CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    <<<มาขอบคุณและเล่าเรื่องสัมภาษณ์ F1 วีซ่าค่ะ>>>

    อาจเป็นกระทู้ซ้ำ ๆ นะคะ แต่อาจเป็นประโยชน์บ้างกับคนที่กำลังจะทำเรื่องขอวีซ่า หรือรอสัมภาษณ์อยู่
    เราตั้งใจไว้นานแล้วว่า ถ้าสัมภาษณ์ผ่านแล้วจะมาขอบคุณทุกท่านในห้องนี้ เพราะเราก็ได้อาศัยอ่านจากในห้องนี้อ่ะค่ะ จากที่ไม่รู้อะไรเลย..เป็นประโยชน์มาก ๆ เลยค่ะ แล้วก็จะเล่าเป็นประสบการณ์กับคนอื่น ๆด้วย
    เราขอวีซ่า F1 (เคยทำงานมา 4ปี ลาออกมาแล้ว ตั้งใจจะไปเรียนภาษา และต่อโทค่ะ)
    เอกสารที่ยื่นวันยื่นเอกสาร
    -พาสปอร์ต
    -ฟอร์ม DS-156 (ติดรูปพร้อม),DS-157 ,DS-158
    -ใบเสร็จค่าธรรมเนียมสมัครวีซ่า 4,000 บาท
    - I-20
    -จดหมายถึงกงศุล
    -หนังสือรับรองการเป็นสปอนเซอร์
    -หนังสือรับรองการทำงานของสปอนเซอร์
    -หนังสือรับรองยอดเงินในบัญชีของสปอนเซอร์
    -หนังสือรับรองยอดเงินในบัญชีของเราเอง
    -หนังสือรับรองการทำงานของเรา
    -recomendation letter จากหัวหน้างานเก่า
    -หนังสือรับรองการลงเรียน TOEFL COURSE , คอสGRE COURSE จากโรงเรียนสอนภาษา(ในไทย)
    -หนังสือตอบรับจากสถาบันสอนภาษา
    -transcript
    -หลักฐานการจ่ายค่า SEVIS FEE
    -หลักฐานการสมัครสอบ TOEFL (นัดสอบเดือนหน้า)

    เราก็พยายามส่งเอกสารไปเยอะๆ อ่ะคะ กะว่าอันไหนไม่เอาเดี๋ยวเค้าก็คืนเอง (เพราะเคยอ่านมาว่างั้น)..แต่วันที่เราไปยื่น จนท.เค้าก็เปิดผ่าน ๆ ไม่ได้ดูละเอียด เค้าก็เก็บไปหมดเลยค่ะ

    วันนี้มีนัดสัมภาษณ์ ไปถึงหน้าสถานฑูต 6.20 น. โห! คิวยาวถึงสะพานลอยแน่ะค่ะ ต้องไปยืนต่อคิวบนสะพานลอยอ่ะ ประมาณเจ็ดโมงก็ได้เข้าไปข้างใน พอเข้าไปในตึกที่หน้าต่างช่อง13 คิวยาวเจื๋อยเลยค่ะ ก็ต่อกันไป..

    พอถึงคิวเราก็ยื่นใบนัดสัมภาษณ์ให้เค้า..จนท.เป็นผู้หญิงไทย พูดจาดี อัธยาศัยดีค่ะ ถามว่าชื่ออะไรคะ ..สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษได้ไหม..เราก็ตอบว่าได้..(เราตั้งใจมาเต็มที่ค่ะว่าจะสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ ..ไม่ใช่ว่าเก่งเลยนะคะ..แต่เท่าที่อ่านมาเค้าว่ากันว่าถ้าสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษจะได้สัมภาษณ์กับฝรั่งช่อง11 ซึ่งจะผ่านง่าย ไม่ถามอะไรมาก)..จากนั้นเค้าก็จะให้บัตรคิวแก่เรา (หมายเลข 315)และให้ไปต่อแถวช่อง12 เพื่อสแกนนิ้วมือค่ะ

    ช่อง12 ก็แถวยาวเช่นกัน..ก็รอกันไป..ช่องนี้เป็นฝรั่งหนุ่มหน้าตาดีค่ะ..พูดจาดี อัธยาศัยดีเช่นกัน..เค้าจะทักสวัสดีครับแล้วถามว่าเราชื่อ xxxxใช่ไหม จากนั้นจะบอกให้วางนิ้วชี้ซ้ายบนไฟแดง จากนั้นก็ให้วางนิ้วชี้ขวาบนไฟแดง..เค้าจะบอกเป็นภาษาไทยกับคนที่เลือกสัมภาษณ์ภาษาไทยค่ะ ส่วนใครเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษเค้าก็จะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ..แหะ ๆ ตอนเค้าบอกเรา ๆก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกค่ะ ดีแต่ว่ามองจากคนข้างหน้าด้วย อ่านป้ายอธิบายที่เค้าเขียนไว้ด้วย..เลยทำได้ถูกต้อง..ไม่ได้เอ๋อใส่เค้าแต่อย่างใด

    ช่วงระหว่างที่ต่อแถวช่อง12 เราก็เห็นว่าช่อง11 น่ะ ไม่เห็นเปิดเลย หน้าต่างปิด มีเปิดแต่ช่อง 9 กะ ช่อง 10 ..อ้าว ทำไมช่อง11 ไม่เปิดอ่ะ ทำไมไม่มีลุงอ่ะ..ไมไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลย..จากที่สังเกตการณ์ดู ต้องเป็นช่อง 10 เนี่ยแหละที่สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ เพราะเห็นคนที่ท่าทางจะไปเรียน (มักจะเลือกสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ) ไปสัมภาษณ์กันช่องนี้ แล้วเค้าจะเรียกสัมภาษณ์บัตรคิวที่ขึ้นต้นด้วย 3 (เหมือนของเรา) ต้องช่องนี้แน่เลย..แต่ทำไมไม่เห็นเป็นลุงเลย ยังวัยกลางคนอยู่เลย..ไม่มีหนวด ตัดผมสั้น..ผมเป็นง่ามนิด ๆ..ไม่ใช่คนที่เรารอคอยแน่ ๆ ..แล้วไงอ่ะเนี่ย..คนนี้จะโหดไหมเนี่ย..(เริ่มกังวล)..

    เราสแกนนิ้วเสร็จแปดโมง..แต่ตอนนั้นช่อง 10 ยังสัมภาษณ์คิว 306 อยู่เลย อีกตั้งหลายคิว ไปหาที่นั่งรอดีกว่า..รอไปเรื่อย ๆ คิดไรไปเรื่อยเปื่อย...พอ 8.25 เรียกคิวที่313 (ใกล้เข้ามาแล้ว)ใจเต้นแรงขึ้น ตุ้บ ๆ ๆ ๆ โอยจะออกมานอกอกแล้ว ทำไมมันไม่หายซะทีนะไอ้โรคประหม่าเนี่ย..พยายามสูดหายใจลึก ๆ คิดไว้ว่าไม่มีอะไร..ต้องผ่านไปด้วยดี..ทำใจสบาย ๆ..แล้วเราก็ลุกไปยื่น แถว ๆช่องสัมภาษณ์เพื่อสังเกตการณ์ใกล้ๆ ..พอเค้าสัมภาษณ์คิว 313 เสร็จ..ฝรั่งยกแก้วกาแฟเดินหายไปเลย..อ้าว..

    สักพักฝรั่งหนุ่มช่อง12 ที่สแกนนิ้วเมื่อกี้มานั่งแทน..แล้วเรียกสัมภาษณ์คิว314 ..เราก็อุ่นใจนิด ๆ ว่าอย่างน้อยก็ได้ฟังสำเนียงเค้ามารอบนึงแล้วและเค้าก็ไม่ดุด้วย..และแล้วก็ถึงคิวเรา..

    (เจอกันอีกแล้ว)เรายิ้มหวาน..เค้าทัก Hi เราทัก สวัสดีค่ะ (อีกครั้ง)..จากนั้นเค้าก็สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ..เราว่าเค้าก็พูดชัดและเคลียร์นะ..แต่ด้วยความอ่อนใน listening ของเราก็ทำให้ฟังไม่รู้เรื่องทั้งประโยคทุกถ้อยคำแต่ก็พอจับความได้
    ถาม..ทำไมคุณถึงต้องการไปอเมริกา
    ตอบ..ฉันต้องการไปเรียนภาษาและปริญญาโทค่ะ
    ถาม..คุณจะเรียนสาขาไหน
    ตอบ..สาขา.xxx ค่ะ
    ถาม...คุณจะทำอะไรหลังจากจบปริญญาโทแล้ว
    ตอบ..กลับเมืองไทยค่ะ
    ถาม..(ยิ้มหัวเราะนิดๆ)ผมรู้แล้วว่าคุณจะกลับเมืองไทย..แต่ว่าคุณจะทำอะไรที่ต่อหลังจากเรียนจบ
    ตอบ..จะทำงานเก็บประสบการณ์สักพักและคิดจะมีธุรกิจของตัวเองค่ะ
    ถาม..ธุรกิจเกี่ยวกับ xxx (สาขาที่เรียน).เหรอ
    ตอบ..ใช่ค่ะ
    ถาม...(เปิดดู transcript (ผลงานอันน่าอดสูของเราสมัยเรียนป.ตรี))
    ถาม...ใครซัพพอร์ตคุณระหว่างเรียน
    ตอบ...แม่ของฉันค่ะ
    ถาม...แม่คุณทำงานอะไร
    ตอบ..แม่ทำงานเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลค่ะ
    ถาม...โรงพยาบาลไหน
    ตอบ...โรงพยาบาล xxx ค่ะ
    ถาม..ค่าเรียนแพงนะ..คุณต้องเรียนหนักนะ เกรดเฉลี่ยคุณแย่.............(อะไรช่วงนี้ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว..ฟังดูเป็นคำพูดเฉย ๆไม่ใช่คำถาม เราก็ yeah และก็ยิ้มอย่างเดียวเลย แล้วก็นัดมารับพาสปอร์ตวันพุธตอนบ่ายสองถึงสามโมง แล้วก็ยื่นใบนัดรับให้)
    เราก็ไหว้ขอบคุณ..หันหลังเดินหน้าบานมาเลย..โอย..หมดห่วงซะที..พ่อแม่เพื่อนฝูงพลอยดีใจ..ที่ผ่านด่านนี้ไปได้

    ขอบคุณหลาย ๆ กระทู้ที่ได้เคยเล่าประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์กับเราค่ะ..(ถ้าเราไม่เคยอ่านเลย คงเลือกสัมภาษณ์ภาษาไทย..เอาง่ายไว้ก่อน..แต่ก็ไม่รู้จะมีผลยากง่ายต่างกันรึป่าว)..และก็การเตรียมหลักฐานที่พร้อมก็น่าจะมีผลค่ะ..เหมือนเค้าตัดสินไว้แล้วว่าจะให้หรือไม่ให้..แต่ที่สัมภาษณ์ก็แค่ดูบุคลิกและสัมภาษณ์พอเป็นพิธี

    เราก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะทำ หรือรอสัมภาษณ์นะคะ...โชคดีค่ะ

    จากคุณ : new - [ 14 พ.ย. 48 23:12:58 A:58.9.203.100 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป