PANTIP.COM : H3461738 เรียนต่อเยอรมันในระดับปริญญาเอก [ศึกษาต่อต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 1

ถ้าจะมาเรียนป.เอก(ป.เอกที่เยอรมันจะทำวิจัยเพียงอย่างเดียวค่ะไม่มี coursework ต้องติดต่อหา Doktorvater(โปรเฟสเซอร์ที่ปรึกษา)ให้ได้ก่อนค่ะ โปรเฟสเซอร์แต่ละท่านจะมีควาามสนใจในงานวิจัยที่เเตกต่างกัน ดังนั้นควรจะเข้าไปเยี่่ยมชม website ของเเต่ละ Institute ของเเต่ละมหาลัยว่า โปรเฟสเซอร์ท่านนั้นๆสนใจงานวิจัยแบบเดียวกับของคุณหรือไม่ ถ้าเหมือนก็ลองส่งรายละเอียดงานวิจัยเเละประวัติของคุณให้กับโปรเฟสเซอร์ดูค่ะ
ถ้า้ท่านตอบรับเป็นที่ปรึกษาให้ คุณก็จะได้รับหนังสือตอบรับเข้าเรียนในเพื่อใช้ในการยื่นขอวีซ่า ที่เยอรมัน international office จะรับใบสมัครเฉพาะนักศึกษาระดับป.ตรี-โท ส่วนการศึกษาต่อในระดับป.เอกนั้นต้องสมัครผ่านโปรเฟสเซอร์เท่านั้นเเละสิทธิในการตัดสินใจรับนักศึกษาก็ขึ้นอยู่กับโปรเฟสเซอร์ด้วยเช่นเดียวกัน ข้อพึงระวังในกรณีนี้คือต้องถามให้เเน่ใจว่าคุณจะได้รับทุนการวิจัยจากโปรเฟสเซอร์หรือไม่
ถ้าไม่ คุณจะต้องมีทุนในการทำการวิจัยเอง เช่น ค่าสารเคมี ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ที่เยอรมันจะมีค่าใช้จ่ายสูงมากๆ
แต่ในบางมหาลัยเค้าจะมีหัวข้อวิจัยอยู่เเล้วเพียงเเต่ประกาศรับนักศึกษาป.เอกเพื่อมาทำ Projectให้ ในกรณีนี้คุณจะไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการทำวิจัยและอาจจะได้รับเงินเดือนด้วย
(ถ้าทำแบบครึ่งเวลาก็จะได้รับเงินเดือนเฉลี่ยหลังหักภาษีเเละค่าใช้จ่ายต่างๆประมาณ 1000 ยูโร ถ้าทำงานเต็มเวลาก็ได้ประมาณ 1500 ยูโร)ในกรณีที่ได้รับเงินเดือนนี่ก็ต้องทำทุกอย่างเเล้วเเต่โปรเฟสเซอร์จะสั่งค่ะเช่น สอนเเบบฝึกหัดให้นักศึกษาป.โท ตรวจข้อสอบ คุมLab เตรียมงานของภาควิชา ฯลฯ ่โดยโปรเฟสเซอร์จะเป็นผู้จัดหาค่าใช้จ่ายในการทำวิจัยและเงินเดือนให้กับนักศึกษาป.เอก
ส่วนเรื่องภาษาเยอรมันจำเป็นหรือไม่ในการเรียนป.เอกนั้นก็คงต้องสอบถามโปรเฟสเซอร์อีก
นั่นเเหละค่ะ ถ้าโปรฯอนุญาตให้คุณเขียน Dissertation เป็นภาษาอังกฤษได้เเละไม่บังคับให้คุณเรียนภาษาเยอรมัน คุณก็ไม่จำเป็นต้องสอบภาษาเยอรมันก่อนเข้าเรียน เเต่เท่าที่ทราบนักศึกษาที่ไม่ได้จบโทที่เยอรมัน โปรเฟสเซอร์จะให้นักศึกษาสอบภาษาเยอรมันเเละ้ไปลงเรียนบางวิชาเพิ่มเติมก่อนเพื่อปรับพื้นฐาน
ถ้าจะเรียนเป็นภาษาเยอรมันล้วนๆคงต้องเรียนภาษาอย่างต่ำจนจบระดับกลาง 3(Mittelstufe3)ค่ะ ที่ีเกอเธ่ก็มีเปิดสอนทั้งเเบบ intensivเเละ extensiv ถ้าเรียนเเบบ intensiv ก็ต้องเรียนทั้งหมด 6 คอร์สคือ ระดับพื้นฐาน(Grundstufe)1-3 และระดับกลาง(Mittelstufe)1-3ค่ะเเต่ละคอร์สก็ใช้เวลาเรียนประมาณ 1 เดือนเเต่ถ้าเรียนเเบบ extensiv ก็ใช้เวลานานกว่านั้น โดยมากการเรียนในระดับพื้นฐานไม่ค่อยมีปัญหาเนื่องจากมีผู้เรียนจำนวนมากเเต่ในระดับ
กลางอาจเปิดสอนเเบบ extensiv หรือไม่ก็งดการสอนเนื่องจากมีผู้เรียนจำนวนน้อย ส่วนเรื่องการสอบวัดผลการเรียนภาษาเค้าจะมีเเบบทดสอบที่เรียกว่า TestDAF
(คล้ายๆToeflสอบได้ที่ประเทศไทย)ลองติดต่อสอบถามที่เกอเธ่ว่าเค้าจัดสอบวันใดบ้าง
แต่ถ้าโปรเฟสเเซอร์ขอให้สอบ DSH(ข้อสอบวัดผลการเรียนภาษาเยอรมันสำหรับผู้ต้องการศึกษาต่อมหาลัย) ก็ต้องมาสอบที่เยอรมันค่ะถ้าโปรเฟสเซอร์ไม่บังคับให้สอบภาษาเยอรมันก็ขอ
เเนะนำให้เรียนจนจบระดับพื้นฐาน3 เพื่อใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
ขอให้โชคดีค่ะ
แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 48 05:02:57

จากคุณ : Waffleice - [ 8 พ.ค. 48 04:59:25 ]

ความคิดเห็นที่ 13

ตัวจริงไม่น่ารักหรอกค่ะ....แต่น่ามอง....อุอุอุ
ที่มานั่งตอบคำถามให้คนอื่นนี่ก็ไม่ได้ว่างงานนะคะ งานกองสุมหัวเลยแต่ลองนึกไปถึงตอนที่ตัวเองยังอ่านภาษาเยอรมันไม่ไ้ด้ ยังไม่เคยเข้าเรียนในรร.สอนภาษาแล้วก็นึกเห็นใจคนอื่นๆที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคด่านเเรกของการมาเยอรมันแต่ตอนนั้นตัวเอง
ก็ได้เจ้าโปรเเกรมแปลภาษาของ alta vista นี่เเหละค่ะมาช่วยเอาไว้ได้ สำหรับคุณสไบไม่มีปัญหาหรอกค่ะ คุณเเพิ่งมาถึงได้แค่
เดือนเดียว ต้องการเวลาปรับตัวอยู่บ้าง
ตอนนั้นตัวเองก็เรียน intensive course จนจบระดับพื้นฐานที่ Goethe เมืองไทยแต่ที่นี้จะมาเรียนโทในหลักสูตรดิพโพลมซึ่งเป็นหลักสูตร
เเบบเก่า เค้าบังคับว่าให้เรียนจนจบระดับกลางเเล้วให้สอบวัดผล DSH ด้วยก็เลยต้องขวนขวายเป็นพิเศษ รอดตัวเข้ามาเรียนในมหาลัย ตอนนั้นคิดว่าภาษาของตัวเองนี่เจ๋งใช้ได้เเล้ว เข้าเรียนในมหาลัยได้หนึ่งสัปดาห์เรียนไมู่รู้เรื่องเลยค่ะ อาจารย์พูดอะไรเนี่ย ศัพท์เืทคนิคทั้งนั้นแต่หลังจากนั้นก็ปรับตัวได้ค่ะ พอดีว่าคณะที่ตัวเองเรียนมีคนไทยแค่คนเดียวเเละเป็นคนต่างชาติเพียงไม่กี่คนในห้อง ก็เลยมีเเต่เพื่อนเยอรมันเกือบทั้งหมด ส่วนห้องพักก็เเชร์กับเพื่อนเยอรมันอีกเช่นกันเลยมีคนมาให้ฝึกภาษาด้วยทุกวัน ดังนั้นอยากเก่งภาษา
ก็ต้องหัดใช้งานมากๆ หัดสนทนากับเพื่อนด้วยภาษาเยอรมัน ลดการใช้ภาษาอังกฤษลงเรื่อยๆ การหัดพูดจะทำให้ช่วยเรียนรู้ศัพท์ใหม่ๆจากเพื่อนในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยลดความจำเรื่องเเกรมม่าลง ดังนั้ั้นต่อไปเราก็ไม่ต้องมานั่งท่องจำอีกต่อไปว่าเเต่ละคำมีเพศอะไรและผันอย่างไร เช่น die Katze คือมันจะเป็นไปโดยอัตโมัติ หรือวิธีอื่นที่ใช้กันเช่นเข้าไปนั่งเรียนร่วมคลาสกับนักศึกษาทั่วไปซึ่งมีข้อดีคือไม่ต้องเสียเงิน นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องการฟัง การจับใจความสำคัญได้ดีขึ้นอีกด้วยหรือไปลงคอร์สเรียนภาษาราคาประหยััดในระดับที่สูงขึ้นในศูนย์ภาษาของมหาลัยหรือ
ตาม Volkshochshuleก็ได้ หรือหัดอ่านหนังสือการ์ตูนนิทานของเด็กๆน่ะค่ะ ศัพท์ไม่ยากจนเกินไป จากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มระดับ
ความยากขึ้นเรื่อยๆ พวกหนังสือพิมพ์ก็ควรอ่านเช่นกันเเต่อันนี้ไม่ขอเเนะนำหนังสือพิมพ์ยอดฮิต เช่น Bild Zeitung อย่างเด็ดขาดเพราะหนังสือพิมพ์พวกนี้จะใช้ศัพท์ง่ายๆทำให้ไม่เกิดการเรียนรู้ศัพท์เเละการเรียนรู้การใช้รูปประโยคที่ซับซ้อนกว่านั้น (อันนี้อาจารย์ที่เกอเธ่ที่เยอรมันเค้าบอกไว้อย่างนั้นค่ะ)ถ้าจะเรียนเเค่ใช้ในชีวิตประจำวันก็ใช้ Bild Zeitung ได้เเต่ถ้าต้องเรียนในระดับมหาลัยไม่ขอแนะนำให้อ่านค่ะ ถ้าที่บ้านมีทีวีก็ัหัั้ดดูและฟังบ่อยๆค่ะจะได้คุ้นเคยกับสำเนียงภาษาเยอรมันได้เร็วขึ้น
วิธีอื่นก็เช่น จัดปาร์ตี้เชิญเพื่อนนักศึกษามาทำอาหาร ทานข้าวร่วมกันเป็นครั้งคราวจะช่วยให้สนิทสนมเเละสนทนากันมากขึ้นค่ะหรือเข้า
เป็นสมาชิกชมรมกีฬาก็ได้เช่นเดียวกัน สิ่งที่ควรเรียนรู้อย่างหนึ่งคืออย่ากลัว อย่าอายที่จะเข้าไปทักทายเพื่อนชาวเยอรมันค่ะ อันนี้เจอมากับตัวเลยตัวเองนั่งรอเฉยๆรอให้เค้าเข้ามาสนทนาทักทายเพราะเห็นเพื่อนชาวเยอรมันไม่ค่อยยิ้มเเย้ม ปรากฎว่าหลังเป็นเพื่อนสนิทกันเเล้วเค้าบอกว่าเค้าก็คิดอย่างเดียวกับเรานั่นเเหละก็เลยไม่เข้ามาทักเราก่อน เพื่อนชาวเยอรมันนิสัยดีเเละ
จริงใจค่ะ เช่น เขียนรายงานก็มาช่วยเเก้ไขเรื่องภาษาให้ ช่วยย้ายบ้าน ช่วยเรื่องเรียน ฯลฯ นอกจากนี้ในโอกาสสำคัญต่่างๆเราก็อาจได้รับเชิญจากเค้าเช่นเดียวกันค่ะ

จากคุณ : Waffleice - [ 12 พ.ค. 48 04:22:45 ]