ความคิดเห็นที่ 1 หาตามสถาบันการเงินต่างๆในเมืองก็ได้ หาข้อมูลหลายที่มาเปรียบเทียบว่าอันไหนดอกเบี้ยต่ำสุด ก่อนซื้อที่ต้องเสียคือ ค่่าจ้างคนมา inspection บ้านว่าได้มาตรฐานไหม เค้าจะบอกเลยว่าบ้านนี้ควรซื้อไหม ต้องซ่อมไรบ้าง closing cost  ก็แล้วแต่ราคาบ้านด้วยหล่ะ ว่าแพงไหม ตอนเราซื้อเรามี realtor ทำเอกสารให้ แต่ว่าค่า realtor  คนขายบ้านเป็นคนจ่าย เค้ากินเปอร์เซนต์จากคนขาย เวลาทำสัญญาเสนอซื้อก็จะให้ราคาที่ถูกกว่า เหมือนต่อรอง ก็ยื่นกันไปยื่นกันมา 2-3 ครั้งจนกว่าจะได้ราคาที่ทั้งคู่พอใจ นี่คือคร่าวๆที่จำได้นะคะ หลัังซื้อแล้วอย่าลืมไปทำประกันบ้านกับบริษัทประกันด้วยหล่ะ ถ้าอยากส่งเพิ่ม เพื่อให้หมดไวๆ ที่นี่่ทำได้เสมอ จากคุณ : สะดีดสะดิ้ง - [ 17 พ.ค. 48 11:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ้อลืมบอกไปว่าเวลาเสนอสัญญาซื้อบ้านให้คนขาย ถ้าเราต้องการให้เค้าซ่อมแซมส่วนไหนของบ้าน ก็เขียนระบุไปได้เลยในสัญญา จากคุณ : สะดีดสะดิ้ง - [ 17 พ.ค. 48 11:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดิฉันเป็นผู้ช่วยทนายด้าน Real Estate และก็เป็น Real Estate Agent ด้วย คงพอจะแนะนำได้จากประสบการณ์ คุณอยู่ที่รัฐไหนล่ะคะ แต่ละรัฐจะมีกฎหมายและการปฏิบัติที่ต่างกัน ดิฉันอยู่ California เลยจะขอแนะนำแต่ที่ทำกันที่นี่ละกัน การซื้อบ้านครั้งแรก ขอแนะนำว่าไม่ควรใช้บริการจากเวบไซต์ (ถึงแม้ว่าจะทำได้ก็ตาม) เพราะว่าคุณจะมีคำถามมากมายกับ lender ที่คุณต้องคุยด้วยตนเองถึงจะรู้เรื่อง อีกอย่างที่สำคัญคือควรใช้ local lender คือจะซื้อบ้านที่ไหนให้ใช้ lender ที่นั่น เพราะเขาจะมีความรู้เรื่องตลาดของที่นั่นมากกว่า จะทำให้คุณไม่มีปัญหาตอนประเมิณราคา เพราะถ้าประเมิณราคาไม่ผ่านนี่หมายถึงคนขายเขาไม่จำเป็นต้องขายให้คุณแม้จะตกลงกันแล้วก็ตาม หรือเขาสามารถเรียกเงินเพิ่มได้ตามราคาประเมิณ จากคุณ : ล่ามCourt - [ 17 พ.ค. 48 11:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดิฉันเป็นผู้ช่วยทนายด้าน Real Estate และก็เป็น Real Estate Agent เองด้วย คงพอจะแนะนำได้จากประสบการณ์ คุณอยู่ที่รัฐไหนล่ะคะ แต่ละรัฐจะมีกฎหมายและการปฏิบัติที่ต่างกัน ดิฉันอยู่ California เลยจะขอแนะนำแต่ที่ทำกันที่นี่ละกัน การซื้อบ้านครั้งแรก ขอแนะนำว่าไม่ควรใช้บริการจากเวบไซต์ (ถึงแม้ว่าจะทำได้ก็ตาม) เพราะว่าคุณจะมีคำถามมากมายกับ lender ที่คุณต้องคุยด้วยตนเองถึงจะรู้เรื่อง อีกอย่างที่สำคัญคือควรใช้ local lender คือจะซื้อบ้านที่ไหนให้ใช้ lender ที่นั่น เพราะเขาจะมีความรู้เรื่องตลาดของที่นั่นมากกว่า จะทำให้คุณไม่มีปัญหาตอนประเมิณราคา เพราะถ้าประเมิณราคาไม่ผ่านนี่หมายถึงคนขายเขาไม่จำเป็นต้องขายให้คุณแม้จะตกลงกันแล้วก็ตาม หรือเขาสามารถเรียกเงินเพิ่มได้ตามราคาประเมิณ สำหรับจะใช้บริษัทไหนนั้นต้องช้อปเอาดูค่ะ อย่าไปคุยที่เดียวแล้วตกลงเลย เพราะว่าอาจจะมีที่อื่นให้เงื่อนไขดีกว่า ส่วนตัวแล้วดิฉันว่าพวก mortgage company จะให้ rate คุณดีกว่าเพราะเขาเลือกได้ว่าจะ loan จากแบงค์ไหน แต่ถ้าคุณไปที่แบงค์คุณเขาก็จะให้แต่ rate จากแบงค์คุณ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ rate ที่ดีที่สุดก็ได้ ก่อน closing cost คุณต้องจ่าย initial deposit ให้คนขายโดยผ่านตัวกลาง (escrow) เงินจำนวนนี้จะไม่มีใครแตะต้องได้นอกจากคนซื้อและคนขายเท่านั้น สมมติว่าคุณจ่าย deposit ไปแล้วแล้วเปลี่ยนใจ คนขายก็มีสิทธิ์จะยึด deposit คุณไปได้ถ้าเขาไม่เซ็น release ให้ อันนี้ต้องระวัง จ่ายน้อยไป offer เราก็จะดูด้อยกว่า offer ของคนอื่นที่เขาจ่ายมากกว่า จ่ายมากไปถ้ามีอะไรผิดพลาดเราก็อาจไม่ได้คืน (หรือไม่ก็ต้องไปฟ้องเอาที่ small claims court ถึงจะได้คืน) ค่า deposit ที่ California นี่ก็จะประมาณ 1% ของราคาที่คุณเสนอ เช่นถ้าบ้านราคาสองแสน deposit ก็จะประมาณสองพัน มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละ location Closing cost นี่ก็ขึ้นอยู่กับราคาบ้านและ down payment ที่คุณตกลงจ่าย บอกไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับสถานที่ ถ้าบริเวณที่คุณอยู่มีแผ่นดินไหว น้ำท่วม อะไรอย่างนี้ ราคาค่าประกันก็จะสูงขึ้นไปอีก รวมถึงค่าเบี้ยเงินกู้ด้วย ถ้ากู้ไม่ถึง 80% ของราคาบ้าน (หมายถึงว่ามีดาวน์ 20% ขึ้นไป) อันนี้ก็อาจจะลดค่า closing cost ลงมาได้บ้าง อะไรอย่างนี้เป็นต้น ถ้าอยากจ่ายเพิ่มต่อเดือนเพื่อให้เงินกู้หมดไวๆอันนี้สามารถทำได้ แต่ต้องตรวจดูให้แน่ใจก่อนว่า loan ของคุณไม่มี prepayment penalty ส่วนใหญ่เขาจะกำหนดไว้ 3-5 ปี คือถ้าคุณจ่ายหมดก่อนช่วงเวลานั้นก็จะโดนปรับ แต่บาง loan ก็ไม่มี prepayment penalty ค่ะ แล้วเวลาจ่ายเพิ่มทุกครั้งก็อย่าลืมเช็คด้วยว่าเราจ่ายเพิ่มค่า principal ไม่ใช่ interest มีหลายต่อหลายโปรแกรมของรัฐบาลที่เขาช่วยคนซื้อบ้านครั้งแรก ต้องใจเย็นๆ ช้อปเยอะๆก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ เริ่มจากดูเว็บนี้ก่อนก็ได้ค่ะ http://www.hud.gov/buying/index.cfm ถ้ามีคำถามอะไรอีกก็ถามได้เลยนะคะ ยินดีช่วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 48 13:06:05 จากคุณ : ล่ามCourt - [ 17 พ.ค. 48 12:09:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คือไม่ได้อยู่อเมริกา แต่บอกเป็นแนวทางคร่าวๆ คิดว่าคงไม่ไกลไปจากนี้มากนัก แนะนำให้ไปคุยกับโบรกเกอร์ (คนที่ทำหน้าที่ติดต่อแบงค์แทนเรา) คนเหล่านี้ เค้าจะมีข้อมูลของแบงค์และนอนแบงค์ เกือบทุก สถาบันทั่วประเทศ ที่เขาติดต่อ โดยลูกค้าไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายตรงนี้(อ้างอิงจากประเทศที่เราอยุ่ค่ะคิดว่าคงไม่ต่างกันอย่างที่บอก  เค้ารับเงินจากสถาบันที่ให้เรากู้) การที่จะซื้อบ้าน(กู้จากธนาคาร หรือ นอนแบงค์) คุณจะสามารถกู้ได้สูงสุดก็ประมาณ แปดสิบ ถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์(กู้เกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องเสีย Mortgage Insurance) กู้ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็มี แต่มันมีข้อจำกัด (อันนี้ไม่ขอพูดถึง) โดยปรกติ สมัยนี้ การกู้เงิน จะง่ายขึ้นเพราะมีโบรกเกอร์ เข้ามาให้ความสะดวกมากยิ่งขึ้น และทางแบงค์ก็ไม่ต้องเสียเงินจ้างคนมาทำงานตรงนี้มากขึ้น ซึ่งมันเป็นการพึ่งพากัน ลดต้นทุนของแบงค์ และก็ได้ลูกค้าชั้นดี(หรือไม่ดีก็แล้วแต่ทางโบรกเกอร์จะเลือกให้) ถ้าคุณไปคุยกับธนาคาร เจ้าหน้าที่เค้าก็จะให้รายละเอียดมาเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ที่เค้ามี และ อาจจะบอกไม่ทั้งหมด แต่ถ้าคุณไปคุยกับโบรกเกอร์ คุณก็จะได้รายละเอียดของหลายๆ แบงค์ และ ได้รู้อะไรหลากหลายมากยิ่งขึ้น ถ้าคุณมีเครดิตกับธนาคารที่คุณเป็นลูกค้าอยู่ ก็ลองไปคุยกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อที่อยู่อาศัยเขาดู (ถ้าไม่อยากคุยกับโบรกเกอร์)  เจ้าหน้าที่เค้าจะมีแนะนำให้ได้ และ เค้าสามารถประเมินให้ได้ ว่าคุณสามารถกู้ได้สูงสุดเท่าไหร่ ก็จากการประเมินรายได้ของคุณเอง หรือต้องมีคนกู้ร่วมด้วย ซึ่ง ผลิตภัณฑ์ ของแบงค์นั้นมีมากมายหลายชนิด แล้วแต่ลูกค้าจะอยากได้แบบไหน หรือ และขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ของลูกค้าด้วย การกู้เงิน การทำนิติกรรมต่างๆ จากแบงค์ คุณก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะพอสมควร ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ทางแบงค์เค้าจะชาร์จคุณแน่นอน(มีหลายรายการ)ไหนจะค่า สแตป์มดิวตี้ ของรัฐบาล ค่าโอน ค่าอะไรอีก มายมาย หลังจากที่คุณได้ทำนิติกรรมการขอกู้แล้ว ทางแบงค์ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปประเมินราคาบ้านที่คุณต้องการจะซื้อ และในระหว่างการพิจารณา ซึ่งไม่แน่นอนว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ คุณก็จะรู้ว่า ทางแบงค์สามารถให้คุณกู้ได้เท่าไหร่  และ เมื่อทุกอย่างลงตัว อีกสักระยะ คุณก็จะได้รับอนุมัติเงินกู้ ถ้าไม่มีปัญหาด้าน รายรับของผู้กู้ และ อื่นๆ เรื่องการผ่อนส่ง อย่างที่บอก ว่าทางแบงค์เค้ามีผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าได้เลือกหลายรายการ คุณสามารถเลือก ที่จะเพย์ออฟ ได้เมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ หรือคุณสามารถ โปะเงินมากเท่าไหร่ก็ได้ที่คุณมีในบัญชีผ่อนบ้าน ซึ่ง ในรายละเอียดตรงนั้น ทางแบงค์จะอธิบายให้คุณฟังเอง มันมีหลายอย่างที่เรียกกัน เช่น ไลน์ ออฟเครดิต  ออฟเซ๊ตแอคเคาท์ หรือ อื่นๆ อีกมากมาย คุณต้องชัวร์ว่า ผลิตภัณฑ์ที่ทางแบงค์เลือกให้นั้น คุณสามารถ ที่จะเพย์ออฟได้ โดยไม่มี Penalty คืออยากปลดหนี้เมื่อไหร่ก็ได้ทันที จริงๆ รายละเอียดมันเยอะ พูดไปก็งงตัวเองไป(เรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยเก่ง) เอาเป็นว่า ถ้าไม่มีใครมาให้รายละเอียดอีก หรือคุณยังไม่เคลียร์ ก็ลองทิ้งอีเมลล์ไว้ แล้วจะให้รายละเอียดเพิ่มเติม อันนี้เป็นแค่แนวทาง คือเราไม่ได้อยู่อเมริกา แต่คิดว่ามันคงไม่หนีไปจากนี้มากนัก ก็ให้คิดเล่น ๆดู รอคนอื่น ๆ ที่รู้จริงมาบอกอีกที อ้าว กดพร้อมกัน(เลยเข้ามาอีกที หุหุ) คุณข้างบนก็บอกได้ระเอียดมาก แก้ไขเมื่อ 17 พ.ค. 48 12:51:19 จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 17 พ.ค. 48 12:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 In the US it is very easy to buy your first house. All you need is to go to work at McDonalds ( or elsewhere) for 6 months and safe up about 5% of the house price for down payment. The system helps you. You find a real estate agent.. a competent one. When I got mine .. I do not think that average agent could help me.. a lot of tricks and maybe some of them is not straight! Do not waste your time to talk to the bank directly. You will not get a good deal from the bank for private home buying. My recommendation to you. Talk to several agents without "greng jai" ask them questions , jot it down and compare.. There are several Thai agents everywhere. Better :-), get a license yourself. It is easy. I got mine after I bought the house but never sell any!.. and expired. . House price is so hot in the US now. My friend's son made offer more than 20,000 dollars over the asking price to more than 10 sellers ( he said) he did not get it. Last Friday I delivered speakers to a buyer and saw a house on contract and asked him the price tag. He said, " I could have sold mine, the onwer wanted 775,000.00 but it was sold for 875,000.00" . There were 5 people bid against each other. . A week before my son sent this to me: http://money.cnn.com/pf/features/lists/nar_1q05/state.html . Good luck nakrub จากคุณ : Isvasu - [ 17 พ.ค. 48 16:53:24 A:68.50.217.176 X: TicketID:084617 ]

ความคิดเห็นที่ 7 Better :-)... . Is this a bad word? I meant to use Better " why-ee-tee". I do it everyday.. I meant I use the word everyday. จากคุณ : Isvasu - [ 17 พ.ค. 48 16:56:56 A:68.50.217.176 X: TicketID:084617 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Thanks everyone for all of your helps na ka. For Khun PoomPim..TMB, where can I find a broker? Of course in America na ka :) For Khun ล่ามCourt, I just got a job offer from a company at St. Louis, Missouri, about a month ago. So, now I'm looking for a house here. I found couple interesting homes close to my office. The average price is 150,000 USD. My salary now is 45,000 USD/year. I'm also doing a part-time job. So, I think I can afford a house with this price range. The reason I can't come up with any down payment is my mom wants to put more investment on her business, and she asked for my saving money. That's why I might have to give all I previously earned to her. And the reason I want to contact some lenders before going to a realtor is I want to show the realtor I'm a serious buyer and I got an approved credit from a lender. Is this a good way to do? I really don't know. A few minute ago, there was an agent from an online lender that I dropped a request yesterday calling me. He told me there are many rates I'm qualified for: 30 year fixed rate, 5/7/or 10 years interest only. I don't have any idea which one is good for me if I want to pay off the house less than 5 years. I asked him about the prepayment penalty, and he said they don't have this type of penalty and I can pay off the house any time I want (or I can). What about the current interest rate right now? 5.5%? or I can get lower than that? จากคุณ : มือใหม่ - [ 17 พ.ค. 48 22:21:39 A:134.124.48.44 X: TicketID:064226 ]

ความคิดเห็นที่ 9 To get pre-approved mortgage from the lender is such a great idea to do ka. Most of the realtors prefer to get pre-qualified buyers before start working with them. I am a realtor in IL. If anything I can help let me know naka. จากคุณ : พอดีผ่านมา - [ 18 พ.ค. 48 01:47:38 A:67.164.238.135 X: TicketID:082868 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่รู้ว่าที่อเมริกาเค้าเรียกว่าอะไร แต่ที่เราอยู่เรียกว่า Mortgage Originator , Mortgage Broker, Mortgage Manager หรือ อื่นๆ แล้วแต่จะเรียกค่ะ ซึ่งเค้าจะทำหน้าที่แทนแบงค์ คือหาลูกค้าให้และรับคอมมิชชั่นจากแบงค์ค่ะ ค่าใช้จ่ายในการปรึกษา และ การแอปพลาย คุณจะไม่ต้องจ่ายนะคะ (คือประเทศที่เราอยู่คือฟรีค่ะ เค้าจะไม่ชาร์จลูกค้าแม้แต่เซนต์เดียว) ที่อเมริกาไม่รู้ต้องจ่ายหรือเปล่า แต่คิดว่าไม่น่าจะต้อง หรืออาจจะแต่คงเป็นการที่เค้าชาร์จคุณเองมากกว่า ลองหาดูค่ะ มันน่าจะมีนะ คิดว่ามีแน่นอน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนโลคอลนะคะ เพราะเค้าสามารถหาแบงค์ให้คุณได้ ทุกที่ เกือบทุกแบงค์ ปล การจะซื้อบ้าน อย่างน้อยคุณต้องทำงานหกเดือนเป็นอย่างต่ำ คือถ้าให้ชัวร์ก็ต้องปีนึงค่ะ เค้าจะดูสลิปเงินเดือน หรือรายรับต่างๆ ที่คุณได้มา รายได้ของคุณ สามารถ ซื้อบ้านในราคานั้นได้ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ติดตรงที่คุณเพิ่งเริ่มทำงาน แต่ถ้าอยากจะทราบก็ลองไปคุยกับแบงค์ดูก่อน แต่คิดว่าเค้าคงจะบอกว่า คุณเพิ่งเริ่มทำงาน คงต้องรออีกหน่อยค่ะ จากคุณ : Mortgage Originator.. (PoomPim..TMB) - [ 18 พ.ค. 48 06:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณคุณPoomPim..TMBอีกทีนะคะ และก็คนอื่นๆที่ช่วยกันตอบด้วย อยากจะบอกว่าช่วยได้มากๆเลยค่ะ วันนี้เพิ่งได้จดหมาย pre-approval มาค่ะ พรุ่งนี้เจ้าหน้าที่เค้าจะโทรมาคุยอีกทีนึง คงต้องถามเรื่องอัตราดอกเบี้ย ที่แรกให้มาแล้ว 5.5%นะคะ ก็ตรงกับเวปที่คุณล่ามCourtให้ไว้ข้างบนเลยค่ะ แต่อยากจะลองดูอีกสักที่สองที่ว่าจะให้เรตดีกว่านี้มั้ย แต่คิดว่าคงไม่ได้ เพราะว่าเพิ่งจะเริ่มทำงานจริงๆจังๆอ่ะค่ะ คือเคยฝึกงานมาก่อนสองปีช่วงเรียน ถึงตอนจบจะทำงานมาสองสามที่ แต่ก็แบบแป๊บๆทุกที่จนเพิ่งมาลงตัวกับที่ที่ทำปัจจุบันน่ะคะ แต่ก็เพิ่งมาเริ่มงานที่ใหม่นี้เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง ส่วนlenderทั้งสองที่ที่คุยเค้าก็โอเคทั้งสองที่นะคะ ไม่ได้ติงอะไรตรงจุดนี้ เพราะเค้าเช็คcreditแล้วบอกว่าดีมากๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าดีขนาดไหน นี่ก็เพิ่งติดต่อกับrealtorเพื่อขอดูบ้านสามหลังที่เล็งๆไว้นะคะ เพราะเห็นlenderบอกว่าอยากได้ข้อมูลaverage tax and insuranceของบ้านค่ะ ความจริงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รีบเร่งจะต้องซื้ออะไรมากนะคะ เพราะยังรอวีซ่าh-1อยู่เลย แต่บอกเจ้านายไปแล้วว่าต้องการด่วนนิดนึง จะได้เอาไปยืนยันstatusของเรากับทางlenderต่อไป ขอโทษที่เดี๋ยวพิมพ์ไทยเดี๋ยวพิมพ์อังกฤษนะคะ พอดีคอมที่ทำงานไม่มีฟอนท์ไทยน่ะค่ะ แต่คอมที่บ้านมี คิดว่าพรุ่งนี้เช้าคงมีคำถามมาถามอีกรอบนะคะ ช่วยกลับเข้ามาดูกระทู้นี้อีกทีด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ จากคุณ : มือใหม่ - [ 18 พ.ค. 48 09:27:52 A:24.107.23.22 X: TicketID:064226 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านต้องเตรียมตัวเตรียมใจ กับอะไรบางอย่าง 1  อย่ารีบร้อนที่จะตกลงใจกับบ้านที่เราเห็นแล้วชอบใจเป็นครั้งแรกหรือแสดงความต้องการมากๆๆ ให้ Real Estate Agents ทั้งหลาย 2. อย่าด่วนเข้าใจว่า ต้องการจะซื้อบ้านแล้วผ่อนให้หมดภายในเวลา 5 ปี เพื่อที่จะได้หมดภาระ  เพราะไม่มีใครเขาทำกัน เนื่องจาก การซื้อบ้านใหม่ นั้นค่าใช้จ่ายต่างๆๆ มันเยอะมาก การรับผิดชอบก็ตามมา  แล้วเงินที่คุณส่งต่อเดือนนั้นจะเป็น interest เสียมากกว่า principle  อย่าเอาเงินเดือนที่ทำได้มาโป๊ะ เสียหมด เพราะคุณไม่รุ้ว่าอนาคตของคุณจะเป็นอย่างไร 3.  อย่าใช้ Real Estate Broker or Agent เพียงคนเดียว กล่าวคืออย่าใช้ของผู้ขายบ้าน  Seller กล่าวคือคุณต้องมีคนที่ช่วยคุณต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของคุณ นั่นคือ Buyer  แต่เรื่องนี้ก็สำคัญที่คุณต้องหา Agent ทั้งหลายที่ดีที่สุด เพราะคนเหล่านี้มักจะเห็นแก่ตัว โกหกเก่ง เชื่อถือไม่ค่อยได้ (ส่วนใหญ่) เพราะเขาจะทำ ทุกวิถีทางที่จะขายบ้านให้คุณให้ได้ หรือแนะนำให้คุณซื้อให้ได้ ไม่ว่าจะราคาไหนก็ตาม เพื่อที่จะได้มากับ % ที่เขาจะได้นั่นคือจำนวนเงินทีมากพอสมควร บางครั้งอาจจะมากกว่าเงินที่คุณทำงานได้ตลอดปี เพียงแค่ขายบ้านได้หลังเดียว  ลองคิดดูซิว่า เขาจะทำเพื่อใคร เลือกคนที่ดีที่สุด เขาที่ไม่ดี เขาไม่สนใจหรอกครับว่าคุณจะสามารถผ่อนส่งได้หรือเปล่า เพราะเขาไม่เดือดร้อน 4.  เรื่องเงินกู้นั้น ถ้าบริษัทที่ทำงานเป็น Credit Union ก็ให้ลองสอบถามดู ว่าเขาช่วยเหลือคุณได้หรือไม่   ถ้าไม่ก็พยายามติดต่อกับ Financial Broker ทั้งหลายที่เขาสามารถ นำมาเสนอให้คุณได้เท่าไร อย่าไปหลงเขือ่โฆษณากับพวกที่ ออกตามโทรทัศน์ หรือ Net หรือไม่ก็ติดต่อ HUD ซึ่งเขาจะมีโปรแกรม ช่วยเหลือ First time Buyer ทั้งหลาย ไปติดต่อดูเสียก่อนที่จะทำอะไรลงไป 5. ไปตามร้านขายหนังสือใหญ่ๆๆ ทั้งหลาย ลองหาหนังสือมานั่งอ่านอูเสียก่อน อย่างเช่น  Buying A House For Dummies เป็นต้น อ่านให้เข้าใจ ไม่เข้าใจแล้วอ่านใหม่ สอบถาม สักเดือนหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจมองหาบ้านที่เราต้องการ ทำเลที่สนใจ 6.   หยุดตั้งใจ หรือยกเลิกความต้องการสักเดือนหนึ่งกอ่นตอนนี้ ทำความเข้าใจให้ระเอียด โดยเฉพาะเรื่อง Loan  ที้งหลาย ถ้าเป็นไปได้เลือกเฉพาะ Fixed  Rate เท่านั้น ไม่ใช่ 5/25  อะไรพวกนี้น เพราะดอกเบี้ยจะเปลี่ยนไปหลังจาก 5 ปีแรก 7.  ถ้าคุณซื้อบ้านโดยไม่มีความเข้าใจอะไรละเอียดแล้ว คุณจะเสียใจ ภายหลัง จากคุณ : A|E (A|E) - [ 18 พ.ค. 48 13:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Thanks คุณ : A|E (A|E) lowest fixed rate and the longest time.. that's what I would do. จากคุณ : Isvasu - [ 18 พ.ค. 48 15:48:57 A:68.50.217.176 X: TicketID:084617 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอให้ดูบ้านหลายๆหลัง อย่าด่วนตัดสินใจว่าจะเอาหลังนี้หลังนั้น ให้ดูว่า ถ้าจะขาย ขายได้ทันทีไม๊ ให้คิดเรื่องอนาคตให้รอบคอบ ขอให้เอา mortgage สามสิยปี อย่าหวังว่า จะจ่ายหมดในห้าปี --- อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอ เช่น อาจจะตกงาน เป็นต้น การที่เอา mortgage นาน เพื่อว่า เมื่อคุณขัดสนเรื่องเงิน จะได้ไม่ต้องตาเหลือกไปหาที่กุ้ที่อื่น ซึ่งคงจะยากขี้น-- เพื่อมาจ่าย high mortgage เช่น 30 ปี Fixed -- มี Mortgage เดือนละ 0 ในขณะที่ 15 ปี -- มี mortgage เดือนละ 0 เลือกเอา สามสิบปี แล้วคุณทำได้ โดยจ่ายเพิ่มเป็นเดือนละ 2 payments หรือ 3 payments --- ที่สำคัญ-หาที่ NO Prepayment penalty พวก on line loan ก็ใช้ได้ แต่ต้องแน่ใจว่า เครดิทดี แต่บ้านที่คุณบอกราคาไม่สูง งานคุณก็ดี น่าจะ approve ง่ายๆจากทุกๆที่ (ของเราเกือบล้าน ไม่มีสดดาวน์ มีแต่ equity ของบ้านอีกหลัง ---- ก็ขอกู้จากพวก online ได้) ถ้าไปใช้โบรคเกอร์ คุณโดนค่า fee แน่ๆ รายการคุณ รายได้คุณ มากกว่าที่จะจ่าย Mortgage Property Tax, Fire Insurance, อยู่แล้ว --- เดินไปที่ แบ้งค์ไหนก็ได้ ถามดู ว่า กี่ Point กี่% ขอกู้ 100% ได้มั้ย ซึ่งจะมีของ Federal money ให้กู้พวกบ้านไม่เกิน สองแสนเหรียญ ง่ายๆ ตอนนี้ อย่าไปสนใจเรื่อง Lowest Rate อะไรมากนัก หาที่จะให้กู้ได้ก่อน แล้วค่อยมาเลือกเอาว่า อันไหนให้ benefit ดีสุด ตอนวันclosing closing cost ? ให้ถามด้วย city tax? น่าจะเท่ากะ sales tax survey title insurance & fee termite etc น่าจะอยู่ในช่วง สี่ห้าพันเหรียญเพิ่ม จากคุณ : กก - [ 18 พ.ค. 48 16:22:52 A:68.161.39.135 X: TicketID:091781 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Thanks for your suggestions na ka. A lender told me to ask for the seller concession. I found an article about it and still don't clearly understand the benefit of seller concession. Can anyone help me out? จากคุณ : มือใหม่ - [ 18 พ.ค. 48 20:58:02 A:134.124.48.44 X: TicketID:064226 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Seller Concession กรณีทึ่คุณไม่ค่อยมีเงินสดที่จะมาใช้จ่ายในการดำเนินเรื่องปิดสัญญาการซื้อขายบ้าน ซึ่งเป็นจำนวนเงินหลายพันเหรียญ ซึ่งคุณก็ต่อรองกับเจ้าของบ้านให้บวกเงินจำนวนนี้เข้าไปกับราคาบ้านที่ตกลงไว้ ซึ่งจะทำให้ราคาบ้านที่ตกลงใหม่สูงขึ้น โดยที่คุณเอาเงินที่เกินมานี้ มาช่วยในการปิดสัญญาบ้าน  โดยที่ไม่ต้องขวักกระเป๋าก้อนใหญ่ แต่ยอมผ่อนส่งกับธนาคารแทนเป็นเวลาระยะยาว ดอกเบี้ยต่ำ แต่การกระทำแบบนี้พวกนายหน้าเงินกุ้เขาจะกำหนดจำนวนเงินไว้ เป็น % เพราะเมื่อคุณบวกเข้าไปแล้ว ราคาบ้านจะสูงกว่า ราคาตลาด ซึ่งเขาจะไม่ค่อยอนุมัต กล่าวคือ เหมือนออกไปซื้อของตามร้านด้วย Credit card  แล้วเขาถามคุณว่าต้องการ Cash Back ไว้ใช้บ้างหรือเปล่า เช่น 20 40 แล้วคุณค่อยมาจ่ายกับ บัตรเครดิตทีหลัง อย่าลืมว่าใจเย็นๆๆ อย่าด่วนหรืออยากได้บ้านมากกเกินไป เพราะคุณมีแต่เสียกับเสีย ยิ่งในระยะนี้   ทำความเข้าใจให้ดี่ที่สุดแล้วก็ค่อย มามองๆๆ หาบ้านดู ทำการบ้านเยอะๆๆ จากคุณ : A|E (A|E) - [ 19 พ.ค. 48 12:22:51 ]