CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ไม่เล่าไม่ได้แล้ว VISA USA เฮ้อ ได้ซะที

    .....เรื่องของผมไม่น่าสนใจหรอกครับ แค่อยากระบาย.....
    ในฐานะที่ผมเข้ามาหาศาสตร์ในกระทู้เกี่ยวกับการเรียนต่อในไกลบ้านมานาน ผมคงต้องขอขอบคุณทุกๆความคิดเห็นที่ทุกคนช่วยกันแบ่งปันให้ประสบการณ์ และความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ จนวันนี้ผมได้วีซ่าและกำลังจะบินแล้น

    หลังจากที่รอมาแรมเดือนก้อถึงวันนัดสัมภาษณ์สักที คนเราก้อแปลกเนอะ ชอบหาความกดดันให้กับตัวเอง ยิ่งผมได้อ่านกระทู้ของทั้งคนที่ได้วีซ่าและที่โดนรีเจ๊คมากเท่าไหร่ ผมก้อรู้สึกกดดันมากขึ้นเท่านั้น กลัวโน่น กังวลนี่ไปเรื่อย สำหรับวันนี้ยอมรับว่ากดดันมากๆ เพราะที่เรียนใกล้เปิดแล้ว(VISA F1) กลัววีซ่าไม่ผ่าน แต่ก้อพยายามทำตัวชิวชิว แบบว่าปกติต้องมาถึงสถานฑูต ก่อน 6 โมง ก้อมาถึงประมาณ หกครึ่ง แต่งตัวก้อเอาแบบว่าหล่อสุดๆแบบว่ากะจะไปจีบกงสุลเลยเพื่อสร้าง self สำหรับผม self สำคัญครับ คุณคงไม่อยากให้เค้าเรียกคิวคุณในขณะที่ความมั่นใจและกำลังใจของคุณอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลใช่มั้ยคับ ตอนแรกผมก้อกะจะพาพ่อไปด้วยครับเพราะคิดว่าท่านน่าจะช่วยยืนยันจิตอันบริสุทธิ์ของผมที่จะไปเรียนหนังสือด้วยทรัพย์ที่เพียงพอและกลับเมืองไทยหลังเรียนจบ แต่คิดไปคิดมาแล้วผมไปคนเดียวดีกว่า เพราะผมรู้จักผู้ชายคนนี้ดี เค้าสร้างความกดดันให้กับผมได้เก่งพอๆกับท่านกงสุลเลย รอฟังข่าวดีอยู่ที่บ้านละกันนะครับ ครั้งนี้ขอให้ผมได้ใช้ความสามารถตัวเองก่อนละกัน ผมเอามือถือไว้ในรถครับเพราะขี้เกียจแลกบัตรคับ

    ก้อเข้าไปต่อคิวรับบัตรคิวที่ช่อง 13 ผมตั้งใจเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วครับ เพราะ คิวน้อยและได้แสดงทักษะทางภาษาครับ (สำหรับผมคิดว่ามีส่วนต่อการสัมภาษณ์นะครับ)ระหว่างที่เรานั้งรอเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการผ่อนคลายความเครียด ระดับการเต้นของหัวใจผมดีขึ้นเรื่อยๆ จาก รั่วสุดๆจนถึงนิ่งดั่งรถไฟฟ้าbtsตอนจอดอยู่ในอู่ ได้ดูคุณสรยุทธ์ในเรื่องเล่าเช้านี้ แต่ไม่ทันได้ดูคูณแมร์ เพราะถึงคิวสัมภาษณ์พอดี

    8.30 น. ครับทั่นผู้อ่าน ตรงปรี่ไปยังหน้าต่างช่อง 11 (เป็นชายผิวไม่ขาวครับ) ผมว่าเลข11นี้ดีนะครับเพราะอย่างน้อยมันก้อเป็นช่องที่เป็นของรัฐ มีรายการเพื่อการศึกษามากมาย(เริ่มนอกเรื่อง)ช่อง 8(ภาษาไทย) ไม่เลือกครับเพราะไม่คุ้นหู อิอิ แน่นอนครับว่าผมต้องเตรียมเอกสารแบบเต็มยศมาอยู่แล้ว ก้อมีบุ๊กของพ่อ แม่ และก้อพี่ รวมกันก้อประมาณ 2 ล้านครับ เริ่มด้วยการสแกนนิ้วซ้ายและขวาคับ ผมก้อเตรียมยัดเอกสารที่เตรียมมาผ่านช่องไปให้กงสุลแต่ก้อไม่มีวี่แววว่าทั่นจะต้องการมัน ก้อยังไม่ยัดเข้าไป จากนั้นเค้าก้อเริ่มถามครับ Wh...purpose......US. ? ทั้งประโยคได้ยินอยู่ 2 คำครึ่งครับ เสียงมันเบาและเค้าก้อไม่มีสัญญาณเตือนก้อว่ากูจะเริ่มถามแล้วนะ ผมก้อถามกลับไปว่า Why ? เค้าก้อทวนคำถามใหม่ประมาณว่า what is your propose of....US.? (ยังฟังไม่อกกอยู่ดีแต่ก้อพอจะรู้ความคำตอบที่เค้าต้องการคืออะไร) ก้อตอบไปว่า จะไปเรียนภาษาก่อนแล้วก้อจะต่อ MBA หลังจากเรียนจบ แล้วเค้าก้อถามชื่อมหาลัย ก้อตอบไป เค้าก้อเปิดดูเอกสารที่อยู่ในมือไปด้วยฟังไปด้วย เค้าดู transcript ผมอยู่นานแล้วก้อถามว่าผมเรียนจบเมื่อไหร่ก้อตอบไปแล้วก้อบอกว่าผมทำงานมา 2 ปี แล้ว เค้าก้อถามว่าทำที่ไหน เป็น Family business หรือเปล่า ก้อตอบว่าเปล่า เค้าก้อถามต่อว่าพ่อแม่เราจะเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนใช่มั้ยก้อตอบไปอย่างมั่นใจและห้วนๆว่า YESSS แล้วเค้าก้อถามต่อว่าพ่อแม่ทำงานอะไร ก้อบอกไปว่าเป็นข้าราชการทั้งคู่ จากนั้นก้อถามต่อ .......friend.......in US. ? ฟังไม่ทันอะว่าเค้าถามว่าอะไรแต่ด้วยความ self ครับทั่นผมเดาในใจว่าจะต้องถามประมาณว่ามีเพื่อนหรือญาติอยู่ในเมกาหรือเปล่า (คำถามยอดฮิตครับ เตรียมไว้แล้ว) ผมก้อตอบอย่างไม่ลังเลครับว่า NOOO (ทั้งๆที่ยังไม่ค่อยเข้าใจคำถามเท่าไหร่) จากนั้นเค้าก้อพลิกเอกสารไปมาแล้วก้อวงๆขีดๆในใบ DS-156 แล้วก้อหย่อนใบนัดสัมภาษณ์ที่ยืนไปตอนแรกคืนมา ตามด้วยเอกสารของเรา ตอนนั้นเข้าข้างตัวเองครับว่าผ่านชัวร์ และเค้าก้อพูดว่า ...........tuesday 2 pm. อีกแล้วครับทั้นฟังไม่ทันอีกแล้ว แต่คุณครับแค่ 5 พยางค์ท้ายที่ได้ยินก้อเพียงพอแล้วครับ หัวใจพองโตครับ เพราะว่า 2pm. มันเป็นเวลาของการมารับวีซ่า อิอิ. bank book ที่เตรียมมาก้อไม่ขอดู อุตส่าห์ไล่ update อยู่เนื่องๆ เงินก้อไม่กล้าถอนมาใช้ ต่อนะครับหลังจากนั้นอะรินดาลีนก้อเริ่มพรั่งพรูครับอยากไปวิ่งรอบสวนลุมสัก 8 รอบ
    3 นาทีแห่งความกดดัน+3 เดือนในการเตรียมตัว ผมเดินอย่างอารมณ์ดีออกจากสถานฑูต ระว่างเดินออกก้อผ่านแถวของผู้เข้ามายื่อวีซ่า ในใจก้อนึกขึ้นว่า "จะมีสักกี่คนน้าที่ชอบอ่านกระทู้ในไกลบ้านแล้วก้อกดดันตัวเองอย่างที่ผมเป็น" ผมเคยอ่านหลายกระทู้ครับที่แนะนำว่า be confident, be yourself. ก้อขอหนับหนุนสโลแกนนี้นะครับ สำหรับผมนี้อาจจะเป็นความพร้อมบวกกับความโชดดีของผมที่ทำให้ผมผ่านการสัมภาษณ์ครั้งนี้ไปได้

    สำหรับผู้ที่กำลังจะสัมภาษณ์วีซ่าผมก้อหวังว่าเรื่องราวของผมคงจะเป็นประโยชน์ต่อพวกคุณได้ไม่มากก้อน้อย ขอบคุณที่ช่วยอ่านจนจบ อย่าลืมนะครับ be confident, be yourself. and be Chill Chill -o-

    จากคุณ : Sleepless boy - [ 11 มิ.ย. 48 01:06:16 A:172.16.1.97 X:202.183.233.14 TicketID:098197 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป