ความคิดเห็นที่ 1 เอาเรื่องค่าสินสอดก่อนนะค่ะ คุณอาจจะมีสาเหตุในการเรียกสินสอดที่มากขนาดนั้น  40000 - 60000 มันมากอยู่นะค่ะ สำหรับคนที่นี้ อีกอย่างคุณบอกว่าเขาต้องผ่อนบ้านอีก ไหนจะต้องดูแลคุณอีกกว่าคุณจะได้งาน ดิฉันว่าลองตกลงเรี่องเงินสินสอดกับแฟนคุณอีกทีดีกว่าค่ะ ในจำนวนที่เขาจะให้สินสอดได้ เราคิดว่าเขาคงจะเข้าใจง่ายกว่าเดิมค่ะ จากคุณ : monzy - [ 18 พ.ย. 48 20:03:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นค่าสินสอดที่คุณเรียกแล้วตกใจ แต่ก็คิดเอาว่าคุณคงมา จากครอบครัวที่ดี นี่คงเป็นเรื่องธรรมดาในวงสังคมของคุณ (ซึ่งต่างจากดิฉันไกลลิบแน่นอน) เอา link นี้มาฝากมันอาจช่วยคุณได้บ้างค่ะ ในการอธิบายให้แฟนคุณเข้าใจธรรมเนียม ประเพณีการแต่งงานของไทย http://www.google.com/search?hl=en&q=thai%20wedding หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันคงช่วยคุณได้บ้างนะคะ จากคุณ : หนึ่งนางนี้ - [ 18 พ.ย. 48 20:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ธรรมเนียมไทย หากคุณเรียกสินสอดมากขนาดนั้น ฝ่ายหญิงต้องโปะไปให้มากกว่าที่เขาให้ แล้วยกเงินทั้งหมดให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว เพราะพ่อแม่ฝ่ายหญิงมักจะกลัวการถูกครหา คนที่เคารพ มีลูกบ้าเรียกสินสอดเป็นทองเท่าน้ำหนักตัว เขาเรียกเอง แม่ไม่รู้เรื่องด้วย ไม่คิดว่าผู้ชายจะบ้าจี้ตาม แต่ผิดคาด พี่เขาเอาด้วย อันนี้นานยี่สิบปีแล้วนะคะ ทองยังถูกอยู่ พ่อแม่ฝ่ายชายซึ่งเป็นอเมริกัน เขาพูดเลยว่า เขารู้สึกไม่ชอบใจ แต่ลูกชอบก็ยอมรับได้ แต่พอถึงตอนรับไหว้ พ่อแม่ฝ่ายหญิง มอบชุดสร้อยและตุ้มหูทับทิม ให้แก่พ่อแม่ฝ่ายชาย แล้วก็ยกของที่เขาให้ คืนกลับให้บ่าวสาว เรื่องเหล่านี้ อยู่ที่แอตติจูดของเรา ว่าเราจะทำให้เขารู้สึกอย่างไร รู้สึกว่ามันเป็นเคล็ดโบราณ เป็นประเพณี หรือเป็นแค่การยื่นหมูยื่นแมว เงินจำนวนที่คุณว่า มันมากจริงๆ มากเกินกว่าคนทำงานเกินเงินเดือนธรรมดา ที่เพิ่งทำงานจะมีรองรังเอาไว้ในบัญชี  พ่อแม่ใครเลี้ยงลูกมา เสียเงินทั้งนั้น แต่นั่นเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ที่จะทำให้เราพร้อมออกไปทำมาหากินในวันข้างหน้า แต่ก็คิดว่าคุณรู้ดีอยู่แล้ว ทางที่ดีที่สุด คุณอาจจะต้องคุยกับพ่อแม่ ว่าเขาจะเรียกสินสอดเท่าไหร่ และในกรณีที่เขาเรียก ทางคุณจะเก็บไว้ จะคืนมาหรือจะคืนในรูปของอื่นใด เพราะบางครอบครัวพ่แม่เป็นห่วงอนาคต เงินสินสอดนั้น ถูกนำไปเก็บในบัญชีร่วมเจ้าบ่าว เจ้าสาวที่เมืองไทย เผื่อวันข้างหน้า หรือบางทีพ่อแม่คุณอาจจะคืนให้หมด คุณจะได้บอกแฟนว่าจะได้คืน เรื่องที่ไม่ควรลืมคือ หากคุณไม่มีปัญหาเรื่องสินสอด คุณสามารถส่งเงินมาให้ครอบครัวอย่างสม่ำเสมอได้ แต่ถ้าจ่ายค่าสินสอด ฝ่ายชาย ซึ่งเป็นฝรั่งก็อาจจะเห็นว่า จ่ายไปแล้ว ไม่ต้องมายุ่งกันอีก แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 48 20:57:33 จากคุณ : mrs.night owl - [ 18 พ.ย. 48 20:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบพระคุณพี่ๆมากค่ะที่ช่วยตอบ เท่าที่เคยคุยกับคุณแม่ก็คิดว่าทางบ้างน้องคงให้อะไรฝ่ายทางด้วยเช่นกันและคงให้เงินก้อนนั้นเป็นของแต่งงาน  แต่ว่ายังไม่อยากเล่าให้แฟนฟังเพราะว่าถ้าถึงเวลาแล้วมีอะไรบางอย่างขาดตกบกพร่องไม่เป็นอย่างที่น้องเคยพูด  เดียวจะเป็นปัญหากันอีก  ชาวดัชคนอื่นๆไม่ทราบเป็นแบบนี้รึเปล่าแต่แฟนหนูและเพื่อนๆชาตินี้จะไม่ค่อยรู้จักที่จะยืดหยุ่นเลย  ต้องเป๊ะตามที่พูดตลอด  น้องเลยยังเลือกที่จะไม่พูด ขอบคุณอีกครั้งนะคะ จากคุณ : ชุดในตำนาน - [ 18 พ.ย. 48 21:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แฟนคุณเพิ่งเริ่มทำงานและผ่อนบ้านเงินขนาดนั้นเยอะสำหรับฝรั่งน่ะค่ะ แฟนคุณเค้าคงไม่มีเงินถึงขนาดนั้น เขาอาจจะต้องไปกู้ยืมมาแต่งคุณ น่าจะแล้วแต่ที่เค้าไม่ลำบากใจและกายที่จะต้องหามาแต่ง เจอกันครึ่งทางคุณไม่เครียดเเละเขาไม่เครียดน่ะค่ะ คุณคงต้องแยกประเด็นที่พ่อเเม่ส่งคุณเล่าเรียนกับสินสอดออกจากกันเเล้วล่ะค่ะ ถ้าคุณอยากตอบแทนท่านก็ค่อยมาทำงานแล้วส่งให้ท่านตอบแทนก็ได้ค่ะ หรือในภายหน้าเมื่อสามีคุณมั่นคงขึ้นเขาอาจจะส่งให้ท่าน ตอนดิฉันแต่งสินสอดน้อยกว่าคุณเยอะ แต่ดิฉันเต็มใจแค่ที่สามีเต็มใจให้เพราะไม่อยากแต่งแบบให้เขาเครียด แต่ทุกวันนี้สามีก็ส่งให้พ่อแม่ทุกเดือนมาหลายปีแล้วคงส่งตลอดไป เพราะพ่อแม่ดิฉันไม่ได้เรียกมากมาย แล้วกว่าคุณจะต้องมาอยู่ต่างแดนแฟนคุณยังมีรายจ่ายอีกเยอะ น่าจะเห็นใจเขาบ้างน่ะค่ะ ต่างชาติมีหลายแบบค่ะบางคนก็ทุ่มไม่อั้นแล้วแต่จะเรียก หลายๆคนเขาก็รู้คุณค่าของเงินกว่าจะทำ กว่าจะออมมาได้ เมื่อเราเจอแบบไหนก็ควรจะยอมรับและเข้าใจเขา ดูความรักเเละความจริงใจที่เขามีให้เราดีกว่าค่ะ จากคุณ : เวนิซ (เวนิซ) - [ 18 พ.ย. 48 22:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ของดิฉันตัดปัญหา ไม่เรียกสินสอด ไม่บอกอะไรเขาทั้งนั้น บอกแม่ว่าจะแต่งงาน แม่บอกโชคดีนะลูก แม่ไม่เรียกสินสอด แต่เอาเงินตัวเองให้แม่ไป 2 แสน ไม่จัดงานที่เมืองไทยด้วย ไปจดทะเบียนที่เมกา ส่งเงินให้แม่ใช้ตามปกติ  ดูเหมือนเป็นลูกอกตัญญู แต่ ทำอย่างดีที่สุดแล้ว ที่ไม่พูดกับสามีเรื่องสินสอดก็เพราะ กลัวจะโดนถามเหมือนคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ ทนไม่ได้แน่ๆ กับคำถามนั้น จากคุณ : Febie - [ 18 พ.ย. 48 22:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แฟนถามว่าประมาณเท่าไหร่ที่ควรจะจ่าย น้องก็บอกว่าประมาณ 40000-60000 ยูโร เค้าก็เกิดอาการอึ้ง ที่พูดไปแบบนั้นเพราะว่าลูกพี่ลูกน้องแต่งงานก็ได้สินสอดประมาณนี้ -ไม่แปลกใจเลยทำไม ฝรั่งส่วนใหญ่ถึงมองผู้หญิงไทยแบบดูถูก เห็นช้างขี้ก็ต้องขี้ตามช้าง สงสารแฟนจขกท.จริงๆ ผู้ชายเอเชียคนอื่นเค้าพร้อมจะให้ชั้นได้ 40000-60000 ยูโร ??? -โชคดีนะจขกท. ขอให้ได้สินสอดทองหมั้นตามที่เจ๊อยากได้ก็แล้วกัน เค้าเพิ่งทำงานต่อหลังจากเรียนจบ และจะผ่อนบ้าน - ทั้งๆที่ตัวเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเค้ามีภาระที่ต้องใช้ตังค์ ไม่สงสารแฟนตัวเองบ้างรึไงอ่ะ แฟนคนปัจจุบันที่ดูใจกันอยู่เป็นหนุ่มดัช เรียนหนังสือมาด้วยกัน -แล้วจขกท.ไม่เคยคิดว่าจะเอาความรู้ที่เรียนมา ไปช่วยแฟนหางานทำ สร้างครอบครัวด้วยกันรึไง หรือไม่ตอนจขกท.หางานทำได้ที่ตปท.ก็เอาเงินตัวเองส่งไปให้พ่อแม่ตัวเองซิ พูดหยั่งกะฝ่ายชายเค้าไม่ต้องส่งเงินไปดูแลพ่อแม่เค้างั้นแหน่ะ เห็นแก่ตัวจริงพูดเอาแต่ได้ไม่คิดถึงครอบครัวเค้าเลยรึไง เพื่อนชาวเอเชียชาติอื่นของน้อง เค้าแต่งงานแล้วก็มีสินสอด - ผู้หญิงอินเดียเป็นเอเซียเหมือนกันนะ พวกนี้แต่งงานต้องเอาสินสอดไปหมั้นผู้ชาย จะพูดอะไรทำอะไรก็อย่าทำให้ฝรั่งเค้าดูถูกผู้หญิงไทยไปมากกว่านี้เลย ความคิดแบบนี้แหล่ะ ทำให้ผู้หญิงไทยดีๆโดนดูถูกเหมารวมไปหมด สุดท้ายนี้เราขออวยพรให้แฟนจขกท.โชคดี เจอสาวชาติเดียวกันกับเค้า ผมบลอนด์ ตาสีฟ้า สวย เซ็กซี่ มีความรู้ความสามารถในการหาตังค์ช่วยกันสร้างครอบครัวกับเค้า และไม่เอาเปรียบเค้าด้วยเถอะ เอาใจช่วยแฟนจขกท.สุดใจขาดดิ้นเลย จากคุณ : อยู่คานทองต่อไปเหอะเจ๊ - [ 19 พ.ย. 48 01:07:12 A:80.2.164.218 X:219.93.175.68 TicketID:110547 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดิฉันอ่านดูแล้ว รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน เหมือนกับว่าคุณต้องการแต่งงานเพื่อแข่งขัน สินสอดกับลูกพี่ลูกน้องคุณหรือเปล่า ลูกพี่ลูกน้องคุณเค้าได้สินสอดเยอะกว่าคุณ คุณก็ไม่พอใจแฟน" ให้แฟนไปหาผู้หญิงคนใหม่ที่เค้าให้ฟรีๆ เยอะแยะไป" ดิฉันคนหนึ่งคะ ที่เป็นผู้หญิงให้ฟรีๆ มาก่ิอน ไม่มีสินสอด แต่ทุกวันนี้รุ้สึกมีความสุขดีคะ ทำงานเก็บเงินส่งให้พ่อแม่ใช้ทุกเดือน และแฟนส่งให้บ้างเท่าที่มี แล้วตัวคุณก็จะไปหาผู้ชายที่สามารถให้สินสอดตามทีึ่คุณต้องการ" มันเหมือนกับว่าคุณไม่ได้รักแฟนคุณเลย คุณรักเงินมากกว่า และที่คุณบอกว่า "แค่นี้ผู้ชายเอเชียเค้าพร้อมจะให้ชั้นได้" แล้วถ้าแค่เงินแค่นี้สำหรับคุณ ทำไมคุณไม่เอาผุ้ชายเอเชียไปเลยละ จะได้อยู่ใกล้ๆ พ่อแม่คุณ และอีกอย่างดาราทั้งสวย เซ็กซี ตั้งเยอะแยะแต่งงานเค้ายังได้สินสอด ไม่เท่ากับที่คุณต้องการเลย ดิฉันว่าคุณอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับลูกพี่ลูกน้องคุณเลยค่ะ เอาไปเปรียบเทียบ กับ พี่ปุ๋ย พรทิพย์ นาคหิรัญกนกดีกว่าคะ สินสอดเยอะดี ฮิๆๆ แต่พี่ปุ๋ย เค้านางงามโลกนะคะ แล้วคุณล่ะ คือใคร?? จากคุณ : ผู้หญิงที่ให้ฟรี - [ 19 พ.ย. 48 02:49:29 A:68.13.66.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ของเรา ตอนแรกพ่อแม่ก็ถามประมาณว่าเขามีมากน้อยเท่าไหร่ เราก็ต้องไปคุยกะแฟนเราให้ดีคะ สรุปก็เรียกค่าสินสอดไป 1 ล้านบาท ไม่รวมทองและเครื่องชุดเครื่องเพชร 1 เซ็ท และอื่น ๆ แต่พ่อแม่ยกคืนให้ตอนรับไหว้อะคะ ตอนวันหมั้นพ่อแม่ก็ออกค่างานใช้จ่ายงานหมั้นให้ด้วยคะ ส่วนตอนงานแต่งสามีออกค่าใช้จ่ายในงานคะ ตัวเราออกพวกจิปาถะ และค่าถ่ายรูปอะคะ ไม่อยากให้เขาคิดว่าเราอยากได้ของเขานะคะ พอดีโชคดีที่แฟนมีเงินเก็บพอที่จะมาแต่ง เหอ ๆ ๆ แต่บังเอิญว่าแฟนเข้าใจเรื่องสินสอดอะคะ และอีกอย่างพ่อแม่เราก็ไม่ได้อยากได้ของเขา หรือคิดขายลูกนะคะ แฟนเป็นคนเมกันคะ ที่อเมริกาเนี่ย ไม่มีสินสอดนะคะ แล้วฝ่ายหญิงก็ต้องออกค่าใช้จ่ายในการจัดงานเองด้วยคะ จากคุณ : Angel Tanya - [ 19 พ.ย. 48 03:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สินสอดจำนวนนี้มันก็มากอยู่นะคะ สำหรับชาวต่างชาติ ถ้าคุณเอาเงินมาตีเป็นเงินไทย ในทางกลับกันเงินจำนวนนี้ก็ทำอะไรได้หลายอย่างในบ้านเขานะคะ ลองปรึกษากันกูดีดีนะคะ คุณก็ต้องเข้าใจในแฟนคุณด้วยอะคะ เพราะมิเช่นนั้นเขาก็จะมองว่าพ่อแม่เราขายลูกกิน มันก็ไม่ผิดนะคะที่เขาจะคิดยังงั้น ดิฉันเคยเจอปัญหานี้มาแล้วแต่ไม่ใช่ที่สามีนะคะ เป็นที่แม่สามีคะ เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาเงินมากมายมาเป็นค่าสินสอด แต่ตอนหลังสามีอธิบายจนเขาเข้าใจก็เลยผ่านมาได้ด้วยดีคะ....สำหรับดิฉันคิดว่าคุณต้องดูที่ฐานะ หน้าที่การงานและอายุของเขาเป็นหลักนะคะ มิใช่ว่าเรียกตามที่คุณต้องการ อย่างนี้เขาก็ต้องเศร้า เพราะเขาอาจจะคิดว่าคุณอยากแต่งงานเพราะเงินของเขามิใช่ที่ความรักที่เขามีให้คุณ เอาเป็นว่าพอสมน้ำสนเนื้อก็พอคะ อย่าให้มากจนเขาต้องลำบากใจเลยคะ ขอให้ผ่าไปได้ด้วยดีนะคะ จากคุณ : akiko_ka - [ 19 พ.ย. 48 04:51:20 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนแรกว่าจะไม่ตอบแล้วแต่พอดี เพื่อนคนทำงานด้วยกัน เขาก็คล้ายๆกะคุณเนี่ยค่ะ ทุกวันนี้ยังไม่ได้แต่งงานเลย ดิฉันตัดหน้าแต่งก่อน เนี่ยก็แต่งมาหลายปีดีดัก ยังไม่มีวี่แววจะได้ไปงานแต่งงานเพื่อนคนนี้เลย เขาก็มีแฟนเป็นหนุ่มดัชต์อายุเท่ากัน เรียนจบมาด้วยกันที่ประเทศที่สาม  คงคล้ายคุณน้องละมัง คุณเล่าแต่ธรรมเนียมไทยให้เขาฟัง อยากให้เขาทำแบบไทย ทำไมคุณไม่รับฟังไม่เรียนรู้ธรรมเนียมเขาบ้าง จะให้เขามาทำตามคุณฝ่ายเดียวเลยเหรอ พบกันครึ่งทางดีไม๊ ตามธรรมเนียมโบร๊าณโบราณของคนดัชต์นั้น ฝ่ายชายจะเป็นฝ่ายซื้อแหวน แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายจ่ายเงินให้พ่อแม่ของฝ่ายชาย ถ้าฝ่ายชายมีศักดิ์ มีหน้ามีตาทางสังคมก็ยิ่งต้องจ่ายแพงเข้าไปใหญ่ ถึงทุกวันนี้ไม่มีธรรมเนียมนี้แล้ว แต่คู่รักทุกคู่ ถือว่าชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตคนอื่น แม้แต่พ่อแม่ พอเขามาได้ยินธรรมเนียมไทยแบบสุดโต่งจากคุณ ก็ย่อมรับไมได้เป็นธรรมดา   ไม่แปลกถ้าแฟนดัชต์ของคุณจะถามว่าเงินสินสอดเป็นค่าอะไร เป็นค่าสินก่อนสอดรึเปล่า เหอๆๆ เราเองยังไม่ค่อยแน่ใจเลยว่ามันค่าอะไร ตอนที่เราอธิบายเรื่องสินสอดให้แฟนฟัง  เขาถามว่ามันเป็นเงินที่ให้เอาไว้ให้ฝ่ายหญิงไปตั้งตัวเมื่อหย่าร้างกัน (เพราะอย่าฝันว่าเลิกกันแล้วหล่อนจะได้อะไรไป) หรือเป็นค่าซื้อชีวิตผู้หญิงมาคนนึงจากพ่อแม่ของเขา เพราะว่าเอาลูกสาวเขามาแล้วไม่คืน) เราก็อธิบายไม่ถูก เพราะพ่อแม่เราก็ไม่ได้ขอเงินค่าอะไรเลย  แค่บอกว่าสินค้าซื้อแล้วไม่รับคืน แม่ก็ขอดอกไม้ใส่พานขอขมากันตามธรรมเนียมนั่นแหละ แถมมีโน่นนี่มาล่อให้ย้ายกันกลับมาเมืองไทย จะได้พาหลานมาให้พ่อแม่เราเลี้ยง ที่ได้คุยกะแฟนส่วนมากจะเป็นเรื่องที่คนดัชต์เขาเมล์มาถามเรา เพราะแฟนเขาเรียกร้องสินสอดกัน เอ ไม่รู้แฟนคุณจะเป็นหนึ่งในบรรดาอีเมล์ที่เราได้รับหรือเปล่า แฟนดัชต์คุณต้องกรี๊ดสลบแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเมืองไทยจัดงานแต่งงานเชิญคนห้าร้อยกว่าคนขึ้นไป มีโต๊ะจีน แล้วคู่บ่าวสาวต้องเดินขอบคุณแขกไปทั่วงาน มีการขึ้นไปพูดแสดงความรู้สึก  แถมแขกต้องจ่ายเงินใส่ซองกันครอบครัวละพัน พันนี่ก็ยังน้อยไปนะ ขนาดเพื่อนเราเล่าให้แฟนฟัง เขายังทะเลาะกันทุกทีเลย ว่าจะจัดงานให้มันเว่อร์ทำไม แขกที่ไปในงานน่ะมันช่วยอะไรกะชีวิตคู่คุณได้มั่งไม๊เนี่ย คนเราแต่งกันเอง อยู่กันเองสองคน ป่าวประกาศซะทั้งอำเภอ เหอๆๆ คนดัชต์ไม่นิยมแต่งงานกันเนืองจากการแต่งงานมีความผูกพันทางกฏหมายมากเกินไป (รัฐบาลที่นี่ อยู่ด้วยกันเฉยๆ เขาก็รับรองแล้วว่าเป็นคู่ผัวตัวเมียกัน)  การจะตกลงมาอยู่ด้วยกันเป็นการถาวร สร้างครอบครัว เขาก็จะบอกกันแต่ญาติๆ และเพื่อนสนิท มีการจัดงานเล็กๆน้อยๆ ถือเป็นโอกาสให้เพื่อนโสดๆ ได้มาพบปะปิ๊งๆปั๊งๆ กันในงาน จาได้สละโสดตามๆกันไป ในโอกาสใกล้ๆ แล้วเขาก็ใส่ซองกันเป็นเงินเล็กๆน้อยๆ ประมาณว่าขวัญถุงเอาไว้ซื้อโน่นนี่เข้าบ้านใหม่ ตามประสาคนย้ายมาอยู่ด้วยกัน บางคู่ก็อาจจะทำลิสต์รายการสิ่งที่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม ญาติๆ กะเพื่อนๆก็ไปวางแผนกันเองได้ว่าใครจะซื้ออันไหน จะได้ไม่ซ้ำกัน ก็น่ารักไปอีกแบบ ไม่เน้นเงินเลย เน้นประโยชน์ใช้สอยล้วนๆ ในเมื่อเดี๋ยวนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป คนไทยก็ชอบตามอย่างฝรั่ง มาลองคิดอย่างฝรั่งกันบ้างดีไหม คนเรารักกันเพราะอยู่ด้วยกัน สินสอดสิบล้าน ยี่สิบล้านไม่ได้การันตีเลย ว่าคุณจะรักกันอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร หรือว่าเงินนั้นเป็นค่าเช่าตัวคุณระหว่างที่อยู่ด้วยกันกะสามีก่อนจะหย่า คิดแง่นี้แล้วมันก็ทะแม่งๆ ยังไงอยู่ อีกอย่างเงินสี่หมื่น หกหมื่นยูโรไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย คนดัชต์สักคนนึงผ่อนบ้านหลังนึงตั้งแต่เริ่มทำงาน let's say ว่าเริ่มทำงานอายุ 25  กว่าจะได้บ้านเป็นของตัวเองก็เล่นเอาแก่ (ผ่อนกันสามสิบปีถ้าทำงานคนเดียวไม่มีภรรยามาทำงานช่วยกันผ่อน) บ้านหลังนึงราคาเฉลี่ยสองแสนยูโร คุณอาจจะคิดว่าก็แค่สองแสนยูโรเอง  อยู่ดีๆ ว่าที่แม่ยายอยากได้สินสอดหกหมื่นยูโร คนหนุ่มๆ เพิ่งเรียนจบเพิ่งทำงาน จะไปหามาจากไหนได้ ถ้าไม่ได้เป็นมาเฟียค้ายาเสพติด จะยืมพ่อแม่ หรือกู้เงินแบงค์มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะคุณน้อง ถ้าคุณบอกแฟนคุณเป็นพ่อหม้าย มีภรรยาแล้วตายจากไป อายุสัก 55 ไม่มีลูกติด ผ่อนบ้านหมดแล้ว มีรถยนต์ขับ ทำงานเป็นถึงผู้จัดการบริษัท เรายังพอจินตนาการออกแบบว่า มีเงินเก็บเยอะแยะ เอามาฟาดหัวแม่ยายสักสี่ซ้าห้าหมื่นยูโร ขนหน้าแข็งไม่ร่วงหร็อก แถมมีเงินเหลือเฟือเอาไว้เลี้ยงสาวๆ ตามรายทางได้อีกเยอะแยะ อย่างนี้สิ ขอสักแสนยูโร มันก็น่าจะมีให้ ลูกพี่ลูกน้องคุณ กะคุณไม่ใช่คนเดียวกัน แฟนเขาก็ไม่ใช่แฟนคุณ อย่าเอาตัวเองเปรียบเทียบกะใครเลยค่ะ  คนเรามุมมองไม่เหมือนกัน พื้นฐานไม่เหมือนกัน จิตใจก็ไม่เหมือนกัน สิ่งที่คุณต้องการในชีวิตก็ไม่เหมือนกันอีก จะทำตามคนอื่นทำไม หัวใจคุณน่ะ ลองฟังสิคะ มันบอกว่า รักเขาๆๆ อยากอยู่กับเขาทุกวัน หรือมันบอกว่าเงินๆๆ ฉันจะต้องเอาเงินให้ได้เท่ากะที่คนอื่นเขาได้กัน ถ้าพี่มีลูกสาว ก็จะไม่เรียกสินสอดอะไรกับผู้ชายที่มารักลูกสาวพี่เลย ขอให้คบกันอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี มาสู่ขอบอกให้พ่อแม่รู้ แล้วก็สัญญาว่าจะดูแลลูกสาวเราให้ดีที่สุด ถ้าวันไหนทำไม่ได้ ก็ให้มาขอโทษแล้วก็พามาส่งคืน เราก็จะไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้ามีขึ้นมาก็คงเลี้ยงลูกแบบฝรั่งล่ะ คือให้เขาคิดอะไรได้เองแต่อยากยึดหลักการดำรงชีวิตแบบในหลวงท่าน แบบนั้นเลย เป็นแนวทางที่ดีมากๆ ถ้าแฟนคุณหาเงินจำนวนนั้นไม่ได้ ก็ไม่ต้องรำคาญใจไปนะคะ ทิ้งไปเลยค่ะ ผู้ชายดัชต์อายุน้อยๆ มีการศึกษา มีงานทำ แถมกำลังจะผ่อนบ้าน เผลอๆ มีผู้หญิงดีๆ สวยๆ ที่ไม่สนใจสินสอด เข้ามาให้เลือกมากมายในชีวิต ถ้าคุณรำคาญมากจนทนไม่ไหว ปล่อยเขาไปเถอะ คุณหาแฟนใหม่ที่อาจจะให้สินสอดพ่อแม่คุณได้เยอะกว่านั้นอีกค่ะ เรื่องนี้มันไม่ใช่ของยาก เพราะคุณเองก็มีดีเหมือนกัน ตอนนี้แค่ดูใจกันอยู่ บางทีอาจไม่ใช่เนื้อคู่กันก็ได้ ถึงได้มีปัญหากะเรื่องสินๆสอดๆ เนี่ย ลองลืม หรือมองข้ามเรื่องนี้ไปสักพักดีไหมคะ ให้เวลากับความรักของคุณทั้งคู่ก่อน อย่าให้ material มาเป็นเครื่องตัดสินชีวิตในอนาคตของคุณ เมือเวลามันสมควรแล้ว คำตอบมันก็จะลงตัวเองนั่นแหละค่ะ จะจบแบบ happy ending หรือใส่คอนเวิร์สกัน มันก็สุดแท้แต่บุพเพ เฮ้อ ตอบกระทู้ไปแล้วก็ยังหวาดๆ อมยิ้มดึกดำบรรพ์ จะโดยพันติ๊บยึดไม๊เนี่ย อย่าทำหนูเลยนะก๊า จากคุณ : Smiley & Laurens - [ 19 พ.ย. 48 07:24:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อย่าว่าแต่พูดให้หนุ่มดัชต์เข้าใจเลยเอ้า ดิฉันคนไทยแท้ๆยังไม่เข้าใจคอนเซ็ปสินสอดแบบบ้านคุณเลย "...ผู้ชายดัชต์อายุน้อยๆ มีการศึกษา มีงานทำ แถมกำลังจะผ่อนบ้าน.." อืมม์ ยำมี่ ถ้าไม่เอาโยนมาทางนี้ก็ได้ค่ะ ดิฉันรับเลี้ยงเอง แถมเงินค่าขนมเวลาไปทำงานด้วยก็ได้ จากคุณ : ปรารถนา - [ 19 พ.ย. 48 10:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรากับแฟน ก็เคยทะเลาะกันเรื่องนี้แหละก็เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เสียหน้าใช่ไหมคะ แต่ลองมาคิดกลับกัน  เราเป็นลูกที่ดี  เรียนจบ มีงานทำ มีเงินเดือนเลี้ยงตัวเอง แต่งงานถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง ไม่ท้องก่อนแต่ง  แค่นี้ก็ไม่ได้ทำให้พ่อแม่เสียหน้าแล้ว   อย่างที่คห 11 บอกไว้ เรื่องค่าบ้าน  ถ้าอยากมีบ้านหลังนึงก็อย่ที่ 200,000 ยูโร   เงินจำนวนนี้เก็บเป็นสิบปีเลยนะคะ  เพื่อนที่ทำงานดิฉัน บางคนก็ยังเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่เลย จากที่อ่านมาคุณน่าจะอยู่ตปท  ย่อมมีความรู้เรื่องนี้มากกว่าดิฉันแน่   ลองพยายามพูดให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจความจำเป็นตรงนี้ของแฟนเรา  แล้วก็ลองถามเขาดูว่า  เค้าสามารถมาสู้ขอเราตามประเพณีด้วยสินสอดเท่าไหร่ที่เค้าสามารถให้ได้    ถ้ามากไปน้อยไป คุณก็บอกเค้า  แล้วก็ช่วยกันทำงานเก็บเงินดีกว่าไหมคะ   ดิฉันเป็นกำลังใจให้นะคะ  ในฐานะที่ดิฉันก็ประสบปัญหาเดียวกับคุณมาก่อน  แล้งก็มาเขียนกระทู้ถามพี่ๆเพื่อนๆที่ห้องแม่บ้านนี้  แล้วดิฉันก็ได้รับคำแนะนำดีๆ เสมอค่ะ   ขอให้เจ้าของกระทู้โชคดีค่ะ จากคุณ : Gigolina (Gigolina) - [ 19 พ.ย. 48 11:15:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืมมม..ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : Sunsweet May - [ 19 พ.ย. 48 12:08:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พี่ให้คำแนะนำได้ไม่ดีนัก....หากน้องมาจากครอบครัวที่มี อันจะกิน เงินจำนวนนี้ก็คงจะไม่มากไปในสายตาผู้ใหญ่ ปัญหาอยู่ที่ว่าน้องเคยคุยกับคุณพ่อคุณแม่หรือยังคะว่าจะ แต่งงานกับคนต่างชาติ...ท่านรับได้หรือเปล่า เคยพาว่าที่ เจ้าบ่าวมาให้ท่านดูตัว/เรียนรู้นิสัยใจคอหรือเปล่า หรือทุกอย่างเป็นการคาดคะเนเองของน้องทั้งสิ้น...หาก คุณพ่อคุณแม่ท่านพอใจผู้ชายคนนี้ (ผู้ใหญ่จะมีสายตาที่ มองยาวไกลกว่าเด็ก ๆ แน่ค่ะ) ท่านอาจจะไม่เรียกสินสอด เลยก็ได้ พี่เชื่อว่าหากน้องแต่งงานกับผู้ชายคนไทย ยังไงน้องก็คง จะได้สินสอดเท่าที่น้องว่าไว้ เพราะคนไทยคุยกันในเรื่อง ประเพณี+วัฒนธรรมของไทยได้ง่ายกว่าคุยกับคนต่างชาติ โดยเฉพาะหากน้องมาจากครอบครัวที่ความเป็นอยู่ทาง สังคมที่ดี ยังไงก็คงไม่เลือกหนุ่มคู่คิดที่มาจากสังคมที่ต่าง จากตัวเองมาก ๆ แน่นอน.... แต่นี่เป็นต่างชาติ น้องต้องค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ อธิบาย ค่อย ๆ ตะล่อม อย่าใช้อารมณ์ และอย่า "ช่างมัน" กับปัญหา อย่าเก็บปัญหาไว้กับตัวเองคนเดียว...บอกให้คุณพ่อคุณแม่ รับรู้ แล้วลองถามความคิดความเห็นของท่านก่อนค่ะ พี่เห็นด้วยที่ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้ตัวน้องไปฟรี ๆ แต่น้องก็ อย่าทำให้เค้าหมดกำลังใจก่อนที่เค้าจะ "พยายาม" นะคะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 19 พ.ย. 48 15:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ทราบพี่ๆแม่บ้านใช้วิธีพูดอย่างไรคะถึงทำความเข้าใจกันได้ ก็ทั้งพูดและทั้งฟัง ทั้งเขาพูดเราฟัง และทั้งเราพูดเขาฟัง เขาเรียกว่า "การปรึกษาร่วมกันคิดกัน" ค่ะ ไม่ได้โน้มน้าวให้ใครต้องทำตามใคร สงสัยว่า คุณได้ - ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่เรื่องนี้แล้วหรือยัง ท่านว่าอย่างไรบ้าง หรือยังไม่ได้พูดอะไร - รู้หรือไม่ว่า เงินเดือนแต่ละเดือนของแฟนคุณได้เดือนละเท่าไร - แฟนคุณต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไร - ถ้าต้องจ่ายเงินจำนวนนั้น แฟนคุณจะไปเอามาจากไหน หรือว่าคุณไม่สน เงินจำนวน 40 000 -60 000 ยูโร นี่คือเงินเดือนของคน 1-2 คน หรืออาจจะ 3 คน/ปี เลยนะคะ แบบยังไม่หักภาษีด้วยนะ สำหรับ 1 คน ตำแหน่งดีๆ สูง มีประสบการณ์การทำงานแล้ว สำหรับ 2 คน เพิ่งจบ และสำหรับ 3 คน ที่อาจจะเป็นเลขาฯ หรือคนขาย หรือคนงาน ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก และยังไม่พร้อมจะแต่ง ก็อย่าเพิ่งแต่งเลยค่ะ และถ้าคิดว่าเรื่องเงินๆ ทองๆ สำคัญสำหรับเรามากจริงๆ หรือว่าหน้าตาสำคัญสำหรับเรามากจริงๆ แล้ว ก็ดูเหมือนว่ามันเป็นการให้คุณค่าส่วนตัวของคุณ (หรือไปถึงครอบครัวของคุณ) ถ้าคน 2 คนที่จะแต่งงานกัน มีคุณค่าที่แตกต่าง แต่งไปก็อาจจะมีปัญหา ถ้าไม่ปรับเข้าหากันและกัน และถ้าเรื่องเงินสำคัญมาก ซึ่งก็สำคัญจริงๆ คิดว่าควรคุยกันให้รู้เรื่องก่อนแต่ง ก่อนไปอยู่ด้วยกันด้วยซ้ำ เวลารักกัน อะไรๆ ก็คิดว่าได้ ไม่เป็นไร (ซึ่งจริงๆ อาจเป็นไร) ก็เห็นบ่อยๆ ว่า หลายคนที่แต่งไปแล้ว มีปัญหาคับอกเรื่องเงินๆ ทองๆ กับสามี อันนี้พูดเกินไปจากเรื่องสินสอด แต่คุณเป็นเจ้าตัวเอง คิดๆ เอาไว้ก็ดีเหมือนกัน สรุปอีกที ยังไม่พร้อมก็ไม่ต้องแต่ง เพิ่มหน่อย ดิฉันไม่มีสินสอดค่ะ ดิฉันไม่เคยพูดเรื่องนี้กับสามีด้วย แม่เองก็ไม่เคยเรียกค่ะ อ้อ ดิฉันไม่เคยขอเงินแม่เรียนต่างประเทศค่ะ งานพิธีไม่มีจัดค่ะ จดทะเบียนเท่านั้น 1 ปีให้หลังค่อยจัดเลี้ยงเล็กๆ พ่อแม่สามีให้ยืมเงินช่วยซื้ออพาร์ทเมนท์ เงินเก็บของดิฉันที่เมืองไทยก็เอามาโปะกับเงินเก็บสามี ดิฉันระหว่างเรียนที่ฝรั่งเศส สามีสนับสนุนให้เรียนให้จบ ช่วยกันเลี้ยงลูก ตอนนี้เรียนจบ หางานได้แล้วที่ถูกใจ เงินเดือนที่ได้มาก็จะได้เอามาสำหรับช่วยใช้จ่ายภายในบ้าน และถ้าเป็นไปได้ อยากซื้อบ้าน กำลังคิดว่าถ้าต้องเสียเงินเอาไปจ่ายค่าสินสอดอะไรๆ หรือเลี้ยงอะไรๆ สงสัยว่าดิฉัน สามีและลูก ตอนนี้คงยังไม่มีอพาร์ทเมนท์เป็นของตัวเองแน่ๆ ก็เลยมีความสุขที่ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร มีทรัพย์สินที่เราเองหามาได้ ก็มีเท่าที่มี ไม่ได้มาก ไม่ได้สนใจคนอื่นด้วยว่า ใครจะมีอะไรเท่าไร .... แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 48 15:51:01 จากคุณ : พธูไทย - [ 19 พ.ย. 48 15:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 I talked to my parents ka..explained that i am a humanbeing not an animal or material which they can trade me..My mom was so upset coz it was kind of humiliation if i just want to move to stay with my husband without wedding ceremony and morning gift.I told them (actually only my mom)that please do not pressure me and make me feel like i am a whore coz if she asked my husband for a morning gift what's a different from a regular woman and a whore then?? จากคุณ : thai - [ 19 พ.ย. 48 17:37:00 A:148.160.184.174 X: TicketID:089524 ]

ความคิดเห็นที่ 18 40000-60000 ยูโร พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!!!!! จากคุณ : TIDTYCHAN - [ 19 พ.ย. 48 21:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ดิฉันตอบคุณไม่ได้หรอกค่ะ เพราะปัญหาของดิฉันเองก็ยังแก้ไม่ได้ สมัยดิฉันนั้น พ่อดิฉันท่านเรียกเงินมากขนาดที่สามารถพูดได้ว่าเป็นการ ขายลูกสาวกิน เลยเชียวแหละ แล้วเงินที่เรียกไปก็ไม่ได้จะคืนมาให้ดิฉันกับลุงเด๋อด้วย ท่านจะเก็บไว้เอง ดิฉันเองรู้จักลุงเด๋อดีกว่าใคร รู้ว่าเขาไม่ได้มีเงินทองมากมายอะไรขนาดนั้น แล้วอีกทั้งตัวเองก็แอนตี้วิธีการของพ่ออย่างออกนอกหน้า เลยตัดสินใจบินมาอังกฤษโดยไม่ต้องมีการแต่งงาน ไม่ต้องมีการสู่ขอ และไม่ต้องมีใครต้องได้หรือต้องเสียสินสอดทองหมั้นให้มันรู้แล้วรู้แร่ดกันไปเลย มาแต่งงานที่นี่ เสียเงินไป ๙๘.๕๐ ปอนด์เป็นค่าธรรมเนียมของสำนักทะเบียน อีก ๓๐ ปอนด์เป็นค่าจัดเลี้ยง อีก ๖.๕๐ ปอนด์ เป็นค่ารองเท้าส้นสูง ชุดเจ้าสาวไม่ตัด ใส่กระโปรงตัวที่เคยใส่ทำงานที่เมืองไทย ไม่สิ้นเปลืองดี ตรงตามวัตถุประสงค์ ดิฉันไม่ใช่คนขี้เหนียวนะ แต่ดิฉันรู้จักตัวเองดี เมื่อไม่มีเงิน ก็จะไม่ใช้เงิน มีแค่ไหน ก็ใช้แค่นั้น ไม่สร้างหนี้เพื่อเอาหน้าค่ะ เพราะไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ดิฉันเห็นเงินสินสอดของคุณแล้วมิกล้าออกความเห็นใดๆเลยค่ะ แต่อยากเล่าให้ฟังถึงกรณีดิฉัน เผื่อคุณคิดอะไรได้บ้าง คิดดี คิดไม่ดี อันนี้เป็นสิทธิ์ของคุณค่ะ อยากบอกว่าขอให้คุณโชคดี และขออวยพรให้ว่าที่เจ้าบ่าวยอมโอเคกับข้อตกลงของคุณสมใจปรารถนานะคะ จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [ 19 พ.ย. 48 21:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาหลายรอบละ เพื่อนอ่านความคิดเห็นแม่บ่านแต่ละท่าน แต่มาขำมาก ความคิดเห็นที่ 18   40000-60000 ยูโร พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!!!!! จากคุณ : TIDTYCHAN   - ดิแนพ่อและแม่ เสียไปนานละ เลยไม่มีเรื่องเงินๆๆทองๆๆเข้ามาเกี่ยว ถึงท่านจะยังมีชีวิตอยู่ ณ ตอนนี้ก็รู้จักท่านดี มีแต่จะดีใจที่ลูกมีความสุข เงินทองท่านไม่อยากได้หรอกค่ะ การแต่งงานก็แค่พิธีหนึ่ง ซึ่งบอกให้ชาวบ้านรับรู้ แต่ไม่เห็นจำเป็นมากมายที่ต้องการเงิน ..... สามีในอนาคตมากขนาดนั้น........ จากคุณ : Opapaiboon - [ 19 พ.ย. 48 23:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ออกความเห็น แต่ก็ขอให้โชคดีแล้วกัน ส่วนเราได้แต่คอยเขาพูดว่าแต่งงานกันนะ หลังจากที่เขาบอกกับเราว่า "ที่รักเราแต่งงานกันนะ" แค่นั้นแหละ รีบวิ่งไปที่อำเภอเลย แล้วก็รีบบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า พี่  ๆ ช่วยจดทะเบียนให้หนูหน่อย ที่รีบนี่ไม่ใช่อะไรหลอก กลัวพ่อคุณเขาจะเปลี่ยนใจ ฮ่า ๆ ๆ ทุกวันนี้ก็อยู่กันแบบสบาย ๆ ไปเที่ยวเมืองไทยปีละ 2 ครั้ง และไม่รวมไปเที่ยวที่อื่นอีก บ้านก็มีอยู่ไม่ต้องเช่า รถก็มีใช้ไปไหนมาไหน แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว แถมตอนนี้ยังแฟนยังเอาลูกของเรามาเรียนที่นี่อีกด้วย จึงคิดว่าเรานี่ชั่งโชคดีจริง ๆ เลย จากคุณ : Kun Toom - [ 20 พ.ย. 48 01:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สงสารแฟนคุณนะ อายแทนด้วย กะขายลูกกินเลยนะเนี่ย ถ้าบ้านมีฐานะดี จะแต่งกับฝรั่งเพื่อเรียกสินสอดไปทำไม ไหนๆก็มีเงินอยู่แล้วนิ ถ้าเขาไม่เอาสินสอดมาให้ ก็กะว่าจะไม่แต่งเลยนิ อวยพรให้คุณบอกเลิกกับเขาไปซะ เขาจะได้ไม่ต้องเสียสินสอดแม้แต่บาทเดียวให้คุณกับครอบครัว ผู้ชายอายุน้อยๆอนาคตไกลๆแบบนั้น เชื่อสิ แป๊บเดียวเขาก็หาแฟนใหม่ได้แจ๋วไฉไลกว่าคุณเป็นกอง แนะนำให้แต่งกับคนไทยที่คุณว่าสามารถหาสินสอดมาให้ตามที่คุณต้องการเถอะ ถ้าหาได้ง่ายขนาดนั้น จะมากลุ้มใจกับฝรั่งหัวทองเรืองสินสอดไปทำไม จากคุณ : เบื่อคนหน้าเงิน - [ 20 พ.ย. 48 02:33:15 A:68.159.211.247 X: TicketID:059703 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านแล้วก็ไม่รู้ว่าจะออกความเห้นยังไง แต่คิดว่าคุณ จขกท ยังใช้อารมณ์ของเด็กๆกับเหตุการณ์นี้ คุณพูดกระแทกกระทั้นประชดประชันกับแฟนแล้วก็ท้าให้เค้าไปหาผู้หญิงคนใหม่ ถ้าเค้าตัดสินใจอย่างนั้นจริงๆถามว่าคุณจะยอมรับได้มั้ย ตัวคุณคงจะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด จริงๆเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์อะไรๆให้กับทั้งตัวคุณและแฟนได้ แฟนคุณก็จะได้ไปขบคิดว่าความแตกต่างในด้านความคิดความเชื่อและค่านิยมของคุณกับเค้าจะมีผลกระทบกับชีวิตคู่ในอนาคตข้างหน้ารึเปล่า  ส่วนตัวคุณเองก็จะได้มาชั่งใจว่าคุณรักเค้ามากแค่ไหนพอที่จะประณีประนอมกันได้มั้ยและพร้อมที่จะเลือกเดินทางนี้หรือเปล่า เก็บเอาเหตุการณ์ครั้งนี้ไปนั่งตรองกันดูให้ดีๆก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกัน เพราะยังไม่สาย ถ้าไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องแต่ง ดิฉันก็คล้ายๆกับจขกท ครอบครัวค่อนข้างมีฐานะ พ่อแม่ก็ส่งมาเรียนต่อเมืองนอก ตอนจบตรีดิฉันก็ทำงานบริษัทมีเงินเดือนได้แบ่งให้พ่อแม่บ้างนิดหน่อยๆ แล้วก็ขอท่านมาต่อโท พ่อแม่หมดเงินส่งดิฉันเรียนไปเป็นล้านๆบาท แต่ท่านก็คิดว่าท่านทำหน้าที่ของพ่อแม่ส่งเสริมสนับสนุนลูก ดิฉันมาพบกับสามีตอนเรียนอยู่แต่อยู่กันคนละเมือง สามีอายุมากกว่า ๖ ปีทำงานทำการแล้วแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร  ตอนบอกพ่อแม่ว่าจะแต่งงานท่านก็ไม่ว่าอะไรเพราะสามีเป้นคนดีขยันขันแข็งและก็ไม่ได้เรียกร้องเอาสินสอด  แต่ญาติทางดิฉันบางคนค่อนข้างวัตถุนิยมตัดสินคนที่ฐานะ สังคมรอบๆข้างก็คล้ายๆอย่างนั้น  ตัวดิฉันเองไม่ได้กลัวเสียหน้าอะไร แต่นึกถึงหน้าตาของพ่อแม่ไม่อยากให้ใครว่าว่า ส่งมาเรียนแต่ดันมาเอาสามี  ถ้าไม่มีสินสอดหรือพิธีการอะไรคนก็จะว่าว่าอยากให้ลูกได้สามีฝรั่งจนตัวสั่นเลยยกให้ฟรีๆ เราพ่แม่ลูกเลยปรึกษากันว่าจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ยังไง  ตัวสามีก็ไม่เข้าใจเรื่องสินสอดเหมือนกันและดิฉันก็ไม่อยากให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พ่อแม่ก็เลยบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้เองที่เมืองไทยเชิญแขกมาเพื่อให้รับรู้ว่าเราแต่งงานกันเป็นเรื่องเป็นราวส่วนค่าใช้จ่ายพ่อแม่จัดการให้หมด (ดิฉันยังไม่ได้ทำงานตอนนั้น) พอกลับไปประเทศสามีก็ไปจัดงานแต่งที่นู่นอีก แต่เป็นงานเล้กๆจัดในโบสถ์เชิญแขกมาแค่ ๓๐ คน สามีเป้นคนออกค่าใช้จ่ายตรงนี้ ดิฉันทำงานพิเศษเพื่อเก็บเงินซื้อชุดแต่งงาน การ์ดเชิญก็ทำเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย  เงินเก็บที่เหลือเราสองคนก็เอามาสร้างเนื้อสร้างตัวไม่ให้เดือดร้อนพ่อแม่ ตอนนี้ซื้อบ้านและผ่อนบ้านอยู่ มีอพาร์ทเมนต์เล็กๆให้คนเช่า มีรถคันเล็กๆขับ มีชีวิตครอบครัวเรียบง่ายแต่ก็มีความสุขกันสามคนพ่อแม่ลูก อยากเตือนให้ จขกท ใช้เหตุผลให้มากกว่านี้และอย่าเปรียบเทียบแฟนเรากับคนอื่น เพราะต่อไปถึงแต่งงานแล้วคุณก็จะยังคงเปรียบเทียบเค้ากับสามีคนอื่น (สามีลูกพี่ลุกน้องยังซื้อแหวนเพชร ๕ กะรัตให้ภรรยายเลย ทำไมคุณซื้อให้ชั้นบ้างไม่ได้) ชีวิตคู่ไม่มีความสุขหรอกค่ะ  ถ้าตรงนั้นคือความสุขของคุณ ก็อย่างที่หลายๆคนบอก แต่งงานกับคนเอเชียที่มีค่านิยมแบบเดียวกันซะ จากคุณ : แพนด้าหญิง - [ 20 พ.ย. 48 09:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เราก็เป็นคนหนึ่งที่มากจากครอบครัวที่ดี พ่อแม่ส่งเสียให้มาเรียนต่อต่างประเทศ  พ่อแม่เราก็จบต่างประเทศทั้งคู่ ฐานะมั่นคง ตอนที่ยังไม่เกษียณก็มีหน้าที่การงานดี  พ่อบอกว่า พ่อมีหน้าท่ีส่งให้เราเรียนเท่านั้น  เรื่องคู่ครองจะไม่ยุ่งด้วย  เพราะอายุเราอีก 3 ปีก็จะ 30 แล้ว  เราได้มาเจอแฟนเราที่นี่  คิดว่า ถ้าเกิดจะแต่งงานกัน สำหรับเราแค่จดทะเบียนกันก็พอ  ไม่ต้องมีพิธีรีตอง  ไม่ต้องเปลืองเงินไปกับพิธีต่าง ๆ  สำหรับสินสอดเราไม่อยากได้  แฟนเราเป็นคนมีความรู้  มีความสามารถ  ขยัน และเป็นคนมีน้ำใจ  เราคิดว่าถ้าอยู่ด้วยกันคงไม่ลำบาก  เราไม่สนใจหรอกว่า คนอื่นจะว่ายังไงถ้าเราไม่จัดพิธี และไม่เรียกสินสอด  แค่ให้พ่อแม่เรารับรู้ว่า  แฟนเราเป็นคนมีความสามารถ มีหน้าที่การงาน  เพื่อให้พ่อแม่วางใจว่าเราไม่ได้มาลำบาก  สินสอดมากมายไม่ได้เป็นเครื่องค้ำประกันว่าคุณจะมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข    สำหรับเรา แค่จดทะเบียนกัน แล้วเค้ายกย่องให้เกียรติเราเป็นภรรยา ก็พอแล้ว จากคุณ : Sonnenschein - [ 20 พ.ย. 48 15:14:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ เจ้าของกระทู้ ยังเข้ามาอ่านอยู่เปล่าค่ะ ถ้ายังไงช่วยตอบให้ทุกคนนนี้รับรู้ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับชีวิตคุณ ตอนนี้เป็นแค่แฟน สามรถตัดสินใจได้ว่าจะเริ่มต้นหรือจบลงด้วยความเป็นเพื่อน เพราะเงินที่คุณเสนออาจจะมากไปสำหรับเค้านะ ทำในสิ่งที่เห็นควรดีกว่า ไม่ใช่ เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง จากคุณ : Opapaiboon - [ 20 พ.ย. 48 16:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณที่เข้ามาตอบกระทู้ให้นะคะ กับแฟนเค้าก็พยายามทำความเข้าใจ  เรื่องสินสอดเอาไว้พูดกันทีหลังเพราะยังมีเวลา  น้องยังไม่พร้อมแต่งตอนนี้นะคะ  เพียงแต่คุยกันเฉยๆ   กระทู้ที่ 7,8,22  คุณก็พูดจารุนแรงไปหน่อย  อะไรมันไปกระทบปมด้อยในใจคุณรึเปล่า  คำถามที่ตั้งไว้ก็แค่อยากได้คำแนะนำที่เหมือนพี่ๆสอนน้อง  อยากได้คำสั่งสอนคำแนะนำที่คนที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์เค้าคุยกัน  ที่บอกว่าลูกพี่ลูกน้องได้สินสอดเท่านั้นเท่านี้  ก็เพราะจากการกะประมาณดูคร่าวๆว่าฐานะอย่างบ้านดิฉัน  สินสอดมีราคาแค่ไหนถึงจะเหมาะสม  ไม่ได้คิดตั้งใจจะเอาตัวไปเทียบกับคนอื่นแค่ไม่มีที่ปรึกษา  อีกอย่างลูกพี่ลูกน้องดิฉันคนนั้นแต่งงานผ่านมา เกือบ 10 ปีแล้วค่ะ   ที่คุณถามว่า"คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร?" ขอตอบว่าก็เป็นแค่ผู้หญิงไทยเชื้อสายจีนคนหนึ่งผิวเข้ม  อายุอาจจะน้อยไปนิดเกือบจะเต็ม 25 ปีอีกไม่กี่เดือนนี้แล้วค่ะ  เดือนๆนึงทำงานมีเงินให้คุณพ่อคุณแม่ใช้แค่ 20000 บาท รายได้ปีนึงของดิฉันก็ประมาณ 13000 ยูโร ทำงานในประเทศนี่แหละค่ะแต่อาจจะอยู่ต่างประเทศซะอาทิตย์ละ 4 วัน  ดิฉันเรียนหนังสือผ่านมา 4 ประเทศ สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้คล่อง 5 ภาษา จบปริญญาตรี 2 ใบจากประเทศไทยและมีโครงการที่จะศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศเยอรมันนี  ตัวแฟนก็จบปริญญาโท 2 ใบอายุ 27 รายได้หลังหักภาษีก็เกิน 30000 ยูโรค่ะ   ครอบครัวดิฉันไม่ได้เดือดร้อนกับการที่ดิฉันได้แต่งงานหรือไม่ได้แต่งหรอกค่ะเท่าที่ลองถาม  อยากให้ดิฉันเรียนและทำงานตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆมากกว่า  กับแฟนคนนี้ทางบ้านก็ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน  เลยยากที่จะบอกได้ว่า  คุณพ่อจะถูกใจรึเปล่า  และดิฉันไม่ได้รับอนุญาติให้พูดถึงเรื่องแต่งงาน เรื่องแฟนหรือผู้ชายใดๆทั้งสิ้น พูดได้แค่เพียงว่า  แฟนคนนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทของดิฉัน  ไม่ใช่ว่าไม่เคยพาใครมาแนะนำนะคะ  สินสอดที่ดิฉันเคยพูดถึงมีราคาเท่ากับรถยนตร์แฟนคนเอเชียก่อนๆเท่านั้น ที่ต้องห่างกันไปเพราะระยะทางและเวลาที่ห่างกัน  และดิฉันเป็นคนขอเลิกด้วยเหตุผลหลายๆอย่างรวมถึงการที่ได้เจอผู้ชายคนนี้ด้วย   การที่เจ้าของความคิดเห็นที่ 7 บอกว่า "อย่าทำอะไรให้ฝรั่งเค้าดูถูกผู้หญิงไทยและทำให้ผู้หญิงไทยดีๆโดนเค้าดูถูกอีกเลย" อยากทราบว่าจะดูถูกเรื่องอะไรกันคะ  เท่าที่ทราบดิฉันเป็นฝ่ายดูถูกพวกฝรั่งเสมอในช่วงแรกๆ  เพราะสิ่งที่พบเห็นจากที่เมืองไทย  จากสังคมคนหัวดำที่มักจะยกย่องพวกฝรั่งซะสูงส่งเลยพาลจะกดคนชาติเดียวกันและคนต่างสีผิวให้ดูต่ำลงประกอบกับการด้อยทางความคิดของดิฉัน  และเห็นพวกหัวแดงเค้าดูถูกกันเองระหว่างคนทวีปเดียวกัน ดิฉันโฆษณาชวนเชื่อเรื่องเมืองไทยและภูมิใจในความเป็นไทยมากๆ แม้ในความเป็นจริงบางสิ่งบางอย่างจะเป็นจุดด้อยดิฉันก็จะพูดตรงๆไม่ปิดบัง   หัวข้อเรื่องการเมือง ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม  และการพัฒนาทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับประเทศไทยและทวีปเอเชีย ที่คุณๆต้องตอบคำถามพวกฝรั่งเจ้าปัญหาบ่อยครั้ง  เป็นหัวข้อที่ภาษาดิฉันจะลื่นไหลเป็นพิเศษ  ดังนั้นเรื่องความรู้ไม่มีฝรั่งหรือญี่ปุ่นหรือชาติอื่นๆคนไหนที่รู้จักดิฉันพูดจาดูถูกผู้หญิงไทยแน่นอน ส่วนเรื่องเงินนั้นดิฉันไม่เคยทานของใครฟรีๆหรือยืมเงิน  หรือคิดอยากได้ของใครหรอกค่ะ  ดิฉันใช้เงินอย่างพวกฝรั่งและเลี้ยงเพื่อนแบบคนเอเชีย จากคุณ : Uki no Kimono - [ 20 พ.ย. 48 18:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องสินสอดคงให้เค้าไปเจรจากับคุณพ่อเองดีกว่า  ถ้าเข้ากันได้เงินสินสอดคงเป็นเรื่องลองลงไปแล้วค่ะ  ยังไงซะไม่ให้ดูน่าเกลียดก็คงไม่น่าจะน้อยกว่า 20000ยูโร   แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้เงินมากแค่ไหนคงไม่ยกลูกสาวให้หรอกค่ะคุณพ่อดิฉัน   ปลายเดือนนี้ดิฉันต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศชั่วคราว  แฟนก็เลยจะเดินทางไปเยี่ยม  คงอยู่ห่างกันไปสักพักใหญ่ๆ  แต่เค้าเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายมาก  เอาใจดิฉันทุกอย่าง  จำทุกคำพูดที่เคยพูดเคยเล่าทุกอย่างให้ฟัง  เป็นที่ปรึกษาและช่วยเหลือทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องขอร้องหรือพูดซ้ำซาก  ถึงแม้จะเป็นคนที่ดิฉันไม่ได้รักหรือพยายามจะรัก  ชีวิตแต่งงานก็คงประคับประคองไปด้วยกันได้ถ้าไม่ฆ่ากันตายไปซะก่อนข้างนึง  ประโยคหลังนี่เพื่อนๆพูดให้ฟังค่ะ  เพราะเราเคยทะเลาะกันตลอด  เลยกันมาแล้ว 8 ครั้งภายในระยะเวลา 1 ปีแต่ก็ยังกลับมาคบกันอยู่จนถึงทุกวันนี้  เป็นเพราะความไม่เข้าใจกันระยะแรกๆและความมีอีโก้สูงด้วยกันทั้งคู่แท้ทำให้ช่วงแรกที่คบกันค่อนข้างลำบาก   ดิฉันไม่เคยห้ามถ้าเค้าไม่สามารถทนรอดิฉันได้  มีผู้หญิงหลายคนมาชอบเขาโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น อินโด และสาวผมบลอนด์ ตาฟ้า อย่างที่หลายคนพูดถึง (เจ้าตัวเค้าบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงที่ยิ้มเหมือนตุ๊กตาแต่ไร้สมอง  พูดไม่คุยไม่ได้ค่ะ  แล้วก็ไม่ชอบ european cow)  จะว่าสนับสนุนก็ไม่เชิงเนื่องจากบางครั้งรู้สึกกดดันกับการที่จะแต่งงานและขอไม่ให้ดิฉันไปทำงานในตะวันออกกลางที่ดิฉันอยากไป  ซึ่งระยะเวลาของสัญญาการทำงานค่อนข้างนาน  และอยากให้ไปเรียนในประเทศของเค้าแทนซึ่งดิฉันไม่ค่อยชอบใจนัก   ประกอบกับค่าเรียนเป็นจำนวณครึ่งล้านโดยไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆและไม่สามารถทำงานได้ทำให้ดิฉันคิดหนัก  โดยเค้าให้เหตุผลว่าหลังจากเรียนจบจะง่ายสำหรับการหางานทำและเรียนภาษาของเค้าควบคู่ไปด้วย  เค้าขอให้ดิฉันเลือกระหว่างสิ่งที่ใฝ่ฝันอยากจะทำกับอนาคตของเรา 2 คน  พูดยากค่ะเรื่องแบบนี้ขอดูดูกันต่อไปดีกว่า จากที่คุณความเห็นที่ 2 ส่งข้อมูลมาให้ดูขอบคุณมากๆเลยค่ะ  เค้าบอกดิฉันว่าแต่งที่ไหนก็ได้แต่ต้องจองห้องสูทที่โรงแรมโอเรียนเต็ล  และต้องเป็นวันที่ 8 เดือน 8 ปี 2008 ขอบคุณทุกคนที่สละเวลาตอบคำถามและแนะนำเด็กโง่นะคะ จากคุณ : Uki no Kimono - [ 20 พ.ย. 48 21:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 จอง ห้องสวีท ไว้แต่เนิ่นๆ แล้วกัน จากคุณ : mrs.night owl - [ 20 พ.ย. 48 22:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ดิฉันอ่านที่คุณเจ้าของกระทู้ตอบแล้ว ทำไมรู้สึกไม่ดีก็ไม่รู้ซิ หรือว่าดิฉันคิดมากไปเองว่าคำตอบนั้นมันมีอะไรซ่อนอยู่ เอาเป็นว่าขอให้คุณโชคดีก็แล้วกันนะคะ คงไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ดิฉันเริ่มหนาว และกลัวค่ะ จากคุณ : หมูแดงจ้ะ - [ 20 พ.ย. 48 23:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ข้อความตรงนี้ ที่คุณถามว่า"คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร?" ขอตอบว่าก็เป็นแค่ผู้หญิงไทยเชื้อสายจีนคนหนึ่งผิวเข้ม อายุอาจจะน้อยไปนิดเกือบจะเต็ม 25 ปีอีกไม่กี่เดือนนี้แล้วค่ะ เดือนๆนึงทำงานมีเงินให้คุณพ่อคุณแม่ใช้แค่ 20000 บาท รายได้ปีนึงของดิฉันก็ประมาณ 13000 ยูโร ทำงานในประเทศนี่แหละค่ะแต่อาจจะอยู่ต่างประเทศซะอาทิตย์ละ 4 วัน ดิฉันเรียนหนังสือผ่านมา 4 ประเทศ สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้คล่อง 5 ภาษา จบปริญญาตรี 2 ใบจากประเทศไทยและมีโครงการที่จะศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศเยอรมันนี ตัวแฟนก็จบปริญญาโท 2 ใบอายุ 27 รายได้หลังหักภาษีก็เกิน 30000 ยูโรค่ะ เค้าบอกดิฉันว่าแต่งที่ไหนก็ได้แต่ต้องจองห้องสูทที่โรงแรมโอเรียนเต็ล และต้องเป็นวันที่ 8 เดือน 8 ปี 2008 อวดซะน่าเกลียดเลยเนอะ จากคุณ : เบื่อ - [ 20 พ.ย. 48 23:45:05 A:68.159.211.247 X: TicketID:059703 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตอนแรกเราไม่รู้สึกอะไรกับ จขกทนะ เพราะเห็นว่าฐานะครอบครัวแต่ละคนแตกต่างกัน ความต้องการก้แตกต่างกัน แต่พอคุณเข้ามาตอบแบบดิฉันอึ้งเลยอ่ะ      เรื่องสินสอดก็แล้วแต่ จขกท แล้วกัน พยายามอธิบายแฟนให้เข้าใจ โดยถูกต้องนะ ฝากบอกแฟนคุณด้วยว่า "ผู้หญิงไทยไม่ได้ต้องการแบบนี้ทุกคนนะ มันแล้วแต่ครอบครัวของแต่ละคน" เอ่อ ดิฉันเอาเรื่องรักเตือนใจจากห้องสวนลุมมาให้ห้องแม่บ้านอ่านไม่ทราบว่าคุณได้อ่านรึยัง จขกท นั้นเค้าบอกไว้ว่า เวลาผู้ชายรักหน่ะแถมจะอุ้มเราเลย แต่เวลาเปลี่ยน ก็เปลี่ยนไปแบบไม่หันกลับมามองอ่ะ ยังไงเข้าไปอ่านได้ที่นี่  http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H3886805/H3886805.html เพื่อจะได้ไม่ประมาทเรื่องรักอ่ะ จากคุณ : bellemaman - [ 21 พ.ย. 48 00:37:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 แล้วแต่งเมื่อไหร่อย่าลืมมาลงรูปให้ดูนะค่ะ อวยพรขอให้โชคดีค่ะ ปล. แฟนคุณเงินเดือนเยอะจังอ่ะ ไม่มีอะไรหรอกแบบว่าแฟนเราเงินเดือนไม่ได้ 1 ใน 4 เลยมั่ง จากคุณ : monzy - [ 21 พ.ย. 48 01:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ห้องสวีทนี่เป็นยังไงคะ คุณกุ้ง mrs. nightowl คือถามไว้เป็นความรู้ เผื่อมีโอกาสได้จัดงานแต่งหรูๆ ในชาติหน้า จะได้จองถูก มิงั้นอายพนักงานขายห้องของโรงแรมแย่เลย... แบบว่า ชาตินี้น่าจะสายไปแล้ว ดิฉันอายุป่านนี้ ท่าจะดึกเกินไป ... ไร้หวังที่จะได้พบยอดชายในฝันของคนอื่น จากคุณ : พธูไทย - [ 21 พ.ย. 48 02:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณโพรไฟล์ขนาดนี้นะ ไม่น่ายากเกินความสามารถคุณเลย ที่จะอธิบายให้แฟนคุณเข้าใจ ถ้าฉันเป็นคุณนะ จะไ่ม่สนใจด้วยว่าแฟนจะมีเงินมาขอไหม เพราะตัวเองคงมีปัญญาหาค่าสินสอดมาเองอยู่แล้ว คุณพธูคะ ขอตอบคุณกุ้ง ห้องสวีทนี่ก็ึคือห้องนอนที่กว้างๆ มีจากุชชี่ มีส่วนทำงาน ส่วนรับประทานอาหาร เป็นสัดเป็นส่วน เป็นวิวที่ดีที่สุดของรร นั้นๆอ่ะค่ะ หลายๆรร.มีแพคเกจห้องสวีทนะคะ เขาจะมีบริการลีมูซีนให้ไปชอปปิ้งหรือรับจากสนามบินให้ด้วยค่ะ ไม่เคยพักเองนะคะ ไม่มีปัญญา แต่สมัยทำงาน เคยจองให้ลูกค้าบ้างค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 48 04:52:51 จากคุณ : DropAtearInMyWineGlass - [ 21 พ.ย. 48 04:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ฟังเจ้าของกระทู้อ้างสรรพคุณแล้ว เข้าใจว่า นั่นคือเหตุผลที่ค่าสินสอดแพงนั่นเอง จากคุณ : Febie - [ 21 พ.ย. 48 07:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มิน่าล่ะ โลว์โปรไฟล์อย่างเรา ถึงไม่มีสินสอด ก๊ากๆๆๆ จากคุณ : TIDTYCHAN - [ 21 พ.ย. 48 10:52:49 ]

ความคิดเห็นที่ 37 กระทู้ที่ 7,8,22 คุณก็พูดจารุนแรงไปหน่อย อะไรมันไปกระทบปมด้อยในใจคุณรึเปล่า -คนที่มีปมด้อยคงไม่ใช่เรา หรือคนที่มาออกคห.ในนี้หรอก คงเป็นจขกท.มากกว่า ที่มีปมด้อย กลัวแฟนไม่มีปัญญาให้ค่าสินสอดทองหมั้นทัดเทียมกับเพื่อนและญาติๆของตัวเอง และเราก็ไม่ได้คิดว่าเราพูดจารุนแรงกับจขกท.เลย ถ้าเทียบกับการที่จขกท.ไปพูดจาทำนองไถค่าตัวกับคนรักจนแฟนตัวเองน้ำตาซึม "ครอบครัวดิฉันไม่ได้เดือดร้อนกับการที่ดิฉันได้แต่งงานหรือไม่ได้แต่งหรอกค่ะ" แต่ตั้งกระทู้ข้างบนนี่พูดเหมือนNeed Money ม๊ากมาก มีราคาค่าตัวตามrateที่ครอบครัวตั้งเอาไว้ซะด้วย เห็นคนอื่นได้ก็อยากได้เหมือนเค้า โดยที่ไม่ยอมดูกำลังความสามารถของแฟนตัวเอง แล้วยังจะไปสร้างความกดดัน สร้างปมด้อยให้กับแฟนตัวเองอีก ถ้าบ้านจขกท.มีฐานะดีแบบที่มาออกคห.27เอาไว้ แล้วคุณจะมาพูดประโยคนี้ไว้ในตอนแรกทำไม "แฟนถามว่าประมาณเท่าไหร่ที่ควรจะจ่าย น้องก็บอกว่าประมาณ 40000-60000 ยูโร ที่พูดไปแบบนั้นเพราะว่าลูกพี่ลูกน้องแต่งงานก็ได้สินสอดประมาณนี้" และที่จขกท.อวดสรรพคุณว่าตัวเองเรียนมาสูงขนาดนี้ คุณไม่คิดจะเอาความรู้สูงๆ ไปช่วยแฟนทำมาหารับประทานนอกเหนือจากการไถค่าสินสอดบ้างหรอ แล้วที่มาบอกว่าแฟนไม่ชอบ european cow ชะล่าใจไปรึป่าว ถ้าeuropean cowคนนั้นสวย เซ็กซี่ นิสัยดี มีสมอง ไม่ขูดรีด ช่วยเค้าทำมาหารับประทาน เค้าก็ต้องสนบ้างแหล่ะน่า ยังไงไปจัดงานแต่งที่โรงแรมใหญ่ๆ ก็ขอให้โชคดีก็แล้วกัน แต่ระวังจะโดนครอบครัวว่าที่สามีในอนาคต นินทาหรือด่าไล่หลังในงานว่าขูดเลือดขูดเนื้อลูกเค้ากินหล่ะ จากคุณ : NO.7 - [ 21 พ.ย. 48 15:14:05 A:80.2.164.218 X:219.93.175.68 TicketID:110547 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เจ้าของกระทู้เค้าก็ถามดี ๆ ของเค้า ตามภาษาคนอายุแค่ 25 ที่ยังไม่มีประสบการณ์ บางคนก็ตอบแบบช่วยเหลือดี บางคนก็ไปประชดเค้า พอเค้าตอบกลับบ้าง ก็ถูกรุมอีก สำหรับคนในเมืองไทยที่ทำธุรกิจสินสอด 400000, 600000 ยูโรไม่ได้มากเลยนะ และจขกท. ก็คงเห็นจากตัวอย่างจากคนรอบตัว เพียงแต่ทีนี้บังเอิญนี่มีแฟนเป็นฝรั่ง ที่ไม่เข้าใจ และเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนฝรั่งส่วนใหญ่เท่านั้น ดิฉันว่า paragraph ที่ 2, 4, 6 ของคุณ smiley & laurens จะทำให้ จขกท. เข้าใจสังคมฝรั่งได้ดีขึ้นนะ คุณต้องเข้าใจเค้าบ้าง แต่เท่าที่อ่านคุณไม่ได้รักหรือพยายามรัก (ใช่มั้ย) ถ้างั้นก็อย่าด่วนตัดสินใจแต่งงานเลย วันหนึ่งถ้าคุณพบเจอจริง ๆ คุณจะทราบว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย แต่ถ้าคุณยังติดเรื่องพวกนี้อยู่ ก็ขอแนะว่างั้นอย่าไปมีเลยแฟนฝรั่ง ฝรั่งพวกที่แต่งงานกับหญิงไทย ก็เป็นพวกพื้น ๆ ส่วนใหญ่ ไม่ได้ sophisticated หรือ cultured อะไร กับผู้หญิงไทยพวกนี้แยกไม่ออกหรอก ว่าทำไมคุณถึงต้อง 4 หมื่นยุโร ในเมื่อเค้าเห็นคนอื่น ๆ ให้ฟรี และจะมาให้เค้าเข้าใจวัฒนธรรมบ้านเราคงยาก โดยเฉพาะวัฒนธรรมนั้นทำให้เค้าต้องเสียเงิน ถ้าเป็นฝรั่งระดับจริง ๆ เค้าก็คงต้องการคนมีระดับในบ้านเค้า เพราะฉะนั้นอย่าไป expect กับฝรั่งมากค่ะเรื่องสินสอด ถ้าคุณกังวลเรื่องพวกนี้มาก ระดับการศึกษา หน้าที่การงานอย่างคุณ ถ้าเป็นอย่างที่คุณเล่า อยู่เมืองไทยมันส์กว่าเยอะ หน้าที่การงาน สังคม ฯลฯ สินสอด 3 ล้าน แต่งงานโอเรียนเต็ลไม่ได้มากไปหรอก จากคุณ : ... - [ 21 พ.ย. 48 16:29:52 A:58.10.64.32 X: TicketID:098315 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลดลงมาเหลือ 2 หมื่นยูโรแล้ว จากคุณ : นู๋ก้อย - [ 21 พ.ย. 48 21:16:34 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จริงๆ เห็นด้วยกับความเห็นที่ 38 นะ  40000-60000 ยูโร ไม่ได้มากมายเลยสำหรับคนที่ทำธุรกิจ   หรือคนที่มีหน้าที่การงานที่ดี (แต่ไม่ใช่คนที่พึงจะเริ่มตั้งตัวแบบแฟนคุณ) แต่ว่าเท่าที่อ่านดูเหมือนคุณบอกว่าไม่ได้รักแฟนคุณนี่ ++++ แล้วจะไปแต่งเรียกสินสอดทำไมกัน ไม่รักก็อย่าไปแต่งกับเขาเลย  แถมไปเรียกสินสอดเขาตั้ง มากมาย  ไม่ใช่แต่งได้ไม่เท่าไหร่ก็ขอหย่าแล้วฮุบสินสอด หมดหรอกนะ  อ่านแล้วหนาวแทนชายคนนั้นจังเลย...... ตอนนี้ที่นี่ยิ่งหนาวๆอยู่ด้วย..........(ฮีตเตอร์เสียอ่ะ) แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 48 21:50:32 จากคุณ : Khemmarassamee - [ 21 พ.ย. 48 21:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าเป็นลูกตาสีตาสา ไร้การศึกษา ไม่มีความสามารถหาตังค์เลี้ยงพ่อแม่เข้ามาถามก็ว่าไปอย่าง นี่จขกท.อายุปาเข้าไปจะตั้ง25 ปีแล้ว แถมที่บ้านมีปัญญาส่งมาเรียนนอกอีก ขนาดยังขาดประสบการณ์นะ ยังรู้จักวิธีตั้งrateเรียกค่าตัว(ตามเพื่อนฝูงและญาติๆในครอบครัว)อีก แล้วกลับเข้ามาพูดอะไรๆน่าเกลียดๆอีก "สินสอดที่ดิฉันเคยพูดถึงมีราคาเท่ากับรถยนตร์แฟนคนเอเชียก่อนๆเท่านั้น " ขนาดเราเป็นลูกผู้หญิง ชาติเดียวกันอ่านกระทู้และคห.ของจขกท.แล้ว เรายังรู้สึกสงสารแฟนของจขกท.อย่างจับใจเลย เราอ่านกระทู้อย่างถี่ถ้วนก่อนตอบ ก็เห็นข้อความของจขกท.มันมาแบบหน้าเงินอยู่รำไรๆแล้ว ไม่มีใครเค้ารุมใครหรอก อะไรไม่ถูก ไม่งาม คนที่เข้ามาอ่านเค้ามีความคิด คงไม่มีใครสามารถจูงจมูกใครให้มารุมด่าว่าใครได้หรอก บางทีการศึกษาก็ไม่ได้ช่วยให้คนบางคนคิดที่จะทำมาหารับประทาน ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ก่อนที่จะไปยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ บางคนเรียนไปสูงๆ ก็เพื่ออัพเกรดราคาค่าตัวของตัวเองตอนแต่งงาน หรือเรียกอีกอย่าง กะเอาทุนคืนตอนเเต่งงานว่างั้นเหอะ แต่ชีวิตจริงตัวเองก็ไม่ได้มีความคิดอยากจะใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาสูงๆไปช่วยแฟนทำมาหากิน แต่กลับอยากให้ผู้ชายเลี้ยง แล้วตัวเองจะได้เอาไปพูดอวดร่ำอวดรวยกับครอบครัวและเพื่อนฝูงถึงความโชคดีของตน เวลามีสุขจะไปร่วมเสพกับเค้า แต่พอเค้าไม่มีตังค์เท่าที่ตัวเองอยากได้ ก็ทำท่าจะตีจากไปหาผู้ชายที่มีตังค์จ่ายให้มากกว่า คนไร้การศึกษาถ้ามีความคิดและพฤติกรรมแบบนี้ เราว่าน่าให้อภัยได้บ้าง แต่คนที่บ้านมีฐานะมีการศึกษาสูงๆ แต่มีความคิดแบบที่เรากล่าวไว้ข้างต้น... คนแบบนี้เนี่ยแหล่ะ น่ากลัวยิ่งกว่าพวกผู้หญิงที่ไร้การศึกษา บ้านยากจนซะอีก และคนพวกนี้เนี่ยแหล่ะที่ทำให้ฝรั่งดูถูกคนไทยมากๆ การจ่ายค่าสินสอดน่ะมีได้ตามประเพณีคงไม่มีใครว่าอะไร เพราะครอบครัวไทยบางครอบครัวยังหัวเก่า และต้องการอยากให้ลูกสาวและครอบครัวตัวเอง ดูดีมีหน้ามีตาในสังคม แต่การไปเรียกเงินทองเค้าก็หัดดูกำลังความสามารถ สถานะ ของแฟนตัวเองด้วยว่า เค้าให้ตรงนั้นกับเราได้รึป่าว ไม่ใช่เห็นคนนี้ได้เท่านี้ ตัวเองต้องได้เท่าเค้าบ้าง โดยที่ไปกดดันแฟนตัวเอง พูดให้เค้ามีความรู้สึกต่ำต้อยด้อยกว่าผู้ชายคนอื่นที่ถูกเปรียบเทียบ ถ้ารักกันจริง2เเรงแข็งขันช่วยกันทำมาหากิน มิช้าก็สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะเป็นน่าเป็นตาให้กับครอบครัวได้เหมือนกัน เค้าเหนื่อยเราเหนื่อย สู้ชีวิตด้วยกัน เราว่าจะทำให้ความรักมีค่ามากกว่าการที่คนใดคนหนึ่งต้องเหนื่อยและสู้แต่เพียงลำพัง จากคุณ : You make me cringe - [ 22 พ.ย. 48 04:18:28 A:80.2.164.218 X:219.93.175.68 TicketID:110547 ]

ความคิดเห็นที่ 42 กระทู้นี้แต่ละท่านมาตอบยาวจริงแฮะ ปกติไม่ค่อยได้ตอบกระทู้แนวนี้เท่าไหร่ อ่านแล้วก็ค่อนข้างจะเห็นใจ แฟนคุณเจ้าของกระทู้อยู่นะคะ หมูหวานว่าพบกันครึ่งทางดีไม๊คะ หากคุณรักแฟนคุณจริง ๆ รักด้วยหัวใจ ไม่ใช่เห็นเค้าเป็น ATM เรื่องสินสอดคุณก็ช่วยแฟนออกคนละครึ่ง (แต่ไม่จำเป็นต้องไปบอกใคร แม้แต่พ่อแม่) เห็นบอกว่าคุณก็มีรายได้สูงพอสมควร คุณสองคนก็เริ่มเก็บเงินกันตั้งแต่วันนี้ พร้อมเมื่อไหร่ก็ให้แฟนไปขอ แค่นี้ก็แฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าหากคุณยืนยันจะให้แฟนออกฝ่ายเดียว ก็คงจะยากค่ะ เพราะเงินที่คุณต้องการ จำนวนมันก็มากโขอยู่ ถ้าคิดจะร่วมชีวิตกับผู้ชายคนนี้ คิดว่าคนนี้คือคนที่คุณจะอยู่ฝากชีวิตไว้ ก็อย่าให้มีอุปสรรคเรื่องเงินทอง ค่าสินสอดเลยค่ะ ช่วยกันหาทางออก แต่ถ้าคุณยังไม่แน่ใจ ก็ปล่อยแฟนคุณไปเหอะ ส่วนคุณก็หาแฟนใหม่ ที่เค้าสามารถจ่ายค่าสินสอดให้คุณได้ จากคุณ : หมูหวาน - [ 22 พ.ย. 48 06:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อยากจะบอกว่าบางที ความคิดของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยเราคิดว่าสิ่งที่จขกทคิดและทำย่อมจะมีเหตุผลของตัวจขกทเอง และไม่ว่าผลลัพธ์จะลงเอยอย่างไร ตัวจขกทเองเท่านั้นที่จะเป็นคนรู้เอง ในเมื่อจขกทเค้าเข้ามาตั้งคำถามในสิ่งที่เค้าอยากจะถามแล้ว(ไม่ว่ามันจะเป็นคำถามล่อเป้าหรือไม่ก็ตาม) ถ้าคุณๆตอบเค้าไปแล้วๆจขกทเค้าไม่เห็นด้วยก็ผ่านๆมันไปเหอะ คนเราความคิดเห็นมันไม่เหมือนกันนะ อย่างน้อยความคิดเห็นของคุณๆในกระทู้นี้อาจเป็นประโยชน์กับบางคนที่กำลังจะแต่งงาน และอาจจะเผชิญกับปัญหานี้อยู่ก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องย้ำบ่อยๆว่าเพราะอย่างนี้เพราะอย่างนั้นฝรั่งมันถึงได้ดูถูก ถ้าคนรอบๆตัวที่คุณรักและเค้ารักคุณรู้จักตัวของคุณดีแล้วละก้อ มันก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วอีกอย่างนึงฝรั่งมันไม่ใช่เทวดานะ มันก็เป็นคนเป็นๆเหมือนกับพวกเรานี่แหละถ้ามันอยากจะดูถูกนักละก้อ ก้อปล่อยๆมันไปบ้างเถอะ อย่างน้อยคุณก็รู้ตัวคุณดีว่าคุณเป็นอย่างไร จากคุณ : Thai_QLD - [ 22 พ.ย. 48 14:28:56 A:220.237.85.31 X: TicketID:033216 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เขียนตอบไปทีนึงแล้ว แต่ข้อความไม่ขึ้นเลยขอเขียนน้อยหน่อยนะคะ พิมพ์เหนื่อยเลย^^! ขอบคุณพี่ๆที่ส่งข้อความมาให้กำลังใจค่ะและคำแนะนำค่ะ เดี๋ยวนี้ถ้าจะหวังให้สามีมาเลี้ยงดู โดยเป็นแม่บ้านอย่างเดียวและยิ่งมีสามีฝรั่งแล้วเห็นจะแทบเป็นไปไม่ได้และไม่เคยอยู่ในความคิดเลยนะคะ ค่าใช้จ่ายแต่ละบาทยังต้องหารครึ่งตั้งแต่ออกเดทครั้งที่สอง สาม สี่ จะมื้อต่อๆมาและค่าอะไรต่างๆจิปาถะ ไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนยังสงสัยว่าดิฉันจะไปเกาะสามีในอนาคตแบบติดหนึบอย่างนั้นได้ไง หวังให้เขาเลี้ยงไปตลอด มีด้วยเหรอคะผู้ชายแบบนั้น ฝรั่งไม่ได้โง่ไปซะทุกคนนะคะ อย่าว่าแต่ฝรั่งเลย สังคมปัจจุบันแต่งงานกับหนุ่มไทยคุณคิดว่าเค้าจะขุนคุณอยู่ที่บ้านไม่ต้องทำงานเลยรึไง โดยเฉพาะคนที่มีความรู้ ผ่านโลกมาเยอะ โลกแห่งหนังสือหรืออะไรก็แล้วแต่ การจะแต่งงานกับใครสักคนเขาย่อมจะต้องการคนร่วมชีวิตที่มีความคิด ทัศนะคติ ฐานะ และปัจจัยต่างๆที่เท่าเทียมกัน " คนที่เข้ามาอ่านเค้ามีความคิด คงไม่มีใครสามารถจูงจมูกใครให้มารุมด่าว่าใครได้หรอก บางทีการศึกษาก็ไม่ได้ช่วยให้คนบางคนคิดที่จะทำมาหารับประทาน ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ก่อนที่จะไปยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ บางคนเรียนไปสูงๆ ก็เพื่ออัพเกรดราคาค่าตัวของตัวเองตอนแต่งงาน หรือเรียกอีกอย่าง กะเอาทุนคืนตอนเเต่งงานว่างั้นเหอะ แต่ชีวิตจริงตัวเองก็ไม่ได้มีความคิดอยากจะใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาสูงๆไปช่วยแฟนทำมาหากิน แต่กลับอยากให้ผู้ชายเลี้ยง แล้วตัวเองจะได้เอาไปพูดอวดร่ำอวดรวยกับครอบครัวและเพื่อนฝูงถึงความโชคดีของตน เวลามีสุขจะไปร่วมเสพกับเค้า แต่พอเค้าไม่มีตังค์เท่าที่ตัวเองอยากได้ ก็ทำท่าจะตีจากไปหาผู้ชายที่มีตังค์จ่ายให้มากกว่า " เท่าที่อ่านมาเป็นพลอตนิยายยอดฮิต ประมาณตัวละครมาจากท้องไร่ท้องนาประมาณนั้น สังคมต่างจังหวัดสาวน้อยบ้านนาได้สามีฝรั่งจากกรรมวิธีใดๆก็แล้วแต่ แล้วกลับมาหมู่บ้านที่ตนเองเคยอยู่แล้วก็สร้างบ้านหลังใหญ่ๆให้ล่ำลือไปทั้งหมู่บ้าน พอสูบเลือดอันน้อยนิดของสามีแก่ๆหมดก็เป็นอันต้องหาบ่อน้ำมันแหล่งใหม่ นิยายชีวิตพวกนี้ก็พบเห็นและได้ยินบ่อยค่ะ แต่เรื่องของดิฉันเป็นเรื่องของผู้หญิงที่ยังคงต้องทำงานเช่นเดียวกับตอนที่ยังไม่แต่งงานแน่นอน เพราะว่าตัวเองมีรายจ่ายส่วนตัวเยอะ คนเคยทำงานวิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลาไม่เคยมีวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนคนอื่นเขา เพราะฉะนั้นเรื่องไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนกับเพื่อนๆและที่บ้านดิฉันไม่ได้มีโอกาสไปร่วมนานแล้ว คุณๆที่ทำงานอยู่คงเข้าใจ บางคนทำงานนั่งโต๊ะ 8 ชั่วโมงแล้วอยู่ๆแต่งงานแล้วจะมานั่งเฉยๆ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ทุรนทุรายตายเลยคงน่าจะเข้าใจความรู้สึก มีเงินให้แต่คงไม่มีความสุขที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์หรอกค่ะ อีกอย่างเงินที่ให้ถึงไม่ทราบจำนวนเงินก็พอจะเดาได้ว่าไม่พอที่ดิฉันจะใช้จ่ายหรอกค่ะ กรณีถ้าพอก็คงไม่อยากมีปัญหาแบบแม่บ้านบางท่านที่ต้องแจกแจงรายละเอียดทุกครั้งว่าใช้อะไรไปบ้าง ให้เงินซื้อของแต่ไม่มีเงินค่ารถจะทำยังไง ฟังดูอึดอัดและรู้สึกถึงความไร้ทางเลือก แฟนเคยให้ดูข้อมูลการหางานทำในประเทศเค้าสำหรับชาวต่างชาติ เขาว่างานเลขาก็คงทำได้ หักภาษีแล้วก็คงได้ประมาณ 1500 ยูโร ไม่ก็บริษัทนำเข้า-ส่งออก ไม่ทราบว่าเงินเดือนเท่านี้จะใช้ชีวิตอยู่ได้แบบไหน ถึงจะไม่เยอะแต่ก็พอใช้ส่วนตัวและส่งให้พ่อแม่แหละค่ะ เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญเสียทั้งหมด แต่ถ้ามีเยอะหน่อยก็ดีในความคิดของดิฉัน มากน้อยก็คงให้ไปตกลงกับที่บ้านดิฉันเอง "คุณไม่คิดจะเอาความรู้สูงๆ ไปช่วยแฟนทำมาหารับประทานนอกเหนือจากการไถค่าสินสอดบ้างหรอ" ก็อย่างที่เขียนไปข้างต้นล่ะค่ะ คุณคิดว่าเค้าจะเก็บดิฉันไว้ก้นครัวทำกับข้าว แล้วก็ออกลูกแค่นั้นเหรอคะ แฟนดิฉันหรือฝรั่งคนอื่นๆคงคิดหนักกว่านี้ถ้ารู้ว่าผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วยพร้อมจะกลายเป็นมนุษย์ติดเกาะทุกเมื่อ สรุปว่าแต่งไม่แต่งก็ต้องทำงานเหมือนเดิม เพียงแต่ค่าสินสอดก็ให้เค้าไปคิดๆดูเอง จะต่อลองก็ไปพูดเอง "แล้วที่มาบอกว่าแฟนไม่ชอบ european cow ชะล่าใจไปรึป่าว ถ้าeuropean cowคนนั้นสวย เซ็กซี่ นิสัยดี มีสมอง ไม่ขูดรีด ช่วยเค้าทำมาหารับประทาน เค้าก็ต้องสนบ้างแหล่ะน่า" อันนี้ก็แล้วแต่เค้า ก็บางทีก็พูดเหมือนกันว่า "เนี่ย เป็นเพราะคุณเลย อย่างผมน่าจะหาสาวๆดัช สวยๆ รุ่นดีๆ พ่อแม่รวยๆได้ไม่ยาก" ดิฉันฟังเฉยๆแล้วก็พูดว่า "ตามใจ งั้นก็ไปดิ ดีใจด้วยนะ" เค้าก็พูดว่า "อย่าพูดอย่างนี้สิ!!!! ถ้าทำได้ผมก็ทำไปนานแล้ว แต่คนอื่นก็สู้ที่ร้ากกกของผมไม่ได้" ที่พูดก็ไม่ได้ชะล่าใจ ถ้ารอไม่ได้ดิฉันอยากให้พูดตรงๆ จะได้ไม่เสียความรู้สึกมากยิ่งขึ้นภายหลัง ถ้าโกรธมันก็ต้องมีอยู่แล้วทุกคนแต่หายช้าหายเร็วแค่นั้น บางครั้งคนที่รักกับคนที่เหมาะสมจะอยู่ด้วยกลับกลายเป็นคนละคนกัน แฟนคนนี้ดิฉันอยู่ด้วยเพราะความสงสาร และความน่ารัก แถมฉลาดเป็นกรด เหมือนคุณมีผู้ช่วยตลอดเวลาโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปาก แถมทำได้ถูกใจเสียด้วย แฟนเป็นคนรูปร่างใหญ่นะคะถ้ามาเมืองไทยก็จัดว่าน่ากลัวเอาการเลย เคยฝึกการต่อสู้แทบทุกรูปแบบ ในระยะหลังเพลาๆลงไปบ้างเนื่องจากอาการเจ็บหลังและหัวเข่า นิสัยอย่างนึงที่ดิฉันรับไม่ได้เลยคือถ้าเดินสวนกันแล้วคุณไม่หลบ ผลก็คือคุณกระเด็นแน่ๆแล้วไม่เคยมีคำขอโทษจากปากเขา เตะรถรับจ้างที่โก่งค่ารถก็เคยมาแล้วหลายครั้ง และวีรกรรมอีกพันแปด พยายามจะแก้นิสัยแบบนี้แต่ก็จนปัญญาทุกทีสุดท้ายก็จะเป็นชนวนแห่งการทะเลาะกัน แต่อันที่เตะรถเมล์กระป๋องนี่พักหลังทำใจได้ดิฉันก็จะเชียร์ให้เตะแรงๆหน่อย โกงเงินทอนค่าโดยสารทุกวัน ตามลักษณะที่พูดมาคุณคงนึกไม่ออกว่าเวลาร้องไห้เสียใจนั้นต่างกันลิบลับเลยค่ะ บางครั้งก็คิดนะคะว่ารักคนที่เขารักเราดีกว่า มันไม่เหนื่อยที่ต้องตามเอาใจ ไม่เคยมีคนที่ต้องการเราไปดูแลขนาดนี้ เห็นร้องไห้ทุกครั้งเวลาดิฉันพูดอะไรแย่ๆทำร้ายจิตใจเขาแล้วก็สงสาร อาการสะอื้นม้วนตัวก้มหน้านอนน้ำตาไหลทำให้ดิฉันไปไหนไม่ได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจว่าจะขอเลิกแล้วย้ายไปอยู่เมืองอื่นซึ่งผู้ชายอีกคนหนึ่งของดิฉันรออยู่ ซึ่งเป็นคนที่คอยปลอบใจเสมอเวลาดิฉันมีปัญหาซึ่งก็เป็นชาวต่างชาติอีกเช่นกันแต่เป็นคนละตินอเมริกาที่เคยชอบพอกันก่อนหน้าที่จะแยกกันไปอยู่คนละเมืองแล้วจึงมาเจอแฟนคนปัจจุบัน แฟนทุกคนที่เคยคบดิฉันเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนและมักจะได้คนที่หมายตาไว้ทุกครั้ง สำหรับคนไทยดิฉันไม่ได้สวยแต่มักจะได้แฟนที่ค่อนข้างหน้าตาดี บางครั้งจะมีปัญหากับผู้หญิงรอบตัวพวกเขาเสมอ มีทั้งขอมาดูหน้าและวิจารณ์ บางคนมาแบบอ่อยกันซึ่งๆหน้า บางคนก็มาแบบกัดแบบเห็บเลยทุกครั้งที่มีโอกาส บางคนถึงกับแจกเบอร์ต่อหน้าดิฉันเลย (เห็นชั้นเป็นอะเนี่ย!) เคยขนาดแม่ค้าเจ้าร้านประจำของแฟนกระแทกเสียงใส่ดิฉันทั้งๆที่เพิ่งหวานหยาดเยิ้มกับแฟนดิฉันไปเอง เลยเรียกเพื่อนได้ฟังว่าได้ยินเหมือนกับที่ดิฉันได้ยินรึเปล่า แล้วก็หน้าบูดก่อนตักข้าวแกงให้น้อยตึ๋งเดียวเอง ( ไรว้า!! แต่หลังจากมาบ่อยเข้าเธอก็เริ่มพูดกับฉันเหมือนลูกค้าคนอื่นแล้ว หลังจากค้อนมาหลายวัน ) (เกี่ยวกันรึเปล่าที่แฟนคนปัจจุบันดิฉันไม่ได้รักหลงอะไรมากมายเพราะไม่ใช่คนที่ถูกตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็นเหมือนคนก่อนๆ นึกว่าเป็นซำเหมาเพราะเห็นแบกเป้ใบเบ่อเริ่มเลย หน้าตาฝรั่งก็ดูเหมือนๆกันหมดถ้าไม่หล่อเด้งออกมาสักคน ขาวๆ ปากแดงๆ จมูกโด่งๆ จำได้ว่าตอนขอเป็นแฟน กำลังเลือกของอยู่ในห้างแผนกจานชามเพราะจะย้ายเข้าบ้านใหม่ เดินถามอย่างนั้นแหละอยู่รอบแผนก เชิงๆรำคาญแล้วก็กลัวไม่มีคนช่วยย้ายของไปบ้านใหม่แล้วก็อยากลองคบกับคนๆนี้ดู เล่าอะไรเรื่อยเปื่อยจนยืดยาวเลย ขอโทษค่ะ ต่อต่อต่อ) แต่จนแล้วจนรอดก็ตัดสินใจไม่ไป เพราะอะไรก็ไม่ทราบ ไม่อยากจากกันไปแบบนี้เพราะเท่ากับว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก ความผูกพันธ์รึเปล่าที่ทำให้ตัดใจไม่ได้ ตอนนี้เพียงแค่คิดเรื่องแต่งงานและความฝันอะไรเล็กๆน้อยๆไปก่อน ยังต้องดูกันไปอีกระยะที่ต้องอยู่ห่างกันเป็นปีๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ บางครั้งนานนานเจอกันทีอาจจะรู้คุณค่าของเวลาและพยายามปรับตัวเข้าหากัน เข้าใจความจำเป็นของอีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเดิม ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ (Uki no Kimono) - [ 23 พ.ย. 48 04:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่พูดเรื่องสินสอดแล้ว บางทีนะ ค่ะ รักคนที่เขารักเราก็ดีนะค่ะ แต่คน ๆ นั้นเราต้องรู้สึกว่าอยู่กับเขาได้ด้วย เพราะเมื่ออยู่กันนานๆ ไปความรักก็จะเริ่มมีมา แล้วก็จะเป็นความผูกพันค่ะ จากคุณ : monzy - [ 23 พ.ย. 48 13:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แฟนเราก็ฝาหรั่ง...ลูกพี่ลูกน้องเรา มีแต่หนีตามกัน เผอิญเรามันเป็นคนชนชั้นกลาง...ถึงค่อนข้างต่ำ พอแม่บอกว่าไอ้ที่จะให้น่ะมันน้อยไปเพราะไงๆแฟนเอ็งมันก็ฝาหรั่ง เราก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้ไปขอเพิ่มให้ แค่ถามแม่ว่า จะเอาลูกเขยจนๆคนนี้ หรือจะให้หนูไปรับจ๊อบพิเศษแถวพัทยา.....เฮ้อออ...หลบลูกถีบแม่เกือบไม่ทัน จากคุณ : มะขาม - [ 23 พ.ย. 48 16:52:51 A:203.107.194.189 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 ก็ดู ๆ ไป ก่อนนะคะ เรื่องสินสอด อะไรนะเดี๋ยวค่อยคิด เพราะว่าฟัง ๆ ดู แล้วงงคะ คุณก็ยังไม่รู้เลย ว่าคนนี้อะนะใช่หรือเปล่า อืมฟังอาการโกรธของแฟนคุณแล้วกลัวแทนคะ เพราะตอนนี้ไม่แน่ยังไม่กล้าไรมากกับเราเพราะเป็นแค่แฟน ถ้าต่อไปแต่งงานแล้วไม่ถูกใจขึ้นมา ไม่ไล่แตะเรากลับบ้านเลยหรอคะ ยิงฟัง ๆ ดูท่าทางไรร้อนน่าดู จากคุณ : กลัว กลัว - [ 23 พ.ย. 48 18:12:12 A:82.172.113.133 X: ]

ความคิดเห็นที่ 48 ดูๆแล้ว น้องยังสับสนนะคะ... ที่เรียกเงินสินสอดไปเยอะๆ เพราะต้องการจะลองใจ ว่าเค้าจะรักน้องจริงหรือเปล่า?? ถ้าใช่ และไม่ได้คำตอบที่ต้องการแล้วล่ะก็.. ลองเปลี่ยนมาเป็นไฮเตอร์ เอ๊ย พูดจากันด้วยเหตุผล ดีกว่ามั้ยคะ บางที คำพูดของน้อง อาจจะบั่นทอนกำลังใจคนที่น้องรักอยู่ก็ได้นะคะ น้องเองยังของขึ้น องค์ลงได้ เวลาเค้าว่าพ่อแม่ขายลูกกิน พี่ว่าเค้าก็คงเสียใจไม่น้อยกว่ากันหรอกค่ะ ที่น้องสมน้ำหน้าเค้า เวลาตอกหน้าเค้าได้... พี่ก็เคยลองใจสามีนะคะ ด้วยการ ไม่เรียกสินสอดซักกะบาท ให้ฟรีๆ ทั้งตัวและหัวใจ ดูซิเค้าจะหยามน้ำใจหญิงอ้วนดำๆ แบบพี่รึเปล่า ก่อนแต่งงาน เค้าก็ไปศึกษาหาข้อมูลมาอย่างดี ถึงเรื่องพิธีแต่งงานแบบไทยๆ แต่ถามด้วยคำถามทะแม่งๆ ว่า ต้องให้เงินพ่อแม่ด้วยเหรอ แบบนี้เป็นการซื้อขายหรือเปล่า?? ...คนที่ต่างวัฒนธรรมกัน ก็ย่อมคิดแตกต่างกันเป็นธรรมดา อย่าไปโกรธเค้าเลยนะคะ ขนาดพี่เอง ยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่าสินสอดนี่เท่าไหร่เลยค่ะ รู้แค่ว่า เป็นการตอบแทนค่าน้ำข้าว น้ำนมของแม่ที่เลี้ยงดูเรามา ซึ่งพี่ก็ปรึกษาแม่ บอกแม่ด้วยว่าแฟนพี่น่ะคนจน ถ้าเรียกมาก แม่คงต้องจ่ายเองนะแม่นะ... แม่บอกว่า น้ำนมแม่ มันตีราคาเป็นเงินไม่ได้ มันกลั่นมาจากหัวใจให้ลูก ถ้าลูกคิดว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ลูกคิดจะอยู่กับเค้าอย่างมีความสุขจนตายจากกัน แม่จะเรียกร้องอะไรอีก แต่หากลูกบอบช้ำกลับมา แม่จะดูแลดวงใจแม่เอง มันเป็นหน้าที่ของแม่ (ซึ้งเชียวค่ะ)..ในที่สุดพี่ก็ได้แต่งงาน ไม่ห้อยต่องแต่งอยู่บนคานอีกต่อไป*-* ทุกวันนี้ พี่และสามีก็ยังรักกันดีอยู่ ชีวิตครอบครัวราบรื่นดี คงเพราะได้พรจากแม่มาอีกหลายรถสิบล้อ ถึงแม้ว่ามาอยู่แล้ว จะต้องลดอะไรๆลงบ้าง (ทั้งน้ำหนักและอายุ) แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นทุกวัน คือความรัก ความเข้าใจกันในครอบครัว และเริ่มเข้าใจโลกมากขึ้น (ไม่ใช่เพราะพี่แก่นะคะ) การที่คนเรารู้อยู่ รู้กิน ปรับตัวได้กับทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์ จะทำให้คนเรา แข็งแกร่งขึ้น มองคนได้เป็นคนมากขึ้น ขอให้น้องก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เพราะชีวิตคู่จะราบรื่น ยาวไกลหรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนตัวเลขของสินสอดนะคะ... จากคุณ : ][SeaGirl][ - [ 23 พ.ย. 48 22:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 49 งั๊นก็เรียกเรียกไปเถอะค่ะ ต่อรองทีหลัง เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ก็คืนให้เองแหละมั๊ง จากคุณ : ไอซ่า - [ 24 พ.ย. 48 01:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 50 khun Ma-karm #46 ka.I told my mom the same ka..word by word. จากคุณ : thai - [ 24 พ.ย. 48 02:11:15 A:148.160.184.174 X: TicketID:089524 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อืมม... ของเรานะ ต่างกับคุณยังฟ้ากะเหวเลย (คุณเป็นฟ้า เราเป็นเหวน่ะ)  แม่ยกให้ฟรี ๆ เลยจัดงานแต่งงานให้ด้วยเจ้าบ่าวไม่ต้องออกสักกะบาท แล้วยังแถมตังค์ให้ก้อนนึงด้วยนะ ไม่เจื้อเรียกตามไปดูมาสัมภาษณ์เล๊ยยย.. จากคุณ : นู๋ก้อย - [ 24 พ.ย. 48 05:01:10 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านกระทู้นี้แล้วมีหลายความรู้สึกมาก แรกๆ ก็หมั่นไส้ว่าโหอะไรจะงกขนาดนี้ คนที่บ้านมีฐานะไม่น่าจะคำนึงถึงตัวเงินมากขนาดนี้ แต่อ่านๆไปได้รู้จักคุณจขกทมากขึ้น ก็ต้องยอมรับเลยค่ะว่าอายุยังน้อยอยู่เลย แต่เป็นคนทีมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินอายุมากค่ะ คงเป็นเพราะคุณอยู่ต่างประเทศได้ต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวเองมากมาย คุณจึงมีวุฒิภาวะมากกว่าเด็กสาวๆ บ้านรวยที่เป็นลูกแหง่อยู่เมืองไทย ทีทำอะไรก็ไม่เป็น วันๆ เอาแต่ขอเงินพ่อแม่และหมดไปกับค่าแต่งตัว ดิฉัน assume เอาว่าคุณคงรู้ว่าฝรั่งไม่มีธรรมเนียมที่พ่อแม่จะมาจ่ายเงินค่าแต่งงานให้ทั้งหมดเหมือนบ้านเรานะคะ คงช่วยออกบ้างนิดหน่อย หรือให้เป็นของขวัญ ยกเว้นว่าพ่อแม่แฟนคุณมีฐานะดีมากๆ และยินดีที่จะออฟเฟอร์ให้ ซึ่งคงไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก อีกอย่างดูแล้วแฟนคุณเป็นคนเก่งมีความสามารถ อายุยังไม่เยอะ แต่มีรายได้ไม่เลวเลยนะคะ แฟนคุณอาจจะมีอีโก้ไม่ยอมรับความช่วยเหลือ (ทั้งหมด ) จากพ่อแม่แฟนก็ได้ เพราะฉะนั้น แทนที่คุณจะคุยเรื่องสินสอดเป็นตัวเงินว่าเขาควรให้มาเท่าไร เปลี่ยนเป็นคุยเรื่องค่าใช้จ่ายในการแต่งงานที่อาจเกิดขึ้นดีกว่ามั้ยคะ เพราะเท่าที่เข้าใจ คุณคงจัดงานแต่งงานที่เมืองไทยด้วย ซึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะจัดเล็กๆ โดยเฉพาะอยากจัดที่โอเรียนเต็ล แน่นอนค่าใช้จ่ายต่างๆ ถ้าคุณเชิญคนเป็นร้อยๆ ก็ต้องเหยียบล้านอยู่แล้ว (ยังไม่รวมเครื่องเพชร) และคุณอาจจะจัดงานที่บ้านแฟนคุณด้วย ตรงนั้น ค่าใช้จ่ายคงน้อยกว่า เพราะธรรมเนียมฝรั่ง เขาเชิญกันแต่คนในครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น อย่างมากก็คงหกเจ็ดสิบคน เมื่อประมาณการค่าใช้จ่ายแล้ว คุณกับสามีคงถึงบางอ้อมากกว่านี้ว่าจะจัดงานแต่งงานกันแบบไหน จากคุณ : มะสี - [ 24 พ.ย. 48 19:38:50 A:85.72.138.223 X: ]

ความคิดเห็นที่ 53 nii kid yoo nakha sinsod 2-300,000 baht nii yung mai kla pood kab fan suk tii kha hehehe จากคุณ : Nadanart - [ 25 พ.ย. 48 07:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อ่านดูแล้วไม่เห็นรู้เรื่องเลย วกไปวนมา งง งง มันไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องสินสอดเลย เท่าทีเล่ามา รู้สึกว่าคุณกำลังหมกหมุ่นแต่กับเรื่องผู้ชายนะ ความรู้ขนาดคุณถ้าเป็นความจริงอย่างที่คุณเล่ามานะ น่าจะเขียนบรรยายได้ดีกว่านี้นะ ตอนที่ 1 กับตอนที่ 2 ไม่ค่อยสัมพันธ์กันเลย ตอนที่ 1 บอกว่า ทำงานอยู่เมืองนี้(ประเทศไหนเหรอ สงสัยจะไทย เพราะดูจากเงินที่ให้พ่อแม่ใช้) มีเงินให้พ่อแม่ใช้แค่ เดือนละ 20000 บาท อยู่เืมืองนอกซะ อาทิตย์ละ 4 วัน พูดห้าภาษาคล่องด้วย แฟนปริญญาโท 2 ใบ รายได้ ตก 30000 ยูโร หักภาษีแล้วอีกนะ โอ้โห ฟังดูแล้วอยู่ในขั้น รายได้สูงเลยนะค่ะ ทั้งคุณและแฟนคุณ แต่ตอนที 2 บอกว่า แฟนคุณมีปัญหากับรถรับจ้างบ่อย ๆ ชอบโกงค่าโดยสารหลายครั้งมาก และแตะรถเมล์กระป๋อง ที่ดิฉันเชียร์ให้แตะแรงๆ หน่อย เพราะโกงเงินทอนค่าโดยสารทุกวัน เ้น้นนะค่ะ ทุกวัน คุณและแฟนคุณอยู่ที่ไหนคะ ถึงได้ขึ้นรถเมลล์ทุกวัน และรายได้ขนาดคุณกับแฟนคุณนี้ยังต้องโหนรถเมลล์หรือนั่งรถเมลล์กระป๋องอยู่ทุกวันอีกเหรอคะ ถ้าอยู่กรุงเทพฐานะอย่างบ้านคุณดูจากที่เรียกสินสอดแล้ว เรียนมาตั้ง 4 ประเทศแล้วยังต้องพาแฟนนั่งรถเมลล์ทุกวันก็ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ถ้าแฟนคุณอยู่ต่างประเทศรายได้ขนาดนั้น เค้าจะพอมีรถขับได้แล้วละ และคุณบอกว่าเคยอยากจะขอเลิกแล้วย้ายไปอยู่เมืองอื่น ที่มีแฟนอีกคนรออยู่แล้ว ยิ่งฟังยิ่งสับสน ตกลงคุณทำงานอยู่ทีไหนกันแน่ อยู่เมืองนอกตั้งอาทิตย์ ละ 4 วัน ที่เมืองไทยเค้าให้ลาขนาดนั้นเหรอ แต่ถ้าทำงาน 2 ที่ ทำเมืองนอกกับเมืองไทย แล้วคุณสามารถย้ายเมืองได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเหรอ ขอโทษนะคะ ไม่ไ้้ด้ตั้งใจมาจับผิดคุณหรอกแต่อ่านแล้วมันสับสนม๊ากๆๆๆ ุ จากคุณ : ิิิิทนายความ - [ 25 พ.ย. 48 09:02:30 A:68.13.66.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 55 คุณทนายความ ออกคห.ได้น่าคิด จขกท.เข้ามาบอกว่าเรียนมา 4 ประเทศ สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้คล่อง 5 ภาษา จบปริญญาตรี 2 ใบจากประเทศไทยและมีโครงการที่จะศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศเยอรมันนี แต่พอเรากลับเข้ามาอ่านกระทู้และคห.ของเค้าอีกรอบ ทำไมเรารู้สึกเหมือนเค้าไม่ได้จบอะไรมาอย่างที่บอกเลยหล่ะ หรือว่าจขกท.เรียนมาสูงมาก เลยสับสนในชีวิตขนาดหนัก หรือว่าการอ่านของเราแย่ลง แล้วที่จขกท.ไปเรียนมา4ประเทศนี่ คุณมีกิจกรรมเสริมหลังจากการเรียนด้วยใช่มั๊ย เพราะเห็นเล่าว่ามีแฟนหลายเชื้อชาติมากๆทั้ง เอเซีย ไทย ละติน ดัซต์ ฟังแล้วปวดขมับแทนเลย พอตอนหลังเราอ่านเรื่องของจขกท.ที่เข้ามาพิมพ์ตอนสุดท้าย เราเลยรู้สึกว่า ตัวเองเกิดมาโชคดีที่หน้าตาไม่สวยเด่น แต่ก่อนเลยไม่มีผู้ชายเข้ามาตอมหึ่งๆแบบจขกท. ไม่งั้นเราอาจจะสับสนในชีวิตเหมือนจขกท.ก็เป็นได้ ไงเราขอเปลี่ยนใจมาให้กำลังใจกับจขกท.ให้เลือกผู้ชายตัวจริงที่จะใช้ชีวิตคู่ในอนาคตได้ถูกคนก็แล้วกัน เราสงสารคุณมากๆเลยนะจากใจจริง จากคุณ : อะโด่เอ๊ย! ป่วยทางจิตก็ไม่บอก - [ 25 พ.ย. 48 16:33:57 A:80.2.164.218 X:219.93.175.68 TicketID:110547 ]

ความคิดเห็นที่ 56 5 5 5 พูดไม่ออกเลยเรา จากคุณ : Khemmarassamee - [ 25 พ.ย. 48 16:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ไม่ได้เป็นอะไรกับเจ้าของกระทู้หรอกนะคะ แต่คุณทนายความขา คุณไม่ได้รู้จักการใช้ชีวิตที่ยุโรปแล้วมาออกความเห็นวิจารณ์การใช้ชีวิตของเขามันไม่ค่อยแฟร์นะคะ เงินเดือนหักภาษีสามหมื่นไม่ได้มากหรอกนะคะ แต่อยู่ระดับโอเค ระดับคนที่จบการศึกษาโอเคเท่านั้นค่ะ ฝรั่งพอโตแล้วเขาไม่อยู่กับพ่อกับแม่ แยกออกมาอยู่ ค่าเช่าบ้านก็หนึ่งในสามของเงินเดือนรายได้หลังหักภาษีค่ะ ที่เหลือสองส่วนก็เป็นรายจ่ายรายเดือนค่ะ สมมติว่าเหลือเดือนละสองพันเจ็ด ค่าเช่าบ้านเก็แปดร้อยถึงพันยูโรได้ ที่เหลือใช้พันกว่าๆ เท่านั้นเองค่ะ อีกอย่างก็เพิ่งอายุยี่สิบเจ็ด ทำงานอย่างมากก็ไม่เกินสามสี่ปีเท่านั้น ให้เก่งขนาดไหนก็ได้เงินเดือนประมาณนี้แหละค่ะ ไม่เหมือนเมืองไทย คนเก่งๆ สามารถโก่งเงินเดือนได้ แต่ที่ยุโรป เขามีเป็นทารีฟ เทียบเลยค่ะ เพราะฉะนั้น จึงไม่ค่อยมีการ head hunting ไงคะ คนยุโรปไม่ค่อยมีคนขับรถไปทำงานหรอกค่ะ โดยเฉพาะถ้าเป็นอัมสเตอร์ดัม ไม่มีที่จอดรถหรอกนะคะ ถ้ามีก็เสียเป็นรายชั่วโมง ไม่ต่ำกว่าร้อยบาทต่อชัวโมงค่ะ นั่งรถเมลล์ (รถราง) เนี่ย สะดวกสุดแล้วค่ะ ส่วนรถเขาไว้ขับวันสุดสับดาห์หรือวันหยุดมากกว่าค่ะ แค่นี่แหละค่ะ จากคุณ : cashmamamia - [ 25 พ.ย. 48 17:55:44 A:85.72.183.239 X: ]

ความคิดเห็นที่ 58 ปวดหัวอย่าเถียงกันเลย จากคุณ : puimnida - [ 25 พ.ย. 48 20:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คุณกระทู้ ห้าสิบเจ็ด ขา ดิฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณทนาย แล้วก็ไม่มีอคติกับเจ้าของกับทู้ (ใช้อ่านแก้เหงา ได้ชะงัดนัก ) ...แต่อันที่เตะรถเมล์กระป๋องนี่พักหลังทำใจได้ดิฉันก็จะเชียร์ให้เตะแรงๆหน่อย โกงเงินทอนค่าโดยสารทุกวัน... ตรงนี้เนี่ย คนขับรถเมล์ที่ยุโรป เค้ามีโกงได้ด้วยเหรอคะ แล้วถ้าคนต้องขึ้นรถเมล์ทุกวันที่โน่น ทำไมไม่ใช้ตั๋วเดือนล่ะ ง่ายกว่าตั้งเยอะ... อีกอย่าง ถ้าเค้าเรียกรถเมล์แถบยุโรป ( ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นกลุ่มประเทศ ที่มีระบบขนส่งมวลชนโดยเฉพาะรถเมล์ ที่ดี ที่สุด ในโลก) ว่าเป็นรถเมล์กระป๋องแล้วละก้อ รถเมล์ไทยมิเป็นแค่จุลินทรีย์ หรือเนี่ย... อีกอย่าง คุณทนาย ไม่เคยไปเรียน หรือ ไปเหยียบ แถบยุโรป จริงๆอ่ะ ...รู้ได้ไงเนี่ย ... จากคุณ : moon gazing - [ 25 พ.ย. 48 23:16:24 A:67.68.69.210 X: TicketID:094320 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ตอนแรกคิดว่าจะไม่ตอบแล้วอ่ะคะ แต่หลังจากอ่านอันสุดท้ายที่คุณแสดงความคิดเห็นเพิ่ม เลยรู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมกับเค้าที่ว่าคุณไม่แน่ใจว่ารักเค้าจริงหรือเปล่า เอาเป็นว่าอย่างพึ่งไปให้ความหวังกับเค้ามากเลยคะ หวังมากเดี๋ยวจะเจ็บมาก น่าสงสารอ่ะค่ะที่ต้องเก็บเงิน เก็บทองไปขอสาวที่เค้ารัก ในขณะที่สาวเจ้าก็งง ๆ ว่า ฉันรักเค้าจริงหรอ ลองคบ ๆ กันไปดู ๆ ก่อนดีกว่าคะ ถ้ายังไม่แน่ใจว่าคนนี้คือคนที่ใช่ แต่งไปยิ่งอึดอัดถ้าคุณมารู้ใจตัวเองทีหลัง จากคุณ : (~.*)MAGIC - [ 26 พ.ย. 48 00:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขออภัยจริงๆค่ะ  ตอนพิมพ์รีบร้อนไปหน่อยเพราะต้องพิมพ์ 2 ครั้งเพราะว่าโพสไม่ขึ้นเลยเหนื่อยๆ  ความคิดเลยสับสนเล็กน้อย  อย่าโกรธกันนะคะ ที่เล่าถึงเรื่องรถเมล์กระป๋องน่ะ  ไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยแล้วก็ที่ยุโรปค่ะ  ประเทศในเอเชียนี่แหละค่ะที่เคยเป็นเมืองขึ้นของฮอลแลนด์ซึ่งเป็นที่ๆดิฉันพบกับแฟนคนนี้ตอนได้รับทุนรัฐบาลประเทศนั้นไปเรียน   ในเมืองที่ดิฉันอยู่ใช้รถกระป๋องนี่แหละค่ะเดินทางทั่วทั้งเมือง  รถใหญ่กว่านี้เขาใช้วิ่งต่างเมืองค่ะ  คนพื้นเมืองก็พวกแขกเยอะค่ะ  เรื่องโกงก็เป็นประจำแทบทุกวัน  เหนื่อยมากเวลาออกไปไหน  ใครเคยใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นคงเข้าใจ  ราคาคิดตามระยะทาง  ไปที่เดิมทุกวันราคาไม่เคยเท่ากัน  ยิ่งไปกับฝรั่งอย่าหวังเรื่องเงินทอนค่ะ  จ่ายเป็นเหรียญให้พอดีเท่านั้นที่คุณควรจะทำ เงินเดือนแฟนไม่ได้เยอะมากมายหรอกค่ะอย่างที่คุณความคิดที่ 57 บอก  และแฟนก็ไม่ยอมซื้อรถด้วยค่ะ  บอกว่าไม่จำเป็น  นอกจากว่าทางบ้านดิฉันจะซื้อให้ ( มีงี้ด้วย)  เค้าอยากได้บ้านมากกว่าและเอาเงินไปเที่ยวหลายๆที่  ดังนั้นคงต้องทำใจว่าสงสัยให้ขี่จักรยานแหงๆ  บอกราคาคร่าวๆมาแล้วด้วย   แต่พูดกันว่ารอสักพักแล้วอาจจะย้ายไปทำงานที่ประเทศอื่น  ประเทศที่ใช้ชีวิตได้อย่างสบาย  ไม่ต้องดิ้นรนมาก และไม่ต้องอยู่อย่างพลเมืองชั้นสอง  ตอนนั้นถึงอยากมีรถค่ะ  ประเทศในเอเชียเพื่อนบ้านเรานี่แหละค่ะ  บางคนอาจจะมีวิถีการใช้ชีวิตที่แตกต่างไปนะคะ   ที่สงสัยว่าดิฉันทำไมลางานได้ด้วยเหรออาทิตย์ละ 4 วันไปต่างประเทศ  ตอบว่าไม่ได้ไปเที่ยวหรอกค่ะเป็นการทำงานปกติของดิฉัน  เดินทางตลอดเวลาแต่ประจำที่เมืองไทย เรื่องรถดิฉันอาจจะเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วยกันที่นั่งรถเมลล์  ไปต่อรถไฟฟ้า  ไม่ก็นั่งแท๊กซี่เวลาเหนื่อยๆ  เพราะไม่ถนัดต่อการขับรถซึ่งที่บ้านก็เห็นด้วยเพราะเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อนหน้านี้   ตอนนี้อยากใช้รถก็ให้คนที่บ้านขับให้  ปลอดภัยดีค่ะ  และไม่ต้องเสียค่าน้ำมันและค่าจอดรถแพงๆครั้งละหลายร้อยบาทอยู่  ทุกวันนี้ยังให้คุณแม่คุมบัญชีอยู่เลยค่ะ  ขอเงินเป็นรายเดือนเอา เพื่อนชายใครๆก็มีทั้งนั้นแหละค่ะ  ตอนนี้มีสิทธิเลือก  ทำไมไม่ใช้ล่ะคะ เมื่อไม่เคยมีผู้ชายคนไทยให้ดิฉันมองประกอบกับทางบ้านไม่เปิดไฟเขียวให้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนชายที่ไหนตอนอยู่กรุงเทพ  เวลาที่อยู่ต่างประเทศก็เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับดิฉัน  คุณๆที่มีชีวิตภายใต้กฏระเบียบอย่างเดียวกันก็คงเข้าใจ ณ ตอนนี้ได้เลือกแล้วซึ่งกว่าจะผ่านมาถึงขั้นนี้ได้ก็ศึกษาดูใจกันมาเยอะ  เหมือนระยะเวลามันนานมากเลยนะคะ  อนาคตยังรออยู่ต้องรอดูกันไปเรื่อยๆ งานแต่งคุยกันแล้วว่าถ้าเราจัดคงมีแค่ 30-50 คนค่ะ  อาจเป็นงานเลี้ยงค๊อกเทล    คงไม่เชิญคนเยอะและจัดเป็นงานส่วนตัวและงานที่เลี้ยงเพื่อนฝูงที่สนิทเท่านั้น  ตัวแฟนและดิฉันเห็นพ้องกันอยากฮันนีมูนที่ประเทศลาว ทานข้าวดูพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำโขง แล้วไปดำน้ำที่เกาะทางภาคใต้ค่ะ ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ  ขอปิดกระทู้นี้เพียงเท่านั้นแล้วกันค่ะ  ขอให้พี่ๆโชคดีกับชีวิตที่เป็นอยู่และภายภาคหน้าค่ะ จากคุณ : Uki no Kimono - [ 26 พ.ย. 48 01:45:12 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอตอบด้วยแล้วกัน เพราะว่าไหน ๆ ก็หลวมตัวมีแฟนเป็นคนชาติเดียวกัน กรณีของเรา ตอนแรกคิดไปสองพันตลบ เรื่องสินสอดทองหมั้น ว่า พ่อแม่เราต้องเรียกร้องแน่ แล้วเท่าไหร่ แฟนเราจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า จะบอกเค้ายังไง เราคุยกับเค้าแล้ว อธิบายให้ฟัง เขาก็ฟังอย่างสงบแล้วถามว่า พ่อแม่ยูจะเรียกร้องเท่าไหร่ เราบอกตรง ๆ เลยว่าไม่รู้ ผลสุดท้ายเรื่องแต่งงานก็ไม่ไปไหน ในที่สุด ก็เมื่อเราสองคนอยากแต่งงานกันจริง ๆ นี่นา ก็เลยบอกพ่อกับแม่ที่เมืองไทย พอบอกพ่อแม่ เชื่อไหมว่า ไม่มีใครตั้งคำถามเรื่องเงินสินสอดทองหมั้นเลย พ่อแม่ถามไถ่เฉพาะเรื่องแฟน และครอบครัวแฟน ไม่ถามเรื่องเงินเลย ในที่สุด บอกมาแค่ว่า ขอแหวนเพชรให้ลูกสาววงหนึ่งแล้วกัน ไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น ด้วยรู้ดีว่า ฝรั่งไม่ได้รวยเสมอไป ถ้าเรียกร้องสินสอดทองหมั้น ฝ่ายชายก็ต้องไปขอยืมพ่อแม่ หรือหนักเข้าก็ต้องไปกู้แบงก์ พ่อแม่ไม่อยากให้ลูกลำบากใจ เรื่องรักษาหน้าตา ไม่สำคัญเท่าความสุขของลูก แม่พูดแค่ว่า "ขอให้ดูแลลูกของแม่ให้ดี" เท่านั้นจริง ๆ แหวนเพชรที่ได้ ไม่ได้ใหญ่อลังการงานช้าง เป็นกะรัต ๆ เป็นแหวนเพชรเม็ดเล็ก ๆ ที่มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของผู้จะมาเป็นสามี จะไม่ให้ปลื้มใจได้ยังไงไหว งานแต่งงานที่เมืองไทยแชร์ค่าใช้จ่ายคนละครึ่ง ซองเงินที่ได้มา แฟนกับเรายกให้แม่หมดทุกบากทุกสตางค์ พ่อแม่ไม่เคยขอ ไม่เคยเรียกร้อง มีแต่ให้กับให้ งานแต่งงานที่ฮอลแลนด์ พ่อแม่สามีจัดให้ทุกอย่าง ไม่ได้ออกสักสตางค์ค่ะ ทำให้ตั้งแต่การ์ดเชิญ จัดเลี้ยง ฯลฯ สบายที่สุด เราแค่ไปแต่ตัว กับกินเท่านั้นเอง สรุปแล้ว ทุกอย่างเป็นแค่มายา ไม่สำคัญเท่า "เพียงแค่ใจเรารักกัน........" เดี๋ยวขอไปฟังเพลงนี้ก่อนนะคะ โดยเฉพาะท่อนที่ว่า "และเรามีเพียงงานวิวาห์เดียวดายภายใต้แสงจันทร์ สุขสกาวดวงดาวแพรวพราว นับหมื่นร้อยพัน......." คุณ จขกท. เป็นคนมีความรู้ แฟนก็มีความรู้ เชื่อว่า คงไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจถึงขนบธรรมเนียมที่แตกต่าง รวมถึงการยอมรับ และยอมพบกันครึ่งทาง ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : Ninie - [ 26 พ.ย. 48 01:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ลืมบอกว่าตอนนี้แฟนกลับไปทำงานที่ประเทศฮอลแลนด์แล้วค่ะ  ดิฉันก็กลับมาประเทศไทยสักเกือบครึ่งปีได้แล้ว  ทุกวันนี้ก็ติดต่อกันทาง SMS และ MSN ตลอด  โชคดีที่เวลาห่างกันแค่ 5ชั่วโมง  ไม่เครียดมากเหมือนอยู่ทวีปอเมริกาที่ห่าง 12 ชั่วโมง  ไม่งั้นรักแค่ไหนคงแพ้ระยะทางและความพยายาม จากคุณ : Uki no Kimono - [ 26 พ.ย. 48 01:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 64 โรสลอนดอน ความคิดเห็นที่ 55 สันดานเดิมเริ่มออกอีกแล้วนะมรึง ปากเนี่ยหมาจัง ว่าคนอืนไปทั่ว ไม่รู้ว่าไอ้หน้าโง่ที่อยู่ด้วยเนี่ยหมาหรือเปล่า จากคุณ : เบื่ออีโรส - [ 26 พ.ย. 48 06:40:05 A:195.54.138.108 X: TicketID:107617 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เดี๋ยวก่อนจ้า Uki no Kimono อย่าเพิ่งปิดเข้ามาขำ คุณมะขามอ่ะเหมือนกันเลยอ่ะคุณมะขาม คือสินสอดที่เราเรียกเรากะแฟนพอใจแต่ครอบครังเราอ่ะนะเป็นฝรั่งไมได้แค่เนี่ย เราบอกหรืออยากได้เยอะๆแบบลูกสาวข้างบ้านเดี๋ยวจองตั๋วไปพัทยาเดี๋ยวนี้เลย 55555 อ่านแล้วได้หลายอย่างเลยค่ะจากกระทู้นี้เราอ่านแล้วอยากกลับคำพูดเรื่องสินสอดกับแฟนจังแหมเรียกเยอะไปนิดส์ นึกสงสารเค้าอ่ะ ขอบคุณจ้าUki no Kimono ตั้งกระทู้มาได้หลายแนวคิดเลยเนอะก้อขอให้โชคดีจ้า เราเข้ามาอ่านเกือบทุกวันนะเนี่ย จากคุณ : Butterfly Isaan - [ 26 พ.ย. 48 13:05:06 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เฮ้ยอ่านมาสะจบจนได้เลยนะเนี๊ย ( ต้องขออภัยไว้นะที่นี้ด้วย หากข้อความของดิฉัน อ่านแล้ว ลายตา สับสน วรรคตอนไม่ถูกต้อง)  พอดีว่า ภาษาไทยไม่ค่อยจะแข็งแรง แต่ไม่ได้  ดัดจริต นะค่ะ เรื่องจริง สมัยเรียน ภาษาอังกฤษก้อ ห่วย ภาษาไทยก้อ ไม่ต่างกันค่ะ ก็ ขอเป็นกำลังใจให้น้องนะ จขกท นะค่ะ ขอให้ เลือกคนที่ดี คนที่เรารัก และเค้ารักเราด้วยนะค่ะ   พี่เองก็เป็น ภรรยาฝรั่งค่ะ ก็ยุโรปนี้นะ ขอตอบนะค่ะ 1. มีนะค่ะ ฝรั่งที่เค้า ไม่ยอมให้ภรรยาทำงานนะ อย่างพี่พี่เอง ก้อ มีความรู้ด้านไอทีมา ทำงานก้อ ระดับโอเคยู่   ก้อ อยากช่วยแฟนหาเงินนะ แต่พูดเรื่องนี้ที่ไร ทะเลาะกัน บ้านแตกเลย  ทุกวันนี้ก้อ ไม่ได้ ทำอะไร สามีเลี้ยงค่ะ  รถเมล์ก้อ เคยนั่งแค่ครั้งเดียวเอง ในชีวิต อ่ะ ราคาตั๋วยังต้องโทรถามเพื่อนเลยค่ะ  สรุปว่าฝรั่งของพี่เนี๊ย ชอบเลี้ยงภรรยาค่ะ และเท่าที่พี่เห็นนะ แม่บ้านแถวพี่นะ ก้อ เป็น ปิงเหมือนพี่ก้อ เยอะนะค่ะ เพราะคุณสามี แถวยุโรปเนี๊ย เค้า ชอบให้ ภรรยา เป็นแม่บ้าน ให้ความรักกับครอบครัว นะค่ะ  ถ้าทำงานก้อ จะเป็นแบบงานอดิเรกนะ 2. ส่วนเรื่อง สินสอด ดูน้องตอนนี้ก้อไม่ซีเรียส เท่าไหร่ แล้ว ก้อดีค่ะ เพราะ น้องเองก้อ เป็นคนทำงาน กว่าจะได้เงินเดือนมา มันก้อ ลำบาก เงิน จำนวนนั่น น้องอยู่ ต่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรป ค่าครองชีพสูง ก้อ น่าจะเข้าใจ ว่า กว่าจะได้ มา มันต้อง ใช้เวลาขนาดไหน แถมแฟนจะซื้อบ้านผ่อนบ้าน  ต่อไปก้อ ต้อง รายจ่ายเยอะ บิลต่างๆอีกยอะ  อันนี้ พี่ว่า น้องคงเข้าใจ และ คงตัดสินใจอะไรได้ดีกว่านี้เยอะ ส่วนใหญ๋ คนไทยเรา ค่อยข้างจะเข้าใจ ว่า มีแฟนเป็นฝรั่งต้อง สินสอดเยอะ คือ รวยว่างั้นเถอะ แต่ ต้องดูว่า ชีวิตหลังแต่งงานจะเป็นยังไง ถ้า ต้องมา จ่ายเรื่องงานแต่งงานมากนะค่ะ ถ้ารวยจริงๆ ก้อ ว่าไปอย่างนะ แต่ ถ้าพึ่งเริ่ม ต้นชีวิต ทำงาน ก้อ ต้อง หาทางออกที่ดี ที่สุด 3.น้องเรียนจบมาก้อตั้ง 2 ใบ พูด 5 ภาษา เก่งจัง  แต่ขอติ นิดนะค่ะ  เวลา น้อง ตอบกระทู้ นะ ฟังดูเหมือนใช้อารมย์ เลย พี่เข้าใจนะ ว่า น้อง คง ฉุนๆ ที่มีพี่ๆน้องๆบางคนเค้าไม่เชื่อ บางอย่างที่น้องพูด  แต่น้องลองมองในมุมกลับกัน ถ้ามีคนพูด ในแบบ ของน้องน้องรู้สึกยังไง เอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วให้อภัยนะค่ะ 4. แฟนน้อง ค่อนข้างอารมย์ร้อน พี่ก้อ อยากจะ ขอเตือนนิด เป็นแง่คิดนะค่ะ ตอนเค้าหลง เค้าก้อ หลง แต่เวลาแต่งงานกันไปแล้ว  มันจะต่างจากที่เป็นแฟนนะค่ะ เราเองก้อต้องปรับ ไม่ใช่ จะเป็นหลงตัวว่าเค้ารักเรามาก ไม่ได้นะค่ะ ชีวิตคู่ต้อง ใจเย็นๆค่ะ ตัวใหญ่ เวลาโมโห มา แตะทีเดียวเพ้อ บีบ รึ ผลัก แรงหน่อย ก้อ อันตรายนะค่ะ น้องโชคดีนะ ถ้าแฟนยอมออกสินสอดตามที่น้องบอกไว้ ของพี่แฟนก้อ ออกทุกอย่างค่ะ แต่สินสอนได้ไม่ถึงครึ่งของน้องเลย ตอนอธิบายแฟน ก้อ พุด ครั้งเดียวค่ะ  แล้ว ให้แฟนไปคุยกับคุณแม่ คุณแม่ก้อ บอก แล้วแต่ ทางแฟน จะจัดมากค่ะ สินสอดก้อเป็นไปตามประเพณีนะค่ะ   มีคำหนึ่งที่คุณแม่บอกแฟน แฟนประทับใจมาก และรักเคารพ คุณแม่มาตลอด บอกตลอดว่า เค้าโชคดี  ที่ได้ ศรีภรรยาอย่างเรา  แม่คุณนี้เป็นผู้หญิงที่ ฉลาด และ เก่ง เป็นคนดี  เพราะอะไรเหรอค่ะ   ก้อ เพราะ คุณแม่ บอกแฟนว่า  สินสอดแล้วแต่ แฟนพี่จัดมา  แต่งลุกสาว แม่ไม่ได้ ขายลูกสาวกิน ขอแค่ให้รักกันจริง รักลูกสาวแม่มากๆ รักนานๆ พาไปอยู่ทางนั่นดูแลให้ดี เหมือนที่แม่ดูแล ถ้าวันไหนทะเลาะกันไม่พอใจกัน ก้อ อย่า ทุบตี ลุกสาวแม่ ไม่พอใจ ก้อ ส่งกลับมาให้แม่ดีๆ อิอิอิ โดนใจเลยค่ะ สรุปว่าวันแต่ง แฟนก้อ นำสินสอดมาค่ะ ก้อ ไม่มากไม่น้อยก้อ พอดีๆ เป็นพิธี ที่น่ารัก ก้อ มี ชุดเครื่องเพชร 1 ชุด ต่าง สร้อยข้อมือ  สร้อยคอ แหวน ก้อ จะมีแหวน 2 วง คือ หวนหมั้น แหวนแต่งค่ะ   ทุกอย่างเป็นไปตามประเพณี พวกซองอังเป๋า ต่างๆ พี่ก้อ ใส่ ค่าผ่านประตุให้แฟนก้อ พองาม นะค่ะ ผู้ใหญ่ก้อ  ซอง 100 เด็ก ก้อ 50   ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีนะค่ะ ตอนนี้พี่ก้อ มีลุก โตแล้วค่ะ ชีวิตก้อ โอเคนะ มีทะเลาะบาง ดีบางแต่ ชีวิตที่นี้ก้อ ต้อง รู้จักใช้เงินค่ะ จะออกไปทานข้าว นอกบ้านทุกวัน ช้อปทุกวันเหมืนออยู่ กทม ไม่ได้เลย  มันต่างกันมาก สุดท้ายก็ขอให้น้อง สมหวังนะ ทำอะไร ถ้าทำด้วยหัวใจ น่าจะดีกว่านะ จากคุณ : jann - [ 29 พ.ย. 48 05:57:07 ]