ความคิดเห็นที่ 1 ดูเหมือนกันค่ะ รแต่คิดว่าเค้าน่าจะไม่น่าตั้งชื่อเรื่อง เมียฝรั่งเลย (เพราะเราภรรยาเบลเยี่ยม) ล้อเล่นค่ะ น่าจะใช้ชื่ออื่นเนอะ ๆ จากคุณ : monzy - [ 3 ก.ค. 48 23:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คงต้องบอกว่าผู้ชาย ไม่ว่าฝรั่งหรือไทย ก็มีทั้งคนดีและไม่ดี  ค่าของเงินของพวกฝรั่งต่างชาติอาจมีค่ามากกว่า ค่าเงินบาทของไทย  แต่ค่าของคนเราเสมอภาพเท่าเทียมกัน ไม่ว่าชายไทย หรือชายฝรั่งเมื่อมองผู้หญิงทำงานในบาร์ หรือโสเภณี ก็ไร้ค่าเช่นเดียวกัน ชายฝรั่งเมื่อมาเที่ยวบาร์ในเมืองไทยใช้เงินแค่เพียงเล็กน้อยกับการหาความสุขชั่วครั้งคราวก็เหมือนผู้ชายไทยที่ชอบเที่ยวผู้หญิงเหมือนกัน  แต่อาจให้เงินมากกว่าเล็กน้อย เพือนสามีดิฉันเองหนุ่มอังกฤษ ตอนที่ยังเป็นโสดเคยไปเที่ยวเมืองไทย 2-3 ครั้ง ไกด์พาไปเที่ยวในบาร์ เจอโสเภณีคนหนึ่ง หน้าตาสวยน่ารัก  และเกิดนึกชอบ ก็เลยติดต่อกัน คบหาเที่ยวด้วยกัน 2-3 ครั้ง และให้เงินไว้ใช้ เพราะสงสาร  เห็นใจ เธอบอกว่าที่ต้องมาทำงานในบาร์เพราะ สามีทิ้ง มีลูกต้องเลี้ยงดู มีพ่อแม่ต้องสงเสีย และญาติพี่น้องมากมายต้องให้ความช่วยเหลือ  (ดิฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนเหล่านั้นพิการ หรืออย่างไร ทำไมไม่หาเงินเลี้ยงตัวเอง ต้องให้เธอผู้เดียวนั้นเลี้ยงดู... หรือเป็นเพียงข้ออ้างของพวกโสเภณี เพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร น่าเห็นใจ  ... และดิฉันคิดว่าผู้หญิงอาชิพสุจริตอื่นๆมีเบื้องหลังที่ต้องรับผิดชอบอยู่เหมือนๆกัน ผู้หญิงอีกมากมาย  ที่ต้องทำงานหลังขดหลังแข็งเลี้ยงดูพ่อแม่ และลูก )    หลังจากกลับมาที่อังกฤษ ผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงพยายามติดต่อเพื่อนสามีดิฉัน อยู่เสมอๆ  โดยทางโทรศัพท์ และ อีเมล์  ..... เพื่อนสามีเป็นคุณหมอ พอมีหน้า มีตาในสังคม มีญาติพี่น้องเป็นทั้งอาจารย์  และรับราชการ  ..... เขารู้สึกอายถ้าหากญาติพี่น้องรู้ว่าแอบไปเที่ยวบาร์ที่เมืองไทย  หลังจากนั้นเพื่อนสามีจึงได้บอกกับเธอไปว่าอย่าได้พยายามติดต่อไปอีกเลย  เพราะเขาไม่สามารถเป็นแฟนกับเธอได้  แล้วความสัมพันธ์คงไม่สามารถสานต่อไปได้ เพราะเธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงบาร์  จะให้บอกญาติพี่น้อง  เพื่อนฝูงในสังคมของเขาว่าอย่างไร ถ้าพวกเขารู้ว่า  เขาได้แฟนเป็นผู้หญิงบาร์ หรือโสเภณี  .......................................... ที่เล่าให้ฟังอยากจะให้เห็นว่า  ผู้ชายดีๆ  ไม่ว่าไทย  หรือฝรั่ง เมื่อมองดูผู้หญิงโสเภณีคนหนึ่ง  ได้แค่สงสาร และ เห็นใจ  แต่คงไม่อยากเอามาเป็นแฟน เป็นเมีย หรือเป็นแม่ของลูกเขาในอนาคตได้  นี้คือความคิดของผู้ชายฝรั่งคนหนึ่ง  ซึ่งมีความรู้ดี  หน้าที่การงานดี ครอบครัว และ สังคมดี มองผู้หญิงโสเภณีไทยคนหนึ่ง  ก็แค่น่าสงสาร เห็นใจ  .... (แต่ไร้ค่า) ในฐานะผู้หญิงไทย หรือผู้หญิงด้วยกันไม่ได้โกรธเขา  เพราะความรู้สึกนี้  ไม่ว่าชายไทย หรือ ชายฝรั่ง   ก็คงจะมองด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน  คงหาไม่ง่ายที่จะมีพ่อพระคนหนึ่ง  มิได้รู้สึกอะไรเลยที่จะบอกใครต่อใครว่า  “แฟนฉันเคยทำงานเป็นโสเภณีที่เมืองไทยมาก่อน” นี่คือ คำบอกเล่าของเพื่อนสนิทสามี  ........  คงอยากจะเตือนคนที่คิดว่าทำงานอาชีพนี้แล้ว จะมาเจอผู้ชายดีๆ  โอกาสมีน้อยมากที่เขาจะเอามาไว้เป็นภรรยา .... นอกจากความสนุกชั่วครั้งคราว หลังจากนั้นดิฉันได้แอบกระซิบถามสามีดิฉันว่า   ........... เธอแอบไปเที่ยวโสเภณีมากับเขาหรือเปล่า.............. จากคุณ : Khemmarassamee - [ 4 ก.ค. 48 00:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาสนับสนุนความเห็นที่ 2 ด้วยค่ะว่า ฝรั่งดีๆ ที่มีการศึกษา มีการงานที่ดี มีหน้าตาดีในสังคม มีความคิด ส่วนมากเค้าไม่เอา ผู้หญิงที่มีอดีตคาวๆ โสเภณีมาเป็นภรรยา ดิฉันเคยมีประสบการณ์จังๆ แบบควหที่ 2 แต่โชคร้ายกว่าด้วย เพราะหลังจากแฟนบอกเลิกผู้หญิงบาร์คนหนึ่งไป เพราะว่าแฟนเจอผู้หญิงที่ทำงานปรกติทั่วไปอย่างดิฉัน ผู้หญิงบาร์คนนี้ถึงกับตามราวีดิฉันและแฟนอย่างไม่ลดละ ถึงขนาดออกอุบายเอาโทรศัพท์มือถือแฟนดิฉัน ไปโทรหาดิฉันหลอกว่าแฟนมีเรื่องที่บาร์ที่เธอทำงาน แต่โชคดีเบอร์ที่ผู้หญิงคนนี้โทรไปหาไม่ใช่ดิฉันแต่เป็นเพื่อนของแฟนอีกคนหนึ่ง พอเพื่อนแฟนไปถึงบาร์ที่เธอทำงานอยู่ ผู้หญิงคนนี้ก็ลากเพื่อนแฟนดิฉันไปตบตีทำร้ายร่างกายที่หลังร้าน เพื่อนแฟนดิฉันต้องนอนโรงพยาบาลไป 3 วัน แต่โชคดีที่เพื่อนแฟนดิฉันไม่เอาเรื่องผู้หญิงบาร์ข้างถนนคนนี้ หลังจากนั้นผู้หญิงบาร์คนนี้ยังไม่หยุดที่จะระรานดิฉันกับแฟน 1 ปีให้หลังจากที่แฟนเจอเธอ เธอโทรมาหาแฟนดิฉันถึงต่างประเทศและดิฉันก็อยู่กับแฟนด้วย เธอโทรมาบอกว่าเธอท้องและตอนนี้ได้คลอดลูกออกมาแล้วและเด็กคนนี้คือลูกของเธอกับแฟน แฟนดิฉันมั่นใจว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเค้าอย่างแน่นอนเพราะตอนที่มีสัมพันธ์กับเธอ แฟนดิฉันป้องกันและแฟนดิฉันคบกับเธอเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ ดิฉันหมดความอดทนจึงคว้าโทรศัพท์มาพูดเองว่า ดิฉันกับแฟนมั่นใจว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของแฟนดิฉันอย่างแน่นอน และจะขอตรวจดีเอ็นเอ และถ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของแฟนดิฉัน ดิฉันกับแฟนจะฟ้องเรียกค่าเสียหายให้ถึงที่สุด ผู้หญิงบาร์คนนี้จึงเลิกราวีความสุขในครอบครัวดิฉันไป จากคุณ : บุ้ง - [ 4 ก.ค. 48 00:56:22 A:62.194.50.191 X: TicketID:103125 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โห..เห็นความเห็นแต่ละท่านก็ทั้งน่ากลัวและน่าสงสารเหมือนกันค่ะ ได้อ่านกระทู้แล้วหดหู่ใจเหมือนกัน แต่ไม่รุ้ว่าจะไปหยุดความเชื่อแบบนั้นได้ยังไง เพราะเคยได้ยินมาว่าบางหมุ่บ้านเด็กสาวๆ อยากทํางานที่บาร์ต่างๆ มันเป็นความสมัครใจเองอ่ะค่ะ ส่วนพ่อแม่ พอเห็นลูกสาวคนอื่นมีสามีเป็นฝรั่ง(ไม่ว่าสามีชั่วคราวหรือถาวร) มีเงิน สร้างบ้าน ซื้อรถ ก็เลยยุลูกเองบ้าง ดิฉันรู้จักพี่ที่ทํางานเก่า เค้าบอกว่า เพื่อนแม่มีสามีฝรั่ง แม่เลยฝากรูปพี่เค้า ไปให้เพื่อนหาสามีฝรั่งให้ลูกสาว (โดยที่พี่คนนี้ไม่รู้) ฝรั่งคนนึงอายุมากกว่าพี่คนนี้ 3 ปีเห็นรูปก็ชอบทันที จะซื้อเสื้อผ้าให้ พอแม่ทราบข่าวก้ตื่นเต้นจนเก็บเป็นความลับไม่ได้ เลยบอกพี่คนนี้..พอพี่เค้ารู้ก็โกธรมากๆ เพราะพี่เค้ามีแฟนอยู่แล้วเป็นคนบ้านเดียวกัน    หลังจากนั้นพี่เค้ารีบหนีไปแต่งงานกับแฟนคนไทยเลยค่ะ ส่วนแม่ก็ด่าลุกสาวทุกวันว่า โง่มั้ง ใฝ่ตํามั้ง ตอนนี้พี่เค้ามีลุก2คน ฐานะก็พออยู่พอกิน มีส่งให้แม่ไม่มาก แม่ก้ยังพูดอยู่ทุกวันนี้ว่า ถ้าวันนั้นพี่เลือกฝรั่งแม่คงสบายกว่านี้         อย่างน้อยก็มีบางส่วนที่เลือกเดินทางของตัวเอง ท่ามกลางความไม่พอใจของครอบครัว จากคุณ : bellemaman - [ 4 ก.ค. 48 05:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราเป็นคนอิสาน แล้วก้อเป็นคนหนึ่งที่แต่งงานกันคนอเมริกันด้วยความรัก เราสองคนอายุยังน้อย แฟนเราไม่รวยและเราไม่เคยคิดที่จะไห้แฟนมารับผิดชอบเราหรือครอบครัวเหมือนกับที่ผู้หญิงหลายๆคนทำอย่างที่เป็นข่าวและเรายอมรับว่ามันมีอยู่จริง เมื่อได้เห็นข่าวเกี่ยวกับเรื่องหญิงไทยที่มีแฟนต่างชาติ หรือพวก เมียฝรั่ง มันทำไห้สะเทียนใจเราทุกทีเลยและเราเชื่อว่าผู้หญิงดีๆ อีกหลายๆคนที่อยู่ในสถานะเดียวกันกะเราก้อคงจะรู้สึกสะกิดใจบ้าง เราเคยเข้าไปอ่านเว็บของคู่สร้างคู่สมนะ หลังจากที่ได้ยินข่าวทางทีวี เราอยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า พอได้เข้าไปอ่านแล้วสุดๆไปเลยอ่ะ เสียความรู้สึกมาก สาวบาร์หลายคนที่ได้แต่งงานไปอยู่ต่างประเทศทำตัวไห้เสื่อมเสียชื่อเสียงของความเป็นคนไทย บางคนแต่งงานแล้วตอนที่สามีไปทำงานแอบไปขายตัว ประพฤติตัวแย่ๆ ทำไห้คนต่างชาติมองผู้หญิงไทยในแง่ลบ เราไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าพวกเค้ามี สามัญสำนึกบ้างมั้ย ต่อประเทศชาติ ต่อความเป็นผู้หญิงไทย และต่อตัวของพวกเค้าเอง การที่ทุกคนไม่ได้มาจากที่ๆเริ่ดหรู เพียบพร้อมนั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องทำตัวแย่ๆ เหมือนจากสถานที่ๆคุณมา คนเราสามารถรู้ได้ว่าอะไรถูก อะไรผิดและทำตัวเองไห้มีค่าได้ คนที่กำลังทำไห้ประเทศชาติต้องถูกย่ำยีคุณควรสำนึกไว้ว่าคุณทำผิดต่อคนไทยทั้งประเทศ ต่อผู้หญิงไทยคนอื่นที่ถูกมองในแง่ลบทั้งๆที่พวกเค้าไม่ใช่ พวกชนกลุ่มน้อยพวกนั้นที่ทำลายชื่อเสียงประเทศ สำนึกรักชาติไทยกันมั่งเถอะค่ะ จากคุณ : scooter - [ 4 ก.ค. 48 05:21:32 A:69.137.75.186 X: TicketID:101340 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตั้งกระทู้ได้โดนใจมากค่ะ ตัวเองเป็นคนอิสานแต่กำเนิด หมู่บ้านที่เกิดก็นิยมสามีฝรั่ง บางคนถึงกับจ่ายเงินให้นายหน้าเพื่อจะหาสามีฝรั่ง ยืมเงินชาวบ้าน ขายนาเพื่อจะใด้ลูกเขยฝรั่ง ส่วนตัวแล้วไม่ใด้ชื่นชอบหรือนิยมที่จะซื้อหาสามีฝรั่ง เป็นคนรักเรียน ดิ้นรนเพื่อจะใด้ปริญญา ทั้งทำงานทั้งเรียนจนจบเป็นที่ชื่นชมของพ่อแม่ แต่ชาวบ้านไม่นิยมชมชอบก่ะคนที่ไฝ่เรียน บางคนเดินจะชนเรายังไม่มองหน้า แล้ววันหนึ่ง เราแต่งงานโชคดีหรือ ร้าย แฟนดันเป็นฝรั่งที่คบหากัน เกือบ3ปีโดยไม่ตั้งใจ ไม่ตั้งใจจะมีแฟนฝรั่ง ตอนเรียนมหาลัยไม่มีเงินเรียนภาษา เพราะคอส หนึ่งแพงมากก็เลยหาเพื่อนแชททางเน็ต คุยเรื่อยๆแบบเพื่อน อยู่3ปี อยู่ๆก็โผล่มา ตกลงก็เลยมีแฟนฝรั่งโดยไม่ตั้งใจ คบหากันสักพัก แน่ใจว่าใช่ก็เลยพาแฟนไปพบ พ่อก่ะแม่ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าคงดีใจที่เรามีแฟนฝรั่งแต่เรารู้ว่าพ่อเราไม่พอใจเลย ไม่พอใจที่ลูกสาวมีแฟนฝรั่ง ตอนเราแต่งงานพ่อไม่จัดงานแต่งให้เราด้วยซ้ำแต่เราก็ทำทุกอย่างถูกต้องโดยจดทะเบียนแล้วย้ายตามแฟนเรามาอยู่ต่างประเทศ แต่สิ่งที่ทำให้เราเบื่อที่สุดคือ ชาวบ้าน จากเมื่อก่อนเราเดินชนยังไม่ทัก ตอนนี้เราเดินแอบเค้ายังร้องทักเลย เพราะฝรั่ง เราเสียใจนะยิ่งทักมากก็ยิ่งทำให้เรารู้จักตัวตนของชาวบ้านมากขึ้น เราจะดีใจมากถ้าเค้าจะชื่นชมตอนเราเรียนจบมหาลัย ตอนเราสอบเข้างานรัฐบาลใด้ ไม่ใช่ชื่นชมที่เรามีสามีฝรั่ง ที่เค้าเข้ามาเพราะต้องการให้เราหาฝรั่งไปแต่งงานก่ะลูกก่ะหลานเขา เราบอกเค้าอย่างเดียวว่าให้ลูกหลานไปโรงเรียนเถอะให้เรียนสูงๆจะได้เลือกทางเดินของตัวเองใด้ เพราะตอนเรามาอยุ่ ต่างประเทศปีแรก เรารู้ว่าสายตาของคนที่นี่มองเรายังงัย... "เค้ามองว่าเรามาจากซ่องไหน ของเมืองไทย" ถ้าเราไม่มีการศึกษาคิดดูว่าชิวิตเราจะเริ่มต้นยังงัยที่ต่างประเทศ หลายคนถึงกับแปลกใจเพราะเค้าชินก่ะผู้หญิงไทยอย่างว่า พอเจอเราเค้ามองผู้หญิงไทยดีขึ้น ตอนนี้ก็พยายามทุกครั้งที่มีโอกาศ ที่จะช่วยให้เด็กผู้หญิงที่หมู่บ้าน เห็นคุณค่าของการเรียน บอกทุกคนว่าการเรียนคือรากฐานของชีวิต ไม่ใช่สามีฝรั่ง อยู่นี่มา3ปี ยังไม่กล้ากลับบ้านเลย ใครคิดถึงก็ส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ ปีที่แล้วแม่มา ปีนี้ น้องสาวมา แต่ที่แน่ๆ พ่อไม่ยอมมาค่ะ ถึงจะมาจากหมู่บ้านนิยม สามีฝรั่ง แต่นี่คือข้อพิสูจน์ว่าไม่ทุกคนค่ะ พ่ออายที่มีลูกเขยฝรั่ง........ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 48 07:48:56 จากคุณ : menzel - [ 4 ก.ค. 48 06:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อยากจะบอกสมัยนี้ไม่ใช่เฉพาะคนที่อยู่ทางภาคอีสาน หรือตามหมู่บ้านที่อยากได้ลูกเขยฝรั่งเพื่อให้ชีวิตตัวเองสบาย เด็กในกรุงเทพที่มีการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยรัฐดังๆ ก็ดิ้นรนที่จะมีแฟนฝรั่ง บางคนสัญญากับตัวเองเลยว่าถ้าชาตินี้ ไม่ได้แฟนฝรั่ง ก็จะไม่แต่งงาน บางคนยอมโดดเรียนเพื่อมาแชทกับฝรั่ง หรือพยายามหาเว็บที่ฝรั่งเข้าเยอะๆ จะได้คุย เพื่อโชคดีขึ้นมา ใครจะรู้ ตัวเองได้มีโอกาสไป Work & Travel กับเพื่อนอีกคนจากมหาลัยดังในกรุงเทพ แม้ว่าจะได้เรียนในที่ดีๆ แต่การประพฤติตัวของเธอ สำหรับคนไทย เรียกว่ารับไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้เป็นเพื่อนเขามาก่อน เราก็คงคิดเป็นอย่างอื่น เธอก็พูดเพียงว่า "อยู่อเมริกา ไม่มีใครเค้าแคร์นี่ คนไทยก็ไม่มี" อย่างนี้ฝรั่งเค้าก็คงเหมารวมไปว่าคนไทยต้องเป็นอย่างเธอแน่ๆ จากคุณ : yummy_hashbrown - [ 4 ก.ค. 48 10:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านทู้นี้แล้วเกิดคำถามว่า...บรรดาสาวไทยที่ว่าเขาไปหาสามีฝรั่งกันที่ไหน ทำไมแต่งงานแล้ว รวยขึ้น ทำไมเราไม่เห็นรวยขึ้น มีเงินไปซื้อให้พ่อแม่มากมายมหาศาลอย่างนั้นบ้างเลยฟระ เอิ๊กๆๆๆ -- คิดเล่นๆนะคะ อย่าซีเรียสกะดิฉัน อิอิ จริงๆก็เป็นห่วงกับค่านิยมนี้เหมือนกัน และคิดว่าฝรั่งหลายคนก็โดนผู้หญิงไทยหลอก และผู้หญิงไทยโดนฝรั่งหลอกก็มี หลอกกันไปหลอกกันมา เห็นด้วยว่าการศึกษาสำคัญที่สุด ที่จะช่วยยกระดับความคิดของผู้หญิงไทย และมองเห็นช่องทางการทำมาหากินที่ถูกต้อง สามีดิฉันบอกกับพ่อแม่ดิฉันวันไปสู่ขอว่า...ขอบคุณที่ให้การศึกษาดิฉัน เพราะถ้าดิฉันไม่มีการศึกษาที่ดีเขากับดิฉันคงไม่มีโอกาสพบกัน และเข้าใจกัน...เพราะคงคุยกันไม่รู้เรื่อง อิอิ สนับสนุนถ้าผู้ชายต่างชาติเขารักจริงและจริงใจช่วยเหลือผู้หญิงไทยที่มีชีวิตลำบากให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ไม่สนับสนุนค่านิยมของพ่อแม่ หรือหญิงไทยที่คิดง่ายๆแค่ว่าอยากมีสามีต่างชาติเพื่อเงิน ถ้าคิดกันอย่างนี้ก็ไม่ต่างจาก พวกตกเขียวในภาคเหนือ ที่พ่อแม่ยินดีขายลูกสาวเพื่อมาขายตัว จากคุณ : ปอมปอมเกิร์ล - [ 4 ก.ค. 48 11:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คิดเหมือนคุณปอมปอมเกิร์ลเปี๊ยบเลยจ้ะ สงสัยเหมือนกันว่าสาวซินเดอเรลลาไทยพวกนี้ไปหาปั๋วฝรั่งรวย ๆ มาจากไหน ตาอ้วนของดิฉันจ๊น จน ขนาดทำงานกันทั้งสองคน จะใช้จ่ายอะไรก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีก ถ้าอยากปลูกบ้านหลังใหญ่ ๆ อวดญาติพี่น้องที่เมืองไทย สงสัยว่าดิฉันคงต้องจัดการเอง ค่านิยมแบบนี้ น่าจะได้ิอิทธิพลมาจากละครน้ำเน่าที่ออกอากาศอยู่ที่บ้านเรานะคะ ประเภทนางเอกจ๊น จน มาเจอพระเอกร๊วย รวย แล้วพระเอกก็ตกหลุมรักนางเอก หลังจากที่ทำงอนไปงอนมาสักพัก แล้วนางเอกก็แต่งงานกับพระเอก กลายร่างจากนังแจ๋วเป็นคุณนาย แต่ละครไม่เคยทำภาคต่อ หลังจากที่นางเอกติดตามพระเอกฝรั่งมาอยู่เมืองนอกเมืองนา นางเอกต้องไปตกระกำลำบาก ทำงานในสภาพที่ตัวเองไม่คุ้นเคย (ถ้าโชคดีหางานทำได้) อาทิตย์ละสี่สิบถึงห้าสิบชั่วโมง เพื่อหาสตางค์ส่งไปให้พ่อแม่พี่น้องที่นั่งรอความอุปถัมภ์กันเป็นแผงอยู่ที่เมืองไทย  ก็พระเอกฝรั่งไม่เข้าใจวัฒนธรรมการส่งเสียเลี้ยงดูสักหน่อย นางเอกบางคนก็ต้องเม้ม ๆ แอบส่งไปเมืองไทย ขืนส่งเปิดเผยให้พระเอกรู้มีหวังบ้านแตก เพราะพระเอกถือว่า เงินใครหามา ก็คนนั้นใช้ ไม่มีสาเหตุอะไรที่ต้องส่งให้คนที่ไม่ได้ช่วยหา พอนางเอกมีโอกาสกลับไปเยี่ยมญาติพี่น้องที่เมืองไทย ก็ต้องโม้เสียหน่อยว่า อยู่เมืองนอกนี้มันสบายนักหนา สามีก็รักและตามใจให้เงินใช้อย่างเหลือเืฟือ ก็อุตส่าห์เป็นนางเอกทั้งที จะไปบอกเพื่อนบ้านได้ไงว่าำทำงานหนักจนกระดูกแทบจะออกมานอกเนื้อ เพราะว่าไอ้ปั๋วฝรั่งมันขี้เหนียว บอกอย่างนี้มันก็เสียภาพพจน์นางเอกหมด จากนั้นละครชีวิตของนางเอกของเราก็กลายเป็นแรงบันดาลให้ใจนางเอกฝึกหัดรุ่นต่อ ๆ ไปในหมู่บ้านเดินตามรอยเท้า .....แหม ดิฉันนี่วิเคราะห์ปัญหาได้เฉียบขาดชนิดอาจารย์อัมมาร สยามวาลา ต้องได้อายไปเลยทีเดียว เอิ๊ก เอิ๊ก.... แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 48 17:51:39 จากคุณ : A-Chee - [ 4 ก.ค. 48 16:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กร๊ากกกกก ขําความเห็นคุณ A-Chee จังเลยค่ะ แหม เล่าได้เห็นภาพเลยอ่ะ นางเอก อิอิอิอิ คุณmenzel อ่านคห คุณแล้วคิดถึงพ่อตัวเองเลย ตอนเลยพ่อดิฉันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ พามาแนะนําตัว ไม่มองหน้า ไม่ยิ้ม ไม่อะไรทั้งสิ้น จนสามีตัวลีบเลย แต่ตอนนี้ นางเอกกับพระเอกก็พิสูจน์รักแม้จนท่านคุณพ่อใจอ่อนแล้วค่ะ ส่วนดิฉันมาอยู่ที่นี้ ไม่เคยมีใครดูถูกเลยค่ะ เค้ากลับชอบ เค้ามาคุยด้วย บางคนก็คุยอังกฤษไม่ได้ ยังพยายาม งูๆปลาๆกับเราเลย เพราะเค้าชอบเมืองไทย อยากรู้เรื่องอาหาร ยิ่งเราเพ้นท์เล็บเป็นนะ มันอเมซิ่งมากๆ แถมเอาใจเรา อยากให้เพ้นท์ฟรีๆ อยากให้สอนอีกตั่งหาก เคยเดินกับสามีที่เมืองไทยก็ไม่ถูกมองอะไร แต่มีแท็กซี่ที่พูดกวนๆ ที่จริงคนส่วนใหญ่เค้านึกว่าดิฉันเป็นฟิลิปปินส์ค่ะ เพราะเพื่อนๆฝรั่งก็มองว่าเหมือนสาวฟิลิปปินส์ จากคุณ : bellemaman - [ 4 ก.ค. 48 17:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขออนุญาตแจมนะคะ หนูไม่เห็นด้วยกับการที่พี่จขกท.และใครสักคนที่เป็น"เมียฝรั่ง"ซะเองจะไปเจ้ากี้เจ้าการไม่ให้เด็กหญิงอื่น ๆ เค้าอยากมี"ผัวฝรั่ง"บ้างน่ะค่ะ ไม่เห็นเหตุที่พี่จะไปขวางกั้นเค้า อีกอย่างหนูก็ไม่เคยรู้สึกว่าการมีผัวฝรั่งมันจะไม่ดีตรงไหนเลย เคยอ่านจากพี่บางคนในห้องนี้ที่เขียนได้โดนใจมาก ว่า"ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ไม่ว่าชาติไหนมันก็เลวเหมือนกันหมด ถ้าได้ผู้ชายเลว ๆ ที่มันจน ๆ แล้วก็สู้ได้ผู้ชาวเลว ๆ แต่มันมีตังก์ให้เราใช้ไม่ดีกว่าเหรอ" การที่น้องเค้ามามีอาชีพสุจริตอยู่ในบาร์เบียร์เพื่อรอให้มีฝรั่งสักคนมาฉุดเค้าไปมีชีวิตที่ดีขึ้น มันฟังดูดีกว่าการที่พ่อแม่ขายลูกสาวให้ไปอยู่ในซ่องเพื่อที่จะได้มีผัวเป็นแมงดาคนไทยที่คอยซ้อมเช้าซ้อมเย็นอีกนะพี่ หนูว่าถ้าคิดจะทำอะไรสักอย่างให้เด็กสาวพวกนี้ ก็โน่นเลยค่ะพี่ สร้างการศึกษา สร้างอาชีพ สร้างรายได้ทางอื่น ๆ ให้น้องเค้า เค้าสบายแล้วเค้าก็ไม่สนใจที่จะใช้สามีเป็นบันไดสร้างฐานะเองแหละ และการช่วยเหลืออย่างนี้ก็ต้องไม่ให้ใคร ๆ รู้ว่าเป็นการกระทำของ"สมาคมเมียฝรั่ง" ด้วยเพราะน้อง ๆ เค้าก็จะยึดเป็นแบบอย่าง แล้วสิ่งที่พยายามทำอยู่จะไม่ได้ผล หรือไม่ก็จัดตั้งบริษัทหาคู่ให้กับน้อง ๆ เค้าโดยให้เค้าได้สามีที่ดีจริง ๆ ดีกว่าพวกฝรั่งกุ๊ย ๆ ที่มาหาผู้หญิงฟันเล่น ๆ ในเมืองไทยเราน่ะค่ะ เรียกว่าแทนที่จะห้ามก็สนับสนุนให้ได้ดิบได้ดีไปเลย ยืนยันนะคะ ว่าการมีผัวฝรั่งไม่มีโทษค่ะ จากคุณ : กะเทยไทยในอัมสเตอดัม - [ 4 ก.ค. 48 17:12:25 A:84.86.99.71 X: TicketID:077778 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ต้องขอบคุณกะเทยไทยในอัมสเตอดัมค่ะ เจตตนาตั้งกระท้มิได้ห้ามว่าน้อง ๆ อย่ามีสามีฝรั่ง แต่ในปัจจุบัน ค่านิยมของบ้านเรามันกำลังเปลี่ยนความคิดไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากดิฉันสอนหนังสือภาษาไทยให้กับฝรั่งเช่นกัน ทราบดีว่าฝรั่งที่เลวก็มี หลอกลวงก็มาก แต่ต้องการความคิดเห็นว่าเราจะช่วยเหลือคนร่นใหม่ได้อย่างไร เห็นด้วยค่ะถ้าเราสามารถหาฝรั่งดี ๆ ให้กับผ้หญิงไทยที่ดี เพราะแฟพี่และแฟนเรามีสังคมที่ดี และเราก็คิดว่าไม่มีใครหลอกค่ะที่อยากจะขายตัว ทำงานอย่ในบาร์ แต่มันมีวิธีอื่นหรือไม่ ที่จะช่วยแนะนำเขาให้เข้าใจ ดังนั้นทุกกระท้ที่เข้ามาร่วมแสนอแนะ ดิฉันจะนำไปเป็นข้อมูลเพื่อเผยแพร่ให้กับผ้หญิงไทยที่คิดจะมีสามมีฝรั่ง ได้เข้าใจอะไรได้มากขึ้นค่ะ จากคุณ : ไทยดี - [ 4 ก.ค. 48 18:08:25 A:61.91.35.24 X: TicketID:084364 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ใช่ค่ะ มาสนับสนุนคุณ จขกท ค่ะ ดิฉันกไม่ได้มีเจตนาขัดขวางอะไรแต่อยากให้น้องๆรุ่นใหม่ไปให้ถูกทางค่ะ เพราะอย่างที่คุณกะเทยไทยในอัมสเตอดัมบอกว่า "การที่น้องเค้ามามีอาชีพสุจริตอยู่ในบาร์เบียร์เพื่อรอให้มีฝรั่งสักคนมาฉุดเค้าไปมีชีวิตที่ดีขึ้น มันฟังดูดีกว่าการที่พ่อแม่ขายลูกสาวให้ไปอยู่ในซ่องเพื่อที่จะได้มีผัวเป็นแมงดาคนไทยที่คอยซ้อมเช้าซ้อมเย็นอีกนะพี่" ดิฉันว่ามันเสี่ยงไป และทํางานแบบนั้นมันไม่มีคุณค่า กว่าน้องเค้าจะหาฝรั่งที่ดีเลี้ยงดูได้ บางคนก็ต้องผ่านอะไรร้ายๆมาก่อน เพราะผู้หญิงที่บาร์ วื่อเสียงไม่ดีอยู่แล้ว อย่างที่หลายความเห็นบอกค่ะว่า ฝรั่งที่มีหน้าที่การงานหรือสถานะทางสังคมที่ดี เค้าจะเอาภรรยาที่มีอดีตไปสาวบาร์ ไปเชิดหน้าชูตาในสังคมของเค้าได้อย่างไร?          ดิฉันไม่ขอพูดถึง นศ หรือสาวๆที่มีความรู้แล้วพยายามหาแฟนฝรั่งนะค่ะ เพราะนั้นเป็นสิทธิ์ของเค้า แล้วเค้ามีความรู้พอ(น่าจะ)เอาตัวเองรอดได้พอ         ใครบอกว่ามีสามีฝรั่งไม่ดี...ดิฉันก็ว่าดีเพราะดิฉันก็มี ถ้าไม่ดี ไม่ทิ้งครอบครัว เพื่อนฝูง มีอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบที่นี่หรอกค่ะ แต่ที่บอกไปในกระทู้คือไม่อยากให้น้องเค้าเอาฝรั่งคนไหนก็ได้มาช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น อย่างน้อยๆก่อนตกลงแต่งก็น่าจะไปดูบ้าน เจอครอบครัว เค้าซะก่อน ไม่ใช่ว่าเค้ามาเที่ยวหาเราแค่ครั้งเดียวก็ไปอยู่กับเค้าซะแล้ว     เจอคนดีก็ดีไป แต่เจอพวกเลวๆก็ซวยไปเลยนะค่ะ ส่วนที่ว่า "ถ้าได้ผู้ชายเลว ๆ ที่มันจน ๆ แล้วก็สู้ได้ผู้ชาวเลว ๆ แต่มันมีตังก์ให้เราใช้ไม่ดีกว่าเหรอ" ในความคิดดิฉัน ดิฉันว่าขึ้นชื่อว่าผู้ชายเลวๆแล้วเนี้ยะ เค้าเลวขนาดนั้น เค้าจะให้เงินใช้เหรอค่ะ บางคนก็ต้องไปทํางานหาเลี้ยงเค้าอีกตั่งหาก       ที่มาตอบกระทู้ไม่ได้อยากให้เกิดความขัดแย้งอะไร แต่อยากให้น้องๆคิดดีๆ ไม่ใช่ฝรั่งทุกคนที่จะยอมรับอดีตของเราได้ อยากหา ให้หาในทางที่ดีดีกว่าค่ะ เค้าจะได้ให้เกียรติเรา ไม่ดูถูกเรา จากคุณ : bellemaman - [ 4 ก.ค. 48 20:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ใช่ค่ะ มาสนับสนุนคุณ จขกท ค่ะ ดิฉันกไม่ได้มีเจตนาขัดขวางอะไรแต่อยากให้น้องๆรุ่นใหม่ไปให้ถูกทางค่ะ เพราะอย่างที่คุณกะเทยไทยในอัมสเตอดัมบอกว่า "การที่น้องเค้ามามีอาชีพสุจริตอยู่ในบาร์เบียร์เพื่อรอให้มีฝรั่งสักคนมาฉุดเค้าไปมีชีวิตที่ดีขึ้น มันฟังดูดีกว่าการที่พ่อแม่ขายลูกสาวให้ไปอยู่ในซ่องเพื่อที่จะได้มีผัวเป็นแมงดาคนไทยที่คอยซ้อมเช้าซ้อมเย็นอีกนะพี่" ดิฉันว่ามันเสี่ยงไป และทํางานแบบนั้นมันไม่มีคุณค่า กว่าน้องเค้าจะหาฝรั่งที่ดีเลี้ยงดูได้ บางคนก็ต้องผ่านอะไรร้ายๆมาก่อน เพราะผู้หญิงที่บาร์ วื่อเสียงไม่ดีอยู่แล้ว อย่างที่หลายความเห็นบอกค่ะว่า ฝรั่งที่มีหน้าที่การงานหรือสถานะทางสังคมที่ดี เค้าจะเอาภรรยาที่มีอดีตไปสาวบาร์ ไปเชิดหน้าชูตาในสังคมของเค้าได้อย่างไร?          ดิฉันไม่ขอพูดถึง นศ หรือสาวๆที่มีความรู้แล้วพยายามหาแฟนฝรั่งนะค่ะ เพราะนั้นเป็นสิทธิ์ของเค้า แล้วเค้ามีความรู้พอ(น่าจะ)เอาตัวเองรอดได้พอ         ใครบอกว่ามีสามีฝรั่งไม่ดี...ดิฉันก็ว่าดีเพราะดิฉันก็มี ถ้าไม่ดี ไม่ทิ้งครอบครัว เพื่อนฝูง มีอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบที่นี่หรอกค่ะ แต่ที่บอกไปในกระทู้คือไม่อยากให้น้องเค้าเอาฝรั่งคนไหนก็ได้มาช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น อย่างน้อยๆก่อนตกลงแต่งก็น่าจะไปดูบ้าน เจอครอบครัว เค้าซะก่อน ไม่ใช่ว่าเค้ามาเที่ยวหาเราแค่ครั้งเดียวก็ไปอยู่กับเค้าซะแล้ว     เจอคนดีก็ดีไป แต่เจอพวกเลวๆก็ซวยไปเลยนะค่ะ ส่วนที่ว่า "ถ้าได้ผู้ชายเลว ๆ ที่มันจน ๆ แล้วก็สู้ได้ผู้ชาวเลว ๆ แต่มันมีตังก์ให้เราใช้ไม่ดีกว่าเหรอ" ในความคิดดิฉัน ดิฉันว่าขึ้นชื่อว่าผู้ชายเลวๆแล้วเนี้ยะ เค้าเลวขนาดนั้น เค้าจะให้เงินใช้เหรอค่ะ บางคนก็ต้องไปทํางานหาเลี้ยงเค้าอีกตั่งหาก       ที่มาตอบกระทู้ไม่ได้อยากให้เกิดความขัดแย้งอะไร แต่อยากให้น้องๆคิดดีๆ ไม่ใช่ฝรั่งทุกคนที่จะยอมรับอดีตของเราได้ อยากหา ให้หาในทางที่ดีดีกว่าค่ะ เค้าจะได้ให้เกียรติเรา ไม่ดูถูกเรา จากคุณ : bellemaman - [ 4 ก.ค. 48 20:35:16 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คิดว่าแต่ละคนนั้นมีสิทธิที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง ไม่มีใครเลือกเกิดได้ แต่การจะทำอะไรควรมี "สติ" ไม่ใช่ทำตามแฟชั่นหรือความคิดชั่ววูป ความจำเป็นของแต่ละคนก็ไม่เหมือน โอกาสของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันตั้งแต่เกิดแล้ว แต่เราสามารถเลือกทางเดินให้กับตัวเราและแน่นอนต้องเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว หากไตร่ตรองอย่างดีก่อนตัดสินใจก่อนคิดจะมีแฟนฝรั่ง ถ้าสาวไทยที่เกิดมาพร้อมมีทั้งเงิน ความรู้ แต่ตั้งหน้าตั้งตา เสาะหา ทำทุกวิถีทางที่ว่าชาตินี้จะต้องมีแฟนฝรั่งให้ได้นั้น อันนั้นก็เกินไป แสดงว่าความรู้ไม่ได้ทำให้คนๆนั้นฉลาดขึ้นเลย แต่ก็เข้าใจสาวไทยที่เค้าเกิดมาในครอบครัวยากจนและต้องการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ยกระดับครอบครัว และเป็นที่ยอมรับของสังคม โดยการหนีปัญหาง่ายๆ หาแฟนฝรั่งแก่ๆ รวยๆ เป็นทางลัดที่ง่ายแต่นั่นคือความสุขที่แลกมาด้วยความขมขื่นที่ต้องเอาตัวและชีวิตทั้งชีวิตเข้าแลก ผู้หญิงเหล่านี้ไม่รู้ว่าชีวิตเวลาไปอยู่กับเขาแล้วเป็นอย่างไร อาจจะถูกใช้เยี่ยงทาส ปรนเปรอทางเพศยิ่งกว่าโสเภณีจริงๆเสียอีก จำไว้ว่าไม่มีใครทำอะไรแล้วไม่หวังผล การที่เค้าจ่ายเศษเงินของเค้าเพื่อให้ได้เมียไทยนั้นเค้าจะเอาสักกี่คนก็ได้ เบื่อคนนี้แล้วเค้าก็เปลี่ยนได้ตามต้องการ แต่กรณีที่เจอคนดีๆแบบนั้นก็โชคดีไปแต่น้อยมาก โดยส่วนตัวไม่ได้มีอคติกับคนรวย แฟนของดิฉันก็ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่รวยล้นฟ้า ก็ธรรมดาๆเท่าๆเราเท่าๆเค้า เป็นคนทำมาหากินคนหนึ่ง บางคนเคยพูดประมาทหน้าด้วยว่าเรียนก็สูง น่าจะหาแฟนให้ได้ดีกว่านี้ แต่คิดกันคนละแบบกับดิฉันนะ ระหว่างคนดีกับคนรวย เลือกคนดีสบายใจกว่า เหล้าบุหรี่ก็ไม่แตะ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องทะเลาะ ไม่มีเรื่องจุกจิก นกน้อยทำรังแต่พอตัว ไม่ต้องคิดเสาะแสวงหาความร่ำรวย เพราะตายไปก็ไปแต่ตัว ขอให้ใช้ชีวิตอยู่สบายๆ อยู่อย่างไม่ขัดสน มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นก็พอแล้ว ถึงได้ตัดสินใจแต่งกับแฟนคนนี้ กลับมาหัวข้อกระทู้อีกนิด ทางแก้นั้นหากจะแก้หล้ามือเป็นหลังมือนั้นคงจะยากเพราะค่านิยมเป็นแบบนั้นไปแล้ว แล้วยิ่งยุคนี้เป็นยุคอินเตอร์เนทที่ง่ายต่อการติดต่อสื่อสาร การจะหาแฟนฝรั่งง่ายแค่กระพริบตา สาวๆที่ทำงานบาร์เพื่ออยากได้สามีฝรั่ง อันนั้นคงจะไปห้ามเค้าไม่ได้เพราะเค้าอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น โอกาสเจอฝรั่งก็ทุกวัน โอกาสที่จะมีฝรั่งมาชอบก็มาก เพียงแต่อย่าง คคห ด้านบนบอกว่าควรจะคบไปนานๆรู้จักกันให้ถ่องแท้จึงค่อยตัดสินใจแต่งงาน จากคุณ : Mimi_Ne - [ 4 ก.ค. 48 21:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอแจมด้วยคนค่ะ พอดีผ่านมาเจอ สังคมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยสักนิด...ขอย้ำว่าไม่มี..มันกลับไปที่จุดเริ่มต้นต่างหาก..เอิ้กๆๆ เรื่องผู้หญิงขายตัวผันตัวโกอินเตอร์ที่แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของยุคเมียฝรั่งค้า ทั้งเมียจริงและเมียเช่า ยุคเปลี่ยนแปลงคือยุคเราตะหาก..เอิ้อๆๆ ผู้หญิงที่สังคมเรียกว่า "ดี" และ "มีการศึกษา" เกิดอยากมีสามีฝรั่งกะเขามั่ง ก็แหมจะไม่ให้อยากได้ไง คนที่มันเกือบเรียนไม่จบมั่ง เคยลอกการบ้านเรามั่ง เราเคยหัวเราะเวลามันออกไปพูดหน้าห้องมั่ง มันกลับกลายมาเป็น อีปึกอินเตอร์ ชาวบ้านชาวช่องจากที่เคยดูถูกดูแคลนก็เรียกคนเหล่านั้นว่า ผู้มีวาสนาของหมู่บ้าน เอิ้กๆๆๆ ดูเราซิ เรียนก็เก่ง เรียนจบเอกอังกฤษบวกเกียรตินิยมอันดับ 1 พอทำงานเขาก็มองว่าเราด้อยกว่าพวกลูกคนมีกะตังค์ที่ไปชุบตัวเมืองนอกมาเพียงเพราะว่าลูกค้าต้องการอาจารย์ที่ผ่านต่างประเทศ ก็หวนคิด กูหนอกูตั้งหน้าตั้งตาเรียนมา 10 กว่าปีเพื่อชีวิตแค่นี้หรอ ดูคนที่มันเคยลอกการบ้านเราซิ......นี่แหละค่ะจุดเริ่มต้น แต่เราได้เปรียบหน่อยตรงที่พูดภาษาอังกฤษโดยใช้ศัพท์หรูๆเป็นเลยทำให้คนที่บ้านพาลนึกว่าเราวิเศษกว่าคนอื่น แต่เอ๊ ทำไมมันไม่มีเงินให้เราไปสร้างบ้านให้แม่เหมือนนังปึกอินเตอร์เพื่อนเราหว่า....เอิ้กๆๆๆ จากคุณ : ยุคเราตะหากที่เปลี่ยน - [ 4 ก.ค. 48 23:31:57 A:206.252.250.219 X: TicketID:095377 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาสนับสนุนเจ้าของกระทู้ค่ะ ดิฉันทำงานเป็นล่ามไทย - เยอรมัน ให้กับองค์กรเกี่ยวกับสิทธิของหญิงต่างชาติและบ้านพักฉุกเฉินของหญิงต่างชาติในเยอรมัน สังคมจะเจริญได้ เราทุกคนต้องช่วยกัน แม้จะน้อยนิดดีกว่าไม่ทำอะไรเลยค่ะ ดิฉันเป็นคนที่เชื่อเสมอว่าการแต่งงานและครอบครัวที่ดี ต้องมีพื้นฐานมาจากความรักและความเข้าใจค่ะ ไม่ใช่เพราะเงินทอง หรือแต่งงานเพื่อมีฐานะที่ดีขึ้น การแต่งงานกับฝรั่งเป็นเรื่องดีค่ะ ถ้ามาจากความรัก แต่เป็นเรื่องน่าสมเภท น่าเวทนา น่าอับอายค่ะ ถ้าการแต่งงานมาจากเพื่อเงินตรา หรือเพื่อชีวิตที่ดีกว่า แต่คนหลายคนกลับไม่คิดแบบนี้ เลือกที่จะแต่งงานเพื่อเงินและเพื่อชีวิตที่ดีกว่า จนบางครั้งไม่โชคดีอย่างที่คิดจนต้องมาพึ่งหน่วยงานบ้านพักฉุกเฉิน - นิโคลาส วิศวะกรหนุ่มใหญ่ ถูกส่งตัวไปดูงาน 2 อาทิตย์ในเมืองไทย เจอดา สาวอะโกโก้ในแถบโรงแรมหรู ที่นิโคลาสพักอยู่ เมื่อนิโคลาสกลับจากเมืองไทย จึงจัดทำเอกสารเพื่อนำดามาอยู่เยอรมันด้วยในฐานะภรรยา การแต่งงานกับคนที่จักเพียง 2 อาทิตย์นั้นไม่เท่ากับเงินทองที่นิโคลาสมี ดารู้สึกว่าเธอโชคดี ถูกแพ็คพ็อครางวัลที่เจอนิโคลาส บ้านหลังใหญ่ สามีที่มีหน้ามีตาในสังคม รถคันหรู แต่ในที่สุดดาก็รู้ความจริงว่า นิโคลาสเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศสูงมาก นิยม Sex toy Sex ทางทวารหนัก และ Sex หมู่เป็นของมาก และที่เจ็บช้ำมากขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าที่นิโคลาสแต่งงานกับเธอนั้นเพราะเค้าต้องการให้เธอจัดหาเพื่อนสาวอะโกโก้ที่เคยทำงานกับดามาร่วม Sex หมู่กับเธอและเค้าที่เยอรมัน ดาต้องอดทนกับเรื่องเหล่านี้เพราะความอยากมีอยากได้ การมีหน้าตาในสังคม ที่เธอได้จากการเป็นเมียของนิโคลาส บางครั้งเธอถึงกลับต้องดื่มน้ำปัสสาวะของนิโคลาสในเวลาที่มีอะไรกัน ดาจัดหาเพื่อนหญิงมาเยอรมัน คนแล้ว คนเหล่า จนกระทั่งมาถึง แก้ว เด็กสาวอะโกโก้ที่เดียวกับที่เคยทำงานกับดา แก้วก็มีความคิดไม่ได้ต่างไปจากดาเลยแม้แต่น้อย หลงใหลในเงินทองของนิโคลาส จนถึงขนาดจะแย่งนิโคลาสมาจากดา เมื่อดารู้เรื่องนี้ถึงกับ เอามีดปอกผลไม้ แทงแก้ว โชคดีที่แก้วไม่ตาย เรื่องของดาขณะนี้อยู่ในชั้นศาลในข้อหาพยายามฆ่าคนตาย เธออาจจะต้องติดคุกในเยอรมัน 5-8 ปี จากคุณ : Boriser - [ 5 ก.ค. 48 03:39:58 A:62.194.50.191 X: TicketID:103945 ]

ความคิดเห็นที่ 18 - โจ หนุ่มชราวัย 65 เดินทางไปพักร้อนที่เมืองไทย เจอ นุ๊ก สาวบาร์วัย 20ในย่านสุขุมวิท ความถูกชะตาและหวังว่าจะมีใครดูแลในปั้นปลายของชีวิต โจจึงแต่งงานกับนุ๊ก ซึ่งทั้งคู่มีอายุห่างกันถึง 45 ปี แต่ด้วยเพื่อชีวิตที่ดีกว่า นุ๊กจึงตัดสินใจแต่งงานกับโจอย่างไม่ต้องคิดนาน และเดินทางมาเยอรมัน นุ๊กเข้ากรุงเทพมาทำงานบาร์ตั้งแต่อายุ 15 ด้วยความที่ผ่านผู้ชายมามากและคิดว่า sex เป็นแค่ sex ไม่ได้มีความสำคัญมากไปกว่านี้ จากการที่เธอผ่านโลกมาตั้งแต่อายุยังน้อย จึงทำให้เธอมีความต้องการด้านเพศเป็นอย่างมาก แต่เมื่อโจ แก่และไม่สามารถให้ด้านนี้ได้ เธอจึงเป็นชู้กับหนุ่มน้อย คนทำสวนในบ้านของโจ บนเตียงขอบโจ โจกลับมาเห็นเข้าจึง ทำร้ายตบตีนุ๊ก จนเธอต้องมาพึ่งบ้านพักฉุกเฉิน โจจัดทำเรื่องหย่าและนุ๊กจะไม่ได้อะไรซักบาทจากเงินของโจ จนนุ๊กต้องมาขอให้ทางมูลนิธิและดิฉันไปเจรจากับโจ ไม่ให้หย่าและอย่าส่งเธอกลับเมืองไทย เธออายคนที่บ้านเกิดของเธอ อายและรับไม่ได้ที่จะต้องเสียชีวิตที่หรูหรา เสียเงินทองไป แต่โจไม่เปลี่ยนใจ และกลับมาพูดว่า เค้าไม่ควรจะแต่งงานกับคนไทย กับผู้หญิงไทยคนนี้เลย สิ่งที่โจทำก็คือจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้นุ๊กกลับเมืองไทยไป ดิฉันติดต่อประสานงานกับหน่วยงานทางเมืองไทย ในการสร้างอาชีพ สร้างงานในกับนุ๊กในเมืองไทย แต่ปรากฎว่านุ๊กได้หนีออกจากบ้านพักฉุกเฉิกไป หลังจากในนั้นครึ่งปี ดิฉันได้ทราบว่านุ๊กได้หนีไปทำงานในซ่องแห่งหนึ่งในทางใต้ของเยอรมัน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริงทีเกิดขึ้นค่ะ อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรค่ะ ทุกเดือนหน่วยงานของดิฉันจะจัดทำสถิติ หญิงต่างชาติมาพักในบ้านพัก หญิงไทยมีสถิติอันดับต้นๆ เลยค่ะ จนล่ามต่างชาติ ชาติอื่นถามดิฉันเสมอว่าทำไม ส่วนตัวแล้วดิฉันว่า เป็นปํญหาเรื่องนี้มาจาก ค่านิยม วัตถุนิยมที่ผังรากในหัวคนไทยค่ะ การสร้างงาน เปลี่ยนอาชีพ ไม่สามารถทำได้ค่ะ เพราะคนเหล่านี้ ไม่ต้องการ ที่จะเปลี่ยนงาน เปลี่ยอาชีพ เงินที่ได้จากทำงาน 100-200 บาท ไม่สามารถเทียบได้การจับฝรั่งซักคนมาทำสามี จากคุณ : Boriser - [ 5 ก.ค. 48 04:06:07 A:62.194.50.191 X: TicketID:103945 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านที่คุณ Boriser เขียนแล้วเห็นภาพเลยค่ะ ดูๆแล้วนอกจากความที่หญิงเหล่านั้นอยากรวยทางลัดแล้ว สิ่งสำคัญคือ ความโลภ โลภในเงินทองของฝรั่ง หวังจะได้เงินนั้นมาอย่างง่ายๆ คิดตื้นๆแต่พอหลวมตัวไปแล้วจะแก้ไขมันก็ยาก อย่างที่เขียนไว้ด้านบน ไม่มีใครปลูกพืชแล้วไม่หวังผล อะไรที่ได้มาง่ายๆมันต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน อย่าหลงเชื่อฝรั่งง่ายๆเพียงแค่คำพูดหวานๆ ทุกอย่างหลอกลวงกันได้ เพราะสาวเหล่านั้นไม่สามารถไปตรวจสอบได้ก่อนๆจะตัดสินใจไปอยู่กับเขา ขอชื่นชมคุณ Boriser  ที่เป็นอีกแรงหนึ่งในการช่วยเหลือคนไทยด้วยกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 48 05:45:05 จากคุณ : Mimi_Ne - [ 5 ก.ค. 48 05:44:36 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่จขกทโพสเข้ามา น่าสนใจน่าติดตามเคยอ่านแต่ในหนังสือพิมพ์ หรือในเน็ต หลาย ๆ คนส่งความเห็นมา โดยเฉพาะคุณ Boriserเล่าทำให้เห็นภาพและค่า นิยมของคนไทยต่อเรื่องนี้น่ากลัวมาก ถ้ามีญาติจะได้บอกเตือนได้ ตัวเองไม่มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยไม่ทราบ และฝรั่งที่ไทยก็ไม่ค่อยได้ รู้จัก จะรู้เฉพาะลูกค้าที่ติดต่อกันทางอีเมลล์ บางบริษัทก็ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย เรื่องราวเหล่านี้เล่าให้แฟนฟังหมด เขาสนใจฟังมาก ยังไงถ้าคุณBoriser มีเรื่องต่าง ๆมา เล่าสู่กันฟังก็ดีค่ะ ถ้าจะให้ช่วยเหลือยังไงก็ติดต่อไปได้ค่ะ จากคุณ : เสียงซึง - [ 5 ก.ค. 48 06:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านแล้วเสียใจกับ คห ที่ 17-18  เพื่อนดิฉันเองอยู่ที่เมืองไทย ก็อยากจะได้สามีเป็นฝรั่งเหมือนกัน โดยให้ดิฉันช่วยติดต่อให้  แต่ดิฉันก็เตื่อนเธอเสมอว่า ฝรั่งเค้าก็กลัวโดนหลอกเหมือนกัน  เธอก็กลัวโดยฝรั่งหลอกเหมือนกัน  ดิฉันเองแต่งงานกับสามีที่เป็นฝรั่ง เราเริ่มต้นที่ 0  ไม่มีเงินมากมาย  ได้แต่ช่วยกันทำงาน และประหยัด  ซึ่งดูแล้วก็ไม่ต่างกับคนที่แต่งงานกับชายไทย  ทุกอย่างต้องช่วยกัน อย่าหวังแต่ว่าเค้าจะเลี้ยงเรา  และอีกอย่างเงินบาทเรากับเงินดอลล่าเค้ามันแตกต่างกันมากเมื่อเอามาใช้ที่เมืองไทย แต่ถ้าคุณมาอยู่ที่นี่ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ไม่แตกต่างจากที่เราอยู่เมืองไทยมากนัก พยายามเตือนเพื่อนเสมอว่า ฉันได้เงินเดือนเท่าไหร่  ค่าใช้จ่ายที่ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่  เอาไปคิดดู บางทีแต่ละเดือนไม่มีมากพอที่จะส่งไปให้ทางบ้านด้วยซ้ำ  คนที่แต่งงานไปแล้วรวย  ก็ถือเสียว่าเค้ามีวาสนาที่ดีกว่าเรา แต่ก็จงภูมิใจไว้เถอะว่าอะไรที่มันหายาก ๆ แล้วต้องหาร่วมกัน มันเป็นส่วน ๆ หนึ่งที่ทำให้เรารักกันมากขึ้น ถ้ามีชีวิตก็ยังมีความหวัง ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน ก็เหมือนกัน อยากให้เพื่อน ๆ ที่ยังคิดที่อยากจะหาสามีเป็นฝรั่ง ขอให้คิดให้ดี คนไทยยังมีอีกมากมายที่เป็นคนดีขยันขันแข็ง แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 48 07:54:28 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 48 07:53:38 จากคุณ : nookky - [ 5 ก.ค. 48 07:52:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถามว่าจะทำอย่างไรในการเปลี่ยนค่านิยม คิดว่าที่ได้ผลค่อนข้างมากในวงกว้างคือ สื่อมวลชนต่างๆ โดยเฉพาะทีวีและสิ่งพิมพ์ คงต้องมีคนที่ยอมสละเวลาและทุนตั้งกลุ่มรณรงค์ในเรื่องนี้ แก้ค่านิยมที่ผิด และขณะเดียวกันร่วมกันรณรงค์สร้างทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง เช่น การมุ่งเน้นค.คิดในการพึ่งตนเอง การมีself esteemในตัวที่สูงพอสมควร การมุ่งเน้นพฤติกรรมที่สร้างคุณค่าในตัวเอง และอื่นๆ ว่าเรื่องอย่างนี้ต้องค่อยๆปรับเปลี่ยนไปน่ะ คงต้องใช้เวลา 10-20 ปีในการค่อยๆเปลี่ยนค.คิดคน ที่ว่าน่าจะทำได้ คือ หาคนที่เป็นตัวอย่างของความล้มเหลวในการเคยมีสามีฝรั่งแล้วจบลงในทางไม่ดีเช่น เลิกกันเพราะสามีตบตี ทรมานทางกาย หลอก หรืออะไรอย่างนั้น คนเหล่านั้น ต้องหาคนที่*กล้า*พูด กล้าเล่าประสบการณ์ตัวเองที่พลาดให้อย่างเด็กในระดับวัยเรียนโดยเฉพาะอย่างระดับวิทยาลัยหรือมหาลัยฟัง ว่าน่าจะช่วยได้มาก อาจตั้งเป็นทำนองโครงการ "พี่สอนน้อง" จากคุณ : Overseas - [ 5 ก.ค. 48 10:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จะแก้ที่ไหนดีละคะเนี่ย กับค่านิยมผิดๆของสังคมไทย (เฉพาะคนกลุ่มหนึ่ง) คงต้องแก้กันที่รากฐานลึกๆ เลยล่ะมั้งคะว่าอย่ามองเห็นเงินหรือวัตถุเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต ... เราก็เป็นคนนึงนะคะที่มีแฟนเป็นฝรั่งแต่ไม่เคยคิดจะให้ใครมาเลี้ยงเรา หรือว่าเค้าจะต้องมาดูแลครอบครัวเราเองเลยซักนิดเดียว คิดอยู่เสมอค่ะ ว่าครอบครัวเรา พ่อแม่เรา เราเลี้ยงได้ ... ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนเสมอ ... อ่านแล้วอเน็จอนาจใจค่ะ บอกได้คำเดียว อยากช่วยแก้ไขถ้ามีโอกาส ... บางทีคงต้องเริ่มแก้ที่ค่านิยมผิดๆ ของพ่อแม่ก่อนรึป่าวคะ ส่งเสริมปลูกฝังความคิดใหม่ให้ลูกๆ ได้รับการศึกษาสูงๆ จะได้เพิ่งพาตนเองได้ ... เฮ้อ ได้แต่อ่านแล้วเหนื่อยใจแทนค่ะ ประเทศไทยมีหลายปัญหาใหญ่ๆ แล้ว ไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องกลายเป็นปัญหาระดับชาติไปอีก จากคุณ : Cherrypie - [ 5 ก.ค. 48 15:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นด้วยกับคุณOverseas ทค่ะ ที่จะเปิดโครงการ พี่สอนน้อง.. เพราะในชีวิตจริงๆๆแล้ว ชีวิตในต่างแดน เนี่ย ไม่ได้ สุขสบายมากมายตามที่ หลายๆคนคิด เพราะผู้ชายทุกชาติ ทุกภษามีทั้งคนดี และไม่ดี และฝรั่งรวยๆๆ ก็มีไม่มากเท่าไหร่ ...ชีวิตขึ้นอยู่กับดวงมากกว่า ค่ะ....ถ้ามีโครงการ พี่สอนน้อง ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ยินดีจะเป็นพี่ ให้ ค่ะ... จากคุณ : ส้มจี๊ด.... - [ 5 ก.ค. 48 18:42:29 A:64.136.162.97 X:64.136.164.35 TicketID:102363 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นคุณส้มจี๊ดข้างบนอาสาสมัครเป็นผู้พูดให้ ทำให้ได้ค.คิดว่าอย่างตอนเรียนมหาลัยที่เมืองไทย มันจะมีพวกชมรมต่างๆ แล้วพวกชมรมนั้นมักจะจัดทำกิจกรรมต่างๆไปตามวัตถุประสงค์ของชมรมนั้นๆ เช่น เชิญคนที่มีค.รู้ต่างๆมาพูดในหัวข้อที่ตั้งขึ้น ว่ามันต้องมีชมรมบางอย่างที่เข้าข่าย หาคนมาพูดในหัวข้อนี้ คุณปวีณาของกทม. (หรือเปล่า) ดูแกแข็งขันเรื่องเกี่ยวกับสิทธิสตรีดี ก็น่าจะเป็นอีกทางหนึ่ง ว่าทางที่จะทำมันมีเยอะ สิ่งสำคัญคือ ต้องหา(กลุ่ม)คนที่มีอุดมการณ์ค่อนข้างมั่นคง แน่นอน พร้อมทั้งกำลังเวลาและทรัพย์(บ้าง)ที่จะทำอย่างต่อเนื่อง เรื่องพวกนี้มันทำเพื่อสังคมล้วนๆ เพราะฉะนั้น คนที่ทำต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ค.คิดที่ตัวเองมีอย่างแท้จริง แล้วต้องไม่ท้อด้วย เพราะกว่าจะเห็นผล (ถ้าเห็นผลจริง) อย่างน้อยใช้เวลาเป็นปีๆขึ้นไป ทำให้นึกไปถึงครูประทีป ตอนอยู่ประถมจำได้ว่าหนังสือสกุลไทยลงข่าวแกในหน้าหลังๆว่าเป็นครูไปสอนเด็กสลัม ตอนนั้นแกยังเด็กๆระดับมหาลัยหรืออะไรทำนองนั้นอยู่เลย จากคุณ : อดีตเด็กชมรม (Overseas) - [ 5 ก.ค. 48 20:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โหย..ให้ชมรมแม่บ้านต่างแดนเป็นตัวตั้งตัวตี ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะส่วนมากที่มาเล่นๆห้องนี้ ก็มีความสุขดี แล้วจะให้ไปบอกคนอื่นว่า อย่าๆ ไม่ดี ๆ อย่าเอาเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ทุกคู่จะประสบ ความสำเร็จนะคะ ...ใครเขาจะฟังคะ ค่านิยมที่คิดว่าฝรั่งรวยและดีไปหมดนี่คงแก้ไขยาก มากๆ ขนาดสื่อมวลชนนิตยสารดังยังเอาเรื่องสาวไทย ที่เคยทำนา แล้วได้แต่งงานกับแพทย์ฝรั่ง มายกยอว่า หล่อนเป็นซินเดอเรลล่า ดิฉันเพิ่งได้อ่านเร็วๆนี้เองค่ะ เรื่องสาวบาร์เจอสามีทารุณในต่างประเทศ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ พวกสาวๆเขาก็เล่าต่อๆกันอยู่แล้ว แต่เขาฟังที่ไหน เสี่ยงไปเอาผัวเดียวดีกว่ามาต้องมา ทำงานในบาร์ให้แมงดา และ พ่อแม่พี่น้อง รีดไถ มันก็น่าเห็นใจนะคะ จากคุณ : ปรารถนา - [ 5 ก.ค. 48 22:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สมัยเรียนราม ก็ทำงานให้ชมรม ค่ะ .. การที่จะทำอะไรเผื่อให้สังคมดีขึ้น ก็น่าจะช่วยๆๆกัน นะ ถึงชีวิตที่เมืองนอกของดิฉันไม่ได้ สุขสบสยมากมาย .... แต่ดิฉันคิดว่าถ้าทุกคนให้แง่คิด หลากหลาย ก็สามารถที่จะช่วยได้ นะ .. ถึงไม่ได้ พูด ก็อาศัยสื่อทางหนังสือ ก็ยังดี ค่ะ จากคุณ : ส้มจี๊ด... - [ 6 ก.ค. 48 08:10:41 A:64.136.162.207 X:64.136.164.35 TicketID:102363 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ดิฉันก็มีแฟนเป็นฝรั่งเหมือนกัน แล้วก็เห็นด้วยกับหลายๆความเห็นที่บอกว่า ฝรั่งที่ดีๆ เขาจะต้องมองหาผู้หญิงที่ดีๆ ไม่เอาผู้หญิงบาร์มาเป็นภรรยาง่ายๆหรอกค่ะ อย่างแฟนดิฉันเนี่ย ตอนที่เริ่มคบกัน เขาก็พยายามลองใจดิฉันหลายๆอย่างเลย ดูว่าเราเป็นคนยังไง เขาเคยถามว่า ดิฉันทำงานที่ไหน พอดิฉันบอกว่า ทำงานอยู่แถวนานา เขาตกใจมาก จนเราต้องบอกว่า อย่าได้คิดเชียว ดิฉันทำงานบริษัทนะ เขาก็บอกว่า เขาเห็นแถวนั้นส่วนใหญ่มีแต่โสเภณีกับผู้หญิงบาร์ เขาเคยมาเมืองไทยแล้ว แถวนานาเขาก็เคยมาดู เขาบอกผู้หญิงน่ากลัวมากๆ แล้วไม่ใช่แค่เขาคนเดียวนะคะที่เลือกน่ะ ทั้งพ่อแม่พี่น้องเขาก็ถามประวัติดิฉันน่าดู กว่าจะรับแล้วก็รักดิฉันน่ะ ไม่ใช่ง่ายๆนะคะ ดีนะที่ดิฉันมีการศึกษามีงานมีการทำ พ่อแม่ญาติพี่น้องก็ไม่ได้กระจอก แต่ละคนก็ทำงานกันดีๆทั้งนั้น ดิฉันก็คุยทับไปเหมือนกันแหละ คงคิดว่าเราจะไปเกาะเขาล่ะซิ จริงๆก็ไม่ได้คิดจะมีแฟนฝรั่งนะคะ แล้วเล่นมาสอบประวัติกันอีก เราก็หยิ่งเหมือนกันแหละว้า คนไทยไม่ได้ให้มาดูถูกันง่ายๆนะ เพื่อนดิฉันบอกว่า บอกไปเลย จะได้รู้ว่า เราน่ะก็ไม่ได้ขี้ ขี้นะ เพื่อนบอกว่า ให้บอกพ่อแม่เขาไปเลยว่า ลูกคุณน่ะ โชคดีนะที่ได้ดิฉันเป็นแฟน เอิ๊ก เอิ๊ก แต่ไม่ได้บอกยังงั้นหรอกค่ะ ที่นี้ที่คอนโดที่ดิฉันอยู่น่ะ ก็มีผู้หญิงที่มีสามีฝรั่งอยู่เยอะเหมือนกัน บางคนก็เคยเป็นสาวบาร์มาก่อนค่ะ ผู้หญิงที่ทำงานกลางคืนก็พักอาศัยอยู่ที่คอนโดนี่เยอะเหมือนกันค่ะ แต่เป็นพวกระดับสูงๆ หน้าตาดีๆ มีเสี่ยเลี้ยง เพราะราคาห้องพักที่นี่แพงค่ะ มีน้องคนหนึ่งดิฉันรู้จักตั้งแต่เธอเรียนอยู่ ตอนเรียนเธอทำงานกลางคืนไปด้วย พอจบออกมาเธอก็มาทำงานบริษัท ทำได้เดือนเดียว เธอก็ออกมาทำงานอย่างเดิม บอกว่า เงินเดือน 7000 บาท เธอหาคืนเดียวก็ได้แล้ว ดิฉันก็อึ้งไปค่ะ ดิฉันกลับไปอยู่บ้านหลายเดือน พอกลับมาอีกที เธอก็ตั้งท้องไปแล้ว รู้เรื่องจากเพื่อนๆเธอว่า เธอมีแฟนญี่ปุ่น แต่ดิฉันก็ไม่เคยเห็นแฟนเธอเลย จนเธอคลอด เพิ่งคลอดได้ไม่นานค่ะ แล้วเธอก็มารู้ว่าแฟนดิฉันมา เธอก็เลยพาเพื่อน (ลูกน้องเก่าดิฉัน) มาหาดิฉันที่ห้อง แล้วก็ถามดิฉันว่า เจอกันได้ยังไง ทำยังไง เธออยากได้บ้าง แต่เธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ตอนนี้กำลังไปลงเรียนอยู่ เพราะว่าจะไปหาแฟนที่โรมาเนีย เล่นเอาดิฉันอึ้งไปพักใหญ่ งงวุ้ย มีสามีเป็นญี่ปุ่น ตัวเองก็เพิ่งจะคลอดลูก ไหงมีแฟนโรมาเนียอีกอ่ะ แถมยังอยากจะหาอีก อะไรวุ้ย ส่วนน้องอีกคนเป็นสาวบาร์ ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว มีลูก 2 คน เธอเจอกับแฟนที่บาร์ แฟนเธอมาทำงานที่เมืองไทย ก็รักกัน อยู่กินด้วยกัน พอหมดสัญญาที่นี้แฟนเธอก็กลับไปอังกฤษ แล้วให้เธอตามไปทีหลัง เธอเพิ่งบินไปไม่นานนี่เองค่ะ คนนี้โชคดีเจอคนดีก็ดีไปค่ะ ดิฉันก็ดีใจกับเธอด้วย ลูกน้องเก่าดิฉัน (ดิฉันเคยเปิดร้านซักรีดค่ะ) คนหนึ่งพอรู้ข่าวว่าดิฉันมีแฟนฝรั่งจากลูกน้องอีกคน ก็บอกว่าให้หาฝรั่งให้เขาบ้าง โอย..ดิฉันอยากจะบ้าตาย มันอะไรกันหนักกันหนาว้า อยากจะมีสามีฝรั่งกันจัง แถมตัวเองก็ยังมีสามีคนไทยอยู่เป็นตัวเป็นตน คิดอะไรกันไม่รู้ ดิฉันล่ะเชื่อเขาเลย ดิฉันก็บอกกับลูกน้องว่า ไม่ใช่ว่ามันจะหากันได้ง่ายๆ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคนนะ ฝรั่งเขาก็เลือกเหมือนกับเรานั่นแหละ ขนาดดิฉันเองยังต้องถูกสแกนแล้วสแกนอีก ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะ แล้วก็ไม่คิดจะหาให้ใครด้วย ถ้าอยากจะมีก็ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้วกัน มีเพื่อนเป็นออสเตรียนอยู่คน หน้าตาดี การศึกษาดี อาชีพการงานดี บอกว่าให้หาแฟนไทยให้หน่อย เอาคนดีๆนะ เห็นไหมคะ คนดีๆเขาก็อยากได้ผู้หญิงดีๆทั้งนั้นแหละ ไอ้เราก็บอกว่า เราจะช่วยดูให้นะ แล้วให้ไปคุยกันเอง แต่ก็ไม่รับปากว่าจะหาได้ ผู้หญิงดีๆ หาไม่ได้ง่ายๆเหมือนกัน จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังหาให้ไม่ได้เลยค่ะ ไม่ค่อยได้หาด้วยแหละ กลัวมีปัญหาอ่ะ จากคุณ : แม่ลูกตาล - [ 6 ก.ค. 48 16:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 I initially intended to avoid giving my comments for fear that I may use some strong/stern words which will not produce any constructive outcomes.  Now, with the broadcast of  “The New Heroes” on PBS last night, with a part about young Thai girls lured into prostitutions as posted in the website below, I decide to share my thoughts. http://www.pbs.org/opb/thenewheroes/meet/sompop.html This program may help to broaden somebody’s mind who always put blames on those service women.   I admit I was infuriated by some narrow-minded comments.   Simply judge at the end results without identifying the causes; why/what forces them to seek that way out.   A comment in particular “ดิฉันไม่ขอพูดถึง นศ หรือสาวๆที่มีความรู้แล้วพยายามหาแฟนฝรั่งนะค่ะ เพราะนั้นเป็นสิทธิ์ของเค้า แล้วเค้ามีความรู้พอ(น่าจะ)เอาตัวเองรอดได้พอ”, it implies to me of social/economy class division.  College girls search for farang’s husband is justifiable because they know better. For the uneducated ones are condemned (to do the same) because they know nothing.   The fact is nobody knows regardless of level of education.  When you deal with long distance relationships which rely solely on written words and/or voice, you are taking more chances.  Many times, my colleagues asked me to introduce some good Thai women, I flatly refused to.  This is simply because these men may seem decent in public, but they may be different behind close doors.  Who knows? I mentioned before that I got the “in-my-face” comments/insults about Thai women numerous times.  In the past, were more about prostitutes.  Now, are more about educated/career women who go to a great extent to seek farang males via any means: mostly internet.  For the service women, I was able to reason with the causes (poverty and illiteracy) forcing them to that profession, but the latter one I’ve not quite sure how.   From my observations, some farangs (at least my colleagues) these days are capable of distinguish educated women from service ones.  Actually, I have the honour to know some ex-service women who are married to farangs and have a considerable good life.  They completely transformed themselves to be very good house wives (they make me feel deficient as a wife).   They make their husbands the envies among their colleagues.   They gain respects from their husbands and me.   My point here is fortunes do not lend themselves equally to everybody.  We must understand the causes that lead those women to such miserable life before we pass on our judgments or condemn them.   For those women, who think they are unjustly insulted about comments concerning Thai women, there is no need to get fired up.  To me, the best is calmly reason with them/educate them if you could; or simply ignore them if they are too ignorant.  And most importantly, do what you can to exemplify yourself to show that there are some good Thai women too.  I command respects (via this means) and I’ve gained from my friends. For those who want to help those poor girls in Thailand, here is the contact: Contact person: Sompop Chantraka Contact Information: DEPDC PO Box 10 Mae Sai Chiang Rai 57130 Thailand Tel. +66 (0) 53 733 186 Fax +66 (0) 53 642 415 E-mail: depc@ksc.th.com You can donate to DEPDC by: • transferring money to Siam Commercial Bank, Mae Sai, Chiang Rai, Thailand Account Name: DEP Account No: 636-2-06434-8 • by sending a personal or bank cheque in any major currency made out to DEP to: Development and Education Program for Daughters and Communities To know more about Daughters’s Education Program: Website: www.depdc.org แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 48 01:30:29 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 48 23:35:22 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 48 22:12:18 จากคุณ : Thai Woman (ณารา) - [ 6 ก.ค. 48 22:03:33 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แล้วหนูอ่ะ? เหมือนจะโดนพ่วงไปด้วยทุกทีัเรย โตมาที่นี่ตั้งสิบกว่าปี พอโตเป็นสาว ก็ไปเจอกะแฟน แล้วก็คบกัน แต่งงานกัน มีลูก มาเจอกระทู้พวกโลกแคบ สาวไทย กะ หนุ่มฝรั่ง พูดทำนองเหมารวมกันหมด หาว่าอยากรวย อยากได้เงิน เซ็งค่ะ เซ็งขอบอก เพราะเราก็ "สาวไทย" เหมือนกันนี่นา เอิ๊กๆ แล้วจะให้ตูไปหาสามีไทยที่ไหนล่ะเนี่ย - -" หนุ่มไทยที่นี่ก็มีแต่ตัวเตี้ยๆ เล็กๆ แคระๆ แกนๆ ไม่โตซักกะที ยังมีค่านิยม "เด็กนักเรียนนอก" กันอยู่เพียบ น่าเบื่อจะตาย ห่ะ ห่ะ ห่ะ จากคุณ : แมวเหมียวพุงกาง - [ 8 ก.ค. 48 03:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ดิฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่มีแฟนเป็นฝรั่ง  ดิฉันเรียนหนังสืออยู่ในเมืองเดียวกับเค้า  ใจจริงอยากมีแฟนเป็นคนไทยมากกว่าค่ะ  เพราะถึงจะมาเรียนที่เยอรมัน5ปีแล้ว พูด อ่าน เขียนภาษาเยอรมันได้คล่องไม่มีปัญหา แต่ดิฉันไม่ชอบชีวิตที่นี่ มันน่าเบื่อ ไม่มีสีสันเหมือนตอนอยู่กรุงเทพฯ  ผู้คนไม่มีชีวิตชีวา ทุกอย่างเรียบง่าย ไม่สนุกสนาน  วันอาทิตย์ทีไม่รู้คนไปไหนกันหมด เมืองเงียบยังกับป่าช้า    เพื่อน ๆ ที่คบส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักเรียนไทย  ทั้ง ๆ ที่เมืองนี้มีสาวไทยแบบอย่างว่ามาแต่งงานกับฝรั่งเยอะ   พอว่าง ๆ คุณพวกนี้ก็เข้าบ่อนเล่นไพ่ ภาษาก็ไม่สนใจจะเรียนกัน  แต่สามีฝรั่งของสาวไทยพวกนี้ก็ไม่ใช่คนที่มีความรู้หรือมีงานที่ดีทำ  ในตัวเมืองก็มีซ่องที่มีสาวไทยทำงานอยู่   ตอนเราไปขอวีซ่าตอนก่อนมาเรียนที่นี่ เห็นสาวไทยส่วนใหญ่ที่ไปขอวีซ่าหรือทำเรื่องเกี่ยวกับเอกสารที่สถานทูตเยอรมันที่กรุงเทพฯแล้วสังเวชใจ บางคนแต่งตัวยังกับเพิ่งออกมาจากบาร์  บางคนนั่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับว่าที่สามีฝรั่ง โดยไม่แคร์สายตาคนไทยคนอื่นที่อยู่ในห้องนั้น  พอมาที่นี่ยิ่งเห็นอะไรที่เลวร้ายกว่า  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผู้ชายเยอรมันบางคนเอาผู้หญิงพวกนั้นมาเป็นภรรยา(แม่ของลูก)ได้อย่างไร ดิฉันเคยอ่านสถิติหญิงต่างชาติที่ชายเยอรมันนิยมแต่งงานด้วยเมื่อปีที่แล้ว ถ้าจำไม่ผิด อันดับหนึ่งเป็นสาวโปแลนด์ ตามมาติด ๆ ด้วยสาวไทยเป็นอันดับ2   ตอนที่ดิฉันเริ่มคบกับแฟนใหม่ ๆ เพื่อนเค้าต่างอยากรู้อยากเห็น ว่าเราสองคนรู้จักกันได้อย่างไร  ส่วนเวลาไปที่บ้านเค้า พ่อกับแม่เค้าก็คุยกับเราดี ไม่ได้ถามอะไรซอกแซก แต่เราก็วางตัวดีด้วย   ตอนนี้ฝรั่งก็เริ่มเข้าใจกันแล้วว่าสาวไทยที่มาทำงานในบาร์ ส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกบังคับ  แต่สมัครใจทำเอง  เพราะได้เงินใช้เยอะกว่าทำอาชีพอื่น  ดิฉันมีเพื่อนชาวฝรั่งเศสอยู่คนนึง ไปเมืองไทยปีละ2-3ครั้ง เพื่อไปเที่ยวผู้หญิงโดยเฉพาะ  ตอนเค้าไปเค้าต้องโกหกพ่อแม่ ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงว่าไปธุระที่อเมริกา  เพราะอายที่จะบอกความจริงว่าไปเมืองไทย  ไปแต่ละทีนอนกับผู้หญิงวันละคน  แถมมีผู้หญิงไทยที่ไม่ใช่ผู้หญิงบาร์มาสนใจเค้าด้วย  เพราะเป็นคนหน้าตาดี (ตอนแรกที่รู้จักดิฉันก็ปิ๊งเค้าค่ะ แต่พอรู้จักกันมากขึ้น รู้ว่าเค้าเป็นsex tourist เลยไม่เอาดีกว่า)  ล่าสุดนอกจากจะควงสาวนานาแล้วยังคั่วแอร์การบินไทยอีก  ไม่รู้คุณแอร์คนนั้นจะรู้รึเปล่าว่าแกเป็นเสือผู้หญิง        ที่มาเมืองไทยเพราะเซ็กซ์ จากคุณ : Sonnenschein - [ 8 ก.ค. 48 05:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่ออกความเห็นครับ แต่อยากเล่าให้ฟัง ผมคนนึงละที่ชอบเล่นแชต ไอซีคิว เอ็มเอสเอ็น ยาฮูเมสเซนเจอร์ เพิธ และอื่นๆ ผมพบผู้หญิงที่มีการศึกษาดี จำนวนมาก เล่นแชต เพื่อหาช่องทางและโอกาส ในการพูดคุย และพยายามจะพบปะ กับฝรั่ง ผมแอดตัวเองเข้าไปคุยด้วย ถ้าคุยเป็นภาษาอังกฤษเขาจะคุยด้วยอย่างดีเลย ก็เคยถามๆ เขาอ้างว่าต้องการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ แต่เมื่อผมคุยๆไป (ผมไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นคนไทย) ก็รู้ว่า เขาไม่ได้พยายามจะเรียนรู้เรื่องภาษาใดๆเลย เขาแค่พยายามจะพูดคุยเพื่อให้ความสัมพันธ์มันต่อเนื่อง ไป ๆ มากๆ กว่านั้นตลอด จริงๆแล้วหญิงไทยที่มีการศึกษา จำนวนมาก ก็มีส่วนในการช่วยกันทำลายชื่อเสียงกันเองด้วยแหละ จากคุณ : พ่อน้องกานต์ - [ 8 ก.ค. 48 09:45:23 A:202.129.12.29 X:202.129.12.8 TicketID:102161 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ดิฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลัง chat กับหนุ่มแคนาเดี่ยน ใครๆต่างก็คาดหวังว่าชีวิตของดิฉันต้องสุขสบาย ถ้าหากดิฉันและเค้าลงเอยกันได้ แต่คุณขา...ดิฉันรักเค้าด้วยหัวใจค่ะ ยอมรับว่าเงินสำคัญ...แต่เราก็มีการศึกษานะคะ ปัจจุบันทำงานบริษัทแห่งหนึ่งในตำแหน่งเลขาฯ สามารถดูแลชีวิตตัวเองได้ และที่ chat อยู่นี่ ก็ไม่ได้ดิ้นรนค้นหาอะไรเลย คงเกิดจากโชคชะตา บังเอิญหนุ่มใหญ่คนนี้ เค้ารู้จักกับเพื่อนเรามาก่อน และก็แนะนำให้เรารู้จักกัน.............................. พอทางบ้านรู้...ก็ออกอาการเป็นห่วงค่ะ กลัวลูกสาวโดนหลอก แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร ได้แต่คอยรับฟังข่าวคราวอย่างสงบ ดิฉันอยากบอกว่าสำหรับดิฉันแล้ว หัวใจมันต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด (เหมือนนางเอกเป๊ะ) เงินซื้อไม่ได้ ต้องการความรักล้วนๆ แต่อย่าจนมาก (อิอิ...เผยไต๋แล้ว) ไม่รู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า จะมีโอกาสเข้าชมรม ภรรยาฝรั่งบ้างรึเปล่า...แต่ตอนนี้ตกหลุมรักฝรั่ง อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้วค่ะ อ้อ! และก็ขอเห็นด้วยกับ จขกท และบรรดาภรรยาฝรั่งทั้งหลายด้วยค่ะ ที่ตอนนี้คนไทยบางกลุ่ม มีค่านิยมที่ผิดๆ แทนที่จะสนับสนุนให้ลูกหลานมีการศึกษาที่ดี เพื่อที่จะสามารถดูแลตัวเองได้ กลับปลูกฝังในเรื่องที่ไม่สมควร แต่ก็นั่นแหละเพื่อปากท้อง ทุกคนก็ต้องดิ้นรนกันไป ไม่ว่ากันหรอกค่ะ...โชคดีมีสุขทุกคนนะคะ จากคุณ : แม่ปุกปุย - [ 8 ก.ค. 48 10:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณแน่ใจเหรอว่าฝรั่งดี มองอะไรให้เลยไปจากจุดนั้นหน่อย สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเงียบๆและน่ากลัวในสังคมไทยก็คือ ฝรั่งจำนวนมากเข้ามากว้านซื้อที่ดินในเมืองไทย ด้วยการช่วยเหลืออย่างกระตือรือล้นของคนไทยด้วยกัน เอง นอกจากนี้กลุ่มคนที่เป็น "ลูกครึ่ง" กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทชี้นำประเทศอย่างช้าๆ และคนส่วนใหญ่ก็ถูกสื่อชี้ นำให้เห็นคนกลุ่มนี้เป็นชนชั้นพิเศษ ที่มีสถานะสูงส่งกว่า คนไทยโดยทั่วไป.. คงปฏิเสธไม่ได้ว่า วงการทีวี ดารา ถูกกลืนไปจนหมดแล้ว โดยที่คนไทยแท้ๆไม่ได้มีโอกาสที่จะแทรกเข้าไปในวง การบันเทิงเหล่านี้เลย ประเทศที่ถูกครอบงำหลายๆประเทศอย่างฟิลิปปินส์ เขาก็อาศัยวิธี breed-in แบบนี้นั่นเอง ในการค่อยๆ ทำให้ประเทศเหล่านั้นตกอยู่ภายใต้การควบคุมทาง ศาสนา การเมือง และวัฒนธรรม เพราะผู้คนท้องถิ่นต่าง รู้สึกรังเกียจวัฒนธรรมชองตัวเอง รวมไปถึงรูปร่างหน้าตา ของตนเองอีกด้วย โดยต้องการที่จะ หล่อ สวย ตามแบบ ของลูกครึ่ง ฟิลิปปิน-สแปนิช ประเทศไทยก็กำลังก้าวเข้าสู่สถานการณ์แบบนี้อย่างช้าๆ เคยไหม ไปในบางสถานที่ มีป้ายบอกไว้ว่า "ห้ามคนไทย และสุนัข" เข้า ..นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว.. ในที่นี้เราไม่ได้มองประเด็นแค่การที่ผู้หญิงไทยหากิน แต่งกับต่างชาติ หรือผู้หญิงไทยดีๆ แต่งกับต่างชาติ แต่เรา ต้องหัดมองให้ลึกกว่านั้น มองเชิงกว้างกว่านั้น มองให้เห็น ถึงสังคม เศรษฐกิจ ศาสนา วัฒนธรรม และการเมืองใน อนาคต อนาคตที่คนไทย และวัฒนธรรมไทยแท้ๆ จะถูกลดคุณค่าลง ...เป็นเพียงของชั้นสอง ...เท่านั้นเอง... จากคุณ : for...my people - [ 8 ก.ค. 48 13:00:02 A:134.225.254.250 X: TicketID:103574 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เพื่อน ๆ พี่ ๆ แม่บ้านจ๋า ดิฉันตาม Debate คุณ for...my people มาจากห้องสวนลุม เลยขออนุญาตแปะลิงค์ และ debate ของดิฉันไว้ตรงนี้นะคะ ชอบจริง ๆ ชอบจริง ๆ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L3592120/L3592120.html หูยยยยย ความคิดเห็นที่สิบสองก็คิดไปได้ถึงโน่น เอ้า งั้นอิฉันช่วยคิดด้วยแล้วกัน ในฐานะหญิงไทยมีปั๋วฝรั่ง ประเด็นแรกฝรั่งจำนวนมากเข้ามากว้านซื้อที่ดินในประเทศไทยโดยความช่วยเหลือของคนไทย ฝรั่งที่เป็นบุคคลธรรมดาและไม่มีสัญชาติไทยครอบครองที่ดินในเมืองไทยไม่ได้นะคะ กฏหมายห้ามไว้ชัด ๆ จะครอบครองได้ก็ในรูปแบบนิติบุคคลสัญชาติไทยเท่านั้น แถมเงินทุนจดทะเบียนนิติบุคคลก็สูงกว่าข้อกำหนดสำหรับคนสัญชาติไทยด้วย  อิฉันจะซื้อบ้านที่เมืองไทยไว้อยู่กันสองคนตายาย ยังต้องใส่ชื่ออิฉันคนเดียวเลยฮ่า สามีอิฉันต้องเซ็นสละสิทธิการถือครองที่ดินในวันจดทะเบียนที่ดิน (ตาเฒ่าของอิฉันก็ไม่ชอบใจนะคะ เพราะว่าอิฉันในฐานะภรรยามีสิทธิถือครองที่ดินในประเทศนี้ได้ แต่ตาเฒ่าซึ่งเป็นสามีตามกฏหมายไทยของอิฉันด้วยกลับไม่มีสิทธิถือครองที่ดินในประเทศไทย อิฉันก็ได้แต่ปลอบแกว่า เอาน่า รักฉันก็ต้องรักประเทศฉันด้วย กฏหมายประเทศฉันว่าไง เธอก็ว่าตามแล้วกัน ถ้าอยู่ได้ถึงอีกร้อยปี อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกฏหมายฉบับนี้ ถ้าอยู่ไม่ถึง ก็ไม่ต้องคิดมาก) ที่คุณเห็นว่าฝรั่งอยู่บ้านหลังใหญ่ ๆ สวย ๆ แถวแหล่งท่องเที่ยวนั่น เป็นการทำสัญญาเช่าที่ดินเปล่านะคะ เจ้าของที่ดินพวกนั้นก็เป็นคนไทยทั้งนั้น ว่าง ๆ คุณเบอร์สิบสองลองไปสำรวจดูก็ได้ค่ะ  แถมสัญญาเช่านี้ ก็มีอายุได้ไม่เกินสามสิบปีก็ต้องต่อสัญญาใหม่ ประเด็นที่สอง กลุ่มคนที่เป็นลูกครึ่งเข้ามามีบทบาทในการชี้นำประเทศอย่างช้า ๆ คำจำกัดความว่าลูกครึ่งของคคห ที่สิบสองเป็นอย่างไรคะ ครึ่งไทยครึ่งจีนนี่ถือว่าเป็นลูกครึ่งไหม ถ้าถือว่าเป็นลูกครึ่งด้วยละก็ สังคมไทยก็ถูกชี้นำด้วยคนกลุ่มนี้มานานก่อนที่คุณจะเกิดเสียอีกค่ะ ดูตระกูลนักธุรกิจใหญ่ ๆ ในเมืองไทยซิคะ มีสักกี่ตระกูลที่เป็น ไท้ย ไทย แบบ Purebreed ประเด็นที่สาม Breed-in เหมือนฟิลิปปินส์ ..ฮัลโหลลลลล นั่นมันนโยบายการเมืองยุคล่าอาณานิคมนะคะ ประเทศไทยไม่ได้เป็นอาณานิคมของใคร เป็นรัฐอิสระ มีรัฐธรรมนูญของตัวเอง คนไทยด้วยกันเองก็คิดเองทำเองซิคะว่าอยากให้สังคมของเราเป็นแบบไหน สร้างกฏหมาย กฏระเบียบสังคม ช่วยกันสอดส่องนักการเมือง ทำให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจน คนการศึกษาสูงหรือการศึกษาต่ำ ก็มีโอกาสใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในประเทศไทยเหมือนกัน ประเด็นที่สี่ ป้ายห้ามคนไทยและสุนัขเข้า  ดิฉันยังไม่เคยเห็นค่ะ เคยแต่อ่านเจอในหนังสือสมัยที่อังกฤษครอบครองเมืองจีนว่า บางสถานที่จะติดป้าย ห้ามคนจีนและสุนัขเข้า และถ้าดิฉันเห็นป้ายนั้นในเมืองไทยดิฉันก็คงจะบอกเขาตรง ๆ ว่าดิฉันจะไปแจ้งตำรวจ เพราะป้ายแบบนั้นมันเป็นการประกาศถึงการเหยียดเผ่าพันธุ์ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญที่เป็นกฏหมายสูงสุดนะคะคุณ ประเด็นที่ห้า อนาคตคนไทยและวัฒนธรรมไทยแท้ ๆ จะถูกลดคุณค่าลง  ประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับคนไทยล้วน ๆ ค่ะ ว่าเห็นค่าและประโยชน์ของวัฒนธรรมตัวเองมากน้อยแค่ไหน อิฉันเคยทำงานสอนภาษาไทยให้เด็กลูกครึ่งชั้นประถมในสวีเดน เริ่มแรก เด็ก ๆ ไม่ยอมพูดไทยกับอิฉันเพราะอายภาษาแม่ของตัวเอง พอเรียนได้สักพัก แกมาขอร้องให้อิฉันช่วยเขียนและอ่านชื่อพ่อแม่ ชื่อคุณครู หรือชื่อเพื่อน ๆ เป็นภาษาไทย แล้วก็วิ่งเอาไปอวดใครต่อใคร ตอนหลัง ๆ ก็เริ่มกล้าที่จะพูดภาษาไทยกับอิฉัน ประมาณ คุงคูคับ คุงคูคับ ไม่อยากบอกว่าเด็ก ๆ ไหว้ได้สวยกว่าอิฉันซึ่งเรียนจบมาจากโรงเรียนสตรีเสียอีก ของที่เรามีอยู่ จะมองว่าเป็นชั้นสองหรือชั้นหนึ่ง อยู่ที่เราเป็นคนให้คุณค่ากับมัน อิฉันมองว่าวัฒนธรรมไทยของอิฉันเป็นของชั้นหนึ่ง ดังนั้นอิฉันเลยไม่กลัวว่าประเทศไทยจะถูกกลืนชาติจากวัฒนธรรมฝาหรั่ง อิฉันว่าคนไทยมากกว่าครึ่งประเทศก็คิดแบบอิฉันนี่แหละ อ้อ เคยฉุกใจคิดไหมคะว่าเวลาเราเปิดประเด็นถกเถียงกันเรื่อง คนไทย คนฝรั่ง บางครั้งมันหมิ่น ๆ เอียง ๆ ไปทางเหยียดผิวนะ เราเหยียดเขา เขาเหยียดเรา เราเหยียดเรากันเอง ว้าว เขียนยาวอีกแล้ววันนี้ จากคุณ : A-Chee  - [ 8 ก.ค. 48 13:51:39 ] จากคุณ : A-Chee - [ 8 ก.ค. 48 16:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 36 I agree with K. พ่อน้องกานต์.  Of late, colleagues ask and comment more about this group of women.   Just a few examples, a man recently got a divorce.  His wife (Asian) divorced him after putting up with him for years.  They met at work in Asia.  After married, they moved to his county.  They have two children. He is a good provider to his family.  He always chats on-line with Asian girls including Thai.   He arranges to meet these girls each time he visits these countries. His wife repeatedly begged him to stop this behaviour; he refused to.  As he put it, the girls like his being a farang and he simply responds to their demands while he gains the benefit of having free companions during his trip.  What a jerk (excuse my language). Another man recently divorced.  Months later, he took a trip to Asia including Thailand to meet girls he met on-line. For his visit in Thailand, accommodations and trip plans during his stay were all arranged by his “friend”.  She also was his personal guide.  It was his first visit to Asia; he was concerned and nervous.  But his on-line “friends” made it all easy for him.  He was astonished with the hospitality they offered him; and how cheap his trip was.  Other men (mostly divorces) then follow suit.  When asked how serious are they with these relationships, the responds were to enjoy their single lives for now.  But may be serious later. Girls these men met on-line are not service women; they are educated middle-class (or even higher) women.  These men are capable of distinguish the service women from the regular ones.  To them, it's safer, cheaper and easy to full around with the latter group.   To simply point finger to those service women and/or poor village girls; who, like other women, are trying to have better lives, for the ill-reputation is unjust.  It misrepresents the whole picture; it presents only part of the problem.  Some self-aggrandized “good women” unduly go to a great extent to get farangs also have their fair share to this ill-fame. A woman’s life is better off by marrying a farang; I’m happy for her “regardless” of social/economic class or educational background.  I do not condemn. Nor do I encourage.  Not because you are better educated you then deserve better life or you are more entitled to marry a farang as some commented above. Every body is “equally” entitled to pursue for happiness. แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 48 19:40:14 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 48 17:28:27 จากคุณ : Thai Woman (ณารา) - [ 8 ก.ค. 48 17:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 37 I totally agree with the opinion of #35. จากคุณ : Benz (BenzSiam) - [ 8 ก.ค. 48 18:09:19 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หลายท่านในที่นี้ ต่างแสดงให้เห็นแล้วว่า คนไม่ใช่หมาหรือม้า ที่มีพันธุ์กรรมเป็นตัวกำหนดว่าดีหรือไม่ดี ต้องยอมรับว่าเป็นจุดบอดของสังคมไทย ที่ถูกทอดทิ้งมาแสนนาน เพราะกลุ่มคนที่เข้าบริหารประเทศ ตั้งใจพัฒนาประเทศไปในทางที่คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนชนบทไม่ได้มีส่วนร่วม ไม่มีพัฒนาไปบนฐานวิถีชีวิตของเราเอง คนชนบทจึงถูกทอดทิ้ง เป็นเพียงเครื่องจักรสร้างผลิตผล และคาดการคิดพึ่งพาตนเอง คอยรับความช่วยเหลือกำหนดทางเดินชีวิต จากรัฐ บวกกับแนวทางการปกครองตั้งแต่เดิมมา มุ่งให้เชื่อ นิยมคนมีอำนาจ คนชนบทที่ยากจนและพึ่งพาตนเองไม่ได้ ก็หาทางที่จะเอาชนะความยากจน และภาพของผู้หญิงที่มีผัวฝรั่งก็ปรากฎ แปลกที่ข่าวส่วนใหญ่เรื่องร้ายมักจะได้รับความสนใจมากว่าเรื่องดี แต่กรณีนี้ไม่ใช่ เพราะมันมีความหวังอยู่ว่ายังไงก็ต้องดีกว่าที่เป็นอยู่ และภาพที่เห็น และสิ่งที่เมียฝรั่งส่วนหนึ่งทำไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ คือ ฐานะที่ดีขึ้นทันตา สร้างบ้านใหญ่โต ให้เป็นที่อิจฉาไฝ่ฝัน ทุกอย่างมันเริ่มทีละนิด และสมัยนี้คือยุคที่ปัญหาเด่นชัด ทางแก้คือรัฐพัฒนาประเทศตามพื้นฐานของเราเอง และทำให้คนไทยรู้สักว่าสามารถพึ่งพาตนเองได้ การจัดตั้งกลุ่ม ตั้งสหกรณ์ เป็นคำตอบที่ดีมาก ซึ่งขณะนี้มีคนชนบทจำนวนมากที่เข้าใจชีวิตเพราะได้พึ่งพาตนเอง ฝรั่งหลายคน ก็ตั้งใจที่จะหาผู้หญิงไทยมาเมียเลยล่ะ โดยอาจเห็นจากเพื่อนฝรั่งที่มีเมียไทย แล้วมองง่ายๆ ว่าได้ดั่งใจดี จริงแล้วก็คงหมายถึงผู้หญิงเอเชียมากกว่า แต่ตอนนี้ไทยเราฝรั่งสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า ผู้ชายเหล่านี้อาจไม่เป็นที่ต้องการของสาวฝรั่งด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากที่เขาไม่ต้องการสาวฝรั่ง คิดว่าอาจเพราะต้องการเมียที่เป็นผู้ตาม ปรนนิบัติ ซึ่งผู้หญิงเอเชียมีในสิ่งที่เขาต้องการ เหมือนอย่างที่ท่านได้กล่าวกันมาว่า แต่งกันเพราะรักกันนั้นย่อมดีแน่ ดีที่เริ่มจากความรัก มิใช่ผลประโยชน์ แต่ภายหลังจะดีร้ายยังไง เป็นเรื่องของอนาคต และเมื่ออยู่กันด้วยความรักแล้ว มันก็จะไม่มีชาติพันธ์มาเกี่ยวนอกจากมีสามีเป็นผู้ชาย จากคุณ : เฮ้อ - [ 8 ก.ค. 48 18:30:13 A:10.4.1.2 X:203.146.133.10 TicketID:013772 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านไปอ่านมาแล้วงงค่ะ ไปกันถึงเรื่องการครองอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาประเทศ ถ้าจะว่ากันเรื่องนี้แล้วทำไมไม่พูดมั่งว่าที่เห็นๆกันอยู่นี่ไทย 100% สักกี่คน ส่วนใหญ่ก็เชื้อสายจีนกันทั้งนั้น ทำไมไม่ตั้งแง่บ้าง ลูกครึ่งฝรั่งกับลูกครึ่งจีนนี่มันต่างกันยังไงคะ นี่ยังไม่พูดถึงครึ่งลาวนะ หลังๆนี่ตอบกระทู้บิดเบือนกันไปจากเจตนาเจ้าของกระทู้มาก จากคุณ : ล - [ 8 ก.ค. 48 19:21:53 A:192.28.2.52 X: TicketID:057892 ]

ความคิดเห็นที่ 40 as far as I know people who come from a good background and well educated will never want to have anything to do with a bar girl more than having sex with them in real life not many foreign would marry just anyone when you look closely will see that most of them often very old or divorce whit grown up children this I am talking about foreign who marry to an ex bar girl which is very rare that you will come across a decent man well l think a person with the right mind wouldn't do that.My own husband did mention it to me that most of foreign who got a Thai wife they know what they will get from their wives they will not get it if they marry British girl because we are Asian we quite layback we tend to enjoy looking after our hubby more than expect him to do things for us all my point is my own marrige base on love understanding each other we give and take in our marrige our familly and financially eqeal. l still think my own husband like to feel that he has a little power over me. He think he can do what he like but i did make it clear that l will not put up with anything nonsense l will not tolerate. l'm strongly believed men are all the same no matter where they come from some of my male friends(Thai) are really nice better than some farang i have seen so l like to warn some girls out there becareful if you think forign husband is better think carefully and take your time get to know your man probably not just about how much money he got . Myself l make sure he is someone l could trust and have lots in common with me จากคุณ : nurse uk. - [ 9 ก.ค. 48 05:42:34 A:81.78.121.83 X:195.92.67.70 TicketID:074997 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เราว่าจะไม่พูด แต่ก็อดไม่ได้... จะชาติไหน เถือกเถาเหล่ากอ ความรักไม่เคยสร้างหายนะอะไร ลองมองกลับไปที่ Northeast ตอนนี้ ถอยหลังไป 2548--2538--2528...ปี 2525...เป็นจุดบุกเบิกของผู้หญิงพยาบาล และทำให้ค่านิยม ในทางที่กลับมาสู่พ่อแม่ พี่น้องในท้องถิ่น เป็นที่ยอมรับมากขึ้น มีงานวิจัยลักษณะชาติพันธุ์ ของฝรั่ง ในแง่ความรับผิดชอบ การเลี้ยงดู การไม่เอาเปรียบ แบ่งเบาภาระในบ้าน และลูกของภรรยา สิ่ง เหล่า นี้ เป็นดรรรชนีที่ทำให้ Value ของชาติพันธุ์ไทยถดถอย แม้แต่ ชายญี่ปุ่นก็ถูกผู้หญิงญี่ปุ่น ลดอำนาจหากไม่เปลี่ยนค่านิยมเรื่อง priority ที่สองของสตรี ...อธิบายด้วยเรื่อง demand - supply ปจบ.ชายไทย เราขาดอะไร...ความรับผิดชอบหนึ่ง ความเป็นหุ้นส่วนในลักษณะเท่าๆกัน(equal unity) ความยอมรับไม่ได้ที่ผู้หญิงจะโดดเด่น เกินหน้าตา และแย่งสถานภาพทางสังคมไป เห็นได้ว่า สิทธิ พฤติกรรม หลายๆ อย่างผู้ชายต้อง Fease แต่ผู้หญิงถูกจำกัดด้วยความเป็นเพศแม่  กลับมาดูว่า ฝรั่งขาดอะไร ความมั่นคงในสถาบันครอบครัว ความเอื้ออาทรระหว่างคู่สามี ภรรยา และความศรัทธาในตัวผู้ชาย ที่ผู้หญิงตะวันตกลดลง อีกทั้งข้อกฏหมายที่ผันการมีลูก ซึ่งเดิมเป็น symbolic ของความรักครอบครัว ไปเป็นเครื่องมือรับเงินค่าเลี้ยงดู จากรัฐบาล หรือฝ่ายชาย โดยการมี affair เกิดขึ้นได้ง่าย รวดเร็ว แบบ one night stand shot...ขาดการสร้างความผูกพันทางจิตใจ มีแต่ความต้องการทาง sexual ชี้นำ ลองไปดูว่าบรรดาwebsite ที่จัดdating ทำไมบางคนขาดความรัก หาความรัก ทั้งๆที่ร่ำรวย สมบัติ ที่ดิน apartment..แต่ลึกๆ รากฐานของพวกเขาไม่แข็งแรงแต่ต้น ชาติตะวันตกมีลูกน้อย 1-2 หรือไม่มี และเด็กไม่น้อยที่เติบโตไม่พ้น10 ขวบพ่อแม่แยกทางกัน การเรียนรู้สภาพนั้นตั้งแต่วัยพัฒนาการ 6-9 ขวบ ทำให้ซึมซับลักษณะผิดปกติเหล่านี้ แบบเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ และกลายมาเป็นปัญหาสังคมในยุโรปหลายๆประเทศ ปจบ...สัดส่วนผู้หญิงในscandinavian ต่ำมาก มีทั้งตายจากความหนาวเย็น อากาศหดหู่ชวนจากโลกนี้ไป และหน้าตาไม่ค่อยยิ้มแย้ม เหงือกจะกลายเป็นน้ำแข็ง บวกกับค่าครองชีพอันประหัตประหาร ตย.ในเบลเยี่ยม 15 เท่า ชาวยุโรปเหล่านี้ โหยหาแสงแดด ความเป็นมิตร Moral and Mental Spirit ที่โลกmaterialism จาก คลื่น 5 ลูกในอดีต...เริ่มจาก Agrilculture revolution==> Industrial revolution ==>Information Technology==> Nano technology==>  Interface Global and Local...ซึ่งฝรั่งยุโรป/เมกัน โลกที่1 กะ เอเชียไทย ฟิลิป อินโด โลกที่3 เกิดแรงดึง ทาง Globalisation internet through all spiderweb...และกระจายสู่ Local ของประเทศไทย ไปดูอีสาน เหนือ ใต้ และเกาะช้าง สิ แม้แต่กฏหมายนานาชาติก็ยังเปิด มติ defense เรื่องเหล่านี้ เพราะคลื่นมหาชนหลั่งไหลมาใช้ทรัพยากรฝั่ง เอเชียแปซิฟิค ขณะฝั่งแอตแลนติก ไม่มีทรัพยากร...แต่กระแสกลายเป็นพัฒนาเพื่อ' ขาย ' เอาที่ 180 360 wide angle ไปเปิดเสรี ถึงแม้เช่า 30 ปี ไม่เกิน 50 ปี และจะขยายกฏหมายให้นานกว่านั้นอีกแหะ!...ขอบอกผังเมืองฉบับใหม่ ทำให้ย่านพาณิชย์ รุกเข้าไปในที่อยู่ของชาวบ้าน เพื่อกระตุ้นการตอบตลาดของ ต่างชาติ... กลับมาเรื่อง สามีฝรั่ง มองให้เขาเป็น ผู้ชาย คนหนึ่งที่มาใช้ชีวิต นำความเจริญมาให้ผู้หญิงประเทศเรา ทั้งที่อยุ่อาศัย กำลังจ่ายทางการศึกษาในรุ่นต่อไป และ ทำไมไม่ใช้นโยบายทางการฑูต เป็น tool ที่จะพัฒนาระบบสังคมไปพร้อมๆกัน เหมือนในอเมกา ที่หลายชาติพันธุ์ มาอยู่จนเป็นหน่วยใหม่ ฝรั่งที่ดี ก็มี ไม่ดี ก็มี เหมือนคนไทย ดีก็มี ห่วยก็มี ตัวเองก็ไม่ชาติไหน ครึ่งๆกลางๆ หลายชาติ แต่ demographic มันก็ไม่ได้แบ่งแยกไปกว่า ความดีเลวของจิตใจ และการกระทำ...หรอกใช่ไหม จากคุณ : kuddle - [ 9 ก.ค. 48 06:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณข้อเสนอแนะความคิดเห็นของสมาชิกทุกท่านค่ะ หวังว่าจะได้รับคำแนะนำ ในการเข้ามาช่วยเหลือกันต่อไป อย่างน้อยเราช่วยกันเริ่มคิดแก้ปัยหาก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง ต้องปฏิบัติร่วมกัน โครงการพี่สอนน้องก็น่าสนใจ แต่ขอไปคิดก่อนนะค่ะว่าจะประสานกล่มสมากชิกต่อไปอย่างไรให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ขอบคุณมากค่ะ ไทยดี จากคุณ : ไทยดี - [ 9 ก.ค. 48 11:57:08 A:61.91.35.24 X: TicketID:084364 ]

ความคิดเห็นที่ 43 มีหนังสือ ที่น่าอ่าน สำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับ issue นี้คะ เขียนโดย ฝรั่ง และแปลโดย หญิ่งไทย ในเล่ม มีทั้ง ภาษาไทย และ อังกฤษ เป็นหนังสือที่ดีมากๆ ที่พยายามให้ทั้งฝรั่ง และคนไทย เข้าใจ วัฒธรรม ของกันและกัน ชื้อหนังสือ" Thailand fever " a road map for Thai- Western relationships by Chris Pirazzi and Vatida Vasant จากคุณ : ....... - [ 9 ก.ค. 48 18:07:14 A:203.151.17.30 X: TicketID:102732 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขี้เกียจอ่านหน่ะ อยากอ่านแต่ช่างเหอะ หลายคนก็หลายความคิด แตกต่างกันไป จากคุณ : นก - [ 9 ก.ค. 48 19:17:05 A:194.109.197.91 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านแล้วก็็งั้นๆแหละ ก็ไม่ใช่ซะทุกคน ทุกชาติอีกนั่นแหละ ที่เรียกว่าฝรั่งไม่ใช่มีชาติเดียวเสียเมื่อไหร่ แล้วอย่างหญิงไทยก็ใช่ว่าจะเหมือนกันทุกคน ต่างคน ต่างที่มา ต่างพ่อ ต่างแม่ ต่างความคิด พื้นฐานการเลี้ยวดูแนวความคิด การศึกษา และอีกลายอย่าง จิปาถะ ไม่เหมือนกัน จากคุณ : นก - [ 9 ก.ค. 48 19:28:18 A:194.109.197.91 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณ Boriser คุณเอาเรื่องของมูลนิธิ มาพูดขึ้น บอร์ด อย่างนี้ไม่ถูกค่ะ ไม่มีคุณสมบัติของคนทำงานเพื่อสังคม เก็บความเป็นส่วนตัวของคนอื่นไม่ได้ ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง ขนาด เรื่องการช่วยเหลือของมูลนิธิคุณยังเอามาเล่า แล้วใครจะกล้าแหกหน้าเข้าหามูลนิธิเพื่อขอความช่วยเหลือ หล่ะ คุณมันเป็นปัญหา และเรื่องส่วนตัวของเขา คุณมีหน้าที่ช่วยก็ช่วยไป ไม่ใช่เอามาเล่า นินทา ออกชื่อออกเสียงขนาดนี้ ไม่มีจรรญยาบรรณเลยจริงๆ จากคุณ : จอย - [ 9 ก.ค. 48 19:51:45 A:194.109.197.91 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 แต่ทำไมไมสถิติหย่าร้างของฝรั่ง ถึงได้สูงที่สุดในโลกละนะ แปลกๆ ...  สงสัยคนไทยคงเข้าใจผิวว่าฝรั่งไม่เจ้าชู้ .. เหอๆ ... ผมอยู่เมืองฝรั่ง  ปัญหาแลกคู่นอนมีกันเกลื่อน ฟันแล้วทิ้งก็พรึบนะ อยู่มานานก็เห็นๆอะไรบ้าง ไม่ได้เป็นแบบที่คนไทยจินตนาการหรือฟังๆเค้ามาหรอก ว่าฝรั่งนะจริงใจ ไม่เจ้าชู้ ผู้ชายชาติไหนก็เหมือนๆกันหมดนะครับผมว่า ยิ่งสถิติหย่าร้างในเมืองฝรั่งสูงมาก มีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานที่ office อะไรจิปาถะ ทั้งไท่แต่งงานไปแล้ว กล้องไปแอบถ่ายมาลง  ฯลฯ... ส่วนผมไม่เจ้าชู้ เพราะว่าไม่มีแฟน รักษาพรมจรรย์ครับ :-) จากคุณ : Start now - [ 11 ก.ค. 48 19:10:40 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านแล้วเซ็งค่ะ เจอมาเยอะ ไม่อยากพูด เวลาไปที่สนามบิน (รับจ๊อบส่งตั๋วนอกเวลางานค่ะ).. -แน่ะ กลับมาจาก ตปท ต้องมีทองหยองเต็มตัว -มีแฟนฝรั่งซื้อตั๋วเครื่องบินมาให้ ..ก็โอเวอร์แอคท์กันซะสุดตัวแถมออกท่าออกทาง อย่างเธอน่ะคงไม่มีปัญญาหาผัวฝรั่งอย่างฉันใช่ไหม -เห็นเราเดินกะฝรั่ง ก็เหมาเอาว่าเราทำอาชีพเดียวกะเธอ (น้อยๆหน่อยขอร้อง) คนเราไปเจออะไรไม่ดีมาไม่เอามาเล่าหรอกค่ะ ยกเว้นมีผู้เห็นเหตุการณ์มาเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรโดยใช้นามแฝง ฝรั่งดีดีเค้าคงไม่มองผู้หญิงประเภทนี้หรอกค่ะ น้อยคนที่จะรักกันจริง ส่วนใหญ่หวังผลประโยชน์ และอีกอย่างก็ง่ายดี เก็บผ้าเก็บผ่อนตามกันไปเลย อีกอย่างผู้ชายที่เที่ยวตามบาร์คงหมดความสามารถที่จะหาผู้หญิงดีดีแล้วมังคะ ส่วนผู้ชายดีดีก็คงไม่มีเหลือโดนจองไปหมดแล้ว แต่ก็เนอะ นานาจิตตํ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย แต่ขอร้องอย่ามาเหมาว่าทุกคนทำอาชีพเดียวเหมือนกับตัวหมด ชั้นไม่ได้ขี้เกียจเรียนไม่ได้ขี้เกียจทำงานเหมือนอย่างเธอ เพราะฉะนั้นอย่าเอามาเทียบกัน เพราะมันเทียบกันไม่ได้ สงสัยเหมือนกัน ทำไม๊ทำไมแฟนเราถึงไม่รวยเหมือนเค้าบ้างน๊า ไปหากันมาจากไหนเนี่ยบอกหน่อย ดูยังไงว่าผู้ชายคนไหนรวยจริง ที่เจอๆมานี่แบบว่าจนหมดเลยอ่ะ จากคุณ : padme' amidala - [ 17 ก.ค. 48 16:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เห็นด้วยกับความเห็นที่48  ด้วยความที่เราเป็นคนขาว ตัวสูงใหญ่ เลยยังไม่เคยเจอจัง ๆ กับตัวซักที เพราะเธอพวกนั้นคงไม่คิดว่าเราเป็นคนไทย  แต่มีเพื่อนเราที่เรียนหนังสืออยู่ที่นี่ ผิวคมเข้ม เจอแบบนี้หลายที  มาทักเพื่อนเราเป็นภาษาอังกฤษ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไทยเหมือนกัน และประเทศนี้ก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษกัน  พอเพื่อนเราตอบว่ามาจากเมืองไทย เธอก็มองเพื่อนเราหัวจรดเท้า แล้วถามว่า อยู่กับสามีเหรอ  พอเพื่อนเราบอกว่า ขอโทษ มาเรียนหนังสือ เท่านั้นคุณเธอสบัดหน้าพรืด ไม่พูดอะไรอีกเลย ผู้หญิงที่ชอบรวยทางลัดแบบนี้ชอบกดคนอื่นสุด ๆ (คนมีปมด้อย เลยต้องกดคนอื่นให้ต่ำกว่า ตัวเองจะได้ดูมีค่าขึ้น)  เราเห็นแล้วก็เบื่อ ยิ่งเวลากลับเมืองไทย ไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน  แต่ก็น่าสงสาร  คนเราเลือกเกิดไม่ได้ก็จริง  แต่เาไม่ชอบที่คนส่วนใหญ่มาเหมาว่าผู้หญิงไทยเป็นแบบผู้หญิงพวกนั้น จากคุณ : Sonnenschein - [ วันเข้าพรรษา 05:04:13 ]