ความคิดเห็นที่ 1 การเรียนภาษาญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในห้องเรียนหรือเรียนนอกห้องเรียน ล้วนแล้วต้องอาศัยความพยายามของตนเองในการ ทบทวน หัดพูดหัดเขียนรวมไปถึงการพยายามที่จะใช้สิ่งที่เรียนมาในชีวิตจริง   ถึงแม้ว่าจะเข้าไปนั่งเรียนในห้องเรียน มีครูสอนภาษาที่ดี มีการบ้านมาให้ทำ แต่ ยังไง คุณจะเก่งได้นั่นไม่ใช่มาจากครูที่เก่งเท่านั้นแต่นั่นมันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง มากกว่า        จากการที่มีประสบการณ์ในการเรียน ที่เคยได้ผลดี ได้ใบประกาศ ของเด็กและเยาวชนแห่งชาติด้านเรียนดี เมื่อสมัยวัยเยาว์ จนถึง วัยเอ๊าะ คือครองแชมป์ที่หนึ่งมาตลอด  เราไม่ใช่คนสมองดีเลิศ  แต่เรามีความตั้งใจจริงในการเรียน และจากเด็กจนปัจจุบันกับการเรียน เรารู้ว่า ทำอย่างไร ว่าเรียนอะไร หรือทำอะไรมันจะ ประสบผลสำเร็จ   มันง่ายมาก ซึ่งทุกคนๆ รู้จักมัน นั่นคือความพยามและความขยันหมั่นเพียรนั่นเอง  นี่แหละคือความลับ ของคนที่เคยเรียนได้อับดับหนึ่งมาตลอด  แต่ว่าการที่จะไปให้ถึงความสำเร็จนั้นมันก็ต้องอดทน .. และขยัน   เล่าๆมา ไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่งนะคะ ..ไม่มีใครเก่งไปเสียทุกอย่าง ไม่มีใครดีไปทุกเรื่อง ถึงแม้ว่า จะมีคนที่เก่ง สมองดีกว่าเรามากมาย ที่เราไม่สามารถเทียบได้ เราก็ไม่ต้องไปเทียบกับใครหรอกค่ะ เราพยายามเต็มที่ กับสิ่งที่เรากำลังทำ มันคือสิ่งที่ดีที่สุด และ นี่ก็เป็นที่มาของการเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ที่คิดว่ามันน่าจะดี ถ้าหากแชร์ ในส่วนของวิธีการเรียนต่างๆ ที่ได้ผลให้กับเพื่อนๆ หรือคนที่สนใจเรียนภาษานี้ ณ วันนี้ วันที่เราสามารถสื่อสารกับคนญี่ปุ่นได้ ไปไหนมาไหนคนเดียวในญี่ปุ่นได้ เข้าไปหยิบหนังสือในห้องสมุดอ่านได้ ไม่ใช่ว่า อ่านได้ทั้งหมด แต่ว่า มันดีกว่าตอนที่เรามาญี่ปุ่นใหม่เยอะมาก  และมันก็ดีที่สุด เพราะการอ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่นได้นั้นมันเหมือน เราเปิดประตู เข้าไปห้องกว้างๆ ทุ่งกว้างๆ ที่มีดอกไม้สวยๆงามๆรอให้เราได้เชยชมนั่นเอง  ได้เรียนรู้ รู้จักเกี่ยวกับญี่ปุ่น จากหนังสือ ได้รู้อะไรหลายๆอย่างจากสื่อโทรทัศน์  หลายๆอย่างก็เพราะว่าวันนี้ เราเข้าใจภาษาญี่ป่นนั่นเอง ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนในห้องนี้ที่อ่านออกเขียนได้ภาษาญี่ปุ่นและเก่งภาษาญี่ปุ่นรู้สึกเช่นเดียวกัน  บางทีรู้มากจน... ก็มี ฮ่าๆๆๆ มาเข้าเรื่องกับการ เรียนภาษาญี่ปุ่นกันดีกว่า       อันดับแรก ลองถามตัวเอง ก่อนว่าเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่ออะไร ตั้งเป้าหมายการเรียนไว้  จะเรียนเพื่อทำงาน เรียนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เรียนเพื่อเป็นงานอดิเรก และอื่นๆ  และก็ให้คำตอบ และกำหนดจุดมุ่งหมาย ในการเรียน ที่สำคัญ ที่ขาดไม่ได้ คุณพร้อมหรือยังกับการเรียน  หรือคุณรักภาษา หรือชอบประเทศนี้ คนของประเทศนี้แค่ไหน  อยากจะบอกว่า อันดับแรก ต้องทำใจให้รัก ภาษานี้และชอบภาษานี้ก่อนแล้ว เราก็จะมาเริ่มเรียนกัน .......... ขอต่อ ข้างล่างค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 48 08:50:08 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 48 08:48:41 จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 30 ก.ย. 48 08:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สิ่งที่ต้องเตรียม ในการเรียนภาษาญี่ปุ่น อาวุธประจำกาย ที่ขาดไม่ได้ นั่นคือ ดิกชันนารี่ ดีๆ หลายๆเล่ม และรวมไปถึงพจนานุกรมออนไลน์ด้วยก็ดี พจนานุกรมหลักๆ ที่ควรมีไว้ นั่นคือ พจนานุกรม ญี่ปุ่น-ไทย แล้วก็ ไทย-ญี่ปุ่น   แล้วก็ พจนานุกรม คันจิ  แล้วก็ มีพจนานุกรมแปลญี่ปุ่น เป็นญี่ปุ่น คือแปลละเอียด ขึ้นกับการใช้คำน่ะค่ะ .. ยังไง ก็มีไว้หลายๆเล่ม เพื่อช่วยในการเรียนน่ะค่ะ หนังสือ คู่มือในการเรียน           มีขายอยู่มากมาย และหนังสือที่อาจารย์ครูสอนภาษาญี่ปุ่นเลือกใช้  สำหรับคนที่ เรียนด้วยตัวเองที่บ้าน ไม่ได้ไปเรียนที่ โรงเรียนสอนภาษาแล้ว คงไม่รู้ว่าจะใช้เล่มไหนดี ..  สำหรับผู้ที่เรียนภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้นแล้ว แนะนำให้ฝึด เขียน อักษร หรือทำความรู้จักกับภาษาญี่ปุ่นเบื้องต้น และจะดีมาก ถ้าไปลงเรียน เบื้องต้น ที่โรงเรียนสอนภาษาก่อน เพราะว่า การเริ่มเรียนครั้งแรก จำเป็นมากที่จะต้องมีคนที่รู้จักภาษาญี่ปุ่นจริงๆ คอยแนะนำ หลักการใช้ แกรมม่าเบื้องต้นต่างๆ เพราะว่า ถ้าฐานเบื้องต้น พื้นฐานไม่แน่นแล้ว จะทำให้เรียนใน ระดับที่ยากขึ้นได้ยากมาก .. .... ดิฉันก็เริ่มจากการไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาที่สสท.คอร์สพิเศษ ใช้ภาษาญีปุ่นในการเรียนการสอนเท่านั้น ไม่มีครูคนไทย ราคาค่าเรียนจะแพงกว่า คอร์สธรรมดา เรียนหกเดือนสอบ ระดับสี่ผ่าน และหลังจากนั้น .. จะค่อยนั่งเรียนเอง แต่ว่า จะมีคนคอยช่วยแนะนำ เมื่อมีข้อสงสัยอยู่ใกล้ๆ คือ จะให้คนที่บ้านช่วยแนะนำด้วยค่ะ เพราะว่า บางที เราก็ไม่เข้าใจเกี่ยกับการใช้คำช่วย หรือเกิดข้อสงสัย ในระหว่างเรียน .. เดี๋ยวไปทำกับข้าวก่อน แล้วมีเวลาจะค่อยๆเล่าค่ะ.... ...และที่สำคัญ จะให้เวลากับการเรียนภาษาญี่ปุ่นทุกวันอย่างน้อยวันละสองชั่วโมง .. เอาไว้ เรียนเสร็จ มีเวลาอีกทีจะเข้ามาเล่าต่อ ค่ะ.. จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 30 ก.ย. 48 09:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พร้อม แย้วว ค่า คุง ครู  จูน ขา นักเรียนโข่ง  มารายงานตัวก่อนนะคะ ส่วนเรื่องวิธีเรียนนั้น  ครั้งแรก เรียนในหลักสูตรพัฒนาทรัพยากรมนุษย์(อิ อิ เป็นไงคะ ชื่อหลักสูตร) ของที่ทำงานค่ะ ตอนนั้น เรียนไปมึนไป  ด้วยว่า ทุกอย่างดูแปลกใหม่สับสนไปหมด   แต่ อยู่ ไป  ๆ  เมื่อเริ่มคุ้นเคยขึ้นก็เริ่มรู้สึกแสงสว่าง  ค่อย ๆ ลอดเข้ามาในสมองน้อย ๆ ค่ะ แต่สุดท้าย  .. ก็ ออกจากงานและไม่ได้ใช้เลยจนเลือนไปบ้าง  อยู่มาวันหนึ่ง มีเหตุ  ต้องไปนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ญี่ปุ่นเข้าให้  ดังนั้น  ... พอมาทบทวนดูจึงรู้ว่า 1.  เรียนรู้ได้เร็ว เพราะ ส่วนหนึ่งมาจาการเรียนพื้นฐานมาบ้างในคลาส นั้นเอง 2.  เรียนจากการดูทีวีค่ะ รายการเด็กก่อน แล้วตค่อย ๆ ขยับ ไปเรื่อย ๆ ค่ะ จำได้ว่า 3.  ข้อนี้น่าจะสำคัญที่สุดค่ะ คิก ๆ ก็ .. มีแฟนญี่ปุ่นที่พอพูดภาษาอังกฤษได้บ้าง เขาจะอธิบายให้เราเข้าใจได้เร็ว และลึกซึ้งยิ่งขึ้น จบแล้ว ค่า ... คุง ครู จูน  ฝากจุ๊บ  ๆ  มี่จังด้วยนะคะ สาวน้อยมี่จัง  ยน่ารักขึ้นทุกวันจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : อ้อแอ้เอง - [ 30 ก.ย. 48 09:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดีจังเลยครับอ่านแล้วรู้สึกมีความหวังท่ีจะเรียนขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆท่ีมัันเริ่มมอดลงไปแล้ว รีบมาต่อนะครับรออ่านอยู่ จากคุณ : Yochaaa - [ 30 ก.ย. 48 12:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ฮือๆๆอยากพูดได้เก่งๆๆเหมือนพวกพี่ๆๆจังเลย ทำไง เวลาเจ้านายด่าอยากฟังรู้เรื่องบ้างงะ... จากคุณ : jjlove (artdesign) - [ 30 ก.ย. 48 12:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณป้าอ้อค่ะ ....... ชมหนูมี่ และขอจุ๊บด้วย .....ขอหนูมี่จุ๊บป้าอ้อด้วยคนละคะ จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 30 ก.ย. 48 12:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หลังจากไปทานข้าว แล้ว กะจะหยิบหนังสือมาอ่าน เอาอีกแล้วเสียงกลอง ข้างๆบ้าน ดังมาก บวกกับเสียง คุณครูดุนักเรียน เฮ้อ ........ เอาเป็นว่ามาเล่าต่อ ดีกว่า .. อ่านๆ ไป เหมือนจะเป็นคนขี้เหนียว ให้แต่น้ำ ไม่มีเนื้ออะเสียเลย เอาเป็นว่า คราวนี้มาแบบ เป็นข้อๆ เหมือนป้าอ้อแอ ดีกว่า สำหรับตัวเองแล้ว เรียนภาษา เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันญี่ปุ่น และเป็นแม่บ้าน มีหน้าที่ภาระที่บ้าน เวลาเรียนจึงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยและ ก็เรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป ที่สำคัญต่อเนื่อง และกำหนดเป้าหมายไว้ชัด ว่า จะเรียนเพื่อที่จะใช้ภาษานี้ได้อย่างถูกต้อง และใช้ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในทุกสถานการณ์       คนไทย มักจะพูดบ่อยๆ เกี่ยวกับภาษา สำเนียงส่อภาษากริยาส่อสกุล ที่ญี่ปุ่น เขาก็มองเรื่องการใช้ภาษาลักษณะนี้เหมือนกัน ผู้หญิงสวยๆบุคลิคดี พูดจาภาษาบ้านๆ หรือพูดจาภาษาไม่เหมาะสม .. กับผู้หญิงที่น่าตาธรรมดา แต่ ใช้ภาษาได้ไพเราะ พูดจามีสัมมาคาราวะ  จะเป็นคนน่าคบ มากกว่า          เอาอีกแล้ว ชักแม่น้ำอีกแล้ว ...... เข้าประเด็นเสียที วิธีการเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ฉบับอดีตนักกินจุก ...      1. อ่านหนังสือ ทุกประเภท ไม่จำกัดว่าต้องเป็นหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว  เริ่มต้นของการอ่าน จากหนังสือนิทานเด็ก จำคันจิง่ายๆ  .. เข้าห้องสมุดประจำ      2. หมั่นท่องศัพท์ หรือ เก็บข้อมูลคำศัทพ์ใหม่ๆ เสมอ ข้อมูลที่เก็บ มาจาก หนังสือต่างๆ คำไหนไม่รู้ความหมายเวลาอ่านหนังสือ จะรีบเปิดพจนานุกรมทันที และก็จะ ใช้ปากกาสี ทำเครื่องหมายติ๊กไว้ ว่าคำคำนี้เราเปิดดูแล้ว  เมื่อเราเปิดมาเจอเครื่องหมายที่ติ๊กไว้ในพจนานุกรม หรือ เวลาเราเปิดหาศัทพ์หน้าเดียวกับที่เราติ๊กไว้ เราก็จะกลับมาดูอีกรอบ  การดูคำศัทพ์บ่อยๆ ท่องบ่อยๆ จะทำให้เราจำได้ดีค่ะ       และคำศัทพ์ นอกจากจะมาจากหนังสือ แล้ว ก็จะดาว์โหลดจากอินเตอร์เนท พวกคำศัพท์ของ ระดับ สี่ ถึงระดับหนึ่ง แล้วก็ปริ๊น ออกเย็บเล่ม แล้ว ก็ ท่อง วันละหน้า เปิดหาความหมาย แล้วก็สังเกตคันจิ และก็จำ และก็ท่อง วันละหน้าค่ะ .. ก็ทำอย่างงี้มาเรื่อยๆ ทำให้รู้คำศัทพ์เยอะขึ้นเรื่อยๆ          นอกจากนี้ ก็จากทีวี คำศัทพ์ไหนฟังไม่รู้เรื่องจะจำ หรือจดไว้ แล้วมาเปิดพจนานุกรมหรือถามแฟน .. ไม่ต้องกังวลค่ะ เอาแค่ สักคำสองคำ ก็พอ ไม่ต้อง ไปนั่ง หน้าจอ ดูข่าวดูหนังแล้วจดคำทุกคำค่ะ ...         3.การฟัง และการพูด  หาโอกาสสนทนากับเจ้าของภาษาให้มากๆ คุณจะได้เรียนรู้ จริงๆว่า ภาษาที่เขาใช้จริงๆกับภาษาเขียนภาษาในหนังสือ หรือแกรมม่า บางส่วน  ก็มีการเปลี่ยนไป ปัจจุบันมีการใช้ภาษาญี่ปุ่นผิดไวยากรณ์แต่ถือว่าเป็นที่เข้าใจ และใช้ได้ก็มี และภาษาสุภาพ ต่างๆ หากใช้ไม่ถูกกาลเทศะ แล้วก็จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ไปเลย ควรใช้ให้พอดี และ หากเรารู้และใช้ภาษาสุภาพได้ดี ใช้ภาษาได้อย่างมีสัมมาคาราวะ  เราก็จะถูกมองในทางที่ดี จากสายตาคนญี่ปุ่น .. ตรงกันข้าม ถ้าหาก เราใช้ภาษาผิดๆ อาจจะใช้ภาษตลาด ภาษาแสลง ไปโดยที่ไม่รู้ตัวหรือว่าความเคยชิน หรือความที่ไม่รู้ ได้ยินได้ฟังคนรอบตัวเขาพูด แล้วจำมาใช้  บางทีมันจะทำให้คุณถูกมองแย่ ไปโดยที่ไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่ามันมาจากภาษา ที่ใช้ อันนี้ จำเป็นมาก ด้วยในการเลือกสนทนา และเลือกจำ การใช้ภาษาญี่ปุ่นจากหลายๆ บุคคล ..   4. เรื่องแกรมม่า .. ไวยากรณ์ เรียนจากอาจารย์คนญี่ปุ่น เพื่อจะได้เข้าใจถึงหลักการใช้ ซึ่งเรียนหลักสูตรหนึ่งปีของมหาวิทยาลัยมาค่ะ  และทบทวนเองที่บ้าน และตอนนี้ ก็ยังพยายามทบทวนและใช้บ่อยๆ ไม่อยากให้ลืม ......ตอนนี้เตรียมสอบระดับหนึ่ง.. แกรมม่า เราจึงต้องทบทวน จากสี่ สาม สอง หนึ่ง .... เยอะค่ะ แต่ทำวันละนิด วันละหน่อย และต่อเนื่อง ..  ถ้าเอาแบบวิธีที่ทำ ปัจจุบัน หนังสือเล่มหนึ่งจะไม่อ่านวันเดียวจบ จะกำหนด ไว้ว่า จะอ่านการใช้ไวยากรณ์ตัวไหน จากหน้าไหนถึงหน้าไหน คือทำตารางเรียน ไว้เลย เขียนไว้ที่ปฏิทิน ว่า วันนี้อ่านจากหน้านี้ ถึงหน้านี้ .. วันนี้อ่านเรื่องนี้ ... แล้วจบเล่มเมื่อไหร่ ก็จะมาอ่านทบทวนเล่นนั้นอีกรอบ .. แล้วก็เปิดไปที่ ดัชนี ค้นหาคำข้างหลัง .. พวกคำศัทพ์ จะอ่านแล้วก็แปล เลยตอนนั้น ถ้าแปลไม่ได้แสดงว่าเราไม่ผ่าน   ..ไวยากรณ์ เช่นเดียวกัน  ดูแล้ว ก็ คิดว่า มันใช้อย่างไร จะจำประโยค ค่ะ แล้วค่อยๆ แยกตัวประกอบ ของประโยคออก  เช่นประโยคนี้  ต้องเป็นคำนาม บวก... แล้วก็ มักจะตามด้วย อะไร  ความหมายโดยรวม.. เป็นต้น .....เกร็ดส่งท้าย  ดูทีวี มักจะ เลียนเสียง พูด ไปด้วย คือพยามในด้านสำเนียง .. .....ถ้ามีเวลา ก็มักจะเขียนหรือแต่งประโยค ด้วยภาษาญี่ปุ่น ในคอมพิวเตอร์ ลืมไป เรื่องคันจิ ที่ใครๆหลายๆคนกลัวกันว่ายาก ถ้ายังไม่เรียน ถ้ายังไม่พยายาม อย่าพึ่งบอกว่ายากค่ะ แน่นอนมันยาก สำหรับคนไทยเพราะภาษาเราไม่มีคันจิ ... สนุกกับคันจิ  ด้วยการ เริ่มต้นเรียนด้วยการรู้จักที่มาของคันจิ รู้ว่าค้นจิ มีส่วนประกอบอย่างไร แล้วจะรู้สึกว่ามันสนุกค่ะ ..และถ้ารู้หลักในการเรียนคันจิจริงๆแล้ว เจ้าคันจิที่มี ขีด หรือคาคิจูนเยอะๆนั้นมันไม่ได้ยากมากมายนัก เพราะมันมีใช้ไม่เยอะ  ส่วนคันจิ อื่นๆ ค่อยๆหัดค่ะ จำคันจิจากคำศัพท์ ที่เราคุ้นเคย คำศัพท์ที่เรารู้จักก่อน .. จะทำให้เรียนคันจิได้สนุกค่ะ   สำหรับแม่บ้านอย่างเรา จะจำคำศัทพ์และคันจิไปพร้อมๆกัน ให้เขียนมือ ไม่สามารถเขียนได้เก่งนัก แต่ถ้าพิมพ์โอเคค่ะ เพราะเราอ่านได้ เราก็พิมพ์ได้ ถูกต้องถ้าเรารู้ว่าคำศัพท์ตัวนี้เขียนด้วยคันจิอย่างไร ....... จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 30 ก.ย. 48 13:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่ออีกนิด .... เรื่องคันจิ .. เวลาไป โรงพยาบาล ไปห้าง หรือไปตลาด ออกไปข้างนอก จะสังเกต ป้ายต่างๆ  คันจิต่างๆ คำศัทพ์ต่างๆ จำได้ว่าตอนมาญีปุ่นใหม่ เห็นคันจิ เขียนว่าที่จอดรถ เขียนอยู่ วางไว้ ที่ที่จอดรถ ก็บอกแฟนว่า คำจิตัวนี้อ่านว่า  ที่จอดรถภาษาญี่ปุ่นใช่ไหม อือใช่ .. แล้วเราก็ค่อยๆจำ แล้วก็ ไปร้านอาหาร สังเกตหมดล่ะค่ะ อะไรที่เป็นคันจิต่างๆ ถ้าแฟนว่าง จะถูกเราถามตลอดค่ะ ..โชคดีที่เขาไม่รำคาญ .. นั่งรถ ไป จะมองข้างทาง มองป้ายจราจร จำคันจิ จำตัวคันจิ อ่านไม่ได้ .. ก็กลับมาเปิดพจนานุกรม   เช่นเดียวกัน พจนานุกรมที่ถูกค้นหาทุกตัวจะถูกทำเครื่องหมาย ไว้เสมอ และทุกครั้งที่ค้นหาก็จะหัดเขียนคันจิ ตัวนั้นไปด้วย .. วันละนิดวันล่ะหน่อยค่ะ ค่อยๆเป็นค่อยๆ ไป ..ไม่ใช่วันนี้พรุ่งนี้ เราจะเก่งภาษาเลย .. จะต้องค่อยๆเก็บข้อมูล ค่อยๆเรียน ..ที่สำคัญอย่าลืม ว่าเรามีจุดเป้าหมาย คือเรียนรู้ค่ะ  ไม่เรียนไม่รู้ เรียนแล้วก็จะรู้ ถ้า หากใครเห็นพจจนานุกรมเราคงตกใจแน่ เพราะมันเป็นพจนานุกรมหลากหลายสี .....ทั้งขีดทั้งเขียนอะไรเยอะแยะ มีภาพน่ารักๆ จากลูกสาวมาแจมที่หนังสือเรียน ที่บ้านเยอะเลย ...... อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว อย่าปล่อย ให้ หนังสือในตู้เรียงเพื่อความสวยงาม อย่าปล่อยให้พจนานุกรมที่หอบมาจากเมืองไทยต้องเหงา ......อย่าปล่อยให้ภาษาญี่ปุ่นหรือความรู้ เบื้องต้นต่างๆ ขึ้นสนิม ..... อย่าได้หมดหวัง ท้อแท้ กับสิ่งที่ที่ยังไม่ได้พยายามจนถึงที่สุด .....ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป   เราไม่ต้องไปแข่งกับใคร แข่งและเอาชนะตัวเองให้ได้ ก็พอแล้ว .. รออ่านจากท่านอื่นๆนะคะ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 48 13:27:35 จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 30 ก.ย. 48 13:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้ว ขอบคุณพี่อดีตนักกินจุก มากๆค่ะ...ที่มาแนะนำกัน ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเรียนอย่างเป็นทางการนัก ฝึกค่อยๆเขียนและอ่านตัวฮิรางานะ อยู่เลยค่ะ... ฝึกจากเทปที่บ้านหน่ะค่ะ..... ไว้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว...คงจะไปเรียนเอาจริงเอาจังละทีนี้.... สนใจภาษาญี่ปุ่นค่ะ เป็นคนชอบภาษา นี่ยังคิดอยุ๋ว่า จะเลือกเรียนมนุษย์ฯญี่ปุ่น แต่เสียดาย ตอนม.ปลายไม่ไดเลือกเรียนสายญี่ป่นุมา จะมาเตรียมตัวตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว สงสัยจะได้เรียนญี่ปุ่นเพื่อรู้และนำไปใช้  ล่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ....นะค่ะ จากคุณ : MeTaBoLism - [ 30 ก.ย. 48 13:31:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับที่แนะนำมา ผมขอลักจำไปใช้ละกัน ตอนนี้อยู่เมืองไทย ไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเพิ่มเลยจากที่เคยเรียนมาตั้งเยอะ มันก็ค่อยๆลืมไปที่ละนิด(มาก) ก็อาศัยดูหนังญี่ปุ่นบ้าง รายการทีวีบ้าง แต่ตั้งใจว่าจะเริ่มจับหนังสือมาอ่านอีกรอบแล้วครับ จากคุณ : House Of FlyingBird - [ 30 ก.ย. 48 13:55:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาจุ๊บบ  ๆ  ๆ  มี่จัง ภาคบ่ายค่ะ ไปเรียนหนังสือต่อนะ ค๊า  ครูจูน จากคุณ : อ้อแอ้เอง - [ 30 ก.ย. 48 14:38:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 " อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว อย่าปล่อย ให้ หนังสือในตู้เรียงเพื่อความสวยงาม อย่าปล่อยให้พจนานุกรมที่หอบมาจากเมืองไทยต้องเหงา " ชอบประโยคนี้ม๊าก ๆ ๆ ค่ะ นับถือค่ะ....... ว่าแล้วก็เริ่มหันขวาไปที่ชั้นหนังสือ เห็นค่ะ..... พจนานุกรมและหนังสือที่หอบมาด้วยความหนักอึ้ง... เอ่อ...เอโตเนะ.. ดูทีวีก่อนดีกว่าอ่ะค่ะ แล้วค่อย..... ทบทวน อิอิ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 48 15:02:13 จากคุณ : ukako - [ 30 ก.ย. 48 14:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นคนชอบอ่านการ์ตูน  ดูการ์ตูน  อยู่ญี่ปุ่นหัน 360 องศา ก็เจอแต่การ์ตูนที่อ่านไม่ออก  เลยพลิกโอกาส หัดอ่านมันทั้งอย่างนั้นเลย   ยังดีที่มันมีฟุริกานะ ช่วยอ่าน ก็ร่วม พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ  ต่อคล่องก็เริ่มจำคันจิได้  สนุกกับเนื้อเรื่อง และได้ซึมซับภาษาญี่ปุ่นได้แบบไม่รู้ตัว.... ลองดูครับ... ข้ออื่นถาม ลุง ป้า แถวนี้นะ /me พูดเสร็จ ก็กลิ้งหลุนๆ ออกไป..... จากคุณ : gmat032 - [ 30 ก.ย. 48 17:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีรุ่นน้องผมคนหนึ่ง เธอปลื้มคนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เธอพยายามทุกวีถีทางที่จะสื่อสารกับคนญี่ปุ่นท่านนั้นให้ได้ ไม่ว่าจะลงทะเบียนเรียนภาษาญี่ปุ่น คุย chat กะคนญี่ปุ่น สุดท้ายเธอก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้ ในที่สุดก็แต่งงานกะคนญี่ปุ่นที่คุย chat กะเธอ แต่งงานและย้ายมาอยุ่ญี่ปุ่นน่าจะจนทุกวันนี้ จากคุณ : Tsuwamono - [ 30 ก.ย. 48 18:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แวะมาดูครูจูนสอนน้องจ้ะ... คนขยัน...ขอให้สอบผ่านอิคคิวนะจ๊ะ... ตอนนี้พี่ทำงานกับคนญี่ปุ่นทุกวัน ได้ใช้ ได้ฟัง ได้พูด ได้เขียน (พิมพ์ข้อมูลลูกค้า) มากกว่าตอนอยู่บ้านเลี้ยงลูก เลยพับตำราสำหรับสอบเก็บไว้ก่อน... มาเก็บเกี่ยวหาประสบการณ์จากของจริงในชีวิตประจำวัน อันไหนไม่เข้าใจ เพื่อนๆร่วมงานนี่เลย...ครูของแท้...ไม่ต้องไปเสียกะตังค์เรียนที่ไหน...ได้ใช้คำศัพท์สุภาพมากๆ กับลูกค้า ศัพท์ธรรมดากับเพื่อนๆ....เม้าท์กันแหลกทุกวัน... ที่ทำงานมีคอม...ไม่เข้าใจคำไหนปุ๊บ...เปิดดิกออนไลน์ปั๊บ...หุย...ย...ทันใจคนชราชิบโป๋งเรย.... อ้าว...มาขัดจังหวะครูซะแล้ว...ไปดีกั่ว... ไว้ว่างๆคุยกันใหม่นะจ๊ะจูน... จากคุณ : ปาน-Sapporo - [ 30 ก.ย. 48 18:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พี่ปาน  ขอเวปดิกฯ ออนไลน์โหน่ยย ค่า  อิ อิ จากคุณ : อ้อแอ้เอง - [ 30 ก.ย. 48 20:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พี่ ๆ เก่งกันจังคะ จากคุณ : LilyAi - [ 30 ก.ย. 48 21:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สำหรับผมนั้นอาจจะเป็นวิธีการที่ไม่เหมือนใคร  ตอนที่เรียนอยู่โรงเรียนภาษานั้นเนื่องจากมีนักเรียนไทยมากจึงพยายามทำตัวออกห่างจากเพื่อนๆตอนกินข้าวมานั่งกินข้าวกับคนญี่ปุ่นบ้าง คนจีนบ้าง นอกจากนั้นพอเริ่มฟังอาจารย์ได้ก็จะพยายามพูดตามอาจารย์ทุกคำแบบไม่ออกเสียง  และไวยากรณ์ใหม่ๆกับคำศัพท์ใหม่ๆที่เรียนมาก็จะพยายามใช้จะผิดจะถูกก็ใช้  หลังจากเริ่มพอเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้บ้างก็เริ่มเลิกใช้พจนานุกรมไทยหันใช้ญี่ปุ่นแปลญี่ปุ่นเท่าที่ทำได้  ครับ สำหรับเรื่องการอ่านนั้นผมจะพยายามไปห้องสมุดหาหนังสืออ่านเล่นของเด็กและหนังสือการ์ตูนอ่านเพื่อจะได้อ่านเร็วขึ้น นอกจากนั้นจะดูรายการที่มีเขียนตัวหนังสือญี่ปุ่นให้อ่าน  สำหรับข่าวช่วงแรกดูชูวะนิวซึ ของNHKเป็นรายการหลักครับ ไม่เข้าใจเปิดพจนานุกรม  จดและเปิด ซ้ำแล้วซ้ำอีกครับ  สำหรับในปัจจุบันก็จะใช้วิธีดูข่าวเช้าที่เขานำหนังสือพิมพ์มาอ่านให้ฟัง  แล้วมาอ่านหนังสือพิมพ์ซ้ำอีกครั้งหนึ่งครับ  ถ้าไม่มีเวลาก็จะต้องอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวันในหัวข้อที่สนใจทุกวันครับ  สำหรับเรื่องการฟังนั้นผมจะพยายามฟังวิทยุตอนที่มีเวลาว่างเช่นตอนเดินไปเรียน ตอนอยู่ที่ๆไม่มีหนังสืออ่าน  หรือตอนที่ทำงานบ้านเช่นรีดเสื้อหรือทำกิจกรรมต่างๆตลอดเวลาและถ้านึกได้ก็จะพยายามพูดตามให้ได้ครับรู้เรื่องไม่รู้เรื่องก็พูดครับ  สำหรับการฝึกพูดตอนแรกก็อาศัยพูดตามอาจารย์ในห้องกับพูดตามวิทยุที่ฟัง  หลังจากเริ่มเข้าใจเนื่องจากหาคนคุยด้วยไม่ค่อยได้ก็จะใช้วิธีบ่นกับตัวเองเป็นเรื่องเป็นราวด้วยภาษาญี่ปุ่น  อาจจะบ่นอะไร อยากจะติเตียนอะไร จะอุทานอะไรก็ปรับเป็นภาษาญี่ปุ่นแทนภาษาไทยครับ  นอกจากนั้นถ้ามีโอกาสได้สนทนากับเพื่อนหรือคนญี่ปุ่น  ถ้าเราพูดผิดแล้วเพื่อนแก้ให้หรือพูดแล้วเขาพูดด้วยความเข้าใจของเขาด้วยคำพูดภาษาญี่ปุ่นทีสั้นกว่าและดีกว่า ก็จะพยายามพูดตามครับ  สำหรับเรื่องงานเขียนนั้นเป็นเรื่องที่ยังมีปัญหามากที่สุดในปัจจุบันครับ ก็พยายามเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นบ่อยๆเท่าที่มีโอกาสอย่างตอนแล็คเชอร์ก็เริ่มจากจดตาม  เป็นคิดแล้วจดตามที่เราคิดแต่ยังไงๆก็ยังต้องพึ่งชาวญี่ปุ่นให้แก้ให้อยู่ดี แต่ก็ยังพยายามฝึกเสมอๆครับ อ้อสำหรับพจนานุกรมญี่ปุ่นนั้นผมเลือกแบบที่สามารถเขียนได้แทนใช้เสียงในการหาศัพย์ครับ สำหรับการฝึกการเขียนคันจิในตอนแรกไม่มีวิธีลัดครับมีแต่เขียนซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างเดียวครับ  สิ่งเหล่านี้ก็เริ่มทำมาตั้งแต่เข้ามาที่ญี่ปุ่นแล้ว  ตอนแรกก็ลำบากครับ  แต่ตอนนี้หลายๆอย่างกลายเป็นกิจวัตรประจำวันแล้วอย่างการอ่านหนังสือพิมพ์ในทุกเช้า  การบ่นกับตัวเองด้วยภาษาญี่ปุ่นเป็นต้นครับ จากคุณ : รุจิ (ruci) - [ 30 ก.ย. 48 22:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้นี้ดีมากค่ะ ขอชมเชย....ขอเซฟไว้เลยค่ะ..จะได้เกิดแรงกระตุ้นเมื่อรู้สึกถอดใจไม่อยากเรียน... จากคุณ : vipavee - [ 30 ก.ย. 48 22:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20 http://dictionary.goo.ne.jp/ เว็บนี้เลยอ้อ...เว็บหากินของพี่ล่ะ... มีทั้งคำอธิบายเป็นญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษจ้ะ ดูญี่ปุ่นแล้วยังไม่เข้าใจ เทียบอังกฤษ ดูอังกฤษก็ยังแปลไม่ออก ไปหาคำแปลไทยอีกทียังได้ที่นี่... http://longdo.ex.nii.ac.jp/ จากคุณ : ปาน-Sapporo - [ 30 ก.ย. 48 22:37:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาอ่านเอากำลังใจด้วยคนค่ะ ทุกวันนี้พี่ไม่ได้ศึกษาภาษาญปอย่างจริงจังเลย จะอ่านเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการสอนเท่านั้น...แต่การฟังดีขึ้น เพราะฟังนร.คนญปพูดกรอกหูวันละ 2-3 คน แต่อย่าถามเรื่องพูดเลย แบะ แบะ เคยอธิบายภาษาไทยให้นร.ฟัง....ก็มั่ว ๆ ไป พูดเสร็จนร.ทำหน้าเหวอ...คือไม่รู้เรื่อง -_-' อย่างที่น้องจูนบอกเลยค่ะ อุปกรณ์การเรียนพี่มีเพียบ เอะอะก็ซื้อใหม่...แบบชอบเอาของอื่นไว้ช่วยประโลมใจ...แต่ไม่เคยเริ่มจากตัวเอง ระยะหลัง ๆ พี่ก็บอกกับตัวเองหลายครั้งว่าคงต้องปัดฝุ่นภาษาญปใหม่แล้ว เมื่อวานนร.คนนึงถามพี่ว่าอยู่ญปมานานยัง...พี่ว่าจะครบ 3 ปีแล้ว เค้าก็ทำท่าตกใจว่าพี่ยังใหม่อยู่เลย คนไทยที่เค้ารู้จักส่วนใหญ่อยู่มาจะ 20 ปีแล้ว...เค้าอาจจะคิดว่าภาษาญปของพี่แย่มาก แต่เพิ่งอยู่ได้ 3 ปี เออให้อภัย ........................แต่...................... ถ้าอยู่ไปอีก 10 ปี แล้วภาษาญปก็ยังงู ๆ ปลา ๆ เหมือนเดิม ตอนนั้นไม่มีข้ออ้างแน่ ๆ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 1 ต.ค. 48 08:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกๆคนที่ เข้ามาช่วยแนะนำ วิธีการเรียนภาษาญี่ปุ่นฉบับของตัวเองต่างๆนะคะ อย่าง คุณ gmato32  การอ่านหนังสือการ์ตูน นั้นก็เป็นการเรียนที่ไม่น่าเบื่อ เลยสนุก และก็ได้เรียนภาษาไปด้วย วิธีนี้ได้ผล และยืนยันอีกคนค่ะ เพราะว่าชอบอ่านการ์ตูนเหมือนกัน คุณสั่นมาแนะนำ วิธีที่เพื่อนเรียน.. แล้วคุณสั่นสู้ล่ะค่ะ          เรียนอย่างไงหนอ คุณ ukako        การดูทีวี ก็เป็นการเรียนภาษาเหมอืนกันค่ะ แต่ต้องเป็นทีวีรายการของญี่ปุ่นนะคะ เมื่อคืนเราก็ดูละครและก็ทีวีจนหกทุ่มเลย แฮ่ะๆๆ ง่วงๆไม่ได้เข้ามาตอบกระทู้ค่ะ .. อย่าลืม หยิบหนังสือมาปัดฝุ่นบ้างนะคะ   คุณ  MeTaBoLism      คุณ House Of FlyingBird    และคุณ LilyAi  เป็นกำลังใจให้ค่ะ  พี่ๆเพื่อนในห้องนี้หลายๆคนที่นี่ กว่าจะอ่านออกเขียนได้ฟังรู้เรื่องนั้น ทุกคนใช้เวลา และก็ค่อยๆเป็นค่อยไปและ มีวิธีการเรียนต่างๆ อย่างที่กล่าวมาน่ะค่ะ จะลองเอาวิธีของใครไปใช้ เชื่อว่าทุกคนยินดี เสมอค่ะ พี่ปาน .. พี่ปานเก่งค่ะ จูนสอบผ่านอิคคิวแล้วก็คงยังต้องยกพี่ปานอยู่เหนือค่ะ  เพราะว่า ว่ากันไปแล้ว ประสบการณ์การใช้ในชีวิตประจำ มันมีคำศัทพ์ มากมาย ที่ไม่มีในหนังสือ และก็หาในพจนานุกรมไม่เจอ ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นั้นและได้ใช้มัน .. อยากจะได้มีโอกาสทำงานกับคนญี่ปุ่น และได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นอย่างพี่ปานค่ะ แล้วคุยกันนะคะ เมื่อคืนไม่ได้ทัก ดูละครจบก็มาปิดคอมค่ะ ชอบเปิดทิ้งไว้ ก็มี คุณ vipavee   ขอบคุณที่เข้ามาติดตามกระทู้นะคะ และยินดีที่ได้รู้จักค่ะ พี่ออย .พี่ออยทำงานกับคนญี่ปุ่นก็ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่นประจำ การใช้ในชีวิตประจำวันก็ถือว่าเป็นการเรียนนอกห้องเรียนที่ได้ผลดีค่ะ เพราะว่า คงไม่มีประโยชน์อะไร หากท่องตำหรับตำรา รู้แกรมม่า เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่ไม่เคยใช้ หรือเมื่อเจอคนญี่ปุ่นแล้วเสพใบ้ พูดไม่ออก ใช้ไม่เป็น .... คนญี่ปุ่นบางคน มีนะคะ ที่ไม่ยอมรับ กับภาษาญี่ปุ่นตั้งไข่ เคยเจอตอนที่คุยกับคนญี่ปุ่นครั้งแรกๆตอนเริ่มเรียนนะค่ะ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ภาษาสลับไปสลับ คำช่วยหายหรือใส่เกินไปก็มี ....คนญี่ปุ่นบางคนพยายามที่จะเข้าใจภาษาที่เราสื่อไปว่ามีความหมายอย่างไร  เช่น อาจจะพูดไปว่า  ทานข้าว กันไหม ไป  คนที่พยายามจะเข้าใจ ก็จะเดาได้ว่า  จากสามคำนี้ แล้วน่าจะเป็น ไปทานข้าวกันไหม ..... แต่เพื่อนคนญี่ปุ่นอีกคน ส่ายหน้า แล้วหัวเราะดังๆ นี่ๆ เพื่อนคนต่างชาติเธอพูดอะไร ฉันฟังไม่รู้เรื่อง แล้วคนญี่ปุ่นที่พยายามที่จะฟังเรานั้นเขาก็เป็นคนแปล ภาษาญี่ปุ่นของเราให้กับคนญี่ปุ่นคนนั้นฟัง มันเหมือน คนญี่ปุ่นต้องเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นให้กับเพื่อนอีกคน .... บางที ก็รู้สึก โมโหเหมือนกัน .. อะไรกันนักกันหนา ก็ฉันต่างชาติ พยายาม่จะเข้าใจหน่อยไม่ได้เลยเหรอ มีนะคะ มีบอก พูดอะไร ไม่รู้เรื่อง .. แต่กับอีกคนฟังด้วยกันรู้เข้าใจและก็แปล และเรียงประโยคมาได้อย่างตรงที่เราต้องการจะสื่อ ......... มันเลยเป็นอะไรที่  ต้องพยายาม ที่จะ ใช้ภาษาญี่ปุ่นให้ถูกให้ได้น่ะค่ะ  ถึงแม่มันจะไม่ง่ายนัก คงต้องอาศัยประสบการณ์ในการใช้ ความเคยชิน และก็อาศัยการเล่าการเรียนนี่แหละค่ะ .. ไม่ใช่แค่ตำรา.. ......ปล. วิธี ที่ คุณรุจิ   ใช้นั้น เป็นวิธีที่น่าทึ่งมากเลยค่ะ สำหรับเรื่องการอ่านหนังสือพิมพ์ ฟังข่าวอ่านข่าวๆ   ไว้จะลองทำดูบ้างค่ะ ชอบฟังข่าวอ่านข่าว ดูทีวีของ NHK ประจำค่ะ...แต่ยังไม่เคยทำวิธีอย่างคุณรุจิทำนะค่ะ การปลีกตัวไป คบกับต่างชาติมากกว่า อยู่ในกลุ่มคนไทยนั้น เข้าใจค่ะ เห็นเพื่อนคนเกาหลี เขาก็ทำนะคะ เพราะเขาก็มาคลุกคลีอยู่กับเราทั้งๆเขามีเพื่อนคนเกาหลีด้วยกันเยอะแยะ นั่งทานข้างกับเราไปไหนมาไหนกับเราตลอด ... คือเขาพยายามที่จะใช้ภาษาญี่ปุ่นกับเราน่ะค่ะ .. แล้วเขาก็เก่งๆกันค่ะ มาแป๊บๆ ภาษานี่คล่องเลย แต่คนเกาหลีเรียนภาษาญี่ปุ่นได้เร็วจริงๆ ........ หมายเหตุ พิมพ์ผิดตกๆหล่นๆ ก็มีนะคะ ..รีบน่ะค่ะ..ไว้จะมาแก้ทีหลังค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 48 10:59:39 จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 1 ต.ค. 48 10:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบจังเลย อ่านแล้วรู้สึกว่า ไม่ได้ล่ะ เราอืดและเป็นก๊าซเฉื่อยเกินไปแล้ว !! ได้เวลาเอาจริงเอาจังกะมันซักที 555 ขอบคุณสำหรับข้อคิด คำแนะนำ นะคะ จะปริ้นแปะไว้ที่โต๊ะเลยค่ะ ที่สำคัญ จะทำตามคำแนะนำค่ะ ฮึ่ม ... ภาษาญี่ปุ่น ชั้นจะทำมันให้ได้เลย &#65281;&#65281;  <<<< ตอนนี้เป็นตัวหนอนค่ะ ต้องขยันเท่าไหร่นะชั้นถึงจะได้เป็นผีเสื้อ จากคุณ : โอลีฟ (PoP eYe & OliVe) - [ 1 ต.ค. 48 11:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ปัญหาอีกอย่างก็คือ พออ่านออก ละเขียนได้ .... แต่เวลาจะพูดเรียงประโยคผิดจนกลายเป็นแบบที่คุณอดีตนักกินจุกบอกไว้ว่า "แต่เพื่อนคนญี่ปุ่นอีกคน ส่ายหน้า แล้วหัวเราะดังๆ นี่ๆ เพื่อนคนต่างชาติเธอพูดอะไร ฉันฟังไม่รู้เรื่อง แล้วคนญี่ปุ่นที่พยายามที่จะฟังเรานั้นเขาก็เป็นคนแปล ภาษาญี่ปุ่นของเราให้กับคนญี่ปุ่นคนนั้นฟัง มันเหมือน คนญี่ปุ่นต้องเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นให้กับเพื่อนอีกคน .... บางที ก็รู้สึก โมโหเหมือนกัน .. อะไรกันนักกันหนา ก็ฉันต่างชาติ พยายาม่จะเข้าใจหน่อยไม่ได้เลยเหรอ มีนะคะ มีบอก พูดอะไร ไม่รู้เรื่อง .. แต่กับอีกคนฟังด้วยกันรู้เข้าใจและก็แปล และเรียงประโยคมาได้อย่างตรงที่เราต้องการจะสื่อ " กลัวว่าญี่ป่นแล้วเค้าจะงงๆก๋งๆ  แต่ก็นะ มันก็คงเหมือนกับภาษาอังกฤษ ใช่มั้ยค่ะ แรกๆเราก็ไม่รุ้มาก่อน เพียงแต่ว่าเราเรียนมาตั้งแต่ยังเล็กๆเท่านั้นเองและมันก็คุ้นตามากกว่า ได้พูดได้ใช้บ้าง  แต่ญี่ปุ่นเราเพิ่งมาเริ่มตอนนี้ละ คิดว่ามันน่าจะยากตรงที่ มีหลายรูปแบบที่เค้าใช้กัน และก็ไม่ได้พูดและใช้บ่อยๆ แต่ก็ต้องหมั่นทบทวนเองละ สู้ๆ สู้ตาย ดูช่องการ์ตูนญี่ป่นจากยูบีซี แต่ฟังไม่ท๊านเรย จากคุณ : MeTaBoLism - [ 1 ต.ค. 48 14:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีครับพี่จูน... อ่า...กอนอื่นขอบคุณครับผม เพราะตอนนี้ผมเหมื่อนจะเอื่อยๆไม่ค่อยได้แตะหนังสือที่กองพะเนินเท่าไหร่.. ทั้งๆที่จะไม่ทันเวลาแล้วนะครับ...อ่านนที่พี่จูนเขียน อย่างนี้ค่อยมีลูกฮึดล่ะคร้าบ... อ้อตอนนี้Sanshinพักก่อนคร้าบไม่ค่อยมีเวลา ประกอบเตรียมตัวหลายอย่างครับผม... อ้อเรียนเครียดๆก็หาอะไีรเพลินๆทำแก้เครียดด้วยนะครับ เด๊ยวไม่สวยไม่หล่อนะคร้าบ อิอิ...(^^) จากคุณ : อัยคุง - [ 1 ต.ค. 48 16:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเก็บเข้าคลังกระทู้แล้ว ไว้จะมาอ่านดีๆอีกทีเวลาว่างๆครับ วิธีของแต่ละคนดีๆทั้งนั้นเลย จากคุณ : House Of FlyingBird - [ 2 ต.ค. 48 11:32:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สวัสดีค่ะคุณ จูน หายไปนาน แต่ก็เข้ามาอ่านบ้างเหมือนกัน ชอบกระทู้นี้มากค่ะ เพราะส่วนตัวแล้ว ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น ทุกวัน ก่อนมา ก็เรียนมาแค่พอรู้ คาตาคานะ กับฮิรางานะ เท่านั้นเอง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ต้องไปทำงานกับคนญี่ปุ่นทุกวัน (หยุดวันอาทิตย์) เริ่มแรกก็ทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แค่ ขีดเส้นสมุดโน๊ต ปั้มตราเอกสาร เสริฟ์น้ำชาลูกค้า ทำความสะอาดออฟฟิศ และหลังจากนั้นก็เรียนรู้งานที่ยากขึ้นมาเป็นลำดับจนมาถึงวันนี้ก็สองปีกว่าแล้วค่ะ ตอนนี้ก็อ่านและเขียนคันจิได้เยอะขึ้นมากโดยเฉพาะชื่อลูกค้า เพราะต้องเขียนและพิมพ์ทุกวัน ไปทำธุรการในที่ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ส่วนพูดนั้นยอมรับว่าไม่เข้าท่าเลยค่ะ เพราะไม่ได้เรียนพื้นฐานมามากนัก ฟังก็ พอใช้ได้ค่ะ ดูทีวีก็รู้บ้างไม่รู้บ้าง ก็ถามดิกเดินได้ นี่หละค่ะ แต่ตอนนี้ต้องพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิม เพราะตั้งแต่คลอด ก็ไปทำงานได้แค่ช่วงบ่ายเท่านั้นเองค่ะ ปล. ชอบห้อง@japan มากค่ะเพราะความรู้จากที่นี่เยอะมาก อีกอย่างได้ใบขับขี่ญี่ปุ่นมาครอง ก็เพราะห้องนี้มีส่วน ด้วยเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Jeepang (jeepang) - [ 2 ต.ค. 48 14:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาอวยพรขอให้สอบคิว 1 ผ่านฉลุยนะคะ ตอนนี้ไม่ได้ตั้งใจเรียนจริงๆ จังๆ เลยค่ะ  ทีแรกตั้งใจมากว่าจะสอบคิว 2 แต่อดเลย เพราะวันสอบตรงกับวันที่สามีไม่อยู่พอดี จึงไม่มีคนดูลูกๆ ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นกับอาสาสมัครทุกวันพฤหัส ชม.ครึ่งค่ะ แล้วบางทีถ้ามีเวลาก็เขียนเรียงความไปส่งคุณครูด้วย นอกนั้น ก็ไม่ได้อ่านไวยกรณ์หรืออะไรเลย  นอกจากค้นอะไรอ่านตามเน็ต ซึ่งก็พออ่านได้ เพราะมีตัวช่วยอ่าน (พวกโปรแกรมค้นคันจิ) ทำให้ไม่ท้อแท้และไม่เสียเวลามากค่ะ ที่เห็นว่าสนุก น่าสนใจและชอบอ่าน ก็คือ หนังสือเด็กๆ สำหรับ 2 ขวบ 3 ขวบ 4 ขวบ ไล่ไปเรื่อยๆ  สนุกตรงที่สอนเรื่องมารยาทบ้าง สิ่งมีชีวิตบ้าง เป็นศัพท์ในชีวิตประจำวัน  ที่บางทีก็ไม่มีในตำราสอนภาษา ตัวโตๆ อ่านง่ายๆ ดีค่ะ ส่วนความเห็นสามี ท่านว่า น่าจะทำบล๊อกภาษาญี่ปุ่น เขียนอะไรก็ได้ที่อยากเขียน จะได้ฝึกฝน  อันนี้ก็พยายามอย่างยิ่ง แต่เวลาเคาะแป้นพิมพ์ มันไม่ลื่นไหล เหมือนภาษาไทยเอาเสียเลย กระทู้นี้ทำให้ฮึดอยากหันมาจริงจังกับภาษาญี่ปุ่นบ้าง อยากทำให้ได้เหมือนน้องจูนจัง  ต่อไปนี้จะให้เวลาตัวเองกับตำราภาษาญี่ปุ่น วันละ 2 ชม.บ้างค่ะ หนูสัญญาค่ะคุณครู (>o<) จากคุณ : วดี - [ 2 ต.ค. 48 18:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 รู้สึกดีนะคะ ที่กระทู้นี้ เป็นกำลังใจให้หลายๆคน ฮึด ขยัน .. เอาใจช่วยค่ะ .. ไม่ต้องซีเรียส เรียนสบายๆ ไป สักวัน แบบไม่รู้ตัวก็ ได้อีกภาษา มาไว้คุยเล่นๆ ปล. พี่วดีคะ เคยทำบล๊อค ภาษาญี่ปุ่นค่ะ  ทำที่นี่ค่ะ http://blog.fc2.com/   เป้าหมาย ประมาณที่จะหัดเขียนน่ะค่ะ แต่ว่า เพลินกับบล๊อคไทยมากกว่า ไม่มีเวลาไปปัดฝุ่น อีกบล๊อคค่ะ   ลองเข้าไปหัดทำได้นะคะ ทำง่ายค่ะ เหมือนกับ bloggang ของพันทิบ ค่ะ .. ... ตอนนี้หัดพิมพ์ ด้วยการเขียนอีเมล์ กับเพื่อนและแม่แฟนมากกว่าน่ะค่ะ เอาใจช่วยค่ะ .. แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 48 13:46:19 จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 3 ต.ค. 48 13:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ของพี่ทำไว้ที่ ameblo ค่ะ เพราะชอบเข้าไปอ่านบล๊อคของสาวยุ่นที่นี่ เลยเลือกทำ  แบคกราวด์สวยดีด้วยล่ะ แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่สามารถเขียนอะไรยาวๆ ได้เลย มันต้องใช้เวลาเยอะ ไม่ค่อยมีเวลานั่งใช้สมาธินานๆ จากคุณ : วดี - [ 3 ต.ค. 48 17:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณค่ะ พี่วดี .... ไว้จะลองไปแอบอ่านสาวยุ่นเขียนบล๊อคที่นั่นด้วยคน ค่ะ ลืมไป       คุณ Jeepang ไม่ได้คุยกันนานมาก แต่ยังจำชื่อนี้ได้นะคะ ... ลูกคุณ Jeepang น่ารักมากๆๆเลย ... จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 3 ต.ค. 48 22:14:46 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอแจมด้วยคนคะ กระทู้เยี่ยมจริง ๆ ตอนนี้อยู่เมืองไทยคะ ภาษาญี่ปุ่นไม่กระดิกเลย เรียนเองก็เรียน เรียนที่ สนญ. ก็เรียนถึงคอร์ท 5 ก็ซาโยนาระซะแล้วคะ ตกม้าตายเพราะคันจินั่นแหละคะ อยู่เมืองไทยด้วย เพื่อนคนญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยจะมี ที่มีมันพูดไทยกันหมด พอเราพูดญี่ปุ่นใส่ มันตอบเป็นภาษาไทยชัดแจ๋ว แถมคำเมือง (ภาษาเชียงใหม่) อีกตังหาก .. ก็เลยถอดใจไปเลยคะ ไม่ได้ฝึก หรือเรียนเพิ่มเติม แต่ความชอบในภาษาญี่ปุ่นยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนคะ  ที่ซึมซับทุกวันก็มีแต่เพลงญี่ปุ่นนี่แหละคะ ฟังไม่รู้เรื่องก็ฟังเพราะชอบคะ  ตั้งเป้าหมายไว้สูงสุดคือ จะเรียนภาษาญี่ปุ่นไปจนกว่าจะอ่านหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นออกคะ (โห.. หวังสูงจัง) พอมาอ่านกระทู้นี้ก็มีกำลังใจฮึดสู้อีกครั้ง ตั้งใจไว้ว่าจะเรียนภาษาญี่ปุ่นอีกครั้งถือว่าเป็นไพ่ใบสุดท้าย เป็นไงเป็นกัน ลองอีกสักตั้งนึงสิว่าจะไหวรึป่าว  จะสมัครเรียนที่ ม.วาเซดะ ตอนนี้เขาเปิดที่ กทม. คะ คอร์ทละตั้งสามหมื่นห้า  ที่นี่คะ http://www.thaiwaseda.co.th/thai/courses/pre.asp ไม่รู้ว่าจะได้ผลรึป่าว ยังไงเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ปล. link ที่พี่ปาน แนะนำ มันเยี่ยมมากเลยจอร์ช.. http://longdo.ex.nii.ac.jp/ จากคุณ : annz kiku (annz kiku) - [ วันเกิด PANTIP.COM 13:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอแจมด้วยคนครับ ชอบกระทู้นี้จังครับ เคยคิดจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องวิธีเรียนอยู่เหมือนกัน ผมเคยมีปัญหาเรื่องการอ่านอย่างมากเลยครับ เวลาเรียนจะอ่านช้ามาก และจะูช้ากว่าคนอื่นประมาณ3เท่า คือครึ่งหน้ากระดาษA4ผมจะใ้ช้เวลาในการอ่านทำความเข้าใจประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งมันช้ามากไป ตอนแรกก็คิดว่าไม่เป็นไรหลังๆ ชักจะไม่ไหวเพราะคน 20 กว่าคนคงไม่มีใครมานั่งรอเราหรอก ตอนหลังอ่านแหลกครับ อ่านพวกใบโ๋ฆษณาที่แนบมากับหนังสือพิมพ์ตอนเช้าอ่ะครับเยอะมั่ำกๆ แล้วก็พวกวาระสารแนะนำโรงแรมสถานที่ท่องเที่ยวโอยเยอะแยะไปหมดครับ ตอนนี้วิชาเริ่มแก่กล้า ก็เ้ริ่มซื้อนิยามาอ่าน นิยายดีๆ มีเยอะอ่านเล่นเพลินๆ แถมได้ฝึกทบทวนคันจิไปในตัว บ่นมาเยอะละ ขอบคุณครับ จากคุณ : หวานต๋าหลิ่ว - [ วันเกิด PANTIP.COM 19:08:50 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ annz สู้ๆค่ะ ..... เป้าหมาย .. อ่านหนังสือพิมพ์ให้ได้ ... ดีค่ะ. เรามาเรียนไปพร้อมๆกันค่ะ ....... ตอนนี้ก็นั่ง เปิดดิก นั่งท่องคันจิ ทุกวันค่ะ อิคคิวนี่ ไม่ง่ายเลย สำหรับคนที่ไม่ได้ใช้คันจิประจำ ......ว่าแล้ว ทำอย่างคุณหวาน ต๋าหลิ่ว ... น่าจะดี อ่านดะ ..ชอบอ่าน หนังสือเหมือนกันค่ะ .. ชอบไปยืนอ่านที่ร้านหน้งสือ.. ยังไม่เคยซื้อเลย นิยายนี่.. เคยไปห้องสมุดของญี่ปุ่นยังคะ ไปแล้วจะติดใจค่ะ .. มีหนังสือ มากมาย และบรรยากาศดีค่ะ ...... ยืมมาอ่านที่บ้านได้ ด้วย จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 8 ต.ค. 48 20:23:27 ]