ความคิดเห็นที่ 1 หลังจากขึ้นรถ หลบภัยกองทัพแมลงวัน แล้วก็หาทางกลับสู่ถนนสาย N102 เพื่อไปสู่ที่หมายปลายทางในคืนนี้ ระหว่างทางก็นั่งบ่นกันไป ด้วยว่ามีแมลงวันหลุดเข้ามาด้วย 1 ตัว ตองตังนี่แหละ ตัวดีที่สุด แมลงวันเกาะเป็นไม่ได้ ร้องเสียงดัง กลัวมันกัด พออธิบายว่ามันไม่กัดหรอก แค่ทำให้จั๊กกะจี๊เท่านั้นเวลามันไต่แขน ก็ร้องว่า จั๊กกะจี๊ไปตลอด แมลงวันตัวนี้ผู้โชคร้ายก็ติดเข้ามาในรถของเรา เปิดหน้าต่างไล่ก็ไม่ยอมไป ดิฉันก็ตัดสินใจพามันไปเที่ยว Le Puy-en-Velay ด้วยกันละกัน คิดต่อไปว่า มันคงจะหาทางกลับบ้านไม่เจอแน่นอน ก่อนเข้าถึงตัวเมืองหลักนี้ ถนนค่อนข้างจะคดเคี้ยวเป็นงูเลื้อย เวลาขับต้องระวังมาก คนนั่งข้างๆ อย่างดิฉัน นึกหรือคะว่าจะนั่งเฉยๆ ก็วี้ดว้ายไปเรื่อย ส่วนลูกทัวร์ตัวจิ๋วนั่งอยู่ข้างหลัง ก็เอนตัวไปมา ร้องวื้อๆๆๆๆ ตลอด ทำเอาสารถีปวดหัว บ่นว่า ให้ทั้งสองคนเลิก acting ได้แล้ว จะไปเข้ากล้องถ่ายหนังกันที่ไหน ก่อนจะเข้าตัวเมือง ก็พอจะมีป้อมปราการเก่า หรือวังเก่าๆ ให้ชะโงกหน้าจนต้องเหลียวหลัง อยู่ตลอด จนเราเข้าไปถึงตัวเมือง และก็ไม่ต่างไปจากเมืองใหญ่อื่นๆ คือ มีรถเยอะ คนเยอะ ทั้งคนในเมืองเองและนักท่องเที่ยว ย่านเมืองเก่า ถึงตัวตึกจะเก่า แต่ก็ถูกตกแต่งให้กลายเป็นร้านค้าหรือร้านอาหารไปหมด แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 48 19:49:31 จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 19:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาจองคนแรก ปาดดดดดดดดด จากคุณ : soulfighter - [ 9 ส.ค. 48 19:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พอหาที่จอดรถได้ ก็ตกลงใจกันว่า ค่ำนี้จะทานอาหารกันในเมืองนี่ละกัน ปัญหาคือจะไปที่ร้านไหนดี? รีบโทรไปบอกที่พักที่จองไว้ซึ่งอยู่นอกตัวเมืองว่า จะเข้า check-in ช้าหน่อย ได้รับคำตอบสุดโหดมาว่า "จะมาถึงกันเมื่อไร ถามเนี่ย เพราะจะได้ไม่ต้องมานั่งคอยพวกคุณ ทำไมไม่มาเลย พอฟ้ามืดหาทางมาไม่ถูกนะ" ให้ความรู้สึกเหมือนกับดิฉันกำลังคุยกับคุณแม่อยู่เลยค่ะ... แล้วเราก็เดินดูร้านอาหารที่อยู่ติดๆ กันกว่า 10 กว่าร้าน มีทั้งร้านเก่า ร้านใหม่ เลือกไม่ถูกว่า ร้านไหนที่น่าจะอร่อย พอคิดๆ ว่า ยังไงๆ ย่านนี้ก็ไม่ควรจะคาดหวังความอร่อย เอาบรรยากาศละกัน ในที่สุดจาก 10 ร้าน ก็คัดเหลือเพียงร้านเดียว ซึ่งเป็นร้านแรกที่เราเจอ เป็นตึกเก่ายุคโรมัน (อีกแล้ว) เพดานเตี้ยๆ เป็นโค้งๆ ตอนลงไปที่ห้องน้ำซึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน ก็รู้สึกเย็นวาบๆ ยังกับจะถูกนำตัวไปยังคุกขังลืม เขาเก็บรักษาโครงสร้างเดิมเอาไว้ได้ดีมากจริงๆ มาถึงแถวนี้ เขาว่าต้องสั่ง ขาหมูกับเม็ดถั่วแบน (Jambon, lentilles) ก็สั่งกับเขาด้วย อร่อยดีเหมือนกัน จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 19:56:48 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากกินอิ่มหนำสำราญบานฤทัยกันแล้ว (เขียนก็ไม่ค่อยถูก แต่ชอบบรรยายโวหารเหลือเกิน) ก็เร่งรีบหาทางออกจากเมืองเพื่อไปหาที่พัก ฟ้าก็มืดแล้ว แต่มีไกด์อย่างดิฉันเสียอย่าง จะมีหลงทางหรือคะ ดิฉันนึกเช่นนั้น ที่พักของเรานี้ ดิฉันก็ไปหามาได้จากเว็บไซต์ของ Tourist office ของ Le Puy-en-Velay นี่แหละคะ http://www.tourisme.fr/office-de-tourisme/le-puy-en-velay.htm อ่านก่อนเตรียมตัวเที่ยว ก็มีข้อมูลว่า แถวๆ นี้ก็เป็นแทบเทือกเขาที่ต่อมาจาก Chaine des Puys ก็บรรดาสถานที่ที่มีชื่อว่า Puy ทั้งหลายแหล่นั่นแหละค่ะ ส่วนที่เป็นสถานที่เด่น ก็มีอยู่พอประมาณนับได้ โดยเฉพาะโบสถ์ (อีกแล้ว) Rocher et chapelle St Michel d'Aiguilhe (สมัยศตวรรษที่ 10) ที่ไปสร้างอยู่บนยอดของเนินหินสูง ที่ดูแล้วก็คิดว่า น่าจะเป็น ลาวาที่ประทุแล้วก็แข็งกลางอากาศ แล้วก็มี Cathedrale สไตล์โรมัน เรียก Cathedrale คราวนี้ รู้แล้วว่าต้องมีขนาดใหญ่โตอย่างแน่นอน ซึ่งตั้งอยู่บนเนินอีกลูกหนึ่ง และบนเนินลูกนี้ก็มีรูปปั้นของพระแม่มารีอุ้มพระเยซูอยู่ ที่อ่านมาก็มีที่เด่นๆ นี่แหละ ก็ตั้งใจว่าจะต้องไปดูให้ได้... กลับมาเรื่องที่พัก ก็ใช้วิธีเลือกเอาโดยการดูจากเว็บ แล้วก็กะราคา แล้วก็ดูว่าอยู่ที่ไหน งานนี้ถ้าเลือกผิด ความผิดจะต้องตกอยู่ที่ดิฉันคนเดียว ก็ต้องเลือกแบบตั้งใจหน่อย เลือกได้ที่นี้ค่ะ Le moulin des Barettes มีระบุว่ามี 3 ดาวด้วย แค่ชื่อก็น่าจะเข้าไปอยู่แล้วนะคะ พอดูรูปก็น่าไปด้วยเช่นเดียวกัน ตอนนี้เหลือแค่ไปให้เห็นจริงเท่านั้น http://www.lemoulindebarette.com จะเห็นว่าสนนราคานั้นอยู่ที่ 60-70 ยูโร ราคานี้ถ้าพักในเมือง รับรองว่าอาจจะได้แค่ที่พักแบบ 1-2 ดาว เท่านั้น จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 20:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณคะ กว่าพวกเราจะหาที่พักเจอนะ ก็ออกไปไกลเลยค่ะ เสียเวลาไป 1 ชั่วโมง ประมาทไปจริงๆ นึกว่าจะหาได้ง่ายๆ ที่ไหนได้ ความที่ที่พักอยู่นอกเมือง และต้องเรียกว่าเขตชนบท ตามถนนหนทางนี้ ไม่มีไฟฟ้าเลยค่ะ มีเพียงแค่ไฟจากรถยนต์เท่านั้น ขับเร็วไปนิดหน่อย เป็นอันมองหาป้ายไม่เจอ พอเข้าที่พักได้ คุณแม่จำเป็นที่ดิฉันได้คุยด้วยทางโทรศัพท์ ก็หัวเราะใส่แบบไม่เกรงใจเลยว่า "พวกคุณหลงกันใช่ไหม ฉันบอกเธอแล้วนะ แล้วทำไมไม่รู้จักโทรมากัน" ขำก็ขำไม่ออกค่ะงานนี้ บริกรนำพวกเราเดินไปที่ห้องพัก ระบุว่า เป็นแบบ Mezanine เดี๋ยวก็จะรู้ว่าเป็นแบบไหนกัน พอตื่นเช้าขึ้นมาก็รีบมาถ่ายรูปตัวบ้านเอาไว้ นึกในใจว่า นี่เหมือนกับที่แสดงในเว็บเลยจริงๆ จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 20:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โรงแรมนี้ มีลักษณะแบบครบวงจรค่ะ มีสนามเทนนิส สระว่ายน้ำที่เปิดให้คนภายนอกมาใช้บริการด้วยได้ แล้วก็มีสถานที่สำหรับแคปปิ้ง ความที่อยู่ในทุ่งนา ด้านหลังเป็นเขา ก็คิดว่าถ้ามีค่ายลูกเสือหรือเนตรนารีจะติดต่อมา ก็น่าจะทำเป็นที่เข้าค่ายได้เช่นกัน ส่วนห้องพักของเรา 3 คน พ่อ-แม่-ลูก ที่ว่าเป็นชนิด Mezanine นั้น ไม่ได้อยู่ในตัวตึกข้างบนนี่หรอกค่ะ ออกไปอีกนิดนึงค่ะ เป็นแบบนี้นะคะ ดูภายนอกแล้วก็นึกว่า ตายจริงข้างในจะเป็นเช่นไรหนอ ชนิด Mezanine เป็นห้องที่สูงขึ้นไปน่ะค่ะ และก็สลับกับห้องแบบ 2 คน จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 20:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กลายเป็นว่า ส่วนภายในนั้นโอ่โถง สมกับที่เป็นที่พักระดับ 3 ดาว (จำนวนดาวขึ้นกับขนาดของพื้นที่) แต่ดิฉันไม่ค่อยชอบกระดาษติดฝาผนังเท่าไรเลยค่ะ จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 20:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 8 และส่วนที่ว่าเป็น Mezanine ซึ่งตอนแรกที่จองนั้น ก็คิดเตลิดเปิดเปิงไปว่า จะเป็นเตียงสองชั้น แล้วอยู่กันแบบเบียดๆ กัน 3 คน กลายเป็นว่าข้างบนนี่ มีกระไดเดินขึ้นแบบเป็นกิจลักษณะเลยค่ะ เหมือนห้องใต้หลังคาเลยนั่นแหละ มีเตียงขนาด 2 คน ที่พักแบบนี้ ถ้ามาพักกัน 4-5 คน ก็อยู่ได้แบบสบายๆ เลยค่ะ เช่น ครอบครัวที่มีลูก 3 คน ก็สบายเพราะเก้าอี้รับแขกนี่ดึงออกมาเป็นเตียงสำหรับ 1 คน ได้อีก 1 เตียง จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 20:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เดินสำรวจที่พักโดยรอบ ทำไปทำมา ลูกชายไม่ยอมจะไปเที่ยวต่อแล้วค่ะ จะไปเล่นน้ำแทน ก็เขามีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่พอสมควร ก็ไม่ไกลไปจากบริเวณที่พักของกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบแค้มปิ้ง ถึงว่าสิ เจ้าของโรงแรมจึงได้ สงสัยว่าทำไมพวกเราจึงไม่ยอมเข้าที่พักเร็วๆ คือ คล้ายกับว่า คนส่วนใหญ่ที่มาพักที่นี่ เขาจะใช้เวลาไปเยอะกับสันทนาการที่ๆ พักเลย จะออกเที่ยวตอนเช้าๆ พอเที่ยงถึงบ่ายต้นๆ ร้อนจี๋ก็กลับที่พัก แล้วพอเย็นๆ แดดร่มลมตก จึงค่อยออกไปใหม่ จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 20:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่เป็นไร ยังไม่อยากรีบออกไปเที่ยว ก็เล่นน้ำกันก่อน จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 20:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กว่าจะได้ออกเที่ยวก็เกือบจะเที่ยง แดดร้อนเปรี้ยงๆ เลย นึกว่าจะได้กลับเข้าไปใน Le Puy-en-Velay กลายเป็นว่า อย่ากระนั้นเลย ไปหาคนเยอะๆ กันทำไม หยิบเอกสารท่องเที่ยวที่เคาน์เตอร์คุณแม่ แล้วก็เอามาดูๆ ว่าจะขับไปไหนกันดีกว่า เอกสารที่ได้มา น่าสนใจ มีรายละเอียดบอกเส้นทางเล็กๆ น้อยๆ เพื่อนำไปสู่โบสถ์หรือวังต่างๆ แล้วก็แยกเป็น circuit ที่แตกต่างกัน ใครใคร่เลือกไปเส้นไหนก็ไป ที่ๆ เราไป ก็เป็นด้วยความอยากรู้อยากเห็น มากกว่ามีความรู้อยู่แล้วว่า ที่นั้นๆ จะมีอะไร ดังนั้นจึงไม่ได้มีความคาดหวัง เมือไม่ได้คาดหวัง ก็เลยไม่ได้ผิดหวัง หรือสมหวัง ไม่ว่าที่นั้นๆ จะสวยถูกใจหรือไม่ มีแต่ความสนุกในการค้นหาและค้นพบเส้นทางและสถานที่ใหม่ๆ เท่านั้น ที่หมายแรกนี้ คือหมู่บ้าน Chaspignac เห็นป้ายบอกว่าเป็น Eglise ของศตวรรษที่ 11 นับไปนับมา มาถึงตอนนี้ ตกลงมีศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับโบสถ์ไปถึง 4 คำแล้ว คือ Cathedrale, Basilique, Abbaye และ eglise ใครพอจะทราบความแตกต่าง อย่าลืมมาช่วยอธิบายให้หน่อยนะคะ จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 20:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นแล้วอยากไปเที่ยวจัง สงสัยต้องวางแผนเที่ยวซะแล้วเรา จากคุณ : Jingjo72 - [ 9 ส.ค. 48 20:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ฮิๆๆไว้ดิฉันไปบ้านพ่อแม่สามีอาทิตย์นี้จะลองถามคุณแม่สามีให้นะค่ะ กับเจ้าC,B,A,E...(อยากรู้เหมือนกันค่ะ) ทำไมแถวใต้มีตั้งชื่อรร.เป็น Le moulin โน้น..นี่ เยอะจังค่ะ ตอนดูรูปคคห.7 ยังนึก แหม!!! คุณตั้งกล้องที่ไหนกันนะ... พอดูคคห.8..อ้อ!!!! จากคุณ : YRFP - [ 9 ส.ค. 48 21:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาเลยค่ะ ตามไปเที่ยวกัน ดิฉันก็เที่ยวไป อบขนมไปค่ะ คาดว่าคงจะไม่ไหม้นะคะ ลองสูตรใหม่ จะเอาไปค้างบ้านเพื่อนสัก 2 คืน ออกไปนอกเมือง ยังคิดว่ารีบเอารูปที่ไปเที่ยวมาติด เพราะกำลังจะไปถ่ายมาใหม่อีกระลอกนึงค่ะ นี่ดิฉันก็ดูที่เที่ยวเอาไว้แล้วสำหรับทริปพรุ่งนี้ มาต่อที่ Chaspignac ก็เรียบๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น คงเป็นโบสถ์เล็กๆ ที่ทุกๆ หมู่บ้านจะต้องมี เพียงแต่เจ้าโบสถ์นี่เขาดูแลรักษาเอาไว้ดีมากนะ ส่วนอำเภอก็ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน หน้าโบสถ์ก็มีสุสาน ส่วนบ้านคนก็เรียงลงเนินไป จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 21:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พอได้เห็นโบสถ์ Chaspignac ไปแล้ว ก็ตัดสินใจบอกสามีว่า ขอพักไม่ดูโบสถ์สักวันนึงแล้วนะ ไปดูอย่างอื่นเถอะ... ก่อนออกจากที่พัก เจ้าของโรงแรมบอกเอาไว้ว่า อย่าลืมไปเที่ยวที่วังแห่งหนึ่งด้วย ที่มีชื่อว่า Chateau de lavoute-Polignac (ออกเสียงว่า ลาวูท-โปลิยัค) คำว่า Lavoute นี่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าจะเกี่ยวข้องกับวังอย่างไร ส่วนคำว่า Polignac นี่คุ้นมากๆ คล้ายๆ กับจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของฝรั่งเศส แต่ฟังชื่อแล้วก็ไม่ได้ติดใจอะไร ตัดสินใจมาที่นี่ต่อละกัน ที่จอดรถก็อยู่แสนไกล ตัววังต้องเดินผ่านทางเล็กๆ ที่มีฟาร์ม และมีม้าอยู่ 2-3 ตัว ระหว่างทางก็เห็นมีนักท่องเที่ยวนักพักปิคนิคกันอยู่ 1 กลุ่มเท่านั้น พอเดินไปถึงหน้าวัง ประตูวังปิดค่ะ มีกระดาษเขียนข้อความว่า "พักกินข้าวเที่ยง ให้มาใหม่ตอนบ่าย 2 ถ้าประตูปิดก็ให้กดออดเรียกได้" อ่านแล้วก็ขำอยู่คนเดียว นึกไปว่า สมัยก่อนไม่มีกดออดนะจ๊ะ ต้องใช้การบอกต่อเป็นทอดๆ (หรือเปล่าก็ไม่รู้... เดาเอา) จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 21:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถึงว่าสิ กลุ่มที่มาปิคนิคนั่น ก็คงจะมานั่งรอให้ประตูวังเปิดนั่นแหละ พอถึงเวลา เดินเข้าไป มีโต๊ะวางอยู่ด้านใน เก็บเงินค่าเข้า คนเก็บเงิน ก็ดูเป็นผู้ดีมาก ฝ่ายหญิงสูงอายุ ผมจัดทรงอย่างดี แต่งตัวมีสง่า ส่วนฝ่ายชายเป็นหนุ่มวัยรุ่น แต่งตัวเรียบร้อยมาก ผมเผ้าก็เรียบร้อย เห็นปุ๊บก็หันไปบอกสามีว่า "ฉันคิดว่าที่นี่เป็นวังส่วนตัวนะเธอ และที่มาเก็บตังค์เราอยู่นี่ คงจะเป็นเจ้าของปัจจุบันนะเธอ แล้วนี่เขาอยู่กันที่นี่จริงๆ เหรอ มันไกลออกมามากเลยนะ แล้ว... เอ๊ะ หรือว่าเขามาแค่พักร้อน ช่วงนี้เท่านั้น... แล้วเก็บค่าเข้าดู เอามาเพื่อเป็นค่าดูแลวังมั้ง สมัยนี้แล้วค่าดูแลแพงจะตาย..." "เธอหยุดตั้งข้อสังเกตต่อหน้าเขาเสียที ฉันว่าเขารู้แล้วนะว่า เธอพูดถึงเขาน่ะ" จ่ายเงินค่าเข้าเสร็จ ก็เดินไปยืนคอยเวลา เพราะว่าจะเป็นการนำชมโดยไกด์ จะเข้าไปดูๆ อย่างที่ดิฉันชอบทำตามเวลาปกติไม่ได้ ก็เลยนั่งคอยที่สวนไป จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 21:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตามมาสังเกตการณ์ว่าคราวนี้ตองตังจะเผลออ้าปากหัวเราะ จนแมลงวันบินเข้าปากอีกไหม ..อิอิอิ จากคุณ : Northernlife - [ 9 ส.ค. 48 21:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความที่ตัววังจากบริเวณที่เราจะเข้าไปนี้ เป็นเหมือนตึกธรรมดา ก็เลยไม่ได้มีรูปอะไรมากมาย ทั้งๆ ที่ไกด์บอกว่า ตัวตึกนี่เดิมมีโครงสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 500-600 ก็สัก 1400-1500 ปีได้ แล้วก็มีการสร้างทับและเปลี่ยนเจ้าของมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงตระกูล Polignac ถ่ายมาได้ก็ตรงประตู ที่เขาบอกว่า เพิ่งเอามาติดตอนยุคค.ศ. 1700 เห็นจะได้ ถ้าจำไม่ผิด อ้อ อีกอย่างที่ขอบประตูจะมีตัวเลขโรมันเขียนปี ค.ศ. ระบุเอาไว้ แต่ดิฉันดูไม่ชัด แล้วสมัยก่อนเข้าวังกันอย่างไรหรือคะ อันนี้ไม่ได้ถามเหมือนกัน แต่สามีดิฉันเดาเอาว่า น่าจะไปเข้ากันตรงส่วนที่เป็น Tour หรือส่วนที่ดูเหมือนท่ออยู่ตรงมุมวังนั่นแหละค่ะ ทำกระไดวนเอา เดาถูกหรือผิดก็ไม่รู้ จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 21:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตามมาชม  หนุ่มน้อย  หนุ่มใหญ่  สุดหล่อต่อค่ะ จากคุณ : ฟองเซ - [ 9 ส.ค. 48 21:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ที่เหนือประตูจะมีสัญลักษณ์ประจำตระกูล Polignac เป็นรูปเกราะมีลวดลายเป็นแถบสีแดงสลับขาว จากจุดนี้เข้าไป ห้ามถ่ายรูปภายในเป็นอันขาด ก็ได้แต่เดินตามไกด์ไป อ้อ...ไกด์ก็คือชายหนุ่มที่นั่งที่โต๊ะเก็บตังค์นั่นเองค่ะ พอดูชื่อ ก็เห็นว่ามีชื่อท้ายว่า Polignac งานนี้ผู้สืบทอดตระกูลและสมบัติมาบรรยายเองเลยค่ะ (เขียนๆ ไปทำให้นึกถึงหนังจีนเรื่อง ศึกตระกูลหยาง) ห้องภายในนั้น ถูกจัดเอาไว้อย่างดี ดูแล้วก็เห็นว่า นี่คือห้องนอน หรือห้องพัก หรือห้องอ่านหนังสือ ของคนที่ไม่ได้มียศศักดิ์ระดับกษัตริย์ จากนั้นก็มีการอธิบายถึงซากอะไรๆ ที่เขาไปเก็บมา หรือไปซื้อคืนมาถ้าเขาตรวจพบว่ามันคือสมบัติดั้งเดิมของวังแห่งนี้ หรือไม่ก็เป็นสมบัติดั้งเดิมของตระกูล ด้วยว่าตระกูล Polignac นี้นับว่ามีอิทธิพลสูงในระดับหนึ่งเลยทีเดียว มีภาพเขียนเล่าเรื่องถึงว่า คนในตระกูลของเขาได้อยู่ใกล้ชิดระดับกษัตริย์ พอถามว่ารู้ได้อย่างไร เขาก็อธิบายว่า ในภาพนั้นจะเห็นคนถือเกราะตราประจำตระกูลที่ยืนอยู่ชิดกับกษัตริย์องค์นั้นที่กำลังจะสิ้นชีวิตนั่นแหละ ก็เลยถึงบางอ้อ... จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 21:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นำชมไปแต่ละห้อง ก็เล่าถึงความเป็นมาของตระกูล ที่จำได้แม่นๆ เพราะฟังแบบหูผึ่ง คือ เรื่องการแต่งงานของคนในตระกูล Polignac กับอีกตระกูลหนึ่งซึ่งจำชื่อไม่ได้ แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าเตียงหัก ต้องมีการหย่าร้างกันไป เขาก็มีหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังว่า เมื่อคน 2 ตระกูลใหญ่มาแต่งกัน คู่ใหม่นี้ก็ทำตราประจำตระกูลตัวเองขึ้นมาใหม่ เป็นรูปเกราะคนละครึ่งน่ะค่ะ แล้วเอามาประกบกัน ดังนั้นจึงเป็นลายแถบแดง-ขาวเสียครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็เป็นลายของตระกูลนั้น เมื่อมีการหย่าร้างเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เตียงหักเท่านั้น ตราประจำตระกูลก็ถูกตัดแบ่งออกด้วยค่ะ มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า เขาแยกเอารูปปั้นตราครึ่งหนึ่งออกไป คาดว่าเป็นฝ่ายที่แต่งเข้ามา เมื่อหย่ากัน ก็ขนเอาตราตัวเองครึ่งนั้นกลับไปด้วย (ดิฉันก็เดาไปเรื่อย) เดินมาถึงห้องอ่านหนังสือ มีระเบียงยื่นออกไป พอไกด์บอกให้เดินออกไปดูวิวได้ และอนุญาติให้ถ่ายรูปข้างนอกนี้ได้ ออกมาตรงนี้จึงได้ตระหนักว่า อ้อ ตัววังนี่วางอยู่บนชะโงกผานี่เอง แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 48 22:03:02 จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 22:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 22 และคำอธิบายของคำว่า Lavoute ชื่อแรกของวังก็ปรากฎอยู่ตรงนี้ เนื่องจากตัววังนี้วางอยู่บนหน้าผา ที่มีเวิ้งน้ำ La Loire (สายเดียวกับ La Loire ที่มีวังกษัตริย์เยอะๆ แถวๆ Chateaux de la Loire นั่นเลยค่ะ) มีลักษณะเป็น knot จึงเรียกว่า la voute พอรวมเป็น Chateau de Lavoute-Polignac ก็หมายถึง วังของตระกูล Polignac ที่อยู่ตรง Lavoute ไง อันนี้คงใช้บอกกันในตระกูล ด้วยเขาว่า แต่ก่อนตระกูลเขามีวังหลายที่เหลือเกิน แล้วก็มีไปแต่งกับตระกูลกษัตริย์ยุโรปอื่นๆ ด้วย ที่จำได้ก็มีของสเปน จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 22:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณไกด์หนุ่มอธิบายต่อว่า ตระกูล Polignac เข้าร่วมรบจับศึกในการรวมฝรั่งเศสเข้าด้วยกันมาในกษัตริย์แต่ละสมัย แต่ที่มีความก้าวหน้าในตำแหน่งขึ้นสูงสุด หมายถึงอยู่ใกล้ชิดกษัตริย์และราชินีมากที่สุด ก็คือในยุคของหลุยส์ที่ 16 และราชินีอังตัวเนต ที่แวะมาพักเยี่ยมเยือนถึงที่วังแห่งนี้ (ไกลนะคะจากแวร์ซายย์มาถึงที่นี่ ตอนนั้นไม่มีรถยนต์นะคะ ก็นั่งรถม้าฝ่าป่ามานะคะ ดิฉันก็พยายามบรรยายให้เห็นภาพในอดีต) คุณหญิง Polignac มีความสนิทชิดเชื้อกับพระนางอังตัวเนตถึงขนาดที่ว่า... อธิบายถึงตรงนี้คุณไกด์ก็พาพวกเราเดินไปดูที่กล่องแก้วมีกระดาษเขียนด้วยลายมือวางอยู่ เขาบอกว่า เป็นจดหมายที่เขียนโดยพระนางอังตัวเนต ตอนที่พระนางกำลังถูกขังที่คุกที่ปารีส ในวันก่อนที่จะถูกนำตัวไปตัดหัว และแอบมอบจดหมายฉบับนี้มากับม้าเร็วเพื่อมามอบให้กับคุณหญิง Polignac ใจความในนั้นเขียนทำนองว่า... (ดิฉันขนลุกซู่เลยค่ะ) "ถึงคุณหญิง Polignac ที่รัก ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว ชีวิตคงจะมีเท่านี้ คงต้องปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้" ก่อนจะออกจากตัววัง คุณไกด์ก็อธิบายถึง Genealogy ของตระกูล แล้วก็โชว์ภาพของ คุณ Polignac ที่เป็นคุณปู่ (หรือคุณตา) ของเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ และบอกเป็นนัยๆ ว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อฝรั่งเศสในปัจจุบันเช่นเดียวกัน ดูสิคะ นี่คือโฉมหน้าของเชื้อขุนนาง ผิวดี พูดจาดี แต่งตัวเรียบร้อย เดี๋ยวดิฉันก็จับไปใส่เสื้อผ้าสไตล์แร้พเสียหรอก หล่อดีนัก แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 48 22:34:10 แก้ไขเมื่อ 09 ส.ค. 48 22:21:58 จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 22:17:47 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พอการนำทัวร์เสร็จ ดิฉันรู้สึกดีมากกับวังแห่งนี้ ก็เลยถามคุณผู้หญิงที่นั่งเก็บตังค์รอทัวร์กลุ่มต่อไป ว่าแล้วจะไปดูวังตรงด้านหน้าผาได้อย่างไร ได้ความว่า ต้องขับรถออกไปอีกด้านหนึ่ง ผ่านฟาร์ม เลาะตามลำน้ำไป ในที่สุดก็เห็นตัววัง ก็ขับไปจนสุดทางตันที่เป็นฟาร์มแห่งหนึ่ง มีรถจอดกันอยู่หลายคัน มองลงไปมีคนลงไปเล่นน้ำกันเยอะแยะ สำหรับดิฉันขอแค่ชักภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกละกันนะ ก่อนที่จะไปสู่ที่หมายต่อไป จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 22:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ที่เราแวะๆ กันไปอีกในวันนี้นั้น ยังไม่จบ ยังมีอีก คุณๆ เที่ยวๆ กันไปก่อนนะคะ ดิฉันต้องอำลาไปก่อนนะคะ อีก 3-4 วันกลับมาใหม่ค่ะ จากคุณ : พธูไทย - [ 9 ส.ค. 48 22:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เอ่อ... สารภาพค่ะว่าไม่ได้อ่าน text เลย มัวแต่ดูรูปอย่างเดียว... อยากไปบ้างอ่าาาาา จากคุณ : ...hamster... - [ 9 ส.ค. 48 22:57:51 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แวะมาอีกทีก่อนไป ดีใจสุดขีด ขนมที่อบไว้ดูท่าน่ากินเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าอร่อยไหม คุณหมูแฮมคะ ไม่เป็นไรค่ะ ใครอยากอ่านก็อ่านไปค่ะ ใครไม่อยากอ่านอย่าไปทนอ่านค่ะ ดิฉันอยากเขียนก็เขียนไป ส่วนรูป ใครอยากดูก็ดูไปค่ะ เอาไว้เที่ยวหน้าคุณหมูแฮมมาฝรั่งเศสใหม่ แล้วต้องไปเที่ยวๆตามที่ต่างๆ ให้ได้นะคะ จากคุณ : พธูไทย - [ 10 ส.ค. 48 00:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตกลงมีศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับโบสถ์ไปถึง 4 คำแล้ว คือ Cathedrale, Basilique, Abbaye และ eglise ใครพอจะทราบความแตกต่าง อย่าลืมมาช่วยอธิบายให้หน่อยนะคะ I'm confused between cathedral & bacilica; and church & chapel.  Having seen your inquiry, I took the opportunity to clarify (also for myself): Cathedrale = Cathedral = bishop’s church: a church that contains a bishop’s throne and is the most important church in the bishop’s diocese; a large, important church Basilique = Bacilica = privileged Roman Catholic church: a Roman Catholic church or cathedral given ceremonial privileges by the Pope; large Christian church: a Christian church building formed out of a Roman basilica or built to a similar design abbaye = abbey = monastery or convent: a building or buildings occupied by monks under an abbot or nuns under an abbess, especially the church building; church: a church that is or was used by a community of monks or nuns eglise = church = religious building: a building for public worship, especially in the Christian religion chapel = CHRISTIANITY room for worship: a place in a hospital, prison, or other institution, or in a large house, consecrated for Christian worship; RELIGION separate area of church: a separate area in a church, having its own altar and intended for private prayer จากคุณ : Thai Woman (ณารา) - [ 10 ส.ค. 48 01:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พี่พธูฯ นำเที่ยวได้สนุกมากๆ แถมได้ความรู้อีกด้วย ถ้าจะไปฝรั่งเศสคงต้องขอรบกวนถามพี่พธูนิดหนี่งนะคะ แต่ตอนนี้เก็บตังค์ก่อนค่ะ แหะๆ จากคุณ : SFO-CNX - [ 10 ส.ค. 48 02:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณพธูไทยถ่านรูปสวยมุมดีทุกรูปเลยค่ะ ติดตามมาตั้งแต่กระทู้ก่อนหน้า บรรยายก็น่ารักนะึัคะ จากคุณ : pixp - [ 10 ส.ค. 48 08:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ดูรูปไป อ่านคำบรรยายไป นั่งขำไปค่ะ จากคุณ : Huiling - [ 10 ส.ค. 48 10:34:54 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คคห 7 ขาขาวจัง ( ไม่ใช่น้องตองตังนะ อิอิอิ ) จากคุณ : มาซา - [ 10 ส.ค. 48 12:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จาปายด้วยง่ะ คุณพธู   แง แง จากคุณ : นางมารร้าย/น้อยซะเมื่อไหร่ - [ 10 ส.ค. 48 19:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 34 มาลงชื่อแปะไว้ก่อนนะคะ ดูแต่รูป ยังไม่ได้อ่านเลย เดี๋ยวว่างกว่านี้แล้วจะมาอ่านต่อค่ะ จากคุณ : ปอมปอมเกิร์ล - [ 10 ส.ค. 48 20:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คิดว่าทัวร์จบไปแล้ว  ยังอ่านไม่ละเอียด  รูปสวย  ชอบรูป 24 ค่ะ  ถ้าทำเป็นโปสการ์ดคงสวยเนอะ  ขึ้นไปดูให้แน่ใจอีกที  ว่าไม่ได้พิมพ์เป็นคคห 23  อิอิ   ดูผ่านๆ ว่า เอ๊..ทำไมตองตังขายาวจัง ;-) **จะแอบใส่การ์ตูน  ไม่ได้อ่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 22:14:17 จากคุณ : K@yla - [ 10 ส.ค. 48 22:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ลงชื่อลูกทัวร์ก่อนนะคะ รูปดูแล้วค่ะ เดี๋ยวกลับไปอ่านเอาเรื่องก่อน คุณพธูถ่ายรูปสวยมากเลย ดิฉันน้ำลายฟูมปากเลยนะนี่ จากคุณ : ลูกน้ำสีส้ม - [ 10 ส.ค. 48 22:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อ้าว แวะมาเจอคุณรียาพอดี สบายดีหรือเปล่าคะ ไม่เห็นซะนานเลย จากคุณ : Northernlife - [ 11 ส.ค. 48 06:24:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ช่วงนี้ได้เที่ยวจนฉ่ำปอดจริงๆ ถ้าเดินจริงๆรองเท้าก็สึกไปหลายคู่แล้ว อยากไปกระโดดน้ำเล่นกับน้องตองจังจังเลยค่ะ ((ขอเวลานอกนิดนึงนะคะ คุณพธูไทยคะ คำว่าอนุญาต ตรงต.เต่า ไม่มีสระอินะคะ)) ควันหลงจากกระทู้ขนมไข่ค่ะ จากคุณ : ปูขาเก เซมารู - [ 11 ส.ค. 48 09:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สวสดีค่ะ คุณพธูไทย ตามมาดูชะแว้บ ชะแว้บ แต่ยังไม่มีเวลาอ่านรายละเอียดค่ะ ช่วงนี้กะลังออกชอปแหลกที่บ้านไทยก่อนกลับไปบ้านที่ยุโรป เลยไม่ค่อยมีเวลานั่งหน้าคอม ยังไงก็จะตามอ่านจนครบค่ะ เรื่องเที่ยวขอให้บอก ชอบจริง ๆ ไม่ได้ไป ตามดูของคนอื่นก็ยังดีค่ะ จากคุณ : ทิวลิบ - [ 11 ส.ค. 48 20:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กรี๊ดด 23 หล่อ(แบบเรียบร้อย)จริงๆด้วยค่ะ ตามไปเที่ยวด้วยคนน่ะค๊า ( คริๆ ช่วงนี้ว่างค่ะเดี๋ยวตามไปอ่านภาคแรกค่ะ) จากคุณ : พ ริ ก ขี้ ห นู @ UK - [ วันแม่แห่งชาติ 00:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ในที่สุดก็ได้ดูรูปไปเที่ยวซักที ดิฉันรู้ คุณจะจำกัด เอ้ย กำจัดรูปในคอมใช่ป่ะ อิอิ ที่เที่ยวน่าสนใจดี อ่านแล้วได้ความรู้ไปในตัว จะเก็บไว้เป็นข้อมูลเผื่อมีโอกาสผ่านไปบ้าง (ซึ่งไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่) จากคุณ : ตรีนุช3903 - [ วันแม่แห่งชาติ 19:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คุณพธูไทย เที่ยวเก็บรายละเอียดได้ีดี แถมเขียนหนังสือสนุก มีอารมณ์ขันแบบแนบเนียนดีซะอีกนะคะ อ่านแล้วอึ้ง ไม่กล้าเขียนบทความเลยเรา :p ชอบจังเลยค่ะ.. พอดีเจินมี frence rail pass เหลืออีก สามวัน นอกจากกะจะใช้ไปบรุกซ์เซลแล้ว ก็ยังตัดสินใจไม่ถูกเลยค่ะว่าจะไปไหนอีกที จะเที่ยวตามคุณพธู เราก็ไม่มีรถไปซอกแซก ขอคำแนะนำบ้างสิคะ มีที่ไหนสวยๆ น่าไป จะเป็นวิหารใหญ่ หรือเมืองเล็กน่ารัก เจินก็ชอบหมดเลยค่ะ อ้อ ขอชมอีกอย่าง.. การเที่ยวแบบอ่านรายละเอียด แล้วศึกษาประวัติศาสตร์ไปด้วย ศิลปะด้วยนี่ น่าชื่นชมนะคะ เที่ยวไปได้ความรู้ ได้ความประทับใจแบบลึกซึ้งดีด้วยค่ะ ขอทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง เห็นพี่สงสัยเรื่องโบสถ์มาตั้งแต่กระุ้ทู้ที่แล้ว แต่เหลือบไปเห็นความเห็นที่ 28 อธิบายความหมายได้ชัดเจนดี ไม่หาเพิ่มแล้ว แต่ขอลองแปลเป็นไทยตามความเข้าใจที่เคยเห็นมา บวกกับที่เค้าแปลไว้นะคะ เผื่อจะเอาไว้เรียกชื่อแบบสั้นๆได้น่ะค่ะ Cathedrale มหาวิหาร อันนี้จริงๆมันแปลว่าโบสถ์ใหญ่ แต่เจินชอบเรียกมหาวิหาร เหมือนมหาวิหารนอตเตอร์ดามน่ะ่คะ ฟังแล้วนึกภาพออกว่ายิ่งใหญ่ หรูวิลิศ เพิ่งรู้ว่า ที่เ้ค้าเรียก "โบสถ์ใหญ่" ก็เหมือน "บ้านใหญ่" เป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของบิชอปนั่นเอง Basilique วิหาร ถ้าจะแปลให้ตรงก็ต้อง วิหารโรมันคาทอลิคหรือโบสถ์โรมันคาทอลิคซินะคะ abbaye วัด แปลแบบนี้ล่ะค่ะ มีครบทุกอย่าง เป็นที่อยู่ของพระ ก็วัดน่ะค่ะ อย่าง มองซานมิเชล นี่ก็เป็น abbaye ค่ะ นึกภาพออกไหมคะ? บางวัดมีอะไรเยอะแยะใหญ่โต แต่บางวัดก็มีแต่โบสถ์ (รู้สึกว่าทางคริสต์นี่เขาจะมีแต่โบสต์อยู่เดี่ยวๆก็ได้ไง ไม่ใช่ว่าต้องอยู่ในวัดเหมือนของเรา) eglise โบสถ์ อีกแล้ว .. อันนี้สังเกตเองว่า eglise มักจะตั้งตามชื่อนักบุญ พอแปลตรงนี้ เจินมักจะเรียกว่า โบสถ์นักบุญ... ไปเลย หรือจะเรียก ศาสนสถาน สำหรับบางอาคารที่ไม่ใช่โบสถ์? เพิ่งรู้จากความเห็นที่ 28 ว่ามันแปลแบบนี้ก็ได้ แต่คงต้องพยายามหาคำไทยคำอื่นมาแทน เพราะความได้ แต่คำไม่เพราะเท่าไหร่เลยเนาะ chapel หอ อันนี้แถม เจินแปลคำนี้ว่า หอ คิดว่าความหมายคงครบถ้วนดี จะเป็น หอพระ หอฉัน หรือหอคอยขังนักโทษ หรือหอสวดมนต์ก็แล้วแต่ที่ค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 48 08:42:44 จากคุณ : dararye - [ 13 ส.ค. 48 08:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ติ๊งต่อง ขอขอบคุณผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ที่แวะมาเยี่ยมเยียน และต้องขอบคุณคุณ Thai woman และคุณ dararye สำหรับคำอธิบายเรื่องโบสถ์ ทำให้ดิฉันได้เข้าใจดีขึ้น เดี๋ยวกระทู้ต่อเนื่องตอนจบ จะเขียนให้ถูกเลยค่ะ จากคุณ : พธูไทย - [ 13 ส.ค. 48 17:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กรี๊ดๆๆ ไกด์ค่ะ ดูเรียบร้อย น่ารักจริงค่ะๆ จากคุณ : มือปราบมาร - [ 22 ส.ค. 48 13:51:26 ]