคุณ : รักสีส้มอมเปรี้ยว - [ วันจักรี 09:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อืม.. ตอบเกี่ยวกับเรื่องวิตามินก่อนนะคะ เพราะใกล้ตัวเหลือเกิน วิตามินที่คุณหมอให้เด็กรับประทานโดยทั่วไป (เวลาไปโรงพยาบาล หรือคลีนิก) จะได้วิตามินที่เป็น acid (มีความเป็นกรด) มารับประทานเล่น ซึ่งมีปริมาณวิตามินอยู่แค่ 50-100 mg ใน 1 เม็ด ไม่เกินนี้ เนื่องจากเป็นกลยุทธที่คุณหมอต้องการให้เด็กรับประทานวิตามินซี ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว ซึ่งมีฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกัน เด็ก ๆ จะได้ฟื้นจาก อาการเจ็บป่วยโดยไว ส่วนวิตามินซีปริมาณสูง ๆ ที่มีปริมาณวิตามิน 500-1,000 mg/เม็ด ส่วนใหญ่จะผลิตออกมาในรูป low acid (มีความเป็นกรดต่ำ) หรือไม่ก็มีฤทธิ์เป็นกลางไปเลย เพราะว่าหากรับประทานวิตามิน ปริมาณมาก ๆ อย่างนี้แล้วยังผลิตให้มีฤทธิ์เป็นกรด (acid) อีก ความเป็นกรดนี่แหล่ะ จะเป็นผลเสียต่อระบบทางเดินอาหาร (อย่าลืมนะคะว่ากรดมีฤทธิ์กัดกร่อน) ดังนั้นเขาจึงผลิตออกมาโดยผสมกับแคลเซียม เป็น "แคลเซียมแอสคอเบต" (Calcium ascorbate) หรือผสมกับสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น ๆ อย่างเช่น ไบโอฟลาโวนอยด์ (bioflavonoid) ที่เป็นสารสำคัญที่อยู่บนรกส้มหรือเส้นใยขาว ๆ ที่ห่อหุ้มกลีบส้ม อย่างนี้จะปลอดภัยกว่า... ดังนั้นที่คุณ ii ya ถามมา จึงเข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ เพราะปริมาณ วิตามินต่ำ ๆ ที่ผสมเข้าไปแล้วอัดเป็นเม็ดขายถูก ๆ นั้น เค้าจะผสม กับน้ำตาลชวนให้รับประทานเฉย ๆ จุดประสงค์มีอยู่แค่นั้น แต่หากเป็นวิตามินที่มีโดส (dose) สูง ๆ อย่างที่ดิฉันกล่าวมานั้น จะมีรสจืด ๆ เวลาทานทานเหมือนยาเม็ดธรรมดา คือ ดื่มน้ำตามลงไป ดิฉันรับประทานวิตามินซีวันละ 1,000 mg/วัน จุดประสงค์มิได้ เพื่อจุดประสงค์ทางความงาม แต่ทานเข้าไปเพื่อกันไม่ให้ตัวเอง เป็นหวัดหรือเจ็บไข้ได้ป่วย เนื่องจากตัวดิฉันเองมีพฤติกรรม ที่ไม่ดี คือ เข้านอนดึกมากค่ะ ดังนั้นจุดประสงค์เพื่อการบำรุงใบหน้า และผิวพรรณจึงเป็นผลพลอยได้ที่ติดมาเท่านั้น ............................................................ ค่ำ ๆ จะมาตอบเพิ่มเติมนะคะ ตอนนี้ต้องรีบไปดูหนังก่อนค่ะ อีกไม่กี่นาทีจะฉายแล้ว ต๊ะไว้ก่อนนะคริษนะ! จากคุณ : Tai-Sarunya - [ วันจักรี 13:14:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ได้มาตอบเกี่ยวกับ โลชั่นบำรุงผิวคะ แต่อยากเข้ามาคุยถึงเรื่องการบำรุงรักษาผิว  เคยดูรายการของญี่ปุ่นที่เค้าทำสำรวจเกี่ยวกับการทานวิตามิน เค้าว่าคนที่ทานวิตามิน เอ ซี และอี จะเป็นคนที่มีผิวพรรณดีคะ   คือประมาณ 80% จะมาจากการทานอาหาร คือสวยจากภายใน ส่วน 20%มาจากการบำรุงด้วยโลชั่นต่างๆที่เรียกว่าสวยจากภายนอก   ในรายการนั้นได้อธิบายว่าเหตุใด คนที่ทานวิตามิน เอ ซีและ อี จึงมีผิวพรรณดี  วิตามินเอ ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง  วิตามินอี ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย แต่เมื่อใดที่วิตามินอี อ่อนแอ หรือ สิ่งแปลกปลอมนั้น แข็งแกร่งเกิน วิตามินซี ก็จะเป็นกองหนุนเข้าไปช่วย (อาจจะจำนาที่ของวิตามินผิดไปบ้าง แต่สามวิตามินนี้ไม่ผิดแน่ๆคะ)   วิตามิน เอและอี จะละลายในไขมัน จึงควนรับประทาน หลังอาหาร ในรายการนั้นแนะนำให้ทาน มื้อเช้าและ เย็น   ส่วนวิตามิน ซี ละลายในน้ำ จึงทานได้ทุกมื้อ   และเนื่องด้วยวิตามินซี ละลายในน้ำ ไม่ว่า เราจะทานโดส สูงแค่ไหน ทุกๆ สี่ชั่วโมง ก็จะถูกขับออกมาหมด เพราะร่างกายเราสามารถ รักษาวิตามินซีไว้ได้แค่นั้น    ดังนั้น ถ้าร่างกายต้องการวิตามินซี วันละ หนึ่งพันมิลลิกรัม (ไม่รู้ว่าแต่ละวิตามิน ร่างกายต้องการวันละกี่มิลลิกรัม คงต้องรบกวน ผู้รู้มาตอบเพิ่มคะ) ก็ควรแบ่งทานเป็นทุกๆ 200~250 มิลลิกรัมต่อ ครั้ง เพื่อที่ร่างกายจะได้รักษาระดับวิตามินซีไว้ตลอดเวลา    และในรายการนั้นยังบอกอีกว่า  คนที่ผิวพรรณดีอยู่แล้ว ต้องการแค่รักษาให้ผิวพรรณงดงามอยู่ตลอดเวลา ก็ทานวิตามินตามความต้องการในแต่ละวัน    แต่ผู้ที่ต้องการรักษา ให้ผิวพรรณดีขึ้น ควรจะทานเป็นสองเท่าของปกติคะ ข้อแนะนำในการซื้อวิตามินมาทาน ควรเลือกจากที่สกัดจากพืชคะ ไม่ใช่สารสังเคราะห์ เพราะจะทำให้มีสารตกค้างในรางกาย และควรเลือกโดสต่ำ เพื่อที่จะสามารถแบ่งทานตามความต้องการได้ วิตามินเอ ไม่ควรซื้อที่ผลิตจากน้ำมันตับปลา เพราะไม่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้คะ เวลาที่ร่างกายเหนื่อยล้า ให้ทานวิตามินบี คะ จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น มีกำลังมากขึ้นคะ เขียนยาวไปหน่อย  ขอโทษทีนะคะ  คิดว่าพอเป็นประโยชน์ได้ไม่มากก็น้อยคะ จากคุณ : karakekun - [ วันจักรี 19:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คริษจ๊ะ เรื่องการควบคุมน้ำหนักเอาสั้น ๆ ง่าย ๆ ละกันเนาะ คือ ถือ concept ที่ว่าทานเข้าไปเท่าไหร่ ก็ต้องเอาออกมาได้เท่านั้น จึงจะไม่เกิดการสะสมไงจ๊ะ พูดง่าย ๆ คือ ทานอาหารควบคู่กับการออกกำลังกาย วันไหน ทานเยอะ ก็ออกกำลังกายนาน ๆ หน่อย (ไม่ได้หมายถึงให้หักโหม ออกกำลังกาย แต่ออกกำลังกายที่เบา ๆ แต่เพิ่มเวลา เช่น จ๊อกกิ้ง เต้นแอโรบิก อย่างนี้ร่างกายจะใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญ ไขมันหรือพลังงานส่วนเกินได้ดีกว่า) นอกจากรับประทานอาหาร ออกกำลังกายแล้ว อยากควบคุม น้ำหนักให้คงที่อยู่เสมอ ก็อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ทำงาน ให้พอเหมาะพอดีด้วยนะจ๊ะ ชีวีจึงจะมีสุข โรคภัยไม่ถามหา ปล. อยากทานอะไรก็ทานเหอะจ๊ะ ไม่มากเกินไป และนาน ๆ ทานที ก็คงไม่เกิดปัญหาหรอก... จากคุณ : Tai-Sarunya - [ วันจักรี 19:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ.ต่ายจ้ะ ขอบคุณนะฮับสำหรับคำแนะนำ เรื่องพักผ่อนนี่เพียงพอจนล้นเหลือ แต่เรื่องออกกำลังกายนี่ต้องขันน๊อตกันหน่อย สำหรับการทาน...มันมากเกินไป แถมยังทานทุกวันอีกตะหาก กระเพาะทนทานดีแท้หนอ เวลาชั่งน้ำหนักเข็มกิโลกระดิกสั่นไหว แต่หัวใจคนชั่งสั่นกว่า... จากคุณ : รักสีส้มอมเปรี้ยว - [ วันจักรี 20:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับจขกทนะคะ ถ้าวันไหนทานเยอะ วันนั้นจะปั่นจักรยานวนรอบเมืองก่อนไปถึงซุปเปอร์อ่ะ แบบว่า เน้น เข้าเท่าไร ออกเท่านั้น   จนได้แผลอ่ะนะ กินเยอะไปหน่อยอ่ะ เลยต้องปั่นเยอะทุกวันเลย จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ วันจักรี 21:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มทาน Blackmores: Antioxidant Bio ACE ที่เมืองไทยขาย 475 บาท ต่อ 60 เม็ดค่ะ หาซื้อได้ที่ Boots ค่ะ หวังว่าคงจะช่วยได้บ้างด้านข้อมูลนะคะ จากคุณ : ฟ้าสีน้ำ - [ วันจักรี 21:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณพี่ต่ายค่ะที่ไขความได้กระจ่างเลย  .. แถมได้ความรู้เสริมจากคุณ(ไก่)คาราเกะ คุงด้วย รอคุณมายุมิอยู่น้า.. จากคุณ : il y a - [ 7 เม.ย. 48 08:41:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณฟ้าสีน้ำคะ... คล้าย ๆ กันค่ะ ดิฉันก็ทานวิตามินซี 1,000 mg ของ Blackmores วันละ 1,000 เม็ดทุกวัน แต่เป็นคนละสูตรกับคุณฟ้าสีน้ำค่ะ ดิฉันทานสูตรที่ผสม Bioflavonoid ราคาปกติ 1,053 บาท (บรรจุ 150 เม็ด) แต่ช่วงนั้น (ประมาณ พ.ย.) ที่ไปซื้อ เค้ามีโปรโมชั่นลดเหลือ แค่ 700 บาท แถมไดอารี่แสนสวย 1 เล่ม หรือไม่ก็คู่มือท่องเที่ยวของนิตยสาร สารคดี 1 เล่ม แล้วแต่จะเลือก.. ตอนนี้ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ (ล่าสุดที่ถามราคาเพิ่มเป็น 800 กว่าบาทแล้วน่ะ แถมไม่มีของแถมด้วย) เพราะขวดเก่าจะหมดแล้ว ต้องไปหา ซื้อมาทานต่อ มีแพทย์แนะนำมาว่า อย่าหยุดทานวิตามินซี ให้ทานต่อไปเรื่อย ๆ เพราะดีต่อหัวใจและช่วยป้องกันมะเร็ง .................... คุณคนไทยก็ทำได้คะ, ปั่นจักรยานก็โอเคค่ะ เพราะเป็นการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน เช่นกัน เหมาะสำหรับ burn ไขมัน.. จากคุณ : Tai-Sarunya - [ 7 เม.ย. 48 09:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณต่ายคะ นอกเหนือจาก Bio ACE ที่เพิ่งเริ่มทาน ตอนนี้ก็ทาน Calcium-D-Redoxon อยู่ค่ะ เห็นที่ฉลากบอกว่ามีวิตามินซีอยู่ 1,000 มก. และยังมี แคลเซี่ยม 250 มก. ในรูปของแคลเซียมคาร์บอเนต 325 มก., วิตามินดีสาม 300 IU, วิตามินบีหก 15 มก. ค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะทานมากเกินไปหรือเปล่า เพราะใน Bio ACE มีวิตามินซี อยู๋แล้วประมาณ 250 มก. และวิตามินอย่างอื่นอยู่อีก (เท่าไรจำไม่ได้) แต่ก็ไม่ได้ทานทุกวัน เพราะบางวันลืมทาน นี่ขนาดตั้งเตือนให้ทานยาทุกเช้าแล้วนะคะ สงสัยจะต้องหาอะไรทานเพื่อบำรุงสมอง แก้โรคขี้ลืมด้วย จากคุณ : ฟ้าสีน้ำ - [ 7 เม.ย. 48 09:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 น้องๆ เออ น้องคนข้างบนอ้ะ กินใบแป๊ะก๊วยดิ่ หรือกินเกลือก็ได้มั้ง ช่วยแก้โรคเอ๋อ....หุหุ ต่ายจ้ะ เราว่าอาทิตย์นี้จะลองไปดูพวกวิตามินที่ร้านยา เมื่อก่อนเรากินวิตามินซีวันละ 1000 เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่ได้กินไรเลยอ้ะ ต้องดูแลตัวเองซะหน่อย เอาแบบสวยมาจากภายใน ให้มันใสมาถึงข้างนอกเลย อิอิ ไว้จะมาปรึกษาสถานการณ์ราคาวิตามินที่นี่อีกทีนึงคุ้มไม่คุ้มไงจะได้เลือกกินได้ถูกนะจ้ะ จากคุณ : รักสีส้มอมเปรี้ยว - [ 7 เม.ย. 48 11:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอารูปไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาเล่าต่อทีหลัง จากคุณ : มายุมิ - [ 7 เม.ย. 48 17:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รูราเช่  รูราจิเอะ แล้วแต่สำเนียงค่ะ ขายในญี่ปุ่นเท่านั้น ราคาไม่แพงเพราะเน้นขายในร้านขายยาขนาดใหญ่ก่อนโหมกระหน่ำโฆษณาทางทีวี จากคุณ : มายุมิ - [ 7 เม.ย. 48 17:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณฟ้าสีน้ำคะ ดิฉันว่าวันละทาน 1,000 mg ก็เหลือเฟือแล้วค่ะ สำหรับคนปกติ (จริง ๆ แล้วทานวันละ 500 mg ก็โอเคแล้วน่ะ แต่ 1,000 mg ตามประสบการณ์จะให้ผลที่ชัดเจนกว่า) คือไม่อยากจะให้คุณต้องเสียสะตุ้งสตางค์มากเกินไปน่ะค่ะ ดังนั้น 1,000 mg ก็เพียงพอแล้วค่ะ... ................................................ คริษจ๊ะ แล้วแต่หลาย ๆ อย่างรวมกันจ๊ะ หากตัวเองเป็นคนทานอาหาร ที่ดีมีประโยชน์อยู่แล้ว (ประเภทที่รักผักและผลไม้สดเป็นชีวิตจิตใจน่ะ) ก็น่าจะเพียงพอแล้วมั้ง ดูแลตัวเองดี ๆ ออกกำลังกาย พักผ่อน ให้เพียงพอ ที่สำคัญสบายใจ ไม่เครียด อารมณ์ดี ๆ แบบตัวเอง แบบเนี้ยะ ก็โอเคแล้วล่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจนะ เราว่า จากคุณ : Tai-Sarunya - [ 7 เม.ย. 48 20:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เอ ซี อีๆ ท่องๆ เดี๋ยวไปหาซื้อมากินมั่ง ขอบคุณค่ะ มีประโยชน์มากๆ สำหรับคนวัยสามสิบอัพเช่นเรา จากคุณ : วดี - [ 8 เม.ย. 48 08:00:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อาริกาโต๊ะ นะค่ะ คุณมายุมิ จะไปหาซื้อโดยด่วน จากคุณ : il y a - [ 8 เม.ย. 48 08:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณมากคะ มาเก็บความรู้และประโยชน์ สำหรับผู้ใหญ่หน้าแก่อย่างเรา อยากบำรุงมาก จากคุณ : iamname - [ 8 เม.ย. 48 16:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โอย..26 แย้ว กินมั่งดีก่า จากคุณ : padme' amidala - [ 9 เม.ย. 48 00:39:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาอ่านๆๆๆๆ...อ่านไปก็เจ็บใจไป..เคยลองให้เพื่อนคนญี่ปุ่นทายอายุเราว่าเท่าไหร่...เจ็บใจ๊เจ็บใจ...บอกมาได้ว่า สี่สิบกว่าๆ..ฮือๆๆๆๆ ยังไม่สี่สิบจั๊กหน่อย แค่เกือบๆอ่ะ เพราะความที่วัยและใจยังเยาว์ แต่ใบหน้ามันล่วงหน้าไปก่อนสิบกว่าปี ก็เลยเป็นเหตุให้หาเครื่องสำอางค์มาช่วยเป็นแรงใจ ก็ได้ผลิตภัณท์ของ เอสเคทูนี่แหล่ะ ตะก่อนทำงานที่บริษัทที่มีการควบคุมปริมาณฝุ่นแบบชนิดเม็ดฝุ่นหน่วยเป็นไมครอน ก็เลยเป็นเหตุให้ไม่เคยใช้เครื่องสำอางค์ ตอนนี้ออกแล้ว บวกกับวัยที่เริ่มล่วงโรย ก็เลยต้องหาเครื่องประทินผิว  แต่ด้วยความที่เป็นคนที่ผิวไม่ค่อยแข็งแรง แล้วก็เป็นสิวง่ายสุดๆ(หน้าเป็นหลุมพระจันทร์ด้วยหล่ะ) ครั้งแรกที่ใช้ก็ยังไม่รู้จักเครื่องสำอางค์อะไรเลย ก็เลยเลือกที่ถูก และที่เห็นบ่อยๆในโฆษณา แล้วก็ตัดสินใจเลือก พอนส์ ที่ใช้ทั้งเช้าแบบมีกันแดด แล้วก็ทาก่อนนอน  ครีมก่อนนอนเข้ากันได้ แต่ครีมกันแดดตอนเช้าเข้ากันไม่ได้ทาแล้วสิวขึ้น ไปตระเวณหาตัวใหม่ พอคุยภาษาญี่ปุ่นรู้เรื่อง ก็ตรงไปที่เค้าเตอร์ชิเซโด้ ได้รับคำแนะนำสำหรับผิวอ่อนแอ ให้ใช้ผลิตภัณท์ในเครือชิเซโด้ คือของ Avene มี lotion douceur- TONER  / ECRAN JOUR- sunscreen / SERUM APAISANT-soothing serum สามอย่างราคารวมกัน หนึ่งหมื่นกว่าๆ(เยน)  แต่ใช้ไม่หมดเลยซักตัว เพราะว่าไม่เข้ากันกับหน้าเลย ไม่ถึงกับสิวขึ้น แต่รู้สึกไม่สบายหน้ากับความเหนอะหนะของเนื้อครีม เลยต้องกลับมาใช้ พอนส์ เหมือนเดิม แต่คราวนี้รุ่นใหม่ ใช้ได้เข้ากันทั้งครีมตอนเช้าแล้วก็ทาก่อนนอน แฮปปี้ดีพอสมควร เพราะไม่เหนียวเหนอะหนะ แล้วก็หน้าขาวได้ด้วย แต่หน้าตาเป็นฝ้าเพราะออกแดดบ่อย ผิวหน้าก็เสียด้วย พอนส์อย่างเดียวเอาไม่อยู่ เลยต้องหาตัวอื่นมาช่วย  เดินเข้าไปในร้าน SKII เค้าแนะนำให้เราใช้ skin refinning treatment (กระปุกละ 13500 yen) แล้วก็หันไปเห็นMoist Capture Dew ของ illume(เครือเดียวกันกับSKII ราคา 2500 yen) ก็เลยซื้อติดไม้ติดมือกลับมาอีก ใช้(มั่งไม่ใช้มั่ง)ไปได้สักพัก ก็ไปที่ ของ illume อีกไปถอย Colagening Essence (ราคา 5000 yen) มาลองใช้ดู พอใช้ของ SKII กับ illume แล้วรู้สึกว่า เข้ากันได้กับผิวตัวเองดี(ขนาดทามั่งไม่ทามั่งนะเนี่ยะ) ถ้าขยันทากว่านี้ ผิวหน้าน่าจะดีกว่านี้ก็เป็นไปได้ ราคาเครื่องสำอางค์ค่อนข้างแพงกระอักสำหรับดิฉัน ก็เลยต้องทะยอยซื้อทีละอย่าง อย่าให้มันหมดพร้อมๆกันเป็นใช้ได้ ฮ่าๆๆๆ.. (โดนสามีโวยว่าเธอใช้เครื่องสำอางค์แพงๆแบบนี้ แล้วเธอจะสวยขึ้นไหมเนี่ยะ ..หง่ะ...)( ช่วยไม่ได้เนอะ ก็มันดันเข้ากันได้ดีน่ะ ถึงจะไม่สวยเลิศก็เหอะ ..ถ้าชั้นขยันทา ชั้นคงจะสวยกว่านี้น่ะย่ะ..เชอะ) แต่ตอนนี้ หน้ามีปัญหาว่ามีฝ้าแดดขึ้นง่ะ ทำไงดีล่ะ เวลาออกรอบเราก็ใช้ครีมกันแดดSPF50 ทาตอนก่อนออกรอบครั้งนึง พอเสร็จครึ่งรอบก็ทาซ้ำอีกที มันก็ยังหน้าเป็นฝ้าอ่ะ ทำไงดี..ฮือๆๆๆ.... ปล.เราก็ยังไม่ลืมบุญคุณของ PONDS นะ ยังพกติดบ้านอยู่เสมอ... จากคุณ : ตีสี่แล้วก็ยังไม่ง่วงง่ะ (มาลัย1000ปี) - [ 9 เม.ย. 48 02:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สำหรับป้าอ้อ  ต้อง  ทั้งกิน(วิตามิน)  และทั้งทา (ครีมบำรุง)  ได้ข้อมูลดีจังค่ะ สินค้าใหม่  ที่นู๋มายุมิเอามาฝาก  น่าสนใจมั่ก มาก ค่ะ  ไปสอยมา  ทา แน่ ๆ จ้ะ ขอบคุณ นู๋มายูมิคนจ๋วยด้วยจ้า   สวัสดีค่ะ  แม่มาลัย  ...  เพราะเล่นกอล์ฟ  โดนแดดมาก ๆ ก็มีผลกับผิวเหมือนกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 10 เม.ย. 48 07:00:05 จากคุณ : อ้อแอ้เอง - [ 10 เม.ย. 48 06:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถึงคุณมาลัย1000ปี เค้าว่า ถ้าหน้าเป็นฝ้า ให้เอาหัวไช้เถ้า ฝนแล้ว พอกหน้าคะ เป็นสูตรโบราณ แต่ถ้าสูตรปัจจุบันก็ทานวิตามินซี กับ หาเครื่องบำรุงผิวผสมวิตามินซีคะ ลองดูนะคะ  อาจจะได้ผล จากคุณ : karakekun - [ 10 เม.ย. 48 21:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 32 SEKKISEI kor so nice na ka :D จากคุณ : ++Mrs.Uchida++ (++Mrs.Uchida++) - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 17:38:52 ]