CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ***** ได้วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา สมใจอยากแล้ว มีคำแนะนำให้ครับ *****

    ก่อนที่จะเล่าว่า ได้ยังไง ต้องเล่าเรื่องตัวเองนิดนึงว่า เคยไปอเมริกาเรียนต่อ ได้วีซ่านักเรียนมา 5 ปี เพิ่งหมดปีนี้ แล้วทีนี้อยากจะพาแม่ยายไป เพราะแม่ยายเดินทางไม่เป็นและอ่านภาษาอังกฤษค่อนข้างลำบาก  ตอนเริ่มจะขอก็กังวลเหมือนกันว่าจะได้หรือเปล่า แถมอีกอย่างก็คือว่า พาสปอร์ตหมดอายุก่อนที่จะกลับเมืองไทยได้ 2 เดือน ดีที่ว่า สายการบินใจอ่อนยอมให้ขึ้น แต่ต้องเซ็นเอกสารว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด (แต่พอมาถึงเมืองไทย กลับผ่านฉลุย ก็บ้านเรานี่น่า) แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้มันแค่เป็นเพียงสแตมป์บนพาสปอร์ตเกี่ยวกับวันที่เท่านั้น คือสแตมป์ว่า กลับมาวันที่เท่าไหร่ อะไรอย่างเนี้ย มันก็เลยยิ่งนำความลำบากใจขึ้นไปอีก

    พอเรากลับมาก็ได้ไปต่ออายุพาสปอร์ต และกลับมาเมื่อเมษาปี 04 หลังจากนั้นทำงานที่ที่ทำอยู่เนี้ย ปีกว่า ๆ ก็รู้มาจากแฟนว่า แม่เค้าจะไปหา จะให้เราพาไปด้วย เพราะเราบอกว่า เราเองก็อยากไป จะเดินทางเดือนกุมภาฯ

    ก็เลยตั้งกระทู้ขึ้นมาว่า ต้องทำยังไง เพราะจริง ๆ เคยทำวีซ่าเมื่อตอนก่อน กับตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว พอดีได้คุณ Susie เข้ามาตอบและให้คำแนะนำได้อย่างดี  อยากจะบอกว่า ถ้าไม่มีคุณ Susie มาตอบ เราก็ไม่รู้ทำยังไงเหมือนกัน ก็หาทางเน็ตได้เหมือนกันแต่มันไม่รู้ถูกป่าว

    ตอนนั้นเดือนพฤษศจิกายนเข้าไปล่ะ ที่รู้ว่าต้องไปเดือนกุมภาฯ ยังไม่มีเอกสารรับรองการทำงานเลย ไปขอที่บริษัท รอเกือบ ๆ 2 อาทิตย์ เพราะเราไม่ได้ตามเอกสารเลย เค้าก็เลยลืม ๆ ไป กว่าเอกสารจะเรียบร้อยก็โน้น เมื่อสองอาทิตย์ก่อน กลาง ๆ เดือนธันวาไปแล้ว  เกิดจิตตกอีก เพราะเห็นคุณ Susie บอกว่า มันต้องขอล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 2 เดือน แต่เราไม่ถึง แต่ก็เสี่ยงนะ

    พอเอกสารเราพร้อม เอกสาร DS156 กรอกให้ครบทุกช่อง, 157 กรอกให้ครบทุกช่อง, รูปถ่ายพื้นขาวขนาด 2 X 2 นิ้ว รูปเดียว, แล้วก็เอกสารรับรองการทำงาน แล้วก็ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่าอีก 4000 พัน (ที่ต้องไปจ่ายที่ไปรษณีย์นะครับ ไม่ใช่เงินสด) ก็ลางานไปเลย เพราะเรารู้มาว่า ไปตอนเช้าดีที่สุด  เอกสารพวกทะเบียนบ้าน ใบเกิด ไม่ต้องใช้ครับ ถ้าเรามายื่นแค่ขอวีซ่าชั่วคราว แล้วผมก็มีเอกสารที่บอกไปข้างต้นจริง ๆ นะ คือไม่ได้ถือไปเยอะแยะอะไรเลย เบามากที่สุด  พอใกล้ ๆ แล้วยังเสียว ๆ อยู่เลยว่า จะเด้งกลับมาหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีอะไร

    ถ้ายื่นแบบชั่วคราว คือไปเที่ยวหรือไปเรียน ตอนนี้คุณต้องซื้อซองเพื่อทางสถานฑูตจะได้ส่งพาสปอร์ตทางไปรษณีย์เลย ไม่ต้องมาเอาอีกรอบนึง ราคา 50 บาทที่สถานฑูต หรือคุณจะซื้อเองก็ได้นะ ที่ไปรษณีย์แถวบ้านซองสีเหลืองใหญ่ ๆ หน่อยเพราะเค้าต้องใส่เอกสารของคุณคืนกลับมาด้วย  ทางที่ดีซื้อที่สถานฑูตก็ได้ครับ ต่อแถวหน่อย

    วันที่ยื่นเอกสาร ไปตอนเกือบ ๆ 6 โมงแล้ว (เวลาช่วงนี้จะดีที่สุดครับ เพราะแถวไม่ยาวมาก และรอไม่นานมากเท่ามาสาย ๆ แถมถ้าคนข้างหน้าเราเร็ว ทางเราก็จะเสร็จเร็ว) แถวต่อประมาณร้อยกว่าคน มีสองแถว ก็ยืนต่อแถวไปเลย รอประมาณ 6.30 เค้าจะเริ่มปล่อยให้เตรียมตัวเข้าไปข้างใน อีก 5- 10 นาที ยามก็จะให้ทยอยเข้าไปแถวละ 4 คน ก็ให้ฝากอุปกรณ์สื่อสารไว้กับบัตรประชาชน พอฝากเสร็จก็ตรวจสแกนอีกที แล้วก็เข้าไปข้างในได้เลยครับ

    พอเข้าไปข้างในแล้ว ถ้าคุณต้องซื้อซองให้เข้าแถวทางซ้ายเพื่อซื้อซองไปรษณีย์ ราคา 50 บาท (ระหว่างที่คุณต่อแถวอยู่ ยามจะเดินมาให้คุณกรอกชื่อ ที่อยู่ ในใบสีขาว ๆ ประมาณครึ่งกระดาษ A4) คุณก็กรอกไปให้หมด ถ้าคุณซื้อแล้วเมื่อตอนยื่นเอกสาร วันนี้จะมาสัมภาษณ์ก็ไม่ต้องกรอกตรงนี้ ข้ามไปได้เลย  

    ***** พอได้ซองมาแล้ว เขียนชื่อภาษาอังกฤษ แต่ที่อยู่เป็นภาษาไทยบนซองได้เลยครับ *****

    เสร็จแล้วให้ยื่นเอกสารในหน้าต่างทางขวา หมายเลข 1 หรือ 2 ทางหน้าต่างนี้ อาจจะเปิดช้าหน่อย 7 โมงกว่า ๆ ถึง 7 โมงครึ่ง  ให้เรียงเอกสารดังนี้ พาสปอร์ต, DS156, 157, ใบเสร็จค่าธรรมเนียม และเอกสารรับรองการทำงานหรือ I-20, etc.  แต่รู้มั้ยว่า ผมยื่นแค่พาสปอร์ต, DS156, 157, แล้วก็ใบเสร็จ แค่นี้เอง เค้าก็บอกว่า ให้นำเอกสารการงาน และการเงิน มาในวันสัมภาษณ์ด้วย แถมผมไม่ได้ให้พาสปอร์ตเค้าอีก แค่ให้ตัวถ่ายเอกสารพาสปอร์ตให้เค้าด้วย (หน้าแรก หน้าต่ออายุ แล้วก็หน้าวีซ่านักเรียนเก่า)
    ยื่นเมื่อวันที่ 14 ธันวา เรียกสัมภาษณ์ 20 ธันวา (นึกในใจ ทำไมมันเร็วอย่างนี้ฟ่ะ) ตอนยื่นเอกสารนั้น ถ้าเราไม่สะดวกวันสัมภาษณ์ที่เค้ากำหนดให้ ก็บอกเค้าได้ครับว่า ไม่สะดวก เค้าก็จะให้คุณเลือกวันอีกที  

    อยากบอกว่า ช่วงนี้เรียกสัมภาษณ์เร็วครับ ประมาณอาทิตย์กว่า ๆ เองก็เรียกแล้ว  แต่อยากจะบอกไว้อย่างนึงว่า ถ้าคุณจะเดินทางค่อนข้างกะทันหัน คุณต้องมีเหตุผลดี ๆ ไปบอกเค้านะครับ เพราะเค้าจะถามทุกคนว่า จะเดินทางเมื่อไหร่  บางคนผมเห็น เค้าบ่น ๆ ประมาณว่า เดินทางต้น ๆ เดือนมกรา แล้วทำไมเพิ่งมาขอเอาตอนนี้ ฯลฯ  พอเค้าตรวจเอกสารเสร็จแล้ว เค้าก็จะให้ใบนัดสัมภาษณ์ คุณก็สามารถกลับบ้านได้เลย  

    ตรงนี้ผมเริ่มต่อคิวที่หน้าต่าง 1 มีคนข้างหน้าผมประมาณ 15 คน ผมรอประมาณชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึงคิวผมอ่ะ เพราะผมเห็นหลายคนเอกสารไม่เรียบร้อย กว่าจะหยิบจับสักอย่างนึง ทั้งค้นทั้งคุ้ยหา กันวุ่นวาย (เพราะฉะนั้นตรงนี้สำคัญมากนะครับ เตรียมเอกสารไปให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีที่สุด) บางคนยังไม่ได้กรอกเอกสารบางชุด ก็ต้องมากรอกกันใหม่อีก

    วันสัมภาษณ์ ผมก็มาตั้งแต่ 6 โมงเหมือนเคย แถวก็ประมาณเดิม ๆ กำลังดี แต่วันนี้เร็วกว่าเดิมมาก รอจนเข้าไปข้างในก็ตรงเข้าไปประตูข้าง ๆ หน้าต่าง 1 กับ 2 ได้เลย ไปเข้าแถวที่ช่อง 13 เพื่อรับบัตรคิว เค้าจะให้คุณพูดชื่อ (เพื่อเอาเอกสารของคุณออกมาน่ะ) พร้อมทั้งบอกว่า อยากสัมภาษณ์ภาษาไทยหรืออังกฤษ เพราะเค้าจะให้บัตรคิวไม่เหมือนกัน รอคิวที่ 13 ก็นานเหมือนกันเพราะกว่าช่องจะเปิดก็ 7 โมงเกือบครึ่ง พอคนที่ได้คิวแล้วต้องไปต่อช่องที่ 12 เพื่อสแกนนิ้วมืออีก ซึ่งตอนนั้นช่องก็ยังไม่เปิด รอไปอีก คนก็เริ่มเยอะ ๆ ๆ ขึ้น พอเปิดปุ๊บ ช่องที่เค้าเรียกสัมภาษณ์ก็เปิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้น เหมือนกับว่า พอเค้าสแกนนิ้วคุณเสร็จ คุณก็สัมภาษณ์ได้เลย (ตอนนั้นคนที่ต่อแถวเพื่อรอบัตรคิวที่ช่อง 13 นั้นเยอะมาก ๆ ๆ ๆ แถววนแล้ววนอีก)

    พอรู้อย่างนี้ เริ่มตื่นเต้น ผมเลือกแบบภาษาอังกฤษ จริง ๆ แล้วตอนนั้นจะเลือกไทยหรืออังกฤษ ก็มีค่าเท่ากันเพราะคนสัมภาษณ์เป็นฝรั่งทั้งคู่ เพียงแต่เค้าพูดไทยได้เท่านั้นเอง (อาจจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่)  

    คำถามยอดฮิต
    -What is your purpose to traveling to United Stated?
    คุณมีวัตถุประสงค์อะไรที่จะไปอเมริกา

    ตอบ ไปเที่ยวครับ (for traveling, to go Disneyland) จากนั้นการต อ แ ห ล ก็เริ่มขึ้น เพราะจริง ๆ แล้วเราไม่ได้จะไป Disneyland เท่าไหร่ แค่จะไปหาแฟน แล้วพาแม่แฟนไปด้วยแค่นั้นแหล่ะ  

    แล้วเค้าก็ถาม ๆ เรื่องวีซ่านักเรียน ไปเรียนที่ไหน นานแค่ไหน จบที่ไหนมา  จบ....  

    กงศุล - OK.. I'll give you a visa..  I'll send passport back to you by thai post. etc........

    ผม - อึ้ง....  Thank you very much...  

    พร้อมเดินออกมาเลย ดันลืมถามไปว่า ได้นานแค่ไหน ใช้เวลาเดินออกมา 8 โมงพอดี  (ยังนึกในใจ ทำไมมันเร็วจัง)

    ***** สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดคือ การไปบอกว่า คุณมีเพื่อน มีแฟน มีลูก มีญาติโยม ที่โน้นเด็ดขาด ไม่ว่าเค้าจะเป็นอเมริกันซิติเซ้น หรือเค้าพร้อมที่จะเป็น sponser ให้คุณ เพราะทางสถานฑูตคง reject คุณได้ง่ายดายที่สุด และจะมาพร้อม ๆ กับคำถามมากมาย เช่น เพื่อน/แฟน/ญาติที่โน้นทำอะไร เกี่ยวข้องยังไง ทำไม และทำไม.... และจะเป็นคำถามไม่รู้จักหมด ทางที่ดีคือ ไม่ควรบอกว่า คุณมีเพื่อน มีแฟน อยู่ที่โน้นโดยเด็ดขาด *****

    ช่วงระหว่างรอนั้น ผมก็เห็นเค้า reject ผู้ยื่น อายุคราวพ่อแม่ เพราะดันไปบอกเค้าว่า ไปเยี่ยมลูกสาวที่เป็นอเมริกันซิติเซ็นที่นั่น และอื่น ๆ ...  ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน แต่รู้สึกว่า เค้าคืนพาสปอร์ตให้ผู้ยื่น บอกอะไรไม่ทราบ แล้วผู้ยืนก็เดินออกไป  

    ในเอกสารของคุณก็ต้องใส่คำว่า none ให้หมด ในช่อง friend, relative, address, tel.  ที่เหลือก็อยู่กับความมั่นใจของคุณเองแล้วครับ  

    ขอให้โชคดีครับ

    จากคุณ : JOSEPH JOE - [ 22 ธ.ค. 48 17:26:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป