ความคิดเห็นที่ 1 อ้า ลืมเลือกกลุ่มย่อย โหย ขายหน้าประชาชีไหมล่ะเรา โทษทีนะครับ จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 23 พ.ค. 48 04:51:59 A:80.41.164.109 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ้าว...ยังอยู่ในห้องอราวยูเค....วุ้ย เวียนหัวจัง นานๆ ตั้งกระทู้กับเขาสักที เลยลืมเลยว่าต้องเลือกปุ่มไหน และกลุ่มไหน?? เอ้า ฉายหนังเลย เสียเวลามาเยอะแล้ว จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 23 พ.ค. 48 04:58:51 A:80.41.164.109 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ข่าวคราวที่ผมได้ “ลูกทัวร์” ขึ้นทัวร์ป่าด้วยเป็นแหม่มสาวฝรั่งทั้งสิบสองคนถือว่าเป็นโครต Rare occasion จัดเข้าเป็นประเภท “ครั้งเดียวในชีวิต” จริงๆ .ข่าวนี้ แพร่กระจายไปทั่ววงการทัวร์ป่าในเชียงใหม่อย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง . ทำเอาบรรดาเพื่อนๆ ที่เป็นไกด์ด้วยกันก็พากันแห่แหน(ย้ำอีกทีว่าแห่แหน)มาขอสมัครเป็น “ลูกหาบ”ผมชนิดไม่ขอรับค่าแรง(แต่หวังผลอย่างอื่นแทน อิ อิ อิ) แหะ แหะ ผมก็ได้บอกปัดไปอย่างไม่เยื่อใย เรื่องอะไรผม จะปล่อยให้คนอื่นมาเป็นคู่แข่งผม??? ผมมันก็ลูกผู้ชายชาติชาตรี เป็นปุถุชนสันดานดิบธรรมดาๆ คนหนึ่งไม่ใช่อริยที่ไหน . มีสาวๆ แห่มาขึ้นทัวร์ด้วยอย่างนี้ก็ย่อมกระดี้กระด้ามั่งเป็นธรรมดา อิ อิ อิ .ว่าไปนู่น?? แหะ แหะ ฝันหวานไม่ทันไรหรอกขอรับ เพื่อนๆ ที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน ก็มานั่งคุกเข่าอ้อนวอน Please, Please กับผม ว่าให้ผมหนีบเอาพวกเขาขึ้นทัวร์ป่าด้วยเถอะพ่อเจ้าประคุณเอ้ย แบบว่าอดยากปากแห้งมานานแล้ว(อิ อิ อันนี้ผมใส่ไข่ไปเองนะครับ) ผมก็เลยใจอ่อน...เพราะจิตใจไม่ได้ทำด้วยหินผาอะไรนี่ครับ .ขนาดหินผาที่ว่าแข็งๆ โดนน้ำอ่อนๆ หยดลงติ๊งๆๆ ทุกวันยังกร่อนได้ นับประสาอะไรกับใจอันบอบบางของคนอย่างผม อิ อิ อิ .คิดว่าอย่างน้อยๆ สาวขึ้นทัวร์ด้วยตั้ง สิบสองคน ลำพังผมคนเดียวคงสู้ไม่ไหวแน่( อ๊ะ อ๊ะ อย่าคิดลึกเสียล่ะ ที่ว่าไม่ไหวนั้น นั่นหมายถึงเรื่องเทคแคร์นะขอรับ) ตกลง ผมก็เลยคัดเลือกเพื่อนๆ ที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันสามคนไปขึ้นทัวร์ป่ากับผมสามคน คัดเลือกเอาแต่ระดับ “หัวกะทิ” ไป ใครไม่เจ๋งจริงหมดสิทธิ์ .ราวกับสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ปานว่างั้นเหอะ . กะว่าให้สาวๆ ฝรั่งได้กรี๊ดกร๊าดไปทั่วป่าเขาลำเนาไพรไปเลยว่างั้นเถอะขอรับ ขออนุญาตเปิดตัวลูกหาบกิติมศักดิ์ของผมเป็นรายบุคคลดังนี้ฯ คนแรกคือ “ดิ่ง” สรรพคุณของไอ้ดิ่งนั้นไม่ต้องบรรยายให้เปลืองหน้ากระดาษ เอาเป็นว่าพูดอังกฤษคล่องชนิดผายลมออกมายังเป็นสำเนียงอังกฤษว่างั้นเถอะ ใครที่เคยอ่านเรื่อง “กระทบไหล่คนดัง” ของผมมาแล้ว คงรู้สรรพคุณ “พระรอง” อย่างดิ่งดี คนที่สองคือไอ้ “วัฒน์” คนๆ นี้ล่ะ เขาคือไกด์ "ลิ้นมหาเสน่ห์" ตัวจริงเสียงจริง พี่ "เบิร์ด" ของน้องๆ ที่ว่าพูด จาออดอ้อนแฟนๆ เก่งแล้ว มาเจอไอ้วัฒน์ผมดูมั่งแล้วจะได้รู้ว่า "ศิลปะการ พูด" ที่แท้จริงเป็นอย่างไร ? ส่วนคนสุดท้ายที่ผมจะเอาขึ้นทัวร์ป่าด้วยคือสำราญ คนๆ นี้นอกจากจะฟุตฟิตโฟฟายอังกฤษคล่องแล้ว ภาษาฝรั่งเศสก็ถือว่าสื่อสารกับคนฝรั่งเศสพอรู้เรื่องระดับไกด์ฝรั่งเศสอายม้วนต้วนทีเดียว ลูกหาบของผมทั้งสามคนถือได้ว่าเป็นไกด์ระดับหัวกะทิทั้งนั้น เหตุที่ยอมลดศักดิ์ศรีมาเป็นลูกหาบผมนั้นก็เพราะสาวๆ ลูกทัวร์ของผมทั้งสิบสองคนนั่นเอง .ผมซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเป็นไกด์ในทัวร์ครั้งนั้น แทนที่จะรู้สึกโล่งใจที่มีลูกหาบที่มีความสามารถทั้งสามคน กลับต้องมาคอยวิ่งหน้าวิ่งหลังเพื่อTake Careลูกทัวร์ ให้ทั่วถึง เพราะพ่อลูกหาบตัวดีทั้งสามมุ่งแต่จะจีบฝรั่งท่าเดียว !! แถมรุมจีบสาว คนเดียวกันเสียด้วย !! สาวๆ บนทัวร์มีให้จีบเป็นสิบๆ คนดันไม่จีบ แต่ดันไปจีบสาวคนเดียวกัน "ศึกชิงนาง" ระหว่างเพื่อนผมทั้งสามคนจึงอุบัติขึ้นบนทั่วร์ป่าที่ผมเป็นหัวหน้าในครานั้น ผมเองตอนแรกๆ แม้จะอยากร่วมประลองยุทธ์ “ศึกชิงนาง” ในครั้งนี้ด้วย แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปร่วมศึกได้ .เพราะฐานะ “ไกด์” ค้ำคออยู่ ซึ่งต้องวางตัวให้เหมาะสม และที่สำคัญถ้าขืนผมเข้าไปร่วมวงรุมจีบสาวคนเดียวกับเพื่อนๆ โดยไม่เหลียวแลลูกทัวร์คนอื่นๆ ลงทัวร์มามีหวังโดน Complain ย่อยยับแน่ เผลอๆ อาจจะโดนไปแจ้งความที่ ททท ก็ได้ เคยมีแหม่มหลายรายเหมือนกันที่ไปแจ้งข้อว่าไกด์ลวนลามช่วงอยู่บนป่าบนดอย ถ้าไม่เชื่อลองไปถามตำรวจท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ดูเรื่องนี้ก็ได้ ความจริง...สาวฝรั่งคนที่เพื่อนผมทั้งสามรุมจีบนั้น เธอสวยน่ารักสมกับที่จะจีบเอาเป็นแฟนอยู่หรอก เรียกว่าสวยกว่าใครอื่นทั้งหมดในบรรดาสาวฝรั่งที่เหลือ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ไม่ใช่ว่าสาวคนอื่นไม่สวยนะขอรับ แต่ก็อย่างว่า....สายตาของผู้ชายโดยทั่วไปแล้ว ก็ต้องเลือกเอาที่สวยสุดๆ ไว้ก่อนนั่นแหละ จริงไหมล่ะขอรับบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลาย??? คืนแรกพวกเราทั้งหมดเข้าพักในหมู่บ้านกะเหรี่ยง เข้าถึงหมู่บ้านในตอนเย็น ผมก็จัดการบอกให้ฝรั่งสาวๆ ทุกคนเดินเล่นในหมู่บ้านได้ตามอัธยาศัย ส่วนผมก็เข้าห้องครัวจัดการหุงหาอาหารไว้ให้ลูกทัวร์ผม ..ที่แรกนึกว่าลูกหาบทั้งสามคนจะมาช่วยเป็นไม้เป็นมือหั่นผักหั่นเนื้อช่วย ที่ไหนได้....นู่น พ่อลูกหาบตัวดีทั้งสามเดินตามก้นสาวอเมริกันต้อยๆ รอบๆ หมู่บ้านกะเหรี่ยงอยู่ ผมก็เลยต้องจัดเมนูอาหารและทำอาหารคนเดียวในคืนแรก สาวอเมริกันที่ลูกหาบผมรุมจีบนั้นก็ร่าเริงเสียเหลือเกินที่มีไอ้หนุ่มมารุมตั้งสามคน ส่วนสาวฝรั่งลูกทัวร์คนอื่นๆ ก็กระจัดกระจายเดินเล่นในหมู่บ้าน แจกสมุดดินสอให้เด็กๆ ชาวเขาอย่างสนุกสนาน และไกด์อย่างผมต้องขลุกอยู่ในครัวทำอาหารคนเดียว .น้อยใจอกน้อยใจพับผ่า!! จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 23 พ.ค. 48 04:59:40 A:80.41.164.109 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Waiting at ring side จากคุณ : Tey (g9h) - [ 23 พ.ค. 48 14:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ๋า...ป๋า อุดร กลับมาแล้ว...! มานั่งรออ่านนะครับ จากคุณ : Hidden Dragon - [ 23 พ.ค. 48 16:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ๊ะ  พี่อุ๊ดรรร  มารออ่านค่า จากคุณ : หมูเส้น - [ 23 พ.ค. 48 16:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตกค่ำ...หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เริ่มทำหน้าที่บรรยายชีวิตชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงให้ลูกทัวร์ฟัง . เสร็จจากภาคบรรยายแล้ว ก็เป็นการ “นั่งล้อมวง”พูดคุยสัพเพเหระและเล่นเกมส์กันไปภายใต้แสงจันทร์ .ส่วน "แคทธลีนน์" สาวสวยอเมริกันเธอกลายเป็น “ดาริกา”ดวงเด่นที่ถูกเหล่าดาวล้อมวง .แหะ แหะ แหะ เพื่อนของผมทั้งสามนั่งล้อมหน้าล้อมหลังรุมเอาอกเอาใจเป็นการใหญ่ . ผมก็เลยต้องมีหน้าที่หันไปพูดคุยกับลูกทัวร์คนอื่นเพื่อไม่ให้เหงา ก็นึกในใจว่า...ยังไงๆ แม่แคทธลีนน์คนนี้คงจะ “ต้องเสน่ห์มนตรา”เพื่อนผมไม่คนใดก็คนหนึ่งแน่ๆ ไอ้วัฒน์ ฉายาไกด์"ลิ้นมหาเสน่ห์" ที่วงการไกด์ทั่วป่าแห่งเชียงใหม่ยกให้ ดูเหมือนว่าจะมีสิทธิ์กว่าคนอื่นๆ เพราะพูดจาออดอ้อนแคทธลีนน์เหลือเกิน ลิ้นเขานี่พริ้วแพรวพราว ชนิดที่ผมต้องแอบสาบานกับตัวเองว่า .ถ้าจะให้ผมไปจีบสาวแข่งกับใครที่ไหน ผมพอสู้ได้ แต่กับไอ้วัฒน์คนนี้ ผมขอขุดหลุมฝังศพตัวเองก่อนเหอะ . แม่แคทธลีนน์เองก็ดูเหมือนว่าจะชอบไอ้วัฒน์ไม่น้อย พูดคุยกับไอ้วัฒน์ไม่ทันไร...ก็เห็นจับไม้จับมือกันเสียแล้ว!! ..อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ ท่านผู้ชมก็อย่าพึ่งมองข้ามไอ้ดิ่งและไอ้สำราญเป็นอันขาดนะขอรับ . เพราะเขาทั้งสองก็ใช่จะขี้หมูขี้หมาซะที่ไหน? พวกเราทั้งหมดนั่งพูดคุยกันจนดึกดื่นเที่ยงคืน จากนั้นจึงแยกย้ายกันเข้าไปนอน ช่วงตอนเข้านอนนี่แหละพระคุณท่าน...เป็นช่วงสำคัญมากทีเดียว (โหย ใครว่าช่วงการหลับนอนไม่สำคัญแล้ว เถียงตายเลย อิ อิ) . ที่นอนในบ้านหลังที่พวกเราเข้าพักนั้นคับแคบมาก และจำต้องนอนเบียดเสียดกันแทบจะหายใจรดต้นคอกันเลยล่ะ งานนี้เขาเรียกว่าใช้body heat ต่างผ้าห่ม ภูมิปัญญาชาวบ้านๆ !! .เพื่อนผมทั้งสามคนต่างก็จ้องรอลุ้นว่าใครจะได้นอนเบียดกับแม่แคทธลีนน์แหม่มผมสีทองคนนั้น .ท้ายที่สุด...ไอ้วัฒน์ก็ลอยลำเข้าวิน !! ได้ไปนอนเบียดติดกับอีน้องแคทธลีนน์แบบไม่เกรงใจผมผู้เป็นไกด์เลยสักน้อยนิด .ส่วนไอ้ดิ่งและสำราญก็จำต้องหอบผ้าห่มเลี่ยงไปนอนติดกับสาวคนอื่น .. สำหรับผม ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะหอบผ้าห่มไปนอนเบียดสาวๆ ให้หายหนาวมั่ง แต่...เอ...?? เราเป็นไกด์นี่หว่า.? จะไปทำตัวเหมือนพวกเพื่อนๆ ลูกหาบมัน เดี๋ยวฝรั่งลูกทัวร์จะตำหนิได้ .ครั้นไกด์หล่อๆ อย่างผมไปนอนเบียดกับเพศตรงข้ามแล้ว ก็เกรงว่า “ไฟฟ้าสถิตย์” ในร่างกายของสาวคนนนั้นจะวิ่งปรู๊ดสูงขึ้น .อันตรายครับ อันตรายเรื่องพรรค์นี้ อิ อิ อิ อย่ากระนั้นเลยดีกว่า...เราต้องวางตัวให้ลูกทัวร์ไว้เนื้อเชื่อใจเราเพราะเราเป็นไกด์ ผมก็เลยจำต้องหอบผ้าห่มเข้าไปนอนในห้องครัวด้วยความอิจฉาเพื่อนๆ ที่นอนเบียดสาวๆ อยู่ รุ่งเช้ามา...ไอ้วัฒน์ก็ถูกไอ้ดิ่งและสำราญรุมสอบถามอย่างหนักเกี่ยวกับคืนที่ผ่านมา ว่าอีน้องแคทธลีนน์เรียบร้อยโรงเรียนจีนหรือยัง ? เพราะเห็นไอ้วัฒน์นอนกอดอีน้องแคทธลีนน์ตลอดคืน ไอ้วัฒน์ส่ายหัวพร้อมกับบอกว่า ".ได้กอดเฉยๆ แต่ไม่มีอะไรในก่อไผ่ !!" มันกล่าวอย่างเสียดาย ..ตั้งความหวังไว้สูงเกินไปหรือเปล่าไอ้น้อง???? อิ อิ อิ เท่านั้นแหละ...!! ทั้งไอ้ดิ่งและสำราญก็แสดงอาการลิงโลด .และ "ศึกชิงนาง" จึงจำต้องดำเนินต่อไป... ขอรวบรัดตัดม้วนฟิล์ม นำท่านผู้ชมมาสู่คืนที่สองกันเลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา....คืนที่สองพวกเราเข้าพักในหมู่บ้านลีซู . เป็นคืนที่เหน็บหนาวและเยือกเย็นยิ่งนัก . หลังจากที่ทานอาหารเย็นเรียบร้อย พวกเราก็จัดการตั้งแคมป์ไฟในบริเวณลานหมู่บ้านเพื่อไล่ความเหน็บหนาว จากนั้นผมทำหน้าจับไมค์ขึ้นมาพากษ์ชีวิตชาวเขาเผ่าลีซูให้บรรดาลูกทัวร์ฟังเหมือนคืนที่แรก .หลังจากพากษ์เสร็จไอ้วัฒน์ก็เอากีตาร์โปร่ง(แกอุตส่าห์แบกขึ้นป่าขึ้นดอยมาด้วย หวังจะให้สาวๆ ประทับใจว่างั้นเถอะ)มาเล่น และพวกเราก็ร่วมร้องเพลงกันหน้ากองไฟอย่างสนุกสนาน .วัฒน์เขาเซียนเรื่องกีตาร์อยู่แล้ว (ความจริงเล่นกีตาร์เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ไกด์ป่าพึงจะมี) สาวๆ ไม่กรี๊ดสลบงานนี้ ก็ไม่รู้จะไปกรี๊ดสลบงานไหนล่ะครับท่านผู้ชม .แม่สาวน้อยแคทเธอลีนน์เธอก็นนั่งทำตาแป๋วฟังเสียงเกากีตาร์ของไอ้วัฒน์ในคืนนั้น ..ส่วนสาวอื่นๆ ก็ออกอาการ “ปลื้ม” ไอ้วัฒน์ซะไม่มี .จนผมต้องแอบจิกแขนตัวเองพร้อมกับพึมๆ พัมๆ บ่นเป็นหมีกินผึ้งคนเดียวว่า “กรูไม่น่าเอาไอ้วัฒน์มาขึ้นทัวร์กับกรูด้วยเลย” ตะแกเล่นกวาดคะแนนนิยมไปกินคนเดียวเฉยเลย .. อิจฉาๆ . กว่ารายการเพลง “หวานซึ้งกินใจ” ที่จัดรายการโดยไอ้วัฒน์ ไกด์ลิ้นมหาเสน่ห์จะสิ้นสุดลง ไอ้วัฒน์ก็โกยคะแนนไปตุนท้องไว้ซะเพียบ ..ไอ้ดิ่งครั้นจะนิ่งดูดาย ปล่อยให้ไอ้วัฒน์โกยคะแนนไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง .ย่อมไม่ใช่วิสัยของชายที่ชื่อดิ่งแน่นอน .อิ อิ อิ หลังจากที่ไอ้วัฒน์เล่นเพลงสุดท้ายจบ ไอ้ดิ่งก็เปิดรายการ Thai Massage อันลือลั่น . แบบว่าลูกทัวร์คนไหนปวดเมื่อยจากการเดินทาง .พวกเราก็จะจัดการบีบนวดให้ ..นี่ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดานะขอรับ .. โปรดอย่าเข้าใจว่าไกด์และลูกหาบกำลังหาเรื่องแตะอั๋งลูกทัวร์เสียล่ะ อาชีพไกด์ป่าก็เป็นอย่างนี้แหละท่านผู้อ่าน นอกจากจะนำลูกทัวร์เดินป่าเดินเขาหุงหาอาหารให้ทานแล้ว เมื่อลูกทัวร์ปวดเมื่อยมาต้องบีบนวดให้ . แหะ แหะ ถ้าเป็นลูกทัวร์ผู้ชายก็เอาส้นเท้าย่ำๆ สักพักก็เสร็จ แต่ถ้าเป็นสาวล่ะก้อ...แฮ่ม ! ต้องบริการนานหน่อย สำหรับผมแล้ว...เรื่องนวดให้ลูกทัวร์นี่ ระยะหลังๆ ผมออกจะเบื่อๆ อยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าไม่อยากจับเนื้อต้องสาวๆ อะไรหรอก โธ่...! ถามได้ .ชายโสด(ในตอนนั้น)สันดานดิบทั้งแท่งอย่างผมมีหรือจะไม่ชอบ แหม่มฝรั่งบางคนถอดเสื้อล่อนจ้อนให้เรานวดก็เยอะแยะ ที่ผมเบื่อก็เพราะเหม็นกลิ่นฝรั่ง !! คิดดูเอา เดินข้ามป่าข้ามเขาโชกเหงื่อโชกไคลมาทั้งวัน แล้วจะมาให้ผมนวดให้อย่างนี้ ใครจะไปทนไหว กลิ่นตัวของผมก็หนักพอแรงอยู่แล้ว แล้วยังจะมาสูดกลิ่นตัวฝรั่งอีก ผมเลยไม่ค่อยจะนวดให้ลูกทัวร์เท่าไหร่ ถ้าพวกเขาไม่ขอร้องจริงๆ ผมก็จะเลี่ยง จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 23 พ.ค. 48 17:14:49 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 8 หวัดดีค่ะพี่อุ๊ดอน....หายไปนานเลยหง่ะพี่ เที่ยวนี้.... รอบที่แล้วตามอ่านเรื่องฟามรักน้องแหม่มโมเดลของพี่ ติดงอมแงมไปหลายวัน.... ต่อๆๆๆ รอฟังตาแป๋ว... มาโพสต์ตอบ ผ่าหมากพี่อุ๊ดอนหรือป่าวหว่าเนี่ยะ?? จากคุณ : @บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง@ - [ 24 พ.ค. 48 03:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เย้ๆๆๆ.... นู๋ก็คิดฮอดอ้ายค๊นอุ๊ดอนหลายๆเด้อค่า.... แฝดน้อยเป็นไงมั่งอ่ะคะ... จากคุณ : Mangashorn - [ 24 พ.ค. 48 05:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 . . ที่นวดเก่งที่สุดเห็นจะเป็นไอ้ดิ่ง . ขานี้เขาเคยนวดให้ฝรั่งแบบหลับคามือไปเลยล่ะ?? น้องแคทธลีนน์สาวอเมริกันคนงามนั่นนอนคว่ำหน้าให้ไอ้ดิ่งนวดในคืนที่สอง ส่วนไอ้วัฒน์และสำราญก็หันไปนวดสาวคนอื่นแทน สำหรับผมก็ออกมานั่งชมดาวที่ชานบ้านอยู่คนเดียว เพราะเหม็นกลิ่นรักแร้ฝรั่งว่ะ ! อีน้องแคทธลีนน์ติดอกติดใจในฝีมือการนวดของไอ้ดิ่งเหลือหลาย ถึงกับออกปากขอร้องให้ไอ้ดิ่งนวดให้เธออีกในคืนต่อไปอีก ข้างฝ่ายไอ้วัฒน์ได้ยินเข้าถึงกับค้อนควับๆ ใส่ไอ้ดิ่งจนตาเป็นมัน เมื่อรู้ว่าอีน้องแคทธลีนน์เริ่มหันไปนิยมไอ้ดิ่งเสียแล้ว .และหลังจากนวดเสร็จ เวลาก็ปาเข้าไปดึกดื่นค่อนคืน ไอ้ดิ่งก็เลยถือโอกาสนอนแหมะๆ ข้างอีน้องแคทธลีนน์ทันที .คืนที่สอง ไอ้วัฒน์เลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปนอนเบียดอีน้องแคทธลีนน์เหมือนคืนที่ผ่านมา "ศึกชิงนาง" ในคืนที่สองไอ้ดิ่งเลยทำคะแนนตีตื้นไอ้วัฒน์ขึ้นมา ในรุ่งเช้าวันของที่สาม...พวกเราไม่มีโปรแกรมเดิน แต่มีขี่ช้างและล่องแพอย่าง . และเมื่อหลังจากขี่ช้างสองชั่วโมงแล้ว พวกเราก็ล่องแพที่แม่น้ำแม่แตงกันต่อ พูดถึงการล่องแพแล้ว ถือได้ว่าเป็นความมันส์สุดๆ ของการเดินทัวร์ป่า ในขณะเดียวกันก็ถือว่าอันตรายสุดๆ เช่นกัน หากประมาทเลินเล่อมีหวังตกแพจมน้ำตายได้ ประวัติไกด์หรือลูกหาบที่ตกแพแล้วจมน้ำตายมีทุกปี และอีกสิ่งหนึ่งที่ไกด์ป่าต้องพึงสังวรณ์ก็คือกล้องถ่ายรูปของลูกทัวร์ กล่าวกันว่า....ที่ใต้พื้นน้ำแม่แตงนั้นมีกล้องฝรั่งจมอยู่ใต้น้ำเป็นร้อยๆ ตัว !! เพราะจากการล่องแพนี่แหละ.... แม่น้ำแม่แตงเป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากป่าเขา ต้นน้ำนั้นไหลมาจากยอดดอยเชียงดาว ช่วงที่พวกเราล่องแพนั้นเป็นช่วงที่น้ำไหลเชี่ยวมาก นอกจากจะไหลเชี่ยวแล้วยังมีโขดหินระเนระนาดกลางลำน้ำอีก . คนที่ถือหัวแพต้องรู้เหลี่ยมรู้โค้งของแม่น้ำเป็นอย่างดี รู้แม้กระทั่งว่าโขดหินนั้นอยู่ช่วงไหน และต้องคาดคะเนความสูงของระดับน้ำด้วยว่า ถ้าน้ำขึ้นสูงหรือลงต่ำขนาดนี้ โขดหินก้อนนั้นหรือช่วงนั้นจะโผล่เหนือผิวน้ำขนาดไหน?เรียกได้ว่าทุกเสี้ยววินาทีของการล่องแพ มีทั้งตื่นเต้นหวาดเสียวและอันตรายด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีหน้าที่เป็น " กัปตัน" ที่ต้องถือหัวแพอยู่ข้างหน้าซึ่งถือว่าเป็นจุดอันตรายอย่างยิ่ง !! ผมเคยมีประสบการณ์เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการตกแพมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเป็นหน้าฝนฤดูที่น้ำหลากและไหลเชียวมาก แพของผมแหกโค้งจากคุ้งน้ำเข้าไปชนโขดหินกลางล้ำน้ำตูม !! ผมกระเด็นตกลงไปในน้ำ ส่วนลูกทัวร์ก็เพียงแต่เซถลาบนแพ ความลึกของแม่น้ำทำให้ผมจมดิ่งลงไปใต้แม่น้ำทันที ผมพยายามจะว่ายเข้าหาฝั่ง แต่ก็สาย...เมื่อผมรู้ตัวว่าขาข้างหนึ่งของผมเข้าไปติดกับซอกหินที่อยู่ใต้น้ำ พยายามจะสลัดขาให้หลุดจากโขดหินให้ได้ แต่เพราะน้ำที่ไหลเชี่ยวทำให้ผมต้องหมดเรี่ยวแรงอยู่ตรงนั้นเอง มารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อพบว่าตัวเองนอนเอ้งเง้งอยู่บนแพอีกลำ เห็นพวกฝรั่งลูกทัวร์ผมนั่งห้อมล้อมผมใหญ่ ได้ความว่า...ตอนผมติดอยู่กลางลำน้ำนั้น เผอิญแพจากทัวร์กรุ๊ปอื่นผ่านมาเห็นเข้า เพื่อนไกด์จากทัวร์กรุ๊ปนั้นเข้าช่วยชีวิตผมได้ทัน ฝรั่งลูกทัวร์บอกแก่ผมว่าผมสลบไสลเกือบครึ่งชั่วโมง !! ฝรั่งนึกว่าผมตายไปเสียแล้ว นั่นเป็นประสบการณ์ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการล่องแพในคราวนั้น ส่วนเพื่อนไกด์คนที่ช่วยชีวิตผมในครั้งนั้น ก็ยังถือเป็นเพื่อนกันมาตราบเท่าทุกวันนี้ . . จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 24 พ.ค. 48 17:12:47 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 11 . . หลังจากฝรั่งลูกทัวร์ผมขี่ช้างสองชั่วโมงเสร็จ ผม ไอ้ดิ่ง ไอ้วัฒน์ และสำราญก็จัดการต่อแพสองลำทันที ใช้ไม้ไผ่สามสิบกว่าลำ ต่อแพเสร็จก็จัดการขนสัมภาระเป้กระเป๋าของฝรั่งขึ้นมัดบนแพให้แน่นหนา สำหรับกล้องและวีดีโอของฝรั่ง พวกเราก็แจกถุงพลาสติกกันน้ำให้คนละถุงให้ฝรั่งเอาใส่ จากนั้นขบวนแพพวกเราก็เคลื่อนออกจากจุดสตาร์ททันที ผมทำหน้าที่เป็น "กัปตัน" บนแพลำแรกโดยมีสำราญเป็นคนคอยคัดท้ายแพให้ ส่วนแพลำที่สองก็ให้ไอ้ดิ่งเป็น "กัปตัน"โดยมีไอ้วัฒน์เป็นคนคัดท้ายแพ อีน้อง "แคทธลีนน์" คนงามก็ใส่ชุดว่ายน้ำโชว์หุ่นอันสะโอดสะโองบนแพลำที่สอง คอยเป็นกำลังใจให้ไอ้ดิ่งและไอ้วัฒน์ . พวกเราก็ล่องแพลอยลำน้ำมาอย่างสนุกสนาน และเมื่อมาถึงจุดอันตราย ผมก็ร้องสั่งให้แพลำที่สองหยุดเพื่อคอย Stand By แพของผมเอาไว้ด้านหลัง เพราะจุดอันตรายตรงนี้ไกด์ป่าทุกคนต่างรู้ดีว่า ถ้าใจไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วไม่ควรล่องแพลงไปเสี่ยง โดยเฉพาะแพที่มีลูกทัวร์ฝรั่งเกินหกคนและมีคนคอยช่วยคัดท้ายเพียงคนเดียว ผมหันไปอธิบายกับลูกทัวร์ของผมว่า จุดนี้คือจุด Extremely Dangerous!! เล่าต่ออีกว่าเราต้องล่องแพผ่านจุดนี้ให้ได้ และเปอร์เซ็นต์แพแตกมีห้าสิบห้าสิบ !! ผมได้ถามความสมัครใจลูกทัวร์ทุกคนว่า ถ้าใครกลัวก็สามารถลงเดินลัดเลาะตามชายฝั่งแล้วไปคอยข้างหน้าได้ โดยผมและสำราญจะล่องแพเปล่าๆ ลงไปหา แต่ขึ้นชื่อว่าฝรั่ง แล้ว...ไม่ว่าหญิงหรือชายเมื่อได้ตัดสินใจซื้อทัวร์ป่าแล้ว พวกเขาก็ย่อมคาดหวังในสิ่งที่ตื่นเต้นประเภทผจญภัยอย่างนี้อยู่แล้ว ทุกคนตัดสินใจที่จะอยู่บนแพร่วมเป็นร่วมตายล่องแพผ่านจุดอันตรายให้ได้ นาทีระทึกใจก็เลยเริ่มต้นขึ้น..!! เมื่อผมถ่อหัวแพพ้นจากคุ้งน้ำมา ภาพต่อหน้าที่ทุกคนมองเห็นทันทีก็คือ....โขดหินใหญ่สามก้อนยืนเรียงรายขวางอยู่กลางลำน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวจัด !! ..นั่นแหละคือจุดอันตรายที่ไกด์ป่าทุกคนขนานนามมันว่า " หาดสามเส้า " เสียงน้ำที่ไหลเชี่ยวดังกระซู่ๆ มาเป็นระยะ ยิ่งแพพวกเราไหลเข้าไกลเท่าไหร่ เสียงยิ่งดังแรงขึ้นและแพก็ไหลเร็วขึ้น และเมื่อเข้าใกล้ "หาดสามเส้า" ผมได้ยินเสียงฝรั่งลูกทัวร์ที่นั่งอยู่บนแพเริ่มอุทาน กันว่า OH..! My God !! ทางเดียวที่แพจะสามารถหลบโขดหินทั้งสามก้อนนั้นได้คือ บังคับแพซึ่งตอนนี้กำลังพุ่งลิ่วอยู่กลางลำน้ำให้ชิดติดฝั่งด้านซ้ายซึ่งมีช่องเล็กๆ ที่แพพอจะไหลทะลุผ่านได้ แต่การที่จะบังคับหัวแพให้ไปชิดติดฝั่งด้านซ้ายได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่น้ำไหลแรงมาก แน่นอนว่า...ต้องใช้พละกำลังถ่อแบบสุดๆ ชนิดที่ว่ามีแรงเท่าไหร่ก็ทุ่มไปทั้งหมด แพของผมเริ่มเสียหลัก เมื่อท้องแพเกิดไปครูดกับหินใต้น้ำเสียงดังสนั่น เสียงลำไม้ไผ่แตกตามมา ฝรั่งลูกทัวร์เริ่มมีสีหน้าวิตก แต่ผมไม่มีเวลาที่จะหันไปมองและเทคแคร์ลูกทัวร์เสียแล้ว แพเริ่มพุ่งลิ่วๆ เข้าหาก้อนหินที่ขวางน้ำนั้นอยู่ ผมกระทุ้งไม้ถ่อลงบนหินพยายามจะเบี่ยงหัวแพหลบโขดหินที่แพกำลังพุ่งเข้าหา โพล๊ะ..!! เสียงไม้ถ่อผมใช้หักคามือเพราะต้านแรงน้ำไม่ไหว แพก็พุ่งดิ่งไร้การบังคับเข้าหาโขดหินทันที !! คราวนี้ฝรั่งเริ่มร้อง No !! No..!!เป็นเสียงเดียวกัน ผมทิ้งไม้ถ่อที่หักแล้วรีบคว้าไม้ถ่อสำรองที่วางอยู่บนพื้นแพขึ้นมาหวังจะเบนหัวแพไม่ให้ชนหิน . แต่ก็สายเสียแล้ว.... " โครม.!!" เสียงหัวแพชนโขดหิน ร่างผมลอยละลิ่วตกตูมลงไปในน้ำ ผมรีบว่ายทวนกระแสน้ำเข้าไปหาแพทันที .ส่วนสำราญและลูกทัวร์ที่อยู่บนแพพยายามจะบังคับแพออกจากโขดหิน แต่ก็ยากที่จะต้านกระแสน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวได้ กระแสน้ำกดตัวแพให้จมดิ่งเกือบครึ่งลำใต้โขดหิน ผมรีบร้องตะโกนให้ทุกคนสลัดแพ แล้วว่ายน้ำเข้าหาฝั่งทันที ก่อนที่อะไรจะสายไปกว่านี้...ผมกับสำราญรีบปลดเป้สัมภาระโยนขึ้นฝั่ง ในขณะที่ลูกทัวร์ฝรั่งกระโจนลงจากแพแล้วว่ายน้ำขึ้นฝั่งไป พอทุกคนขึ้นฝั่งได้ก็มานั่งมองแพที่ติดกับโขดหินค่อยๆ จมดิ่งลงใต้น้ำอย่างน่าเสียดาย ผมและสำราญย้อนขึ้นไปหาไอ้ดิ่งและไอ้วัฒน์ที่จอดแพ Stand By อยู่ด้านหลัง บอกให้ลูกทัวร์ทุกคนลงจากแพเดินไปรวมกลุ่มกับฝรั่งที่แพแตก จากนั้นพวกผมทั้งสี่ ไอ้ดิ่ง ไอ้วัฒน์ และสำราญ ก็ล่องแพเปล่าลงมาหา โดยไม่มีปัญหาอะไร เพราะน้ำหนักแพลำที่สองไม่มาก พวกเราต้องขึ้นดอยไปตัด "ไม้ซาง" (ไม่ไผ่) มาต่อแพลำใหม่อีกกินเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ทั้งฝรั่งทั้งไกด์ทั้งลูกหาบช่วยกันต่อแพเป็นที่สนุกสนานกันใหญ่ ต่อแพไปก็สาดน้ำใส่กันไป ต่อแพเสร็จก็เลยถือโอกาสเล่นน้ำกลางป่ากลางเขาเสียเลยผมต้องขอโทษ กับฝรั่งทุกคนที่เป็นต้นเหตุทำให้แพแตก ตอนแรก...ก็นึกว่าลูกทัวร์จะโกรธจากเหตุการร์แพแตก ที่ไหนได้...ทุกคนกลับบอกว่า Excellent Experience !! ผมก็เลยโล่งใจ ผมจำต้องเปลี่ยนโปรแกรมทัวร์กลางคัน เพราะเสียเวลาจากการต่อแพ ตามโปรแกรมทัวร์พวกเราต้องไปนอนหมู่บ้านอีก้อในคืนสุดท้าย แต่ก็ต้องเปลี่ยนมานอนที่แคมป์แพของชาวกะเหรี่ยงแทน เพราะจุดที่เราล่องแพไปถึงแคมป์แพกะเหรี่ยงเป็นเวลามืดค่ำพอดี ฝรั่งลูกทัวร์ทุกคนก็ยินดี เพราะอากาศเริ่มหนาวและทุกคนก็เปียกปอนกันหมด ปัญหาที่ต้องเจอในคืนสุดท้ายก็คือเรื่องอาหาร เพราะเป้อาหารที่พวกเราแบกขึ้นไปนั้นตกน้ำจากการแพแตก จึงเปียกแฉะและบูดเน่าหมด ผมไอ้วัฒน์ ไอ้ดิ่ง และสำราญก็เลยจำต้องแยกย้ายไปหาอาหารป่ามาให้ลูกทัวร์ สำราญเหวี่ยงแหหาปลาในแม่น้ำโดยมีสาวๆ ฝรั่งยืนส่งเสียงเชียร์บนฝั่ง ผมกับไอ้ดิ่งคว้าจอบของชาวกะเหรี่ยงได้ก็ขึ้นดอยไปหาหน่อไม้ ส่วนไอ้วัฒน์ก็หุงข้าวคอยในหมู่บ้าน เมนูอาหารในคืนสุดท้ายก็เลยมีแต่หน่อไม้กับข้าวสวยล้วนๆ มีปลาสามสี่ตัวที่สำราญจับได้ เอาต้มใส่หน่อไม้ซดน้ำรวกคอพอกระหาย ผัดหน่อไม้ใส่ไข่(ยอมทำบาป โดยยุกะเหรี่ยงให้ไปพรากไข่จากแม่ไก่นอนฟักอยู่ในรังสี่ห้าฟอง)หน่อไม้ลวกจิ้มน้ำปลา ซุปหน่อไม้ ทั้งฝรั่งทั้งคนไทยนั่งล้อมวงกินกันอย่างเอร็ดอร่อย กินข้าวเสร็จพวกเราก็มานั่งก่อไฟผิง ไอ้วัฒน์ทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์ในคืนสุดท้าย ร้องเพลงกล่อมสาวๆ โดยเฉพาะอีน้องแคทธลีนน์ ไอ้วัฒน์มันร้องไป พร้อมกับทำตาพริ้มใส่อีน้องแคทธลีนน์ไป ....What I gonna do....to make you love me. What I gonna do....to be heard. ไอ้วัฒน์เริ่มร้องคลอเสียงอ้อนอีน้องแคทธลีนน์ด้วยเพลงซึ้งๆ อย่างนี้ เสร็จเพลงแรก มันก็รุกเร้าอีน้องแคทธลีนน์ต่อด้วยเพลง " Why do I love so ? " (เพลงหากินของไกด์ป่าทุกๆ คนในเชียงใหม่ ใครร้องไม่เป็นถือว่าเชยสะบัด) เพื่อความต่อเนื่องของอารมณ์ ....My darling...I' ve often thought the thing we used to do. ...And now I sit and wonder why you've gone and let me blue. ...You said. You never leave me. You said you never go. พวกเราร่วมเพลงกันเป็นที่สนุกสนานจนดึกดื่นเที่ยงคืน และก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้านอน ผมในฐานะไกด์ก็ลุกขึ้นยืนกล่าวคำขอบคุณฝรั่งทุกคนที่ไว้ใจผมให้เป็นไกด์นำเที่ยว และ Make Speechเป็นการอำลากันใน คืนสุดท้าย ตบท้ายรายการด้วยโซ่โล่กีตาร์เพลงไทยซึ้งๆ เพื่อเป็นการอำลา ..ผมเล่นเพลงฝรั่งไม่เก่งเหมือนไอ้วัฒน์ จึงได้แต่โซ่โล่เพลงไทย .....โบกมือลา....เสียงเพลงครวญมาต้องลาแล้วเพื่อน กี่ปีจะลับเลือน...ฝากเพลง คอยย้ำเตือน...หวนไห้....จากกันไกล....แม้เพียงร่างกายใจยังชิดใกล้ เมื่อใจเราซึ้ง ใจ ร่วมทางไม่ร้างไกล...หมายมั่น...." โพสต์สุดท้ายก็ “อวสาน” แล้วครับ อดใจรอ จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 24 พ.ค. 48 17:13:33 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ยังกะแคทธลีน เอิร์นชอว์ ที่ถูกหนุ่มฮีธคลิฟกับเอ็ดการ์ ลินตัน แย่ง ใน Wuthering Heights แต่รายนี้ไม่มีใครได้ไปแฮะ จากคุณ : Sa-idian - [ 25 พ.ค. 48 01:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยังไม่จบนะครับ โพสต์ต่อไปเป็นโพสต์อวสาน จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 25 พ.ค. 48 03:21:59 A:80.41.175.198 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 14 . . เช้าวันรุ่งขึ้น...หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเราก็เดินมาขึ้นรถในป่าตามจุดนัดหมายเอาไว้กับคนขับรถ . กลับมาถึงตัวเมืองเชียงใหม่ก็ตกเย็นพอดี .ทั้งไอ้วัฒน์และไอ้ดิ่งบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่า ไม่ได้สร้างความประทับให้อีน้องแคทธลีนน์เลย .แหะ แหะ แหะ เพราะมัวแต่แย่งกันนั่นเอง . ต่างจากสำราญซึ่งเปลี่ยนใจ หันไปจีบสาวฝรั่งเศสแทน แล้วอีน้องจากฝรั่งเศสเดินตามก้นสำราญต้อยๆ ก่อนแยกย้ายกันไปตามเกสต์เฮ้าส์และโรงแรมของใครของมัน บรรดาลูกทัวร์สาวๆ ทั้งสิบสองคนของผมได้กล่าวชักชวนผมและเพื่อนๆ ไปร่วมเลี้ยงฉลองกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เพื่อกล่าวคำอำลากันอย่างเป็นทางการ สำหรับผมแล้ว นั่นคือสัญญาณอย่างหนึ่งที่บอกให้ไกด์ผู้รับผิดชอบทัวร์ในครั้งนั้นว่า ลูกทัวร์ประทับใจในการเดินทัวร์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไป ไม่งั้นคงไม่ชวนกันไปเลี้ยงฉลอง .ว่าไหมครับท่านผู้ชม??.... แต่ถ้าหากลูกทัวร์พร้อมใจกันขึ้นไปแจ้งความที่ ทอทอทอ แล้วล่ะก้อ แหะ แหะ แหะ ไกด์คนนั้นก็ต้องเตรียมคืนเงินค่าทัวร์ป่าให้ฝรั่งลูกทัวร์ หรือไม่ก้อโดนฝรั่งด่ายับ ทั้งผมและเพื่อนๆ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็รีบจัดการอาบน้ำแต่งตัว . ลากเสื้อผ้าชุดเก่งที่คิดว่าใส่แล้วหล่อสุดๆ ในชีวิตมาใส่เตรียมไปที่นัดหมายกับสาวฝรั่งทั้งสิบสองคนนั้นเองไว้ .โอกาสที่จะให้สาวๆ ตะลึงในความหล่อก็อยู่ตรงโค้งสุดท้ายตรงนี้แหละ อิ อิ อิ เพราะช่วงสามวันสี่คืนที่อยู่ในป่าในเขานั้น ไม่มีเวลาจะเทห์ได้ ข้างฝ่ายไอ้ดิ่งและไอ้วัฒน์รู้สึกว่าจะยินดีเป็นหนักหนา ที่อย่างน้อยๆ ก็ยังจะพอมีโอกาสได้ใกล้ชิดอีน้องแคทธลีนน์อีก . แต่งตัวประชันกันชนิดสุดๆ ผมเผ้าก็หวีซะเรียบแปล้...ใส่เยลปรับทรงผมซะเป็นมันวาบวับ...เสื้อผ้าที่ไม่เคยแตะพื้นเตารีดซักที ก็จับมารีดซะเป็นเหลี่ยมเป็นคมโง้ง รองเท้าคัดชูก็หยิบมาปัดฝุ่นลงครีมเป็นประกายวาววับ สลัดคราบไกด์ป่ามาใส่บุคคลิค “คนเมือง” แทน ชนิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ สองทุ่มครึ่ง...ได้เวลานัดหมาย พวกเราทั้งสี่ ผม ไอ้ดิ่ง ไอ้วัฒน์ และสำราญ ก็บึ่งมอเตอร์ไซด์คนละคันไปร้านอาหาร Time Sqare สถานที่นัดหมายไว้กับสาวๆ ทั้งสิบสองคนไว้โดยไม่รอช้า . . จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 25 พ.ค. 48 03:33:35 A:80.41.175.198 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 15 . . เมื่อพวกเราไปถึงร้านอาหาร ก็เห็นบรรดาสาวๆ ทั้งสิบสองนั่งเรียงหน้าสลอนคอยพวกเราที่โต๊ะอยู่แล้ว .แบบว่า งานนี้พวกเราทั้งหมดยังคงรักษาความเป็น “คนไทย” เอาไว้อย่างไม่มีขาดไม่มีเกิน คือทำตัว “ทุเรศ” (too late)ในการนัดหมายกับฝรั่ง .อิ อิ อิ หน้าตาแต่ละคนในยามนี้ล้วนดูสดสวยงดงามกันทั้งนั้น . ซึ่งแตกต่างลิบลับเมื่อตอนอยู่บนทัวร์ป่าด้วยกัน แต่ละนางแต่ละองค์ล้วนมีของประดับประดาเพียบ ตุ้มหูเอย ลิปสติกเอย Makeup แต่ละคนดูสดสวยราวกะนางฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่สาวน้อยแคทธลีนน์นั่น ดูเธอจะโดดเด่นกว่าใครทั้งหมด ปรกติ ถึงไม่แต่งหน้าทาปากเธอก็สวยเด่นอยู่แล้ว ยิ่งมาMake Up เข้าแล้ว ไม่ต้องบรรยายกันให้หลุดโลกเลยนะครับ บอกได้คำเดียวว่าสวยเด่น . ผมนี่แทบจะจำไม่ได้ว่าบรรดานางทั้งสิบสองเหล่านี้เป็นลูกทัวร์ผม .กระซิบถามตัวเองว่า " กรู มาผิดที่หรือ เปล่าว่ะนี่ ??" ก็ต่อเมื่อพวกสาวๆ ร้องเรียกชื่อผมนั่นแหละ ผมถึงได้ตื่นจากภวังค์ ทั้งไอ้ดิ่งและไอ้วัฒน์ต่างพยายามเยื้อยุดฉุดแย่งกุลีกุจอกันจะเข้าไปนั่งติดกับแม่สาวน้อยแคทธลีนน์ให้ได้ แต่ก็ต้องชะงัก....เมื่ออีน้องแคทธลีนน์ร้องเรียกให้พระเอกตัวจริงเสียงจริงเข้าไปนั่งติดกับเธอ อ้าว..!! แล้วพระเอกคนนั้นเป็นใคร ? จู่ๆโผล่เข้ามาได้ยังไง ?? อย่างนี้มันตัดหน้ากันนี่หว่า..? เมื่ออีน้องแคทธลีนน์เรียกผมให้ไปนั่งข้างๆ อย่างนั้น ผมรีบกระโจนพรวดไปนั่งแหมะข้างเธอทันที .พลาดโอกาสงามๆ อย่างนี้ไปก็ไม่ต้องมาเรียกผมว่าเป็นชายอกสามศอกล่ะนะ . กลิ่นน้ำหอมจากร่างกายเธอฟุ้งกระจายจนผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มหลับตาพริ้ม ฝันหวานทะลุไปถึงเมืองสรวงแดนสวรรค์ชั้นดุสิตมหาราชิกาไปนู่น อิ อิ อิ ส่วนไอ้วัฒน์และไอ้ดิ่งที่เล่นบทเป็นพระเอกบทัวร์ป่ามาตลอด ตอนนี้ก็ต้องจำใจรับเป็นพระรองไปอย่างช่วยไม่ได้!! หลังจากสั่งอาหารมากินกันแล้ว ก็นั่งคุยกันไป คุยเรื่องทัวร์ป่าที่ผจญภัยกันมาหมาดๆ บ้าง คุยเรื่องชีวิตบ้าง ใครนั่งใกล้ใครก็คุยกับคนนั้น ไอ้ดิ่งนั่งคุยกับสาวเยอรมัน ไอ้วัฒน์ก็คุยกับสาวอิตาลี ส่วนสำราญก็นั่งจี๋จ๋อกับสาวฝรั่งเศส ส่วนผมก็เมาส์แตกกับอีน้องแคทธลีนน์ . โดยมีสายตาไอ้ดิ่งและไอ้วัฒน์ชำเลืองแว่บๆ มาดู มีอยู่คราวหนึ่งที่แม่สาวน้อยแคทธลีนน์ เธอพูดกับผมเชิงตัดพ้อแกมน้อยอกน้อยใจว่า ตอนที่พวกเราอยู่บนทัวร์ป่านั้น ผมไม่ค่อยพูดจากับเธอเท่าไหร่เลย ? "ํOn the trek, You’d hardly talked to me" เธออ้อน โถๆ....พูดอะไรอย่างนั้นเล่าจ๊ะแม่คุณทูนหัว?? . คนสวยๆ อย่างเธอ มีหรือที่ซาตานอย่างผมจะไม่ใส่ใจจะพูดด้วย ?? เกรงเสียแต่ว่านางฟ้าจะไม่ยอมมาคุยกับซาตานเสียมากกว่า อิ อิ อิ .... ผมก็เลยอธิบายบอกเธอให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋ไปว่า .สาเหตุที่ผมไม่ค่อยพูดจากับเธอนั้นก็เพราะ ผมเป็นไกด์ซึ่งต้องมีหน้าที่เทคแคร์ลูกทัวร์ทุกคน ไม่ใช่จะมาพูดอยู่แต่กับคนใดคนหนึ่งซึ่งนั่นไม่ใช่วิสัยไกด์ที่ดี เดี๋ยวลูกทัวร์คนอื่นจะหาว่า “เธอลำเอียง” อีกสาเหตุหนึ่งที่ผมอธิบายเธอไป ว่าที่ผมไม่ค่อยพูดกับเธอนั้นก็ เพราะเห็นว่าเพื่อนๆ ผมคอยเทคแคร์เธออยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว "However, I am off duty now !." สบโอกาส ผมรีบพูดเปิดทางทันที “Does that mean you are going to talk to me more?” เธอกล่าวคล้ายๆ จะกำลังจะชี้โพรงให้กระแต ได้ไงๆ ...? ทำอย่างนี้ ผมถือว่ากำลัง Frying the bridge ให้ผมชัดๆ !!. หูย..มาเล่น “ทอดสะพาน” ให้ผมอย่างนี้ ถ้าผมไม่ข้ามก็ถือว่าหยามความเป็น “ชายไทย”อกสองศอกครึ่งเสียแล้ว ว่าแล้ว...ผมก็แกล้งขยับเก้าอี้เข้าใกล้เธอไปอีกนิดแฮะ..! และเธอรีบคว้ามือผมไปกุมมับทันที !! แน่ะ..!! ไวไฟซะด้วย ! หนทางข้างหน้ามีหรือจะเป็นอื่นไปได้ ?? อิ อิ อิ .เมื่อกินข้าวกินปลาในค่ำคืนนั้นเสร็จ พวกเราทั้งหมดก็ออกจากร้านอาหารมา .ผมกล่าวคำ Good Night กับทุกคนเสร็จสตาร์ทมอเตอร์ไซด์ได้ อีน้องแคทธลีนน์ก็ก้าวมานั่งซ้อนท้ายแหมะ เกาะเอวผมแน่น ผมย่ำเท้าตบเกียร์หนึ่งได้ ..ทั้งผมและเธอก็แว่บหายไปในราตรีนั้นนั่นเอง โดยมีเสียงไอ้วัฒน์และไอ้ดิ่งแว่วสะท้อนตามหลังใส่ผมว่า " ไอ้สมภารกินไก่วัด !! " แฮะๆ...จะไก่วัดหรือไก่บ้าน หรือไก่พีซี ที่ไหนใครจะมีเวลาไปสนใจ ผมไม่ได้ทำบาปไปไล่จับเองเสียที่ไหน แบบว่า...หนูเปล่านา เขามาเองต่างหาก .หนูเปล่าชวนนา เขามาเอง จบบริบูรณ์ (โปรดอย่าคิดเลยเถิดไปจากจุดอวสาน) กร๊ากสส์!! . . จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 25 พ.ค. 48 03:57:08 A:80.41.175.198 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หลังจากรอตอนจบมานาน... อืมมม...ชวนให้คิดเลยเถิดไปไกลจากจุดอวสานจริงๆคะ..คุณคนอุดร คิดถึงสุภาษิตไทย...ตาอยู่คว้าสาวสวยไปครอง..อิอิ จากคุณ : The Old Woman - [ 25 พ.ค. 48 09:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หนังจบแล้ว....ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พระเอกในเรื่องจะออกมาเชคแฮนด์ขอบอกขอบใจท่านผู้ชมตามธรรมเนียม อิ อิ คุณTey (g9h) ที่นั่งอยู่แถวหน้า ....ยินดีที่ได้รู้จักครับ และ เวลคัมทูห้องอราวยูเค....ห้องนี้มีแต่คนน่ารักๆ ทั้งนั้น คุณ มังกรซ่อนกายฯ ....อุเหม่ !! สรรพนามใช้เรียกผมว่า "ป๋า"นี่...แสลงใจอย่างแรง !! อิ อิ ......ผมรีบไปหาซื้อปี๊บเหมาะๆ มาใบหนึ่ง...เตะเล่นซะเสียงดังสนั่นหวั่นไหว....แหะ แหะ แหะ ที่ดังสนั่นนั่นไม่ใช่เสียงปิ๊บนะครับ เป็นเสียงผมลื่นล้มก่อนจะวิ่งไปเตะปิ๊บต่างหาก....ลุกขึ้นมาได้ รีบคว้าปิ๊บใบนั้นมาคลุมหัวเดินกลับบ้านทันที อีนังหมี่เกี๊ยวฯ ......หูย ถ้าหมี่เกี๊ยวไปเห็นสภาพผมลื่นล้มก่อนเตะปิ๊บใบนั้น มันคงปล่อยก๊ากไปสามสี่ชั่วโมงแหงๆ... ไม่ได้เจอกันนานนะไอ้น้องชาย !! เอ้ย น้องสาว....หวังว่าคงสบายดี ส่วนผม สบายดีเช่นเดิม แมงกะซอน.....แมงกะซอนกับหมี่เกี๊ยวฯ นี่ ยังมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร บางทีแมงกะซอนใช้ลอคอินนังหมี่ฯ บางที่นังหมี่ใช้ลอคอินแมงกะซอน.....อยู่บ้านเดียวกันเหรอ? มีอะไรกันหรือเปล่า?? กร๊ากส์ !!!! คุณ Sa-idian หูย....เข้าใจตั้งชื่อจัง....ซาอิดเดียน? ไส้เลื่อน? ไส้เดือน?....แหะ แหะ แหะ ล้อเล่นครับ....ชื่อนั้นสำคัญไฉน...ว่าไหม?? เคยสนทนากับคุณซาอิดฯ มานะรู้สึกคุ้น แต่จำไม่ได้......(แบบว่า สาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังอ่ะ เลยจำไม่ค่อยได้) ผมเห็นคุณในห้องอราวยูเคบ่อย ยินดีต้อนรับครับ ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามาแจมเท่าไหร่.....แต่ก็เข้ามาอ่านอยู่นะ คุณ The Old Woman ....ขนาดเรื่องจบโดยบริบูรณ์แล้ว คุณ The Old Woman ยังมีใจประหวัดไปถึงภาคต่อไปอีกแน่ะ....คุณคงไม่ใช่The Old Woman ตัวจริงซะละมั๊งนี่....น่ากลัวว่าจะเป็น The young one มากฝ่า.....จบแล้วครับ จบจริงๆ.....ไม่มีภาคต่อ...ขืนมีภาคต่อไปอีก คงโดนเซ็นเซอร์ทุกฉาก กร๊ากสส์!! แหะ แหะ แหะ พูดเล่นอ่ะนะ อย่าคิดลึกๆ.... จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 25 พ.ค. 48 14:09:45 A:80.41.164.224 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จบแล้วๆ ติดใจเรื่องของคุณคนอุดรฯมาตั้งแต่เรื่อง "กระทบไหล่คนดัง" แล้วครับ ไม่คิดว่าจะได้มาอ่านอีก ว่างๆก็มาเขียนอีกนะครับ ชอบๆๆๆ จากคุณ : Omega Weapon - [ 25 พ.ค. 48 14:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 A very happy ending. Really do enjoy this. Hope you and your family are well. I am now in Spain permanently, remember my invitation if you get a chance. Let me know anytime when you are ready. Take care. จากคุณ : genf - [ 25 พ.ค. 48 15:12:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สนุกจัง วันหลังมาเล่าอีกนะคะ จากคุณ : Caeruleus - [ 25 พ.ค. 48 20:22:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โหหหหหหหหหหหหห.....  อ่านถึงบรรทัดก่อนสุดท้าย ก็คิดเลยจุดอวสานไปแร้วล่ะค่ะพรี่.....!!!     แต่ก็...นะ...   เราเคยเจอกันมาแล้วนี่นา ... จะให้นึกภาพตามมากๆคงไม่ได้....อิอิ เด๋วนอนไม่หลับ.... ก๊ากๆๆๆๆ จากคุณ : @บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง@ - [ 26 พ.ค. 48 01:19:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นอั๊นหยังดี้ล่ะอ้าย... เป้นคนฮู้ใจ๋ได้บ๊อค่า...... จากคุณ : นู๋ใช้ล๊อกอินของนู๋เองนะพี่ (Mangashorn) - [ 26 พ.ค. 48 01:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สำนวนเด็ดมากค่ะพี่อุดร (คิดว่าเป็นพี่ล่ะน่า) เคยบอกไปแล้วว่าทำไมใช้ชื่อนี้ที่กระทู้พี่พริกขี้หนูค่ะ คือมันมาจากเจ้าของทฤษฎีที่เราใช้ทำเอกอยู่ คือ Edward Said ชาวอเมริกัน-ปาเลสไตน์ อดีตอาจารย์ที่โคลัมเบียที่เพิ่งเด๊ดสะมอเร่ไป น่าจะเคยได้ยินนะ เพราะเค้าก็ออกมาเคลื่อนไหวกรณีอิสราเอลกับปาเลสไตน์อยู่บ่อยๆ แต่ทฤษฎีที่ใช้คือ Orientalism ค่ะ เกี่ยวกับตะวันออกนิยมในวรรณคดี พวกเรียนทฤษกีเค้าเลยเป็นพวก Sa-idian ไป เหมือนลูกศิษย์ Michel Foucault ก็เป็นพวก Foucauldian ที่ใส่แดชเพราะเค้าชื่อซา-อี๊ด จะได้อ่านถูก (ลุงเอสอ่านถูกรึยัง) ชื่อนี้มันได้มาตอนได้หัวข้อดิสเซอร์ป.เอกล่ะค่า เห็นพี่อุดรไปตอบหลายกระทู้เหมือนกัน แอบติดตามนะ สำนวนพี่เด็ดจริงๆนะ อ่านแล้วฮามาก แอบมี suspense มีหักมุมด้วย แถมตอนจบยังตีจินตนาการคนอ่านกระเจิง เยี่ยมมากๆ ขอคารวะหนึ่งจอก จากคุณ : Sa-idian - [ 26 พ.ค. 48 04:41:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มาติดตาม ทัวร์ป่าน่าสนุกนะคะ อ่านมาตั้งกะเรื่องที่แล้ว อยากไปมั่งจัง กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ต้องหาโอกาสเที่ยวมั่ง จากคุณ : Lastminute Girl - [ 26 พ.ค. 48 06:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อุอุ แจ่มฮับ มาหวัดดีพี่คนอุดรด้วยฮับ อิอิ จากคุณ : มาสาย (S(2)) - [ 26 พ.ค. 48 08:17:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตัวจริงๆ ตัวเป็นๆ เลยคะ แต่หัวใจยังเป็นวัยรุ่นอยู่เสมอ ว่าแต่..เรื่องต่อไปออกเมื่อไรคะ จะรออ่านคะ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 48 13:25:26 จากคุณ : The Old Woman - [ 26 พ.ค. 48 10:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ลืมทักคุณ "หมูเส้น" คนเก่าคนแก่ประจำห้องอราวยูเคอย่างหมูเส้น ผมลืมได้ไง?? ....แบมือออกไปให้ตบแปะหนึ่งทีเพื่อทำโทษ คุณหมูเส้นครับ.... เสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่า คุณหมูเส้นกำลังสลัด "คาน" ออกไปจากชีวิตจริงหรือ??...แหม ทำเอาคนที่อยู่บน "คาน" พากันอิจฉาตาร้อนผ่าไปเลยนะนี่??? อิ อิอิ จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 26 พ.ค. 48 18:48:30 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พี่แอ๊ด ขอบคุณมากๆ ครับสำหรับคำเชื้อเชิญ ผมและครอบครัวสบายดีทุกคนครับ หวังว่าพี่แอ๊ดและครอบครัวก็สบายดีเช่นกันนะครับ ชีวิตที่สเปนน่าจะดีกว่าที่อียิปต์นะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 26 พ.ค. 48 18:50:44 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 29 .. ขอบคุณครับคุณ คุณโอเมก่ะ เวพ่อน ไม่ได้เจอกันนานเชียว ระยะหลังๆ ผมไม่ค่อยเข้ามาแจมเท่าไหร่ แหะ แหะ แหะ มัวแต่ไปติดสาวลูกหนึ่งอย่างคุณน้ำอบเธออ่ะ กร๊ากส์ !! พูดเล่นครับ จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 26 พ.ค. 48 18:58:39 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณซาอิด >>>>>>>>>>>>>สำนวนเด็ดมากค่ะพี่อุดร (คิดว่าเป็นพี่ล่ะน่า) น้องครับ ....เรียกผมว่า "น้อง" ก็ได้ เพราะผมก็เรียกคุณ "พริกขี้หนู" ว่า "พี่" เหมือนกับที่คุณซาอิดเรียกนั่นแหละ อิ อิ อิ ส่วนเรื่อง "หักมุม" นั่น ผมไม่ได้ "หัก" หรอกครับ คุณแคทธลีนน์เธอหักเอง ปัญญาอย่างผมจะไปหักมุมหักเหลี่ยมกับใครที่ไหนได้ ก๊าก !!.....ตอนจบของเรื่องถึงกับทำเอา "จินตนาการ" ของคุณซาอิดกระเจิดกระเจิงเลยเยอ??? น่าเป็นห่วงๆ .....ถ้างั้น ต้องรีบทำเอกให้จบในเร็วพลันนะ.....คริ คริ (เดาได้ว่า ตอนนี้คุณกำลังหน้าแดงเป็นผลตำลึงสุก อิ อิ อิ) จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 26 พ.ค. 48 19:05:21 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ Lastminute Girl หูย ชอบชื่อคุณจัง ....ฟังแล้วชวนให้อยากทราบว่า "กาล" ก่อนจะถึงนาทีสุดท้ายนั้นมีอะไรเกิดขึ้น ???? อิ อิ อยากไปเที่ยวทัวร์ป่าที่ภาคเหนือ??? ว่าก็ว่านะ....ตั้งแต่ผมเลิกทำทัวร์ป่าที่เชียงใหม่มานี่ ....จะหาไกด์ป่าที่หล่อเหลาเอาการไปทำยาสักคนได้ยากอ่ะ (ว่าไปนู่น) ครับผม ถ้ามีโอกาส คุณควรจะลองสักครั้งในชีวิตนะ โหด มันส์ ฮา ก็ทัวร์ป่านี่แหละ คุณจะซื้อทัวร์แบบ สามวันสองคืน หรือสี่วันสามคืนก็ได้ ถ้าอยากซื้อเส้นทางเดินที่สวยๆ และล่องแพสนุกสนาน ซื้อทัวร์สายเชียงดาวนะครับ และเลือกไกด์ที่หล่อๆ นะ อิ อิ อิ คำเตือน การที่จะ "หักใจ" ไม่ให้ไปหลงเสน่มนตราของพ่อ "ไกด์ป่า" ยากนะ ....เพราะบทบาทของไกด์ป่าช่วงที่อยู่บนทัวร์นี่นะ มันยิ่งกว่าพระเอกหนังไทยซะอีก แซมเปิ้ลๆ ดูสักสองสามบทบาทนะ หนึ่ง คอยหุงหาอาหารทำกับข้าวให้กินครบทั้งสามมือ เช้า บ่าย เย็น อาหารที่คุณกินนั่น ไกด์ป่าก็อุตส่าห์แบกข้ามเขาข้ามดอยมาด้วยล่ะ สอง คอยห่วงหาอาทร ยิ่งโดยเฉพาะตอนขึ้นดอยชันๆ นี่ ด้วยความห่วงหาอาทรของไกด์ป่าก็จะมาคอยพยุงคุณ หรือไม่ก็คว้าเป้เสื้อผ้าและสิ่งของจำเป็นที่คุณพกไปด้วยมาแบกให้ คุณไม่ปลื้มจนน้ำตาไหลก็ใจหินไปล่ะ อิ อิ.... ถ้าคุณขึ้นทัวร์ช่วงหน้า ร้อน ไกด์ของเราก็จะคอยพัดวี หรือหาที่ร่ม ลมโบกให้คุณนั่งพักผ่อนในยามเหนื่อย หากขึ้นทัวร์ช่วงหน้าฝน เวลาจะข้ามธารน้ำที่ไหลเชี่ยว หรือแม่น้ำใหญ่ๆ อย่างแม่แตง ไกด์ของเราก็จะว่ายน้ำลอยคอไปเคียงข้างคุณเวลาคุณพลาด หากขึ้นทัวร์ช่วงหน้าหนาว ลมบนยอดดอยมันหนาวเหน็บเสียยิ่งกะไร ไกด์ของเราก็จะเข้าป่าหาแบกไม้แบกฟืนมาก่อไฟให้คุณผิง เห็นไหมล่ะ.....โอกาสที่จะ "ปลื้ม" ไกด์ป่านั้นเป็นไปได้สูงเชียวนะ อิ อิ อิ สาเหตุที่ผมเลิกทำทัวร์ป่าก็เพราะผู้หญิงมาติดพันเยอะเิกินไปนี่แหละ เลือกไม่ไหว??? กร๊ากสส์์์ !!! พูดเล่นครับๆ .....สาเหตุที่เลิกจริงๆ ก็เพราะความรักเดียวใจเดียวของผมที่มีต่อภรรยาในปัจจุบันนี้ต่างหากครับ อ้าว พูดเรื่องทัวร์ป่าอยู่ดีๆ วกเข้าเรื่องตัวเองจนได้ ไปล่ะ จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 26 พ.ค. 48 19:24:24 A:193.195.73.66 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพิ่งได้กลับมาเล่น net ในรอบสัปดาห์...อ้า คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เด็กๆห้อง @round UK มานั่งล้อมวงฟังเรื่องราว ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ (อย่างเช่น พี่อุดร อิอิ) เล่าให้ฟัง... จากคุณ : Hidden Dragon - [ 26 พ.ค. 48 23:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 33 หูย....เล่นแรง!!.. ว่าผมเป็นผู้เฒ่าไม่เท่าไหร่หรอก แต่คนบางคนพลอยโดน "ลูกหลง" ไปด้วยนี่สิ อิ อิ อิ เจ๊พริกขี้หนูแกทำตาเขียวปั๊ดใส่อยู่ไม่เห็นเหรอ?? หาคำแก้ตัวเองก็แล้วกัน จากคุณ : คนอุดรฯ - [ 27 พ.ค. 48 02:30:53 A:80.41.162.190 X: TicketID:031873 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาสายไปหน่อย เพิ่งลงจากเขามาเหมือนกันค่ะ :) เรื่องสนุกมากค่ะ อยากอ่านอีกบ่อยๆ จากคุณ : กุมภา - [ 27 พ.ค. 48 06:26:21 ]