ความคิดเห็นที่ 1 . จากคุณ : นู๋เองง่ะ - [ 7 ก.พ. 49 15:37:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 fcuk แม้ว เหรอครับ จากคุณ : natthaset - [ 7 ก.พ. 49 15:41:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อิอิ มาผิดห้องป่าวคะ 55555 จากคุณ : แก๊ซซ่า - [ 7 ก.พ. 49 16:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเฝ้ามองดูการก่อกระแสไม่เอาทักษิณ มาอย่างสนใจ เพราะนี่เป็นเหตุการ ที่ท้าทายระบบการเมืองการปกครองของไทยที่สำคัญ อันหนึ่ง แต่ผมเป็นห่วงอย่างยิ่งที่ความขัดแย้งนั้นเริ่มลุกลามเข้ามาในสถาบันการศึกษาที่เรารักยิ่ง ผมเคารพในการตัดสินใจของทุกคนเพราะนั่นเป็นสิทธิโดยชอบที่มาโดยกำเนิดของความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สิทธิที่มาจากรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด (เพราะรัฐธรรมนูญคือสิ่งสมมุติจับต้องไม่ได้แต่รับรู้ได้ถ้าเคารพในมัน) แต่ก็เคารพในหลักการที่มาจากสิ่งที่เราเรียกว่า ประชาธิปไตย คือถือเอาเสียงส่วนใหญ่เป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจปกครองบ้านเมืองผ่านระบบตัวแทน การที่คณาจารย์ของ จุฬาฯ มาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนั้น เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของท่าน ผมเข้าใจท่านอธิการบดี และเข้าใจท่านคณบดี เช่นกัน เพราะสิ่งที่แต่ละคนพูดแสดงความเห็นออกมา อดไม่ได้ที่จะถูกนำไปอ้างว่านี่เป็นสิ่งที่ออกมาจาก จุฬาฯ ดังนั้นกรณีนี้ผมอยากเห็นท่านอาจารย์ทั้งหมดมานั่งคุยกัน นั่งถกกันอย่างที่เคยทำกันมาเสมอ ๆ เถิดครับ เอาให้ได้ข้อสรุปที่เห็นรอบคอบแล้วทุกๆด้าน ให้คณาจารย์ทั้งหลายได้มานั่งแสดงความเห็นในจุดยืนของแต่ละท่าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน การเงิน,การลงทุน,การบัญชีภาษีอากร,รัฐศาสตร์,นิติศาสตร์ แล้วเอาให้ออกมาเด็ดขาด ปราศจากความรู้สึกส่วนตัวทางการเมือง ให้ยุติการโต้แย้งให้ข่าวผ่านสื่อ  ให้ออกมาในนามจุฬาฯอย่างสง่างาม เพราะผมเห็นว่า คณาจารย์ของจุฬา ปรัชญาต่างจาก อีกสถาบันหนึ่ง ที่รากฐานเข้มข้นมาจากการเมือง เพราะผมไม่อยากเห็นการขัดแย้งนี้ทำให้เกิดรอยปริแยก ทำลายความสามัคคี สำหรับสถาบันอันเป็นที่รัก อย่างเช่นที่กำลังเกิดนี้เลย ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : tonyhui (tonyhui) - [ 7 ก.พ. 49 16:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 โทนี่ฮุยนี่ญาติกะ โทนี่ทุยไหมเนี่ย? กินใจ เกียรติภูมิจุฬา คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน หวังว่าประชาชนคงจะยังมีที่พึ่งน่ะค่ะ เชื่อเราเถอะ คนเก่งหาเมื่อไหร่ก็หาได้ แต่คนดีนี่มันหายากจริงๆ จากคุณ : cyberbow - [ 7 ก.พ. 49 16:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เจ้าเป็นสิงห์จงหยิ่งผยองในสิงห์ศักดิ์ เจ้าเป็นนักรัฐศาสตร์จงอาจหาญ กอบกรรมดีให้จีรังยั่งยืนนาน มุ่งสมานใจรักสามัคคี รู้จักใช้วิชาทำประโยชน์ พิจารณาคุณโทษให้ถ้วนถี่ จงทำตนให้คนเห็นเป็นผู้ดี ถ้าเจ้ามีใจจริงเป็นสิงห์ดำ ----------------------------------------------------------- ขอเป็นกำลังใจให้คณาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯนะครับ ผมเชื่อว่าการออกมาเคลื่อนไหวของคณาจารย์ในคณะนั้น"ปราศจากความคิดเห็นส่วนตัวทางการเมือง"แน่นอนอยู่แล้ว แต่เพราะท่านมองเห็นอะไรบางอย่างที่คิดว่า"ไม่ถูกต้อง"จึงได้ออกมาเคลื่อนไหวแบบนั้น การแสดงความคิดเห็นของอาจารย์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดเพราะเป็นหน้าที่ของอาจารย์มหาวิทยาลัยที่จะต้องบริการสังคมอยู่แล้ว ถ้านักข่าวจะเอาไปตีความว่านั่นเป็นจุดยืนของจุฬาฯนั้นก็เป็นความผิดของนักข่าวเอง ผู้บริโภคข่าวก็ควรวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่ว่าใครเป็นคนพูด ออกมาจากจุฬาฯทั้งหมดหรือไม่ ไม่ใช่หูหนวกตาบอดกันไปเรื่อย จากคุณ : pea_chan - [ 7 ก.พ. 49 17:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีลูกศิษย์อีกหลายคนที่กำลังเคลื่อนไหวครับ จากคุณ : monkeygig - [ 7 ก.พ. 49 18:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 1. ผมไม่รู้ครับ เพราะผมไม่ได้จบจากคณะรัฐศาสตร์ แต่ในฐานะที่ทำงานด้านวิศวกรรม...ที่เน้นการใช้เหตุผล ใช้หลักวิทยาศาสตร์ มากกว่า อารมณ์ความรู้สึก...ขออนุญาติอภิปรายความเห็นของท่านเจ้าของกระทู้สักนิดครับ 2. ประการแรก...ระบบ หรือสังคมทุนนิยมเป็น "วิวัฒนาการ" เศรษฐกิจของโลกครับ...ไม่ใช่เพราะเป็นสิ่งที่คุณทักษิณ "ดลบันดาล" ให้เป็นไป คุณทักษิณ หรือคุณ หรือผม ต่างก็เป็น "ปลาในกระแสธารแห่งทุนนิยม" ทั้งนั้น...อยู่ที่ว่าเราจะหลอกตัวเองหรือไม่? 3. ประการต่อมาคือ...เราต้องการ "นายกรัฐมนตรีที่สมบูรณ์แบบ" ในขณะที่ตัวเราเองก็ยัง "ไม่สมบูรณ์แบบ" จะเป็นไปได้อย่างไร ดังคำว่า "ผู้นำจะเป็นอย่างไร ประชาชนในชาติก็เป็นเช่นนั้น"....เราเลือก "คนธรรมดา" มาเป็นตัวแทนเรา เพื่อทำหน้าที่เป็น นายกรัฐมนตรีเพื่อมาบริหารประเทศ....หรือว่า เราเลือก "พระอริยเจ้า" มาเป็นตัวแทนเรา เพื่อทำหน้าที่เป็น นายกรัฐมนตรี...? 4. ชีวิตของผู้คน เศรษฐกิจ การเมือง เป็นตัวกำหนด จริยธรรม ความคิด นามธรรมนั่นเอง.....แม่ที่ต้องไปขโมยนมสดในห้างสรรพสินค้า ก็เพราะเศรษฐกิจที่ยากจนเป็นตัวบังคับไม่ใช่หรือ?...คุณทักษิณ ก็เป็นคนๆหนึ่งที่แหวกว่ายในกระแสทุนนิยม เหมือนกับผม เหมือนกับคุณ เหมือนกับแม่เด็กคนนั้น ฯลฯ...ถ้าคุณคาดหวังความสมบูรณ์แบบจากคุณทักษิณ ก็เหมือนกับคุณคาดหวังว่า อูฐจะสนเข็ม ได้...มีแต่เสียเวลาแท้ๆ เพราะโลกที่คุณอยากให้เป็น (โลกอุดมคติ) กับโลกที่มันเป็น (โลกวัตถุ) มันไม่สอดคล้องกัน...ความทุกข์ก็เกิดขึ้น... 5. สังคมทุนนิยมดังที่ผมว่าไว้แล้วว่า "เป็นวิวัฒนาการของโลก" ไปตามลำดับ.......สังคมทาส ไปเป็น สังคมศักดินา จากสังคมศักดินา ไปเป็น สังคมทุนนิยม....มันไม่ใช่คุณทักษิณเสกสรรให้มันเป็น และคุณทักษิณก็ไม่ได้วางรากฐานของปัญหาไว้...ต่อให้ไม่มีคุณทักษิณ (เป็นคุณอภิสิทธิ เป็นคุณบรรหาร เป็น ฯลฯ) เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ทำอะไรไม่ได้...และไม่มีวันจะทำอะไรได้กับ ปัญหาที่สังคมทุนนิยมสร้างไว้ได้เลย....เหมือนกับเป็นปลาที่ว่ายแหวกในกระแสทุนนิยมที่เน่าเฟะ...ปลาทำได้แค่สองประการครับคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวรอด และเกิดเป็นวิวัฒนาการอันใหม่ หนึ่ง หรือ ตายไปเองในน้ำเน่านั้นเพราะปรับตัวไม่ได้ หนึ่ง 6. ....คุณวรณัยอ้างว่า "...ในสังคมที่ไร้จิตใจและขาดความ"อ่อนน้อม ถ่อมตน" ขาด"ความเพียร" และขาด"ความพอเพียง" อันเป็นสิ่งที่สังคมและวัฒนธรรมไทย เคยสั่งสอนกันมา"....คุณวรณัยก็เป็นผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ไทย...หรือประวัติศาสตร์สยาม...ในสังคมไทยสมัยอดีต (สมัยอยุธยา) ก็มีความ "ฟอนเฟะ" ไม่แตกต่างจากสมัยนี้เลยแม้แต่น้อย...ถ้าเป็นคริสต์ก็คงจะยกตัวอย่าง นครอย่างโซดอมที่ถูกพระเจ้าเผาผลาญเพราะความโสมมของคนในยุคนั้น....ในวรรณกรรมไทยที่พูดถึงเรื่อง "ชาวบ้าน" ที่สุดแล้ว คือเรื่อง "ขุนช้าง-ขุนแผน"....เณรพลายแก้วก็ปีนเข้าหานางพิม ไม่ต่างจาก ความโสมมของสงฆ์ในปัจจุบัน....ฯลฯ แสดงว่า สังคมไทย วัฒนธรรมไทย แต่ก่อนแต่ไร ก็ "ไม่ได้ดี" อย่างที่ได้ "สั่งสอน" กันมา ไม่ใช่หรือ? 7. เศรษฐกิจพอเพียงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือใหญ่โตอะไร ก็คือ ระบบเศรษฐกิจแบบศักดินาของเดิมนั่นเอง....แต่ละบ้านปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ตามที่ดินเล็กๆของตัว เหลือจากกินจากใช้ จากส่วย จากภาษี ก็นำไปตลาดแลกเปลี่ยนกันเล็กๆน้อยๆ ตามอัตถภาพ ตามความสัมพันธ์ทางการผลิต และตามพลังการผลิตในยุคนั้นๆ.......แต่ปัจจุบันนี้โลกวิวัฒน์ไปเป็น สังคมทุนนิยมแล้ว.....การผลิตเพื่อกำไร....ทุกกิจกรรมเป็นไปเพื่อผลกำไรทั้งสิ้น....เราจะมามัวย้อนหลังไปถึงอดีตเพื่ออะไรกัน? สัตว์โลกที่สูญพันธุ์ไปก็เพราะมัวแต่ย้อนมองอดีต โดยไม่ปรับตัวให้เข้ากับโลก....ไม่ใช่หรือ? 8. แน่นอนครับ กระบวนการแก้ปัญหาของคุณทักษิณอาจจะ "ไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุด" แต่มันก็ดีที่สุดแล้วที่สังคมทุนนิยมให้คำตอบได้ ในเวลานี้...คนไม่มีเงิน ก็เอาเงินไปแจกไปจ่าย เพื่อให้เขาเอาไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพ ถ้าคนที่ได้รับเงินไปแล้วเอาไปซื้อของฟุ่มเฟือย...ก็เห็นจะโทษใครไม่ได้....เหมือนกับฝนตกมา บ้านหนึ่งเก็บใส่ตุ่มไว้กินยามแล้ง อีกบ้านใช้เพาะปลูกได้ผลผลิต อีกบ้านอยู่เฉยๆ...จะให้ได้ผลเหมือนกันอย่างไร?.....ถ้าเช่นนั้นวิธีการนี้ผิดพลาด....ในอดีตกาลรัฐบาลของกษัตริย์ก็ใช้วิธีการแจกจ่ายเงิน แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืช ลดภาษี ในช่วงวิกฤติของรัฐ นี่ก็คงเป็นวิธีที่ผิดพลาดเช่นกัน ตามตรรกะของคุณวรณัย????....... 9. ผมยอมรับในสิทธิของอ. อมรา ยอมรับในสิทธิของคุณวรณัย ยอมรับในสิทธิของคุณสนธิ และยอมรับทุกๆสิทธิที่แสดงความเห็นในทางการเมือง.... 10. แต่ที่คุณวรณัยยกมาในกระทู้นี้นั้น ผมไม่ใคร่เห็นด้วยเพราะ เป็นเหตุผลที่ยกมาเพื่อ "หาความสมบูรณ์แบบ" ซึ่งไม่มีความสมบูรณ์แบบในโลกนี้.... เป็นเหตุผลที่ยกมาเพราะมีมุมมองแบบ "นิ่ง กลไก และตายด้าน" ซึ่งโลกนี้คือ โลกแห่งความเปลี่ยนแปลง เป็นวิวัฒนาการ....และเป็นเหตุผลที่ยกมาเพื่อ "ยกคำพูดหรูๆดูดีมีหลักการ" มาทำลายคนหนึ่งที่มีแนวทางไม่ตรงกับของคุณ เพื่อยกอีกคนที่คุณนับถือให้เด่นขึ้นมา....ทำลายสิ่งที่เป็นจริง และเป็นไปของโลก....นี่ไม่ใช่วิธีวิทยาศาสตร์ และไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิง.....ผมคิดว่า คนระดับคุณ วรณัย น่าจะแสดงความเห็นที่ "มีระดับ" กว่านี้นะครับ! จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 7 ก.พ. 49 19:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาให้กำลังใจ จขกท. กับอาจารย์อมราค่ะ ทุกวันนี้ เวลาทำงานยังระลึกถึงประโยคนี้เสมอค่ะ "เกียรติภูมิจุฬา คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน" จากคุณ : broomhill - [ 7 ก.พ. 49 19:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยตามความเห็น 8 ค่ะ จขกท. ผิดจริง ๆ ที่ไม่เข้าใจการปกครองในระบอบทุนนิยมเสรี  โลกเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว จากคุณ : Ph_eng - [ 7 ก.พ. 49 19:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สัญจรมาอ่าน คห.8 วิเคราะห์ได้ตรงใจ ค่ะ จากคุณ : samranjai - [ 7 ก.พ. 49 20:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วตกลงคุณวรณัย รุ่นไหนอ่ะ จากคุณ : monkeygig - [ 7 ก.พ. 49 20:33:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืมมม อ่านที่คุณวรณัยเขียนแล้ว ก็เห็นด้วยครับ กับความคิด อารมณ์ที่คุณแสดงออกมา ว่าแต่ว่าคุณเคยเรียนหนังสือกับอ.อมราหรือเปล่าครับนี่ ถึงกล้าออกมาตัดสินว่าอาจารย์ผิดหรือถูกได้ อ่านๆไปแล้วนี่ ให้เดาว่าคุณคงจบตรีที่คณะผมแน่ๆ(รัฐศาสตร์ จุฬาฯ) ไม่ทราบว่าคุณเป็น "สิงห์ดำ" รุ่นไหนครับ บอกหน่อยได้ไหม จะได้นับรุ่นถูกว่าคุณเป็น "รุ่นพี่คณะ" ผมกี่รุ่น แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 49 21:28:05 จากคุณ : สิงห์ดำ (แจ้น) - [ 7 ก.พ. 49 21:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สนับสนุนกระทู้ครับ และไม่เห็นด้วยกับคุณเจ็ดตัวอักษร ขี้เกียจพูดแระ เพราะพูดมาเอยะ เอาเป็นว่า เมื่ไหร่ที่ทักษิณจากไป แผ่นดินจะสูงขึ้นอีกเยอะ จากคุณ : tomdenver - [ 7 ก.พ. 49 21:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สนับสนุนอีกคนค่ะ จากคุณ : สวนแก้ว (สวนแก้ว) - [ 7 ก.พ. 49 21:34:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาปสูญ ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่ ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่ เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน จากคุณ : น้องกี้...ความรู้แค่คืบ - [ 7 ก.พ. 49 22:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แก้ไขเมื่อ 07 ก.พ. 49 22:36:37 จากคุณ : cyberbow - [ 7 ก.พ. 49 22:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยที่สุดกับคุณ "นายเจ็ดตัวอักษร" (เลื่อมใสมานาน เลื่อมใสมานาน) ความคิดเห็น#8น่าจะเป็นมุมมองที่เที่ยงธรรมที่สุดแล้ว จากคุณ : MONOion - [ 7 ก.พ. 49 22:31:22 A:158.108.196.88 X: TicketID:040891 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มึนค่ะ จากคุณ : กระจ้อน - [ 7 ก.พ. 49 23:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยกับ กระทู้อย่างสุดซึ้งครับ คนดีกับคนเก่ง มักสวนทางกัน แต่ก็ใช่ว่าไม่มี จากคุณ : Z Pl[u]s - [ 7 ก.พ. 49 23:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขออนุญาตครับ ในฐานะที่ผมจบทั้งทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ และศิลปศาสตร์ ผมไม่เห็นด้วยกับคห.8 ครับ แต่ไม่อยากแสดงเหตุผลยาว เพราะผม รู้สึก ไม่มีอารมณ์ ครับ สั้นๆ นะครับ - หลักเกณฑ์ทางวิศวกรรมตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฏนิวตัน ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ระบบแบบเก่าที่เน้นแบ่งแยกแล้วแก้ปัญหามีลักษณะ "นิ่ง กลไก และตายด้าน" อย่างมาก ซึ่งต่างจากวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันที่มีลักษณะองค์รวม การที่นำเอาศาสตร์ทางวิศวกรรม มาวิจารณ์อารมณ์ความรู้สึก มันก็คงเหมือน ตาบอดมาคลำช้าง ถ้ายอมรับว่าตนเองตาบอดก็แล้วไป ถ้าไม่ยอมรับแล้วดันไปอธิบายถกเถียงคนตาดีอีก มันก็น่าหัวร่อ - ผมเคยดูหนังเรื่อง Contact ชอบอยู่ประโยคหนึ่งที่พระเอกถามนางเอกซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์เจ้าเหตุผลจ๋าว่า คุณรักคุณพ่อคุณมั๊ย เธอตอบว่า รัก เขาก็เลยถามต่อว่า พิสูจน์ให้ผมดูหน่อยสิ? - เขียนมาอยู่ท่าว่าจะยาวเริ่มมีอารมณ์ขี้เกียจอีกแล้ว เพียงอยากจะบอกว่า ในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนมีอิสระในการแสดงความเห็นตราบที่ไม่ผิดกฏหมาย ซึ่งกรณียื่นถอดถอนนายกนี่ รัฐธรรมนูญก็เอื้อให้สามารถทำได้ ถ้ามีเสียงของประชาชนพอ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรนัก แต่นิยมคนกล้าที่ไม่ได้กล้าแต่ปากครับ แล้วใครจะไปเดือดร้อนแสดงความเห็นยกตนทำไม ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของมันเถอะครับ พยายามเขียนให้อิงฟอร์แมตห้องสมุด น่าจะไม่ถูกลบนะ ".....เกียรติภูมิจุฬา คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน..." จากคุณ : อุปนิกขิต - [ 7 ก.พ. 49 23:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาตอีกคนครับ ในฐานะที่จบจากด้านวิทยาศาสตร์ และพาณิชยศาสตร์ และที่ต้องทำงานในสายการเงินการธนาคาร บนสังคมทุนนิยม และบังเอินไม่ใช่ 1 ใน 19 ล้านเสียง 1. ผมชื่นชมในความสามารถของนายกรัฐมนตรีคนนี้ ที่สามารถสร้างสังคมให้อยู่โลกทุนนิยมได้ สามารถสร้างรากฐานของการแข่งขันในระบบได้ สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจจากสภาพที่ติดลบกลับมาบวก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เห็นกับนโยบายคือ การใช้เงินลงไปกระตุ้นการบริโภคในระดับรากหญ้า เพื่อหวังเพียงฐานเสียง คะแนนเสียง ซึ่งเป็นฐานของปีรามิดของประชาชนในประเทศ แต่ไม่ได้สอน หรือ ปลูกฝังให้เขาเหล่านั้นรู้จักถึงวิธีการบริหารเงิน บริหารสินทรัพย์ หรือแม้กระทั้งการให้การศึกษาที่ประสิทธิภาพแก่เยาวชน หรือประชาชนของประเทศ 2. ชอบแล้วหรือ ที่รัฐบาลจะออกกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง หรือ เป็นช่องทางของกลุ่มทุนใหม่ เจริญเติบโตมาขยี้กลุ่มทุนเก่าในสังคม จนถูกมองเป็นผู้เสียผลประโยชน์ ชอบแล้วหรือที่รัฐไปแก้ไข พ.ร.บ. กิจการโทรคมนาคม ลงนามใน FTA กับต่างประเทศ เพื่อให้ธุรกิจของครอบครัว ของบริวารได้ผลประโยชน์ แต่เกษตรกรในระดับรากหญ้า หรือวิถีการดำเนินชีวิตของชนชั้นกลางของประเทศจะเปลี่ยนไป 3. ชอบแล้วหรือที่แทรกแซงองค์กรอิสระ หน่วยงานราชการ และสื่อสารมวลชน เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง 4. เราไม่ได้ต้องการนายกรัฐมนตรี ที่เป็นพระอริยสงฆ์ ผู้ปราศจากซึ่งกิเลศมาปกครองประเทศ ไม่ได้ต้องการผู้นำที่ดีที่สุด ที่เก่งที่สดุ แต่เราต้องการผู้นำที่คิดถึง "ประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ปฏิบัติตัวตามรอยพระยุคลบาทขององค์พระประมุขของรัฐ 5. ชอบแล้ว ที่คณาจารย์ นักวิชาการ จะออกมาเรียกร้อง หรือ สร้าง "ปัญญา" ให้กับสังคมในยามที่บ้านเมืองเริ่มระส่ำระสาย เริ่มการครอบงำจากต่างประเทศ จากกลุ่มบุคคลหนึ่ง ชอบแล้วที่อาจารย์อมรา จะเป็นผู้นำธงต่อต้านของอาจารย์ในสายสังคมศาสตร์ ชอบแล้วที่รัฐศาสตร์ จุฬาฯ เคลื่อนไหว ".....เกียรติภูมิจุฬา คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน..." จากคุณ : พระนายไวย - [ 8 ก.พ. 49 01:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 1. ขออนุญาติขยายความสักนิดนะครับ 2. คุณวรณัยอาจจะเรียนจากคณะรัฐศาสตร์ ผมเองก็มาจากวิศวกรรม ก็สถาบันเดียวกันนั่นแหล่ะครับ...คุณวรณัยมองในมุมของคุณ มุมมองของอ. อมรา......ผมก็ขออนุญาติแสดงความเห็นในมุมมองของผม "ที่ไม่ใช่รัฐศาสตร์" แต่เป็นวิทยาศาสตร์ และก็เป็นวิทยาศาสตร์สังคม... 3. ที่เขียนหนักๆเน้นๆว่า "เกียรติภูมิของจุฬา คือเกียรติภูมิแห่งการรับใช้ประชาชน"....ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะ "เน้น" ทำไมให้ป่วยการ เวทีนี้คือ เวทีแห่งการแสดงความเห็นหรือเป็นเวทีแห่งการยกคำขวัญมาคุยข่มกัน???.....ผมถามสักคำหนึ่ง ถ้านักศึกษาธรรมศาสตร์ "รักประชาชน" และนิสิตจุฬาฯ "รับใช้ประชาชน" ดังคำพูดที่อ้าง.....มาดูว่า นิสิต นักศึกษาสองสถาบันนี้มีอยู่ในเท่าไหร่ในสังคมไทย ทั้งมีอยู่อีกเท่าไหร่ที่มีบทบาททั้งวงการเศรษฐกิจ และการเมืองไทย....ทำไมเมืองไทยยังย่ำต๊อกอยู่อย่างปัจจุบัน?? หรือเพียงเพราะรักแต่ปาก แต่ในทางปฏิบัติก็รับใช้นายทุน รับใช้นักการเมืองโกงกิน อย่างมูมมามกัน?? 4. ตกลงผมถามพวกท่านทั้งหลายว่า "เรารักประชาชน และรับใช้ประชาชน" กันจริงๆหรือ?....คุณทำงานที่บริษัท บริษัทที่คุณทำงานด้วย เป็นบริษัทที่รับใช้ประชาชนหรือ? หรือเป็นบริษัทที่แสวงหาผลกำไร? และกิจกรรมของบริษัทที่คุณทำงานกันทำงานเพื่อแสวงหาผลกำไร คุณไปทำงานให้เขาทำไมในเมื่อคุณเน้นหนักหนาว่า "รับใช้ประชาชน และรักประชาชน".....สุดท้ายถ้าพิจารณากันด้วยความเป็นธรรมแล้ว คุณก็เป็นปลาอีกตัวหนึ่งที่แหวกว่ายในกระแสธารแห่งทุนนิยมนั่นเอง....เพราะคุณ "รับใช้ทุนนิยมต่างชาติ" แทบทั้งนั้น!....เอาเหตุเอาผลมาคุยกันดีกว่าครับ อย่ายกคำขวัญมาขู่อะไรกันเลย... 5.  ผมว่าผู้ที่มีใจสนใจศึกษาประวัติศาสตร์อย่างแท้ๆแล้วจะเห็นว่า "สังคมมันมีวิวัฒนาการ" จากสังคมทาส เป็นศักดินา เป็นทุนนิยม....มันเป็นกระบวนการวิวัฒนาการที่โลกดำเนินไป....ใครบอกว่า "จะยอมสวนกระแสแห่งทุนนิยม" ก็คือ หลอกตัวเอง.....เปรียบเหมือนกับ มนุษย์ก็คือปลา...ลำน้ำที่อาศัยอยู่เป็นทุนนิยม....ถ้าปลาขาดน้ำก็คือตาย แต่ก็อ้างว่าฉันจะไม่อยู่ในน้ำ ทั้งที่ขณะกำลังพูดก็คืออยู่ในน้ำ.....ลองดู...ทำงานที่บริษัทนั่นก็บริษัททุนนิยมข้ามชาติบ้าง บริษัทนายทุนนายหน้าบ้าง....ทำกิจการที่บ้านก็คือทุนนิยมท้องถิ่น...ต่างมีเป้าหมายเพื่อ "หาเงิน" ทั้งนั้น ไม่มีใครทำงานฟรีๆสักคน ทำงานเพื่อเงิน เพื่อโบนัส กันทั้งนั้น ทั้งที่เงินเดือนเอย โบนัสเอย ที่บริษัท "ได้กำไร"มา ก็คือ ทุนนิยมล้วนๆ....แต่ปากก็บอกว่าเกลียดทุนนิยมเช่นนั้นเช่นนี้ ผมว่า แย่มากครับ.....การหลอกลวงตัวเองเช่นนี้.... 6. กติกาของบ้านเราเรียกว่า กฎของบ้าน....กติกาของสังคมก็มีหลายระดับที่เรียกว่า ศีลธรรม กฎของหมู่บ้าน ฯลฯ ไปจนถึงกระทั่งระดับประเทศก็เรียกว่า "กฎหมาย หรือรัฐธรรมนูญ"....แน่นอนครับว่า การทำอะไรที่ถูกกฎหมาย บางครั้งก็อาจจะไม่ถูกในแง่ของศีลธรรม ไม่ถูกใจ ฯลฯ แต่เราก็จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายเป็นหลัก อะไรที่ถูกกฎหมายก็คือถูก อะไรที่ผิดกฎหมายก็คือผิด....เพราะศีลธรรมมันไม่ใช่มาตรฐาน.....ลองถามดูว่า ศีลธรรมแบบพุทธ แบบคริสต์ แบบอิสลาม แบบนับถือผี ฯลฯ ร้อยพ่อพันแม่ สังคมจะอยู่กันได้อย่างเป็นสุขได้อย่างไรถ้าต่างเอาสิ่งที่ "ไม่เป็นมาตรฐานร่วม" มาใช้ตามอำเภอใจ.... 7. เหมือนกับฟุตบอล....กติกาบอกว่า กรรมการผู้ตัดสินเป็นผู้ตัดสินที่เด็ดขาดแต่ผู้เดียว...ในบางกรณีมีการเสียบสกัดอย่างรุนแรง แต่กรรมการไม่เห็น และไม่ตัดสินว่าผิด....คนดูไม่พอใจว่า "ถูกกติกาแต่ไม่ถูกจริยธรรม" แล้วเฮโลกันมากระทืบนักเตะคนนั้น....มันจะใช้ได้อย่างไร? สังคมก็เช่นเดียวกัน กฎหมายคือสิ่งที่เป็นหลัก.....ประชาธิปไตยก็ต้องคู่กับวินัย จะมีอย่างใดอย่างหนึ่งเกินไป ก็ไม่ได้ ถ้าประชาธิปไตยมากเกินกว่าวินัย ก็เรียกว่า "อนาธิปไตย" ถ้าวินัยมากเกินกว่าประชาธิปไตย ก็เรียกว่า "เผด็จการ" ผมไม่ต้องการทั้งสองอย่าง....ไม่มีใครต้องการทั้งสองอย่าง...และประเทศก็ไม่ต้องการทั้งสองอย่าง.... 7. ผมว่าถ้าจะมองว่ากฎเกณฑ์ของวิศวกรรมคือ กฎของนิวตันที่ตายด้าน และเป็นกลไก....แต่ที่ว่าเป็นตายด้าน และกลไกนี่ทำให้มนุษย์เหยียบดวงจันทร์มาแล้ว...และถ้าคุณได้มี "โอกาส" ศึกษากฎของนิวตันจริงๆแล้ว ก็ไม่เชิงเป็นกลไกเสียเต็มตัว อย่างน้อยกฎของนิวตันก็ยังยอมรับว่า "ความสัมบูรณ์ของสถานที่ (absolute place) ไม่มี" ผมว่าแทนที่คุณจะมา "หัวร่อ" ผม ไม่ทราบว่า ได้รู้จักกฎของนิวตัน "จริงๆ" หรือไม่? 8. ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์แบบกลไก หรือเป็นแบบองค์รวม อะไรนั้น ก็ไม่พ้นสิ่งที่เราเรียกว่า "เหตุผล" อยู่ดี...การที่ผมอธิบายขยายความความคิดเห็นนั้น ถ้าไม่มีเหตุ ไม่มีผล ถ้าท่านได้ยกขึ้นมาผมก็พอเข้าใจได้ แต่ถ้าไม่มีปี่ไม่มีขลุย แล้วโพล่งมาด้วยอุปมาอุปไมยว่า "...มาวิจารณ์อารมณ์ความรู้สึก มันก็คงเหมือน ตาบอดมาคลำช้าง ถ้ายอมรับว่าตนเองตาบอดก็แล้วไป ถ้าไม่ยอมรับแล้วดันไปอธิบายถกเถียงคนตาดีอีก มันก็น่าหัวร่อ..." สุดท้ายแทนที่คุณจะใช้ "เหตุผล" มาคุยก็กลายเป็นใช้ "อารมณ์ความรู้สึก" เข้ามาคุยแท้ๆ.....การใช้เหตุผลมาคุยกันถ้าถือว่าเป็นพวกตาบอดสอดตาใส แล้วการใช้แต่ "อารมณ์ล้วนๆ" มากล่าวหาคนอื่นนี่ "เราจะเรียกว่าอะไร?" 9. มีปราชญ์ท่านหนึ่งเคยกล่าวว่า "การจะวิพากษ์วิจารณ์นั้นต้องผ่านการวิเคราะห์ ผ่านการศึกษามาเสียก่อน...ถ้าไม่มีการศึกษาค้นคว้าก็ไม่ควรพูด เพราะพูดไปก็มีแต่เสียประโยชน์ รังก่อให้เกิดความไม่สามัคคีด้วย เพราะสักแต่พูด แต่ไม่รับผิดชอบ..." และปราชญ์ท่านนั้นก็พูดต่อไปว่า "การวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องประกอบด้วยลักษณะอันเป็นสองด้านคือ การวิจารณ์ และการถูกวิจารณ์..." แน่นอนครับ การวิจารณ์ทางการเมือง การแสดงความเห็นทางการเมืองของคุณอมรา ของคุณวรณัย เป็นสิทธิ และเสรีภาพโดยสิ้นเชิง ซึ่งผมไม่ก้าวล่วง....แต่เมื่อความเห็นออกมาจากสมอง โดยผ่านการเขียนแล้ว ความเห็นของพวกท่านก็ย่อมถูกผม "วิจารณ์" ได้ด้วยเหตุด้วยผล...และความเห็นของผมก็ถูกวิจารณ์ได้เช่นเดียวกันด้วยเหตุผล.....ไหนเล่าครับคือ "...แล้วใครจะไปเดือดร้อนแสดงความเห็นยกตนทำไม..." ตรงไหนที่ผมยกตัวเอง?? ผมเห็นหลายท่านก็วิจารณ์ความเห็นผม ผมก็คัดค้านด้วยการวิจารณ์ตอบ...นี่เป็นท่าที่ดีงามในสังคมที่แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระไม่ใช่หรือครับ? 10. ที่สำคัญอย่างไรมาคุยกันเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพ หรือทฤษฎีควอนตัม ก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องนิวตันอย่างเดียว....ที่สำคัญตามหลัก "วิภาษวิธีวัตถุนิยม (dialectic materialism)" ที่ผมถือเป็นหลักมาตลอดนับจากก่อนวันแรกที่ผมเข้ามา pantip.com ก็ไม่เคยยินยอมให้วิทยาศาสตร์แบบเก่าที่เป็นกลไก มา"ครอบงำระบบคิด" ของผมดอกครับ...ถ้าได้อยู่ห้องนี้มานานคงจะเห็นว่า ความคิดของผมคืออะไร "ชัดเจน" กว่านี้....แต่ถ้าคุณชอบเรื่องที่ไม่ใช่เหตุ ไม่ใช่ผล ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่เป็นชอบแบบเรื่อง ผี สาง เทวดา นางไม้ เรื่องเหลวไหล ฯลฯ ก็คงจะตามสะดวกครับ เป็นสิทธิ และเสรีภาพเช่นเดียวกัน... 11. ปัจฉิมลิขิต....ถ้าเกียรติภูมิของจุฬา คือเกียรติภูมิของการรับใช้ประชาชน...จริงดังอ้าง....คงไม่เกิดเหตุการณ์ "โยนบก" อันลื่อลั่นดอกครับ...ไม่แน่ใจว่าคณะอักษรศาสตร์ ได้ใส่ชื่อคุณ จิตร ภูมิศักดิ์ ในทำเนียบศิษย์เก่าหรือยังครับ??....แต่ถ้าพวกคุณไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่ถือ... จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 8 ก.พ. 49 01:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่เห็นด้วยกับคุณเจ็ดตัวอักษรใน คคห.8 ครับ 1. ผมก็เป็นวิศวกรเหมือนคุณ 2. เราอยู่ในระบบทุนนิยมก็จริง และยอมรับว่าทุนนิยมถือเป็น solution ที่ดีที่สุดวันนี้ ถึงจะเป็นระบบที่มีความบกพร่องชัดเจนและสร้างปัญหาแล้ว แต่ก็จะมีวิวัฒนาการต่อไปได้เอง แต่เรื่องสำคัญคือ ทุนนิยมกับคอรัปชั่นทางนโยบายเป็นคนละเรื่องกันนะครับ และประชาชนต้องรู้เท่าทันด้วย ไม่ใช่หลงคิดว่านี่คือกติกาปกติของทุนนิยม 3. เราอยากได้ "นายกรัฐมนตรีที่สมบูรณ์แบบ" แต่เราก็อยู่ในโลกของความเป็นจริง เรายอมรับความ "ไม่สมบูรณ์แบบ" และคำว่า "ผู้นำจะเป็นอย่างไร ประชาชนในชาติก็เป็นเช่นนั้น" นั้นเป็นความจริง แต่ถ้าเราปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ต่อไป ประเทศเราก็มีแต่จะลงเหวครับ นโยบายของรัฐบาลเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่าส่วนนี้เป็นเรื่องดี แต่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดย(เจตนา?)ละทิ้งการพัฒนาคุณภาพของประชาชน และใช้กะละมังใบยักษ์ของตัวเองเข้าไปรับผลประโยชน์จากนโยบาย สะท้อนให้เห็นความจงใจที่จะหลีกเลี่ยงการพัฒนาคุณภาพคนเพื่อรักษาทั้งฐานอำนาจและผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับจากการใช้จ่ายอย่างขาดวิจารณญาณของประชาชนครับ สิ่งนี้ต่างหากที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ใช่เรื่อง "ความสมบูรณ์แบบ" แต่อย่างใดนะครับ 4. เราอยู่ในโลกวัตถุ แต่โลกที่เราอยู่ต้องมีกติกานะครับ จะมาอ้างความเป็นโลกวัตถุเอาเปรียบคนอื่นอันนี้ใช้ไม่ได้นะครับ 5. "วิวัฒนาการของโลก" ไปตามลำดับ วันที่เราไม่รู้เท่าทัน เราก็ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไป แต่เราอยู่ในสังคมแห่งความรู้ ความรู้ที่เรามีสามารถลดช่วงเวลาของวิวัฒนาการทางสังคมได้ครับ ปลาไม่ได้ทำได้แค่สองประการครับคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวรอด และเกิดเป็นวิวัฒนาการอันใหม่ หนึ่ง หรือ ตายไปเองในน้ำเน่านั้นเพราะปรับตัวไม่ได้ หนึ่ง แต่สามารถหยุดวงจรอุบาทว์ได้ครับ ถ้ารู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงนี้ 6. ความเสื่อมความฟอนเฟะที่เกิดในประวัติศาสตร์ มีเรื่องการครอบงำทางความคิดและจิตวิญญาณ ใช้ทั้งศรัทธาและความกลัวเป็นตัวผลักดัน แต่ยุคสมัยนี้ ยุคสมัยของประชาธิปไตย อำนาจเป็นของปวงชน ไม่จำเป็นต้องอยู่กับความกลัวเพียงอย่างเดียว เราเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรามีสิทธิ์ทักท้อวงได้ ไม่ใช่บอกตัวเองว่าต้องยอมรับ เพราะคนสมัยก่อนยังต้องยอมรับเลย 7. อันนี้คุณเจ็ดตัวอักษรต้องไปทำความเข้าใจเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง กับ สังคมทุนนิยม ใหม่นะครับ 8. ถ้าการกินชาติแบบเบ็ดเสร็จแบบนี้คือ solution ที่ดีที่สุด ผมก็สิ้นหวังแล้วครับ อำนาจอยู่ที่ประชาชนนะครับ อย่าลืม! อยากให้คุณเจ็ดฯหาเวลาไปศึกษาว่าความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นมาในระหว่างดำรงตำแหน่งนั้นมาจากไหน เริ่มไล่ไปจาก shin corp ได้เลยครับ growth มาจากไหนกันแน่ อย่าไปฟังแค่ที่เขาว่า index เพิ่มขึ้นมาตาม set index เราเป็นวิศวกร มีผลเราต้องหาเหตุที่แท้จริงให้ได้ครับ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 8 ก.พ. 49 01:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 28 1. แม้ว่าผมจะเขียนปัจฉิมลิขิต (คือ เขียนเป็นสุดท้าย) แล้ว มีสองท่านที่ยังอยู่ และแสดงความเห็น ไม่เห็นด้วย กับความเห็นของผม.....ซึ่งผมยินดีเป็นอันมาก ขออนุญาติชี้แจงคุณ CrazyHOrse ซึ่งผมนับถืออยู่ครับ ส่วนท่านที่ใช้คำพูด อิอิ เออะเออะ จิจิ ฯลฯ อะไรนั้นผมขออนุญาติข้ามไป...เพราะคงจะเสียเวลา...ผมไม่ถือสาหาความกับคนที่ลักส้มเขาให้มารดากิน ดอกครับ 2. ยินดีครับที่ทราบว่าคุณ CrazyHOrse เป็นวิศวกร เช่นกัน 3. "...'ทุนนิยมกับคอรัปชั่นทางนโยบายเป็นคนละเรื่องกันนะครับ และประชาชนต้องรู้เท่าทันด้วย ไม่ใช่หลงคิดว่านี่คือกติกาปกติของทุนนิยม" สำหรับผมแล้ว ทุนนิยม กับคอรัปชั่นทางนโยบาย (ซึ่งเป็นคำสวยๆ ซึ่งก่อน พ.ศ. 2540 ยังไม่เคยมีมาก่อน...เพราะผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก คิดว่าคงใช้คำนี้กับคุณทักษิณได้เพียงแค่ท่านเดียว) มันก็คือ สิ่งเดียวกันโดยสิ้นเชิงครับ...ทุนนิยม (Czpitalist) มีเป้าหมายคือ "สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด" แม้จะต้อง "ล่าอาณานิคม" ก็ตาม....สำหรับ คอรัปชั่นทางนโยบาย ผมเดาเอาว่า คงหมายถึง "การเสนอนโยบายแห่งรัฐด้วยวิธีการทุนนิยมเพื่อสอดคล้องกับผลประโยชน์ของกิจการส่วนตัว หรือพรรคพวกตัว" ซึ่งเป้าหมายของมันก็คือ "กำไรสูงสุด" นั่นเอง....และแบบที่สองก็ต้องอาศัยกลไกแบบทุนนิยม...ลองดูในอเมริกาซึ่งเป็นแม่แบบของทุนนิยม....การรุกรานอิรัก ก็คือ คอรัปชั่นเชิงนโยบาย นั่นเอง....เพราะใช้นโยบายแห่งรัฐ (อเมริกา) เข้ายึดครองอิรัก เพื่อผลประโยชน์แห่งบรรษัทน้ำมันทั้งหลายแหล่ที่อยู่เบื้องหลังทำเนียบขาวแห่งรีพับรีกัน... 4. จากที่คุณวรณัยเขียนไว้ว่า "...ท่านนายกเป็นนักบริหาร(การเงิน เศรษฐกิจ ตลาดทุน การเมือง)ที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมี...และผมก็เป็นหนึ่งที่"เลือท่าน" ในระบอบประชาธิปไตย...แต่ ท่านนายกรัฐมนตรี ยังไม่เพียงพอ ที่จะเป็น"ผู้นำ" ที่สมบูรณ์แบบ...หาก"ท่าน"ยังไม่อาจแยกเรื่องระหว่าง การเมือง เศรษฐกิจ และ จริยธรรมออกจากกันให้ได้" ซึ่งคุณวรณัยคงหมายถึง "ในแง่ปัจเจก" ของคุณทักษิณกระมังครับ ไม่ได้หมายถึงตามที่คุณ CrazyHOrse ว่าไว้ "...ใช้กะละมังใบยักษ์ของตัวเองเข้าไปรับผลประโยชน์จากนโยบาย สะท้อนให้เห็นความจงใจที่จะหลีกเลี่ยงการพัฒนาคุณภาพคนเพื่อรักษาทั้งฐานอำนาจและผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับจากการใช้จ่ายอย่างขาดวิจารณญาณของประชาชนครับ สิ่งนี้ต่างหากที่ยอมรับไม่ได้ ไม่ใช่เรื่อง "ความสมบูรณ์แบบ" แต่อย่างใดนะครับ" ซึ่งคุณ CrayHOrse มองในแง่ของ "กิจกรรมการทำงานในฐานะนายกฯของคุณทักษิณ"...ถ้าในแง่ของคุณ CrazyHOrse ผมก็ต้องขออนุญาติชี้แจงเพิ่มเติมดังนี้; 5. เราต้องยอมรับความจริงว่า ระบอบที่เราว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น จริงๆแล้วก็คือ เป็น "ระบบเผด็จการของกระฎุมพี และนายทุน" โดยหลักการ....คือ ไม่ว่าท่านจะเลือกพรรคใด หรือท่านใดเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ละพรรค หรือแต่ละท่านนั้น ต่างก็เป็น "ตัวแทนแห่งนายทุน หรือทุนนิยมทั้งสิ้น"....นโยบายแห่งรัฐนับจาก ชาติชาย รสช อานันท์ 1-2 ชวน 1 บรรหาร ชวลิต ชวน 2 จนกระทั่งมาถึง ทักษิณ 1-2...ก็คือนโยบายแห่งทุนนิยม คือสิ่งที่เรียกว่า คอรัปชั่นเชิงนโยบายทั้งสิ้น! เพราะเป้าหมายมีไว้เพื่อ ผลประโยชน์สูงสุดของชนชั้นตัว พรรคตัว เพื่อนตัว ญาติพี่น้องตัวทั้งสิ้น! ....แม้ว่าจะเป็นนโยบายที่เห็นแก่ผลประโยชน์พรรคพวกตัวเหมือนกัน...แต่การเคลื่อนไหวของผู้ที่อ้างว่า "รักชาติ รักแผ่นดิน" ก็แผ่วเบาราวกับสายลมพัดสากกระเบือ...และจะเห็นได้ว่า "รักษากติกาอย่างเคร่งครัด" คือรอให้ถึงการเลือกตั้งใหม่อย่างใจเย็น เพราะอะไร เพราะมันไม่ได้กระทบต่อชนชั้นกลางในเมืองอย่างชัดเจน แม้จะมีสารพัดม้อบจากต่างจังหวัด กระทั่งถูกสุนัขไล่กัด บางคนก็ยังเห็นเป็นเรื่องขำๆ??? (ยกเว้นกรณี ชวลิต ซึ่งใช้ตรรกะนี้อธิบายได้เช่นเดียวกันว่า เพราะมีผลกระทบต่อชนชั้นกลางอย่างรุนแรง).....นั่นแสดงให้เห็นว่า ประเด็นที่ชัดเจนคือ "เป้าประสงค์เป็นรายบุคคล" มากกว่า "เป็นนโยบายของรัฐ" ดังที่อ้างกัน จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 8 ก.พ. 49 03:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 6. เราต้องเข้าใจอยู่ว่า "โลกของเราประกอบด้วยจิต กับวัตถุ" และ "วัตถุจะต้องมีบทบาทนำจิต".....จิตพูดง่ายๆก็คือ ความอยากได้ไม่อยากได้ของมนุษย์ วัตถุก็คือสิ่งที่เป็นจริงตามกฎแห่งธรรมชาติ....ความทุกข์ของเราเกิดจากสองสิ่งนี้แทนที่จะสอดคล้องกัน กลับกลายเป็น "ขัดแย้งกัน"....ยิ่งขัดแย้งกันมากเท่าใดก็ทุกข์มากเท่านั้น....คุณ CrazyHOrse อ้างเรื่อง "กติกา" ผมจึงได้แสดงความเห็นไปว่า "กติกาของประเทศก็คือรัฐธรรมนูญ" ตราบเท่าที่ท่าน หรือใครก็ตาม ทำอะไรที่ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่า ถูกต้องทั้งสิ้น.....เราไม่อาจจะยอมให้มี "มาตรฐานร้อยพ่อพันแม่" มากำหนดกติกาของประเทศเพราะแต่ละคนมีมาตรฐานไม่เท่ากัน ถ้าแต่ละคนนำมาใช้ประเทศก็คงวุ่นวาย...ในกรณีคุณทักษิณ แน่นอนครับ กระบวนการซุกหุ้น ก็ต้องหาที่มากันไป แต่ในกฎหมายที่ออกไว้เมื่อสามสิบปีก่อน ตั้งแต่สมัยคุณทักษิณยังปล่อยเช็คเด้งอยู่เลย...เขากำหนดไว้ว่า "ผลกำไรจากการขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี" เราก็ยกเรื่องจริยธรรมเข้ามาอีก...มันก็ไม่จบเสียที เพราะจริยธรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และไม่เท่ากัน...ทำไมไม่รอกระบวนการตรวจสอบเล่าครับว่า กระบวนการยักย้ายถ่ายเทเงินของคุณทักษิณ และบุตรมันผิดหรือไม่ผิด?....มีอะไรก็ควรว่าไปตามโลกแห่งวัตถุ หรือ กฎหมายดีกว่ากระมังครับ? เพราะมันมีการอ้างอิงชัดเจนกว่า "ความรู้สึก" เป็นอันมาก 7. สำหรับเรื่องวิวัฒนาการผมว่าคุณ CrazyHOrse ยังไม่เข้าใจอย่างแตกฉานถึงความคิดของผมเท่าใดนัก ขออนุญาติอธิบายขยายความอีกทีหนึ่ง....ผมคิดว่า สังคมมนุษยชาติมีวิวัฒนาการ คล้ายกับสิ่งมีชีวิต...การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเป็นตัวกำหนดการเมือง วัฒนธรรม สังคม ฯลฯ....ซึ่งแบ่งออกเป็น สังคมทาส สังคมศักดินา และสังคมทุนนิยม ตามลำดับขั้น...ส่วนจะเป็นอะไรต่อไปนั้น ตามสำนักมาร์กซ์เสนอไว้คือ สังคม สังคมนิยม และคอมมิวนิสต์ ตามลำดับ....แต่ในที่นี้ยกมาแค่สังคมทุนนิยมก็พอ...เมื่อโลกก้าวเข้าสู่สังคมทุนนิยมนับจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก็ผ่านกระบวนการพัฒนามาเป็นชั้นๆ เป็นขั้นๆ...แต่ไม่ว่าชั้นใด หรือขั้นใด ก็มีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวก็คือ "...เพื่อผลกำไรอันสูงสุด" และลักษณะสังคมแบบทุนนิยมนี้ก็แพร่กระจายจากยุโรป ไปอเมริกา ผ่านเมืองขึ้นต่างๆ จนกระทั่งถึงขั้นสูงสุดคือปัจจุบัน....เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว...ก็เท่ากับว่า ทุกคนต่างก็คือปลาที่แหวกว่ายในกระแสน้ำแห่งทุนนิยมทั้งสิ้น....และแต่ละคนก็มีเป้าหมายในใจเพื่อ "ผลประโยชน์ทั้งสิ้น" ด้วยเหตุและผลความจำเป็นส่วนตัวอะไรก็แล้วแต่แล้วจะอ้าง....คุณทักษิณ หรือผม หรือคุณ CrazyHOrse หรือคุณวรณัย หรือใครก็แล้วแต่ ต่างก็เป็นปลาในกระแสน้ำนี้ทั้งสิ้น...แต่ปลาที่เอาแต่พูดว่าเกลียดทุนนิยมอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าดูดีๆแล้ว ก็คือ ปลาที่อยู่ในน้ำแห่งทุนนิยมนั่นเอง...เช่นนี้เราจะไม่เรียกว่า การหลอกตัวเอง ได้อย่างไรกัน? 8. หน้าที่ของปลามีอยู่สองอย่างคือ 1. การปรับตัว กับ 2. การตายไปเพราะปรับตัวไม่ได้......ผมยังไม่เคยเห็นปลาที่ไหนแก้สภาพน้ำที่ตัวอาศัยอยู่ได้เลย??....มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน เรามักคิดว่า เรารังเกียจทุนนิยมอย่างนั้นอย่างนี้ แต่สุดท้ายตัวเองนั่นแหละก็ต้องอาศัยทุนนิยม และใช้ทุนนิยมเป็นแรงผลักดันแห่งชีวิต...ผมเองเป็นนักศึกษาสังคมนิยม ผมก็ยังยอมรับว่า "ทุนนิยมก็คือมารดาแห่งสังคมนิยม" เพราะสังคมนิยมเกิดจากทุนนิยม การเกลียดทุนนิยมจนละเลยวิภาษวิธี ก็เท่ากับมองโลกแบบอุดมคติ ไม่มีประโยชน์ และไม่มีจริง 9. "...ความเสื่อมความฟอนเฟะที่เกิดในประวัติศาสตร์ มีเรื่องการครอบงำทางความคิดและจิตวิญญาณ ใช้ทั้งศรัทธาและความกลัวเป็นตัวผลักดัน..."  อันนี้ต้องขออภัยนะครับ คิดว่าคงไม่ใช่ที่ผมเขียนไว้...สำหรับผมแล้ว ความเสื่อมของสังคม ก็เพราะว่า ความไม่สอดคล้องกันระหว่างความสัมพันธ์การผลิต และพลังการผลิต...การต่อสู้กันของสองสิ่งนี้คือ ตัวกำหนดการเคลื่อนไหวของสังคม....ความคิดเช่นนั้นข้างต้นที่ยกมา เป็นทัศนะจิตนิยมซึ่งคงไม่ใช่ความคิดของผมแน่ๆ... 10. "...ยุคสมัยของประชาธิปไตย อำนาจเป็นของปวงชน ไม่จำเป็นต้องอยู่กับความกลัวเพียงอย่างเดียว เราเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เรามีสิทธิ์ทักท้อวงได้ ไม่ใช่บอกตัวเองว่าต้องยอมรับ เพราะคนสมัยก่อนยังต้องยอมรับเลย" ท่อนแรกผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ ต่างกันนิดหน่อยที่ผมเชื่อว่า "ไม่มีประชาธิปไตยจริงๆในโลกนี้ เป็นแต่เผด็จการที่สวมหนังแห่งประชาธิปไตยทั้งนั้น"....การต่อสู้ของประชาชน....อำนาจของประชาชน ฯลฯ ผมเห็นด้วยโดยสิ้นเชิง...แต่ปัญหาคือ ประชาชนได้ใช้ "ปัญญา" จริงๆหรือไม่? ในการเคลื่อนไหว? ประชาชนได้ "ค้นคว้าด้วยวิธีการวิทยาศาสตร์" ถึงต้นตอปัญหาจริงๆหรือไม่? ในการเคลื่อนไหว? หรือเพียงแค่ว่า "สิ่งที่เขาพูดกันมันตรงกับทัศนะของเรา" เราจึงเคลื่อนไหว?.....ถามแต่ละท่านที่เคลื่อนไหวต่อสู้นี้ เข้าใจเรื่อง "หุ้น" จริงๆหรือไม่? เข้าใจเรื่อง "คอรัปชั่นเชิงนโยบาย" จริงๆหรือไม่? เข้าใจกลไกหรือขั้นตอนทุจริตจริงๆหรือไม่? หรือสนใจแค่เพียงเปลือก รวมกับเนื้อในที่เกลียดคุณทักษิณเป็นการส่วนตัว? แล้วเอามารวมกัน แล้วก็อ้างว่า "เป็นประชาธิปไตย" ??? ถ้าเช่นนี้ ประชาธิปไตย ก็เป็นประชาธิปไตยเภท (ตามสำนวนของท่านพุทธทาส)....ไม่เป็นที่ต้องการสำหรับประเทศ แต่เป็นที่ต้องการสำหรับพวกลัทธิ "ฉวยโอกาสเอียงขวา" เท่านั้นเอง 11. สำหรับเศรษฐกิจพอเพียง...คุณ CrazyHOrse ลองเสนอสิครับ (เพราะผมเสนอไปแล้ว) ว่าสำหรับคุณแล้วมันคืออะไร? ผมจะได้ชี้แจงได้ว่าเป็นอย่างไร...ถ้าให้ผมอ่านเอง ผมก็คงไม่อ่าน เพราะผมเข้าใจแล้วว่ามันคืออะไร (ดังที่อธิบายไว้แล้ว)... 12. "...ถ้าการกินชาติแบบเบ็ดเสร็จแบบนี้คือ solution ที่ดีที่สุด" ปัญหาคือ อะไรคือ การกินชาติแบบเบ็ดเสร็จครับ? และผมก็ยังไม่เห็นว่า ใครกินชาติแบบเบ็ดเสร็จเลย? กระบวนการเช่นไรที่เราเรียกว่า กินชาติแบบเบ็ดเสร็จ? และมีหลักฐานอะไรที่กล่าวหาว่าคนนั้นคนนี้กินชาติแบบเบ็ดเสร็จ?......เผอิญผมอยู่ในโลกแห่งความเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งเน้นอย่างมากเรื่อง "หลักฐาน" สนับสนุนความเห็น...การจะกล่าวหา หรือวิจารณ์ใครก็ต้องใช้ "หลักฐาน และเหตุผล" ไม่เช่นนั้นคำพูดของเราก็คงจะไม่มีคุณค่าอะไรนอกไปจาก "ผายลม"? ไม่ต่างอะไรจากการด่าของแม่ค้าในตลาด เปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง! ที่จะมาคุยกันไม่ใช่หรือครับ? 13. "...อยากให้คุณเจ็ดฯหาเวลาไปศึกษาว่าความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นมาในระหว่างดำรงตำแหน่งนั้นมาจากไหน เริ่มไล่ไปจาก shin corp ได้เลยครับ growth มาจากไหนกันแน่" ผมคิดว่า ถ้าคุณ CrazyHOrse มีหลักฐานว่า ความมั่งคั่งในระหว่างการดำรงตำแหน่งของคุณทักษิณ มีมากน้อยเพียงไร? ก็น่าจะนำไปแจ้งองค์กรที่เขามีหน้าที่ตรวจสอบนะครับ เห็นว่า คุณหญิงจารุวรรณ ก็กลับมาแล้ว ก็น่าจะยื่นให้ท่านได้ทำการตรวจสอบ จะไม่ดีกว่าให้ผมตรวจสอบหรือครับ? ผมคงไม่มีเวลาไปนั่งดูว่าใครโกง ใครไม่โกงอะไรให้เสียเวลาดอกครับ ภาระงานการส่วนตัวก็มากโขอยู่ งานแปลสรรนิพนธ์ท่านประธานเหมาก็เหลืออีกหลายสิบบท....นี่ใช้เวลาเที่ยงคืนถึงตีสามกว่าๆแล้ว ผมยังไม่ได้แปลเลย เพราะเห็นแก่ว่าคุณ CrazyHOrse เป็นคนเก่าแก่กันนะครับ จึงเข้ามาพูดคุยกัน.... 13.  สรุป....ประการแรกคือ ผมมักจะใช้หลัก "กาลามสูตร" เป็นจุดตั้งต้นในการวินิจฉัยอะไรสักอย่างหนึ่ง...       ประการที่สอง....อะไรที่มาจากสื่อ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ที่จะนำมาพิเคราะห์นั้น จะต้องดูที่ "จุดยืน" ของสื่อฯ นั้นด้วย....       ประการที่สาม...การจะกล่าวหา หรือวิจารณ์อะไร หรือใครได้ ผมจะต้องไป "ค้นคว้าด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์" เสียก่อน และก็เป็นแบบ "วิภาษวิธีวัตถุนิยม" ด้วย ในกระทู้นี้ ผมเองก็ไม่ได้ออกมาการันตีว่าคุณทักษิณเป็นคนดีเด่อะไร...คุณทักษิณก็คือ ปลาตัวหนึ่งในระบบทุนนิยมเท่านั้น เป็นปลาที่ปรับตัว และฉวยโอกาสตามระบอบทุนนิยมจนประสบความสำเร็จ...ท่านใดที่ไม่ชมชอบ ก็ย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะวิจารณ์ได้ตามรัฐธรรมนูญ...เพียงแต่ผมคัดค้านในกรณีที่ว่า "ตัวเกลียดทุนนิยม ทั้งที่ตัวนั่นแหละที่เป็นทุนนิยม มันหลอกตัวเอง" ซึ่งคือ เป้าหมายหลักของการแสดงความเห็นในที่นี้...ลองอ่าน "อาคิว" งานของหลู่ซิน สิครับ ว่าคล้ายกับตัวตนของเราเองหรือไม่? 14. หวังว่าคงจะได้เป็นปัจฉิมลิขิตจริงๆนะครับ ครั้งนี้ จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 8 ก.พ. 49 03:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30 - สงสัยจังเลย ทำงานกินเงินเดือนนี่เรียกว่าเป็นการรับใช้ทุนนิยมแล้วหรือ ทำการค้าขายก็คือทุนนิยมแล้วหรือ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องตรงนี้มากนัก ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมครับ - สังคมมีวิวัฒนาการนั้นใช่ แต่สังคมประกอบขึ้นมาจากพวกเรา สังคมจะวิวัฒนาการไปทางไหนก็ขึ้นกับพวกเราไม่ใช่หรือ ไม่แน่ว่าความวุ่นวายตอนนี้อาจจะเป็นผลของการที่สังคมกำลังจะวิวัฒนาการไปเป็นแบบอื่นก็ได้ ปลาตัวไหนหลงติดอยู่กับสายน้ำ status quo ของทุนนิยมก็คงสูญพันธุ์ไปเอง - ในฟุตบอลมีกฎ กรรมการเป็นผู้พิพากษา ทำฟาวล์แล้วกรรมการไม่เห็นคือไม่ผิดกฎ? กรรมการซูเอี๋ยกับทีมนึงตัดสินเข้าข้างตลอดก็ไม่ผิดกฎ? - จริยธรรมมีแน่นอน ในฟุตบอลมีกฎหรือว่าถ้ามีคนเจ็บให้เตะบอลออกนอกสนามเพื่อหยุดเกม มีกฎหรือว่าถ้าทีมนึงเตะบอลออกนอกสนามเพราะมีคนเจ็บ ให้อีกทีมทุ่มบอลคืน  เหตุการณ์นี้เกิดขึนจริง โกล์ทีมนึงออกมาตัดบอลแล้วบาดเจ็บ ลูกบอลกลิ้งไปทางปีกฝ่ายตรงข้าม ปีกก็โยนบอลเข้ากลางมาให้ศูนย์หน้า ศูนย์หน้าคนนั้นจะยิงประตูโล่งๆซะก็ได้ ไม่มีกฎบอกว่าประตูโล่งห้ามยิง แต่ศูนย์หน้าคนนั้นยกมือขึ้นจับบอล จงใจแฮนด์บอลเห็นๆ! ควรให้ใบเหลือง?  ถ้าสมมติศูนย์หน้าคนนั้นยิงประตูซะ ก็ควรได้ประตู? - กฏหมายคนเขียนขึ้นมาอยู่แล้วครับ อย่าไปยึดติดมาก ไม่ชอบเปลี่ยนได้ ควรเคารพใช่ แต่จะไปยึดว่าเป็นที่สุดนี่ก็เกินไป จากคุณ : HotChoc - [ 8 ก.พ. 49 05:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอาเป็นว่าเห็นด้วยกับคุณจขกท. และดร.อมรา ดีใจที่จุฬายังมีคนที่คิดอย่างคุณ ขอให้รักษาเกียรติภูมินี้ไว้ตลอดไปครับ ใครอ้างจิตรเข้ามาโยงกับเรื่องรับใช้ประชาชน ขอให้รู้ว่าจิตรถูกโยนบกตั้งแต่เป็นนิสิต เป็นสาราณียกรทำหนังสือวารสารซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในกลุ่มนิสิตจุฬา ประชาชนยังไม่รู้เรื่องด้วยครับ จากคุณ : เข้ามาอ่าน - [ 8 ก.พ. 49 07:52:23 A:58.10.125.106 X: TicketID:106097 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โห  ขยันคิด  ขยันพิมพ์กันจริง ๆ นับถือ ๆ  คุณนายเจ็ดตัวอักษรเป็นนักเขียนมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย จากคุณ : leecang (leecang) - [ 8 ก.พ. 49 08:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่าคุณวรณัยคงจะรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้  หรือไม่ก็เพราะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ที่ตกเป็นข่าวเป็นพิเศษ  ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาเรื่องการเมืองเข้ามาพูดในห้องนี้  อีกประการผมรู้สึกว่ามันเป็นการบ่นอย่างใช้อารมณ์มากไปสักหน่อย ผมเองก็มีความวิตกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เช่นกัน  เพราะหลายอย่างดูว่าชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่  ในการออกมาแสดงความเห็นของอาจารย์อมราก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมของท่าน  แต่ผมรู้สึกว่าข้อเรียกร้องนั้นออกจะเกินเลยไปสักหน่อย ต่อข้อสงสัยที่ยังไม่ได้รับการสรุปของทุกท่านที่มีต่อท่านนายกนั้น  ไม่น่าจะเป็นการยุติธรรมนักหากจะรีบออกมาพิพากษากันเอาเองตามใจชอบ  ผมเองอยากได้รับฟังข้อคิดเห็นที่เป็นกลางมากกว่านี้จากผู้ที่มีความรู้เป็นถึงอาจารย์  หากเราใช้เพียงข้อสงสัย, ข้อสันนิษฐาน, ข่าวลือ หรือกระแส  มาใช้ขับไล่ผู้บริหารประเทศ  เชื่อแน่ว่าประเทศไทยจะต้องมีการเปลี่ยนผู้นำบ่อยเสียยิ่งกว่าการเปลี่ยนเสื้อผ้า  ผมอยากให้มีการผลักดันในเรื่องของการตรวจสอบหรือการคานอำนาจ  มากกว่าความคิดเห็นง่ายๆอย่างล้มมันเสียเฉยๆมากกว่าครับ ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : masked v - [ 8 ก.พ. 49 09:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ซุ่ม.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 8 ก.พ. 49 10:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เยี่ยม มีทั้ง Sophist และ Philosopher เลยในกระทู้นี้ คุณวรนัยเป็นรุ่นพี่แฮะ สวัสดีครับคุณวรนัย แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 49 10:47:17 จากคุณ : monkeygig - [ 8 ก.พ. 49 10:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ.วรณัย เป็นอาจารย์พิเศษด้านมนุย์วิทยา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทำธุรกิจส่วนตัว จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 8 ก.พ. 49 10:48:05 A:10.20.2.56 X:10.20.2.56, 202.44.70.54 TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อ.วรณัย เป็นอาจารย์พิเศษด้านมนุย์วิทยา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทำธุรกิจส่วนตัว จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 8 ก.พ. 49 10:48:05 A:10.20.2.56 X:10.20.2.56, 202.44.70.54 TicketID:032642 ^ ^ ^ ^ แน่ใจเหรอครับ ว่าเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะผม(รัฐศาสตร์ จุฬาฯ) จริงๆ แถมสอนมนุย์วิทยา(ที่ถูกต้องเขียนว่า มานุษยวิทยา ครับ) เสียด้วยแน่ะ เหอๆๆ ถ้า(เคย)สอนที่โบราณคดี จะไม่แปลกใจเลย เพราะเคยสอนจริงๆ มีหลักฐานอยู่ที่เวบของสำนักทะเบียนศิลปากร แต่ว่ามาสมอ้างว่าสอนที่คณะผม ขอรับรองว่าไม่จริง เหอๆๆ "อาจารย์วรณัย" ครับ ทำอะไรเอาไว้ ย่อมรู้อยู่แก่ใจนะครับ บอก(หลอก?)คนทั่วไปว่าจบบัญชีจุฬาฯมากี่คนแล้วล่ะครับ มีหลังไมค์มาเป็นหลักฐานนะครับ ยังไงๆก็สารภาพมาเร็วๆเถอะครับ ว่าความจริงแล้วคุณ"จบปริญญาตรี"จากที่ไหนกันแน่ จากคุณ : แจ้น - [ 8 ก.พ. 49 11:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ทำให้ผมยิ้มได้ในวันนี้ จะจำรอยยิ้มแรกของวันนี้เอาไว้ คำพูดคนล้านนาโบราณที่บอกว่า "หัวใจข้า หัวใจเจ้า ห้อยอยู่ที่เดียวกัน" ก็คงจะเป็นจริงคราวนี้ เชื่อเหลือเกินว่าคงไม่มีใครตัดเอาใจของประชาชนไป ปล่อยให้ใจเจ้าว้าเหว่เดียวดายเป็นแน่ อย่างไรก็ตามอาจารย์วรณัยและนายเจ็ดตัวอักษรที่ผมนับถือมาตลอด ท่านว่าผิดเป็นครู ท่านยอมรับผิดก็เท่ากับยอมรับครู ครูก็มาจากคุรุคือทำงานหนัก เรารับผิดเราก็รับงานหนัก เมื่อรับงานหนักก็ย่อมต้องอดทน อดทนเพื่อฝ่าฟันกับอุปสรรคทั้งปวง ... เรารับผิดแล้วเราต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน ผมพูดแบบนี้ถูกไหมครับ จากคุณ : บ้านายคำเก่ง - [ 8 ก.พ. 49 12:42:48 A:161.200.255.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 39 1 แน่ใจเหรอครับ ว่าเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะผม(รัฐศาสตร์ จุฬาฯ) จริง / อ.วรณัย บอกมา จริงหรือไม่ ไม่ ทราบ 2 พิมพ์ผิดจริง ๆ โทษที 3 ถ้า(เคย)สอนที่โบราณคดี จะไม่แปลกใจเลย เพราะเคยสอนจริงๆ มีหลักฐานอยู่ที่เวบของสำนักทะเบียนศิลปากร / อ.วรณัย ก็เคยบอกว่าเคยสอนที่โบราณคดี จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 8 ก.พ. 49 14:39:25 A:10.1.0.104 X:10.1.0.104, 202.44.70.51 TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แน่ใจเหรอครับ ว่าเป็นอาจารย์พิเศษที่คณะผม(รัฐศาสตร์ จุฬาฯ) จริง / อ.วรณัย บอกมา จริงหรือไม่ ไม่ ทราบ คุณคงยืนยันเช่นนั้นจริงๆ ว่า "อาจารย์วรณัย" เคยสอนมานุษยวิทยา ที่จุฬาฯ  ถ้าเช่นนั้นก็ขอขอบคุณคุณมากๆนะครับ ที่ช่วยเป็นอีกเสียงมาชี้ให้เห็นว่า คนๆนี้โกหกเก่งเพียงไร หึหึ ส่วนเคยสอนที่โบราณคดีนั้น จริง ไม่เถียง แต่เคยสอนจุฬาฯผมยอมไม่ได้ พอๆกับที่บอกว่าจบป.ตรีจากบัญชี จุฬาฯ นั่นแหละ ผมจะรอว่าเมื่อไหร่เจ้าของกระทู้จะมาตอบให้หายข้องใจครับ จากคุณ : แจ้น - [ 8 ก.พ. 49 16:22:32 ]

ความคิดเห็นที่ 41 1 ไปถามกับ อ. วรณัยโดยตรงเลยดีกว่า แต่ว่าตอนที่ข้าพเจ้าถาม อ. วรณัย ว่าเหตุใดจึงไม่มีชื่ออยู่ที่ภาควิชามานุษยวิทยา ( ในเว็บไซท์ ) อ. วรณัย บอกว่าเป็นอาจารย์พิเศษ จึงไม่มีชื่ออยู่ที่ภาควิชาดังกล่าว 2 อ.วรณัย เคยบอกว่าเป็นนักมานุษยวิทยาและทำธุรกิจส่วนตัว 2.1 อ. วรณัย น่าที่จะเป็นนักมานุษยวิทยาจริง เพราะเห็นมีผลงานทางด้านนี้มาบ้าง ส่วนจะเคยเป็น อ. พิเศษหรือไม่นั้นอันนี้ไม่ทราบ ป.ล. คุณ แจ้น ลองค้น คำว่า วรณัย ใน Google ดูเสียก็ได้จะได้รู้ว่า อ. วรณัย พูดจริงหรือไม่ จากคุณ : ขุนนางอยุธยา - [ 8 ก.พ. 49 16:39:25 A:10.1.0.104 X:10.1.0.104, 61.90.165.54 TicketID:032642 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เรียนคุณเจ็ดตัวอักษร ขอบคุณครับที่สละเวลามาตอบครับ พอดีผมพิมพ์นานไปหน่อยเลยโพสต์ตามหลังปัจฉิมลิขิตไปโดยไม่ได้อ่าน ขออภัยครับ แต่ผมยังคาใจอยู่ ขอไม่ตอบตามประเด็นของคุณเจ็ดตัวอักษร แต่เรียบเรียงตามประเด็นที่ผมยังเห็นแย้งอยู่นะครับ 1.ผมไม่ได้มองพัฒนาการของระบบสังคมเป็นแบบที่แยกเด็ดขาด ทุนนิยมเองก็ยังมีพวกซ้ายพวกขวา สังคมนิยมก็เช่นเดียวกัน พวกสังคมนิยมขวาจัดกับพวกทุนนิยมซ้ายจัดบางครั้งก็พูดยากว่าใครซ้ายกว่าใคร ลองเทียบสภาพสังคมประเทศแถบสแกนดิเนเวียกับประเทศจีนตอนนี้ดูสิครับ ดังนั้นผมจึงไม่คิดว่าทุนนิยมจะพัฒนาไปเป็นสังคมนิยมได้ เพราะสังคมนิยมพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าไม่เหมาะกับสนดานดิบเรื่อง "ความโลภ" ของมนุษย์ ดังนั้น หากหวังผลิตภาพ ทุนนิยมจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ ทุนจึงเคลื่อนย้ายเร็วมาก สุดท้ายการเก็งกำไรโยกย้ายเงินทุนอย่างรวดเร็วก็ทำให้ทุนในแง่การเป็นปัจจัยการผลิตเริ่มสูยเสียสภาพไป นี่เองผมถึงว่า ทุนนิยม ดีที่สุดตอนนี้ แต่มีปัญหาในตัวเองอยู่มากและต้องการการปรับตัว ทั้งนี้ทั้งนั้นจะไปในทิศทางไหน สถาพสังคมจะเป็นตัวกำหนดเอง ถ้าความตึงเครียดในแง่ความแตกต่างของความเป็นอยู่ของคนจนกับคนรวยสูงมากเกินไปมันก็ต้องระเบิดเป็นธรรมดา ดังที่เคยเกิดขึ้นกับระบบอื่นๆในอดีตมาแล้ว 2.เรื่องทุนนิยม กับเรื่องธุรกิจการเมืองต้องแยกออกจากกัน ถ้าเอามารวมกันเมื่อไหร่ ก็จะเกิดความตึงเครียดอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ คนมีเงินปล่อยกู้ให้คนไม่มี(ให้ยืมปัจจัยการผลิต) ได้ดอกเบี้ย ก็ทำให้เกิดระยะห่างระหว่างคนรวยกับคนจนมากขึ้น (คิดดูง่ายๆคนเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะแตกต่างกัน ถ้ามีความสามารถเท่ากัน จะดำเนินชีวิตได้แตกต่างกันมาก)   เรื่องนี้เป็นความตึงเครียดทางสังคม แต่ยังไม่ใช่เรื่องที่จะแตกหักเร็วนัก เพราะเราอยู่ในโลกของทุนนิยม(อย่างที่คุณเจ็ดตัวอักษรว่าไว้) แต่หากมองการเมืองเป็นธุรกิจการเมือง เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทน อันนี้ความตึงเครียดมันต้องสูงเป็นธรรมดา เพราะนี่ไม่ใช่ระบบที่คน(ส่วนมาก)ยอมรับ 3. กรณี Shin Corp หากจะมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะมูลค่าหุ้นของ Shin เติบโตขึ้นใกล้เคียงกับ Set Index อันนี้เป็นการหลอกคนที่ไม่เข้าใจระบบตลาดทุน มูลค่าหุ้นของ Shin เอง เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของ AIS เป็นหลัก growth ของ AIS ก็มาจากจำนวน subscriber ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในช่วง 2-3 ปีแรกของรัฐบาลคุณทักษิณ สัดส่วน subscriber ระหว่างกทม.กับต่างจังหวัด เปลี่ยนจาก 70:30 เมื่อก่อนเข้ารับตำแหน่ง กลายเป็น 30:70 ในปัจจุบัน ผมไม่ได้เห็นว่า Shin ทำผิดอะไร เพราะ Shin เป็นองค์กรธุรกิจในระบบทุนนิยม แต่ opportunity ที่ Shin ได้รับนี้น่าเคลือบแคลง เพราะกำลังซื้อของคนในต่างจังหวัดเกิดจากนโยบาย "แก้จน" ของรัฐบาล ที่ว่าน่าเคลือบแคลงคือ - ชาวบ้านหายจนจริงหรือไม่? - โทรศัพท์มือถือที่ซื้อไป มีสภาพเป็นปัจจัยการผลิตหรือเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยกันแน่ ฟัง maid เล่าเรื่องที่แม่กับน้าซื้อมือถือไว้คุยกันตอนไปเก็บหน่อไม้ในป่านี่ "หัวร่อมิออก ร้องไห้มิได้" เลยครับ ยิ่งมองในแง่จังหวะการขายกิจการ มันยิ่งชวนให้สงสัยถึงวิธีคิด วิธีการทำธุรกิจ growth ของ AIS นั้นเริ่มชะลอแล้วครับ สาเหตุหลักคือตลาดต่างจังหวัดเริ่มอิ่มตัวแล้ว ทั้งในแง่ air time และ บริการเสริมพวก ringtone, logo ฯลฯ ในขณะที่บริการเสริม Non voice อื่นๆไม่เติบโต ด้วยสภาพ profile ของประชากรเราเอง ใครที่มองว่า 3G จะสร้างรายได้มหาศาลนั้น ผมว่าิคิดผิดครับ 2.5G หรือ 2.75G ยังไม่ได้เรื่องได้ราวเลย เป็นแค่ของเล่น ถ้า 3G จะช่วยได้ก็แค่เรื่องที่ทำให้ต้นทุนบริการ voice ต่ำลงด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีการลงทุนมหาศาลด้วยนะครับ เห็นได้ชัดว่า AIS นั้นช่วงหลังนี้และต่อจากนี้ growth จะเป็น growth จากการทำธุรกิจปกติแล้วครับ ไม่ได้เกิดจากนโยบายเหมือนช่วง 4-5 ปีที่แล้ว ดูแล้วน่าคิดนะครับ ว่าในแง่ของเจ้าของกิจการ เขาทำธุรกิจอะไรอยู่กันแน่? 4. เรื่องอย่างนี้จะจัดการโดยการส่ง ปปช. มันไม่ง่ายครับ มันเหมือนกับการตัดถนนผ่านเข้าไปในที่ๆกว้านซื้อที่ดินเอาไว้แล้ว คนได้รับประโยชน์มีหลายคน คนทั่วไปก็มาก นักการเมืองก็เยอะ แต่วิธีตัดถนนผ่านที่นี่เป็นวิธีเด็กๆที่นักกิน.. เอ๊ย... นักการเมืองรุ่นเก่าเขาทำกัน (แต่ไม่ได้หมายถึงว่ารุ่นใหม่จะไม่ทำนะครับ ลองไปดูสิครับว่าโครงการของ SC Asset ขึ้นที่ไหนบ้าง ซื้อที่เมื่อไหร่ ต้นทุนเท่าไหร่ โครงการตัดถนนมีเมื่อใดนะครับ) วิธีแบบผู้ใหญ่ๆเขาตัดถนนมหาสมบัติเข้าไปในธุรกิจเลยครับ ธุรกิจไหนถนนมหาสมบัติตัดผ่านก็รวยเละครับ ถ้าการตัดถนนนั้นสร้างประโยชน์ให้บ้านเมืองเป็นส่วนมากก็ยังดีครับ แต่หลายๆนโยบายคงเห็นกันอยู่ว่าสร้างผลอย่างไร เรื่องแบบนี้กฏหมายบ้านเมืองเล่นงานตรงๆยาก แต่คุณว่าถูกต้องไหมล่ะครับ? แล้วเราในฐานะเจ้าของเงินกองกลางร่วมกันไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเลยหรือครับ? น่าคิดนะครับ 5.ประเด็นสถาบันผมไม่เคยเห็นด้วยกับการเหมารวมคน ไม่ว่าจะโดยสถาบัน โดยเชื้อชาติฯลฯ แต่คำขวัญของสถาบันมีไว้เพื่อกำหนดแนวทางของคนที่สถาบันนั้นคาดหวังที่จะผลิตออกมาครับ และไม่ได้ผูกขาดแต่อย่างใด จุฬาฯดีได้ ไม่ได้แปลว่าธรรมศาสตร์ไม่มีสิทธิ์ดีด้วยนะครับ นอกจากนี้คำขวัญเป็นอย่างนี้ก็ไม่ได้แปลว่าบัณฑิตทุกคนจะเป็นอย่างนี้นะครับ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้เห็นวิศวฯจุฬามีคนชื่อ ธีรยุทธ บุญมี กับ พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาลอยู่รุ่นเดียวกันนะครับ และการที่มีรุ่นพี่วิศวะเอาจิตรไปโยนบก จะเป็นข้อสรุปว่า รุ่นน้องวิศวฯจุฬาอย่างคุณเจ็ดตัวอักษรหรือผมเป็นคนประเภทเดียวกันนะครับ ต้องแยกแยะให้ได้ คนเราเป็นปัจเจก แต่ก็เป็นสัตว์สังคมด้วยครับ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 8 ก.พ. 49 17:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โอย ผมส่งหลังไมค์ไปถามซะไม่รู้จะถามยังไงอยู่แล้วครับ ไม่ยอมตอบสักที สงสัยคงยังไม่ได้เข้าไปเช็ค อ้อ แต่ยังไงๆก็ขอบคุณคุณขุนนางอยุธยา มากด้วยนะครับ สิ่งที่คุณตอบมามีประโยชน์กับผมมาก แต่คุณไม่ใช่เป้าหมายของผม ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ นี่ผมกำลังรอเจ้าของกระทู้มาเช็กอยู่ครับ จะได้กระจ่างแจ้งไปเสียที จากคุณ : แจ้น - [ 8 ก.พ. 49 18:00:30 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณแจ้นกำลังทำตัวเหมือนกับผู้หวังดีคนไทยในสมัยที่มีการสร้างและจะนำภาพยนตร์เรื่องแอนนาแอนด์เดอะคิงมาฉายที่ประเทศไทย ครั้งนั้นมีการอ้างสาเหตุที่ไม่ควรนำภาพยนตร์เรื่องนี้มาฉายที่บ้านเราว่าเพราะนางแอนนาไม่ได้รับผลประโยชน์อันน่าพึงพอใจจึงใส่ร้ายพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นั้น หาได้อ้างความมิบังควรของเนื้อหารายละเอียดในภาพยนตร์ไม่ ทับทิมไม่ได้ถูกแห่ประจานรอบเมืองและนำไปเผาในกองไฟ จึงทำให้ประเด็นนี้ไม่ค่อยมีใครวิจารณ์กันเท่าที่ควร ... ที่ล้านนาบ้านผมคำว่า แจ้น แปลว่า วิ่งไปตรงโน้น ตรงนี้ วิ่งเข้าไปวุ่นไม่เข้าท่า คนที่ชอบแจ้น หรือหากถูกเรียกว่า แจ้น หมายถึงคนผู้นี้เป็นคนที่ทำให้ผู้พูดรำคาญใจเป็นยิ่งนัก อยากจะถามเหลือเกินว่า หากอาจารย์วรณัยเป็นนักเลง คุณแจ้นอยากจะให้คนอ่านกระทู้นี้คิดว่าความคิดนักเลงไม่ควรค่าแก่การปรากฏในพันธ์ทิพย์เทียวหรือ ต้องบอกไว้ก่อนว่ายุคนี้สมัยนิยมเล่นหมู่เล่นพวก มาแจ้นแบบนี้หาพวกมาหรือเปล่าครับ ดูอย่างนายกนั่นประไร พวกมาก ลากกันไปรัฐสภา แต่หากมาเดี่ยวระวังโดนรุมนะครับ ผมอ่านข้อคิดเห็นของนายเจ็ดตัวอักษรก็ชวนให้นึกถึงอรชุนถามพระกฤษณะ พออ่านของคุณ CracyHorse ก็เหมือนพระราชาตริวิกรมเสนทรงตอบคำถามเวตาล ก็สนุกดี ผมคนอ่านก็เพลินไปด้วย ... แต่พอมาถึงคุณแจ้น เห็นจะว่ากันไปตามตรง ว่าถามพิลึกคน เอาง่ายๆแบบนี้ อาจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิชาให้ผม จนผมมีความรักในล้านนาแผ่นดินเกิดของผม ท่านเป็นคนที่ผมเรียกว่า ฅนไธย หรือ คนสยาม นักเขียนที่ผมชื่นชอบคือท่านอากาศฯซึ่งเป็นชาวสยาม แต่ผมมักเขียนสิ่งที่ไม่ค่อยดีของคนสยามหรือฅนไธยให้ชาวล้านนาอ่าน แบบนี้ผมไม่ได้เป็นคนไทยด้วยหรอกหรือ จากคุณ : บ้านายคำเก่ง - [ 8 ก.พ. 49 19:28:30 A:161.200.255.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 สังเกตคุณนายเจ็ดตัวอักษรมานาน สิ่งที่โพสต์ลงไป ก็มีเหตุผล แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ ถ้าคุณนับถือเสรีภาพทางความคิด ทำไมต้องพยายามให้เรื่องจบลงที่กระทู้ของคุณในทำนองว่า "หวังว่าผมคงไม่ต้องเถียงกับคุณต่ออีกนะ" หรือ"อย่ามาเถียงผมอีกนะ" อะไรประมาณนี้ด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ หรืออาจเป็นได้ว่า วิศวกรมักจะเชื่อมั่นในความคิดของตนเองจนเกินเลย ก็เลยไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ไม่รู้จักการประนีประนอมความคิดกัน(หรือเปล่า) จริงหรือเปล่า? รู้ป่ะครับ คนนอกเค้าเรียกพวกวิศวกรอย่างพวกคุณกันว่า"กระด้างพันธุ์"(Hardware)กันน่ะครับ รับน้องทีนี่ โอ้โห วิดวะบ้าพลัง วิดวะโชว์พาว อวดสาวกันสุดๆ รับน้องที ให้น้องวิ่งรอบสนามฟุตบอลจนสลบก็มี หรือไม่ก็ลุกนั่งเป็นร้อยๆครั้ง คณะผมยังมีการบอกว่า"พอ"บอกว่า"หยุด"บ้างแล้วนะ คณะพวกลุงๆน่ะ สุดๆเลย แถมเวลาอยู่กันเป็นกลุ่ม ชอบส่งเสียงดัง โวยวายน่ารำคาญมาก โวยวายข้างถนน หรือในคณะ ผมไม่ว่า แต่โวยวายในหอพักนี่สิ น่าโมโหสุดๆ ผมเคยส่งกระดาษข้อความไปด่าพวกนี่ไม่รู้กี่เที่ยวต่อกี่เที่ยว ก็เงียบไปซักพัก แล้วก็โหวกเหวกกันอีก ผมก็ไม่รู้นะ ว่าคณะอื่นทำไมเค้าเงียบๆกันได้ คณะนี้ดันมาทำเสียงดังอยู่ได้ น่ารำคาญสุดๆ แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่หอชายด้วยกัน จะส่งเสียงดังเรียกร้องความสนใจจากผู้หญิงได้ที่ไหน ก็หอมันมีแต่ผู้ชายกับกระเทยนี่หว่า! โทษทีที่ขอระบายอารมณ์มากไปหน่อย อืม...หวังว่า คุณนายเจ็ดตัวอักษรคงไม่"เผด็จการทางความคิด"มากจนกระทั่งไม่มาตอบผมอีกนะ อีกซักปัจฉิมลิขิตจะเป็นไรไป จริงป่ะครับ จากคุณ : เสนีย์ - [ 8 ก.พ. 49 19:42:30 A:10.7.1.73 X:202.28.27.5 TicketID:115475 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ก่อนอื่นขอเรียนว่า...เลื่อมใสทุกความคิดเห็นค่ะ แต่ด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน ระหว่างคนที่มองในมุมของรัฐศาตร์ (คือคุณ วรณัย จขกท)   และมุมมองของนักสังคมวิทยา  (ท่านเจ็ดฯ..  ที่ถึงแม้ท่านจะดำรงชีพเป็นวิศวกร  แต่ท่านก็บอกว่าท่านมองในมุมของสังคมวิทยา) ตัวเอง  ไม่ได้เป็นทั้งสองอย่างค่ะ  แต่ด้วยความเลื่อมใสดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็อดที่จะเข้ามาชื่นชมมิได้ เพียงแค่มุมมองที่แตกต่างกัน  ถึงแม้จะเป็นประเด็นเดียวกัน  แต่รายละเอียดของการสนธนา ก็ขยายวงกว้างจนไม่สามารถหาข้อสรุปได้เป็นแน่แท้ กรณีนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ ..  ฟันธงได้เลยว่า  ไม่มีข้อสรุปแน่นอน  เพราะทุกคำตอบ.. ถูกทั้งหมด! นี่แหละค่ะ  คือเสน่ห์ของห้องประวัติศาตร์ของเรา  ทุกท่านต่างก็ยอมรับว่าเราไม่ได้ มาถก มาเถียงกัน เพียงเพื่อหาผู้แพ้ หรือผู้ชนะ   แต่เรามาลับสมอง ลองปัญญากัน แบบวิถีทางที่ท่านโซเครติสได้กระทำมาตลอดชีวิตของท่าน   การได้พูดคุย สนธนากับนักปราชญ์  เสมือนกับได้อ่านหนังสืออันทรงคุญค่าในห้องสมุดห้องใหญ่   นักรัฐศาสตร์มองว่า  ระเบียบการปกครองของนักปกครองที่เป็นอยู่นี้  ถูกต้องในแนวทางการปกครอง และมีจริยธรรมทางการเมือง หรือไม่?  เพียงใด? ในขณะที่นักสังคมวิทยามองว่า มันเป็นวิวัฒนาการ...  มิใช่เป็นการจงใจกระทำของใครคนใดคนหนึ่งไม่ สังคมที่พัฒนามาตั้งแต่ระบบทาส  ศักดินา  จนเป็นทุนนิยมในปัจจุบันนี้  นักสังคมวิทยาอาจจะยังมองไม่ออกว่า  แล้วสังคมในอนาคตล่ะ ? จะเป็นเช่นไร?   ต้องรอให้มันมีวิวัฒนาของของมันเอง   ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้น   นักคิดนักเขียนทั้งหลายผู้ที่เคยให้แนวคิดนี้ไว้  ก็คงไม่มีโอกาสอยู่ชื่นชมการเปลี่ยนแปลงของสังคม ตามแนวความคิดที่ตนเองเคยคาดคะเนไว้แล้ว   ในมุมมองของนักรัฐศาสตร์   แน่นอนว่า สิงห์ดำ สิงห์แดงทั้งหลาย ย่อมถูกปลูกฝังมาให้เป็นนักปกครอง นักปกครองที่ดี  ควรเป็นอย่างไรคะ?  คณาจารย์ทุกท่าน ปลูกฝังมาไม่ผิดทางหรอกค่ะ    เพียงแต่ว่า  นักปกครองเหล่านั้น  สวมวิญญานของนักปกครองในสังคมแบบไหน ถ้าเป็นสังคมเศรษฐกิจทุนนิยม จำต้องว่ายตามกระแสธาราอย่างที่ท่านเจ็ดกล่าวไว้  เพราะไม่อาจสวนกระแสได้ แต่ถ้านักปกครองเหล่านั้น  ถูกสอนมาให้เป็นนักปกครองแบบเผด็จการ   พฤติกรรมต่างๆที่เป็นอยู่ก็จะเปลี่ยนไป แต่จะเป็นการปกครองแบบคอมมิวนิสต์  ซึ่งก็มีการคอรัปชั่นแบบคอมมิวนิสต์ให้เห็น อาจจะร้ายแรง และรุนแรงกว่าการคอรัปชั่น ในระบอบทุนนิยมก็เป็นได้ แตกต่างกันอยู่ที่  ถ้าเป็นการคอรัปชั้นในระบอบคอมมิวนิตส์  เป็นการกระทำที่สามารถกระทำได้โดยไม่มีความผิด ตราบเท่าที่ยังมีอำนาจสังหารอยู่ในมือ ใครเหี้ยมมาก  ก็กระทำได้มาก   แต่ในประวัติศาตร์   ยังไม่เคยเห็นผู้นำเผด็จการคนไหน  ไม่เหี้ยมเลยนะคะ หรือถ้าเป็นคอรัปชั่น ในระบอบทุนนิยม  ที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตย  ซึ่งบังคับให้ต้องกระมิดกระเมี้ยน  จึงกระทำอย่างโจ่งแจ้งมิได้   การคอรัปชั่นเชิงนโยบายจึงถือกำเนิดเกิดขึ้น เพียงเพราะว่า  นายกคนนี้ของเรา  สวมหมวกสองใบในเวลาเดียวกัน ใบหนึ่ง ท่านเป็นนักการเมือง มีหน้าที่บริหารบ้านเมืองเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชน อีกใบหนึ่ง ท่านเป็นนักธุรกิจ ซึ่งแน่นอนว่า  การหากำไรสูงสุด  เป็นเป็นหมายที่ท่านต้องก้าวไปให้ถึง แต่จะอย่างไรก็ตาม  ท่านจะก้าวไปถึงแล้วหรือไม่  ไม่มีใครตอบได้  นอกจากตัวท่านเองเท่านั้น ถ้าท่านตอบว่า   ถึงแล้ว ...  นั่นคือท่านพอแล้ว  ส่วนที่เหลือท่านจะทำเพื่อสังคม แต่ถ้าท่านตอบว่า  ท่านยังไปไม่ถึงเป้าหมาย  นั่นหมายความว่า   ท่านยังไม่สามารถก้าวผ่านไปสู่สังคมในอุดมคติของพุธปรัชญาได้ สังคมในอุดมคติตามทฤษฏีใดก็ตาม   ก็ไม่สามารถบังเกิดขึ้นในโลกนี้ได้หรอกค่ะ   นอกจากสังคมพุธปรัชญา   หลักพุธปรัชญา เน้นที่ประเด็นหลักประเด็นเดียวแบบไม่ให้งง    คือเมื่อไหร่ที่มนุษย์ ละทิ้งกิเลสได้  สังคมในอุดมคติก็จะบังเกิดขึ้น   ข้อสรุปตรงนี้   คุณสื่อศิลปเคยสรุปให้ฟังค่ะ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 8 ก.พ. 49 19:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เรียนทุกท่านที่อ่านกระทู้นี้โปรดทราบ    กระผมมิได้มีความคิดอยากจะเล่นงาน หรือทำอะไรให้ใครเลย เพราะไม่มีเหตุจำเป็นอะไรต้องทำ ถ้าไม่ใช่เพราะหลังไมค์ของ "อาจารย์วรณัย" ที่หลายท่านในที่นี้เคารพนับถือ เขียนเอาไว้ว่า นักมานุษยวิทยา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบัน เป็นที่ปรึกษาการตลาด กิจกรรมการตลาดด้านการกีฬา ท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ที่ปรึกษารายการทีวี และอาจารย์พิเศษ ซึ่งมันทำให้ผมไม่พอใจมาก คำว่านักมานุษยวิทยาจากจุฬาลงกรณ์ฯ มันก็ชี้ให้เห็นแล้วว่า เขาน่าจะมาจากจุฬาฯ หรือมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับจุฬาฯไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งในความคิดเห็นของผมนั้น นักมานุษยวิทยาจากจุฬาฯ มีอยู่กระจึ๋งเดียว อยู่ในสองคณะคือรัฐศาสตร์ กับอักษรศาสตร์ เท่านั้น ซึ่งผมก็รู้จักทุกท่าน ถ้าไม่รู้จักโดยการพูดคุย ก็รู้จักผ่านการอ่านงานของท่านเหล่านั้น เนื่องจากเหตุผลข้างต้น การที่มีคนๆหนึ่งมารับสมอ้าง ว่าเป็นอาจารย์ หรือนักมานุษยวิทยาจากจุฬาฯนั้น จึงเป็นสิ่งที่ผมรับไม่ได้ เพราะมันไม่เป็นความจริงเลยยย ครั้นไปสอบถามกับท่านอาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของวรณัยแล้ว(ซึ่งผมค่อนข้างสนิทสนมกับท่าน) ว่าเคยเป็นอาจารย์พิเศษจริงหรือไม่ อาจารย์ท่านนั้นตอบว่า ไม่เคย(อยากทราบชื่ออาจารย์จริงๆให้ถามหลังไมค์) เคยแต่ให้ไปคุมเด็กเวลาลงภาคสนามกับให้บรรยายในชั้นบ้าง ซึ่ง เป็นหน้าที่ที่ผมพิจารณาดูแล้ว พบว่ามันคล้ายๆหน้าที่ของทีเอทั่วๆไปนี่เอง จากคุณ : แจ้น - [ 8 ก.พ. 49 21:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อดรนทนไม่ได้ ไปเปิด google ดูชื่อคุณวรณัย พบว่าคุณวรณัยเรียนจบปริญญาโททางมานุษวิทยา ผม อ่านพบชื่อวิทยานิพนธ์ของเขา เป็นวิทยานิพนธ์สังคมวิทยามหาบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา, ของบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาเรียกตัวเองว่านักมานุษยวิทยา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ได้เชียวหรือครับ ในเมื่อจบปริญญาโทมาทางนี้ ผู้ที่กำหนดว่าคนที่เป็นนักมานุษยวิทยาได้ ต้องมีกระจึ๋งเดียว สอนอยู่ในคณะรัฐศาสตร์กับอักษรศาสตร์ มีความสับสนระหว่างอาชีพอาจารย์สอนวิชานี้ กับคนที่มีความรู้และมีผลงานทางนี้ (โดยไม่ต้องเป็นอาจารย์ประจำ) รึเปล่าครับ ผลงานของคุณวรณัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ก็มีอีกนี่ครับ อาจารย์ที่ปรึกษาของคุณพูดว่า "เคยแต่ให้ไปคุมเด็กเวลาลงภาคสนามกับให้บรรยายในชั้นบ้าง" คำที่ว่า "บรรยายในชั้น" ให้นิสิตมหาวิทยาลัยฟังนี่แหละครับ เขาเรียกว่าอาจารย์พิเศษ ไม่ว่าจะบรรยายทั้งเทอม หรือว่าเข้ามาบรรยายเฉพาะบางชั่วโมงก็ตาม ถือว่าเป็นผู้ถ่ายทอดให้ความรู้ และมีความรู้พอจะถ่ายทอดให้นิสิตฟัง เรียกว่าอาจารย์ได้ครับ เป็นอาจารย์ที่ไม่ได้กินเงินเดือนประจำ เขาเรียกว่าอาจารย์พิเศษ หรือคุณจะบอกว่า "บรรยาย" ในชั้นเรียน ไม่ถือว่า "สอน" ? เรียนมาจนจะจบปริญญาตรีแล้วยังเข้าใจผิดได้ขนาดนี้เชียวรึครับ จากคุณ : สงสัย - [ 8 ก.พ. 49 21:29:26 A:203.188.55.153 X: TicketID:106097 ]

ความคิดเห็นที่ 49 กะแล้ว ว่าต้องมีคนด่าวิศวกรเพราะคุณเจ็ดตัวอักษร ไม่อยากพูดอะไรมาก คนเราต่างจิตต่างใจ ทุนนิยมมีไว้ให้พวกคนมีอำนาจวาสนารังแกประชาชน เมืองไทย เราพร้อมไหม ที่จะเล่นกันแบบในกติกา แบบไม่มีตัวช่วย คนต่างจังหวัดถ้าเค้าเลือกได้เค้าไม่อยากเกิดมาจนหรอก จำไว้อย่างน่ะค่ะว่าทุนการศึกษาตอนปริญญาตรี ส่วนหนึ่งมากจากภาษีประชาชน คุณอาจไม่คิดอะไร แต่ดิฉันจำไว้ในสมองเสมอว่ามีวันนี้เพราะใคร ขอบคุณคุณ Crazy Hose ที่ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีวิศวกร ด้วยอาชีพนี้มันต้องใช้ความรู้ที่ต้องรู้จริง ที่แก้ไขก็ความข้างบนเพราะรำคาญพวกเหลือบในห้องนี้ที่ตามลบความเห็น หรือด่ามาหลังไมค์ แต่ อยากจะบอกไว้อย่างว่า ดิฉัน ได้รับผลประโยชน์จากการที่ระบบโทรคมนาคมโตแบบก้าวกระโดด เพราะว่าดิฉันคือภาคีวิศวกรด้านโทรคมนาคม  งานหาง่ายมาก วันไหนอยากเปลี่ยนงาน ทำได้สบายมาก เข้าใจว่าคุณเจ็ดตัวอักษรคงไม่อยากเสียสิ่งนี้ไป แต่ความสุขบนความไม่รู้ ความทุกข์ ของเพื่อนร่วมชาติตาดำๆ ดิฉันทำไม่ได้ อะไรเป็นอะไรเราตัดสินไม่ได้วันนี้แต่ดิฉันเชื่อว่า สวรรค์มีตา นรกมีจริง ใครทำอะไรไว้ย่อมได้ตามนั้น ถูกที่ท่านนายกและครอบครัวจะไปตั้งบริษัทไว้ที่เกาะบาปนั้นเพราะเค้าร่างกฏหมายนั้นมาเพื่อหารายได้ มันเหมือนบุหรี่ หรือเหล้าที่ขายได้ตามกฏหมาย แต่ ควรหรือไม่อีกประเด็นหนึ่ง ลำพังธุรกิจของท่านที่ได้รับการเอื้อประโยชน์ระหว่างที่ท่านเป็นนาย ก ก็มากพอแล้ว คุณคิดว่าคนเล่นหุ้นรวยทุกคนเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้น คงไม่มีกฏหมายยกเว้นภาษีในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าข้อมูลไม่จริง สายป่านไม่ยาว เจ๊งทุกราย แต่ท่านได้เปรียบตรงนี้แค่นี้น่าจะพอ แต่มันเป็นสิทธิของคุณที่จะสนับสนุนใครในระบบประชาธิปไตย จากคุณ : cyberbow - [ 8 ก.พ. 49 21:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 50 . แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 49 22:02:39 จากคุณ : แจ้น - [ 8 ก.พ. 49 21:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 51 หลังจากอ่านมาหลายความเห็นก็มึนตึบนะครับออกตัวก่อนนะครับผมแค่มือสมัครเล่นเป็นแค่ผู้สนใจ เวียนว่ายในห้องนี้ แต่ยังไงผมก็เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการที่คุณเจ็ดตัวอักษรฯ และคุณกาสะลองฯยกอ้างมา มันก็เหมือนกับกลไกราคา(มือที่มองไม่เห็น)ในวิชาเศรษฐศาสตร์ละครับ ว่าพอถึงเวลาหนึ่งปริมาณและราคาสินค้าก็จะปรับตัวเข้าสู่ดุลยภาพเอง ดูอย่างประเทศต้นแบบอย่างอังกฤษที่นับตั้งแต่มีการใช้กฎบัตรแมกนาการตาร์ ในศตวรรตที่ 13 ประชาธิปไตยของอังกฤษก็มีการพัฒนา ลองผิดลองถูก มาตลอด 600-700 ปี ปัจจุบันก็เข้ารูปเข้ารอยบ้างแล้ว บางทีที่พวกเรามาถกเถียงกันตรงนี้ก็อาจเป็ส่วนหนึ่งของกระบวนการวิวัฒนาการหรือการปรับตัวนั้นก็ได้ ว่าพอเราเลือกผู้นำอย่างนี้มา ก็ได้ผลลัพท์แบบนี้ ถ้าพอใจก็ให้อยู่ต่อ ไม่พอใจก็หาคนใหม่ อย่าลืมว่าเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วก็โหนกระแสความเปลี่ยนแปลงเข้ามาเหมือนกัน ส่วนไอ้เรื่องเอื้อประโยชน์นี้อันนี้ผมทำใจยอมรับได้ครับตราบเท่าที่คนเรายังมีกิเลส ยังไม่สามารถหลุดพ้น เป็นใคร ใครก็ทำครับ หรือจะบอกว่าคุณไม่ทำครับ(ขออภัยแรงไปนิด) บางทีผมยังไม่อยากเชื่อนะครับว่านักวิชาการด้านรัฐศาสตร์บ้านเราที่ออกมาปาวๆนี่จะไร้เดียงสา ไม่รู้หรือไม่เข้าใจธรรมชาติของการเมืองว่าปลาเล็กกินปลาใหญ่ ไม่เข้าใจใจว่าเมื่อได้อำนาจรัฐแล้วก็ต้องหาทางควบคุมให้มั่นคง (ลองอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ The Prince ของ มาวิเคลลี่ ชื่อภาษาไทย"เจ้าผู้ปกครอง" ซึ่งเนื้อหาแทบจะตรงกันข้ามกับ ทศพิธราชธรรมของเราเลยครับ) ถ้าไม่พอใจผู้ปกครองที่เป็นอยู่คุณก็ต้องให้ความรู้ ให้ความเข้าใจแก่คนในสังคมซิครับ (เค้าคงไม่เอาคุณไปขังหรืออุ้มไปหรอกครับ) ไม่ใช่ว่ามาตั้งโต๊ะ ออกแถลงการขับไล่ ทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากนักการเมืองที่คุณไปว่าเขาหรอกครับ กฎกติกาเราก็มี(ร่างมากับมือแท้ๆ) ทำไมไม่ทำตามกฎละครับ ถ้าเรามัวแต่คิดมักง่าย ไม่พอใจใครก็มาชุมนุมประท้วง แล้วเราจะเลือกตั้งทำไมละครับ ถึงกฎระเบียบมันจะห่วยในสายตาบางคนแต่ถ้าเราไม่เคารพกฎกติกากันแล้วผมว่าวสังคมวุ่นวายแน่ครับ ขอแค่นี้ละครับ... จากคุณ : ryzon - [ 8 ก.พ. 49 23:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมโวตกระทู้และเก็บไว้ในคลังแล้ว แต่น่าเสียดาย คงมีคนอ่านน้อยมาก เรื่องหนักๆ หาคนสนใจได้ยากในสมัยนี้ ดังนั้นคนกังฉินย่อมครองเมืองต่อไป 5 5 5 จากคุณ : K.Senior - [ 8 ก.พ. 49 23:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ผมก็เคยคิดสงสัยเหมือนคุณ Ryzon ว่านักวิชาการบ้านเราอ่อนต่อโลกจนไม่เข้าใจปัญหาเลยหรือ ประเด็นการออกมาเคลื่อนไหวก็ไม่หนักแน่นอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็ด้วยวิธีการมองเรื่องแบบ The Prince ของมาเคียเวลลีแบบคุณ Ryzon นี่แหละ แต่ว่ามองในมุมที่แตกต่างกันไป ในยุคของมาเคียเวลลี เนื้อหาของ The Prince ใช่ว่าจะเป็นเรื่องใหม่ ผมเห็นว่ามาเคียเวลลีแค่เอาความจริงมาพูด ความจริงที่ผู้ปกครองทั้งหลายรู้กันดีอยู่แล้วแต่แพร่หลายอยู่ในวงจำกัดสำหรับคนใต้ปกครอง นี่เองเป็นสาเหตุที่ The Prince กลายเป็นหนังสือต้องห้าม แต่ยุคสมัยนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไป ความรู้แบบนี้เป็นความรู้เปิดไปแล้ว คนรู้เท่าทันมีไม่น้อย แต่ข้อจำกัดมันเปลี่ยนไป การทุจริตถูกเบี่ยงเบนไปว่าต้องมีใบเสร็จ ต้องมีเรื่องการรับเงิน คอรัปชั่นทางนโญบายก็เลยลอดช่องว่างกฏหมาย(แบบศรีธนญชัย)ไปได้ เมื่อนักวิชาการพูดเรื่องจริงไม่ได้เพราะไม่มีใบเสร็จ จึงมีการโจมตีแบบหนามยอกเอาหนามบ่งครับ เมื่อผู้ต้องหาอ้างกฏหมาย ผู้กล่าวหาก็เล่นแง่กฏหมายเหมือนกัน จึงเป็นอย่างที่เห็นนี้แลฯ ส่วนเรื่องที่ว่ากติกามีอยู่แล้ว เราต้องเล่นตามกติกา ถ้าคิดอย่างนี้ พล.อ.สุจินดา คราประยูรตอนที่ถูกขับไล่ลงนั้นผิดตรงไหนล่ะครับ ถ้าว่าในแง่กฎหมายถูกทุกประการเลยครับ เรื่องรัฐประหารถูกตัดตอนไปโดยการจัดเลือกตั้งใหม่ไปแล้ว สภาผู้แทนก็เป็นคนเลือกพล.อ.สุจินดาเข้ามาตามกติกาทุกประการ แล้วประเด็นที่จะขับไล่สุจินดาลงนั้น ถ้าพูดกันแบบมีเหตุมีผลต้องถือว่าพิลึกสิ้นดีครับ เพราะข้อเรียกร้องคือ "นายกต้องมาจากการเลือกตั้ง" ทั้งๆที่รธน.ไม่ได้ระบุสักนิด เรื่องนี้บอกได้อย่างเดียวว่า การทำถูกกติกาอย่างเดียวนั้นไม่พอเพียงครับ ต้องมีน้ำใจนักกีฬาด้วย ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่กินคอมมิชชั่นอย่างเดียวไม่พอ ต้องไม่ใช้อำนาจหาผลประโยชน์อื่นด้วยครับ ยุคนี้ไม่ใช่ยุคที่คนไม่รู้เท่าทันอย่างยุคมาเคียเวลลี และยุคนี้ก็เป็นยุคประชาธิปไตย ไม่ใช่ยุคศักดินาที่คนไม่มีสิทธิ์มีเสียงเหมือนยุคมาเคียเวลลีด้วยเหมือนกันนะครับ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 9 ก.พ. 49 00:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 1. ผมตามมาอ่านทุกความเห็นนะครับ  และได้อ่านหลายความเห็น รวมทั้งความเห็นของคุณ CrazyHOrse ด้วยแล้วครับ ไม่ได้อ่านข้ามไป...ขอบคุณกับทุกความเห็นนะครับ เพราะความเห็นที่เหมือน หรือต่าง ไป ก็ให้มุมมองใหม่ๆแก่ผมอยู่.... 2. บางท่านที่บอกว่า "ถ้าคุณนับถือเสรีภาพทางความคิด ทำไมต้องพยายามให้เรื่องจบลงที่กระทู้ของคุณในทำนองว่า "หวังว่าผมคงไม่ต้องเถียงกับคุณต่ออีกนะ" หรือ"อย่ามาเถียงผมอีกนะ" ขอชี้แจงว่า ช่วยชี้ให้เห็นสักนิดเถิดครับว่า ผมใช้คำพูด "แบบนั้น" ......ผมใช้คำว่า "ปัจฉิมลิขิต" เพราะว่า สิ่งที่ผมสื่อไปนั้น "จบสิ้นกระบวนความแล้ว" ถ้ามีเกินไปจากนี้ ความเห็นของผมก็จะไม่ใช่ "ความเห็น" อีกแล้ว กลายเป็น "เอาแพ้เอาชนะ" ซึ่งไม่ใช่จุดมุ่งหมายของผมเลยแม้แต่น้อย... 3. คติที่ใช้อยู่ตลอดคือ "เมื่อรู้ก็พูด เมื่อพูดแล้วก็พูดให้หมด"....ในกระทู้นี้ผมได้สื่อ ได้เขียน ได้พูดไปจนหมดแล้ว...ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรต่ออีกแล้ว ก็เลยต้องลงท้ายด้วยว่า "หวังว่าคงจะจบสิ้น หรือ ฯลฯ" ถ้าท่านใดเห็นว่า "กร่าง" ก็ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ....ส่วนท่านที่ผมไม่คุยด้วย เพราะผมอ่านดูข้อความแล้ว เสมือน ว่ายัง "เด็กแก่ความ" เช่นใช้คำ อิอิ, จิ ฯลฯ ซึ่งผมว่า พูดคุยด้วยก็คงเสียเวลา...ขออนุญาติทำความเข้าใจเพิ่มเติมตามนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 49 00:39:27 จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 9 ก.พ. 49 00:22:28 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขออนุญาติเพิ่มเติมอีกสักนิดนะครับ 1. คือ ถ้าท่านใดอยากคุยกับผมเป็นการ "ส่วนตัว" กรุณาอย่าฝากไว้ที่ "หลังไมค์" เลยครับ เพราะผมไม่ค่อยไปตรวจเท่าใด สองอาทิตย์ก่อน เผอิญเห็นพอดี ก็พบข้อความมาเป็นจำนวนมาก ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ไม่ได้ตอบแต่ละท่านไป (มีทั้งห้องราชดำเนิน ศุภชลาศัย เฉลิมไทย และห้องประวัติศาสตร์นี้)...คือ กรุณาเป็นตั้งกระทู้ใหม่เลยครับ ผมเข้ามาอ่านทุกวันก็จะได้เข้ามาพูดคุยครับ...เมื่อกี๊ได้เห็นว่ามีข้อความเข้ามา เป็นของคุณอยู่กับก๋ง...ดังนี้นะครับ ขออนุญาติคัดลอกมาในที่นี้ เพื่อชี้แจง "...From : อยู่กับก๋ง [8 กุมภาพันธ์ 2549 09:30]         ถ้าเราใช้คำพูดหรือทำอะไรให้ไม่พอใจ เราขอโทษไว้ตรงนี้ละกันนะคะ สำหรับเราแล้ว มันก็แค่เรื่องเห็นต่างกันทางการเมือง สิ่งที่เราไม่เข้าใจคือ ทำไม จะต้องใช้ถ้อยคำเสียดสีเราขนาดนั้น เราทำอะไรให้เหรอคะ ถ้าคิดว่าเสียเวลามากก็ไม่เป็นไรค่ะ เราเห็นว่าเป็นเพื่อนๆกัน เห็นไม่ตรงกันบ้าง ก็น่าจะคุยกันได้ แค่นั้นเอง การเถียงกับคุณ เจ็ดตัวอักษรในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เราโกรธ หรือรู้สึกว่า กับคน Loggin นี้เราจะไม่ยุ่งอีกต่อไป คนเราเห็นต่างกัน ก็เป็นเพื่อนกันได้ แค่นั้นเอง แต่ถ้ามันเลวร้ายมากสำหรับคุณ เราก็ขอโทษ จริงๆค่ะ เราไม่ได้หลังไมค์มาหาเรื่องอะไรทั้งนั้นนะคะ เราเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมสถาบันกันจริงๆ แค่นั้นเองค่ะ แต่ถ้ารู้สึกว่าเราไร้สาระ และเราคิดไปเองว่าคุณเป็นเพื่อนเรา ก็ขอโทษ อีกที ที่ทำให้เสียเวลา  " ขอตอบชี้แจงดังนี้นะครับ 2. ผมมิได้โกรธเคืองอะไรคุณเลย ไม่ได้โกรธอะไร ผมอยู่ใน PANTIP.COM มาปูนนี้แล้ว แค่ความเห็นที่ต่างกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร...แต่อยากทราบคือ ถ้อยความไหนของผมที่ "เสียดสี" คุณ...อาจจะเป็นประโยคนี้ "...ส่วนท่านที่ใช้คำพูด อิอิ เออะเออะ จิจิ ฯลฯ อะไรนั้นผมขออนุญาติข้ามไป...เพราะคงจะเสียเวลา...ผมไม่ถือสาหาความกับคนที่ลักส้มเขาให้มารดากิน ดอกครับ" เผอิญความเห็นของคุณ อยู่กับก๋ง หายไปหมดแล้ว ผมจึงไม่สามารถ "ยก" ขึ้นมาอ้างได้ว่า เพราะเหตุผลใดผมจึงพูดถึงคุณเช่นนั้น... แต่มีอยู่สองประการครับ.....ประการแรกคือ สำนวนการเขียนของคุณ ที่มี อิอิ จิ ฯลฯ มันสื่อถึงความ "เป็นเด็ก" เมื่อเป็นเด็กยังอ่อนแก่ความ ผมคุยอะไรไปด้วย (ซึ่งผมกับคุณก็ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว) ก็ย่อมไม่เข้าใจว่า คุณต้องการ "สื่อ" ถึงเรื่องไหน? อย่างไร? และมีเป้าประสงค์ใด? ประการที่สอง....ที่ว่า "เป็นเด็กลักส้มเขาให้แก่มารดา" ก็สืบเนื่องจากที่คุณเขียน ดังที่ผมให้เหตุผลไปแล้ว ว่าดูยัง "เด็ก" อยู่.....แต่ถ้าคุณไม่พอใจ ก็ต้องขออภัย และขอโทษมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ คืออยากจะชี้แจงอีกสักนิดว่า ผม "ค่อนข้าง" ที่จะเป็น "ทางการ" สำหรับการแสดงความเห็น...ถ้าคุณได้รู้จักตัวจริงของผมๆ ก็เป็นคนสนุกสนาน เฮฮา ตลกๆ เสียด้วยซ้ำ...แต่เนื่องจากในเวทีแห่งนี้....ผมไม่รู้จักคุณ คุณก็ไม่รู้จักผม...ผมจึงต้อง "ตีความ" "คุณภาพของความคิด" จากตัวหนังสือ และผมตีความคุณภาพความคิดของคุณว่ายัง "เด็ก" อยู่ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสดงความเห็นชี้แจงอะไร ซ้ำข้อความของคุณก็ค่อนข้าง "เล่นสำนวนโวหาร" ผมจึง "ใช้สำนวนโวหาร" ตอบกลับไป.... ขอชี้แจงคุณอยู่กับก๋ง ดังนี้ครับ จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 9 ก.พ. 49 01:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ไปจุฬา ไปลงชื่อต่อต้านนายก กลับบ้านมา เจอของแจก .. สก. แถวบ้าน เป็น ไทยรักไทย เอาของมาแจก ขอให้ชาวบ้านร่วมลงชื่อสนับสนุน นายก.... อะไรทำให้เค้าคิดว่า เสียงซื้อได้ด้วย กระติกน้ำ กะ ลูกฟุตบอล... จากคุณ : พี่ไอ้ไผ่ - [ 9 ก.พ. 49 01:36:05 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ฟังคุณพี่ไอ้ไผ่ว่าแล้วนึกได้ เมื่อเย็นนี้ได้ยินประกาศของชุมชนข้างหมู่บ้าน(บ้านผมอยู่ใกล้แนวกำแพงรั้วหมู่บ้าน ข้างนอกเป็นชุมชน) มีการ "ขอความร่วมมือ" ให้ชาวบ้านไปให้กำลังใจนายกที่ทำเนียบ โดยจะจัดรถบัสรับส่งถึงที่ และมีการจัดเลี้ยงอาหารด้วย ส่วนจะมีของชำร่วยอื่นๆหรือไม่นั้น ไม่ได้ยินประกาศ และได้แต่หวัง(ลมๆแล้งๆ)ว่าจะไม่มีครับ ก็บ่นไปงั้นแหละ ต่อให้เปลี่ยนคนใหม่มาก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากมาย ในเมื่อประชาชนของเรามีคุณภาพแค่นี้เอง ถือว่าทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด และหวังว่ามันจะค่อยๆดีขึ้นก็แล้วกันครับ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 9 ก.พ. 49 02:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณภาพของผู้แทนสะท้อนถึงคุณภาพของประชาชน ตราบใดที่คนของเรายังไม่มีความรู้อย่างเพียงพอ ผมใช้คำว่า ความรู้ แทนคำว่า การศึกษา เพราะคนจบป.๔ อาจจะมีความรู้ความเข้าใจทางด้านการเมืองมากกว่าคนจบปริญญาตรีด้วยซ้ำไป ผมเคยคิดเล่นๆด้วยซ้ำว่า น่าจะมีแบบทดสอบความรู้ความเข้าใจทางการเมืองสำหรับคนที่จะมาหย่อนบัตรเลือกตั้ง ใครทำคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ก็ไม่สิทธิ์เลือกตั้งไป คำถามง่ายๆอย่างเช่น สองสภามีสมาชิกรวมกันกี่คน บางคนก็ยังตอบไม่ได้ แล้วอย่างนี้ จะไปหวังอะไรให้เข้าใจกับเรื่อง FTA แปรรูปรัฐวิสาหกิจ คอรัปชั่นเชิงนโยบาย หรือผลประโยชน์ทับซ็อน เขามองกันแค่ว่า คนที่จะมาจ ะให้จะแจกอะไรกับเขา แค่นั้น จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 9 ก.พ. 49 03:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มาอ่านค่ะ จากคุณ : ปุ้ม หญิง - [ 9 ก.พ. 49 08:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เข้ามาแอบอ่านกระทู้ผู้ใหญ่คุยกัน แล้วก็ต้องรีบวิ่งหน้าง่าวกลับออกไป เกรงจะโดนปัญญาชนบางท่านแถวนี้ตะหวาดเอา การเป็นปัจเจกบุคคลและการเป็น ปัญญาชน มีหลายประเภทจริงๆค่ะ   ความดี กับความเก่ง บางคนก็แยกแยะกันออกได้โดยสิ้นเชิง แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 49 10:08:17 จากคุณ : แก๊ซซ่า - [ 9 ก.พ. 49 09:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 61 พูดถึงการตรวจสอบ ภาษาชาวบ้านว่าเราจะเล่นงาน จะบี้ ใครสักคนหนึ่ง อยากทำก็หาข้ออ้างได้มากมาย บางคนในนี้บอกมีหลังไมค์ ผมว่าถ้าดึงเรื่องหลังฉากมาคุยกัน คนที่ตรวจสอบเขาเสียอีกจะถูกตรวจสอบบ้างก็ได้ ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาก เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยในสมัย ร.3 โจรชุกชุม ผู้มีความรู้สมัครเข้าด้วยพวกโจรก็มาก โจรปล้นเองพิพากษากันเอง โชคดีที่สยามสมัยนั้นมีพระราชาผู้มีปัญญา จึงอ่านเกมออก โจรยังไงก็เป็นโจรวันยังค่ำ ที่ล้านนาบ้านผมมีคำพูดประโยคหนึ่งที่ว่า ชาติหอมออากินขออีขีไม้โท (ยังไง...ก็กิน.. บุรุษก็ไม่เคยทิ้งสุรา) เห็นจะตรงกับคำหนึ่งในภาษาไทยว่า สันดาน หรือประโยคที่ว่า โดยกมลสันดาล ทิฐิย่อมติดตัวผู้นั้นอยู่ กล่าวเลยมาถึงเรื่องการเมืองบ้าง เช้านี้ผู้เล่าข่าวในรายการหนึ่งของวิทยุรัฐสภา กล่าวว่า ใครที่บอกว่า ส.ว. ทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์คือผู้ที่ดูถูกอำนาจนิติบัญญัติ เสมือนหนึ่งบอกว่า ฉันดีนะ อย่ามาตรวจสอบฉัน คุณเลือกฉันมาแล้ว คุณต้องยอมรับตามกติกา ... หากใครสังเกตตรงข้างล่าง เมื่อจะเขียนตอบกระทู้ มีคำในวงเล็บว่า "กติกามารยาท" .... คำนี้น่าจะเป็นคำที่ดีนะครับในตอนนี้ เราเคารพกติกา คุณก็ควรมีมารยาทด้วย ควร ไม่ควร เหมาะสม ไม่เหมาะสม อาจารย์ของผมที่สำนักเทวาลัยมักย้ำเสมอ ... คิดว่าทำในสิ่งที่ควร ที่เหมาะสม ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นดีกว่า แต่ก็ทำในสิ่งที่ไม่ควร ไม่เหมาะสมได้ เมื่อเราเห็นว่าประโยชน์นั้นก็ดีต่อคนอื่นด้วยเช่นกัน เราจึงมีโรบินฮู้ด มีขุนแผน อิเหนา พระอภัยมณี เป็นพระเอก ศาสตราจารย์ธานิทร์ กรัยวิเชียร ท่านกล่าวแนะนำว่า การถ่ายทอดความนึกคิดลงในกระดาษช่วยเตือนความจำ ย้ำความสำคัญ และเห็นการพัฒนาความคิดของเรา เมื่ออ่านหนังสือแล้วฉุกคิดสิ่งใดได้ ก็เขียนแทรกลงไป อาจารย์ของท่านมีหนังสือแต่ละเล่มที่เต็มไปด้วยลายมือ ยิ่งเขรอะก็ยิ่งขลัง มาถึงสมัยนี้คนมักเอาไปใช้กันผิดวิสัย หนังสือที่หยิบยืมไปจากห้องสมุดมักปรากฏลายมือ อันมิควรที่มันจะอยู่ที่แบบนั้น นี่กระมังที่ต้องใช้สติใคร่ครวญเสียก่อนว่า อย่างไรควร อย่างไรไม่ควร อย่างไหนเหมาะสม อย่างไหนไม่เหมาะสม ควรกระทำ หรือไม่ควรกระทำ เขียนไปเขียนมาก็ควรจบการบ่นเสียที จากคุณ : บ้านายคำเก่ง - [ 9 ก.พ. 49 10:01:13 A:161.200.118.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณค่ะ คุณเจ็ดตัวอักษร แหม แต่เราหลังไมค์ไปนี่ แสดงว่า เราอยากคุยเป็นส่วนตัวไม่ให้คนอื่นเค้าต้องรำคาญไปด้วยนะคะ ก็อุตส่าห์เอามาให้เค้าเห็นอีก กรรม 555 ช่างเหอะค่ะ ไม่เป็นไร ประเด็นหลักของเราที่เห็นแย้ง กับคุณเจ็ดตัวอักษร คือเรารู้สึกว่า คนเราอยู่ในกระแสธารใด ( ทุนนิยมอย่างที่คุณว่ามา) ก็จริง แต่เราก็เชื่อว่ามีหลายคนหลายท่านที่มองเห็นการเอาเปรียบในระบบนี้ ถอยออกมาสักนิด หยุดคิด และจะมองเห็น อะไรที่เราอยู่ใกล้เกินไป บางที เราอาจจะมองไม่เห็นก็ได้ค่ะ ง่ายๆก็คือ อยู่ในทุนนิยมจริง แต่ก็มีทางออกไม่ให้โดนครอบงำ และต้องไม่ยอมให้มันครอบงำสิคะ ว่าประมาณนั้นแหละค่ะ ในกรณีนี้เราเชื่อว่ารัฐบาล กำลังเราเปรียบด้วยกฎเกณฑ์ระบบทุนที่ไม่เป็นธรรม แล้วยกอ้างมาทำลาย เบียดเบียนชาวบ้านที่ไม่มีทางสู้ เค้ารวยขึ้นๆ (อย่างถูกกฎหมาย) แต่คนอีกเท่าไหร่ ที่ยังลำบาก เราเชื่อว่าสังคมอยู่ไม่ได้ค่ะ ถ้าคนหนึ่งมีความสุขล้นเหลือ แต่อีกหลายคนยังลำบากสุดแสน คนลำบากอยู่เยอะนี่เรื่องจริงๆนะคะ ไม่ได้ดูจากทีวี ตอนไปอยู่ รพ. ชนบท ชาวบ้านน่าสงสารมากจริงๆค่ะ สำหรับเราทุนนิยมสอนให้คนสะสม หากำไรให้เยอะๆ ยิ่งมีเยอะยิ่งประสบความสำเร็จ หรือก็คือยิ่งมีมาก บริโภคมาก ยิ่งมีความสุข มือใครยาวสาวได้สาวเอา ซึ่งหลายครั้งเต็มไปด้วยความเบียดเบียน และลืมไปว่า บางที ความสุข ความสำเร็จ มันก็เกิดจากแค่ "พอ" ซึ่งลดการเบียดเบียนตนเอง และคนอื่นได้ด้วย ส่วนตัว ในกระทู้นี้ เราค่อนข้างชอบสำนวนการตอบของคุณ CrazyHOrse มังคะ แต่เราคิดว่า การตัดสินคนด้วยคำตอบในกระทู้ สำนวนที่ไม่ถูกใจ แล้วหาว่าเค้าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็คงไม่ยุติธรรมสำหรับเค้า เพราะตัวตนของคนเรานั้นลึกซึ้งกว่านี้มาก เข้าใจยากกว่านี้มาก บางทีในบอร์ดเขียนสวยหรู แต่ตัวจริงไม่ได้คิดอย่างนี้เลยก็มี แค่เพื่อนๆที่รู้จักกันตัวเป็นๆ ยังไม่รู้จักตัวตนแท้ๆกันเลย การให้โอกาสคน สำคัญมากค่ะ สำหรับเรา เมื่อเรารู้สึก ว่าคุณใช้สำนวนเสียดสีกับเรา เราเลยหยุดคิด ว่า ก่อนจะไปว่าคุณเจ็ดฯ เราได้ทำอะไรให้เค้าหรือเปล่า เพราะบางที เราเขียนอย่างหนึ่ง คนตีความอย่างหนึ่ง เลยตัดสินใจหลังไมค์ไปถามค่ะ เราคงไม่ค่อยอยากโตเป็นผู้ใหญ่จริงๆแหละค่ะ การเป็นผู้ใหญ่ บางทีมันก็มากับความรับผิดชอบ ภาระ หน้าที่ ปวดหัวออกค่ะ  สู้เป็นเด็กวิ่งเล่น เขี่ยดินเขี่ยทราย แล้วก็มีความสุขไม่ได้ (เราเลยไม่โตสักที ทำงานก็หนีกลับมาเรียน 5 5 5 ) ขอบคุณนะคะ จริงๆนะ เราไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองตอบเล่นสำนวน จนได้ฟังคุณเจ็ดฯ วิจารณ์นี่แหละค่ะ ตอนอ่านเรื่องส้ม เรายังงง ว่า อ้าวตรูไปกตัญญูใครเข้าหว่า งงจริงๆค่ะ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : อยู่กับก๋ง - [ 9 ก.พ. 49 10:43:37 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เป็นผมจะไปขับไล่ นายกสมาคมศิษย์เก่า จากคุณ : jaxcu - [ 9 ก.พ. 49 10:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อ่าฮะ จากคุณ : กลัวที่หนาย - [ 9 ก.พ. 49 12:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ... หลงเข้ามาดู ก็มาเจอ ความเห็นดีดี จาก "ขาเก่า" หลายๆคน นึกดีใจอย่างหนึ่งว่า ดีที่กระทู้นี้ ตั้งที่นี่ เพราะถ้าไปตั้งที่ห้องราชดำเนิน กระทู้ดีดีนี้ คงจะไหลลื่น รูดลงไป ภายในเวลาอันรวดเร็สเป็นแน่แท้ครับ ขออนุญาตเข้ามาร่วมเสวนาด้วยอีกคนก็แล้วกัน ============== เรื่องกรณีคุณสุจินดา พฤษภาทมิฬ ที่คุณ CrazyHOrse บอกไว้ใน คคห. 53 นี่ ผมได้เข้าไปตอบกระทู้ของ คุณ Haa ไว้ในห้องราชดำเนิน http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P4091598/P4091598.html ผมว่า บริบทของ พฤษภาทมิฬ กับ ปรากฏการณ์สนธิ (ตามที่ นสพ.ตั้งชื่อให้) แตกต่างกันอยู่มากนะครับ มากจนไม่น่าจะเอามาเปรียบเทียบได้เลย เนื่องจาก สาเหตุหลัก ที่คนมาชุมนุม พลเอกสุจินดา นั้น ก็เพราะ 1. การตระบัดสัตย์ "เสียสัตย์เพื่อชาติ" มาเป็น นายก หลังจากที่ท่านเคยให้สัมภาษณ์สมัยท่านเป็น ผบ.ทบ. ยุค รสช. ว่าท่านจะไม่เป็นนายก ตรงนี้ สำคัญมาก และเป็นจุดกำเนิดการชุมนุมครั้งนั้น โดย รต.ฉลาด วรฉัตร เป็นผุ้นำการอดอาหาร คนแรกครับ 2. ความหวาดระแวง กลุ่ม รสช. ของประชาชน ซึ่งในยุคนั้น หลังจกาที่ รสช. ปฏิวัติ รัฐบาล พลเอกชาติชายแล้ว และได้ อุปโลกน์ (ขออภัย หากไม่ถูกใจคำนี้) นายอานันท์ ขึ้นมาเป็นนายก บทบาทของ รสช. ก็แรงขึ้นเรื่อยๆในการกล่าวหาผู้คน ทั้งในคดีลอบสังหารบุคคลสำคัญ และคดีอื่นๆ แม้จะถูกใจชาวไทยบ้าง ในแง่การยึดทรัพย์นักการเมืองฉ้อฉล แต่ การที่บิ๊กจ๊อด บอกว่า นายกนะหรือ "ถ้าสุ ไม่เอา ก็ให้เต้" การกล่าวอย่างนั้น ตรงนั้น มาก่อน และตามมาด้วย การวางทายาททาง การเมืองของพวก 0143 ว่าต่อจาก พลเอก สุจินดา แล้ว ใครจะมาเป็น ผบทบ. (ซึ่งคือ พลเอกอิสรพงษ์) และต่อจากนั้น จะเป็นใครๆๆๆ เขาวางกันชัดเจนถึง 2-3 ช๊อท เรียกว่า จะครองกองทัพกันเป็น 10 ปี ในทุกเหล่าทัพ ผ่านรุ่นเขา จปร.5 ไปจนถึงรุ่น พลโท ชัยณรงค์ หนุนภักดี เลย คนเขา รวมถึงทหารรุ่นอื่นๆ เขาจะไม่รำคาญได้ไงครับ 3. เมื่อที่มาของ นายกสุจินดา มันไม่ smart กอปรกับพรรคร่วมรัฐบาล (ตอนนั้นคือ สามัคคีธรรม) ย่ำแย่มากๆๆ มีอแต่การโกงกิน คนก็ไม่เอาอีกแหละ 4. การแถลงนโยบายในสภา ที่พลเอกสุจินดา ด่าแหลกทั้งบิ๊กจิ๋ว และ พลตรีจำลอง ตรงนั้น ทำให้เกิดจุดแตกหักจากฝั่งการเมือง และเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้พลเอกชวลิตและ พลตรีจำลองเข้านำการประท้วงที่ราชดำเนิน ------------ จากคุณ : หมีPooH! - [ 9 ก.พ. 49 14:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 66 แล้วประเด็นที่จะขับไล่สุจินดาลงนั้น ถ้าพูดกันแบบมีเหตุมีผลต้องถือว่าพิลึกสิ้นดีครับ เพราะข้อเรียกร้องคือ "นายกต้องมาจากการเลือกตั้ง" ทั้งๆที่รธน.ไม่ได้ระบุสักนิด เรื่องนี้บอกได้อย่างเดียวว่า การทำถูกกติกาอย่างเดียวนั้นไม่พอเพียงครับ ต้องมีน้ำใจนักกีฬาด้วย ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่กินคอมมิชชั่นอย่างเดียวไม่พอ ต้องไม่ใช้อำนาจหาผลประโยชน์อื่นด้วยครับ ------- ตรงนี้แหละ ที่ผมไม่ใคร่เห็นตรงกันนัก เนื่องจาก ม๊อบที่ขับไล่นายกสุจินดานั้น มีความชอบธรรมอยู่ในหลายส่วนนะครับ โยเฉพาะหากอิงตามคำประกาศ ไม่ขอเป็นนายกฯ ของพลเอกสุจินดา ในช่วงที่เป็น ผบ ทบ. นั้น แค่ข้อหานี้ ท่านก็ต้องลงแล้วครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า พลเอกสุจินดาเป็นคนเก่งมาก ทั้งด้านการศึกษาและการบริหารงาน + บุคลิกภาพที่เหมาะสม คนหนึ่ง (เคยเป็นนักศึกษาแพทย์มาก่อนด้วย) ยังเสียดาย ความสามารถของเขาอยู่เหมือนกัน ที่ดันมามีกุนซือและเพื่อนๆที่วางแผนกันผิด และเร่งรัดมากเกินไป หากยุคนั้น พลเอกสุจินดา และ พวก 0143 ใจเย็นลงสักนิด และ ลดการดูถูกพลังประชาชนลงสักหน่อย หันมาเล่นการเมือง แบบที่ "พี่จิ๋ว" แสดงเป็นตัวอย่าง ผมว่า บางที เราอาจจะได้นักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์ที่ใช้ได้คนหนึ่ง ในสังคมประเทศไทย ก็เป็นได้... อันนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวโดยแท้ ที่ว่าเฉพาะ คนๆนั้นนะครับ จากคุณ : หมีPooH! - [ 9 ก.พ. 49 14:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เยี่ยมครับ คุณวิศกรทั้งสอง หวังสักวันผมคงจะมีความรู้พอที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคุณ สักวัน นับถือจริงๆครับ จากคุณ : luk_Nutt - [ 9 ก.พ. 49 14:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ในส่วนของหัวข้อสนทนาหลัก ก่อนอื่นผมต้องขออกตัวว่า ผมมองการแสดงความเห็นของคณาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในมุมมอง ของคนที่ไม่ได้จบสถาบันแห่งนั้น และวิชาชีพนั้นนะครับ ตัวเองมองว่า การแก้ไขปัญหาประเทศ (สำหรับผม อันดับแรกคือ ปัญหาความยากจน) ในมุมมองของ นักวิชาการที่จบ ด้าน Soc-Ant ย่อมจะต้องมีความแตกต่าง "อย่างเห็นได้ชัด" กับ นายก และทีมงาน ที่ส่วนใหญ่ น่าจะมาจาก นักธุรกิจ (และนายกมาจาก ระบบสถาบันตำรวจเป็นฐานอีกด้วย) มากพอควรอยู่แล้ว ในฐานะนักปฏิบัติอย่าง ตำรวจเก่า และ นักคิดอย่าง นักวิชาการมหาวิทยาลัย สำหรับผมแล้ว ผมว่า ชาวบ้านเขาจะให้น้ำหนักไปในแง่ของการทำงานจริง ในการแก้ปัญหา ว่ามันมีประโยชน์กับตัวเขามากกว่านะครับ ผมเห็นตรงกับ คุณ นายเจ็ดตัวอักษร (จริงๆก็เห็นตรงกันเกือบทุกเรื่อง..) ในความเห็นต้นๆๆมาก และมองว่า นักวิชาการมักจะแสดงความเห็นในเชิงอุดมคติ มากเกินไปหน่อย นายกเองทราบตรงจุดนี้ดี ว่ามุมมองของชาวบ้าน ที่เขารับฟัง ความเห็นของนักวิชาการ มันก็แบ่งได้ 2 แบบ แบบแรก ก็คือ พวกที่เป็นชนชั้นกลาง มีการศึกษา ก็เอามาตรึกตรอง พิจารณาไป ว่าเห็นตรงไหม ประการใด อีกแบบคือ พวกที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ เช่น ไม่เข้าใจว่า "ทักษิโณมิคส์" คืออะไร ศัพท์ใหม่ๆๆ ที่อาจารย์ธีรยุทธ ชอบบัญญัติในวันอาทิตย์คืออะไร นายกทราบดีว่า คนกลุ่มแรก มีน้อยกว่าคนกลุ่มหลังมาก เป็นอย่างมาก และ ในฐานะนักการเมือง ที่น่าจะมีการสำรวจโพลล์ภายในบ่อยๆๆ เขาย่อมทราบว่า ยุทธศาตร์ การแก้ปัญหาของรัฐบาลเขา เขาจะทำอย่างไร เพื่อ "ให้ถูกใจชาวบ้านกลุ่มใหญ่" และ แน่นอน เพื่อคะแนนเสียงของเขาในการเลือกตั้ง นั่นเอง เราเห็นและพิสูจน์มาแล้ว ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ว่า สิ่งที่นายกทำไปในรัฐบาล 4 ปีแรก ชาวบ้านคิดเห็นอย่างไร และ ให้คำตอบอย่างไรแก่ประเทศ ถามว่า อันนี้ เราในฐานะคนที่ถือว่ามีโอกาสมากกว่าชาวบ้าน (อย่างน้อย เรายัง access ถึงเน็ทในห้องแอร์ได้สบายๆๆ พร้อมกับอาจดื่ม สตาร์ บั๊ค ไปในขณะที่ Post กระทู้ไล่ด่านายก ) จะมองอย่างไร ดูถูกชาวบ้านเหล่านั้นหรือ (ว่าถูกซื้อเสียง ???) หรือ ดูถูกว่า เลือกคนไม่เป็น ทั้งที่ชาวบ้านเขาอาจคิดว่า เขาเลือกคนที่เขาคิดว่าเหมาะสมที่สุด และนี่คือระบอบประชาธิปไตยที่ ชาวบ้านอย่างเขา ก็มี 1 เสียง ที่แสดงความเห็นได้... ---เข้ามาแก้ไขพิมพ์ผิด และข้อมุลเพิ่มเติมเล็กน้อย --- แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 49 18:22:05 จากคุณ : หมีPooH! - [ 9 ก.พ. 49 14:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอยก ความเหฟ็นของกลุ่มคณาจารย์ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่เรากำลังแลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ ------------- http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9490000014923 ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549 ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ และอาจารย์คณะอื่นๆของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กว่า 10 คน ร่วมกันเปิดแถลงข่าวผ่านจดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เช่นกัน       โดยระบุว่า ขณะนี้ได้มีการก่อตัปรากฏการณ์ "วิกฤตการณ์ความชอบธรรม และจริยธรรมของผู้นำประเทศ" ที่รุนแรงและชัดเจน โดยในช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงให้เห็นถึงการขาดจริยธรรมในการบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยในหลายเรื่อง อาทิ       1. การทำลายความเป็นอิสระของสื่อมวลชน 2. การไม่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการนิติบัญญัติ 3. การครอบงำบั่นทอนความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ 4. การปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวกขึ้นในระบบการบริหารราชการแผ่นดิน 5. การใช้กุศโลบายแจกเงิน เพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง ฯลฯ และในกรณีล่าสุดคือ 6. การขายหุ้นชินคอร์ป ของครอบครัวนายกฯ เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านบ้าน โดยไม่ต้องจ่ายภาษี       การขาดจริยธรรมในการบริหารบ้านเมืองของนายกรัฐมนตรี ทำให้ขาดความชอบธรรมในการเป็นผู้นำของประเทศ เป็นผู้ที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่สามารถทำหน้าที่เป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป จะยิ่งเป็นการทำลายศรัทธา และความเชื่อมั่นต่อระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยของประชาชนพลเมือง และจะนำไปสู่วิกฤตการณ์อื่นๆ ตามมา ดังเช่น ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีตและปัจจุบัน       ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ คณาจารย์ คณะรัฐศาสตร์ และคณะอื่นๆ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงขอยื่นข้อเสนอต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังต่อไปนี้ 1.ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมโดยการลาออกจากตำแหน่งโดยทันที 2.ขอร่วมสนับสนุนผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อวางกฎเกณฑ์มาตรฐาน ทางการเมืองและจริยธรรมทางการเมืองใหม่ รวมทั้งมีการสรรหาผู้นำประเทศคนใหม่ ตามหลักประชาธิปไตยโดยเร็ว ------------------------------------------- ลองดูๆๆเหตุผล ที่นายก "บกพร่องทางจริยธรรม" ที่ทางกลุ่มอาจารย์บอกไว้ มีอย่างน้อย 6 ข้อ (ผมใส่ข้อให้เอง เพื่อให้ดูง่ายขึ้น) ผมอ่านแล้วก็รู้สึกตกใจมากว่า หากเป็นจริงตามนั้น ถือว่าน่ากลัวมาก และ บ้านเมืองเรา คงจะต้อง พินาศอย่างแน่นอน หากไม่รีบแก้ไขโดยด่วน ความคิดที่ตามมาก็คือ เรื่องเหล่านี้ ทั้ง 6 ข้อจริงหรือเปล่า ถ้าจริง เราขาดซึ่งกฎหมายหรือ อะไรหรือเปล่า ที่จะไปจัดการเรื่องเหล่านี้ เช่น ข้อ 6 เรื่องภาษีหุ้น ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ความหมายของการเลี่ยงภาษีหุ้น ในหนังสือนั้น หมายถึงการเลี่ยงภาษีตอนไหน อะไรบ้าง หรือ เราขาดหลักฐานแบบ exact ทำให้ข้อหาหนักๆๆที่นายกสร้างไว้เหล่านี้ ที่อาจารย์เขาเอามากล่าวไว้ มันทำอะไรนายกไม่ได้ ผมมองว่า แน่นอนว่า กฏหมาย บ้านเราอาจมีช่องโหว่ให้หลุดรอดได้บ้าง แต่ หากเราไม่ยึดกฏหมาย และไปเอาทุกอย่างที่เป็นนามธรรม (จากความคิดเราเอง) มากำหนดมาตรฐานคน โดยเฉพาะกำหนดวัดความเหมาะสมของผู้นำ ผมว่า บ้านเมืองเราคงมีปัญหาแน่ๆ เพราะเรื่องจริยธรรมนั้น ทุกอย่างต้องตีความทั้งหมด และ ใครจะมาเป็นผู้ตีความ กลุ่มอาจารย์หรือ แล้ว กลุ่มชาวบ้านหล่ะ เขาตีความความเหมาะสมบ้างจะได้ไหม ??? แล้ว ถ้าทุกกลุ่มต้องการตีความบ้าง เราจะทำอย่างไร นี่ไม่ใช่หรือ ที่เราต้องมีศาลยุติธรรม ทำไม เราไม่ใช่ระบบนั้น เสียเล่า ในการขับไล่นายกฯ นั่นอาจเป็นไปได้ไหมที่คำตอบออกมาว่า เพราะว่า โดยแท้จริงแล้ว มาตรฐานเชิงจริยธรรมของนายก หากให้ศาลตัดสิน มันไม่ได้มีความผิดอะไร เราเลยต้องเอา "มาตรฐานทางจริยธรรม" ของเราเอง มาขับไล่นายก แทน... อย่างนั้นแล้ว รออีก 3 ปี ตัดสินใหม่ ดีกว่าไหมครับ ??? จากคุณ : หมีPooH! - [ 9 ก.พ. 49 14:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ผมลองสรุปความคิดเห็นของผู้คนต่อกรณีนี้ได้อย่างนี้นะครับ (จะด้วยอคติ, ปากไม่ตรงกับใจหรือไม่รู้ตื้นลึกหนาบางก็แล้วแต่) 1.เห็นว่าคุณทักษิณไม่มีความผิดใดๆ 2.เห็นว่าคุณทักษิณทำไม่ถูกต้อง แต่ยอมรับได้ เพราะเกมของสังคมนี้มันเป็นแบบนั้น 3.เห็นว่าคุณทักษิณทำไม่ถูกต้อง และยอมรับไม่ได้ 4.ไม่สนใจประเด็นว่าคุณทักษิณจะทำถูกต้องหรือไม่ แต่ต้องยึดถือการเลือกตั้งเป็นหลัก และประชาชนไม่ควรมีสิทธิแสดงความคิดเห็น ต้องรอใช้สิทธิ์ด้วยการเลือกตั้งอย่างเดียว โดยหลักการประชาธิไตยแล้ว ผมเชื่อว่าคนเรามีสิทธิแสดงความคิดเห็น ความคิดเห็นของใครคนใดคนหนึ่งไม่สามารถกลายเป็นบทสรุปของสังคมได้ แต่การแสดงความคิดเห็นโดยเสรีจะเป็นฟีดแบ็คกลับไปถึงผู้ปกครองประเทศ ผมแสดงความคิดเห็นในกลุ่มพวกที่ 3 คือ เห็นว่าคุณทักษิณทำไม่ถูกต้อง และยอมรับไม่ได้ แต่ผมก็ไม่เคยยืนกรานว่าผลลัพธ์แล้วคุณทักษิณต้องลงสถานเดียว เพราะนี่เป็นเพียงความคิดเห็นของผม ซึ่งถือว่าไม่ต่างจากผู้ที่มีความคิดเห็นแบบที่ 1-3 ทุกๆคน แต่พูดตรงๆเลยว่ายอมรับไม่ได้กับความคิดเห็นแบบที่ 4 ครับ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 9 ก.พ. 49 16:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เรียนคุณ "นายเจ็ดตัวอักษร" ดิฉันขอแย้งเฉพาะตรงส่วนข้อ 11 คห.ที่25ของคุณที่ว่า 11. ปัจฉิมลิขิต....ถ้าเกียรติภูมิของจุฬา คือเกียรติภูมิของการรับใช้ประชาชน...จริงดังอ้าง....คงไม่เกิดเหตุการณ์ "โยนบก" อันลื่อลั่นดอกครับ...ไม่แน่ใจว่าคณะอักษรศาสตร์ ได้ใส่ชื่อคุณ จิตร ภูมิศักดิ์ ในทำเนียบศิษย์เก่าหรือยังครับ??....แต่ถ้าพวกคุณไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมไม่ถือ... ---------------------------------------- ขอแสดงความเห็นในส่วนที่เกี่ยวกับความเห็นของคุณข้างบนนะคะ 1. ดิฉันคิดว่าคุณคงจะสับสนระหว่างคำขวัญของจุฬาที่ว่า "เกีรติภูมิจุฬาคือเกีรติแห่งการรับใช้ประชาชน" กับระบบการรับน้อง การที่นิสิตคนนึงถูกโยนบกตอนรับน้องเกี่ยวอะไรกับการรับใช้ประชาชนคะ 2. ดิฉันไม่ทราบว่าในสาระบบทะเบียนมีบัณฑิตที่ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์หรือเปล่า คิดว่าไม่ เพราะเขาออกไปกลางคัน แต่มีชื่อในฐานะนิสิตอักษรศาสตร์มีแน่นอนค่ะ ยังจำได้ติดตาตอนพิธีรับน้องอักษร รุ่นพี่นำจุดธูปเทียนกล่าวคำบูชาต่อหน้ารูปถ่ายของเขา ในรายวิชาที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อาจารย์หลายๆท่านจะยกหนังสือที่เขาเขียน (มีมากในห้องสมุดอักษร) แนวคิดของเขามาพูดเสมอๆ นี่คงเป็นหลักฐานแสดงการยอมรับเขาใช่ไหมคะ 3. คุณตำหนิคุณวรณัยว่าแสดงความเห็นในเชิงอุดมคติ แต่ในขณะเดียวกันตัวคุณเองกลับยกประเด็นคำขวัญของสองสถาบัน ซียูกับทียูขึ้นมาถามว่าทำไมในเมื่อทั้งรักทั้งรับใช้ประชาชน ประเทศชาติยังเป็นแบบนี้ ประเด็นนี้คุณไม่รู้สึกว่าคุณช่าง"อุดมคติ"ด้วยหรือคะ จากคุณ : เทา-ชมพู - [ 9 ก.พ. 49 16:12:29 A:83.157.220.117 X: TicketID:111228 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขออภัยที่พิมพ์ข้างบนผิดไปหลายคำนะคะ ไม่ได้ตรวจทานก่อน จะแก้ก็ไม่ได้เสียแล้ว จากคุณ : เทา-ชมพู - [ 9 ก.พ. 49 16:31:38 A:83.157.220.117 X: TicketID:111228 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คุณ CrazyHOrse ครับ ผมเห็นตรงกันกับคุณในเรื่องการไม่ยอมรับ คนประเภทที่ 4 ของคุณแน่นอน สำหรับผม ประชาชน "ต้อง" มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น ของเขา ตราบใดที่มันไม่ผิดกฏหมายนะครับ มันก็แบบที่เราๆท่านๆ เห็นกันอยุ่นะครับ ในห้องนี้ / ห้องราขดำเนิน มันก็คือการแสดงความเห็นทั้งนั้น แต่ เราต้องระลึกไว้อย่างว่า การแสดงความเห็นในบอร์ด พันทิปนี้ เราเองหลายคนไม่แสดงตัวตนออกมา ดังนั้น ความเห็นจะเป็นอย่างไร นั่นต้องพิจารณากันเอาเอง แต่ ในระดับคนที่มีบทบาททางความคิดต่อสังคม และสังคมให้ความนับถือ ไม่ว่าจะเป็น สส / สว / อาจารย์มหาวิทยาลัย / สื่อต่างๆ การแสดงความเห็นของเขาเหล่านั้น นอกจากจะต้องไม่ผิดกฏหมายแล้ว  ยังต้อง "ควรอย่างยิ่ง" ที่จะเป็นความเห็นที่ชัดเจน และเต็มไปด้วยหลักฐานข้อมูล แต่ลองไปอ่าน ดุนี่อีกครั้งนะครับ ------------- นายกรัฐมนตรี ได้แสดงให้เห็นถึงการขาดจริยธรรมในการบริหารประเทศในระบอบประชาธิปไตยในหลายเรื่อง อาทิ       1. การทำลายความเป็นอิสระของสื่อมวลชน 2. การไม่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการนิติบัญญัติ 3. การครอบงำบั่นทอนความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ 4. การปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวกขึ้นในระบบการบริหารราชการแผ่นดิน 5. การใช้กุศโลบายแจกเงิน เพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง ฯลฯ และในกรณีล่าสุดคือ 6. การขายหุ้นชินคอร์ป ของครอบครัวนายกฯ เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านบ้าน โดยไม่ต้องจ่ายภาษี ---------------------------------- นี่เป็นความเห็นของอาจารย์ระดับศาสตราจารย์ รศ. / ผศ. และ ดร. หลายท่าน ถามว่า ถ้าปิดรายชื่อองค์กรออก ปิดรายชื่อคณาจารย์ออก แล้วส่งไปให้ นสพ. หรือ ที่ไหนก็ได้ เนื้อหาในนั้น มันต่างอะไรกับ "จดหมายแบล๊กเมล์" ที่พวกข้าราชการชอบแทงข้างหลังกันนะครับ คุณหาเหตุผล หรือหลักฐานอะไรได้ไหม เพื่อมายืนยันว่า นายก ประกอบความผิดทางจริยธรรมจริง จากในหนังสือดังกล่าว ผมหาไม่เจอครับ คุณจะให้เขาลาออก คุณก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่า เขาผิดตรงไหน ไม่ใช่มายกข้อหาเชิง Abstract อย่างนี้ ผมตกใจมาก เมื่อเห็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เขียนข้อเรียกร้องให้นายกลาออก โดยที่ ขาดซึ่งข้อมูลประกอบหลักฐาน อย่างนี้.. อันนี้เรียนตามตรง และ ขอย้ำอีกครั้งว่า ผมสนับสนุนการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ นะครับ แต่ระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยนี่ หลักฐงหลักฐาน มันต้องชัดเจนกว่า ข้อหาของคนอื่นๆครับ... อย่าลืมว่า กำลังบอกให้นายกออกจากตำแหน่งนะครับ ไม่ใช่ ภารโรงที่คณะรัฐศาสตร์ (ขออภัยที่ยกมาเทียบ) ที่จะทำได้ทันที ถ้าไม่มีหลักฐานนี่ ไม่งั้น เมื่อไหร่ คุณจะไล่เขาได้จนแต้มหล่ะครับ... ด้วยความเคารพ --- แก้พิมพ์ผิด -- แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 49 17:07:39 จากคุณ : หมีPooH! - [ 9 ก.พ. 49 17:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 74 http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9490000017468 จากคุณ : นู๋เองง่ะ - [ 9 ก.พ. 49 17:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 75 หากจะพูดเรื่องจุฬาฯก็ขอออกความเห็นอีกครั้งหนึ่ง ทราบมาว่าที่คณะรัฐศาสตร์ตอนนี้กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์อมรา (แต่ไม่รู้ใจจะชอบหรือไม่ชอบทักษิณ) มีเรื่องมาจากเรื่องการเลือกและแต่งตั้งคณบดี ด้วยความเดิมนั้นอาจารย์อมรามิได้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก ณ ที่แห่งนี้ กลุ่มดังกล่าวคิดว่าผู้ได้รับการเลือกและแต่งตั้งเป็นคณบดีต้องเป็นลูกหม้อของจุฬาฯเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่แปลกนัก คุณคนที่ใช้ชื่อว่า แจ้น ได้กล่าวไว้ว่า นิสิตปริญญาโท ที่ไม่ได้จบปริญญาตรีจากที่นี่ เป็นพวก จุฬาฯตัวปลอม ความคิดแบบนี้ยังไม่หายไปจากรั้วจามจุรีแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน ... ผมเป็นคนหนึ่งที่ขอยกเอาตัวเองเป็นตัวอย่างว่า เป็นหนึ่งในจุฬาฯตัวปลอม ที่คุณแจ้นกล่าวถึง ทว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เปิดสอนหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ผมก็มีสิทธิ์ที่จะมาสมัครเรียนที่นี่เช่นกัน มช. สอนให้ผมรู้จักแผ่นดินที่ผมเกิดมา แต่จุฬาฯสอนให้ผมได้ทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน ที่นี่สอนให้ผมทำในสิ่งที่ควร ไม่ควร เหมาะสม และไม่เหมาะสม ส่วนใหญ่ผมจะใช้ชีวิตอยู่ในสถานศึกษาแห่งนี้ มีท่านหนึ่งที่จบจากสำนักเทวาลัยกล่าวว่า นักอักษรศาสตร์รู้ความเป็นไปในสังคม เรามองการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คุณแจ้นจะเป็นนักรัฐศาสตร์หรือนักสังคมวิทยาหรือนักมานุษยวิทยาที่ดีไม่ได้เลย หากขาดความเข้าใจในสังคมที่เปลี่ยนแปลงแบบวุ่นวายและวกวน เวลาเปลี่ยนสังคมเปลี่ยน สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนใจคนเปลี่ยน แต่ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิมมิใช่หรือ คณบดีท่านปัจจุบันก็เคยกล่าวว่าท่านเป็นนักวิชาการ นั่นหมายถึงนักวิชาการจริงๆ ท่านไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆเลย (แต่งานวิจัยชิ้นหนึ่งของท่านมีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ไทย-ลาวคลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างบังเอิญ จากกรณีลาวประท้วงการสร้างภาพยนตร์เรื่องเจ้าอนุวงศ์) ... ผมจึงคิดว่าการพิสูจน์ความจริงแท้เกียรติภูมิจุฬาฯ ต้องดูที่เจตนาในตัวผู้กระทำ นอกจากการดูเพียงความศรัทธาแล้วในเบื้องต้น ดังนั้นผมก็ยังยืนยันว่าถึงแม้จะไม่ได้จบปริญญาตรีจากที่นี่ แต่ผมก็เป็นจุฬาฯตัวจริง ประทับใจประโยคหนึ่งของอาจารย์รามคำแหงท่านหนึ่งซึ่งจบมาจากธรรมศาสตร์ที่คุยให้นักศึกษาฟังว่า แม้ตัวท่านเองจะจบมาจาก มธ. แต่อยู่ที่รามฯมา 20 กว่าปี ก็รักความเป็นรามฯ แต่เลือดธรรมศาสตร์ก็มียังอยู่ ... ผมมาสอนคุณแจ้น เพราะความเป็นพี่ที่ห่วงน้อง เห็นว่าเรียนวิชาทฤษฎีสังคมวิทยามาแล้ว การได้มาซึ่งทฤษฎีต่างๆก็ล้วนมาจากตัวคนที่แสดงบทบาทของตนเองออกมา อาจจะไม่ตรงสถานภาพหรือตรงกับสถานภาพของตนเองก็ได้ การมีทฤษฎีช่วยทำให้เรามองเห็นว่า สิ่งที่เราได้พบได้เจอ มันเข้าท่า เข้าทางยังไง หรือไม่เข้าท่าเอาเสียเลย ก็ตั้งเป็นทฤษฎีใหม่ เห็นไหมครับว่าตัวจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงคือมนุษย์ เกียรติภูมิจุฬาฯก็เช่นกัน จะพิสูจน์ความจริงแท้ว่าเข้าท่าหรือไม่เข้าท่าก็อยู่ที่ว่าคุณจะแสดงบทบาทนั้นออกมาแบบไหนอย่างไร ผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาทำไม่เข้าท่า แบบนี้ถือว่าเป็นจุฬาฯตัวจริงได้หรือไม่ คุณแจ้นจะเป็นจุฬาฯตัวจริงอย่างที่ผมยอมรับได้ หากมีน้ำใจให้กับน้อง พี่ ป้า ลุง ที่อยู่ร่วมสถาบันเดียวกัน อาจารย์ที่เทวาลัยเคยบอกว่าคนที่มีน้ำใจย่อมอ่านข้อเขียนของคนอื่นได้เข้าใจ หากไม่เข้าใจเนื้อหา ก็เข้าใจคนแต่ง หากไม่เข้าใจคนแต่งก็เข้าใจคนพิมพ์ หากไม่เข้าใจคนพิมพ์ก็เข้าใจคนเย็บเล่ม หากไม่เข้าใจคนเย็บเล่มก็เข้าใจคนออกแบบปก หากไม่เข้าใจคนออกแบบปกก็เข้าใจคนขาย หากไม่เข้าใจคนขาย เขาก็จะเข้าใจคนที่ไปซื้อมา หากไม่เข้าใจคนที่ซื้อมาก็จะเข้าใจคนที่แนะนำให้อ่าน หากไม่เข้าใจคนที่แนะนำให้อ่านเขาก็จะเข้าใจตนเอง เข้าใจว่าตัวเขาช่างโง่นักที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ เขาก็จะยิ้มอย่างมีความสุข แล้วหยิบหนังสือเล่มใหม่ขึ้นมาอ่าน ทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ให้คุณแจ้นลองไปหาหนังสือสักเล่มมาอ่านนะครับ ว่าจะเข้าใจอะไรบ้าง หากอยากได้คำอธิบายเพิ่มก็ไปหาผมได้ที่หอสมุดกลาง สถาบันวิทยบริการ ผมอ่านหนังสืออยู่ที่นั่นตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มเป็นต้นไป อันที่จริงเรื่องที่เขียนบ้างบนนี้ก็เกี่ยวกับกระทู้นะครับ เกี่ยวกับเรื่องการยอมรับความผิด อาจารย์อมราผิดที่ไม่ได้เรียนที่จุฬาฯ ใช่หรือไม่ จากคุณ : บ้านายคำเก่ง - [ 9 ก.พ. 49 17:50:57 A:161.200.255.161 X: ]

ความคิดเห็นที่ 76 ไม่อยากจะให้กลายเป็นกระทู้เอาชนะคะคานเถียงกันเหลวไหลเลอะเทอะแบบในราชดำเนินเลยครับ ขอยกข้อกล่าวหาของคณาจารย์ฯจากคคห.ของคุณหมีPooH!มาดูอีกทีก็แล้วกันครับ 1. การทำลายความเป็นอิสระของสื่อมวลชน 2. การไม่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการนิติบัญญัติ 3. การครอบงำบั่นทอนความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ 4. การปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวกขึ้นในระบบการบริหารราชการแผ่นดิน 5. การใช้กุศโลบายแจกเงิน เพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง ฯลฯ และในกรณีล่าสุดคือ 6. การขายหุ้นชินคอร์ป ของครอบครัวนายกฯ เป็นเงินกว่า 7 หมื่นล้านโดยไม่ต้องจ่ายภาษี ข้อ 1-5 ต้องใช้วิจารณญานของแต่ละคนเอาเองครับ ใบเสร็จไม่มี ต้องดูหลักฐานแวดล้อมกันเอาเองครับ จะขอ comment เฉพาะข้อ 6 ข้อเดียวก็แล้วกัน ประเด็นเรื่องภาษีนั้นจะว่าไปแล้วเป็นประเด็นที่มีนัยยะน้อยที่สุดในประเด็นที่ยกขึ้นมาแล้ว บังเอิญเรื่องเงินๆทองๆนั้นเป็นประเด็นแบบ emotional ที่จุดกระแสติดง่าย จึงมีคนเอามาเล่น(แบบเลอะเทอะเปรอะเปื้อน)กันเยอะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องกลไกทุนนิยมปกติ ความผิดในแง่มุมนี้แทบจะไม่มี แทบ...จะไม่มีนะครับ ไม่ใช่ไม่มี!!! เพราะขั้นตอนที่ บ.รวยเหลือล้น ขายหุ้นให้บุตรและบุตรีของคุณทักษิณในราคา 1 บาทนั้น ผมพูดในฐานะผู้ประกอบการคนหนึ่งนะครับว่า ถ้าเป็น นาย ข หรือ นาย ค ต้องเสียภาษีสามพันกว่าล้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นี่บังเอิญเป็นนาย ก!!! การที่สรรพากรออกมาแถลงว่าไม่ต้องเสียภาษีเพราะถือว่าเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันแบบนี้นักบัญชีกับนักกฏหมายก็เหวอกันทั้งประเทศสิครับ นิติบุคคลก็คือนิติบุคคล จะเป็นคนเดียวกับบุคคลธรรมดาได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นจะให้มีนิติบุคคลไว้หาพระแสงด้ามยาวหรือครับ? หรือเอาไว้ให้หลบภาษี? แต่ก็อย่างที่ผมว่านั่นแหละ เงินสามพันกว่าล้านนี้ถือว่าเล็กน้อยมาก เทียบกับมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นจาก 15,000 ล้านเป็น 73,000 ล้านภายในระหว่าง 5 ปีที่ดำรงตำแหน่งแล้วกลายเป็นเศษเงินไปเลย แต่ก็ยังอุตส่าห์งกอีกแน่ะ เฮ้อ คนเรา!!! ถึงที่สุดแล้ว คุณหมี PooH!จะมองว่าทั้ง 6 ข้อไม่มีมูล(หรือไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้) ผมก็ต้องเคารพความคิดเห็นแหละครับ แต่ผมก็มี 1 เสียงเท่าคุณ คณาจารย์เหล่านั้นก็มีเสียงของท่าน (ไม่มีรัฐธรรมนูญข้อไหนระบุว่าคนเป็นอาจารย์จะแสดงความคิดเห็นต้องมีหลักฐานประกอบมากกว่าคนทั่วไปนะครับ) ถึงตอนนี้คุณทักษิณออกมาพูดว่าจะให้ลาออกต้องชาติหน้าตอนบ่ายๆ ก็เป็นสิทธิ์ของท่านเหมือนกันครับ ทุกคนมีสิทธิ์พูด มีสิทธิ์คิด แต่ไม่มีสิทธิ์ไปปิดกั้นความคิดเห็นของผู้อื่นนะครับ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 9 ก.พ. 49 18:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณครับ ความคิดของคุณ CrazyHOrse ก็ตรงกับผมบางส่วนแหละครับ ... หากจะต่างกันบ้าง ก็อาจเพราะมุมมองในกรณีต่างๆ เรื่องนายกนี้ เราอาจแตกต่างกันในแง่การพิจารณาตัดสินพฤติกรรมบุคคลครับ แต่ เรื่องความเห็นของคณาจารย์นั่น ผมยังขอยืนยันความเห็นผมว่า หากเราไม่หวังหลักฐานที่แน่ชัด จากคณาจารย์ในการปรักปรำคนว่ามีความทุจริต หรือ ไร้จริยธรรม ผมว่า เราคงจะหากหลักฐานเชิงประจักษ์จากคนๆๆอื่นในสังคมได้ลำบากครับ ผมไม่อยากให้เราสร้างบรรทัดฐานการตัดสินความผิดคน กันขึ้นมาใหม่ โดยเอาความรู้สึกทางนามธรรม (ในที่นี้คือ จริยธรรม) เป็นที่ตั้งครับ ผมกลัวจริงๆว่า ในอนาคต ผู้บริหารองค์กรต่างๆ ในภาครัฐจะทำงานกันลำบาก และ เราจะอธิบายเหตุผลให้ลูกหลานกันได้อย่างไร ??? ที่เห็นก็คืออย่างนี้แหละครับ จากคุณ : หมีPooH! - [ 9 ก.พ. 49 20:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เอาแค่ส่วนบริหารตำบลและจังหวัดก็กินกันจะแย่แล้ว ที่บ้าน... อบต.อบจ.เหมารถพาเด็กนักเรียนไปเที่ยวซาฟารีฯ พาชาวบ้านไปทะเล และให้ลงชื่อ ไปแบบไม่เสียเงินสักบาท ชาวบ้านชอบใจ สมัยหน้าได้ไปอีก.. อ้อ..บ้างจังหวัดใกล้เคียง จนท.เทศบาลเหมาทุกแผนกไปเที่ยงฝรั่งเศสกับยุโรป มาแล้ว อันนี้เรื่องจริง ๆ มาเช็กดูได้ที่เมืองลิง จากคุณ : TUNAMI T - [ 9 ก.พ. 49 20:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เสียภาษีกรณีขายหุ้นตัวเองหรือครับผิดจริยธรรม ถ้าอย่างนั้นก็พังกันทั้งตลาดหุ้นนั่นแหละครับ ชุมชนคนไม่มีจริยธรรมทั้งนั้นเลย การที่คนจะเข้ามารับตำแหน่งทางการเมืองต้องโอนทรัพย์สินส่วนตัวให้กับลูกๆ ในราคาทุน มันก็ไม่ผิดไม่ว่าหุ้นหรือทรัพย์สินนั้นจะไปอยู่ในที่ไหนในโลก ไม่ว่าจะโอนให้มันซับซ้อนกว่านี้กี่ครั้ง มันก็หุ้นของเขา ของบริษัทที่เขาสร้างขึ้นมากับมือเขา ท่านอาจารย์มองประเด็นนี้หรือเปล่าครับ สมมตินะครับ ถ้าวันที่ท่านนายก ขายตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ เอาล่ะประเด็นมูลค่ามันเพิ่มขึ้นมามันก็มีส่วนที่คนคิดนะครับ แต่ประเด็นนี้ขอยกไว้ก่อน ถ้าขายวันนั้น ถามว่าเสียภาษีไหม ก็ไม่เสีย ถูกไหมครับ แล้วทำไมวันนี้ไม่เสียถึงไม่มีจริยธรรมเล่าครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : nidnoi - [ 9 ก.พ. 49 20:42:55 A:61.90.75.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 80 เฮ้ออออ จากคุณ : natthaset - [ 9 ก.พ. 49 21:37:14 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คนเดิมๆ  วนไปวนมา  ตะโกนใส่กันไปใส่กันมา คนเดิมๆ.......กลวิธีเดิมๆ..... จากคุณ : Louvorian - [ 9 ก.พ. 49 21:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เพื่อให้เหมาะกับความที่มันอยู่ในห้องประวัติศาสตร์  พูดกันเฉพาะเรื่องของระบบระบอบ หลีกเลี่ยงเรื่องตัวบุคคลดีไหมครับ  เพราะอย่างที่ผมบอก  มันยังเป็นเพียงข้อกล่าวหาแค่ข้อสงสัย  มันยังไม่ใช้ประวัติศาสตร์อย่าเพิ่งฟันธง  อย่าพิพากษากันเอง  อย่าใช้วิธีศาลเตี้ย  ตราบได้ที่ยังไม่มีการพิสูจน์  ผู้ต้องสงสัยถือเป็นผู้บริสุทธิ์ อ่านดูแล้วรู้สึกว่าหลายท่านกำลังสนุกกับการวาดภาพจอมมารปิศาจร้ายรายใหม่ว่ามันคือระบอบทุนนิยม  อัศวินผู้ทรงคุณธรรมที่มาปราบจอมมารก็คือระบอบสังคมนิยม  โลกแห่งความเป็นจริงจะมีอะไรที่แบนเป็นกระดาษเช่นนั้นหรือครับ? ผมไม่ได้รำรวยมีเงินมีทองอะไร  และไม่ชอบสั่งสมความมั่งมี  ไม่ชอบทำตัวตามเทรนด์ตามแฟชั่น  แต่ผมก็ค่อนข้างนิยมในระบบทุน  เพราะคิดว่ามันใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุด  ความคิดของทุนนิยมไม่ใช้ให้คนรวยรังแกคนจน  แม้ว่าในทางปฏิบัติมักจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม  แนวความคิดของมันก็คือให้ทุกคนได้รวยต่างหาก  แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้  เหมือนกับที่ต้องการให้ทุกคนทำเพื่อสังคม  แต่แนวคิดนี้ใกล้เคียงกับนิสัยมนุษย์มากกว่า คนทุกคนมักคิดถึงตัวเองเป็นอันดับแรก  หากไม่อิ่มท้องจะคิดถึงผู้อื่นได้หรือ  แต่ละคนที่ออกมาบอกว่าต้องทำเพื่อผู้อื่นนั้น  ท่านอิ่มหรืออดกันอยู่? สิ่งที่ผมชอบในระบบทุนนิยมคือความอิสระเสรีอันเป็นเนื้อแท้ของมนุษย์  ใครไคร่ซื้อซื้อ  ใครไคร่ค้าค้า  ไม่ต้องไปจัดการอะไรกับมัน  ให้มันจัดการมันเองไปตามกลไกด้วยมือที่มองไม่เห็นคล้ายกับแนวคิดของเต๋า  แต่ประวัติศาสตร์ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่ามันก็มีความผิดพลาดขึ้นได้  สิ่งที่จะใช่ควบคุมระบบทุนได้ก็คือรัฐ  อันเป็นผู้ที่จะสร้างกติกาให้ผู้เล่นทำตามซึ่งก็กลายมาเป็นระบบผสมผสาน ถึงกระนั้นก็ไม่อยากให้ทุกคนหลีกหนีความจริงที่ว่าทุกคนดำรงชีพได้ก็ด้วยทุน  ไม่ใช่ว่าหมายถึงเงินทองเพียงอย่างเดียว  แต่หมายถึงข้าวปลาอาหารที่ต้องกินกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน  ทุกคนจึงไม่อาจหลีกหนีจากระบบทุนได้  การพึ่งพาอาศัยการเกื้อกูลกัน  เป็นเรื่องของจริยธรรมมากกว่าระบบ คุณจะเอาระบบอะไรมาทำให้ทุกคนทำเพื่อสังคมได้?  ถ้ามีคนไม่ทำเพื่อสังคมล่ะคุณจะทำอะไรเขา? โดยปกติมนุษย์มาอยูรวมกันมากๆก็เป็นสังคม  แต่ถ้าไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ไม่รู้ว่าจะมาอยู่รวมกันเพื่ออะไร  การแลกเปลี่ยนสิ่งของ, ความปลอดภัย, ความสบายใจ ฯลฯ  เหล่านี้ล้วนเป็นผลประโยชน์ทั้งนั้น  สิ่งที่มีชีวิตที่อยู่ร่วมกันโดยมีความสัมพันธ์เป็นกลางเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้นไม่มีทางเป็นจริงไปได้  เช่นนี้แล้วทุนกับสังคมจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจแยกกันได้  โลกวันนี้มันยุ่งเพราะเราพยายามไปแยกมัน  เพื่อจะเถียงกันว่าความคิดข้าดี สิ่งที่อยากให้รัฐบาล (ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตาม) ทำก็คือ 1. ยอมรับความจริงว่าโลกนี้ดำเนินไปด้วยระบบทุน  การไม่ยอมรับความจริงแก้ปัญหาอย่างไรก็ไม่ถูกจุด  จะว่าแต่ระบบทุนนิยมที่คนจนจนยาก  พวกที่ปิดประเทศถวิลหาความเป็นอยู่แบบเก่าๆคนจนยิ่งจนยากกว่านี้หลายเท่าตัวนัก  สิ่งแรกคือต้องรู้เท่าทันความเป็นจริง 2. สั่งสมความพร้อมให้คนในชาติให้เผชิญหน้าความเป็นจริง  การที่ท่านนายกแจกทุนให้ผู้คนผมไม่คิดว่าผิด  เพราะการจะยืนอยู่ในระบบทุนได้ผู้คนต้องเข้าถึงทุนให้ได้ก่อน  ผมค่อนข้างชอบใจที่รัฐบาลนี้เปิดโอกาสให้คนเข้าถึงทุนได้มากขึ้น  แต่ที่แย่ก็คือคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักวิธีใช้ทุน  เรื่องนี้นับว่าหนักอกเป็นอย่างมาก  เพราะหลายคนอาจจะมีประสบการณ์ที่ว่า  ถ้ารอให้พร้อมก็ไม่ได้เริ่มเสียที  การสร้างสมความรู้จะเอาแต่เรียนอย่างเดียวไม่ได้  ต้องออกไปทำจริงด้วย การเตรียมความพร้อมนี้รวมไปถึงการสร้างสาธารณูปโภคด้วย  เพราะเป็นพื้นฐานอันสำคัญ 3. ทำทุกอย่างด้วยความพอดี  รวยพอดี  พูดพอดี  อย่าดีเกิน หรือเลวเกิน  ทุนนิยมอาจจะดีและเป็นจริงแต่ไม่ทุกอย่าง  ของทุกอย่างต้องมีข้อดีและข้อเสีย จากคุณ : masked v - [ 9 ก.พ. 49 22:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 83 1. ยังอ่านทุกความเห็นนะครับ....ผมเห็นด้วยกับที่คุณ หมีPooH! ยกมาครับ แต่ท่านเขียนเป็นคำพูดได้ดีกว่าผมเป็นมาก....และก็เห็นด้วยครับ กับคุณ masked v  ที่เสนอว่า ควรจะ "พูดคุยกันในแง่หลักการ ดีกว่า เพ่งเล็งที่บุคคลหนึ่งบุคคลใด" เพราะจะได้สอดคล้องกับ "ห้องประวัติศาสตร์" มากกว่าที่จะเป็น "ห้องราชดำเนิน" 2. ขอบคุณ คุณอยู่กับก๋งที่เข้าใจครับ 3. ขอตอบคุณเทา-ชมพู นิดหนึ่งครับ "....ขอแสดงความเห็นในส่วนที่เกี่ยวกับความเห็นของคุณข้างบนนะคะ 1. ดิฉันคิดว่าคุณคงจะสับสนระหว่างคำขวัญของจุฬาที่ว่า "เกีรติภูมิจุฬาคือเกีรติแห่งการรับใช้ประชาชน" กับระบบการรับน้อง การที่นิสิตคนนึงถูกโยนบกตอนรับน้องเกี่ยวอะไรกับการรับใช้ประชาชนคะ 2. ดิฉันไม่ทราบว่าในสาระบบทะเบียนมีบัณฑิตที่ชื่อจิตร ภูมิศักดิ์หรือเปล่า คิดว่าไม่ เพราะเขาออกไปกลางคัน แต่มีชื่อในฐานะนิสิตอักษรศาสตร์มีแน่นอนค่ะ ยังจำได้ติดตาตอนพิธีรับน้องอักษร รุ่นพี่นำจุดธูปเทียนกล่าวคำบูชาต่อหน้ารูปถ่ายของเขา ในรายวิชาที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อาจารย์หลายๆท่านจะยกหนังสือที่เขาเขียน (มีมากในห้องสมุดอักษร) แนวคิดของเขามาพูดเสมอๆ นี่คงเป็นหลักฐานแสดงการยอมรับเขาใช่ไหมคะ 3. คุณตำหนิคุณวรณัยว่าแสดงความเห็นในเชิงอุดมคติ แต่ในขณะเดียวกันตัวคุณเองกลับยกประเด็นคำขวัญของสองสถาบัน ซียูกับทียูขึ้นมาถามว่าทำไมในเมื่อทั้งรักทั้งรับใช้ประชาชน ประเทศชาติยังเป็นแบบนี้ ประเด็นนี้คุณไม่รู้สึกว่าคุณช่าง"อุดมคติ"ด้วยหรือคะ" 4. ประเด็นแรก "ผมคงไม่สับสนดังที่คุณว่าไว้นะครับ...เพราะถ้าคุณได้เห็น "เหตุ" แห่งงานเขียนในหนังสือมหาวิทยาลัย ฉบับ 23 ตุลา...ซึ่งแหวกจากกรอบเดิมคือ แบบ "ศักดินาๆ" เป็น "รับใช้ประชาชน ด้วยการชี้ให้เห็นสภาพที่แท้จริงของประชาชน" อาทิเช่น 'เธอคือหญิงรับจ้างแท้ใช่แม่คน' และ 'ผีตองเหลือง'...กลับได้รับการตอบรับด้วยดีจากนิสิต และอาจารย์sหลายท่าน ด้วยการ "โยนบก" ในหอประชุมจุฬาฯ เช่นนี้ผมจะได้ยอมรับได้อย่างไรกับคำที่อ้างกันว่า "เกียรติภูมิของจุฬา คือเกียรติภูมิของการรับใช้ประชาชน" ??? ไม่แน่ใจว่า เป็นผม "สับสน" หรือคุณ เทา-น้ำเงิน "สับสน" กันแน่???? ที่สำคัญถ้าได้มีโอกาสหาหนังสือพิมพ์ในช่วงปี 27-30 ตุลาคม พ.ศ. 2496 มาอ่านดู คุณจะรู้สึก "สั่นคลอน" แน่ๆกับ คำว่า "เกียรติภูมิของจุฬา หรือเกียรติภูมิแห่งการรับใช้ประชาชน"........ที่สำคัญ "การโยนบก" กับเรื่องการ "รับน้อง" อะไรที่คุณอ้างนั้น มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันโดยสิ้นเชิง! ไม่แน่ใจว่าคุณได้ "ศึกษา" มาดีเสียก่อนหรือไม่? เพราะที่ผิดนั้นมันไม่ใช่ผิดพลาดโดยคำ แต่ผิดพลาดอย่างชัดเจนในแง่ "เนื้อหา"..... 5. ประการที่สอง....เนื่องจากสมัยที่ผมยัง "ศึกษา" อยู่ที่จุฬาฯ การหาหนังสือ เอกสาร ที่เกี่ยวกับคุณจิตร นั้น "ยาก" มาก รวมทั้งหนังสือต้องห้ามทั้งหลายแหล่...แต่ด้วยอุตสาหะ ก็พอแอบจิ๊กๆ หาอ่านได้ และถ่ายเอกสารคัดลอกมาได้หลายเล่มอยู่....เนื่องจากผมจบมานานแล้ว จึงได้ขออนุญาติถามว่า "คณะอักษรศาสตร์จุฬาฯ" ได้ยอมรับคุณจิตร เป็นนิสิต หรือยัง? ถ้าคุณยืนยันเช่นนั้น ผมก็ยอมรับ....ทำไมถามเสียราวกับว่า "ต้องคาดมั่นคั้นให้ตาย" เสียเช่นนั้นเล่าครับ??? 6. ประการสุดท้าย...ก็ผมเห็นว่า แต่ละท่านช่างยก "คำขวัญ" มา "ข่มขู่" ผู้คนกัน ว่า "ดีเลิศ" อะไรขนาดนั้น....ถ้าสิ่งที่ท่านยกมาข่มขู่นั้นจริงแท้...นิสิตจุฬาฯ นักศึกษาธรรมศาสตร์จบมามากมาย ทั้งในวงการราชการ เอกชน การเมือง จำนวนมาก.....ไฉนจึงไม่ผลักดันประเทศไทย ผลักดันสังคมไทย และผลักดันประชาชนคนไทย ให้ก้าวไปสมกับคำขวัญเล่าครับ?.....ผมว่าคุณ "อ่านสิ่งที่ผมสื่อไป" ให้แตกเสียจะดีกว่า ก่อนจะมาวิจารณ์ หรือกล่าวหาอะไรผมจะดีกว่านะครับ.... 7. ยังมีอีกท่านหนึ่งนะครับที่ ได้เข้ามาพูดคุยกับผม "หลังไมค์" ซึ่งกราบเรียนอีกครั้งครับว่า พูดคุยกัน "เปิดเผย" ในที่นี้ หรือกระทู้ไหนๆจะเป็นการดีกว่าครับ คือ ผมไม่ค่อยได้ตรวจสอบเท่าใด? ถ้ามองข้ามไปก็เกรงว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติแก่ท่านครับ... 8. หวังว่าคงจะเข้าใจในสิ่งที่ผมชี้แจงนะครับ...ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 49 01:00:53 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 49 23:14:37 จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 9 ก.พ. 49 23:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 84 หลายคน มีวิธีคิดแบบ  เหมาว่า สถาบันนี้ ทำเรื่อง X ดังนั้นสถาบันนี้จึง X สถาบันนี้ มีอาจารย์แบบ X ดังนั้นสถาบันนี้จึง X จากคุณ : KK (KK Tay) - [ 10 ก.พ. 49 00:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 85 มึน จากคุณ : น้ำเต้าหู้กะปาท่องโก๋ - [ 10 ก.พ. 49 00:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 86 Good article. Iam not good enough to share my knowledge however I love very much to read all of your opinions. จากคุณ : horseshoes - [ 10 ก.พ. 49 04:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 87 อย่างที่ว่าทุนนิยมนั้นขับเคลื่อนโดย greed มันก็เลยมีปัญหาเรื่องจริยธรรมของคนในสังคมทุนนิยมเข้ามาเป็นปัญหาด้วย แต่ผมก็ยอมรับกติกาทุนนิยม เพราะระบบที่เราใช้กันอยู่ก็เป็นทุนนิยม ในขณะที่ฟากสังคมนิยมเองหมดพลังขับเคลื่อนไปแล้ว ไม่ได้ใช้พลัง greed ที่มนุษย์มีอยู่ล้นเหลือ กลายเป็นสังคมยูโทเปียที่มีอยู่แต่ในฝัน และ greed นี้ก็เป็นวัตถุไวไฟ ให้พลังขับเคลื่อนมหาศาล แต่ถ้ากลไกเครื่องยนต์มีปัญหาอาจจะทำให้ระเบิดเอาง่ายๆ ปัญหาอยู่ที่ว่าแนวคิดที่แตกต่างกันตอนนี้ หากมองในแง่ความบกพร่องทางจริยธรรมแล้ว มันเป็นปัญหาที่ไหนกันแน่ - ปัญหาจริยธรรมทั่วไปของคนในสังคมทุนนิยม(ที่เราต้องยอมรับ) - ปัญหาจริยธรรมของผู้กุมอำนาจรัฐ(ที่ยอมรับไม่ได้) เพื่อรักษาสภาพ "ห้องสมุด" ไว้จึงขอไม่ลงในรายละเอียดตามกติกาครับ ทีนี้ความคาดหวังเรื่องจริยธรรมในแง่สังคมกับในแง่ผู้กุมอำนาจรัฐนั้น สำหรับผม หลักยึดจะแตกต่างกัน ปัญหาจริยธรรมในสังคมทุนนิยมถูกพยายามอุดรูรั่วโดยโดยกฏหมายจำนวนหนึ่ง เช่น กฏหมายกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม กฏหมายลักษณะนี้จะลงโทษผู้กระทำผิดชัดเจน และก็ต้องการหลักฐานชัดเจน เรียกว่าจะจับโจร ก็ต้องมีหลักฐานพร้อมมูล แล้วเอาไปลงโทษซะให้เข็ด ว่างั้น แต่ในเรื่องจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เป็นผู้กุมอำนาจรัฐ กลับแตกต่างกันไป เราบังคับให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก่อนและหลังเข้ารับตำแหน่ง เราห้ามผู้คู่สัญญาสัมปทานรัฐมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง กฏหมายเหล่านี้ไม่ได้กล่าวหาว่าบุคคลเหล่านี้มีความผิด แต่เข้าข่ายมีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินกองกลางของประชาชนทั้งชาติ ดังนั้นอะไรที่เห็นว่าไม่ชอบมาพากลก็ต้อง "ขอร้อง" ให้ถอยไปก่อน ไม่เหมือนโจรที่ต้องปล้นถึงจะจัดการได้ แค่มายืนลับๆล่อๆอยู่ริมรั้วบ้านคนอื่นก็เข้าข่ายไม่ชอบมาพากลแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็กลายเป็นประวัติศาสตร์ และเป็นบรรทัดฐานใหม่(ซึ่งผู้ร่างรธน.คงได้แต่มองตากันปริบๆ) และมันก็นำมาซึ่งปัญหาในทุกวันนี้แลฯ จากคุณ : CrazyHOrse - [ 10 ก.พ. 49 13:08:55 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณ คุณนายเจ็ดตัวอักษร และ คุณหมีPooH!  เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ครับ จากคุณ : Dr.Robotman - [ 10 ก.พ. 49 13:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ผมอ่านไล่มาทีละข้อความ บางทีสามารถคาดเดาข้อความได้ว่า เขียนโดยใครตั้งแต่ยังอ่านอยู่ตอนต้น และไม่เห็นชื่อผู้เขียนมาก่อน เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่มีเจตนาอื่นแต่อย่างใด แต่ผมนิยม และชมชอบความคิดเห็นและท่าทีของ คุณ CrazyHOrse ครับ จากคุณ : สิริวิทย์ - [ 10 ก.พ. 49 15:43:47 A:203.113.34.12 X: ]

ความคิดเห็นที่ 91 ผมเป็นขาจร มาจากห้องศุภฯน่ะนะครับ บังเอิญมาก ที่วันนี้ ผมได้คลิกเข้ามาที่ห้องสมุดนี้ จริงๆจะเข้ามาค้นเรื่องสามก๊ก แต่ก็โชคดีได้มาพบกับกระทู้นี้เสียก่อน ผมอ่านทุกความเห็น ในกระทู้นี้ แบบตั้งใจอ่านที่สุด อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน อ่านตั้งแต่ 8 โมงเช้า PT จนตอนนี้ 10 โมงครึ่ง PT แล้วครับ ผมคงไม่สามารถเสนอความคิดเห็นและอธิบายอะไรได้ลึกซึ้งเหมือนทุกท่านหรอกครับ อีกทั้งผมเอง ก็เพิ่งจะ 25 เท่านั้น เรื่องการมุ้งการเมือง ยังอ่อนด้อยอยู่แน่นอน แต่ผมก็สนใจครับ ในแต่ละความคิดเห็น ก็มีทั้งที่ผมเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่ผมไม่ได้อยากจะพูดถึงตรงนั้นครับ ผมเพียงอยากจะบอกกับทุกๆท่านว่า... ผมเสียดาย ที่ในเวลานี้ นักวิชาการ และผู้มีความรู้ความสามารถ ดังเช่นทุกท่าน ต้องมาอภิปรายโต้แย้งกันในเรื่องนี้ เพราะบุคคลที่เราไว้ใจ ให้ไปบริหารประเทศ ซึ่งถ้ากลุ่มบุคคลดังกล่าว ทำหน้าที่อย่างดี และถูกต้องตามทำนองคลองธรรมแล้ว ท่านทั้งหลาย ก็คงจะไม่ต้องมานั่งพิมพ์กระทู้ เสนอความเห็นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แบบนี้ น่าเสียดายจริงๆครับ สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า ผมอยากเห็นอะไรที่มันดีขึ้นครับ อาจจะไม่ต้องเปลี่ยนตัวคนก็ได้ เพียงแต่เปลี่ยนความคิด และการกระทำก็พอ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อว่า อะไรที่มันดีจริง หรืออะไรที่มันถูกต้องแล้ว ไม่น่าจะถูกประชาชนออกมาคัดค้าน ออกมาประท้วง และประณามได้มาก ขนาดนี้หรอกครับ ปล. ผมเป็นคนที่เขียนอะไรไม่ค่อยเก่ง ดังนั้นก็อาจจะลำดับความคิดไม่ค่อยถูกต้อง อ่านแล้วอาจจะไม่ค่อยลื่นไหลนัก ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 49 01:42:28 จากคุณ : Hed Question - [ 11 ก.พ. 49 01:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ผมว่า คนสมัยนี้ โชคดี ที่รัฐบาลหาทุน มาให้ตั้งตัว สมัยผม พ่อแม่ จน ไม่มีเงิน จบปริญญาตรี ออกมา เงินจะซื้อเครื่องพิมพ์ดีด ประกอบอาชีพยังไม่มี ต้องไปรับจ้าง หาเงิน เป็นปีๆ กว่าจะตั้งตัวได้ เดี๋ยวนี้ มีทั้งกองทุนหมู่บ้าน ธนาคารปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ SME OTOP รัฐบาลช่วยขนาดนี้ น่าจะพอใจ แต่กลับ หาว่า สอนให้คนใช้เงินมือเติบ ผมว่า คนจน เขาไม่โง่นะ บางคนเขาต้องการเงินไปประกอบอาชีพจริงๆ ก็มี รัฐบาลช่วยเหลือ ก็เป็นเลือกที่ถูกต้องแล้ว พวกที่วิจารณ์ ไม่รู้นะ ผมว่า เป็นพวกคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไม่เคยลิ้มรสความลำบาก ไม่เคยรู้ว่า การไม่มีเงินกินข้าว ไม่มีเงินตั้งตัว นั้นเป็นอย่างไร จากคุณ : ความเห็นหนึ่ง - [ 11 ก.พ. 49 03:34:32 A:203.209.123.44 X: TicketID:115269 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ผมอ่านมาทั้งหมด ผมเห็นด้วย กับ คุณ หมีPooH! และ นายเจ็ดตัวอักษร ข้อกล่าวหา ที่ อ.รัฐศาสตร์ จุฬา และ ใครต่อใครอีกหลายพวก ที่ไม่ชอบนายก กล่าวมา เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยไร้น้ำหนัก เหมือนเอาความรู้สึกมาตัดสิน มากกว่าเหตุผล จากคุณ : ความเห็นหนึ่ง - [ 11 ก.พ. 49 04:15:48 A:203.209.123.44 X: TicketID:115269 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ตามมาอ่าน ได้อะไรหลายอย่างให้คิดเยอะเลย จากคุณ : YipC PanMile - [ 11 ก.พ. 49 13:09:58 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ก้อเค้าส่งเมลล์นี้ต่อ ๆ กันมาอะนะ  เราก้อมะได้อยู่ข้างใคร  แต่ก้ออย่างว่าคนเราจะให้ทำถูกไปซะทุกเรื่องก้อคงเป็นไปมะได้  แต่ก้ออย่าดูถูกคำว่า "อำนาจ" นะ  มานสามารถกลืนกินเราได้ถ้าเราไม่เข้มแข็งหรือยึดมั่นในอุดมคติพอ   แต่ก้อส่งมาให้อ่าน ๆ กันดู  อิอิ                                                                                            > > >ผลงานท่าน นายกฯ > > > > > >   > > > > > >   > > > > > >1 แก้ พรบ. สรรพสามิตโทรคมนาคม ได้ 8,000 ล้าน เข้าบริษัทตัว เอง > > > > > >   > > > > > > > > >2 ลดสัมปทานไอทีวี ก็ได้ 20,000 ล้าน เข้าบริษัทตัวเอง > > > > > > >   > > > > > > > > >3 ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุม ทหาร > > > > > >   > > > > > > > > >4 ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็น ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตํารวจ > > > > > >   > > > > > > > > >5 จัดตั้ง สายการบินต้นทุนตํ่าระหว่างชินคอร์ปกับบริษัทมาเลเซีย >โดยใช้ช่อง > > >โหว่ในกฏหมายเข่นฆ่าธุรกิจการบินของไทย ไม่สนว่าเงินจะไหลออกนอกประเทศ > > >ขอให้เข้ากระเป๋าตัวเองเป็นพอ > > > > > >   > > > > > > > > >6 กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอกอย่าไปใส่ใจ > > >ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมาย และยังหลุดปากด่าทหารว่าสมควรตาย > > > > > >   > > > > > > > > >7 ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตาย > > > >แล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไปเพื่อซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น > > > > > >   > > > > > > > > >8 ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ กว่า 2,000 >คนจากการปราบยาบ้า > > >อืม นี่ถือเป็นผลงานที่ดีก้อแล้วกันนะ เรื่องปราบปรามยาเสพติดอย่างจริง > > >จังเนี่ย แต่ตอนนี้ก้อชักเป็นไฟไหม้ฟางซะแล้วสิ ราคาคุยเหมือนเดิม > > > > > >   > > > > > > > > >9 ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี > > >นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่ม > > >แทนค่าเทอมนั่นแหละสุดท้ายก๊อไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลว > > >ที่เห็นได้ชัดเจนของการปฏิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี > > >เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ ที่สุด > > >เท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่ > > >กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรี >ถามผู้ > > >ปกครองทุกคนดูได้เลย > > > > > >   > > > > > >   > > > > > >10 > > > >ชั่วเวลาแค่ปีเศษรัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบ > > >ปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดน มิคสัญญี > > > > > >   > > > > > > > > >11 เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดิน ไทย > > >ราคาเช่าช่างถูกจังมีอะไรแอบแฝงรึเปล่าตนเองน่าจะรู้ ดี > > >ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไง > > >ใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วยคิดไงท่าน นายก ที่ให้เช่า 15 ปี > > >แถมมีเปลียนสัญญาได้ ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำ ธุรกิจเลย อ่า > > >ขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส. สว. > > >ที่ยังพอมีความเป็นไทย ทีมิใช่มีความเป็น ทรท. > > >ช่วยกันคัดค้านล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ > > > > > > > > > > > > > > > >ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ > > >การเมืองอยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับชัดเจน มีผลประโยชน์ทับ > > >ซ้อนแหง๋ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก > > > > > > > > > > > >   > > > > > >12 เอาเงินประชาชน 4,000 ล้านให้พม่ากู้จะได้คืนหรือไม่ยังไม่แน่ >แต่ที่แน่ๆ > > >บริษัททักษิณได้งานใหญ่มาทำ เอาเงินใส่กระเป๋าสบายเลยชัดเจนแบบนี้ > > >ท่านยังหน้าโง่ ตาบอด ยังว่าทักษิณเป็นเทวดาอยู่ เหรอ > > > > > > > > > > > >   > > > > > >13 ทักษิณด่าว่าคนอื่นเขาโง่กันหมดตามไม่ทันตน > > > > > > > > > > > >   > > > > > >14 เป็นนายกได้ เพราะศาล รธน.มีมติฉิวเฉียด (เงินเข้ามาเกี่ยวอีกครั้ง ) > > >คดีซุกหุ้นไง รอดมาหวุดหวิด > > > > > > > > > > > >   > > > > > > >15 ทักษิณ สั่ง กกต. > > > >เด็กผมเองสั่งอะไรไม่เคยขัดผมเพิ่งเซ็นอนุมัติงบให้ทางกกต.ที่ขอมาไปวันก่อนจะกล้าขัดใจผมได้งัย > > > > > > > > > > > >   > > > > > >16 ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. > > >บีบลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์เปิดทางลูก-หลาน เปิด สตูดิโอ – > > >ร้านกาแฟทำมาค้าคล่อง อ้างค่าเช่าแพงเกิน จริง > > > > > > > > > > > >   > > > > > >17 บ.ของลูกท่านได้เงินกู้ 5 > > > >พันล้านจากไอซีทีฟรีดอกเบี้ยไม่กำหนดเวลาชำระคืนอีกต่างหากแถมได้รับการเว้นภาษีจากบีโอไออีก > > >ทำสวนสนุกได้รับ การเว้นภาษีจะบ้าตาย > > >ได้รับสัมปาทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดินโดยที่ > > >ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบ.อื่น > > > > > >   > > > > > >   > > > > > >คนไทยทั้งหลายอ่านดู แล้วคิดตามนะว่าจริงไหม > > > > > > > > > > > > > > > > > > >18 เรื่องกำจัดความ ยากจนด้วยการสนับสนุนให้คนเป็นหนี้น่ะเหรอ .ใช่สิ > > >ประเทศไทยจะไม่มี คนจนแล้ว จะมีแต่คนเป็นหนี้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด แทน > > > > > > > > > > > > > > > > > >19 ผลงานชิ้นโบว์แดงก้อแปรรูป ปตท. กับ กฟฝ. ไง กำลังจะได้เห็นผลงานกันชัด >ๆ > > >เร็ว ๆ นี้แล้วด้วย ค่าไฟ กำลังจะขึ้น ชาวบ้านเดือดร้อนกันถ้วนหน้า > > >ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูง ขึ้น ปตท. ได้กำไร 8,000 ล้านบาท > > >แทนที่เงินนั้นจะเป็นเงินของประเทศก้อกลับไปเข้ากระเป๋าของพวกผู้ถือหุ้น > > >ซึ่งส่วนใหญ่ก้อคือพวกพ้องมันนั่นแหละ > > > > > > ได้ข้อความนี้มาจาก FW mail จริงเท็จประการใด เราไม่รู้ เพราะเราไม่ใช่คอการเมือง แต่ mailนี้ก็กระจายไปทั่วเพื่อนเราได้รับหมดเลย     ถ้าเมลล์นี้ไม่เป็นความจริง วอนผู้รู้จริงช่วยมาช่วยแก้ไขด้วยเพราะว่าเราจะได้เอาข้อความนั้นFWไปให้พื่อนๆที่เขาเข้าใจผิด bubblebaba จากคุณ : bubblebaba - [ 11 ก.พ. 49 13:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คุณ CrazyHOrse ครับ  หากมีผู้นำที่ไร้ความชอบธรรมจริงย่อมเป็นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อย่างแน่นอน  และผมไม่คิดว่าเราควรจะต้องทน  แต่การตัดสินใจโดยใช้เพียงความรู้สึกนั้น  หากท่านคิดว่าเขาผิดก็มีอีกหลายคนที่คิดว่าเขาถูก  แล้วมันก็กลายเป็นแค่การเอาชนะคะคานกัน  บานปลายไปเป็นการทะเลาะเบาะแว้งเสียเปล่าๆ ด้วยเหตุนี้ถึงได้มีกฏหมายเพื่อให้คนในสังคมยอมรับในบรรทัดฐานเดียวกัน  เพื่อควบคุมไว้ไม่ให้เกิดความวุ่นวาย  สิ่งที่ผมอยากถามก็คือ  "พวกเราจะรีบร้อนกันไปไหน?" ในเมื่อทุกเรื่องก็กำลังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว  ผลที่ออกมาย่อมชี้แจ้ง  สิ่งนี้ล่ะที่จะทำให้คนไม่ต้องทะเลาะเบาะแว้งกันอีกต่อไป  ผิดว่าไปตามผิด  ถูกว่าไปตามถูก  การตัดสินใจใดๆโดยเที่ยงแท้เที่ยงธรรมเท่านั้นที่จะหยุดความขัดแย้งมิให้บานปลายไปได้  มิใช่การตัดสินโดยใช้ความชังหรือความชอบ  เดาว่าแต่ละท่านก็อายุอานามไม่น้อยกันเท่าไหร่นัก  ไยต้องรีบเร่งร้อนรนกันนักเล่า... จากคุณ : masked v - [ 11 ก.พ. 49 13:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เข้ามาตั้งหลายวันแล้วค่ะ ตั้งแต่ความเห็น10 เดิมสนับสนุนคุณเจ็ดตัวอักษร แต่ตอนนี้ก็ชื่นชอบเหตุผลของคุณCrazyHOrse และอีกหลายท่านที่มีความเห็นและเหตุผลมาพูดคุยกันในห้องนี้ค่ะ รู้สึกว่าได้ความรู้ดีมากค่ะ ยังตามอ่านอยู่ค่ะ ถึงจะไม่ค่อยมีเวลา ปล.แต่ก็ขอตำหนิคุณแจ้นมาก ๆ ค่ะ ที่ไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่น(ยังกับเรื่องใหญ่โตถ้าไม่เรียนจบจากคณะนี้) และยังพยายามแสดงความใจแคบและอวิชชาของตัวเอง(โดยอ้างฐานะของเด็กจุฬาฯเสียอีก) โดยไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้ซักนิดเดียว จากคุณ : Ph_eng - [ 11 ก.พ. 49 14:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 98 จริงๆ แล้วมีทั้งความชอบและความไม่ชอบนายก ชอบตรงที่ว่าเป็นคนตั้งใจทำงาน รวดเร็วในการตัดสินใจบริหารงานต่างๆ ด้วยความใจถึง ทำให้งานบางเรื่องบังเกิดผลอย่างรวดเร็ว และที่ไม่ชอบคือเรื่องของการโอบอุ้มพวกพ้องมากเกินไปมากจนน่าเกลียด สร้างความร่ำรวยกับผู้คนรอบข้างอย่างมหาศาล ดัชนีตัวเลขต่างๆ ที่รัฐบาลประกาศมันก็เป็นแค่ค่าเฉลี่ยไม่ได้เป็นค่าที่ไปวัดกันจริงๆ ทุกคน เช่นรายได้ของประชาชน ถ้าหากว่าไปในชนบทไปสอบถามรายได้ของชาวบ้านดูก็จะรู้ เรื่องปากก็เหมือนกัน คำบางคำไม่น่าที่จะออกมาจากปากของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำประเทศเลยถ้าหากเด็กๆ ดูแล้วนำไปพูดตามก็คงจะแย่ เรื่องการยอมรับความคิดเหหห็นของคนอื่นๆ ก็เป็นอีกข้อที่นายกมีน้อยไปหน่อยคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปจนไม่รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นก็อาจทำให้คนๆนั้นพังมานักต่อนักแล้ว จากคุณ : VOODOO (NANFA_WK) - [ 11 ก.พ. 49 21:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 99 1. ขอความเห็นที่ 99 กับผมนะครับ ผมเห็นว่า เลขสวยดีครับ..... จากคุณ : นายเจ็ดตัวอักษร - [ 11 ก.พ. 49 22:02:13 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ผมเห็นด้วยนะที่ว่ากรณีนี้เป็นกรณีที่แตกต่างจากกรณีอื่นๆที่เคยเกิดขึ้น เพราะยังมีฝ่ายที่สนับสนุนนายกอยู่ไม่น้อย แต่เรื่องรีบร้อนหรือไม่นั้นผมว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกันนะครับ เราทุกคนเป็นฟันเฟืองเล็กๆของสังคมนี้ สังคมจะขยับไปทางไหนก็ขึ้นกับคนทั้งหมด ในกลุ่มเพื่อนสนิทของผมก็ยังมีคนสนับสนุนคุณทักษิณอยู่ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดอะไร ยังพบปะพูดคุยกันได้ปกติ คนที่เห็นว่าคุณทักษิณขาดความชอบธรรมก็มีความเห็นแตกเป็นหลายฝ่าย บางคนถึงกับไปร่วมชุมนุม บางคนไม่เห็นด้วยกับแนวปฏิบัติแบบคุณสนธิ บางคนเห็นว่าขาดความชอบธรรมแต่ยังไม่เห็นว่ามี solution ที่ดีกว่านี้ ดังนั้นวิธีปฏิบัติของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ที่แน่ๆคือ ไม่มีความคิดเห็นของใครเพียงคนใดคนหนึ่งจะมากำหนดคำตอบสำหรับเรื่องนี้ จะออกหัวออกก้อยยังไงก็สุดแท้แต่มวลชนจะนำพาไปครับ กระบวนการตรวจสอบน่ะมีอยู่แล้วแต่อย่าลืมว่ากรณีคณาจารย์ฯนี้ หนึ่งในข้อกล่าวหาคือ การครอบงำบั่นทอนความเข้มแข็งและความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญนะครับ ในเมื่อคณาจารย์ฯไม่เชื่อในองค์กรอิสระแล้ว จะให้ท่านทำอย่างไรได้อีกล่ะครับ? จากคุณ : CrazyHOrse - [ 11 ก.พ. 49 22:32:08 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ทุกสิ่งทุกอย่างค่ะ ตอนนี้ดิฉันยังแค่เพียงรับข้อมูลจากทุกฝ่าย ยังไม่ตัดสินใจว่าใครผิดหรือถูก แค่อ่านและศึกษา และรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงเท่านั้น อาจจะมีบางท่านคิดว่าหากคิดเช่นนี้ก็เหมือนงอมืองอเท้า ก็ยอมรับค่ะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ดิฉันยังมีความเชื่ออยู่ว่า ผู้ใดทำกรรมใดย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ขอบคุณค่ะที่ให้โอกาสแสดงความคิดเห็น จากคุณ : รอมแพง - [ 12 ก.พ. 49 00:48:45 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ดีใจที่รู้ว่ามีพี่น้องชาวจามจุรีอยู่ในพันทิพนี่เยอะเหมือนกัน น่าแปลกใจที่พี่ๆน้องๆชาวเราไม่ค่อยออกมาแสดงตัวให้เห็นในบอร์ดกันนัก ต่างจากเพื่อนๆสถาบันอื่น แต่จากความเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ทำให้มั่นใจได้ว่าพี่ๆน้องๆชาวเราก็มีความรักในสถาบัน ประเทศชาติ และประชาชนไม่น้อยหน้าใคร ผมเองก็ร่ำเรียนมาในสายวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นโลกที่ว่ากันด้วยกฎเกณฑ์และหลักแห่งเหตุและผลเหมือนที่เพื่อนสมาชิกหลายท่านได้กล่าวอ้างไปแล้ว ยอมรับว่าไม่ได้มีความรู้ในเรื่องการเมืองในระดับที่จะมาวิพากย์วิจารณ์ตามหลักวิชาการได้ แต่อย่างน้อยในฐานะของสมาชิกในสังคมคนหนึ่งที่ได้รับรู้ความเป็นไปทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมไทยตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าท่านผู้นำเป็นคนเก่ง อาจจะเก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเมืองไทยด้วยซ้ำ แต่ในแง่ของความเป็นคนดีแล้วผมว่ายังมีข้อสงสัยอยู่มาก จำได้ว่าสมัยที่เรียนวิชาสังคมศึกษาตอน ม ปลายเคยมีการพูดถึงบรรทัดฐานทางสังคม ซึ่งประกอบด้วย 3 อย่าง 1. วิถีประชา 2. จารีตประเพณี 3. กฎหมาย ในยุคที่กฎหมายอยู่ในเงื้อมมือของผู้กระทำผิด เราคงจะใช้กฎหมายเป็นตัววัดความผิดถูกได้ลำบาก สิ่งที่เป็นตัวชี้ที่เหมาะสมในสถานการณ์นี้ก็คงไม่พ้นศีลธรม จริยธรรม และถ้าวัดกันด้วยสิ่งนี้แล้ว ผมว่าท่านผู้นำสอบตกนะครับ ท่านอาจจะบิดเบือนกฎหมายให้มารับใช้ท่านได้ แต่ท่านไม่สามารถบิดเบือนบรรทัดฐานอื่นๆได้หรอกครับ และสักวันบทลงโทษก็คงจะมาถึงท่านเอง จากคุณ : ฟิลิอัส ฟลิตวิก - [ 12 ก.พ. 49 02:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 103 รักนายกฯ รักที่สุด รักนะ รักจังเลย หนุรักคุณ (รีกบีม กวีด้วย) จากคุณ : เทวาภิรมย์ - [ 12 ก.พ. 49 11:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 104 มาตอบความเห็นที่ 95(เท่าที่ตอบได้นะ)                  > > >ผลงานท่าน นายกฯ > > >6 กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอกอย่าไปใส่ใจ > > >ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมาย และยังหลุดปากด่าทหารว่าสมควรตาย > > > > > >  เรื่องนายกปากไม่ดีนี่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ (รวมทั้งเรื่องชอบเล่นมุขแป๊กด้วย)  แต่เรื่องโจรใต้ผมไม่คิดว่าเกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจของพวกมันเป็นแน่แท้  เรื่องนี้เป็นแค้นฝังหุ่นฝังหัวพวกนี้มานานแล้ว  ต่อให้รัฐบาลหน่อมแน้มหรือรัฐบาลปากเสียของจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถ้าใครจำได้ก่อนรัฐบาลชุดนี้แม้ว่าเหตุการณ์จะดูเหมือนสงบ  แต่ก็มีข่าวเผาโรงเรียนอยู่เนืองๆ  ตอนนั้นยังใช้ขดยากันยุงกันอยู่เลย  ตอนนั้นผมยังคุยกันเล่นกับเพื่อนว่า  มันเผาโรงเรียนเพื่อปิดกันเด็กรุ่นใหม่จากวัฒนธรรมภายนอก  แล้วสุดท้ายจะได้เข้ามาเป็นพวกมันในที่สุด  เรียกว่าเป็นโครงการระยะยาว... มาวันนี้ผมค่อนข้างขนลุกที่สิ่งที่คิดไว้เป็นจริงขึ้นมา  อาจจะไม่ร้อยเปอร์เซนต์  แต่ที่ผมอยากบอกก็คือ  ก่อนหน้านี้เรานิ่งนอนใจกับเรื่องนี้มานานเกินไป  ปล่อยให้มันดำเนินแผนไปก่อนล่วงหน้าเป็นสิบปี  แล้วคิดว่าจะใช้เวลาเพียงปีสองปีแก้ปัญหาอย่างนั้นน่ะหรือ? > > > > > > > > >7 ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตาย > > > >แล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไปเพื่อซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น > > > > > >  เรื่องนี้น่าเขกกะโหลกรัฐบาลจริงๆ  แต่ที่ว่ากินไก่เพื่อซีพีอย่างเดียวนั้นอคติเกินไปหน่อย  มองโลกเป็นกลางหน่อยครับ > > > > > > > > >8 ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์ กว่า 2,000 >คนจากการปราบยาบ้า > > >อืม นี่ถือเป็นผลงานที่ดีก้อแล้วกันนะ เรื่องปราบปรามยาเสพติดอย่างจริง > > >จังเนี่ย แต่ตอนนี้ก้อชักเป็นไฟไหม้ฟางซะแล้วสิ ราคาคุยเหมือนเดิม > > > > > >  ทำไมถึงรู้สึกว่าเป็นไฟไหม้ฟางล่ะครับ?  สงสัยจำยุคที่ข่าวคนเมายาบ้าจี้คนเป็นตัวประกันรายวันไม่ได้แล้วสินะครับ  หรือแถวบ้านยังมีอยู่  แต่ผมไม่เจอแล้วนะ  (ถ้าข่าวจับคนขายนี่ถือเป็นการสกัดกั้นก่อนที่ผลจะเกิดนะครับ) > > >10 > > > >ชั่วเวลาแค่ปีเศษรัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบ > > >ปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดน มิคสัญญี > > > > > >อันนี้ตอบไปแล้วครับ   > > > > > > > > >11 เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดิน ไทย > > >ราคาเช่าช่างถูกจังมีอะไรแอบแฝงรึเปล่าตนเองน่าจะรู้ ดี > > >ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไง > > >ใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วยคิดไงท่าน นายก ที่ให้เช่า 15 ปี > > >แถมมีเปลียนสัญญาได้ ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำ ธุรกิจเลย อ่า > > >ขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส. สว. > > >ที่ยังพอมีความเป็นไทย ทีมิใช่มีความเป็น ทรท. > > >ช่วยกันคัดค้านล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ > > > > > > เรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ทางรัฐศาสตร์และยุทธศาสตร์ครับ  ทางที่ดีอย่าเอามาพูดมั่วซั่วดีกว่า  มันไม่เป็นผลต่อประเทศ  ถ้าจำรายการคุยคุ้ยข่าวที่สัมภาษณ์เรื่องนี้  จะเห็นได้ว่านักวิชาการที่เตรียมมาซักฟอก  พอทางกองทัพอากาศแพลมความคิดไปหน่อยเดียว  นักวิชาการเหล่านั้นก็หยุดปากแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที   > > > > > > ส่วนข้ออื่นๆไม่มีความเห็นครับ (อาจจะจริงก็ได้) แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 49 23:13:58 จากคุณ : masked v - [ 12 ก.พ. 49 23:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เรื่องปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องซับซ้อน ปัญหามันเริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐจารีตช่วงกรุงธนบุรี-ต้นกรุงรัตนโกสินทร์เข้ามีอิทธิพลเหนือรัฐปัตตานีแล้ว ยิ่งพอเกิดรัฐชาติสมัยใหม่ขึ้นมาในสมัยร.๕โดยมีสยามแกนของรัฐที่เกิดใหม่นี้ ก็เท่ากับว่ารัฐที่เป็นประเทศราชเดิมถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสยามท่ามกลางความไม่ยินยอมพร้อมใจของเจ้าผู้ครองนครเดิม(ทุกรัฐ) เรื่องมันเลวร้ายลงในสมัยจอมพล ป.ที่แปลงสยามให้กลายเป็นไทย เป็นรัฐชาติของคนไทย พยายามกลืนรัฐเหล่านี้โดยการทำลายอัตตลักษณ์ กับบางรัฐการกลืนอาจดูเหมือนว่าทำได้ง่ายเพราะพื้นฐานเป็นคนพูดภาษาตระกูลไท ศาสนาก็เป็นพุทธด้วยกันอยู่แล้ว แต่กับรัฐปัตตานีที่คนเป็นคนเชื้อสายมาเลย์ พูดภาษามาเลย์ นับถือศาสนาอิสลาม การพยายามบอก(หรือ หลอก)เขาว่าเขาเป็นคนไทยมุสลิม พูดภาษายาวี(ซึ่งไม่มีในโลก)เป็นความพยายามที่ไม่เข้าท่าเอามากๆ หลังจากยุคจอมพล ป. หลายๆอย่างที่เคยเข้มงวดในยุคชาตินิยมก็ผ่อนคลายลง แต่นโยบายนี้ยังไม่มีใึครไปแตะ ปัญหาเรื่องการแบ่งแยกดินแดนนั้นจริงอยู่ที่ว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากคนกลุ่มเล็กๆ แต่คนกลุ่มเล็กๆนี้ไม่มีปัญญาสร้างความวุ่นวายได้มากนักด้วยสาเหตุหลักคือขาดกำลังคน อย่างมากก็ทำได้แค่ก็กวนเป็นพักๆ ซึ่งนโยบายของหลายๆรัฐบาลที่ทำมาตลอดก็คือการรักษามวลชนเอาไว้ เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต ถ้าจะเทียบแล้ว ผมว่าเหมือนกับการนั่งทับกับระเบิดเอาไว้นั่นแหละ มันจะไม่ระเบิด ตราบใดที่เราไม่ลุก เรื่องมาบานปลายเอาเพราะผลข้างเคียงของนโยบายปราบยาเสพติดด้วยความรุนแรงของรัฐบาล ซึ่งมีผลทำให้ญาติพี่น้องผู้ที่ตายเพราะเกี่ยวข้อง(หรือถูกผสมโรงกล่าวหาว่าเกี่ยวข้อง)กับยาเสพติดเกิดความไม่พอใจต่อรัฐ บวกกับความไม่เข้าใจปัญหาของพื้นที่นี้ทำให้มีการยุบทิ้งศอบต.ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานมวลชนที่รัฐบาลก่อนๆใช้นั่งทับกับระเบิดมานาน ซึ่งมีผลเท่ากับลุกจากกับระเบิดทันทีทันใดนั่นเอง ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น เรื่องนี้เกิดจากความไม่เข้าใจปัญหาของรัฐบาล เข้าข่ายทำงานผิดพลาดจนชาติเสียหาย ถ้าไม่มองว่าดื้อดึงจนทำให้ปัญหาบานปลายแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าในการทำงานทุกๆคนมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรผิดพลาดได้ ซึ่งต้องถือว่าไม่รุนแรงเท่าเรื่องจริยธรรมครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 49 02:45:24 จากคุณ : CrazyHOrse - [ วันมาฆบูชา 02:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 106 นับถือทุกๆท่านด้วยใจจริงเลยครับ ทุกท่านล้วนมีเหตุผล และมีวิธีการเขียนที่น่านับถือจริงๆ (^ ^ ~ จากคุณ : Icke - [ วันมาฆบูชา 19:37:39 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ผมไปหลงอ่านบ้าบอคอแตกในราชดำเนินตั้งนาน เพิ่งเข้ามาในนี้ครั้งแรกครับ มันยอดมากครับ ทึ่งทุกคนจริง ๆ ครับ จากคุณ : T3 - [ วันมาฆบูชา 21:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ขอชื่นชมและขอบคุณการแสดงความเห็นของหลาย ๆ ท่าน ทั้งคุณเจ็ดตัวอักษร คุณCrazyHOrse คุณmasked v คุณหมีPooH! และอีกหลาย ๆ ท่าน ทำให้ได้หลายมุมมอง ซึ่งบางมุมก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน เพื่อน ๆ ในกลุ่มก็คงเหมือนเพื่อนของคุณ CrazyHOrse ที่มีความเห็นต่าง ๆ กันไป ตอนนี้ต้องเข้ามาอ่านกระทู้นี้ทุกวันเลยค่ะ จากคุณ : rpp - [ วันมาฆบูชา 22:57:33 ]

ความคิดเห็นที่ 109 น่าอ่านกว่า ราชดำเนินเยอะ จากคุณ : B`za - [ 14 ก.พ. 49 10:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เยี่ยมมากครับ ทุกท่าน ผมนับถือจริงๆ ผมคงพูดไม่ได้ว่านี่เป็นกระทู้ที่ดีที่สุดใน Pantip เพราะไม่ได้อ่านทุกอัน แต่ขอพูดว่า  นี่เป็นกระทู้ที่ดีที่สุดทีผมได้เคยอ่านใน Pantip ครับ  ขอบคุณที่ได้แสดงความคิดเห็นหลายๆมุมให้ได้มองครับ - เห็นด้วยกับคุณเจ็ดตัวอักษรและคุณหมีPooh ครับ จากคุณ : คนเมืองชล - [ 14 ก.พ. 49 16:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ".....เกียรติภูมิจุฬา คือเกียรติแห่งการรับใช้ประชาชน..." จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า - [ 15 ก.พ. 49 20:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ขอชื่นชมทุกความเห็นที่ใช้ปัญญาในการโต้ตอบ จากคุณ : firdous - [ 16 ก.พ. 49 12:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เห็นด้วยกับคุณเจ็ดตัวอักษรครับ จากคุณ : วันนี้รักเธอที่สุด - [ 16 ก.พ. 49 20:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 114 *-* ได้ความรู้และแนวคิดเพิ่มขึ้นมากมายเลยครับ ขอบคุณทุกท่านมากครับ จากคุณ : knax7 - [ 17 ก.พ. 49 02:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ทุกท่านเก่งจังค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้และแนวการคิดดีๆค่ะ จากคุณ : ปุ้ม หญิง - [ 25 ก.พ. 49 07:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ตั้งแต่ได้อ่านกระทู้ที่เกี่ยวกับการเมืองมา ขอยกย่องว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้ที่มีผู้เข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างได้สาระที่สุด เป็นกระทู้ที่ให้ความเห้นในทางวิชาการ แต่ละความเห็นสามารถพูดสนับสนุนความเห็นของตนเองได้อย่างสุภาพ และเต็มไปด้วยข้อคิดเห็นที่น่าวิเคราะห์ แม้หลายท่านจะมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ก็โต้แย้งกันอย่างสุภาพ ไม่เหน็บแนม แดกดัน สมกับเป็นผู้ที่ทรงไว้ซึ่งปัญญาจริง ๆ ขอแสดงความคารวะทุกท่านด้วยใจจริง จากคุณ : ภุมรีภิรมย์ - [ 26 ก.พ. 49 16:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เห็นด้วยกับ คุณภุมรีอย่างมากเลยครับ ผมว่าจะก๊อปไว้อ่านอยู่อีกระยะละครับ จากคุณ : นักรบดินเผา - [ 1 มี.ค. 49 02:52:51 ]