ความคิดเห็นที่ 1 IELTS 8 เกือบเต็มเลยนะเนี่ย ของอย่างนี้ต้องลองค่า คุ้น ๆ ว่า การให้คะแนนจะแบ่งเป็น 4 part - Grammar, Pronunciation, ประมาณว่า idea เนื้อหาที่เราพูด , อะไรอีกอย่างนึง จำไม่ได้อ่ะค่ะ แหะ ๆๆๆ แล้วแต่ละอันจะไม่มีจุด คือ 4,5,6,7,8 ไม่มี .5 อ่ะ เพราะฉะนั้น แต่ละส่วน ห้ามตกลงมา ไม่งั้นมันจะฉุดคะแนนรวมมาก ๆ อ่ะ เท่าที่เห็นคนรู้จักกัน ได้มากสุด 7 น่ะ แต่ว่าต้องลองค่ะ เวลาสอบ มันก้ออาศัยโชคเหมือนกันน่ะ สู้ ๆ ค่ะ เอาใจช่วยค่า ^_^ จากคุณ : หัวใจสีดำ รองเท้าสีชมพู - [ 16 ธ.ค. 48 19:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เราได้ speaking = 8.0 น่ะค่ะ ... (ฟลุ้ค มั้ง แหะๆๆ) ตอนนั้นสอบตอนมาอยู่ต่างประเทศได้เกือบปี ถ้าถามว่าต้องพูดได้ขนาดไหน ..ก็ไม่ต้องเท่าฝรั่งหรอกค่ะ แต่ประมาณว่าสื่อสารกันรู้เรื่อง ไม่ติดขัด แกรมม่าถูกต้อง (แต่อาจจะไม่ต้อง 100%) สำเนียงนี่ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไหร่ ..ภาษาที่ใช้ไม่ต้องหรูมาก และที่สำคัญคือไอเดียค่ะ ไอเดียต้องดี และน่าสนใจ และมีอารมณ์ขันค่ะ เช่น Q: What is your favourite dish? A: My favourite dish is Tom Yum Koong. (เงียบ) ..Because it tastes very nice and it is ..a famous Thai dish ... (อย่างนี้แม้จะพูดคล่องขนาดไหนก็ตาม สำเนียงดีขนาดไหนก็ตาม ไม่มีทางได้เกิน 7) #2 Q: What is your favourite dish? A: 'Tom Yum Koong' is a very famous traditional Thai dish - so famous that they name a film after it! (กรรมการงง) You don't know it? (แล้วก็เริ่มแสดงท่าทาง martial art อ๊ากกก) Well, back to the point, yes, it's my favourite. In fact, I used to draw a list of my most favourite dish of all time (..กรรมการ "huh??" ) and this one just came on the top! It is a combination of hot and sour tastes of the soup and fresh large king prawns which you can easily find in Thailand. Thai people usually eat it with rice. Unfortunately, for some reasons, Thai restaurants in England usually serve it as a soup, because English people are not familiar with eating soup with rice ... But what I don't understand is ..the soup itself is hot and no body would be able to stand eating it alone, without rice!  Anyway, talking about food, you made me hungry..! (กรรมการกำลังงงและอึ้ง) ข้อที่จริงจัง เช่นเกี่ยวกับไอเดียหรือ politics อะไรแบบนี้ ก็ให้ตอบจริงจัง ส่วนข้อธรรมดา แบบนี้ก็ต้องเน้นอารมณ์ขันเข้าว่า  ..ตอนเราสอบมีร้องเพลงให้กรรมการฟังด้วยแหละ อิอิ....แบบเค้าถามเรื่อง music แล้วถามว่าชอบฟังแนวไหน เราก็บอกๆ ไป เค้าก็ทำหน้างง เราก็ร้องให้ฟัง เค้าก็ "อ๋อ...." (คุยกันมันส์มาก) ^^'' โชคดีนะคะ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 48 20:45:33 จากคุณ : shory - [ 16 ธ.ค. 48 20:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอ... tse ไม่มีสอบในไทยแล้วหรอคะ จากคุณ : r k i - [ 16 ธ.ค. 48 22:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนไปเมืองนอก สอบ TOEFLสมัยโน้น ได้ 513 คะแนน ไปอยู่ ต่างประเทศประมาณ 2 ปีกว่า + ทำงานกับฝรั่งโดยตรงที่เมืองไทยประมาณ 4-5 ปี แล้วไปสอบ IELTS ครั้งแรก ได้คะแนนในส่วน speaking 8 ในขณะที่ writing ได้แค่ 6 เพิ่งไปสอบมาอีกรอบต้นปีนี้ ได้คะแนนเหมือนเดิม หัวข้อสนทนาก็เป็นเรื่องทั่วๆไป เพียงแต่ว่าคุณจะรู้ในเรื่องนั้นๆมากน้อยอย่างไร สอบครั้งแรกเขาให้สมมติว่าเป็นนักท่องเที่ยวแล้วเขาเป็นคนในท้องที่ ซึ่งเรื่องนี้สบายเรา เราก็พยายามถามตอบไปเรื่อยๆ อย่าให้การสนทนาเงียบ อย่าถามคำตอบคำ สอบครั้งที่สองเมื่อตอนต้นปี ก็ให้แนะนำตัวก่อน แล้วก็เข้าเรื่อง เราได้หัวข้อเกี่ยวกับของเล่น ซึ่งก็ไม่ค่อยถนัดอะไรนักหนา (แต่ก็ดีกว่าหัวข้อเสื้อผ้า ซึ่งเพื่อนที่ไปสอบด้วยกันได้อันนี้ เพราะเราไม่ค่อยรู้ศัพท์เกี่ยวกับเสื้อผ้าสักเท่าไร)ให้พูดอย่างเดียวก่อนประมาณ 1-2 นาที จำไม่ได้ ซึ่งก็พยายามโม้ไปและคิดว่าอาจไม่ถึงตามเวลาที่เขากำหนด แล้วก็สนทนาโต้ตอบกับเขาไปเรื่อยๆ มีการถามย้อนกลับบ้าง  grammar ก็ใช่ว่าจะถูกเป๊ะๆ เพราะบางประโยคพูดออกไปแล้วก็รู้ว่าผิด แต่มันพูดไปแล้วทำไงได้ ซึ่งมันก็ต้องมีในส่วนที่พูดอื่นๆอีก แต่ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด แต่เราก็พยายามให้การพูดมันต่อเนื่อง ไม่ติดขัดนะคะ ถ้าเราได้หัวข้อการเมือง เราคงกลับบ้านตั้งแต่แนะนำตัวเสร็จนะคะ โชคดีคะ จากคุณ : whoispriority - [ 16 ธ.ค. 48 23:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เคยได้IELTS 8 เหมือนกันครับ แต่สอบที่เมืองไทย หกเจ็ดปีมาแล้ว  จำได้ว่า พูดคล่อง แต่ไม่ได้พูดเร็วเกินไป และเนื้อหาก็จะยาวหน่อย ไม่ใช่ถามสี่คำตอบสี่หรือสาม  สอดคล้องกับที่คุณ shory กล่าวมา การออกเสียงคำ การเน้นพยางค์ การขึ้นเสียงสูงต่ำ ควรเน้นให้ชัดและถูกต้อง แทนที่จะเน้นพูดเร็ว  บางทีคนไทยเราชอบคิดว่า การที่รัว ๆ นั้น เป็นการแสดงความคล่อง แต่หากรัวโดยที่ฟังยาก แถมผิดด้วย มันจะเป็นผลด้านลบมากกว่า เคยสอบอีกครั้งตอนจะสมัคร AI ที่สหรัฐเมื่อสี่ปีที่แล้ว ผมสังเกตุว่าตัวเอง คล่องขึ้นกว่าเดิม ไม่มีเอ้อ อ้า และมั่นใจกว่าเดิมมาก และคะแนนก็ได้แร้งค์สูงสุด  ผมไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรวัด  แต่ดูตามวัตถุประสงค์แล้ว น่าจะดูที่ หนึ่ง ความคล่อง หมายถึง ไม่ตะกุกตะกัก  ไม่มีเอ้อ อ้ามากเกิน สอง ความชัดเจน ฟังรู้เรื่อง (pronunciation, stress, intonation) เพราะ AI จากบางประเทศค่อนข้างฟังยาก นักเรียนอเมริกันบ่นกันเยอะ สาม เนื้อหาที่ตอบ ผมว่า คนที่จะได้คะแนนดี ควรมีการตอบคำถามที่ตรงประเด็น มีคำตอบชัดเจน มีที่มาที่ไป เหมือนกับการเขียนนั่นแหละครับ แต่เป็นภาษาพูดมากกว่า ไม่รู้ว่าจะแนะนำอะไรได้มากนะครับ เพราะบางทีตรงนี้มันอยู่กับชั่วโมงบิน  หากได้พูดอยู่เรื่อย ๆ มันก็ไม่ยาก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลีกับภาษาอังกฤษมาก ผมว่ามีสองสามอย่างที่อาจจะช่วยได้ หนึ่ง อย่าเกร็ง อย่าตั้งใจเกินไป ยิ้มไว้ เวลาติดขัด เพราะบางทีบุคลิกภาพ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ไปเติมความประทับใจให้กับผู้ตัดสิน  ใครยิ้มสวยได้เปรียบนา แต่อย่าลืมยิ้มก็แล้วกัน สอง ไม่ต้องเร่ง ใช้เวลาประมาณสองสามวินาทีแรก คิดพล็อตเรื่องที่จะตอบ โดยใช้วิธียิ้ม หรือพูดคั่น เช่น That's a very interesting question. หรืออะไรก็ได้ที่ช่วยได้ จากนั้น ค่อย ๆ เรียบเรียบความคิดให้ชัด พูดให้ชัดถ้อย ชัดความ สาม ควรเข้าใจเรื่อง การออกเสียงให้ชัด sh/ch, l/r, s/z ฯลฯ  ในระดับคำ ก็ควรจะรู้ว่าเขาเน้นเสียงหนักตรงไหน  ในระดับวลีหรือประโยค  ก็ควรรู้ด้วยว่าคำไหนออกเสียงหนัก คำไหนผ่อนเสียง (เราไม่พูดด้วยความหนักเบาเท่ากันทุกคำในประโยค - จำหลักคร่าว ๆ ว่า คำที่มีความหมายสำคัญของประโยค เช่น noun, verb, adjective and adverb มักจะต้องออกเสียงชัดกว่าคำประกอบพวก verb to be, article, preposition) สี่ ให้คิดว่าผู้ตัดสิน ไม่ได้จงใจจับผิดทุกคำพูด แต่เขาพยายามดูว่า การสื่อสารประสพผลดีขนาดไหน ดังนั้น ให้ใช้ทุกอย่างเข้าช่วย เช่น บุคลิกภาพ การใช้มือ และกริยาท่าทางทางกาย การสบสายตา การยิ้ม จากคุณ : piangdin - [ 16 ธ.ค. 48 23:54:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับเรื่องออกสำเนียง ผมคิดว่าผมค่อนข้างดีครับ เพราะเคยมีคนอเมริกัน train ให้อย่างหนักหน่วงช่วงไป AFS ครับ แต่ปัญหาหลักของผมคือเรื่องการคิดแบบ realtime นี่ละครับ บางทีชอบคิดไม่ออก เพราะอยู่เมืองไทยนาน ได้ใช้แค่ตอนทำงานคุยกับหัวหน้าวันละนิดหน่อยครับ อยากทราบว่ามันจำเป็นที่จะต้องใช้ศัพท์หรูหรา แกรมม่าถูกมาก รูปแบบประโยคหลากหลายขนาดไหนเหรอครับ และขอถามผู้รู้หน่อยครับ ว่าถ้าสมัครพวก TA นี่เกิดคะแนน toefl ดี (ได้270) แต่ ielts ห่วยทุก part ยกเว้น speaking นี่จะมีปัญหาในการสมัครไหมครับ เพราะขี้เกียจอ่าน part อื่นแล้วอะครับ จากคุณ : kris - [ 17 ธ.ค. 48 00:31:08 A:210.86.146.31 X: TicketID:101004 ]

ความคิดเห็นที่ 7 3-4 ปีก่อนไปสอบมา เพราะกะจะไปเรียนออส   ตอนไปสอบ เรียนจบมา 3-4 ปี ทำงานใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน  ได้ speaking มา 8.0 ค่ะ แต่ส่วนอื่น 6 มั่ง 5 มั่ง ห่วยสุดก้อ reading ค่ะ ห่างหายการอ่านหนังสือสอบ(แบบรีบๆ) มานาน แย่เลยค่ะ ถ้าจะให้คล่องขนาดไหนจะได้ ก็ตาม คคห 2 กะ 5 ค่ะ  แต่ของเราพูดตะกุกตะกักนะ เพราะตื่นเต้นน่ะ  พอเค้าถามมาก็แบบคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบ โชคดีค่ะ จากคุณ : ทูกี้ - [ 17 ธ.ค. 48 01:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ARE YOU PREPARING IELTS SPEAKING? I have a very good books imported from CHINA to help you prepare. please email to look42morrow@yahoo.com for further information. จากคุณ : SFCA - [ 17 ธ.ค. 48 05:57:42 A:202.5.82.164 X: TicketID:113255 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ชอบความเห็นที่ 2 กะ 5 จัง เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆเลยค่ะ ตอนสอบเราอ่อนมากเรื่อง idea กะเนื้อหาที่ตอบเนี่ยแหละ เลยได้น้อยเลย - - ตอนสอบ speaking จำได้ว่าเค้าให้เราพูดเกี่ยวกะหนังเรื่องที่เราชอบที่สุด เรานิ่งไปแป๊บนึง ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะเราไม่ชอบดูหนัง หรือดูทีวี - - เราว่าเราเสียคะแนนเรื่อง เนื้อหาที่ตอบนี่เต็มๆ อารมณ์ขันเราก็ไม่มี T___T คุณ จขกท คะ ถ้าเกิดทำงานต้องใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แถมยังเคยไป AFS เคยมีคน train ภาษาให้อีก อย่างนี้ไปสอบ IELTS ได้สบายเลยค่ะ ไม่ต้องอ่านเลย รับรองสบายทุก part ค่ะ พูดจริงๆนะคะ ตอนเราสอบ เราก็ไม่ได้เตรียมตัว เราสมัครสอบก่อนวันสอบแค่อาทิตย์ครึ่ง ปกติเค้าไม่ให้สมัครแล้วมั้ง แต่เราไปขอเค้าอ่ะ เพราะว่าต้องใช้ผล IELTS ด่วน โชคดีมันมีที่ว่างอยู่เลยสมัครได้ เราทำงานใช้ภาษาอังกฤษในการฟัง อ่านแล้วก็เขียนค่ะ แต่ไม่ค่อยได้พูด แล้วเราก็ไม่เคยติวภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ไม่เคยอยู่ต่างประเทศ ไม่เคยไป AFS ไม่เคยซื้อหนังสือ IELTS มาอ่าน มีสอบ part อะไรบ้างยังไม่รู้เลย เพิ่งรู้จากเอกสารที่ได้ตอนสมัครว่ามีสอบ listening, reading, writing กับ speaking ^^' คะแนนออกมาก็โอเคน่ะค่ะ ถึงจะไม่ดีมาก เสียตรง speaking นี่ล่ะค่ะ ได้คะแนนแย่สุดแค่ 7 แต่ว่าอีก 3 parts นี่ไม่ 8 ก็ 9 น่ะค่ะ เราถึงบอกว่า ถ้าใช้ภาษาอังกฤษในการทำงานเป็นประจำอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ รับรองผ่านโลด ^^ ขอให้คุณ จขกท โชคดีในการสอบนะคะ ^^ จากคุณ : ammie the lazy teddy - [ 17 ธ.ค. 48 19:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ได้ 8 มาเมื่อหลายปีที่แล้วตกใจเหมือนกัน ไม่เคยเรียนเมืองนอกและไม่ได้ทำงานบริษัทฝรั่งด้วย สำเนียงไทยมากไม่ใส่ลีลาอินเตอร์อะไรมากมาย แต่พูดจาถูกต้องชัดเจน บรรยากาศการสนทนากับอาจารย์ค่อนข้างลื่นไหล ปกติชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปและเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่แล้วเลยได้เปรียบ ช่วงแรกถามตอบธรรมดาเราก็ใส่อะไรที่มาจากสมองตัวเองลงไป เฃ่น หยิยยกตัวอย่างหรืออธิบายเหตุผลเพิ่มเติม พอถึงช่วงถกประเด็นนี่เอาเลยใส่ฉอดๆๆ แต่ไม่ก้าวร้าวหรือดึงดันเข้าข้างตัวเอง ยิ้มเข้าไว้แล้วพยายามแสดงจุดยืนของเราพร้อมหาอะไรมาสนับสนุนให้ได้ คิดว่าคงโดนใจอาจารย์ฝรั่งท่านนั้นตรงจุดนี้ ตอนแรกนึกว่าเขาจะตัดคะแนนกลับบ้านนอนถอนใจอยู่หลายคืน เท่าที่จำได้เจอประเด็นค่อนข้างหนัก เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอะไรทำนองนี้ จากคุณ : ขอให้โชคดี - [ 17 ธ.ค. 48 21:08:26 A:210.86.217.19 X: TicketID:001064 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็ได้ Speaking 8 ครับ คือก็พยามยามตอบให้ได้มากที่สุดครับ ยกตัวอย่างสาระพัด จน examinor เค้าบอกว่า OK, enough ครับ อิอิ ถามมาตอบไป แต่อยู่ในประเด็น และยกตัวอย่างเยอะๆครับ จากคุณ : สิงห์นครพิงค์ - [ 17 ธ.ค. 48 22:00:08 A:87.74.37.94 X: TicketID:033653 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าคอย Toefl IBT ได้ คิดว่าจะใช้แทน TSE ได้ครับ เมืองไทยจะมีเดือน เม.ย. ไม่รู้ว่า จขกท. จะทันไหม จากคุณ : NorthHill - [ 18 ธ.ค. 48 12:45:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกคนมากครับ คุณ NorthHill ครับ เมษาคงไม่ทันอะครับผม แถม IBT ได้ข่าวว่ายากด้วย กลัวไม่รอดอะครับ จากคุณ : kris - [ 20 ธ.ค. 48 07:42:49 A:210.86.146.156 X: TicketID:101004 ]