ความคิดเห็นที่ 1 เฮ้อ  เรื่องสินสอดอีกแล้ว    ขอโทษทีที่เราไม่มีคำแนะนำอะไร เพราะเราเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลยอ่ะ จากคุณ : Gigolina (Gigolina) - [ 26 ก.ค. 48 12:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หุหุหุ   คนต่างชาติ ส่วนมากจะรับไม่ได้กับเรื่องสินสอด น้องก็ต้องเลือกล่ะค่ะ อนาคตตัวเองหรือครอบครัว การที่เราแต่งงานออกเรือนไปแล้วไม่ได้หมายความว่า เราจะละทิ้งครอบครัวเรา ทุกวันนี้พี่ยังส่งเสียครอบครัว สมัยที่แต่งงาน ค่าสินสอด8พันบาทค่ะ มีแหวนเพชรนิดๆหน่อยๆ แค่นั้นก็อยู่กันมาจนทุกวันนี้ ส่งเสียพ่อแม่ครอบครัวมากกว่า สินสอดที่เค้าเรียกกันเป็นล้าน คนต่างชาติได้ฟังเผ่นทุกราย ใครจะไปรับได้ ตราบใดที่ครอบครัวเรายังนึกถึงอำนาจเงิน ก็อย่าหวังว่า จะมีต่างชาติมาขอแต่งงาน  จะมีก็แก่คราวพ่อ มหาเศรษฐีรุ่นปู่ รุ่นเดียวกันหายากเพราะเค้ากำลังสร้างตัวกัน ถ้าเป็นพี่ พี่จะโทรบอกให้แฟนมารับ สินสอดทองหมั้นไว้ทีหลัง ในเมื่อรักแฟนอยากมีอนาคตร่วมกันช่วยไม่ได้ อธิบายให้ครอบครัวเราฟังทีหลัง จะดีกว่า อันนี้ก็แล้วแต่นะคะ แต่อย่าว่าแต่คนอื่นเลย พี่เองก็รับไม่ได้ ที่พ่อแม่เรียกสินสอดแพงๆ เหมือนขายลูกยังไงไม่รู้ จากคุณ : กระบุงกระหนุงกระหนิง - [ 26 ก.ค. 48 12:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอโทษนะค่ะ  สำหรับเรา 7 หลักต้น ๆ มันก็เยอะมาก ๆ นะ  ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึงนะค่ะ  อย่าว่ากันนะ  คือ ถ้าเป็นคนไทยด้วยกัน  จะเรียกสินสอด 7 หลักต้น ๆ หรือเปล่าค่ะ  คือเราฐานะปานกลาง  เห็นว่าเยอะมาก ๆ เลยค่ะ (เดาเอาว่า 7 หลักต้น ๆ ประมาณ 3-4 ล้าน) แต่จริง ๆ ก็ไม่รู้  เพราะถ้าครอบครัวคุณมีฐานะดีมาก ๆ   ก็คงเป็นหน้าตาของพ่อแม่ (ผู้ใหญ่เค้าคงคิดแบบนี้)   ^ ^ ^ เราขนาดลูกคนเดียว  แต่บ้านเราฐานะธรรมดา แม่เป็นแค่ข้าราชการ (จนๆ)   แม่เราสินสอดไม่เอา  แถมข้าวสารอีก 10 กระสอบ -- แต่ห้ามเอาคืน -- แฮะๆ จริง ๆ แม่บอกว่า  ถ้าแฟนดีกับเรา  เลี้ยงดูเราอย่างที่แม่เลี้ยงได้  แม่ก็ดีใจแล้วนะ จากคุณ : ไม่สวยแอบโง่ - [ 26 ก.ค. 48 14:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แฟนคนแรกค่ะ อย่าเพิ่งคิดมาก  อาจจะเป็นพรหมลิขิตแล้วให้เขาตอบรับพ่อแม่เรา แต่พอมาดูแล้วทำจริงไม่ได้ จริงๆถ้าบอกต่อหน้าพ่อแม่อาจจะมีการประนีประนอมกันได้ บางทีอาจเป็นตัวอย่างสำหรับคุณพ่อคุณแม่คุณต่อไปว่า บางครั้งการเรียกร้องมากเกินไป ก็ทำให้ลูกสาวตัวเองเป็นฝ่ายเสียใจ คุยกะพ่อแม่ดูสิคะ คิดว่าทั้งคุณและแฟนไม่ค่อย speak up ลองจับเข่าคุยกันอย่างเปิดอก อธิบายพ่อแม่ก่อน อาจจะมีคำตอบที่ดีที่สุด ทั้งสองฝ่ายสบายใจด้วยกันทั้งคู่ อย่าปล่อยทิ้งไปอย่างนี้ค่ะ  แต่ถ้าน้องคิดว่ามันเป็นไปตามชะตากรรม ก็ทำใจแล้วอย่าปิดตัวเองนะคะ หลายคนบอกว่ารักแรกมักไม่สมหวัง ก็ลองเชื่อไว้บ้างก็ได้ค่ะ จากคุณ : Smiley & Laurens - [ 26 ก.ค. 48 15:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คิดให้ดีนะคะการที่คุณสองคนคบกันไม่ได้เพราะสินสอดมันเป็นอะไรที่รับไม่ได้ และอีกอย่างครอบครัวของคุณก็เรียกสินสอดเป็นเงินจำนวนมาก การที่คนที่จะมาเป็นสามีคุณได้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่จำนวนเงิน(ใช่ไหมคะ)มันอยู่ที่ว่าเค้านะรับผิดชอบแค่ไหนและเป็นคนดีไหมและที่สำคัญคุณรักเค้า คุณต้องถามตัวเองว่าคุณต้องการเงินหรือตัวเค้า แล้วครอบครัวของคุณ คุณควรที่จะจะพูดให้เค้าเข้าใจเพราะเรื่องนี้มันเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่มันคือทั้งชีวิตของคุณ มัน คุณต้องมีครอบครัวของคุณเอง แต่มันก็เป็นการตัดสินใจของคุณเองไม่มีใครบังคับคุณได้  คิดให้ดีนะถ้าเค้าดีจริงคุณก็ไม่น่าที่จะปิดโอกาสตัวเอง เพราะโอกาสมันไม่ได้มีบ่อยนัก จากคุณ : gullyton (gullyton) - [ 26 ก.ค. 48 18:52:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาอีกแล้วเรื่อง สาวไทย เจ้าบ่าวต่างชาติ กับเงินสินสอด ดิฉันเข้าห้องแม่บ้านมาเกือบ 4 ปี จะเจอกระทู้ทำนองนี้แทบทุกเดือน ปัญหานี้ดิฉันก็เจอค่ะ ก่อนที่จะบินมาอยู่ที่นี่ ทะเลาะกับทางบ้านเรื่องสินสอดนี่ล่ะค่ะ แฟนดิฉันเพิ่งอายุ 25 จบมาได้ไม่กี่ปี ทำงานก้นยังไม่ทันร้อน ไม่มีเงินให้สินสอดทางบ้านได้มากๆ หรอกค่ะ ดิฉันกะให้แสนเดียว และให้แบบผ่อนให้ด้วยค่ะ เพราะไม่มีจริงๆ สามีทำงานคนเดียว กะให้แม่เดือนละ 80 - 100 ยูโรเป็นเวลาหนึ่งปี ถ้าให้ครบหนึ่งปี คิดว่าจะประมาณแสนหนึ่ง ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่าแม่ดิฉันจะยอมหรือเปล่า จะก็ต้องทำแบบนี้ล่ะค่ะ เพราะไม่มีจริงๆ เงินผ่อนเป็นค่าสินสอดนี่ก็ต้องเรียกว่าประหยัดกันสุดฤทธิ์นะค่ะ เพราะไหนจะค่าเช่าอพาร์เม้นต์ ค่าน้ำมันรถไปทำงานของแฟน ค่ากับข้าว ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เริ่มจะเซ็งกับค่านิยมเรื่องสินสอดมากขึ้นทุกวัน เพราะดิฉันก็พยายามอธิบายให้ทางบ้านเข้าใจว่าสามีดิฉันหาเงินคนเดียว ควรจะเข้าใจด้วย สามีเป็นคนดีมาก ให้เห็นกับความดีของเค้ามากกว่าเรื่องเงินสินสอด แม่ก็บอกว่าไม่ได้ อายเพื่อนบ้าน ปัญหาก็ตกมาที่ดิฉันอีกต้องมานั่ง อธิบายให้สามีเข้าใจถึงประเพณ๊ไทย แต่คุณเธอก็ตอกกลับมาให้เจ็บแสบเหมือนกัน ว่าเหมือนขายลูกกินเลย ประเทศเค้าไม่เคยมี ที่เล่ามาอาจจะไม่ได้ช่วย จขกท มากนัก ออกจะเป็นแนวบ่นๆ ด้วยซ้ำ ได้แต่ให้กำลังใจค่ะ ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี จากคุณ : บุ้ง - [ 26 ก.ค. 48 20:44:38 A:62.194.50.191 X: TicketID:103125 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คิดว่าทางคุณพ่อคุณแม่ขอสินสอดมากไปนะคะ เราไม่ควรเลียนแบบดาราหรือคนไฮโซที่จะไปเรียกสินสอดมากขนาดนั้นนะ เงินเป็นล้านนี้หาไม่ได้ง่ายๆสำหรับคนไทยทำงานธรรมดาๆทั่วไปก็ต้องออมกันนาน นอกจากคนทำธุรกิจหรือรวยมาตั้งแต่ต้นตระกูลน่ะ ควรอธิบายให้พ่อแม่เข้าใจว่าฝรั่งไม่ได้รวยเสมอไป บอกจากฝรั่งแก่ๆ หรือคนที่ได้รับมรดกจากพ่อแม่ ถ้าคนทำมาหากินเค้าก็มีเงินพอที่จะเลี้ยงดูเราไม่ให้เดือดร้อน มีหน้าที่การงานทำดี ไม่ขัดสนเงินทองก็น่าจะพอใจแล้ว หากพ่อแม่เข้าใจจุดนี้ก็น่าจะเรียกร้องสินสอดให้น้อยลงนะคะ ดิฉันเองคุณพ่อแม่คุณแม่ไม่ได้บอกจำนวนว่าเท่าไหร่ ให้เค้าพิจารณาเอาเองจะมาตรฐานทั่วๆไปที่ชาวบ้านเค้าให้กัน ไม่ควรมากหรือน้อยเกินไป เค้าดูเค้าก็ควรจะรู้เองว่าฐานะเราที่เมืองไทยเป็นอย่างไร ให้มันสมน้ำสมเนื้อน่ะ จริงๆเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำคัญที่เค้ารักเราจริง เป็นคนดี เท่านั้นก็ดีมากพอแล้วค่ะ เรื่องสินสอดนี้เคยอ่านเจอในเว็ปไซด์หนึ่งที่ฝรั่งเขียนดูถูกสาวไทยว่าถ้าอยากมีเมียไทยแค่พกเงินไปสองสามหมื่นก็ไปคว้าสาวชาวบ้านมาเป็นภรรยาได้แล้ว อันนี้คือความคิดของเค้า สำหรับแฟนคุณเค้าอาจจะไปเปรียบกับจุดนี้ทำให้เห็นว่ามันมาก คุณน่าจะอธิบายให้เค้าเห็นว่าแต่ละครอบครัวมันต่างกัน สถานะทางสังคมก็ไม่เหมือนกัน เงินจำนวนหนึ่งสำหรับบางบ่านอาจจะมากเสียเหลือกเกิน แต่สำหรับบางครอบครัวดูเป็นเศษเงินของเค้าเท่านั้นเอง แต่เราก็ไม่ควรจะเป็นเรียกร้องเงินที่มันมากเกินฐานะครอบครัวเราจนเกินไปแบบว่ากะรวยครั้งเดียวจากงานแต่งลูกสาวน่ะค่ะ ทำอะไรให้พอเหมาะพอควรไม่โอเว่อร์มากไปจะดีกว่า แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 48 20:48:48 จากคุณ : Mimi_Ne - [ 26 ก.ค. 48 20:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าบ้านคุณมีฐานะร่ำรวย เรียกขนาดนั้นก้อไม่แปลกนะ ถือว่ารักษาหน้า ถ้าไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่เรียกขนาดนั้นก้อถือว่า...(ละในฐานที่เข้าใจ) ในเมื่อคุณเลือกครอบครัวแล้วก้อทำใจเถอะค่ะ จากคุณ : Robotoon - [ 26 ก.ค. 48 21:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เข้าใจเจ้าของกระทู้ค่ะ เพราะของตัวเองแต่งก็มีสินสอด7 หลักเช่นกัน แต่ว่าตัวดิฉันเรียกเองค่ะ พ่อแม่ท่านว่าแล้วแต่ จะจัดมา.....แต่ดิฉันคำนวณแล้วว่าขนาดนี้พอได้ แรกเริ่มคุณพ่อเรียก 5 ล้าน เรียกเพื่อต้องการให้ผู้ชายหนี เพราะว่าท่านไม่อยากให้แต่งกับต่างชาติ แล้วต้องไปอยู่ ไกล ๆ อีกอย่างดิฉันคล้าย ๆ กับคุณคือ ดูใจกันได้ปีกว่า พูดถึงเรื่องแต่งงานเลย....ดิฉันมาคิด ๆ ดู มันก็เร็วไป ก็เลย ดู ๆ ใจกันไปก่อน จนเกือบเข้าปีที่ 5 ถึงตกลงปลงใจ พอ เราใช้เวลาดูกันนาน...พ่อแม่ก็มีโอกาสศึกษาตัวผู้ชายไป ด้วย...สุดท้ายท่านถึงไม่เรียกเลย หากคุณมีความรู้สึกว่า "สินสอด" เปรียบเสมือนการขายตัว คุณให้กับผู้ชาย ทางที่ดีที่สุด คือคุณพยายามทำงาน แล้ว เก็บตังค์ตัวเองเพื่อช่วยค่าสินสอด เพราะคนที่สมควรจะรับ ผิดชอบเลี้ยงดูพ่อแม่ของเรา ก็คือตัวเราเอง...ไม่ใช่ฝ่าย ผู้ชาย แต่หากว่าเค้ายินดีที่จะช่วยเลี้ยงดู ก็ถือว่าคุณถูก หวยรางวัลที่ 1 ค่ะ คุณไม่มีความจำเป็นต้องบีบทั้งตัวคุณ และผู้ชาย ไม่ต้อง เร่งรัด สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้ไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย ต่อ ให้ไม่ใช่ผู้ชายคนนี้....คนใหม่จะเจอปัญหาเดียวกันนี้หรือ เปล่า (แล้วสุดท้ายคุณจะได้แต่งงานหรือเปล่า) แนะนำว่าก่อนที่คุณจะพาอีกฝ่ายไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ คุณควรที่จะเรียนรู้อีกฝ่ายนึงให้กระจ่าง พอ ๆ กับคุณรู้จัก พ่อแม่ของตัวเอง....การแต่งงานข้ามชาติ ข้ามวัฒนธรรม ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าเป็นไปไม่ได้ สำคัญสุด ต้องให้ทั้งสองฝ่ายเรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยมีพื้นฐานที่ตั้ง อยู่บนความเป็นจริง โดยที่ไม่ใช่การวาดฝันค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 26 ก.ค. 48 22:32:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอพอประมาณก็คงพอค่ะ แสนหรือสองแสนกำลังดี แต่ถ้ารอเอาเงินล้าน แก่ตัวไปถ้าแน่ใจว่าจะได้ก็รอไปเถอะค่ะ แต่ถ้าแต่งงานกับคนนี้แล้วไปอยู่ เมืองคุณอาจจะได้มีโอกาสก้าวหน้าเรียนต่อ หรือได้งานดี ๆ คุณต้องได้ มากกว่าล้านแน่นอน คิดดูให้ดีอย่าให้ความหวังต้องหยุดลงแค่เงินค่า สินสอดเพียงแค่นี้ ที่สำคัญต้องดูให้ดีว่าผู้ชายคนนี้ดีจริงหรือเปล่า จากคุณ : เสียงซึง - [ 26 ก.ค. 48 23:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดูท่าทางเพื่อนเจ้าของกระทู้ก็อยากที่จะให้เค้าให้สินสอด 7 หลักเหมือนกันนะค่ะ เพราะว่าถ้ารักกันจริงเพื่อนคุณคงต้องคุยกับแม่หรือพ่อแล้ว คิดดูนะค่ะ เมื่อเวลาคุณไปอย่กับเค้าที่นั้นถามนิดคณสามารถหาเงินเองได้เลยหรือเปล่า ก็ไม่ต้องใช่เงินกับเค้าอีก ของเราคุยกับพ่อแม่แล้ว พยายามบอกว่าแฟนหาเงินคนเดียวอีกอย่างอยู่ที่นั้นเราก็ต้องใช้เงินกับเค้าและก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ส่งเงินกลับมาอีกสักหน่อย ยังไงก็ต้องส่งมาจนกว่าใครตายไปข้างล่ะค่ะ บอกเพื่อนคุณนะค่ะ ถ้าคิดว่ารักกันจริงคุณต้องลองคุยกับพ่อแม่คุณอีกครั้งนะค่ะ จากคุณ : monzy - [ 27 ก.ค. 48 00:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ดิฉันรู้จักคุณพ่อบ้าน4ชั่วโมงเราก้อตกลงเป็นแฟนกันค่ะ(อยู่ก่อนแต่ง)เงินเดือนที่คุณพ่อบ้านไปเป็นลูกจ้างหลังจากบริษัทล้มละลายดิฉันได้รับเต็มๆ2ปีค่ะ และนั่นแหล่ะคือค่าสินสอดที่คุณพ่อบ้านผ่อนส่งให้ดิฉันก่อนจดทะเบียนสมรสเฉยๆไม่มีพิธีแต่งจนเท่าทุกวันนี้     ดิฉันยังส่งเสียญาติพี่น้องตามปกติ แต่ไม่มากเหมือนก่อนเพราะตอนนี้เพิ่งจะมีบ้านเป็นของตัวเองน่ะค่ะ(หลังจากเกาะแม่สามีมานาน) ทางที่ดีดิฉันแนะนำให้คุณตามใจของตัวเองดีกว่า เลือกในสิ่งที่ใจต้องการ ส่วนผลได้รึเสียเนี่ยคิดว่าเรื่องแบบนี้แก้ไขได้ด้วยดีแทบทุกคู่นั่นแหล่ะค่ะ ฟังๆดูแล้วคุณก็ยังมีใจกับเขาอยู่? ไม่งั้นคงไม่ปวดใจหรอกค่ะ ลองเริ่มต้นใหม่อีกสักครั้ง โปรดอย่าทำร้ายหัวใจตัวเองเลยยนะคะ ... มานบาปเน้อทรมานใจเนี่ยยยย จากคุณ : ศิริรักษ์ - [ 27 ก.ค. 48 00:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดิฉันก็แบบว่า แฮ่ะ ๆ ต้องหนีตามสามีมาค่ะ แม่รับรู้ และเข้าใจทุกอย่างและช่วยปกปิดไม่บอกพ่อ พอดิฉันมาอเมริกาได้วันนึง แม่ค่อยบอกพ่อค่ะ พ่อเลยโทรมาต่อว่านิดหน่อย และก็อวยพรให้ ตอนนี้ก็ทำงาน ส่งเงินให้ทางบ้านตลอด ชีวิตเรา บางทีเราก็ต้องตัดสินใจเองค่ะ จากคุณ : *~กลับไม่ได้..ไปไม่ถึง~* - [ 27 ก.ค. 48 02:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ฝรั่ง (เมกัน) ไม่มีสินสอด เวลาแต่งงานกันส่วนใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นคนจ่ายค่างานเลี้ยงทั้งหมดคะ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่เขารับไม่ได้คะ จากคุณ : Angel Tanya - [ 27 ก.ค. 48 03:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณต้องคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจนะคะว่า ฝรั่งถ้าไม่ได้เกิดมาในตระกูลรวยสุดๆ เงินมากขนาดนั้นเขาคงไม่มีให้หรอกค่ะ ถ้ามีให้ได้ก็อาจจะหมดเนื้อหมดตัว กู้หนี้ยืมสิน ถ้าพ่อแม่คุณอยากได้สินสอดขนาดนั้น คุณอาจจะต้องแต่งงานกับผู้ชายที่เหลือแต่ตัวแถมแบกหนี้ไว้ด้วย ฝรั่งส่วนใหญ่เขาทำมาหากินเลี้ยงชีพเองโดยไม่มีพ่อแม่เป็นแบ๊คอัพเหมือนคนไทย ที่พอลูกชายจะแต่งที พ่อแม่ก็ช่วยหาเงินเป็นค่าสินสอด เงินเป็นล้านบางคนเขาทำงานกันทั้งชีวิตนะคะ ถ้าหากคุณรักแฟนคุณจริงๆ และอยากแต่ง คุณก็ต้องพูดกับพ่อแม่คุณให้เข้าใจว่า ควรเห็นแก่ความสุขของคุณบ้าง ไม่อยากให้คุณท้อใจ ก็ลองคบหาดูใจกันไปก่อนก็แล้วกัน เพราะระยะเวลาที่คบกันก็ไม่นานมาก ถ้าด่วนแต่งงานโดยที่ไม่รู้จักกันให้ลึกซึ้ง แต่งแล้วมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอาจจะมีปัญหาค่ะ รอเวลาให้พร้อมกว่านี้ พ่อแม่คุณอาจจะใจอ่อนก็ได้ค่ะ (ไม่แน่พอคุณมาแววจะขึ้นคาน อาจจะมีการลดแลกแจกแถม อิอิ) คิดอีกแง่คือ เป็นการพิสูจน์ไปด้วยว่า ผู้ชายจะมั่นคงกับคุณแค่ไหน จากคุณ : ปอมปอมเกิร์ล - [ 27 ก.ค. 48 03:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าแฟนเพิ่งทำงานยังไม่มีเงินเก็บด้วยตัวเองหรือไม่ได้เป็นลูกคนรวยมากมากที่ขอเงินพ่อแม่ใช้ มันก็ยากนะคะเพราะบางทีพ่อ แม่เขาอาจคิดว่าพ่อแม่เขาทำงานมาตั้งนาน(บางคนเก็บมาค่อนชีวิต รับผิดชอบตัวเองตั้งแต่วัยรุ่น)ต้องเอาเงินที่เก็บมาให้ลูกชายไปแต่งผู้หญิง ซึ่งก็ไม่ใช่แต่ฝ่ายสาวที่กลัวผู้ชายหลอก ฝ่ายชายเขาอาจจะกลัวอยู่เหมือนกันนะคะ ของไอซ่าสินสอดไม่มาก แค่เบาะเบาะ ก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ เพราะค่าเดินเรื่องมาต่างประเทศพ่อเขาก็จัดการให้ทั้งหมดแล้ว(กลัวเขาหนี ต้องรีบรวบหัวรวบหาง)ตอนหมั้นนี่ยายจ้องเลยจะให้แผ่เงินสินสอดให้ดู อิอิ แต่เกรงใจพ่อ พ่อก็คืนให้หมดไม่เอาเลยด้วยซ้ำให้ลูกเป็นก้นถุงมาอยู่ไกล จากคุณ : ไอซ่า - [ 27 ก.ค. 48 04:30:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านที่คุณปอมปอมเกิร์ลบอกว่า "พอแก่ตัวแล้วอาจมีลดแลกแจกแถม" ทำให้ดิฉันนึกถึงตัวเองเลยค่ะ นึกทีไรขำทุกที ว่าก่อนจะแต่งเนี่ย (หมายถึงจดทะเบียนสมรสนะ ไม่ใช่การจัดงาน) อาผ่อหรือยายของดิฉันเนี่ย เป็นกังวลแทนแม่มากๆ ว่าเมื่อไรดิฉันจะได้แต่งงาน "อาพาธูอ๊า เมื่อราย แฟงลื้อ มังจะมารับตัวไปเสียที ลื้อชักแก่แล้วนา อาผ่อจะแก่ตายอยู่แล้ว ลื้อยังไม่ล่ายแต่ง แล้วมังจะมารับตัวไปมั้ย แม่ลื้อไม่ต้องไปเรียกอะไรมังนะ เดี๋ยวมังไม่กล้ามาเอาลื้อปาย งางเงิง เลี้ยงคงอารายนี่ ม่ายต้องมีนา เปลืองชิกหายยยย" แล้วอาผ่อก็สิ้นใจไปก่อนดิฉันได้แต่งงาน นึกถึงตรงนี้ก็เศร้าใจ แต่นึกถึงที่แกพูดแล้วขำ...ทุกที คิดถึงอาผ่อ ส่วนเรื่องค่าสินสอดนั้น นึกถึงตอนที่แม่ให้เข็มเย็บผ้าแบบเป็นกระปุก ที่แกไปซื้อมาจากตลาดนัด แล้วอยากให้ดิฉันเอามาฝรั่งเศสด้วย คือแกกลัวว่าที่ฝรั่งเศสจะหาซื้อเข็มไม่ได้ ดิฉันก็ไม่รู้ว่าแกไปเอาความคิดนี้มาจากไหน แล้วก็มาขู่เข็ญกับดิฉันว่า "พธู เอาเงินมาให้แม่ 1 บาท" "ทำไมล่ะแม่ จะเอาไปทำไม" (ดูสิ กะอีแค่ 1 บาท ดิฉันก็ไม่รู้จะถามไปทำไม) "ไม่ต้องถาม เอามาเร็วๆ" ในมือยังถือกระปุกเข็มเอาไว้ "สลึงนึงได้ไหม 1 บาทไม่มี" "แล้วมาต่อทำไม มีเท่าไรยื่นมาเร็ว" แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าจะเอาไปทำไม พอได้รับเหรียญ 1 บาทไปแล้ว แม่ก็เอากระปุกเข็มนั้นยัดใส่มือ ท่ามกลางความงุนงงของดิฉัน "โบราณเขาว่า ของมีคมนั้น ไม่ควรให้กัน ไม่ว่าจะเป็นเข็มหรือมีด เพราะจะทำให้เกิดอัปมงคลแก่ผู้รับ ดังนั้นก็ต้องแก้เคล็ดว่า ทำเป็นซื้อ-ขายกัน จะเท่าไรก็ได้ จ่ายมาก็แล้วกัน" เลยถึงบางอ้อ... ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องสินสอดไหม แบบว่าอยากเล่า เฮ้อ คิดถึงแม่จัง จากคุณ : พธูไทย - [ 27 ก.ค. 48 05:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ฝรั่งรับไมไ่ด้หรอกค่ะ ตามธรรมเนียมเขาแค่หาแหวนหมั้นให้ฝ่ายหญิงเท่านั้นก็พอ ราคาแหวนก็หลักแสน ไม่ใช่หลักล้านค่ะ พอทางพ่อแม่คุณเรียกสินสอดตั้งแพงขนาดนั้น ฝรั่งไม่เข้าใจ ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าคนไทยขายลูก จริงๆแล้ว พ่อแม่ส่วนใหญ๋ที่ไม่เห็นแต่เงิน หรือหน้าตาตัวเองมักจะเรียกพอเป็นธรรมเนียมค่ะ หรือไม่ก็ยกให้เลยฟรีๆ จะให้เงินทองเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ ก็จบลงอย่างนี้ล่ะค่ะ คนเราต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวนะคะ ขอโทษด้วยที่ดิฉันไม่เห็นด้วยกับคุณและพ่อแม่ของคุณ จากคุณ : yinnerella - [ 27 ก.ค. 48 09:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อืม... ตอนเราแต่งงานพ่อแม่ไม่เรียกเงินเลย ขอแค่เรามีความสุขก็พอแล้ว... ก็อย่างที่หลายท่านบอกนั่นแหละว่า ฝรั่งเขาไม่มี "สินสอด" หรอกค่ะ... ลองคิดดูในมุมนี้สิคะว่า หากคุณแต่งงานกับเขาแล้ว เขาจะต้องเลี้ยงดูเราตลอดชีวิตนะคะ อาจจะมากกว่าสินสอดนั่นอีก... ชีวิตแต่งงานไม่ได้อยู่ตรงที่เงินสินสอดหรอกนะคะ แต่อยู่ที่คนสองคนที่จะสร้างชีวิตใหม่ด้วยกันต่างหาก... จากคุณ : BlackmagicW - [ 27 ก.ค. 48 11:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พูดถึงสินสอดแล้วขำพ่อบ้านเก็บของกลับบ้านแทบไม่ทัน แต่สุดท้ายก็จ่าย เรามีแม่เค็มสุดท้ายเราเค็มบ้างแก้เข็ด ก่ะจะแกล้งแม่สักพัก หาว่าพ่อบ้านเรางก ที่ไหนใด้เค้าให้แต่เราเบื่อ ถ้าไม่พูดถึงเงินนี่ จะได้มั้ย ก็เลย แกล้งสักพัก ตอนนี้ ไม่อยากพูดถึงเรื่องเงินเลย จากคุณ : menzel - [ 27 ก.ค. 48 11:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 น่าจะเห็นใจคนรักกัน ไม่น่าเรียกแพงขนาดนั้นเลย อยู่ด้วยกันก้อได้มากกว่านั้นอยู่แล้ว เห็นเขาเป็นต่างชาติเรียกซะ ขนลุกเชียว แบบนี้กี่รายก้อช้ำหมด *-* จากคุณ : s_manavvan - [ 27 ก.ค. 48 12:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องสินสอดเป็นเรื่องละเอียดอ่อนค่ะ ถ้าครอบครัวไหนตกลงกันได้ก็โชคดีไปค่ะ ลองอธิบายพูดคุยกันตรงๆน่าจะหาข้อตกลงได้นะค่ะ... ตอนเราจะแต่งงานพอเพื่อนบ้านรู้ว่าว่าที่เจ้าบ่าวเป็นชาวต่างชาติมาเลยค่ะลุกขึ้นมาถามถึงบ้านว่านี่แม่เราได้สอนสอดเท่าไหร่...แม่เราตอบไปเลยว่าไม่เรียกให้ทางเข้าจัดงานมาสู่ขอตามธรรมเนียมไทยอย่างถูกต้องก็พอ... เพราะท่านเห็นว่าเรายังต้องย้ายมาเริ่มต้นชีวิตคู่กับสามีอีก เอาเงินตรงนั้นมาสร้างครอบครัวดีกว่า...ทุกวันนี้เลยกลายเป็นสามียิ่งรักเคารพพ่อแม่เราที่เมืองไทยมากขึ้นไปอีกเหอๆ จากคุณ : Anne- cafe au lait - [ 27 ก.ค. 48 14:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้ารักกันจริงนะคะ เรื่องสินสอดไม่ต้องเรียกหรอกค่ะ แล้วแต่เค้าจะให้ แบบพองาม เอาเป็นธรรมเนียมก็พอ จริงอย่างที่คุณๆ ข้างบนบอกมาค่ะ ธรรมเนียมฝรั่ง เวลาจัดงานแต่งงาน ฝ่ายผู้หญิงเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดค่ะ แต่ที่ไทย เค้าคง งง ว่ามีสินสอดด้วยหรือ แถมยังเยอะอีกต่างหาก   เลือกเอาละกันค่ะ ชีวิตคุณ คุณย่อมรู้ดีว่าอะไรที่สำคัญที่สุด อยากได้อะไร ป.ล. คงไม่ไป Maui แล้วใช่ไหมคะ จากคุณ : sandpainter - [ 27 ก.ค. 48 15:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เฮ้อ ของเราสามีไม่ใช่ฝรั่ง เป็นคนจีนมาเลย์ พอพูดถึงสินสอด เค้าก็อึ้งเพราะบ้านเค้าก็ไม่รวย เค้าให้มารู้สึกจะแปดหมื่น หรือแสนสองบาทนี่แหละ พ่อเราก็อึ้งกับตัวเลข (แม่เสียไปนานแล้ว ไม่งั้นไม่รู้แม่จะว่าไง) แต่พ่อเติมเงินลงไปอีกเป็น สองแสนสี่ (คือเค้ากลัวว่าญาติจะว่าน้อย) กลัวลูกเขยส่งคืน อิอิ วันแต่งงานพ่อเขียนเช็คให้อีก เป็นเลขหลายหลัก (โนรีฟัน แอน รีเทิร์นน่ะ แถมเงินอีก 33 แล้วอ่ะตอนนั้น โบกี้ท้ายสุด)   ทีเล่ามาไม่ใช่อะไร คือถ้าพ่อแม่คิดว่าคนของเราดี มีปัญญาที่จะเลี้ยงเราได้ สินสอดไม่ใช่เรื่องหลัก แล้วที่เรารู้คือเงินที่สามีเราใช้ในการแต่งงาน ซื้อแหวน และทุกอย่างเป็นเงินน้ำพักน้ำแรงของเค้าทั้งนั้น ไอ้น้องชายเรา แต่งทีสินสอด พ่อก็ให้ แหวนก็เงินพ่อ งานก็พ่อออกตังค์ (ใครแต่งอ่ะเนี่ย) ความรู้สึกต่างกันนะ (อ้อ น้องสามีเราแต่ง ก็ไม่มีสินสอดนะ แฟนเค้าบอกไม่มีเงินให้อ่ะ ไม่งั้นก็ไม่แต่ง แต่ทางฝ่ายหญิงก็ไม่เรียกนะ แล้วก็ช่วยกันจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ ) ** เข้ามาแก้ตัวเลข และเพิ่มเติมข้อความนิดหน่อย น่ะค่ะ) แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 48 21:55:04 จากคุณ : sivalee - [ 27 ก.ค. 48 16:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณอาจจะต้องแยกประเด็นสินสอด กับครอบครัว ออกจากกัน เพราะถ้าเอามาเป็นประเด็นเดียวกัน ท้ายสุดมันก็จะเป็นเงื่อนไขอย่างที่คุณและหลายคนเจออยู่ สินสอดก็เป็นแค่องค์ประกอบของพิธีกรรมที่เมื่อผ่านยุคสมัยที่หมดความเหมาะสมมันก็ควรจะลดความสำคัญลง หรือมีวิธีจัดการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นเหมือนกับประเพณีพิธีกรรมหลายๆอย่างของบ้านเราที่ล้าสมัยไปแล้ว เดิมก็เป็นแค่ค่าน้ำนม(ลูกชายสามารถบวชทดแทนพ่อแม่ได้ แต่ลูกสาวทำไม่ได้จึงต้องเรียกสินสอดแทน) ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันตามฐานะ ดิฉันเคยเจอสินสอดหกสลึงมาแล้วเพราะพ่อแม่ฝ่ายผู้หญิงเรียกแค่เป็นพิธี ตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันมีความสุขดีถึงแม่จะไม่ร่ำรวย ถ้าคุณยืนยันกับครอบครัวที่ตัวเลขซึ่งคนที่คุณรักสามารถจ่ายได้ คุณอาจจะได้สามีที่ดี+ครอบครัวที่อบอุ่น แล้วค่อยทะยอยจ่ายส่วนต่างที่เหลือไปเท่าที่ทำได้ภายหลัง 10 ปี20 ปีก็ไม่สายเป็นทรัพย์สินหรือเป็นเจ้าตัวเล็กๆที่เรียกคุณตาคุณยายไม่ชัด (น่าจะมีค่ามากกว่าเลข 7 หลัก) แต่ถ้าคุณยืนยันตัวเลขที่ครอบครัวติดป้ายไม่มีดิสเคาท์ วันนึงอาจจะต้องขึ้นป้ายว่า antique ด้วยกระมัง จากคุณ : ร่วมฟ้า-เรียงฝัน - [ 27 ก.ค. 48 16:52:11 A:213.119.102.192 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 พ่อกับแม่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรคะโอ้โฮ    น่าอิจฉาคุณ sivalee จังนะคะที่คุณพ่อให้เงินก้นถุงเป็นล้าน ล้าน เลย คุณsivalee เป็นแม่บ้านสิงคโปร์ใช่มั้ยคะ สามีดิฉันก็ อยูํํฺํ่่ที่สิงคโปร์คะ เจอกันตอนที่ดิฉันเรียนอยู่ที่นี้จนตอนนี้ได้งานทำที่นี้จนแต่งงานกัน ตอนนี้กำลังรอที่จะ apply for PR แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะตัวเองก็จบแค่ปริญญาตรีี แล้วก็ทำงานที่นี้ คุณsivalee ตอน apply for PR น่าจะง่ายมากเลยนะคะ เพราะจบตั้งปริิญญาโท จากคุณ : moonoi_mookae - [ 27 ก.ค. 48 17:22:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แฮะแฮะ ไอ้ที่ได้มาตอนนี้พ่อก็เอาไปตาวน์ซื้อคอนโดให้คนเช่าแล้วล่ะ ไม่ได้จับเงินเท่าไหร่ อ่ะฮะ กลัวลูกสาวไปไม่รอด กลับมาก็ยังมีอะไรติดตัวมั้งคะ คุณจขกท คะ  ลองคิดดีๆก่อนตัดสินใจ แต่งกับคนต่างชาติ เราต้องปรับตัวเยอะ แต่นี่ยังไม่ทันได้ปรับ แต่ต้องเลิกเพราะสินสอดอ่ะ  หลายๆคู่ก็พบปัญหานี้แต่ก็ผ่านมาได้นะคะ เอาง่ายๆ ถ้าสินสอดหลักล้าน ฝ่ายชายต้องมีกิจการซะเป็นส่วนใหญ่นะ แล้วฝรั่งต่างชาติที่มีกิจการน่ะ คงต้องระดับพี่ปุ๋ย ละมัง มันไม่ง่ายที่จะได้เจอนะ  ถ้าคิดว่ารถไฟขบวนนี้ยังไม่ใช่โบกี้สุดท้าย ก็ไม่เป็นไร (แต่บางที เราก็คิดว่าไม่น่าแต่งเลยแฮะ อยู่บ้านก๊ดีอยู่แล้ว ดันหาเรื่องมาเป็นแจ๋วที่นี้ เซ็งเลยตู ถอยก็ไม่ได้ พ่อไม่รับคืนแล้วอ่ะ เสียตังค์ไปเยอะแล้ว อ่ะฮ่ะ) คุณmoonoi_mookaeคะ   คงไม่มีปัญหาในการขอ PR มั้งคะ จบตรีที่สิงคโปร์เนี่ย รัฐบาลเค้าฃอบมากกว่าคนจบนอกประเทศเค้าค่ะ ได้แน่นอน ทำงานที่นี้ซะด้วย ไอ้เราที่เรียนมามันก็แค่แปะข้างฝาแล้ว เพราะตอนนี้เอามาเลี้ยงลูกอย่างเดียว  พักอยู่ที่ไหนคะ (ขอ pR ไม่น่าเกิน 2 เดือน คงได้ค่ะ โชคดีนะคะ) จากคุณ : sivalee - [ 27 ก.ค. 48 21:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ใจเย็นๆ ค่ะ คุณ จขกท. เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เข้าใจว่าคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องการให้งามหน้างามตา ว่าที่เจ้าบ่าวก็ไม่เข้าใจประเพณีนี้ ถ้าตามความเห็นส่วนตัว พี่คิดว่าสินสอดไม่จำเป็นนะคะ และหากกลัวว่าจะมีเพื่อนบ้านหรือใครๆ ถามว่าได้สินสอดเท่าไหร่ ก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ ถ้าเจ้าบ่าวเราเป็นคนดีพอ ตอนที่พี่แต่งงาน คุณแม่ก็ถามว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องสินสอดดี เพราะครอบครัวเราเรียกร้องเรื่องเงินไม่เป็น และไม่อยากทำด้วย (คุณแม่กับพี่สนิทกันเหมือนเพื่อน คุยกันได้ทุกเรื่อง ครอบครัวเราก็ไม่ได้ร่ำรวยค่ะ เป็นข้าราชการทั้งบ้าน) เราก็เลยตกลงกันว่า ไม่มีสินสอด และไม่มีประตูเงิน ประตูทอง ไม่มีการรับซองจากแขก ใครถามเรื่องนี้ ให้คุณแม่ตอบเลยว่า ไม่เรียกสินสอด เพราะค่าตัวลูกสาวมากเกินจะเทียบเป็นเงินได้ ตอนนี้ พี่ดูแลคุณแม่ทุกเดือน ส่งเงินให้ใช้จ่ายสบายๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ถ้าเทียบแล้ว เงินที่ส่งเพื่อดูแลคุณแม่ อาจมากกว่าค่าสินสอดในวันแต่งด้วยซ้ำไป ลองชั่งใจดูนะคะ หากเค้าเป็นคนดีพอที่จะร่วมชีวิตด้วย ลองอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่ฟังให้เข้าใจ ขอให้แก้ปัญหาได้นะคะ จากคุณ : pithagorus (pithagorus) - [ 27 ก.ค. 48 22:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แค่อยากเล่าบ้างคุ่ะ เราเองเป็นลูกสาวคนเล็ก  เรียนจบปริญญา เป็นความหวังของที่บ้าน เหมือนกัน แต่เราก็ตัดสินใจมาอยู่กับสามี โดยยังไม่ได้จัดพิธีการใด ๆ ทางเมืองไทยเลย แฟนเราเค้าก็ไม่รู้ประเพณีด้วย อธิบายไปก็คงจะเป็นเรื่องเข้าใจยากสำหรับเค้า เรามาจดทะเบียนที่บ้านแฟน และเราก็รู้ว่าเค้าคงยังไม่มีเงินสินสอดมาก ๆ พอ ที่จะทำให้พ่อแม่ได้หน้าได้ตา ถึงที่บ้านจะฐานะปานกลาง แต่ก็พอมีหน้ามีตา ในสังคมอยู่บ้าง  เป็นเรื่องยากมากที่เค้าจะเข้าใจในประเพณีอันนี้นะ ตอนตัดสินใจมาก็คิดแล้ว คิดอีก แต่ก็คิดว่านี่ก็ครอบครัวเราเราก็ไม่ได้ทิ้ง เรามีเราก็ส่งเสีย เพราะเราต้องกตัญญูต่อบุพการี แต่แฟนเราก็เป็น ครอบครัวเรา เราก็ต้องร่วมกันสร้างนะ ก็ต้่องช่วยกัน เราเพิ่งแต่งงานมาอยู่ที่สวิสยังไม่ถึงปี แต่ตั้งแต่หลังแต่งงานเราก็ ส่งเงินให้ที่บ้านตลอด แต่มันก็เป็นเงินเรานะไม่ใช่เงินสามี เค้าจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าประกันต่าง ๆ ค่าภาษีต่าง ๆ เราก็ช่วยบ้างนิดหน่อย ยังไงก็ลองคิดดู ให้รอบคอบ ก็แล้วกัน แฟนคุณถ้าคุณคิดว่าเค้าดี ยังไงก็ต้องศึกษากันนาน ๆ หรือตัดใจไปเลย ข้างหน้ายังมี ก็ขึ้นอยูที่ตัว ที่ใจ ของคุณเอง จากคุณ : salutation (salutation) - [ 28 ก.ค. 48 00:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สินสอดคุณมากค่ะ เสียดายค่ะถ้าคุณต้องเสียผู้ชายดีๆไปเพราะเรื่องสินสอด ตอนดิฉันแต่งเรียกไปแค่แสนแปดหมื่น ทองสิบบาท ค่าใช้จ่ายในงานเอาสินสอดนั่นแหล่ะจ่าย จบงานเหลือทำบ้านให้พ่อแม่แค่สี่หมื่น พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคุยกันกับสามีแล้วก็คนที่มาขอก็ตกลงตามนี้ ขืนเรียกเป็นล้านรักแค่ไหนสามีดิฉันก็คงไม่ไหวด้วยค่ะ ชาวบ้านบอกคนโน้น คนนี้สินสอดเป็นล้านดิฉันไม่สนค่ะ พอใจแค่นี้ แล้วที่สำคัญสามีก็เต็มใจจ่ายแค่นี้ ดิฉันก็ไม่อยากให้เขาแต่งกับดิฉันด้วยความเครียด เงินเก็บเขามีแต่สามีฐานะแค่ปานกลาง ต้องมีเงินเก็บสำรองไว้บ้าง ทุกวันนี้ตัดสินใจไม่ผิดค่ะ เพราะอยู่ๆกันมาสามีก็มีน้ำใจกับครอบครัวให้เรื่อยๆ รวมๆแล้วมากกว่าสินสอดค่ะ คุณจขกท.คิดให้ดีๆน่ะค่ะ เงินล้านเยอะสำหรับฝรั่งน่ะค่ะ อย่าคิดว่าเป็นฝรั่งคูณเป็นเงินไทยแล้วไม่มาก แฟนคุณอาจจะไม่ใช่เศรษฐี คนเราไม่เหมือนกันค่ะอย่าเอาไปเปรียบกับฝรั่งคนอื่น ถ้าเขาเป็นคนดี คุณคบกันก็น่าจะรู้ ไม่ควรเอาสินสอดเป็นเรื่องหลักค่ะ จากคุณ : เวนิซ (เวนิซ) - [ 28 ก.ค. 48 00:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แค่อยากเล่าบ้างคุ่ะ เราเองเป็นลูกสาวคนเล็ก  เรียนจบปริญญา เป็นความหวังของที่บ้าน เหมือนกัน แต่เราก็ตัดสินใจมาอยู่กับสามี โดยยังไม่ได้จัดพิธีการใด ๆ ทางเมืองไทยเลย แฟนเราเค้าก็ไม่รู้ประเพณีด้วย อธิบายไปก็คงจะเป็นเรื่องเข้าใจยากสำหรับเค้า เรามาจดทะเบียนที่บ้านแฟน และเราก็รู้ว่าเค้าคงยังไม่มีเงินสินสอดมาก ๆ พอ ที่จะทำให้พ่อแม่ได้หน้าได้ตา ถึงที่บ้านจะฐานะปานกลาง แต่ก็พอมีหน้ามีตา ในสังคมอยู่บ้าง  เป็นเรื่องยากมากที่เค้าจะเข้าใจในประเพณีอันนี้นะ ตอนตัดสินใจมาก็คิดแล้ว คิดอีก แต่ก็คิดว่านี่ก็ครอบครัวเราเราก็ไม่ได้ทิ้ง เรามีเราก็ส่งเสีย เพราะเราต้องกตัญญูต่อบุพการี แต่แฟนเราก็เป็น ครอบครัวเรา เราก็ต้องร่วมกันสร้างนะ ก็ต้่องช่วยกัน เราเพิ่งแต่งงานมาอยู่ที่สวิสยังไม่ถึงปี แต่ตั้งแต่หลังแต่งงานเราก็ ส่งเงินให้ที่บ้านตลอด แต่มันก็เป็นเงินเรานะไม่ใช่เงินสามี เค้าจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าประกันต่าง ๆ ค่าภาษีต่าง ๆ เราก็ช่วยบ้างนิดหน่อย ยังไงก็ลองคิดดู ให้รอบคอบ ก็แล้วกัน แฟนคุณถ้าคุณคิดว่าเค้าดี ยังไงก็ต้องศึกษากันนาน ๆ หรือตัดใจไปเลย ข้างหน้ายังมี ก็ขึ้นอยูที่ตัว ที่ใจ ของคุณเอง จากคุณ : salutation (salutation) - [ 28 ก.ค. 48 00:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 พี่แนะนำได้อีกอย่างน่ะถ้าน้องรักกับแฟนจริงๆแล้วคิดว่าเค้าดีพอแล้วด้านนิสัยใจคอ ไปกันได้ ก็ปริ๊นซ์ข้อความทั้งหมดเนี่ยไปให้คุณพ่อ คุณแม่อ่าน แล้วก็บอกท่านว่ากว่าจะได้มาเมกาแฟนคุณต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกตั้งมาก แล้วเมื่อมาอยู่ที่นี่แล้ว คุณยังทำงานไม่ได้แฟนคุณต้องจ่ายคนเดียว หนักน่ะค่ะค่าครองชีพที่นี่สูงมากพี่มาอยู่แล้วสามีแจงทุกอย่าง รายรับ รายจ่าย เข้าใจเค้าเลยค่ะ ตอนคบกันสามีไม่ใช่เจ้าบุญทุ่มเลยค่ะเค้ารู้จักใช้เงิน  แต่อยู่กันมาหลายปีก็มีความสุขดี อะไรที่จำเป็นบอกเค้าก็ให้ พ่อแม่พี่เค้าก็ส่งให้ทุกเดือนถึงจะไม่มากแต่เขาก็ให้สม่ำเสมอ เพราะเค้าเข้าใจตรงนี้(แค่นี้ก็ภูมิใจแล้วค่ะ เพราะพ่อแม่เค้าเองคิดทุกดอลห์ค่ะ) เมื่อแต่งงานกันแล้ว สามีเค้าจะรู้หน้าที่ของสามีที่ดีค่ะ เค้าวางแปลนชีวิตที่ดีให้ บั้นปลายไม่ลำบากแค่นี้ก็มีความสุขแล้วค่ะ ตัดสินใจให้ดี คิดให้ดี โชคดีค่ะ จากคุณ : เวนิซ (เวนิซ) - [ 28 ก.ค. 48 00:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอเล่าด้วยคน ครอบครัวเราไม่เคยคุยเรื่องสินสอด ไม่ว่าคนไหนจะแต่ง ขอให้เค้ารักลูกจริงก็พอแล้ว เราแต่งมาอยู่อเมริกาได้ 2ปี ยังไม่เคยพูดเรื่องสินสอดกับสามีเลย และไม่คิดจะเอาด้วย เพราะเราเห็นด้วยว่าเหมือนการซื้อขาย แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานมาเป็นปี ปล่อยให้สา่มีเลี้ยง คืนก่อนสามีเพิ่งบอกว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มทำงาน เราก็แบ่งรายได้ที่เราทำส่งไปให้พ่อแม่ด้วย ฟังแล้วก็ดีใจ เพราะสามีเราเค้าเข้าใจ ว่าคนไทยต้องส่งเสียพ่อแม่ อยากให้จขกท คิดให้ดีนะคะ อย่าเอาเรื่องเงินมาเป็นตัวตัดสิน เพราะยากที่ฝรั่งจะรับได้ เมื่อคุณมาที่นี่ และคุณทำงานเอง ถึงตอนนั้นถ้าคุณอยากส่งคุณก็ส่งได้ เมื่อคุณส่งระยะยาว รวมๆแล้วอาจจะมากกว่าสินสอดที่พ่อแม่คุณอยากได้อีกนะคะ สำหรับเราความรักมาก่อนเสมอ สำหรับคุณขึ้นอยู่กับว่าอะไรสำคัญกว่าค่ะ จากคุณ : wagner - [ 28 ก.ค. 48 05:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 34 พ่อแม่เรียกมากไปหนึ่ง และสอง ไอ้ตอนตกลงสู่ขอในฤกษ์งามๆ ฝ่ายชายก็ตกปากรับคำไปแล้วว่าโอเค ถ้ามาเปลี่ยนใจทีหลัง ผู้ใหญ่อาจถือว่าไม่รักษาสัจจะน่ะ ผู้ใหญ่อาจคิดว่ามันบ่งบอกอะไรในตัวเจ้าบ่าวแล้ว อันที่จริงเรื่องสินสอดเค้าจะมีนายหน้า เอ๊ย พ่อสื่อ แม่สื่อ เป็นตัวเจรจา  หรือว่าญาติผู้ใหญ่ช่วยเจรจา   แต่กรณีของคุณ ฝ่ายชายไม่มีญาติผู้ใหญ่  ครั้งต่อไป คุณน่าจะคุยกับพ่อแม่ก่อนว่าพอใจเท่าไหร่ แล้วค่อยเอาไปบอกฝ่ายชายว่าโอเคมั้ย หรือจะต่อเหลือเท่าไหร่ อะไรงี้....ม่ายงั้นขึ้นคานแน่ๆ หนูเอ๋ย จากคุณ : แจ่มจ้า - [ 28 ก.ค. 48 10:30:56 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นใจ จขกท  ขอให้กำลังใจคะ   ดิฉันก็ไม่มีสินสอดคะ  กลังจากคบกัยสามี พาไปรู้จักพ่อ และ พี่ๆ (แม่เสียไปก่อนแล้ว) ก็ไม่มีใครพูดถึงสินสอด เพราะดิฉันพูดทำความเข้าใจ กับทุกคนแล้ว ว่าสามีไม่มีสินสอด  แต่เขาจะออกค่าใช่จ่ายต่างๆ ในการจัด งานแต่งงาน  พ่อก็ไม่เรียก ดิฉันก็คุยกับสามีเรื่องสินสอดของธรรมเนียมไทย แต่บอกครอบครัวเราไม่เรียกสินสอด แต่ให้เขาออกค่าใช้จ่ายจัดงาน เขาก็ตกลง งานเรามีแขกประมาฯ 200 คน ค่าใช่จ่ายก๋ไม่มากเท่าไหร่ ประมาณ 6 หมื่นกว่าๆ เพราะเราไม่ได้จัดเลื้ยงที่โรงแรม เราสั่งโต๊ะจีนมาทานกลางแจ้งกัน เลยทำให้ประหยัด หลังจากงานเสร็จ เงินที่ได้จากซองที่แขกให้ ดิฉันก็เอาให้พ่อไป ก็แค่นั่นเอง เราก็มีความสุขดี นี่ก็ 4 ปีแล้วคะ จากคุณ : Weka - [ 28 ก.ค. 48 15:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เฮ้อ..เรื่องนี้อีกแล้ว ขอให้คุณ จขกท ตกลงกับทางบ้านได้ด้วยดีค่ะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : bellemaman - [ 28 ก.ค. 48 22:05:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แฟนเป็น Irish-American เหมือนกันเลยค่ะ ตอนอธิบายเรื่องนี้ให้แฟนฟังครั้งแรกเค้าหัวเราะก๊ากเลย เค้าบอกธรรมเนียมจริงๆฝ่ายหญิงต้องเป็นฝ่ายจัดงานเลี้ยงให้ด้วยซ้ำ จริงๆบ้านเราก็มีฐานะ มีหน้ามีตาพอสมควร แต่ผู้ใหญ่ท่านให้เราสองคนตัดสินใจเอง ตกลงอยู่ที่เท่าไหร่ท่านก็ยกคืนให้เราหมด น่าเศร้าที่ประเพณีการให้สินสอดนี้ ได้เปลี่ยนจากเครื่องหมายแสดงว่าฝ่ายชายจะเลี้ยงดูภรรยาได้อย่างดี กลับกลายมาเป็นตัวกำหนดความมีหน้ามีตาของพ่อแม่ฝ่ายหญิงไปซะแล้ว จากคุณ : Beebie - [ 28 ก.ค. 48 22:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Your parents are very selfish.  So materialistic....are they raised you for sale?  Your price tag is very high too.  Tell them, you may not have this kind of offer again (marry american) for the rest of your life. จากคุณ : me_here - [ 30 ก.ค. 48 03:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 บ้านเราสินสอดจะคืนให้คู่บ่าวสาวอ่ะ พ่อแม่ก็สำคัญ แต่คนที่จะอยู่กะเราไปจนแก่เฒ่าคือคู่ชีวิตเรา ที่บ้านเราบอกมาแบบนี้ ถ้าคิดดีแล้วเค้าก็ไม่ว่าอะไร และเค้าไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวด้วย แต่ตัสเรานี่ ท่าทางที่บ้านจะยกให้ฟรี เฮ่อ จากคุณ : padme' amidala - [ 31 ก.ค. 48 19:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เราเองก็กำลังมีปัญหานี้เล็กๆ เหมือนกัน ข้อสรุปยังหาไม่ได้ ได้แต่หวังแต่ที่บ้านจะเข้าใจ จากคุณ : มือปราบมาร - [ 1 ส.ค. 48 11:29:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่มีสินสอดให้แม่เหมือนกัน  แต่ก็ส่งให้แม่ทุกเดือน ฝรั่งข้างๆก็เข้าใจ (ทำความเข้าใจกันก่อน) ให้เราทำงานเลี้ยงที่บ้าน ส่วนเค้าทำงานเลี้ยงเรา แต่ถ้ามีเงินเป็นก้อนเมื่อไหร่ก็จะให้อ่ะนะแม่ (เขียนไว้เผื่อแม่มาอ่าน อิอิ) จากคุณ : ทูกี้ - [ 4 ส.ค. 48 03:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เราแต่งกับสามี เมกัน และแต่งงานรอบสอง อย่างละ 4 บาท เงิน 4 หมื่น สามีไม่รวย ลำพังเราก็คิดว่า เรื่องเงินเรื่องมันเล็ก  แต่ความรักนี่สิ จริงใจหายาก จะถูกจะแพง ขอให้รักเราจริง เลี้ยงเราได้ก็พอ จากคุณ : ฮอนโต (honto) - [ 4 ส.ค. 48 08:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ของเราสินสอดก็เงินสด 7 หลัก และเครื่องเพชรหนึ่งชุด 6 หลัก ก็มีการต่อรองกันบ้างแต่เป็นการต่อรองระหว่างเรากับแฟน เนื่องจากว่าเราเป็นคนเรียกเอง ถือเป็นหน้าเป็นตาให้พ่อแม่ค่ะ แต่พ่อแม่ไม่เอาคืนให้หมดแถมด้วย เลยมีเงินรองรังสำหรับฉุกเฉินค่ะ และใช้เป็นหลักประกันทางการเงินในยามจำเป็นด้วย วิธีของเราคือเริ่มคุยกันเรื่องสินสอดหลังจากคบหาดูใจได้สักสองปี ตกลงว่าจะแต่งงานกันแน่นอน แล้วแฟนก็เลยทำงานเก็บตังค์ ประหยัดมาก ได้เงินเดือนละ 1800 US เขาใช้จ่ายแค่ 800 US มากสุด นอกนั้นเก็บอย่างเดียว นอกจากงานประจำเขาก็รับงานเสริมด้วย ก็เก็บจนครบถึงค่อยมาแต่งน่ะค่ะ สำหรับเราเลยมองว่าสินสอดไม่ใช่เป็นการขายลูกกินค่ะ แต่เป็นการพิสูจน์ว่าคนที่เขาจะมาแต่งกับเรา เขามีศักยภาพ มีความรับผิดชอบมากพอที่เราจะฝากชีวิตทั้งชีวิต และเผื่อถึงลูกตัวน้อยๆในอนาคตของเราได้แค่ไหน ปัจจุบันเมื่อเราแต่งงานแล้ว ก็ได้เขานี่แหล่ะค่ะที่รับผิดชอบดูแลเรื่องการเงินและการออมของครอบครัว เพราะลำพังเงินเดือนเราน้อย สำหรับรายจ่ายในปัจจุบันก็แทบไม่พอเก็บน่ะค่ะ ก็อย่างว่าแล้วแต่มุมมองค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 48 15:02:13 จากคุณ : หลวมตัวมาเล่น - [ 5 ส.ค. 48 14:55:02 ]