CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ฝากบอก.....นู๋น้อยทั้งหลายที่กำลังจะกลับเมืองไทย

    คืนนี้นอนไม่หลับคะ ทั้ง ๆ ที่เหนื่อยแสนเหนื่อย แถมติดหวัดมาจากนู๋มรรคณิชาเสียอีก เลยตั้งใจเขียนกระทู้นี้ขึ้น หวังว่า จะเป็นประโยชน์กับนู๋น้อยทั้งหลายที่กำลังจะกลับบ้าน และคงต้องออกตัวก่อนว่า ดิฉันไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และเด็กเล็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
    นู๋มรรคมาถึงเมืองไทยตั้งแต่วันที่ 24 ตค. เราลงจากเครื่องด้วยความสดชื่น จนดิฉันอดแปลกใจความอึดของแกไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ในไฟลท์จากไทเปมากรุงเทพ นู๋มรรคไม่ยอมดื่มนมเลย* แถมเลยเวลามามาก
    * เรื่องไม่ดื่มนมนี่ ดิฉันมาพบภายหลัง เป็นเพราะว่า แกเจอขวดนมใหม่ ไม่คุ้น เลยไม่ยอมดูดคะ เนื่องจากขวดนมที่ดิฉันใช้อยู่ที่บ้านไม่พอ ดิฉันเลยซื้อเพิ่ม แต่ไม่ได้ซื้อยี่ห้อเดียวกับที่เราใช้ที่บ้าน เฮ้อ หลอกนู๋มรรคไม่ได้เล้ย
    เราสองคนรอกระเป๋าจากสายพานด้วยความสนุก นู๋มรรคชี้โบ้ชี้เบ้ไปเรื่อย ดิฉันเองก็สนุกกะการวิจารณ์กระเป๋าบนสายพาน แต่นานเข้ากระเป๋าที่วนมาเป็นพวกเดิม ๆ นู๋มรรคชักไม่สนุกแล้วสิ โวยนิด ๆ จนดิฉันต้องอุ้มหลอกล่อพอสมควร
    กว่าจะได้กระเป๋าก็ร่วมครึ่งชั่วโมง ผู้โดยสารบ่นกันใหญ่ เราสองคนเดินมาถึงด้านนอกปุ๊บ ดิฉันรีบมองหาน้องสาวที่จะมารับ แต่ก็ไม่พบ เดินจนเกือบถึงประตูออกที่จอดรถก็ต้องวกกลับมาใหม่ ทีนี้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องมองฝ่าขบวนกลองยาวของเพื่อนคนไทยที่ออกมาก่อนหน้านี้
    อ๋า น้องสาวเรา ไหนหล่อนบ่นว่าอ้วนเป็นไห เป็นตุ่ม ที่ดิฉันเห็น ก็ยังคงเป็นสาวน้อยไม่ถึงร้อยชั่ง เอวก็ยังอยู่ ฮึ น่าอัดนัก ไหงว่าจะอ้วนเป็นเพื่อนกันไงละเฟ้ย
    ดิฉันเลยต้องต่อว่าแกเรื่องหุ่นก่อนเป็นประเดิม แต่ดีใจคะที่ได้เจอกัน เราทักทายกันยาว ราวกะว่าไม่ได้คุยกันเลย ทั้ง ๆ ที่เม้าท์กันทางเน็ททุกวัน
    แย่จัง นึกขึ้นได้อีกที ลูกฉานหงอยไปแล้น เลยต้องรีบ ๆ พาแกขึ้นรถ หูยยยย พอออกมาลานจอดรถ เราสองคนเสร็จเลยคะ อากาศอ้าวมาก ๆ พอขึ้นรถได้ น้องเขยรีบเร่งแอร์สุดชีวิต แต่ก็ไม่ช่วยเท่าไหร่ ดิฉันไม่กล้าใส่นู๋มรรคในคาร์ซีท ไม่แน่ใจว่าแกจะงง ๆ กะอากาศ+สถานที่ใหม่ ๆ หรือเปล่า กอด ๆ แกไว้ พร้อมกับค่อย ๆ แกะชิ้นส่วนต่าง ๆ ห่อหุ้มแกอยู่ จนเหลือแต่ผ้าอ้อม ดิฉันเองอดอิจฉาลูกไม่ได้
    "โอ้ย แม่ร้อนจะแย่แร้ว เหงื่อแตกพลั่ก ๆ"
    ในที่สุด พวกเราก็ถึงบ้าน ญาติพี่น้องอยุ่กันตรึม ส่งเสียงดีใจกันพองาม นู๋มรรคมองคนนู้นคนนี้ที งุนงง น่าดู ดิฉันก็ไม่ปล่อยแกห่างตัวเลย จัดแกนั่งประจันหน้ากะ น้องฝน หลานสาววัยขวบกะ 2 เดือน เพื่อให้แกรู้สึกมีเพื่อนวัยเดียวกันหน่อย
    เผอิ๊ญ น้องฝนเองก็เป็นเด็กที่ขี้อายมั่ก ๆ กะคนแปลกหน้า แกเลยได้แต่เป็นเจ้าบ้านที่ดีเกาะคุณแม่ของแกแจ (ก็น้องสาวคนที่ไปรับดิฉันนั่นแหละ) งานนี้ พวกเราเลยได้แต่นั่งหัวเราะ ดูนางอาย 2 คน
    รวบรัดตัดความให้สั้น คืนแรกดิฉันนอนฟังเสียงฝน และกอดนู๋มรรคในห้องเดิมของดิฉันด้วยความสุข นู๋มรรคเองก็หลับอย่างรวดเร็วกว่าวิสัยปกติ คงเป็นเพราะเพลียจากการเดินทาง เลยฟังเสียงเพลงจากพี่กบอ๊บ ๆ จนหลับปุ๋ยไป และไม่ตื่นกลางดึกอย่างเคยเสียด้วย
    อาทิตย์แรกของเราผ่านไปอย่างรวดเร็ว นู๋มรรคได้เห็นหน้าใหม่ ๆ ทู้กวัน เพราะพวกเราญาติเยอะคะ ดิฉันเคยสงสัยว่า แกจะรู้ไหมว่าคนไหนคือดิฉัน เพราะพี่น้องดิฉันหน้าเหมือนกันมาก ขนาดเพื่อน ๆ ยังทักผิดเลยแหละ ปรากฏว่า แม้ในไฟสลัว ๆ นู๋มรรคก็สามารถค้นหาแม่ได้แม่นยำราวกะมีเรดาร์ แถมจับได้บ่อย ๆ ว่าดิฉันกำลังจะย่องหนีออกจากห้อง
    ความร่าเริงของนู๋มรรคมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ๆ บวกกับแกสามารถนอนได้สนิท และตื่นกลางดึกแค่ครั้งเดียว ผิดกับตอนที่อยู่บ้านในเมกา แกจะตื่นบ่อยมากกกก ทำให้ดิฉันนึกวางใจว่า เด็กเล็กนี่ง่ายจัง ปรับตัวไว
    ที่ไหนได้!!!
    กลางอาทิตย์ที่สอง ดิฉันรู้สึกมือเท้าแกอุ่นผิดปกติ ถามคุณแม่ดู คุณแม่บอกว่า เด็ก ๆ คงเป็นงี้มั้ง เพราะน้องฝนก็เป็น ดิฉันเลยลองจับน้องฝนดู เออ มือเท้าร้อนจังแหะ ดิฉันเลยไม่คิดอะไร
    แต่วันรุ่งขึ้น นู๋มรรคโยเยมาก แถมกัดฟันกรอด ๆ ดิฉันเลยพบว่า ฟันซี่ที่หก กำลังจะขึ้น ดิฉันต้องอุ้มปลอบแกเป็นการใหญ่ และให้งับพลาสติกเย็น ๆ จนแกผลอยหลับไป เหงื่อแตกร้อนทั้งแม่ทั้งลูก คืนนั้น แกตื่นกลางดึกเยอะเหลือเกิน และดิฉันต้องใช้เวลากล่อมแกนานผิดปกติ
    พี่สาวคนที่เป็นเภสัชถามถึงอาการนู๋มรรค ดิฉันยังตอบไปเลยว่า "คงไม่เป็นไรมั้ง ฟันขึ้นอะ แต่แปลกจัง ตอนอยู่นู่น ฟันแกขึ้น นู๋มรรคโยเยนะ แต่ไม่งี่เง่าขนาดนี้ สงสัยอากาศร้อนมั้ง นี่ขนาดใส่สายเดี่ยวเสียวหลุดทุกวันนะ"
    วันรุ่งขึ้น คุณแม่เห็นนู๋มรรคโยเยจัดเลยมาจับตัวและตกใจว่า ตัวร้อนมาก เลยรีบเอาเจลเย็นมาปิดจักแร้และหน้าผาก จนช่วงบ่าย ความร้อนก็ยังไม่ลด เราเลยตัดสินใจให้ยาลดไข้ ซึ่งช่วยได้เยอะเชียว ทำให้แกหลับสบายขึ้น แม้จะตื่นตามกำหนดที่ยาหมดฤทธิ์ก็เหอะ
    การดูแลเด็กเล็กเป็นไข้ที่ไม่ง่ายเลย ถ้าไม่ได้คุณแม่ดิฉันช่วยก็คงแย่ เพราะลำพังอุ้มยัยล่ำบึกก็จะแย่ นี่คุณเธอยังรวบรวมพละกำลังดีดดิ้นสุดฤทธิ์ทุกครั้งที่คุณแม่ดิฉันถือผ้ามาเช็ดตัวลดไข้ให้แก
    ถึงตอนนี้ นู๋มรรคเปลี่ยนจากเดิมที่เคยมีแก้มห้อยย้อยและปลีน่อง 3 ชั้น กลายเป็นเด็กสเลนเดอร์ในพริบตา ซ่าไม่ออก แถมไม่ยอมดื่มนมเสียอีก ยังดีที่แกยอมกินข้าวตุ๋นที่น้องสาวดิฉันทำให้ยัยฝนกิน คงเป็นเพราะเกิดมานู๋มรรคไม่เคยทานดี ๆ หยั่งงี้มาก่อน ดิฉันเองก็กระซิบข้างหูตอนป้อนข้าวแกบ่อย ๆ ว่า "กินเข้าไปนะลูก กลับไป แม่ทำข้าวตุ๋นอร่อย ๆ หยั่งงี้ไม่เป็นนะ ดูซิ มีทั้งตับ ทั้งปลา ฟักทอง อูยของดี ๆ ทั้งน้าน" คือ ปกติดิฉันป้อนแต่อาหารธรรมชาติให้แกไงคะ แบบ เต้าหู้ล้วน ๆ ถั่วล้วน ๆ สคอวชล้วน ๆ เอามาต้มเดี่ยว ๆ ไม่เคยปนกันเลยงะ
    อ้อ ดิฉันไม่ได้พาแกไปรพ. ได้แต่เช็ดตัวลดไข้ และกินยาควบคู่กันไป เพราะพี่สาวแนะว่า ตอนนี้เชื้อยังไม่เพาะ ควรรอดูอาการ 3 วัน ถ้าไข้ไม่ลดค่อยไปหาหมอ ถึงตอนนั้น ถ้าต้องเจาะเลือด ก็จะหาเชื้อได้
    อ่า เด๋วเขียนทิ้งไว้แค่นี้ก่อนนะคะ เด๋วมาใหม่คะ

    จากคุณ : มรรคณิชา - [ 13 พ.ย. 48 03:07:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป