CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    แนะนำการศึกษาต่อประเทศสวีเดน ตอนที่ 1

    แนะนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการศึกษาต่อที่ประเทศสวีเดนครับ

    1.จะสามารถหารายละเอียดของวิชาเรียนและรายละเอียดมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศสวีเดนได้อย่างไร
    เว็บที่เราสามารถค้นหารายวิชาที่เปิดสอนในสวีเดนสามารถหารายละเอียดได้จากเว็บนี้ครับ
    http://www.sweden.se/templates/cs/SISProgramSearch____5046.aspx
    (ขอขอบคุณ คุณสาวไหม จาก เว็บพันทิพย์ครับ)

    เว็บของ The Royal Institute of  Technology  in Stockholm ครับ
    http://www.kth.se/eng/index.html

    Stockholm University ครับ http://www.su.se/english

    เว็บหลักของ Linkoping University http://liu.se/en
    หลักสูตรที่เปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษ http://www.liu.se/en/education/study/master/

    มหาวิทยาลัยชื่อดังและเก่าแก่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง Lund University
    http://www.lu.se/o.o.i.s/450

    มหาวิทยาลัยอุพซาล่า มีชื่อเสียงมากเช่นกัน http://info.uu.se/fakta.nsf/sidor/uppsala.university.id5D.html


    มหาวิทยาลัยที่นอกเหนือจากนี้คงต้องอาศัย http://google.com  ในการช่วยค้นหาแล้วนะครับ

    2. ช่วงเวลาไหนบ้างที่มหาวิทยาลัยในประเทศสวีเดนเปิดรับสมัครเข้าศึกษาต่อ
    ปกติแล้วมหาวิทยาลัยจะเปิดรับสมัครอยู่ราวๆ 2 ช่วงเวลา(บางมหาวิทยาลัยอาจแตกต่างออกไปบ้าง ต้องดูจากหลักสูตรที่เราสนใจด้วยครับ)
    สำหรับปริญญาตรี(อ้างอิงจ้ากเว็บมหาวิทยาลัย Linkoping นะครับ)
    2.1.1ช่วงแรกก่อนวันที่ 15 April for the autumn semester.
    2.1.2ช่วงที่สองคือก่อนวันที่ 15 October for the spring semester
    สำหรับปริญญาโท(อ้างอิงจากมหาวิทยาลัย Linkoping เช่นเดียวกันครับ)
    2.1ช่วงแรกก็ราวๆปลายธันวาถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ครับ กำหนดเส้นตาย(ขึ้นกับมหาวิทยาลัย)จะเป็น 1 กุมภาพันธ์ครับ
    2.1ช่วงที่สองก็ก่อนวันที่ 1 กันยายนครับ
    ป.ล. กำหนดวันเส้นตายการส่งเอกสารขึ้นอยู่กับคณะที่คุณเลือกนะครับ  ไม่ใช่กำหนดตายตัวทุกสาขาวิชา ดังนั้นคุณต้องหาข้อมูลด้วยตัวคุณเองก่อนครับ เส้นตายที่ไผ่แนะนำนั้นเป็นการบอกคร่าวๆเพื่อการเตรียมตัวล่วงหน้าครับ

    3.เอกสารที่ใช้ในการสมัครเข้าศึกษาต่อ
    เอกสารที่ใช้ในการศึกษาต่อนั้นจะมีรายการคร่าวๆต่อไปนี้นะครับ
    1.ประกาศนียบัตรรับรองว่าเราจบการศึกษาระดับปริญญาตรี/มัธยมศึกษาตอนปลาย (เข้าใจว่าระดับมัธยมปลายเราต้องขอเอกสารรับรองเป็นภาษาอังกฤษจากโรงเรียนที่เราจบมาด้วยนะครับ)
       กรณียังไม่จบการศึกษาแต่คาดว่าจะจบทันแน่ๆก็ให้ไปขอใบรับรองจากสถานศึกษาใช้สมัครแทนได้ครับ
    2.ทรานสคริปต์ผลการศึกษาของเรา หากยังไม่จบการศึกษาก็ให้ขอทรานสคริปต์เท่าที่มีผลการเรียนเราปรากฏครับ
    3.ผลการสอบโทเฟล ซึ่งขึ้นกับมหาวิทยาลัยด้วยนะครับ ปกติถ้าศึกษาต่อปริญญาโททางมหาวิทยาลัยจะต้องการประมาณ 550 คะแนนครับ สำหรับปริญญาตรีต้องการประมาณ 500 คะแนนครับ สำหรับหลักสูตรภาษาอังกฤษ
     หากเราสอบแล้วคะแนนยังไม่ผ่าน แต่ก็ตกไม่มากนักเช่น 520-549 เราสามารถเมลล์ไปพูดคุยแล้วต่อรองได้นะครับ เพราะสถาบันศึกษาสวีเดนไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องคะแนนโทเฟลมากนัก
    4.วีซ่ากรณีที่เราขอวีซ่าไว้แล้ว หากไม่มีเมื่อมาถึงประเทศสวีเดนทางมหาวิทยาลัยจะขอดูอีกทีนึงครับ  (เรื่องวีซ่าขอพูดหัวข้อถัดไปนะครับ)
    5.แบบฟอร์มการสมัครที่กรอกลายละเอียดเรียบร้อย(ส่วนมากต้องโหลดผ่านเว็บครับ)
    6.จดหมายแนะนำตัวเอง(เขียนโดยคร่าวๆว่าตัวเองคือใคร สนใจอะไร ทำไมถึงอยากเรียนที่นั่น เขียนในแนวเชิง+นะครับ)

    หมายเหตุ หากเราเตรียมเอกสารไม่ทันจริง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ให้เมลล์ไปถามเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องการรับสมัครครับ (จะมีชื่อปรากฏอยู่ที่ใบสมัครหรือไม่ก็หน้าเว็บที่เราโหลดเอกสารการสมัครครับ) แล้วอีเมลล์ไปบอกเค้าว่าเอกสารเราไม่พร้อม(บอกเหตุผลดีๆนะครับ)ขอส่งเอกสารตามมาทีหลัง(หลังเส้นตาย)ได้มั้ย ซึ่งปกติมักจะสามารถส่งช้าได้ประมาณ 2 วัน ถึง 2 สัปดาห์หลังเส้นตายครับ แล้วแต่เหตุผลของเราและมหาวิทยาลัยครับ (ป.ล. แต่เอกสารใบสมัครต้องส่งภายในเส้นตายนะครับ ช้าสุดไม่เกิน 2 วัน รีบมากก็  EMS ครับแพงหน่อยแต่อย่างก!)
    สุดท้ายและสำคัญมากคือ ประเทศสวีเดนมีทุนสำหรับนักศึกษาต่างประเทศด้วยนะครับ ซึ่งเวลาที่เราโหลดเอกสารการสมัครมา ในหน้านั้นหรือหน้าที่เกี่ยวข้องลองมองหาคำว่า Scholarships ด้วยนะครับโหลดมาแล้วกรอกไปด้วยเผื่อได้ทุนครับ(คะแนนโทเฟลต้องเกิน 550 นะครับ แล้วเอกสารห้ามตกหล่น)แต่โอกาสได้เหรอครับ ขอให้คุณโชคดี อิอิ

    4.เหตุการณ์หลังจากการส่งเอกสารการสมัครเรียนต่อไปแล้ว
    หลังจากการพิจารณาผลการตัดสินของมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยจะตอบกลับมาทางอีเมลล์เรานะครับ (การติดต่อกับมหาวิทยาลัยที่สวีเดน การติดต่อผ่านอีเมลล์เป็นอะไรที่ง่ายและสะดวกมากที่สุดครับ สะดวกกว่าการติดต่อทางโทรศัพท์เสียอีกครับ ดังนั้น จงไปสมัครและหัดใช้อีเมลล์ให้เป็นกิจวัตรเถอะครับ) ซึ่งหลังจากที่เราได้รับการติดต่อกลับจากมหาวิทยาลัยแล้วให้เราเมลล์ตอบกลับไปบอกเค้าด้วยว่าเราดีใจที่จะได้ไปเรียนที่นั่น หากไม่ได้รับการตอบรับเข้ารับศึกษาก็อย่ามัวแต่เสียใจ จงเมลล์ไปขอบคุณเค้าและถามไถ่เหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่ผ่านการคัดเลือก อย่ามัวไปร้องไห้ว่าทำไม หากได้ฟังคำชี้แจงแล้ว(ปกติเค้าจะชี้แจงมาครับ) หากเป็นความผิดเราก็ยอมรับแล้วก็ปรัปบรุงตัวเพื่อโอกาสครั้งหน้าครับ หกาเราเห็นว่าไม่สมเหตุผลก็แย้งเค้าไปได้ครับ(เขียนในเชิงความหมาย + นะครับ)
    หลังจากที่เราได้การตอบรับกลับมาว่าเค้ารับเราเข้าศึกษาต่อแล้ว ทีนี้จะมีอีเมลล์ทะยอยมาหาเรื่อยๆชี้แจงรายละเอียดให้กับเราครับ ส่วนนึงจะส่งมาทางอีเมลล์ และอีกส่วนหนึ่ง(ซึ่งเป็นเอกสารทั้งที่ส่งมาให้กรอกและส่งกลับและเอกสารอ่านเล่น)จะถูกส่งมาทางไปรษณีย์ครับ ดังนั้นตีซี้กะบุรุษไปรษณีย์ไว้นะครับ อย่าให้เอกสารเราตกหล่น พอผ่านช่วงนี้ไปอะไรก็เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วครับ (เริ่มรู้หนทางและชะตากรรมชีวิตของเราแล้วครับ)

    5.ค่าเล่าเรียน/ค่าเทอม/ค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยในประเทศสวีเดน
    เป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ มหาวิทยาลัยในประเทศสวีเดนไม่เสียค่าเทอม/ค่าเล่าเรียนครับ  แต่เราต้องจ่าค่า Union fee เทอมละประมาณ 300 โครน(ประมาณ 1500 บาทครับ) ดังนั้นหากใครคิดว่าค่าเทอมเป็นเหตุผลหลักที่คุณกำลังคิดหนักละก็ประเทศสวีเดนเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจใช่มั้ยครับ? ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตไว้ไผ่จะพูดให้ฟังทีหลังนะครับ

    6.การขอวีซ่าเพื่อการศึกษาต่อ
    หลังจากทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี เรายังเหลือเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งนั่นคือการขอวีซ่าครับ  การขอวีซ่าในการศึกษาต่อเป็นอะไรที่ไม่ยุ่งยากมากครับ เพราะเราจะต้องทำเรื่องที่สถานทูตสวีเดนประจำประเทศไทย โดยเราจะได้รับความช่วยเหลือ(อยู่เบื้องหลัง)จากมหาวิทยาลัยของเราเองครับ สถานที่ตั้งของสถานฑูตสวีเดน คือ อาคารแปซิฟิกเพลส อาคาร2(อยู่ด้านหลังอาคารแรก ชั้น 20 ครับ ขึ้นรถไฟฟ้าไปสะดวกมากครับ จำชื่อสถานีไม่ได้ครับ แต่ถัดจากสถานีสุขุมวิท ไปอีก 1 ป้ายครับ(ถ้านั่งจากสถานีสยามไปนะครับ)  พอขึ้นไปถึงชั้น 20 แล้วห้องที่เราต้องติดต่อจะอยู่ด้านหน้าเลยครับ ช่วงเวลาในการขอวีซ่าคือ 9.00-12.00 นะครับ ไม่ใช่ทั้งวัน  ระยะเวลาในการทำวีซ่าจะนานหน่อยนะครับ 2 เดือนถึง 3 เดือนครับ ดังนั้นจงเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
    เดี๋ยวนี้เข้าใจว่ามีการขอวีซ่าอีกประเภทหนึ่งคือการขอวีซ่าออนไลน์ครับ เจ้าหน้าที่ที่สถานฑูตชี้แจงมาว่าการขอวีซ่าออนไลน์จะง่ายสะดวกและรวดเร็วกว่าแบบขอผ่านสถานฑูตมากครับ โดยเราจะทราบผลภายใน 15 วัน(เร็วจริงๆแฮะ) ส่วนเว็บนั้นลืมไปแล้วครับ แฮ่ๆ ไว้จำได้จะมาแก้ไขทีหลังนะครับ หรือไม่ก็สอบถามจากเจ้าหน้าที่สถานฑูตได้ครับ
    หากเราได้ทุนการศึกษาเราต้องนำเอกสารรับรองว่าเราได้รับทุนการศึกษาไปยื่นแทนหนังสือรับรองจำนวนเงินในบัญชีเราได้ครับ
    การคำนวณจำนวนตัวเลขในบัญชีเราในกรณีต้องการขอวีซ่าเกินปี ให้นำ 6500*5.25*12 ครับ
    ตัวแรกคือเงินที่พอใช้จ่ายใน 1 เดือนครับ เป็นหน่วยเงินของประเทศสวีเดน
    5.25 คืออัตราแลกเปลี่ยนคร่าวๆครับ
    12 คือจำนวนเดือนครับ
    เอกสารในการขอวีซ่าที่เราต้องนำไปคือหนังสือเดินทาง+สำเนา 2 ชุด เอกสารการสมัคร(ไปหยิบที่นู่นได้ 2 ชุด) พร้อมตังค์ค่าขอวีซ่า 1 พันโครน (ราวๆ 5 พันกว่าบาทครับ) แล้วอะไรอีกหว่าลืมละ (ไม่แน่ใจครับ คือบัตรประชาชน+สำเนา2ชุด) เอกสารรับรองการรับเข้าศึกษาต่อที่สวีเดนครับ (ที่มหาวิทยาลัยส่งมานั่นแหละ)  
    เมื่อดำเนินการเสร็จละก็รอฟังผลอย่างเดียวครับ หากคุณมีปัญหาคุณสามารถพูดคุยขอคำปรึกษากะเจ้าหน้าที่ที่มหาวิทยาลัยของคุณได้ครับ

    วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจามาเล่าเรื่องให้ฟังต่อไปครับ
    หลับฝันดีครับ
    ไผ่

    ป.ล.หากมีคอมเมนต์หรือมีคำแนะนำเพิ่มเติมขอความกรุณาแนะนำเพิ่มเติมด้วยนะครับ

    แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 48 07:36:10

    แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 48 06:51:41


    [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง]
     
     

    จากคุณ : PhongBandhu - [ 14 ธ.ค. 48 06:45:18 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป