ความคิดเห็นที่ 1 Consul ข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้งอย่างถูกต้องและได้รับมอบหมายให้ไปประจำยังต่างประเทศ เพื่อทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของประเทศทั้งในด้านพาณิชย์ การเดินเรือ คุ้มครองความเป็นอยู่อันดีของพลเมืองของประเทศตน พร้อมทั้งปฏิบัติหน้าที่บางอย่างด้านธุรการ หรือวางระเบียบแบบแผนที่ใช้เป็นประจำ ตลอดจนด้านการเป็นสักขีพยานการลงนามในเอกสาร เพื่อให้เอกสารนั้นมีผลบังคับทางกฎหมาย (Notary) การให้การตรวจลงตรา รวมทั้งการรับรองเอกสารที่แท้จริง (มิใช่เอกสารปลอม) และจัดการการสัตย์สาบานตนหรืออีกนัยหนึ่ง ภาระหน้าที่ของกงสุลอาจแบ่งออกได้เป็น 5 ประการ ดังต่อไปนี้1 ทำหน้าที่ส่งเสริมผลประโยชน์ในทางพาณิชย์ของประเทศที่ตนเป็นผู้แทนอยู่2 ควบคุมดูแลผลประโยชน์ด้านการเดินเรือ3 คุ้มครองผลประโยชน์ของคนชาติของประเทศที่แต่งตั้งให้ตนไปประจำอยู่4 ทำหน้าที่สักขีพยานในการลงนามในเอกสารเพื่อให้เอกสารนั้นมีผลบังคับทางกฎหมาย5 ทำหน้าที่ธุรการเบ็ดเตล็ดอื่นๆ หรือระเบียบแบบแผนที่ใช้เป็นประจำ เช่น การออกหนังสือเดินทาง การให้การตรวจลงตรา (Visas) การจดทะเบียนคนเกิด คนตาย ฯลฯอนุสัญญากรุงเวียนนา ภาคที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุลข้อที่ 5 ได้กำหนดภาระหน้าที่ของฝ่ายกงสุลไว้ดังต่อไปนี้ ก. คุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐผู้ส่ง และของคนในชาติของรัฐผู้ส่ง ทั้งเอกชนและบรรษัทในรัฐผู้รับ ภายในขีดจำกัดที่กฎหมายระหว่างประเทศอนุญาตข. เพิ่มพูนการพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านการพาณิชย์ เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิทยาการ ระหว่างรัฐผู้ส่งกับรัฐผู้รับ รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกันในทางอื่น ตามบทแห่งอนุสัญญานี้ค. สืบเสาะให้แน่โดยวิถีทางทั้งปวงอันชอบด้วยกฎหมายถึงภาวะและความคลี่คลายในทางพาณิชย์ เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและวิทยาการของรัฐผู้รับ แล้วรายงานผลของการนั้นไปยังรัฐบาลของรัฐผู้ส่ง และให้ข้อสนเทศแก่บุคคลที่สนใจง. ออกหนังสือเดินทางและเอกสารการเดินทางให้แก่คนในชาติของรัฐผู้ส่ง ตรวจลงตราหนังสือเดินทาง หรือออกเอกสารที่เหมาะสมให้แก่บุคคลที่ประสงค์จะเดินทางไปยังรัฐผู้ส่งจ. ช่วยเหลือคนในชาติของรัฐผู้ส่งทั้งเอกชนและบรรษัทฉ. ทำหน้าที่นิติกรและนายทะเบียนราษฎร์ และในฐานะอื่นที่คล้ายคลึงกัน ปฏิบัติการหน้าที่บางประการอันมีสภาพทางธุรการ หากว่าการหน้าที่นั้นไม่ขัดกับกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับช. พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของผู้เยาว์ และบุคคลไร้ความสามารถ ซึ่งเป็นคนชาติของรัฐผู้ส่ง ภายในขีดจำกัดที่ได้ตั้งบังคับไว้โดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ โดยเฉพาะในกรณีที่จำเป็นต้องมีความปกครองหรือภาวะทรัสตีใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลเหล่านั้นฌ. แทนคนชาติของรัฐผู้ส่ง หรือจัดให้มีการแทนอย่างเหมาะสมในองค์กรตุลาการ และต่อเจ้าหน้าที่ที่อื่นของรัฐผู้รับ เพื่อความมุ่งประสงค์ที่จะให้ได้มา ซึ่งมาตรการชั่วคราวสำหรับการรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของคนในชาติเหล่านี้ไว้ตามกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ ในกรณีที่คนในชาติเหล่านี้ไม่สามารถเข้าทำการป้องกันสิทธิและผลประโยชน์ของตนในเวลาอันเหมาะสมได้ เพราะเหตุของการไม่อยู่หรือเหตุอื่นใด ทั้งนี้ ให้อยู่ภายในข้อบังคับแห่งทางปฏิบัติ และวิธีดำเนินการซึ่งมีอยู่ในรัฐผู้รับญ. ส่งเอกสารทางศาล หรือเอกสารที่มิใช่ทางศาล หรือปฏิบัติตาม หนังสือของศาลของรัฐผู้ส่งที่ขอให้สืบประเด็น หรือตามการมอบหมายให้สืบพยานให้แก่ศาลของรัฐผู้ส่งนั้น ตามความตกลงระหว่างประเทศที่ใช้บังคับอยู่ หรือเมื่อไม่มีความตกลงระหว่างประเทศเช่นว่านั้น โดยทำนองอื่นใดที่ต้องด้วยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับด. ใช้สิทธิควบคุมดูแลและตรวจพินิจตามที่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้ส่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับเรือที่มีสัญชาติของของรัฐผู้ส่ง หรืออากาศยานที่จดทะเบียนในรัฐนั้น รวมทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับลูกเรือของเรือและอากาศยานดังกล่าวต. ให้ความช่วยเหลือแก่เรือและอากาศยานที่ระบุไว้ในอนุวรรค (ด) ของข้อนี้ รวมทั้งลูกเรือของเรือและอากาศยานนั้น บันทึกถ้อยคำเกี่ยวกับการเดินทางของเรือ ตรวจดูและประทับตรากระดาษเอกสารของเรือ ดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุใด ๆ ที่ได้เกิดขึ้นในระหว่างนายเรือ ดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุใดๆ ที่ได้เกิดขั้นในระหว่างนายเรือ เจ้าพนักงาน และกะลาสี ตราบเท่าที่การนี้อาจได้อนุมัติไว้โดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้ส่ง ทั้งนี้ จะต้องไม่เป็นการเสื่อมเสียแก่อำนาจของเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับถ. ปฏิบัติการหน้าที่อื่นใดที่รัฐผู้ส่งมอบหมายแก่สถานีทำการทางกงสุล ซึ่งมิได้ต้องห้ามโดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้รับ หรือซึ่งไม่มีการแสดงข้อคัดค้านโดยรัฐผู้รับ หรือซึ่งมีอ้างถึงไว้ในความตกลงระหว่างประเทศ ที่ใช้บังคับอยู่ระหว่างรัฐผู้ส่งและรัฐผู้รับ ที่มา : หนังสืออธิบายศัพท์การทูตและการเมืองระหว่างประเทศ ฯพณฯเอกอัครราชทูต กลศ วิเศษสุรการ Consular Fees and Charges ค่าธรรมเนียมและค่าภาระทางกงสุล ตามข้อ 39 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ได้กำหนดไว้ว่า1. สถานที่ทำการทางกงสุล อาจเรียกเก็บในอาณาเขตของรัฐผู้รับ สำหรับการปฏิบัติงานทางกงสุลซึ่งค่าธรรมเนียม ค่าภาระตามที่ได้บัญญัติไว้โดยกฎหมายและข้อบังคับของรัฐผู้ส่ง2. จำนวนเงินที่เก็บได้ในรูปค่าธรรมเนียมและค่าภาระตามที่อ้างถึงในวรรค 1 ของข้อนี้ ใบรับสำหรับค่าธรรมเนียมหรือค่าภาระเช่นว่านั้น จะได้รับยกเว้นจากค่าติดพันและภาษีทั้งปวงในรัฐผู้รับ ที่มา : หนังสืออธิบายศัพท์การทูตและการเมืองระหว่างประเทศ ฯพณฯเอกอัครราชทูต กลศ วิเศษสุรการ Consular Office บุคคลรวมทั้งหัวหน้าของที่ทำการทางกงสุล ซี่งได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในฐานะกงสุลโดยได้รับภาระหน้าที่ทางกงสุล เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลมีอยู่ 2 ประเภทคือ 1. เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลอาชีพ (Career Consular Office)2. เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลกิตติมศักดิ์ (Honorary Consular Office) ที่มา : หนังสืออธิบายศัพท์การทูตและการเมืองระหว่างประเทศ ฯพณฯเอกอัครราชทูต กลศ วิเศษสุรการ Consular office Declared ‘Non grata’ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลจะถูกประกาศว่าไม่พึงปรารถนาหรือไม่พึงโปรดได้ ดังข้อ 23 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติไว้ด้วยข้อความดังนี้“1. รัฐผู้รับอาจบอกกล่าวแก่รัฐผู้ส่งในเวลาใดก็ได้ว่าพนักงานฝ่ายกงสุลเป็นบุคคลที่ไม่พึงโปรด หรือบุคคลอื่นใดในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลเป็นที่ไม่พึงยอมรับได้ ในกรณีนั้นรัฐผู้ส่งจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นกลับ หรือเลิกการหน้าที่ของผู้นั้นต่อสถานที่ทำการทางกงสุล แล้วแต่กรณี2. ถ้ารัฐผู้ส่งปฏิเสธหรือไม่นำพาภายในเวลาอันสมควรที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีของตนตามวรรค 1 ของข้อนี้ รัฐผู้รับอาจเพิกถอนอนุมัติบัตรจากบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น หรือเลิกถือว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลก็ได้ แล้วแต่กรณี3. รัฐผู้รับอาจประกาศว่า บุคคลหนึ่งบุคคลใดซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล เป็นผู้ที่ไม่อาจยอมรับได้ ก่อนที่บุคคลนั้นจะมาถึงอาณาเขตของรัฐผู้รับ หรืออยู่ในรัฐผู้รับแล้ว แต่ก่อนเข้ารับหน้าของตนต่อสถานที่ทำการทางกงสุลก็ได้ ในกรณีใด ๆ เช่นว่านั้น รัฐผู้ส่งจะเพิกถอนการแต่งตั้งบุคคลนั้น4. ในกรณีที่ได้บ่งไว้ในวรรค 1 และ 3 ของข้อนี้ รัฐผู้รับไม่มีพันธะที่จะต้องให้เหตุผลในการวินิจฉัยของตนแก่รัฐผู้ส่ง”การที่รัฐผู้รับปฏิเสธที่จะออกอนุมัติบัตร หรือเพิกถอนอนุมัติบัตรหลังจากที่ได้ออกให้ไปแล้วนั้น เป็นสิทธิของรัฐผู้รับอันจะถูกโต้แย้งมิได้ ประเด็นที่เป็นปัญหาก็คือ รัฐผู้รับมีพันธะที่จะต้องอธิบายเหตุผลอย่างใดหรือไม่ ในการที่ปฏิเสธไม่ยอมออกอนุมัติบัตร หรือเพิกถอนอนุมัติบัตร หลังจากที่ได้ออกให้ไปแล้วข้อนี้ น้ำหนักของผู้ทรงอำนาจหน้าที่ดูแลจะเห็นคล้อยตามทรรศนะที่ว่า รัฐผู้รับไม่จำเป็นต้องแสดงเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้นในการกระทำดังกล่าวเหตุผลของการไม่ยอมออกอนุมัติบัตรให้นั้นคือว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วย หรือไปแสดงสุนทรพจน์อันมีข้อความเป็นที่เสื่อมเสียแก่รัฐผู้รับ หรือเคยมีส่วนร่วมในการก่อการกบฎต่อรัฐผู้รับหรือเข้าไปแทรกแซงกิจการการเมืองภายในของรัฐผู้รับ เป็นต้น ที่มา : หนังสืออธิบายศัพท์การทูตและการเมืองระหว่างประเทศ ฯพณฯเอกอัครราชทูต กลศ วิเศษสุรการ consular officers เจ้าพนักงานกงสุล ที่มา : หนังสือคำศัพท์-คำย่อทางการทูต สถาบันการต่างประเทศ กต. (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) Consulate ตัวอาคารสถานที่ทำการของกงสุล และคณะเจ้าหน้าที่ทางกงสุล คำนี้อย่าเข้าใจปะปนกับคำว่า “Chancery” ซึ่งหมายถึงอาคารสถานที่ทำการของเอกอัครราชทูตและคณะเจ้าหน้าที่ทางการทูตของตน ที่มา : หนังสืออธิบายศัพท์การทูตและการเมืองระหว่างประเทศ ฯพณฯเอกอัครราชทูต กลศ วิเศษสุรการ Consulate-General สถานกงสุลใหญ่ " ที่ทำการซึ่งมีหัวหน้าสำนักงานเป็นกงสุลใหญ่ และมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านหนังสือเดินทาง คุ้มครองคนไทย ตลอดจนด้านเอกสาร นิติกรรมต่าง ๆ ในต่างประเทศ ตำแหน่งต่าง ๆ ประจำสถานกงสุลใหญ่ มีดังนี้ Consul-General กงสุลใหญ่ Deputy Consul-General รองกงสุลใหญ่ Consul กงสุล Vice-Consul รองกงสุล Chancellor ผู้ช่วยกงสุล " ที่มา : หนังสือคำศัพท์-คำย่อทางการทูต สถาบันการต่างประเทศ กต. (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1) จากคุณ : Coconut Dance - [ 2 ธ.ค. 48 18:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บทความที่น่าสนใจ จาก วงการฑูต ถึงเวลาตั้งทูตจากคนนอก (กระทรวงฯ) แล้วหรือยัง โดย พิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงฯ การแต่งตั้งทูตเป็นตัวแทนในต่างประเทศเป็นเรื่องของผู้นำรัฐบาลที่มักจะปฏิบัติตามข้อเสนอของรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยทั่วไปมาจากข้าราชการประจำสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ หากเป็นความประสงค์ด้านการเมือง ผู้นำรัฐบาลก็สามารถเสนอบุคคลที่มิใช่นักการทูตอาชีพก็ได้ โดยถือเป็นการแต่งตั้งทางการเมือง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ สหรัฐอเมริกา เมื่อมีการเปลี่ยนประธานาธิบดี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ทุกคนโดยเฉพาะคนที่ถูกแต่งตั้งทางการเมืองโดยประธานาธิบดีคนก่อนจะถือเป็นมารยาททางการเมืองที่ต้องแสดงความจำนงขอลาออก เพื่อให้ประธานาธิบดีคนใหม่มีอิสระที่จะเลือกสรรคนของตนไปในประเทศต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ทูตสหรัฐฯ ทั่วโลก ส่วนใหญ่ก็ยังมาจากนักการทูตอาชีพ ในขณะที่ อังกฤษมีธรรมเนียมความเชื่อมั่นในมืออาชีพของนักการทูตสูงจึงแทบไม่มีการแต่งตั้งทางการเมืองเลย ยกเว้นในอดีตเมื่อกว่ายี่สิบปีมาแล้วที่นายกรัฐมนตรีจิม คาลาแฮน ตั้งนายปีเตอร์ เจย์ บุตรเขย นักจัดรายการสนทนาปัญหาบ้านเมืองทางโทรทัศน์ ไปเป็นทูตอังกฤษที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งก็เป็นผลดีที่ทูตมีสายตรงกับนายกฯ ของตน อันเป็นข้อดีหลักอันหนึ่งของการแต่งตั้งทางการเมือง สำหรับประเทศไทย การแต่งตั้งทางการเมืองเคยมีมา ตั้งแต่รัฐบาลในระบบรัฐธรรมนูญ เช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่งตั้งนายดิเรก ชัยนาม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำกรุงโตเกียว ในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสมัยที่พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ แต่งตั้งนายปรก อัมระนันท์ เป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ซึ่งทั้งสองท่านต่างก็เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถสูง มีคุณลักษณะเหมาะสมกับการเป็นตัวแทนประเทศ และได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ในช่วงรัฐบาลทหารก็มีการแต่งตั้งนายทหารไปเป็นทูตหลายประเทศ รวมทั้งกรณีของพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่เริ่มชีวิตนักการทูตในประเทศอาร์เจนตินา การกล่าววิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับที่มาของคนไปทำหน้าที่ทูตของไทยเริ่มมีหนาหูมากขึ้น ในช่วงที่ไทยประสบวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเห็นว่าทูตไทยควรมีบทบาทหน้าที่เน้นด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริมการค้า การลงทุน ท่องเที่ยวมากกว่าการทำหน้าที่ด้านพิธีรีตรอง หรือการเมือง เพราะยุคนี้ต้องเศรษฐกิจนำ ปัญหาการเมืองก็ลดความสำคัญลงไปมาก นอกจากนั้น ยังมีผู้เสนอว่าการที่ไทยมีปัจจัยผลประโยชน์หลักหรือปัญหาที่เด่นชัดด้านใดในประเทศใด ก็ควรพิจารณาส่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องนั้นไปเป็นทูต เช่น ไทยมีผลประโยชน์แรงงานในอิสราเอลก็ควรตั้งทูตแรงงานไปเป็นเอกอัครราชทูต เรื่องส่งออกก็ควรตั้งทูตพาณิชย์หรือภาคเอกชนไปเป็น ดังนี้เป็นต้น ก่อนอื่น คงจะต้องทำความเข้าใจกับข้อเท็จจริงในบทบาทภารหน้าที่ของนักการทูตที่แท้จริงเสียก่อนว่าเขาทำอะไรในวันหนึ่ง ๆ แต่งตัวดี ยกแก้วไวน์สังสรรค์ในงานเลี้ยงรับรองตามภาพพจน์ในละครของไทยหรือมากกว่านั้น ประการแรก เอกอัครราชทูต ทำหน้าที่เป็นผู้แทนองค์พระประมุขในการไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศผู้รับ โดยเฉพาะหากประเทศผู้รับเป็นประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น ญี่ปุ่น ที่สถาบันทั้งสองมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่ง เอกอัครราชทูตจะได้รับการยอมรับ ได้รับเกียรติ จะมีโอกาสมากมายในการกระชับความสัมพันธ์นั้น ๆ และนำความใกล้ชิดนั้นไปขยายผลเสริมสร้างความสัมพันธ์ในด้านอื่น ๆ ดังนั้น เอกอัครราชทูตจำต้องเป็นผู้ที่มีความรอบรู้ ความสามารถทางการทูต มีความเข้าใจลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ ความละเอียดอ่อนทางการเมืองในประเทศนั้น ๆ รู้จังหวะการพูด หัวข้อเรื่องเรื่องใด ควรยกขึ้นกล่าว ควรตอบในจังหวะใดเรื่องใดไม่ควรกล่าว กระทรวงการต่างประเทศถือเป็นโรงเรียนการทูตที่ฝึกฝนอบรมนักการทูตตลอดชีวิต ทั้งภายในและนอกประเทศ จากการประจำการในสถานทูต สถานกงสุล และประชุมระหว่างประเทศ หลาย ๆ คนมีโอกาสเรียนรู้อย่างใกล้ชิดจากผู้ที่เป็นแบบอย่างนักการทูตที่สามารถในอดีตของไทยและเป็นผู้สั่งสอนข้าราชการรุ่นต่อ ๆ ไป ประการที่สอง เอกอัครราชทูต ทำหน้าที่ผู้แทนรัฐบาล ในกรณีของรัฐบาลชุดปัจจุบัน คือ ผู้ดำเนินนโยบายการบริหารราชการในต่างประเทศให้มีเอกภาพ ตามสโลแกน " ทูตซีอีโอ " " ทูตซีอีโอ " จึงจำเป็นต้องมีภาวะผู้นำสามารถที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ จุดอ่อนจุดแข็งของประเทศ ผู้รับ เพื่อแปรแผนยุทธศาสตร์ของไทยต่อประเทศนั้น ๆ ให้เป็นแผนงานภารกิจที่ชัดเจน โดยการประชุมปรึกษาหารือกับหัวหน้าส่วนราชการที่ประกอบกันเป็นทีมประเทศไทย ณ ประเทศผู้รับ อันประกอบด้วยบุคคลที่เรียกกันคุ้นปากว่าทูตทหาร ทูตเกษตร ทูตพาณิชย์ ทูตแรงงาน ทูตอุตสาหกรรม ทูต ฯลฯ ซึ่งแท้จริงแล้วทูตมีเพียง 1 คนในประเทศหนึ่ง ๆ คือ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้แทนและต้องเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานพระราชสาสนเพื่อไปยื่นหรือถวายให้ประมุขของประเทศผู้รับ ส่วนหัวหน้าส่วนราชการที่แต่งตั้งจากกระทรวงต่าง ๆ จะมีตำแหน่งเรียกชื่อทางการทูตที่ถูกต้องตามลำดับอาวุโส เช่น อัครราชทูต ( ฝ่ายการพาณิชย์ ) อัครราชทูตที่ปรึกษา ( ฝ่ายการเกษตร ) ที่ปรึกษา ( ฝ่ายแรงงาน )ก็เป็นข้าราชการระดับ 9 , 8 หรือ 7 ตามลำดับ หากจะเปรียบแล้ว ทูตซีอีโอก็คือ วาทยากรผู้อำนวยการเพลงของวงดุริยางค์ ส่วนผู้แทนหน่วยราชการเปรียบได้กับนักดนตรีแต่ละชนิด จุดสำคัญจุดแรกที่ดนตรีจะไพเราะ คือ โน้ตเพลงต้องเป็นเพลงเดียวกัน อันเป็นที่มาของการทำยุทธศาสตร์และแผนงานร่วมกัน จากนั้น หากนักดนตรีทุกคนซึ่งควรเป็นผู้ชำนาญเครื่องดนตรีแต่ละชนิด ( เช่น อัครราชทูตฝ่ายการพาณิชย์ ชำนาญการส่งเสริมสินค้าส่งออกประเภทอัญมณี เครื่องหนัง อาหารกระป๋อง ฯลฯ อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและการลงทุนจากสำนักงานบีโอไอ ชำนาญเรื่องกฏเกณฑ์การส่งเสริมการลงทุน ที่ปรึกษาแรงงาน ชำนาญการแก้ไขกรณีพิพาทแรงงาน เรียกเงินชดใช้ค่าเสียหายในคนงานไทยจากนายจ้าง ฯลฯ ) เล่นเครื่องดนตรีตามบทของตนภายใต้การอำนวยการของวาทยากรที่ผู้มีความสามารถ มีภาวะผู้นำ มีมนุษยสัมพันธ์ มีประสิทธิภาพแล้ว ดนตรีก็ยิ่งทวีความไพเราะน่าฟังยิ่งขึ้น วาทยากรอาจเล่นดนตรีได้เกือบทุกประเภท เปรียบเหมือนนักการทูตที่ทราบเรื่องการค้า การส่งเสริมการลงทุน การท่องเที่ยว แรงงาน ศิลปวัฒนธรรม ผสมผสานกับการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่จะเล่นเปียโน หรือสีไวโอลินให้ดีเยี่ยมเท่ากับนักดนตรีที่เชี่ยวชาญเครื่องดนตรีนั้นคงไม่ได้ เพราะให้เวลาศึกษาเล่าเรียนฝึกฝนมาคนละทาง ดังนั้นทูตจึงต้องพึ่งผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ในด้านเทคนิคการค้า สินค้าส่งออกแต่ละประเภท ทูตอยู่ในฐานะที่สามารถ " เปิดประตู " นำทีมประเทศไทยไปพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจ ประธานบริษัทชั้นนำ เมื่อถึงโอกาสนั้น ๆ แล้ว ผู้แทนจากกระทรวงต่าง ๆ ย่อมอยู่ในฐานะที่จะสนับสนุนทูตซีอีโอในด้านเทคนิคสาขาเฉพาะที่ตนถนัดได้ทันทีอันจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ตามที่ทีมไทยแลนด์ต้องการ อย่างนี้ คือ การทำงานร่วมกันเป็นทีม รู้จักใช้บทบาทของกันและกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด คนที่อยากเป็นนักไวโอลินก็ควรเลือกเรียนไวโอลิน คนอยากเป็นวาทยากรก็ต้องเข้าฝึกฝนตนเพื่อเตรียมเป็นวาทยากร จะเอาคนตีฉิ่งมาเป็นวาทยากรที่ดีได้ก็คงเป็นกรณียกเว้นเท่านั้น ประการที่สาม นอกจากเป็นตัวแทนภาครัฐบาลแล้ว ทูตคือ ตัวแทนของประชาชนทั่วประเทศ ไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นว่าเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายใด ดังนั้น ทูตจำต้องเป็นผู้ต้องตระหนักในภารกิจที่จะส่งเสริมผลประโยชน์ในภาพรวม ใช้ความน่าเชื่อถือ สานผลประโยชน์ให้กลับมาถึงส่วนรวมของไทย ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตน จนเกิดการดำเนินการที่เป็น conflict of interest ทูตต้องเป็นผู้นำแปรการทูตเชิงวัฒนธรรมให้เป็นผลรูปธรรม ทูตต้องมีความรอบรู้ในประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีงามของไทยในประเทศผู้รับ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุข คุ้มครองปกป้องผลประโยชน์คนไทยในต่างแดนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าเมืองโดยถูกต้อง หรือไม่ถูกต้อง การคุ้มครองคนไทยนี้มีประสิทธิภาพหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของทูตในการปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตั้งแต่รัฐมนตรียุติธรรม มหาดไทย อธิบดีตรวจคนเข้าเมือง อธิบดีราชทัณฑ์ ของประเทศนั้น ๆ ประการสุดท้าย นักการทูตเป็นผู้ตระหนักว่า ความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจ แรงงาน ท่องเที่ยว สังคม ฯลฯ มีความเกี่ยวพันและเหตุเป็นผลต่อกันอย่างแน่นแฟ้น ในโลกยุคหลังเหตุการณ์ 11 กย. ได้พลิกโฉมไปมากมาย และพร้อมจะสับเปลี่ยนโดยฉับพลัน การทูตของไทยจะทันท่วงทีก็ต่อเมื่อเรามีนักการทูตที่ฉับไวต่อการเปลี่ยนแปลง รู้ความอ่อนไหวของแต่ละประเด็นและสามารถเสนอแนะรัฐบาล เพื่อแปลงสิ่งเหล่านี้ให้เป็นโอกาส โดยเฉพาะโอกาสด้านเศรษฐกิจตามความคาดหวังของสาธารณชน ในประเทศที่ไทยมีปัญหาแรงงาน เช่น อิสราเอล หรือไต้หวัน ทูตต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งในความละเอียดอ่อน ทางการเมืองระหว่างยิวกับอาหรับ หรือจีนกับไต้หวัน มีประสบการณ์ในการเจรจาเชิงทวิภาคีกับผู้นำระดับสูง มีความสามารถในการเข้าถึงผู้นำรัฐบาล ในขณะที่ผู้แทนกระทรวงแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการจัดหางาน การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างแรงงานไทยกับนายจ้างต่างชาติ หรือการประชาสงเคราะห์ ควรอย่างยิ่งที่จะส่งไปเป็นส่วนสำคัญของทีมประเทศไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ หรือไทเป ขอยกตัวอย่างภารกิจของทูตในแต่ละวัน .- เช้าประชุมทีมประเทศไทย เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์แปลงประเด็นการเมือง ความมั่นคง เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ เที่ยงไปร่วมรับประทานอาหารกับนักธุรกิจด้านลงทุน บ่ายต้อนรับสมาคมนาฎศิลป์ไทยเพื่อหารือการจัดงานสงกรานต์ เย็น ร่วมกับทีมประเทศไทยบรรยายสรุปให้คณะกรรมาธิการรัฐสภาจากไทยพร้อมเลี้ยงอาหารค่ำ วันรุ่งขึ้น เช้าปาฐกถาให้สถาบันวิชาการในหัวข้อ ACD ( Asia Cooperation Dialogue ) ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มทางการต่างประเทศของผู้นำไทย บ่ายนำทีมประเทศไทยเข้าพบปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพื่อหารือเรื่องข้าว/ ผลไม้ไทย กลับมาสถานทูตหารือฝ่ายกงสุลและที่ปรึกษาแรงงานเรื่องการช่วยเหลือคนไทยที่ถูกล่อลวง เย็นไปงานเลี้ยงรับรองเพื่อสดับตรับฟังความเคลื่อนไหวการเมืองภายในประเทศนั้น ๆ จากผู้สื่อข่าว นักการเมือง นักธุรกิจ ตลอดจนนักการทูตกันเอง และก็แก้ข่าวที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับประเทศไทย อีกทั้งเผยแพร่กระจายข่าวที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยด้วย สรุปแล้ว คนเป็นทูตมาจากที่ใดไม่สำคัญ แต่ต้องเป็นผู้ที่มีคุณลักษณะพร้อมกับภารกิจข้างต้น ซึ่งมิใช่ภารกิจด้านใดด้านหนึ่งเพียงอย่างเดียว เพราะเอกอัครราชทูตต้องมีความน่าเชื่อถือ สามารถนำหรือโยงผลประโยชน์ทุกด้านมาสู่ไทย โดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตนมาปะปน ตัวทูตและคู่สมรสจะต้องเป็นผู้แทนประเทศที่เป็นแบบอย่างในด้านความสามารถและคุณธรรม เป็นความภาคภูมิใจและเกียรติประวัติของไทยในต่างแดน ทั้งทำให้สายสัมพันธ์สองฝ่ายแน่นแฟ้นยั่งยืน นั่นคือการเป็นเอกอัครราชทูตที่แท้จริง ------------------------------------------------ .. (* ที่มา บทความนี้ นำมาจากแหล่งข้อมูลกระทรวงการต่างประเทศ http://www.mfa.go.th/web/815.php?id=534 หากสนใจเรื่องราวการต่างประเทศ และข่าวสาร “วงการทูต” รับชมโดยตรงที่ เว็บไซต์ ของกระทรวงการต่างประเทศ) จากคุณ : ดวงดัง - [ 2 ธ.ค. 48 21:21:27 A:207.200.116.68 X: TicketID:111941 ]

ความคิดเห็นที่ 3 (ส่วนต่อ บทความเกี่ยวกับเอกอัครราชทูต ) ออท. ศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ซึ่งเป็นออท. CEO ณ กรุงวอชิงตัน ตามโครงการนำร่องออท. CEO ของกระทรวงการต่างประเทศ ตามนโยบายของ ฯพณฯ นากรัฐมนตรี ได้กรุณาให้ข้อมูลและข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในส่วนการปฏิบัติงานของออท.ประจำสหรัฐอเมริกาและการแต่งตั้งบุคคลภายนอกเป็นออท.ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประโยชน์และน่าคิดสำหรับผู้สนใจในประเด็นดังกล่าวนี้ต่อไป กระทรวงการต่างประเทศจึงใคร่ขอนำเสนอมา ณ โอกาสนี้ ออท. ศักดิ์ทิพย์ ฯ กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของไทยและเป็นประเทศที่มีศักยภาพในด้านการลงทุนในต่างประเทศสูงสุด ภารกิจสำคัญของสอท. ณ กรุงวอชิงตันในอดีตที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัยคือ การรักษาและปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของไทย โดยเฉพาะการรักษาตลาดสหรัฐ ฯ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีสำหรับไทย และการคงสถานะการได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐ ฯ ซึ่งมีมูลค่าระหว่าง 5-9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีไว้ให้ได้เป็นเรื่องที่นับวันจะยากลำบากยิ่ง อันเนื่องมาจากการออกกฎหมายและมาตรการต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าของสหรัฐ ฯ ตลอดจนนโยบายใช้การค้าเป็นเครื่องมือตอบแทนผลประโยชน์ทางการเมือง ดังนั้น แม้จะมีการเน้นด้านการส่งเสริมการส่งออกมากเพียงใด หากสภาวะตลาดมีข้อจำกัด ทั้งในด้านกฎเกณฑ์มาตรการที่เกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าสุขอนามัย ระเบียบพิธีการทางศุลกากร กฎหมายทุ่มตลาดมาตรา 301 และมาตรา 201 ตลอดจนนโยบายการให้สิทธิพิเศษทางการค้าแก่บางประเทศ/กลุ่มประเทศ ฯลฯ ซึ่งข้อจำกัดเหล่านี้ย่อมทำให้ไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และหากแก้ไขประเด็นเหล่านี้ไม่ได้ การขยายตลาดของไทยในสหรัฐอเมริกาคงเป็นไปได้ยาก รัฐสภาสหรัฐ ฯ ซึ่งเป็นผู้ออกกฎหมายและให้ความเห็นชอบต่อกฎเกณฑ์มาตรการต่าง ๆ เป็นผู้เล่น (player) หลักที่สามารถให้คุณและโทษต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการค้าของไทย การเข้าถึงบุคคลต่าง ๆ ในรัฐสภาสหรัฐ ฯ จำเป็นต้องใช้กลยุทธทางการเมือง ความรู้เกี่ยวกับข้อมูลภูมิหลังของตัวบุคคล แนวความคิดและนโยบายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิกแต่ละคน ความอ่อนไหวระหว่างพรรคการเมือง สายสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร ความรอบรู้และทันเหตุการณ์ต่อประเด็น/ปัญหาระหว่างประเทศ ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยปูทางไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัว และการเข้าถึง (access) บุคคลต่าง ๆ ที่เป็น key ทั้งในระดับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก และ staffers อาวุโส ในสภาวะที่ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเล็กอยู่ห่างไกลจากผลประโยชน์ของสหรัฐ ฯ และมีอำนาจต่อรองน้อย การดึงดูดความสนใจของบุคคลต่าง ๆ ในรัฐสภาต่อผลประโยชน์ของไทยจึงต้องอาศัยกลยุทธทางการเมืองและการทูตนำ และเมื่อสามารถเข้าถึงตัวบุคคลได้แล้ว สารัตถะด้านเศรษฐกิจการค้าจึงจะตามมา อีกนัยหนึ่ง ประเด็นเศรษฐกิจการค้าในกรุงวอชิงตันล้วนมาจากการผลักดันทางการเมือง การให้หรือถอดถอนผลประโยชน์ทางการค้ามาจากเหตุผลทางการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่น (เพื่อรักษาฐานเสียงสำหรับการเลือกตั้ง) ระดับประเทศและระดับระหว่างประเทศ กรณีการให้สิทธิแก่กลุ่มประเทศแอนเดียนสำหรับการส่งออกปลาทูน่ากระป๋องมายังสหรัฐ ฯ โดยไม่เสียภาษีเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ดังนั้น ผู้ที่จะได้เปรียบในการปฏิบัติงานฐานะออท. ณ กรุงวอชิงตัน อย่างมีประสิทธิภาพในการส่งเสริม รักษา และปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจน่าจะเป็นผู้มีความรอบรู้ทันต่อเหตุการณ์ เป็นผู้ที่ได้รับการอบรมฝึกฝนทางการทูต ทราบนโยบายในภาพรวมทั้งของประเทศตนเองและประเทศเจ้าภาพ รู้ถึงความละเอียดอ่อนทางการเมือง และมารยาทสากล ซึ่งออท.ในฐานะหัวหน้าทีมจะสามารถนำร่อง สร้างบรรยากาศอันเป็นมิตรกับประเทศเจ้าภาพ นำประเด็นทางการเมืองมาเป็นเครื่องต่อรองและปูทางให้ลูกทีมซึ่งมีความถนัดและเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องดำเนินการสานต่อประเด็นเฉพาะต่าง ๆ ในกรณีการแต่งตั้งบุคคลภายนอกเป็นออท.ของสหรัฐ ฯ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการให้รางวัลตอบแทนทางการเมืองแก่ผู้ที่ให้การสนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ แก่ประธานาธิบดีในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ประเทศที่บุคคลภายนอกได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งออท.จะเป็นประเทศที่ไม่มีปัญหาให้ต้องแก้ไขและไม่มีภารกิจสำคัญ และไม่จำเป็นต้องอาศัยทักษะและความรอบรู้ อย่างไรก็ดี การแต่งตั้งบุคคลภายนอกดำรงตำแหน่งออท.ของประเทศสำคัญ ๆ อาทิ ออท.สหรัฐ ฯ ประจำสหราชอาณาจักร ในปัจจุบัน เป็นบุคคลที่สนิทใกล้ชิดกับประธานาธิบดี สามารถยกโทรศัพท์สายตรงถึงกันได้ หรือการแต่งตั้งบุคคลภายนอกดำรงตำแหน่งออท.ประจำญี่ปุ่น จะเป็นคนนอกที่แทบจะเป็นคนในไปแล้วเพราะมักจะเป็นอดีตวุฒิสมาชิกอาวุโสหรือบุคคลในวงการรัฐบาลที่มีประสบการณ์และความรอบรู้ในการต่างประเทศเป็นอย่างดี ทั้งนี้ มีข้อสังเกตด้วยว่า ทั้งสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐ ฯ นั้นเป็นประเทศที่ผู้นำสหรัฐ ฯ สามารถยกหูโทรศัพท์สายตรงพูดคุยกันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ----------------------------------------------- ออท.กษิต ภิรมย์ ซึ่งเป็นออท. CEO ท่านหนึ่งในโครงการนำร่องออท. CEO ของกระทรวงการต่างประเทศ ได้หยิบยกบทความเรื่อง “Diplomats:more than traveling salesman”ของนาย George Sioris ซึ่งเป็นอดีตออท.กรีซประจำประเทศไทยและญี่ปุ่น ลงพิมพ์ในน.ส.พ. Japan Times ฉบับประจำวันที่ 9 ก.พ. ค.ศ. 2002 มาเพื่อผู้สนใจได้ศึกษาเพิ่มเติม บทความดังกล่าวได้ให้ข้อคิดเห็นต่อความคาดหวังหรือข้อเรียกร้องของกระแสสังคมทั่วไปต่อนักการทูตยุคใหม่ว่าจะต้องทำหน้าที่เป็น salesman ด้านเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งออท. Sioris เห็นว่า มีข้อจำกัดหลายประการ อาทิ - นักการทูตมีฐานะเป็นตัวแทนของสังคมทั้งมวล รวมทั้งฝ่ายค้าน ความเป็นกลางของนักการทูตเป็นคุณลักษณะที่ทำให้นักการทูตมีคุณค่า มิใช่เป็นตำแหน่งที่บุคคลข้างนอกจะกระโดดเข้ามาใช้ประโยชน์เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณทางการเมืองหรือที่หลบภัยทางการเมือง - เรื่องการขายและการเพิ่มพูนความร่วมมือด้านธุรกิจเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้านทั้งด้านคุณภาพของสินค้า ราคา การบรรจุหีบห่อ การจัดส่ง ฯลฯ ส่วนการลงทุนก็ขึ้นกับบรรยากาศการลงทุน เป็นต้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเฉพาะประสิทธิภาพของ salesman เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ การเพิ่มพูนความร่วมมือด้านธุรกิจจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวออท.เพียงคนเดียวเท่านั้น .................. แหล่งที่มาของบทความ < http://www.mfa.go.th/> จากคุณ : ดวงดัง - [ 2 ธ.ค. 48 21:24:46 A:207.200.116.68 X: TicketID:111941 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณเจ้าของกระทู้ ครับ ในบทความที่ยกมาให้ข้างบน บ่งบอกทุกอย่างไว้เด่นชัด ถึงคุณวุฒิ และวัยวุฒิ ของนักการทูต (ระดับผู้นำองค์กร) ผู้เขียนบทความมีตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง เป็นที่เชื่อถือได้แน่นอน และให้สารัตถ์ทันสมัยอย่างยิ่ง หากสนใจมากกว่านี้ คลิกเข้าไปที่เว็บกระทรวงบัวแก้วครับ อยากขอเพิ่มความเห็นส่วนตัว ผม ในฐานะประชาชนครับ และอยู่ในครอบครัวข้าราชการที่เคยปฏิบัติงานต่างประเทศ คิดว่า บุคคลที่รับตำแหน่งทางการทูต เป็นผู้ถึงพร้อมด้วย คุณธรรมและศักยภาพแห่งความเป็นผู้นำที่มีเกียรติสูงสุด เป็นเสมือนหลักของคนไทยในต่างแดน หากโลกมีสงคราม บุคคลในตำแหน่งนี้ จะต้องดูแลรับผิดชอบความเป็นตาย ของประชาชนในประเทศ ที่อาศัยหรือศึกษาในต่างประเทศ มีเรื่องหลากหลายต้องเผชิญและพร้อมรับมือตลอดเวลา แม้ในยามการเมืองใกล้วิกฤต หรือยามสงบก็ตามที ต้อง คอยตรวจตราถึงความเคลื่อนไหวเป็นระยะไม่คลาดเคลื่อน และต้องเป็นผู้เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อประเทศชาติได้ อย่าไปรับชมภาพจากละคร หรือนวนิยาย แล้วเชื่อตามนั้น ในที่นี้ ไม่ได้ว่าเขาแสดงผิด หรือเขียนไม่ถูกต้องนะครับ แต่ว่า การทำงานของผู้แทนพระองค์ด้านการทูตมีภาระมาก ทั้งคนจากกระทรวงบัวแก้ว และหรือ ผู้แทนจากกองทัพไทย ซึ่งล้วนเป็นบุคคลมีความรับผิดชอบสูง ต้องผ่านการ เรียนรู้ระบบงานอย่างลึกซึ้ง และมีวิจารณญาณการแก้ไข ปัญหาระดับนานาชาติได้ ต้องพร้อมเข้าใจวิถีชีวิตผู้คนต่างๆ ทั้งประเทศแม่ และประเทศที่มาติดต่อ มีมนุษยสัมพันธ์ล้ำ เลิศ และมีสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นผู้นำที่เป็นเอกลักษณ์หลัก ทางด้านภูมิปัญญา ต้องอุดมด้วยความรู้ในเรื่องรัฐกิจ และแม่นยำในบทประมวลกฎหมายนานาชาติ รวมตลอด เรื่องศาสนา ศิลปวัฒนธรรมประเพณีทั้งของไทยและชาติ อื่นๆ พร้อมจะประยุกต์ความคิดให้สอดคล้องสถานการณ์ อย่างชาญฉลาด รักษาไมตรีต่างชาติขณะเดียวกับที่ดำรง ความสมดุลย์ทางสถานภาพและชื่อเสียงของประเทศไทย ไม่ใช่จะเป็นได้ง่ายๆ หรือประสบความสำเร็จในวันเดียว การแสดงในละคร ส่วนใหญ่ เขาต้องการนำไปเป็นเพียง คุณสมบัติว่า ตัวเอกเป็นลูกเป็นหลานคนใหญ่คนโตระดับนี้ หรือว่า มีหน้าที่ในวงการนี้ เพื่อให้ดูเหมาะจะเป็นตัวยืนโรง แต่อย่าเอาไปเปรียบกับ บุคลากรจริงของวงการทูตไทย เพราะชีวิตของแต่ละท่าน ล้วนมีความโดดเด่นในหน้าที่ และในความเป็นจริง มีคนทำงานนอกวงการทูตที่เกี่ยวข้อง กับวิถีชีวิตในต่างประเทศ ที่ต้องเป็นตัวแทนของชุมชนไทย ร่วมอยู่อย่างแยกไม่ออก เพราะทุกฝ่ายต้องพึ่งพาอาศัยกัน หากสนใจชีวิตจริงของออท. (ทูต ไม่ใช่แค่ระดับกงสุล) ขอแนะนำให้ค้นคว้าจากห้องสมุดประวัติศาสตร์บุคคลสำคัญ ดีกว่าอ่านตามนิยาย หรือว่าชมจากภาพละคร ครับ จากคุณ : ดวงดัง - [ 2 ธ.ค. 48 22:01:09 A:207.200.116.68 X: TicketID:111941 ]