ความคิดเห็นที่ 1 เอาอะไรเป็นมาตรฐานของการจัดอันดับครับ ??? จากคุณ : AcmeBoy - [ 5 มี.ค. 49 18:34:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผู้จัดอันดับน่าจะเป็นองค์กรอิสระที่เป็นกลางไม่ใช่ หน่วยงานราชการ ซึ่งอาจจะเชลียร์ให้ม.ชินวัตรมาอันดับหนึ่งเดี๋ยวจะไปกันใหญ่ 555 จากคุณ : Cyber Sage - [ 5 มี.ค. 49 19:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาทายอันดับกันเล่น ๆ นะ 2 กลุ่มสาขาวิชาใหญ่ คือ กลุ่มวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี-วิทยาศาสตร์สุขภาพ 1. มหาวิทยาลัยมหิดล 2. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 4. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 5. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลุ่มสังคมศาสตร์-มนุษยศาสตร์ 1. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3. มหาวิทยาลัยศิลปากร 4. มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 5. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จากคุณ : SPK - [ 5 มี.ค. 49 20:49:26 A:58.8.183.210 X: TicketID:099055 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จัดอันดับแล้วจะจัดเงินสนับสนุนให้ด้วยไหมล่ะ ม.กรูจนจะตาย5จะเอาอะไรมาพัฒนาคุณภาพ มหาลัยเกือบทั่วประเทศต้องเปิดภาคพิเศษกับโครงการกันหมดแล้วเพื่อหาเงินทุนมาประทังมหาลัย ความคิดดีนะ แต่ไอ้>>> เพื่อเด็กนักเรียนจะได้มี ข้อมูลในการเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัย เลือกมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพ<<< เนี่ยเปลี่ยนเป็น "เราจะจัดสรรงบประมานเข้าไปช่วยพัฒนา"ดีกว่าไหม ไม่ใช่มหาลัยไหนถูกจัดอันดับว่าเฮงซวย ก็ช่วยโฆษณาให้เด็กมันไม่ไปเรียน ทำอะไรที่มันเจริญๆ ช่วยชาติบ้างเถอะ ไม่ใช่ใกล้เลือกตั้งที หาเรื่องเชี่ยๆมาทำกันที จากคุณ : แหนมมัด - [ 5 มี.ค. 49 21:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เปิดร่างงบประมาณกระทรวงศึกษาฯปี 49 มหาวิทยาลัยมหิดล 6,063,641,000 บาท จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4,587,134,000 บาท มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2,865,295,000 บาท มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2,837,517,200 บาท มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2,717,401,000 บาท มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2,480,905,000 บาท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 1,778,249,300 บาท มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 1,371,565,000 บาท มหาวิทยาลัยนเรศวร 1,271,297,000 บาท มหาวิทยาลัยรามคำแหง 1,015,741,000 บาท มหาวิทยาลัยศิลปากร 1,001,239,700 บาท สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 868,665,000 บาท มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 797,577,000 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 774,000,200 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 717,983,000 บาท สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 711,662,000 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 658,376,600 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 648,905,600 บาท มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 644,690,000 บาท มหาวิทยาลัยบูรพา 613,295,000 บาท มหาวิทยาลัยทักษิณ 602,875,000 บาท มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 593,447,000 บาท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 492,229,200 บาท มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 452,735,000 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย 446,342,600 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 416,666,000 บาท มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 402,537,000 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพฯ 380,534,000 บาท สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 366,943,000 บาท มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 362,668,200 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร 356,608,200 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก 326,333,800 บาท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ 260,255,500 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ 224,420,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 214,986,400 บาท มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย 214,325,800 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 206,874,500 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร 203,470,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 203,130,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา 202,818,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 195,276,400 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 182,535,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ 171,145,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 170,973,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม 167,670,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ 162,821,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 159,602,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง 159,134,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 159,090,800 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี 153,260,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 145,489,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี 145,195,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี 142,829,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ 139,573,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา 135,965,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ 135,267,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี 133,483,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี 131,491,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย 130,431,500 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ 129,168,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร 127,627,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต 126,905,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย 123,907,700 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง 122,079,100 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา 121,862,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี 120,897,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร 118,003,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช 116,855,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี 111,620,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ 104,836,000 บาท มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ 100,000,000 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ 84,701,000 บาท สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน 80,769,800 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏนครพนม 67,742,300 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด 62,926,700 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ 56,694,800 บาท มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ 49,646,000 บาท เค้าให้งบประมาณ แปรผันตาม คุณภาพมหาวิทยาลัยหรือเปล่าก็ไม่รู้ หรือให้ตามความต้องการก็ไม่ทราบ แต่ที่ติดตาม มหิดล ได้งบประมาณมากที่สุดของประเทศมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี จากคุณ : Antares Kung - [ 5 มี.ค. 49 22:42:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ให้ตามคณะที่เปิดสอนครับ ถ้ามหาวิทยาลัยไหนเปิดสอน สาขาวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยีมาก ก็ให้มากครับ ด้วยเหตุนี้ธรรมศาสตร์ถึงต้องมีคณะวิศวะ-แพทย์ไง รามถึงต้องเปิดวิศวะ-เตรียมเปิดแพทย์ สงสัยคิดว่าสายสังคมกินอากาศเป็นสอนหนังสือเป็นธรรมทาน จากคุณ : Ace striker - [ 6 มี.ค. 49 09:56:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เดี๋ยวขอขึ้นค่าเช่าสยามสัก 30 เปอร์เซนต์ก่อน อิอิ ขึ้นค่าเช่าสยาม ก็ไม่ได้เยอะ ไม่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย เพราะค่าเช่าถูกอยู่แล้ว ที่แพงเพราะพวคุณเซ้งต่อๆกัน ไม่ใช่ความรับผิดชอบของมหาลัยนี่ เอ ผมพูดเล่นๆ เห็นแก่ตัวเกินไปแน่เรย (แต่ในความเห็นผม ไม่ใช่เรื่องที่จุฬาจะมารับผิดชอบเรื่องค่าเช่าแพงขึ้น นะ เพราะที่แพงเพราะคนกลางจริงๆ) จากคุณ : natthaset - [ 6 มี.ค. 49 14:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สงสัยคิดว่าสายสังคมกินอากาศเป็นสอนหนังสือเป็นธรรมทาน ขอบอกว่า  ขำมากๆ อ่านแล้ว มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้เป็นอันดับสิบสามเชียวหรือนี่ มีแบ่งงบไว้ประชาสัมพันธ์ตัวเองบ้างไหมเนี่ย แม้แต่  มศว. ก็เหอะ เคยเรียกแท็กซี่จากศูนย์ประชุมสิริกิตว่าไป มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แม่เจ้า...แท็กซี่บอกว่าไม่ไปเพราะกลัวส่งรถไม่ทัน เฮอ...หรือเครือ มศว.เป็นเหมือนกันหมด และทุกมหาวิทยาลัยตอนนี้ก็ดิ้นหนีตายกันหมด ธรรมศาสตร์เองที่รู้มาก็ต้องทิ้งที่กลางเมืองไป เพื่อใช้ที่ตรงนั้นใช้สอนภาคพิเศษ ตอนนี้คงต้องตัวใครตัวมัน ใครมีบุญเก่าก็งัดขึ้นมาใช้ ใช้เพื่อรักษาสาขาวิชาที่เป็นชื่อเสียงเป็นหน้าเป็นตาของตน ส่วนที่ที่มีบุญเก่าน้อยก็อาศัยเปิดศูนย์กระจายออกไป ถ้ามีการจัดอันดับจริงก็คงจะช่วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้ แต่ช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลง...อันนี้ บ่ฮู่เน้ออออ จากคุณ : no-trump (เข้ามาจอบ) - [ 6 มี.ค. 49 19:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การจัดอันดับย่อมมีทั้งข้อดีข้อเสีย ข้อดีก็อย่างที่อาจารย์ภาวิชว่าไว้ นักเรียนจะได้มีข้อมูลในการเลือกสถาบันอุดมศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นแรงกระตุ้นให้สถาบันที่ได้รับการจัดอันดับไม่ดีพยายามพัฒนาศักยภาพของสถาบันให้สูงขึ้นในปีต่อ ๆ ไป แต่ข้อเสียคือการจัดอันดับทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำต่ำสูงของสถาบันการศึกษาชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม แม้ก่อนหน้านี้จะมีให้เห็นอยู่แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเป็นการพูดกันปากต่อปากว่าที่นี่ดี ที่นี่ไม่ดี เมื่อเป็นเช่นนี้สถาบันที่ได้รับการจัดอันดับต่ำจะยิ่งถูกดูแคลนและได้รับความสนใจน้อย เมื่อได้รับความสนใจน้อยงบประมาณที่ได้ก็จะยิ่งน้อยลง โอกาสในการพัฒนาตนเองก็ยิ่งเป็นไปได้ยาก ขณะเดียวกันบุคลากรที่มีความสามารถที่จบใหม่มา ก็คงไม่คิดจะเลือกสถาบันที่ได้รับการจัดอันดับต่ำ เช่นนี้แล้วคุณภาพการเรียนการสอนก็จะย่ำอยู่กับที่ แบบนี้ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงระหว่างสถาบันก็จะยิ่งชัดเจนจนอาจจะกู่ไม่กลับก็ได้ สุดท้ายคือนโยบายของสกอ.ที่มีต่อสถาบันที่ได้รับอันดับต่ำต้องมีความชัดเจน ถ้าไม่มีความชัดเจนเพียงพอหรือไม่มีการเข้าไปช่วยเหลือโอบอุ้มอย่างเต็มที่ สถาบันเหล่านั้นก็จะยิ่งตกต่ำไปเรื่อย ๆ แล้วยิ่งได้เห็นข้อมูลการจัดสรรงบประมาณด้วยแล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจกับการศึกษาไทย เฮ้อ ... จากคุณ : Mr.Learning - [ 6 มี.ค. 49 20:37:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จัดก็ดี จะได้รู้ว่าเเต่ละมหาลัยมีคุณภาพ  เเละมหาลัยไหนที่ได้อันดับต่ำๆจะได้เร่งพัฒนาตัวเองขึ้นมา  เเต่ขอให้วิธีการจัดอันดับทำอย่างรอบคอบเเละโปร่งใสก็พอ จากคุณ : Visby - [ 7 มี.ค. 49 11:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ม. ทักษิณ ม. ชินวัตร จากคุณ : นายไผ่ - [ 7 มี.ค. 49 17:23:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เห็นด้วยค่ะ การจัดลำดับมหาลัยยิ่งจะทำให้คนเกิดความแตกต่างและหยิ่งทะนงในสถาบันซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี จากคุณ : กวีกานต์ - [ 8 มี.ค. 49 00:33:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเฉยๆน่ะครับ เมืองนอกก็จัดกันถมเถ จากคุณ : รอสโซเนรี่ - [ 8 มี.ค. 49 05:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอต่อ..... ค้านอย่างแรง เพราะคนที่ไม่ได้เรียนมหาลัยดีๆ เค้าจะมีโอกาสเข้าทำงานเหรอ เพราะคนก็มีแต่ค่านิยมที่ดูแต่สถาบัน ไม่ได้ดูที่ปัจเจกบุคคลเลยว่าเค้าทำอารายได้มากแค่หนาย ดูแต่ชื่อมหาลัย อย่างงี้คนเก่งๆ ที่ไม่ได้เรียนมหาลัยดังๆ เค้าจะทำไง น่าเห็นใจนะคะ จากคุณ : กวีกานต์ - [ 8 มี.ค. 49 21:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 “ที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แย้งว่า เราเน้นเฉพาะดัชนีที่วัดการพัฒนาการเรียนการ สอนของมหาวิทยาลัย กับวัดการวิจัยใมหาวิทยาลัยนั้น เราก็ยอมรับว่าเราเน้นแค่ 2 ประเด็นนี้จริง” ขอถามว่าแล้ว 2 ประเด็นที่ว่านี้มันเพียงพอไหนที่จะใช้วัดระดับคุณภาพของมหาวิทยาลัยน่ะครับ ตอบเองเลยว่า ได้ แต่ไม่ธรรมสำหรับทุกมหาวิทยาลัยแน่นอน คุณจะเอาทุนมาแบ่งชนชั้นทางการศึกษาไม่ได้นะครับ และเห็นด้วยว่า ผู้ที่ทำหน้าที่จัดอันดับไม่ควรเป็นหน่วยงานที่ขึ้นกับฝ่ายใด ควรเป็นองค์กรอิสระมากกว่า จากคุณ : zeromaster - [ 9 มี.ค. 49 21:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 การจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับว่าใกล้เคียงความจริงมากที่สุด คือ การจัดโดย  Institute of Higher Education, Shanghai Jiao Tong University ซึ่ง criteria ที่เค้าใช้ คือ 1. Alumni of an institution winning Nobel Prizes and Fields Medals 10% 2. Staff of an institution winning Nobel Prizes and Fields Medals 20% 3. Highly cited researchers in 21 broad subject categories 20% 4. Articles published in Nature and Science 20% 5. Articles in Science Citation Index-expanded, Social Science Citation Index, and Arts & Humanities Citation Index 20% 6. Academic performance with respect to the size of an institution 10% จากข้างต้น เห็นได้ชัดเลยว่า เค้าให้น้ำหนักของการวิจัยเยอะทีเดียว ดังนั้น จึงไม่แปลกใจทำไมไม่มีมหาวิทยาลัยของประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 500 เลย ส่วนตัวเห็นด้วยกับการจัดอันดับนะ ถ้าไม่จัดแล้วเราจะกระตือรือร้นที่จะพัฒนาให้มันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนไหม สำหรับมหาวิทยาลัยที่อันดับไม่ดี ก็ต้องพยายามพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ส่วนมหาวิทยาลัยไหนอันดับดี เค้าก็ต้องพยายามรักษาตำแหน่งไว้ให้ได้ ซึ่งถ้าเราไม่จัด มันก็เป็นกันแบบนี้ คือ เฉย ๆ ไม่กระตือรือร้นที่จะพัฒนามหาวิทยาลัยเลย แต่ที่สำคัญ ถ้ารัฐคิดจะจัดอันดับ ก็ต้องพร้อมที่จะให้เงินทุนในการพัฒนามหาวิทยาลัยด้วย ไม่ใช่สักแต่จัด ๆ ไปงั้น ถ้าแบบนี้ จัดหาพระแสงอะไร ไม่มีประโยชน์ เพราะมหาสิทยาลัยจะก้าวหน้าได้ ก็ต้องอาศัยเงินทุน และมหาวิทยาลัยเองต้องพัฒนาองค์ความรู้ของตนเพื่อทำเงินให้กับมหาวิทยาลัยเองด้วย ไม่ใช่รอรับตังค์อย่างเดียว จากคุณ : Antares Kung - [ 9 มี.ค. 49 22:31:42 ]