สวัสดีค่ะพี่ ๆ เพื่อน ๆ
หนูเองค่ะ ขอโทษด้วยที่หายไปจากห้องนี้นานมาก ช่วงที่หายไปก็ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ เพียงแต่ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่แล้วก็มีเรื่องให้ทำมากขึ้นกว่าเก่า เช่นมีตลาดใหญ่ยักษ์อยู่ใกล้บ้านให้เดินไปช้อปปิ้งได้ทุกวัน แถมย้ายบ้านมาได้ไม่เท่าไหร่แม่ก็มาเยี่ยม(แม่หนูอยู่สวีเดนกับแฟนที่หนูหาให้ทางเน็ต) หลังจากนั้นหนูก็ไปเที่ยวเมืองไทยมาเกือบเดือน นี่เพิ่งกลับมาตั้งสติได้หลังจากเจ็ทแหลกมาทั้งอาทิตย์ค่ะ
กลับไปเมืองไทยคราวนี้หนูขอแฟนกลับไปคนเดียวก่อนสิบวัน เพื่อไปทำธุระส่วนตัว พบปะเพื่อน ๆ และพักผ่อนเป็นการส่วนตัว หลังจากนั้นแฟนจึงตามไปด้วยเพื่อเที่ยวพักผ่อนด้วยกันสองอาทิตย์ แล้วจึงกลับมาด้วยกัน รวมแล้วหนูก็ไปเที่ยวมาเกือบสี่อาทิตย์
สิบวันแรกของหนูก็หมดไปกับการพบเพื่อน ๆ ค่ะ ช่วงแรกหนูไปพักกับเพื่อนสาวจากอัมสเตอดัมที่อพาร์ทเม้นท์ของหล่อนแถบ ๆ อนุสาวรีย์ชัยฯ อยู่ไปได้ไม่กี่วันหล่อนก็ย้ายไปอยู่บ้านที่เพิ่งตบแต่งเสร็จแถวรามอินทรา หนูรู้สึกว่าไกลเกินไปจึงเช่าโรงแรมแถว ๆ ถ.พระราม 6 อยู่คนเดียว
หนูเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิดค่ะ แต่ต้องเรียกว่าโดยกำเนิดจริง ๆ เพราะไม่มีญาติโกโหติกาที่จะไปพักอาศัยด้วยได้เลย เพราะญาติ ๆ เป็นคนต่างจังหวัดกันหมด หนูอาศัยกับแม่มาตลอดตั้งแต่เด็กในแฟลตเล็ก ๆ ย่านฝั่งธนฯ พอโตขึ้นมาก็แยกจากแม่(ซึ่งอยู่กับสามี) มาอยู่กับแฟน(เก่า-ขณะนี้ได้กลายเป็นญาติสนิทกันไปแล้ว)มาตลอดเจ็ดปี จนย้ายมาอยู่อัมสเตอดัมนี่ ทำให้เมื่อกลับไปต้องไปอาศัยอยู่กับเพื่อนหรือเช่าโรงแรมอยู่ดังที่เล่าค่ะ(แฟนใหม่ไม่อนุญาตให้พักกันแฟนเก่าค่ะ)
ส่วนแม่ของหนูเธอระเห็จไปอยู่สวีเด็นได้ยังไงนี่เดี๋ยวหนูขอเก็บไว้เล่าทีหลังนะคะ(เป็นการเรียกเรตติ้งไปด้วยในตัว)
เพื่อนเก่า ๆ ที่หนูไปเยี่ยมก็เป็นเพื่อนสนิท ๆ มีตั้งแต่เพื่อนสมัยประถม เพื่อนมัธยม เพื่อนมหาลัย เพื่อนที่ทำงานและเพื่อนบ้าน ดีใจที่แต่ละคนก็มีชีวิตเรื่อย ๆ ตามที่เคยเป็น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ มากนักเช่นไม่มีใครแต่งงาน ไม่มีใครท้อง(อันนี้คงเดาได้ว่าเพื่อนหนูส่วนใหญ่เป็นกะเทยเหมือนกัน) แต่ก็มีที่เปรี้ยว ๆ บ้าง อาทิเช่นเพื่อนคนนึงเพิ่งถอยรถยนต์มาใช้ได้เดือนเดียวและชนไปสามครั้งแล้ว ส่วนเพื่อนกะเทยอีกคนสิ้นสติถึงกับจะยอมแต่งงานกับเพื่อนผู้หญิงเพื่อหวังจะได้รับการยอมรับจากที่บ้าน เฮ้อ...
ส่วนธุระที่ทำก็มีเรื่องการเตรียมให้น้องชายมาเที่ยวยุโรป เนื่องจากแม่อยากให้น้องชาย(ซึ่งอยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็ก)ได้ไปเที่ยวสวีเดน หนูจึงต้องเตรียมการต่าง ๆ ให้ เช่นจัดหาเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ให้เข้ากับการเดินทาง และซื้อหาของฝากให้น้องหิ้วไปให้แม่(หมดไปหลายตังก์) พร้อมกันนั้นน้องชายก็อาราธนาตัวเองมาอาศัยอยู่กับหนูด้วยซะเลย จนวันที่แฟนเดินทางมาถึงจึงต้องไล่ให้กลับไปอยู่กับพ่อ(ซึ่งหนูไม่สนิทด้วย) อย่างไรก็ตามสองสามวันต่อมาน้องชายก็เดินทางไปสวีเด็นได้โดยสวัสดิภาพ
เมื่อแฟนมาถึง เราถึงได้ออกเดินทางจากกรุงเทพกัน โดยกติกาเดิมคือเช่ารถจากบริษัทรถเช่าแล้วขับไปเรื่อย ๆ โดยวันแรกที่ออกมาจากกรุงเทพ เราไปเที่ยวกันแถบเมืองสมุทรสงคราม ช่วงนี้ที่นั่นกำลังบูมเรื่องทัวร์หิ่งห้อยค่ะ หนูก็เลยพาแฟนไปดูด้วยหวังกระตุ้นต่อมโรแมนติกของชีวิตคู่ที่เนิบนาบกันมาได้สักพักให้กลับมาปิ๊งปั๊งอาบูดาบีกันอีกรอบ
แถบแม่กลองนี้มีวัดเล็ก ๆ น่ารักๆ หลายวัดค่ะ ที่ชอบก็มีวัดอัมพวัน วัดบางกุ้ง วัดปากน้ำ บ่ายวันเดียวก็เที่ยวได้ทั้งเมืองแล้ว ตกกลางคืนก็นั่งเรือชมหิ่งห้อย เหมาเรือหางยาวไป 800 บาทจะเข้าคลองได้ แต่ถ้าเป็นเรือใหญ่จะทานข้าวในเรือได้เลย ราคาก็เท่ากันแต่เรือใหญ่จะเข้าคลองไม่ได้ค่ะ
หิ่งห้อยที่เห็นคราวนี้นับว่าตื่นตาตื่นใจกว่าคราวก่อนที่เคยไปดูมาก เนื่องจากเป็นหน้าฝนที่จะมีหิ่งห้อยเย้อ...มาก แถมโรแมนติกกว่าเพราะไปดูกับคนรู้ใจ คืนนั้นนอนหลับฝันดีค่ะ
วันรุ่งขึ้นโชคดีเป็นวันติดตลาดน้ำท่าคา ซึ่งจะติดทุกวัน 2, 7 และ 12 ค่ำเท่านั้น หนูกับแฟนเลยมีบุญตาได้เห็นตลาดน้ำดั้งเดิมออริจินอลเป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากที่เคยเห็นแต่ตลาดน้ำทัวริสต์แทร็ปที่หนูเคยพาทัวร์ไปลงอยู่บ่อย ๆ เมื่อครั้งยังทำงานเป็นไกด์
ตลาดน้ำท่าคาเป็นที่นัดพบของชาวบ้านในแถบบางคนทีค่ะ แต่ละคน(ส่วนใหญ่เป็นแม่บ้าน)จะแต่งเนื้อแต่งตัวกันมาเต็มยศพอกทองหยองกันปุกปุยเม้าท์แตกเม้าท์แตนเรื่องสามีคนโน้นมีชู้ ลูกชายบ้านนั้นบวช ลูกสาวบ้านนี้เรียนจบรับปริญญา เม้าท์กันเบื่อแล้วก็ซื้อข้าวของของกันและกันพอเป็นพิธี ก่อนจะพายไปเม้าท์กับเรือลำถัดไป นั่งดูนั่งฟังเค้าเม้าท์กันพร้อมกับกินก๋วยเตี๋ยวเรือไป แถมต้องช่วยเจ้าของเรือที่เรานั่งอยู่ขายมะละกอจากสวนแกไปพลาง มันเป็นประสบการณ์น่ารักที่หนูและแฟนรู้สึกประทับใจจริง ๆ แม้จะแปลกใจที่ตลาดน้ำแห่งนี้ไม่มีนักท่องเที่ยว(แม้แต่ชาวไทย)มาเที่ยวเลย ทั้งที่อยู่ไม่ห่างจากตลาดน้ำทัวริสต์แทร็ปนัก แต่เราก็ดีใจที่ตลาดน้ำแห่งนี้ยังคงรักษาความบริสุทธิ์และสวยงาม รอดพ้นจากแคมเปญโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาได้อย่างที่มันเป็นค่ะ(เวลาอ่านกรุณาทำเสียงสั่น ๆ แบบน้ำตาคลอ ๆ ด้วยนะคะ)
หอบผักผลไม้เป็นกระบุงขับรถต่อไปหัวหิน ที่หัวหินเรามีโรงแรมที่ไปพักประจำอยู่แถวเขาตะเกียบค่ะ เป็นบ้านทรงเห็ดฮิป ๆ ที่กำลังดัง ตอนนี้กิจการเจริญรุ่งเรืองเปิดเป็นรีสอร์ทสปาไปด้วยแล้ว เอาผลไม้ที่ช่วยชาวบ้านซื้อไปแจกแม่บ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ทักกันใหญ่ว่าหนูขาวขึ้นนะ ไปทำอะไรมา หนูบอกใช้พอนด์สกินไว้ทเทนนิ่งมอยซ์เจ้อไร้เซอร์ซุปเปอร์พาวเดอร์เดอลาแมร์ค่ะป้า เอิ๊ก ๆ ๆ
หัวหินก็ยังเป็นถิ่นมนต์ขลังเหมือนเดิม... ยิ่งขลังเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อถนนเส้นหลักทำเสร็จแล้วหลังจากที่ขุด ๆ ทำๆ มาหลายรอบ ร้านเปิ้ลซีฟู้ดก็ทำอาหารอร่อยเหมือนเดิม ตลาดฉัตรไชยก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ปูม้านึ่งชะอำก็ยังอร่อยเหมือนเดิม เอ...มันชักจะเดิม ๆ ไปกันใหญ่แล้วหรือเปล่า หาอะไรฉีก ๆ ทำบ้างดีกว่า เดินไปเดินมาก็เลยพบบริษัททัวร์ขายตั๋วไปเกาะเต่า อย่ากระนั้นเลย ไปเกาะเต่ากันดีกว่าจ้า
(ช่วยตามไปอ่านในเอ็ปปิโสด 2 กันหน่อยนะค้า)
จากคุณ :
กะเทยไทยในอัมสเตอดัม
- [
29 มิ.ย. 48 08:53:53
A:84.86.99.71 X: TicketID:077778
]
เที่ยวเมืองไทย Episode I
จขกท.ขอรูปภาพประกอบการบรรยายด่วนค่า อิอิอิ