ความคิดเห็นที่ 1 ประกาศพระราชบัญญัติมรดกสินเดิมแลสินสมรส (คักจากหมายรับสั่ง เดือน ๘ ปีกุนตรีศก จุลศักราช ๑๒๑๓)          ศุภมัสดุ จุลศักราช ๑๒๑๓  ศุกรสังวัจฉระกติกมาส  สุกรปักษฉัษฐีดฤถีครุวาร ปริเฉทกำหนดกาล  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ สมมติเทพยพงศ์ วงศาดิศวรกษัตริย์ วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ ราชาธิราชบรมนารถบพิตร  พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ผู้ทรงทศพิธราชธรรม์อนันตคุณวิบุลยปรีชาอันมหาประเสริฐ  เสด็จออกเหนือสุวรรณราชบัลลังก์ภายใต้พระมหาบวรเศวตฉัตร  ณ  พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหสุริยพิมาน  โดยสถานอุตราภิมุขพร้อมด้วยพระบรมวงศ์แลเสนาบดีมุขมนตรีกระวีชาติ  ราชพฤฒาโหราจารย์เฝ้าเบื้องบาทบงกชมาศตามอันดับ          พระยามหาอำมาตย์ นำข้อความ นายภา มาร้องถวายฎีกากล่าวโทษ พระยาชลบุรี   กรมการ  กับขุนเทพอาญา ขุนศาล  กราบบังคมทูลพระกรุณา  ว่าเดิมอำแดงอูมารดาจีนหกให้เถ้าแก่มาขออำแดงเจียมต่อนายสุกอำแดงดี บิดามารดาอำแดงเจียม  ให้เป็นภรรยาจีนหกมีเงินสินสอด ๑๐ ตำลึง เงินทุน ๒ ชั่ง  เรือนหอฝากระดานหลังหนึ่ง  นายสุกอำแดงดียกอำแดงเจียมให้อยู่กินเป็นผัวเมียกับจีนหก  เกิดบุตรด้วยกันคนหนึ่ง  อยู่มาจีนหกตาย  ฝ่ายอำแดงอูมารดาจีนหกมาฟ้องต่อพระยาชลบุรีจะขอเอาสินเดิมคืน  พระยาชลบุรีประทับฟ้องให้ขุนมหาดไทยเป็นตุลาการพิจารณาเสร็จสำนวน  ส่งสัจเข้ามาให้พระกระเสมผู้ปรับ ปรับสัจไปว่า  ให้อำแดงเจียมคืนเงินทุน ๒ ชั่ง กับเรือนหอหลังหนึ่งให้กับอำแดงอูมารดาจีนหกตามกฎหมาย  ฝ่ายอำแดงเจียมมีคำทุเลาว่า  อำแดงเจียมกับจีนหกมีบุตรด้วยกันคนหนึ่ง  จะไม่ได้ส่วนทรัพย์ของปู่ย่าบ้างหรือ  อำแดงเจียมไม่ยอมติดใจอยู่  พระยาชลบุรีขุนมหาดไทยให้ยกคำเสีย จะเร่งเอาสินเดิมคืนให้อำแดงอูมารดาจีนหกผู้ตายตามใบสัจ          จึงมีพระบรมราชโองการมานพระบัญฑูรสุรสีหนาทดำรัสเหนือเกล้าสั่งว่า  ซึ่งพระกระเสมปรับสัจว่าให้อำแดงเจียมคืนสินเดิมให้อำแดงอูมารดาจีนหกนั้น หายุติธรรมไม่  ประเพณีบิดามารดาประกอบให้บุตรมีภริยาสามีแล้ว  บริจาคเงินทองทรัพย์สิ่งของทั้งปวงให้แก่บุตรชายบุตรหญิง  ปรารถนาจะให้สืบสกุลวงศ์เป็นเชื้อสายบริบูรณ์ไปภายหน้า  บุตรเขยบุตรสะใภ้อยู่กินเป็นผัวเมียกันจนมีบุตรด้วยกัน  บุตรของผู้ตายก็นับเนื่องอยู่ในหลาน เป็นสัมพันธญาติหาใช่ผู้อื่นไม่  ควรจะให้บุตรผู้ตายซึ่งเป็นหลานได้ส่วนแบ่งปันทรัพย์มรดกในสินเดิมบ้าง  จึงจะเป็นยุติธรรม            ตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อหน้า  ถ้าชายหญิงสมรสด้วยกัน เขาตายจากกัน  สินเดิมมากน้อยเท่าใดให้ทำเป็น ๑๐ ส่วน  ให้หลานซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายได้ส่วนแบ่ง คนหนึ่งได้ส่วนหนึ่ง  ถ้ามีบุตร ๒-๓-๔-๕-๖-๗-๘-๙ คนก็ให้ได้คนละส่วนจงทุกคน  ถ้าสินเดิมนั้นเหลืออยู่มากน้อยเท่าใด  จึงให้คืนสินเดิมให้กับบิดามารดาญาติพี่น้องของผู้ตายไป  ถ้าผู้ตายมีบุตรถึง ๑๐ คนแล้วก็ให้ยกสินเดิมเสีย  อย่าให้คืนสินเดิมให้แก่บิดามารดาญาติพี่น้องของผู้ตายเลย  ถ้าผู้ตายมีสินสมรสมาก  บิดามารดาญาติพี่น้องของผู้ตายหาแบ่งปันเอาสินสมรสไม่ จะขอเอาสินเดิมคืนดังนี้  ก็อย่าให้เอาเงินในสินเดิมมาแบ่งปันให้แก่หลานเลย  ด้วยเหตุว่าหลานได้ส่วนแบ่งในสินสมรสมากกว่าที่จะได้ส่วนแบ่งในสินเดิมแล้ว  ถ้าสินสมรสที่บิดามารดาญาติพี่น้องจะยกให้ไว้แก่หลานไม่แบ่งปันเอานั้น น้อยกว่าที่จะได้ส่วนแบ่งในสินเดิม  ก็ให้คิดแบ่งเฉลี่ยในสินเดิมไปบรรจบกับสินสมรสให้ครบคนละส่วน  ถ้าบิดามารดาฝ่ายชายก็ดีหญิงก็ดีถึงแก่มรณภาพทั้งบิดามารดา  ยังแต่ญาติพี่น้องจะขอเอาสินเดิมคืน  ก็ให้แบ่ง ๑๐ ส่วน  ให้บุตรผู้ตายคนละ ๒ ส่วน  เหลืออยู่เท่าใดจึงแบ่งปันให้ตามพระราชกฤษฎีกาเดิม  ถ้าไม่มีบุตรด้วยกัน  สินเดิมมากน้อยเท่าใดให้ทำเป็น ๒๐ ส่วน  ถ้าอยู่กินเป็นผัวเมียกันใน ๑๐ ปีลงมา  ฝ่ายชายก็ดีหญิงก็ดีตายจากกัน  สินเดิมมีมากน้อยเท่าใดให้คืนให้กับบิดามารดาญาติพี่น้องของผู้ตายตามมากน้อย  ถ้าอยู่ด้วยกันพ้น ๑๐ ปีขึ้นไป  ฝ่ายชายหรือหญิงก็ดีตายจากกันตั้งแต่ ๑๑ ปีขึ้นไปถึง ๑๙ ปีให้คิดลดสินเดิมไว้ส่วนผู้ตาย ให้ผู้ยังปีละส่วน  ถ้าอยู่กินด้วยกันถึง ๒๐ ปีขึ้นไป เขาตายจากกัน  ก็อย่าให้คืนสินเดิมให้แก่บิดามารดาญาติพี่น้องของผู้ตายนั้นเลย  สินสมรสทำด้วยกันมากน้อยเท่าใด  ให้แบ่งปันให้กับญาติพี่น้อง บุตรหลานเขาผู้ตาย ตามพระราชกฤษฎีกาเดิม. แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 49 17:02:44 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 49 14:18:24 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 49 14:05:36 จากคุณ : กัมม์ - [ 24 มี.ค. 49 19:32:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ประกาศเรื่องเรียกกะปิน้ำปลาว่า เยื่อเคย น้ำเคย (คัดจากหมายรับสั่ง เดือน ๖ ปีฉลูเบญจศก จุลศักราช ๑๒๑๕)          ด้วยหลวงสิทธิ์นายเวรมหาดเล็ก  รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯสั่งว่า  คำบุราณราษฎรเรียกกันว่า กะปิ น้ำปลา  คำราชการกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า น้ำเคย ว่างาปิ  พระราชดำริทรงเห็นว่า  เรียกว่างาปินั้นหาสมกับของดีบังเกิดในเยื่อเคยไม่  แลงาปินั้นชอบแต่จะเรียกว่าเยื่อเคยจึงจะต้องกับของที่บังเกิดจึงจะควร  แต่น้ำเคยนั้น ข้าราชการเรียกว่าน้ำเคยก็ควร  ด้วยเป็นของบังเกิดแต่เยื่อเคย  คำบุราณราษฎรเรียกกันว่ากะปิ น้ำปลา  เห็นหาควรกับของที่บังเกิดไม่  ตั้งแต่นี้ไปภายหน้าให้ข้าราชการพระบรมมหาราชวัง พระบวรราชวัง  แลเจ้าต่างกรมเจ้ายังไม่ได้ตั้งกรม  แลอาณาประชาราษฎรทั้งปวง  ให้เรียกเยื่อเคยน้ำเคย  ตามพระกระแสพระราชบัญญัติจึงจะควร          ให้กรมพระสัสดี มหาดไทย กลาโหม กรมพระนครบาล หมายให้กราบทูลเจ้าต่างกรม เจ้ายังไม่ได้ตั้งกรม  ข้างหน้าข้างใน  แลหมายบอกข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนพระบรมมหาราชวัง พระบวรราชวัง  ให้หมายอำเภอป่าวร้องแก่อาณาประชาราษฎรให้จงรู้ทั่วกันตามรับสั่ง. แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 11:06:09 จากคุณ : กัมม์ - [ 24 มี.ค. 49 19:32:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องนี้เกี่ยวกับช้างสำคัญในแผ่นดินสมเด็จพระราชบิดาในพระองค์ท่าน และเล่ห์กลของเจ้าอนุเวียงจันทน์  เมื่อครั้งนั้นด้วย พระราชหัตถเลขา ถึงเจ้าไชยลังการเจ้านครลำพูน          จดหมายมายังเจ้าไชยลังการ พิศาลโสภาคยคุณ หริภุญชัย มหาเจดียบูชากร ราษฎรธุระธาดา ประดิษฐาธิบดี เจ้านครลำพูน ให้ทราบ          ข้าพเจ้าได้ฟังข่าวช้างงาสั้นที่บอกลงไปนั้น  ได้ให้กรมช้างไล่เลียงผู้ถือหนังสือดูแล้ว  กรมช้างคิดเห็นว่าเป็นช้างเนียมแท้  เพราะมีสนับงาใหญ่กว่าปลายงา  แต่ปลายงานั้นจะมีไส้งาปรากฏออกมาฤาไม่  ถ้ามีไส้งาเห็นออกมาก็เปนที่สงไสยว่าช้างงากำจัด  มีผู้ตัดแต่งให้งามเปนช้างเนียมไป  ถ้าไม่มีไส้งาแต่ถ้าสนับงาไม่ใหญ่กว่าปลายเปนเหมือนขนาย  แลเปนงาไล่งวงก็เป็นที่สงไสยว่าจะเปนช้างสีดอ  ถ้ามีสนับใหญ่กว่าปลายงา แลปลายงาไม่มีไส้งาเห็น ก็เปนอันรู้ว่าเปนช้างเนียมแท้  ถ้างาสั้นเพียง ๒ นิ้วเข้าไป จนต่อยกงวงจึงเห็นงา ก็เปนช้างเนียมอย่างเอก  ถ้างายาวกว่า ๒ นิ้วสั้นกว่า ๕ นิ้วก็เปนโท  ถึง ๕ นิ้วไม่เกิน ๖ นิ้วก็เปนตรี          ถ้าช้างนี้เปนช้างเนียมจริง  ข้าพเจ้าก็มีความยินดีมาก  เพราะช้างเนียมงาสั้นแท้ได้ยินว่ามีแต่ครั้งกรุงศรีอยุทธยาตั้งอยู่เปนกรุงเทพ  ได้ยินชื่ออยู่ ๔ ช้าง  ตั้งแต่กรุงศรีอยุทธยาเก่าเลิกมาแล้ว  ในกรุงเทพฯอมรรัตนโกสินทร์นี้  ช้างเนียมที่แท้ไม่เปนที่สงไสยยังไม่มีเลย  มีช้างหนึ่งเมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย  ช้างเจ้าอนุเวียงจันท์ถวายเมื่อปีจอฉศก  ศักราช ๑๑๗๖  ช้างนั้นแต่แรกมามีงาพ้นไพรปาก ๔ นิ้ว ฤา ๕ นิ้ว  ปลายงากลมเปนรูปไข่  แต่กรมช้างเขาว่าไม่ใช่ช้างเนียม  เพราะเขาเห็นไส้งาดำอยู่ที่ปลายงาทั้งสองข้าง  เขาว่าเห็นจะเปนช้างงากำจัดออก  เจ้าเวียงจันท์จะแกล้งแต่งงาให้เปนช้างเนียมมาถวาย  ในหลวงก็สงไสยอยู่  เปนแต่จะให้เจ้าเวียงจันท์ดีใจ ก็พระราชทานนามไว้เปน "พระบรมนาเคนทร์ เคเชนทรธาร คำแหงหาญห้าวเหี้ยม ลักษณเนียมปทุมทันต์ เฉลิมขวัญพระนคร เกียรติขจรจบสกล มิ่งมงคลเลิศฟ้า"  แลช้างนั้นครั้นอยู่นานมาหลายปี  ก็มีงางอกยาวออกมากกว่า ๗ ฤา ๘ นิ้ว  ก็สิ้นอัศจรรย์ชื่อเสียงว่าเปนช้างเนียมนั้นไป  แต่ช้างนี้ฟังชอบกลอยู่ด้วยปลายงาเล็กแต่สนับงาใหญ่  คเนเห็นว่าจะงอกออกมาอิกไม่ได้  คุดขัดอยู่จึงจะเปนช้างเนียมแท้          บัดนี้เข้าฤดูน้ำทางเดินยาก  จะรอไว้ต่อแล้งน่าเดือนยี่เดือนสามจึงจะพาเดินมาดีฤา  แต่ข้าพเจ้าอยากใคร่ได้เห็นเร็วๆ  ถ้าพอจะพาเดินมาส่งที่เมืองตากได้ในต้นฤดูน้ำ  ก็ให้พระยาตากต่อแพลอยลงมาส่งที่พเนียดได้ก็จะดี  แต่การเป็นช้างสำคัญอยู่  ลู่ทางข้างเมืองลาวของท่านเปนอย่างไรอยู่  เดินช้างสำคัญมาจะยากจะง่ายอย่างไร  ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบเลย  การจะควรเปนอย่างไรก็สุดแต่ท่านผู้เปนเจ้าของช้างแลเจ้าของบ้านเมืองจะเห็นควรแล้ว แลทำตามเห็นนั้นเถิด          ฝนปีชวดฉศกนี้  ที่กรุงเทพฯก็คล้องได้ช้างพังเผือกอย่างเอกช้างหนึ่ง  พบในโขลงเที่ยวอยู่ในท้องทุ่งแขวงกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ที่นี้เอง ในวัน ๖ ฯ๗๖ ค่ำ  แต่พวกกรมโขลงเขาต้อนไปจับคล้องที่คอกบ้านนาแขวงเมืองนครนายก  ได้เมื่อวัน ๗ ฯ๘๖ ค่ำ  บัดนี้ช้างพังเผือกนั้นมาอยู่ที่โรงพักตำบลพเนียดกรุงศรีอยุทธยาเก่า  จะได้รับมากรุงเทพฯ อมรรัตนโกสินทร์นี้ในเดือน ๙ ข้างขึ้น  ช้างนี้สีตัวแลขนแลเล็บขาวกว่าพระยาเสวตรไอยราที่ส่งมาแต่เมืองเชียงใหม่  แลพระยาเสวตรคชลักษณ์ที่ส่งมาแต่เมืองน่านครั้งโน้นเปนแน่  ได้เทียบดูแล้ว  ช้างเผือกก่อนสีตัวแลขนเหลืองแก่ไป  ช้างนี้เผือกสีตัวขาวมาก  แลขนตัวขนหางเหมือนสีขนจามรีทั้งสิ้น  เสมอดีไม่มีสีอื่นปะปนเลย  ช้างนี้สูง ๓ ศอกคืบ ๔ นิ้ว  ข้าพเจ้าได้ส่งให้พวกลาวที่ถือใบบอกของท่านลงมานั้นไปดูด้วยแล้ว  ฯ จดหมายมา ปีชวดฉศก (จุลศักราช ๑๒๒๖) แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 12:08:12 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 มี.ค. 49 09:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โฆษณาให้ทราบทั่วไปครับ เนื่องจากผมสะเพร่าพิมพ์หัวเรื่องผิดพลาด  ตกคำว่า "แผ่นดินทอง" ซึ่งเคยใช้อยู่เป็นประจำ เป็นความสะเพร่า ขาดความรอบคอบของผมโดยแท้  มิได้มีเจตนาแฝงอย่างใด และขอแจ้งข่าวนี้โดยเป็นพิเศษกับ พี่นิค (nickmee)  เจ้าของ "แผ่นดินธรรม"   ว่าเกิดจากความสะเพร่าโดยแท้ครับ เกรงว่าพี่นิคจะเข้าใจผิด ได้แจ้งทางหลังไมค์ครั้งหนึ่งแล้ว  แต่มันเป็นการลับ จึงต้องลงโฆษณาที่นี่อีกครั้งครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 25 มี.ค. 49 09:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยินดีให้อภัย  แต่อย่าให้เจออีกครั้งนะ  ไม่ย้อมไม่ยอม ขู่ยังกะตำรวจที่ผมโชคดีได้ไปเจอท่านแน่ะ "แล้วอย่าให้เห็นหน้าอีกนะ"  จำได้ป่าว  ตอนผมไปไหว้พระ 9 วัดครั้งนั้นน่ะ อ้อ ลืมไป  เมื่อคืนตอนพิมพ์  นับได้กี่เชือกแล้วครับ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 25 มี.ค. 49 10:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดีใจจัง  กระทู้ความรู้มาอีกแย้ว จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 25 มี.ค. 49 10:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ครับ ครับ ครับ  จ่า เมื่อเย็นหมกมุ่นอยู่กับหมากกระดานครับ เสียรวดเดียว  ๑๐๐  แต้ม  รวดเดียว ๗-๘ กระดาน ซ้ำช้างเข้าไปอีก  บวกกับรีบร้อน   เลยเป็นอย่างนั้นครับจ่า จากคุณ : กัมม์ - [ 25 มี.ค. 49 11:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอตัดหน้าท่านจำปูนนะครับ  เฉพาะ คคห.1  อยู่ดีๆ ก็เกิดอารมณ์ขึ้นมา  ขออนุญาตเป็นคุณชายเปอร์เฟ็คหน่อยครับ ย่อหน้า 1 *ประกาศพระรชบัญญัติ - ผิดแต่เริ่มแรกเลยนะพวก *สุภมัสดุ - ไม่แน่ใจ ศ.ศาลาเงียบเหงา หรือส.เสียครับ *สุกรปักษฉัษฐีตฤถีครุวาร ปรเฉทกำหนดกาล - ตรงนี้อ่านแล้วแหม่งๆ ลองเช็คใหม่ดูถี *พระบาทสมเด็จพระปรเมทรมหามงกุฎ -รู้นะว่าผิดอะไร *วรขัติราชนิกโรดม - เอ ใช่ขัติยราชป่าว *ราชาธิราชบรมนาถบรพิตร -ภาษาเก่าๆ เขาใช้นาถบ้าง  นารถบ้าง เช็คหน่อยนะ  และบรพิตร  รับไม่ได้จริงๆ *โดยสถาอุตราภิมุข - ตรงนี้ก็ไม่เข้าใจความหมาย *เบื้องบาทบงกชมาศอันดับ - ความสุดหรือเปล่า ย่อหน้าต่อไป *ให้ขุมมหาดไทยเป็นตุลาการ -ขุมจริงไหม *ฝ่านอำแดงเจียมมีคำทุเลาว่า - ฝ่ายหรือฝ่าน *พระยาชลบุรีขุนมหากไทยให้ยกคำเสีย - ตอนนี้ขุนแล้วล่ะ  แต่กลายเป็นมหากแทน *ให้แก่บุตรชสยบุตรหญิง - อ่านไม่เข้าใจจริงๆ *ถ้าสินเดิมนั้นเหลืออยู่มาน้อยเท่าใด - มากน้อยหรือเปล่า  เช็คหน่อย *หลานได้ส่วนแบ่งในสินสมรสสมากกว่า - สินสมรสส  คงจะมากน่าดู  เติม ส เหมือนเติม เอสเลยนะเนี่ย *ถ้าสินสมราที่ - ตอนนั้นกำลังติดใจเชือกนั้นอยู่รึเปล่า  มือจะพิมพ์สมรส  แต่ใจไปอยู่ที่สุรา เฮ้อ *ก็อย่างให้คืนสินเดิมให้แก่บิดามารดา - อยากให้คืน หรืออย่าให้คืนกันแน่  แต่พูดถึงสมบัติ  คงอยากเก็บเองแน่นอน *ให้แบ่งปันให้กับญาติพี่น้อง บุตรหลานเขาผู้ตาย -เอ เขาผู้ตาย  หรือของผู้ตาย  เช็คอีกครั้งนะท่าน ....................................................................................................... รู้ป่าว  ว่าทำไมอยากตรวจสอบเฉพาะตอนนี้  เพราะเรื่องสินสมรสไง  ต้องศึกษาไว้ให้แม่นๆ นี่คงเป็นกฎหมายมรดกฉบับแรกของไทยเลยละมั้ง  ท่านกัมม์ว่ายังไง แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 49 16:20:08 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 49 16:19:24 จากคุณ : nickmee - [ 25 มี.ค. 49 11:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หมู่รู้มั้ย  สุรากับหมากกระดานมันไม่ดี  เป็นการพนันด้วย แต่ถ้าสุรากับนารียังพอว่า  จ่าเตือนแล้วนะ แล้วอย่ารีบร้อนนัก  เสร็จไวมักไม่ดี  เห็นเห็นอยู่เนี่ยะ  พลาดเยอะจัง  เดี๋ยวพัดจิ้ม (พิมพ์) แทนซะนี่ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 25 มี.ค. 49 12:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับ จ่า จะแก้ไขเดี๋ยวนี้ครับ ยกเว้นข้อสุด "เขาผู้ตาย"  ถูกต้องแล้วครับ เอาเรื่องการพนันสักเรื่องนะครับ จ่า . แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 49 14:23:17 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 มี.ค. 49 14:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ประกาศพระราชบัญญัติฝ่ายพระบวรราชวัง  เรื่องเล่นเบี้ยในพระบวรราชวัง (คัดจากหมายรับสั่งเดือน ๘ อุตราสาฒ  ปีฉลู  จุลศักราช ๑๒๑๕)          ด้วยพระยาเทพมณเฑียร รับพระบวรราชโองการใส่เกล้าฯ  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่า  พระวรวงศ์เธอชั้น ๒ พระองค์เจ้าอรุณกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า  พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุด  ลงไปพระบรมมหาราชวัง  ออกไปพระเมรุพระศพสมเด็จพระนางนาถโสมนัสวัฒนาวดี  มอบลูกกุญแจตำหนักไว้กับขำข้าหลวง  แล้วให้แหข้าหลวงขึ้นมาเอาหมากพลูเสวยที่ตำหนัก  แหเอาลูกกุญแจไขประตูตำหนักออก แล้วเปิดบานประตูหาออกไปไม่  แหจึงเดินไปดูรอบตำหนัก  เห็นหน้าต่างเฉลียงตำหนักบานเปิดแย้มอยู่  แหจึงเปิดบานหน้าต่างเข้าไปในตำหนักเห็นประตูใส่กลอนไว้  แหจึงรู้ว่าผู้ร้ายเข้าตำหนัก  จึงเอาความไปทูลพระองค์เจ้าหญิงสุดที่พระเมรุ  พระองค์เจ้าหญิงสุดกลับเข้าไปบรรทมอยู่ในพระบรมมหาราชวังคืนหนึ่ง  ครั้นรุ่งขึ้นเวลาเย็นพระองค์เจ้าหญิงสุดจึงได้กลับเข้ามาในพระบวรราชวัง  ตรวจสิ่งของไขลูกกุญแจกำปั่นกุญแจหีบออกดู  ทองรูปพรรณหายไปหลายสิ่ง  คิดเป็นทองคำหนัก ๑๘ ตำลึงบาท  กับข้อความหลายประการ  ได้ทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว  ทรงเห็นว่าชะรอยจะเป็นคนนอกพระบวรราชวังเข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวังเป็นผู้ร้าย  จึงคิดการเอาสิ่งของไปได้ดังนี้          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาบริรักษ์ราชา พระพรหมสุรินทร์ พระพรหมบริบาล พระศรีพิทักษ์  เป็นตุลาการชำระเอาตัวผู้ร้ายให้จงได้  ตุลาการพิจารณาได้ความว่า  อีปริกภรรยานายนุด อยู่นอกพระบวรราชวังเข้าไปคบหากันกับหม่อมหุ่น หม่อมนวม  ในพระบวรราชวังตั้งบ่อนไพ่บ่อนถั่วมาหลายครั้ง  เสียหายสิ้นทรัพย์สิ่งของจนเป็นหนี้ลง   อีปริกกับหม่อมหุ่นหม่อมนวมคิดกันว่าพระองค์เจ้าหญิงสุดไม่อยู่  ลูกกุญแจประตูตำหนักอยู่กับขำข้าหลวง  ขำหาอยู่ไม่ไปดูงานพระศพ  อีปริกกับหม่อมหุ่นหม่อมนวมจึงไปหาลูกกุญแจได้ริมที่นอน  เพลา ๕ โมงเช้าอีปริกเอาลูกกุญแจไขประตูตำหนัก  ให้หม่อมหุ่นหม่อมนวมเข้าไปในตำหนัก อีปริกลั่นกุญแจไว้ดังเก่า  แล้วเอาลูกกุญแจไว้ข้างที่นอนตามเดิม  อีปริกจึงมาคอยดูระวังคนข้างนอก  หม่อมหุ่นหม่อมนวมจึงลั่นกลอนประตูไว้  แล้วค้นหาลูกกุญแจหีบกำปั่น  ได้ลูกกุญแจกำปั่นในหีบหนัง  จึงเอากุญแจไขได้ทรัพย์สิ่งของทองรูปพรรณหลายสิ่งเป็นทองคำหนัก ๑๘ ตำลึงบาท  หม่อมหุ่นหม่อมนวมเปิดหน้าต่างข้างเฉลียงออกมา  แต่กลอนประตูนั้นใส่อยู่หาได้ถอดไม่  หม่อมหุ่นหม่อมนวมพาทองรูปพรรณไปที่เรือนหม่อมหุ่น  พอดวงแก้วมารดาหม่อมหุ่นเข้าไปเยี่ยมหม่อมหุ่นอยู่ที่นั้นด้วย  หม่อมหุ่นกับหม่อมนวมจึงเอาทองรูปพรรณออกมาตัดแบ่งเป็น ๔ ส่วน  ให้อีปริกส่วนหนึ่ง  ดวงแก้วมารดาหม่อมหุ่นส่วนหนึ่ง  ยังอีกสองส่วนนั้นหม่อมหุ่นกับหม่อมนวมปันกันคนละส่วน  ตุลาการให้ชำระเร่งเอาทองรูปพรรณ ซึ่งผู้ร้ายลักไป ถวายพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงสุดแล้ว  ตุลาการจึงนำเอาข้อความทั้งนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท          ทรงพระราชดำรัสว่า  ในพระบวรราชวังนี้  แต่ก่อนหามีผู้ใดบังคับว่ากล่าวรักษาพระบวรราชวังเด็ดขาดไม่  คนนอกพระราชวังเข้าไปอาศัยอยู่ในพระบวรราชวังก็มีอยู่มาก  ที่เป็นนักเลงทุจริตก็มี  เป็นข้าเจ้าบ่าวนายหลบหนีเข้าไปอาศัยอยู่ก็มีบ้าง  คบหาเข้ากับคนในพระบวรราชวังเล่นเพื่อน ตั้งบ่อนถั่ว บ่อนแปดเก้า เล่นหวย  การพนันต่างๆ  จนสิ้นทรัพย์สิ่งสิน  เกิดโจรผูร้ายมาช้านาน  ครั้นเสด็จขึ้นพระบวรราชาภิเษกแล้ว  ตั้งพระทัยอยู่เป็นนิจที่จะทำนุบำรุงพระราชวงศานุวงศ์  แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจะให้ถาวรขึ้น  สิ่งใดที่ชั่วมาแต่ก่อนมิให้ประพฤติ  จะให้ประพฤติแต่การที่สิ่งอันดีเป็นผลประโยชน์ต่อไปภายหน้า  จึงโปรดเกล้าฯให้ตั้งท้าวสัตยานุรักษ์เป็นผู้ใหญ่ว่าราชการในพระบวรราชวังแล้วโปรดตั้งจ่าศาลาจ่าด้าน ทนายเลือก โขลน พระราชทานยศฐาศักดิ์ให้ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยจนครบพนักงานอยู่แล้ว  หวังพระทัยจะมิให้คนพาลภายนอกเข้าคบหากันกับคนในพระบวรราชวังเป็นพาลกระทำชั่วต่อไป  แลท้าวสัตยานุรักษ์กับจ่าศาลาจ่าด้านทนายเลือกโขลนมีความประมาท  หาตรวจตราราชการในพระบวรราชวังให้รอบคอบไม่  แลให้อีปริกเข้าไปคบหากันกับหม่อมหุ่นหม่อมนวม  ตั้งบ่อนเล่นเบี้ยเสียกันลงจนถึงเป็นโจรผู้ร้ายให้เคืองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทดังนี้  โทษท้าวสัตยานุรักษ์กับจ่าทนายเรือนโขลนมีความผิดอยู่ด้วยเป็นมาก  ครั้งจะให้ลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษเล่า  ก็ทรงเห็นว่าท้าวสัตยานุรักษ์ทนายเรือนโขลนล่วงพระราชอาญาแต่ครั้งเดียว  จึงโปรดพระราชทานโทษให้ภาคทัณฑ์ไว้ครั้งหนึ่งก่อน  แต่หม่อมหุ่นหม่อมนวมดวงแก้วอีปริกซึ่งคบหากันเป็นผู้ร้ายนั้น  จะให้ลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษ          จึงมีพระบวรราชโอการดำรัสเหนือกล่าวฯสั่งว่า  ตั้งแต่ ณ วันอังคาร  เดือน ๘ อุตราสาฒ ขึ้น ๒ ค่ำ  ปีฉลูเบญจศกสืบไป  ห้ามมิให้พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า เจ้าจอม หม่อมพนักงานท้าวนางจ่าโขลน  ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย  แลข้าบ่าวนายที่อยู่ในพระบวรราชวังคบหากันตั้งบ่อนโป บ่อนถั่ว บ่อนกำตัด บ่อนเล่นแปดเก้า แทงหวยแลเล่นการพนันต่างๆ  ซึ่งจะให้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กัน  นอกจากสงกรานต์ ๔ วัน  ตรุษจีน ๓ วัน  เป็นอันขาดทีเดียว  ให้ท้าวนางจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลนซึ่งเป็นพนักงานรักษาพระบวรราชวัง  หมั่นตรวจตราดูแลให้รอบคอบจงเป็นนิจอย่าได้มีความประมาท  ถ้าผู้ใดมิฟังตามพระราชบัญญัติห้ามปราม  ขืนคบหาชักชวนกันลักลอบตั้งบ่อนโป เล่นถั่ว เล่นกำตัด เล่นแปดเก้า แทงหวยแลการพนันต่างๆ ได้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กันต่อไป  เจ้าพนักงานจ่าศาลาจ่าด้านทนายเรือนโขลน  จับได้ด้านผู้ใดก็ดี  แลผู้อื่นจับได้ก็ดี  มีผู้มาฟ้องร้องชำระเป็นสัจ  ก็ให้ปรับไหมผู้ที่เป็นนายบ่อนแลเจ้าของที่คนละ ๑๐ ตำลึง  ผู้ที่เล่นด้วยกันแลจ่าเจ้าของด้านนั้นคนละ ๕ ตำลึง  และทนายเรือนคนละ ๓ ตำลึง  ให้แก่ผู้จับได้แลผู้มาร้องฟ้อง  แล้วให้นำเอาข้อความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  จะได้โปรดเกล้าฯให้ลงพระราชอาญาแก่ผู้ทำผิดให้สาหัส  ผู้ที่หาความผิดมิได้จะไม่ได้ดูเยี่ยงอย่างกันต่อไป  ถ้าแลมีผู้มาร้องฟ้องกล่าวว่าผู้ใดคบคิดกันตั้งบ่อนขึ้น เล่นการพนันต่างๆ ท้าวสัตยานุรักษ์จ่าทนายเรือนโขลนซึ่งเป็นพนักงานได้ว่ากล่าวเห็นกับหน้าบุคคลนั้น  ปิดบังอำพรางความเสีย  มิได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  ภายหลังมีผู้มากล่าวชำระเป็นสัจ  จะลงโทษเจ้าพนักงานซึ่งปิดบังความเสียเสมอกับผู้ที่กระทำผิด          อนึ่ง มีพระราชบัญญัติห้ามมิให้คนนอกพระบวรราชวังเข้ามาคบหากันกับคนในพระบวรราชวัง  ห้ามมิให้เจ้าจอมหม่อมพนักงาน ท้าวนางจ่าโขลนผู้ใหญ่ผู้น้อย  แลข้าหลวงพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าข้าทาสทั้งปวงซึ่งอยู่ในพระบวรราชวังคบหาคนนอกพระบวรราชวังแลบุตรภรรยาข้าทาสลูกหนี้หลบหนีเจ้าหนี้สามีนายเงินเข้ามาไว้หลับนอนค้างวันค้างคืน  แอบแฝงคิดการประทุษร้ายต่างๆให้เคืองใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท  ถ้าผู้ใดมิกระทำตามพระราชบัญญัติห้ามปรามทั้งนี้  ยังคบหาคนนอกพระบวรราชวังเข้ามาไว้นอนค้างวันค้างคืน  จะเอาตัวเจ้าของเรือนผู้คบหาไว้ลงโทษโดยพระราชบัญญัติจงหนัก          อนึ่งคนซึ่งอยู่ในบวรราชวังทุกวันนี้  คนเก่าคนใหม่ระคนกันอยู่โดยมาก  หาทรงทราบว่าจะเป็นคนดีคนชั่วประการใดไม่  ให้ท้าวสัตยานุรักษ์เรียกเอาบาญชีจำนวนคนซึ่งอยู่ในตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลเรือนเจ้าจอม หม่อมพนักงาน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจงทุกเรือน  แล้วให้ข้าหลวงผู้ใหญ่ผู้น้อยในพระตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลเจ้าจอม หม่อมพนักงาน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย  เจ้าของตำหนักเจ้าของเรือน  ทำบาญชีญาติพี่น้องผู้คนข้าทาสเข้ามาอยู่ด้วย  ผู้ซึ่งทำราชการในพระบวรราชวังจะเป็นตำหนักกี่คน  เรือนหนึ่งกี่คน  มายื่นกับท้าวสัตยานุรักษ์ให้สิ้นเชิง  ท้าวสัตยานุรักษ์ได้บาญชีเสร็จแล้วท้าวสัตยานุรักษ์ได้ตรวจดูผู้คน  ว่าผู้ใดที่นอกจากเจ้านายที่ยื่นบาญชีจะมาแอบแฝงอยู่สักกี่คนจะได้รู้  ถ้าเจ้านายได้ยื่นบาญชีแล้ว แลข้าทาสได้ใช้สอยในพระบวรราชวังนั้น  เจ้านายให้ไปทำการนอกพระบวรราชวังก็ดี  แลทาสจะส่งเงินไปก็ดี  ให้เจ้านายหักบาญชีซึ่งยื่นไว้ตามเดิมนั้นลง  ถ้าเจ้านายจะเอาข้าคนซึ่งอยู่นอกพระบวรราชวัง  แลช่วยทาสขึ้นใหม่จะเอาเข้ามาไว้ใช้สอยในพระบวรราชวังให้มากขึ้นไปกว่าแต่ก่อน  ก็ให้ไปบอกศาลาบอกบาญชีเดิมยื่นนั้นตามจำนวนคน  ซึ่งได้ใช้สอยประจำอยู่ในพระบวรราชวัง            อนึ่ง ผู้ใหญ่ผู้น้อยซึ่งทำราชการอยู่ในพระบวรราชวังจะมีญาติพี่น้อง  แลสมัครพรรคพวกอุปการะกันมาแต่ก่อน แต่อยู่นอกพระบวรราชวัง  จะเข้าไปเยี่ยมเยียนสู่หาพยาบาลไข้เจ็บแก่กัน  ควรจะค้างวันค้างคืนอยู่ตำหนักอยู่เรือนใดในพระบวรราชวัง  ก็ให้ข้าหลวงผู้ใหญ่ในตำหนักพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเจ้าของเรือนไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรักษ์แลจ่าศาลาให้รู้ก่อน  จึงให้อยู่แรมวันแรมคืน  เมื่อจะกลับไปจากพระบวรราชวัง  ก็ให้ไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรักษ์จ่าศาลาให้รู้ด้วย          ให้กรมวังเขียนพระราชบัญญัติส่งให้ท้าวสัตยานุรักษ์ประกาศข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในให้รู้จงทั่วกัน  อย่าให้ผู้ใดกระทำความผิดจากพระราชบัญญัติห้ามปรามนี้เป็นอันขาด  ถ้ามิฟังจับได้รับเป็นสัจให้ลงโทษเป็นตะพุ่นเกี่ยวหญ้าม้าตามพระราชบัญญัติ ๆ ให้ไว้ ณ วันอังคารขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๘ อุตราสาฒ ปีฉลูเบญจศก แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 16:53:48 แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 11:20:29 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 49 15:52:22 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 มี.ค. 49 15:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขออีกทีนะหมู่  ก่อนเรื่องการพนันจะแทรกเข้ามา ตรวจเอง  งงเอง  ตามันลาย  นี่ดีที่ยังเอ๊าะๆ อยู่นะ หากอายุถึงท่านกัมม์แล้วละก็  คงจะแย่ และยิ่งถ้าถึงท่านจำปูน  ยิ่งแย่ใหญ่ แต่ท่านมีใจรัก  ช่วยตรวจทานให้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ย่อหน้า 2 คคห.1 เช่นเดิม *ฝ่านอำแดงเจียมมีคำทุเลาว่า - ฝ่ายมั้ยครับ ย่อหน้าสุดท้าย *ถ้าบิดามารดาฝ่ายก็ดีหญิงก็ดีถึงแก่มรณภาพทั้งบิดามารดา -  อยากให้ไปแต่ฝ่ายหญิงหรือไง  เอาญาติฝ่ายชายไปด้วยดิ *ให้กับบิดามารดาญาติพี่น้องของผูตายตามมากน้อย - ผู้ตายมั้ง ............................................................................... ผมขอแก้เวิร์ดดิ้งใน คคห.8 ของผมอีกเล็กน้อยครับ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 25 มี.ค. 49 16:08:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปั่นเท่าไรก็ยังไม่ทัน พูดถึงเรื่องการพนัน มันช่างเร็วเหลือใจ ไม่รู้จะทำไงนิ กระทู้ของท่าน มันแน่นไปซะหมด อ่านแล้วเวียนหัว ขอยาดมหน่อยพี่ จากคุณ : nickmee - [ 25 มี.ค. 49 16:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทราบครับ  เดือนหน้าก็จะไม่โสดแล้ว ท่านจะหุบสินเดิม  ต้องอยู่ด้วยกันอย่างน้อย ๒๐ ปีนะท่าน ถ้าทนอยู่ได้จน ๑๙ ปี  อีกไม่กี่เดือน  ๒๐ ปี   ยังไงก็ต้องเอาไปซ่อนไว้ก่อนนะ  ใครแอบมาแกล้งฆ่าเสีย อดเลยที่ทนมาตั้งนาน   แต่งตอนนี้อีก ๒๐ ปี  พี่ก็เกษียณพอดี  ถือว่าเป็นบำเหน็จบำนาญก็แล้วกันนะครับ จะแต่งงานทั้งที่  แต่งแบบขุนช้างแต่งนางพิมพ์ สิครับ  เป็นการฟื้นประเพณีเดิม   ส่วนผม  สบายมาก แฟนผมอยู่กับแฟนมันนู้นแน่ะ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 49 17:15:25 จากคุณ : กัมม์ - [ 25 มี.ค. 49 17:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าท่านจำปูนไม่มาชิงตัดหน้าเสียก่อน พรุ่งนี้จะได้มาช่วยกันแก้ไขให้ ไม่ต้องแก้เองก่อนหรอกครับ แก้เองยังไงก็ไม่มัน เอาเวลาไปพิมพ์ให้เสร็จไวๆ กับนั่งกลางโขลงช้าง แค่นี้ก็สุขเกินพอแล้วครับ แต่สุขเพียงแค่คนเดียวนะท่าน เพราะแฟนท่านทนได้เท่าที่ผ่านมาก็สุดยอดคนแล้ว เฮ้อ ชีวิตเราเราท่านท่าน ในที่สุดก็ร้องได้แต่เพลงเหล้าจ๋า จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 25 มี.ค. 49 18:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 - รับพระ บวรรชโองการ ใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่า พระวรวงศ์เธฮ - มอบลูกกุญแจ ตำหนัง ไว้กับขำข้าหลวง - วัง ตรวจสิ่งของไขลูกกุญแจกำปั่นกุณแจ หีบออกดู - หาตรวจตรา ราชการฝ ในพระบวรราชวังให้รอบคอบไม่ - แลข้า บ่าวนาบย ที่อยู่ในพระบวรราชวังคบหากันตั้งบ่อนโป - คนเก่าคนใหม่ระคนกัน อย฿ โดยมาก - ผ฿ใหญ่ ผู้น้อยซึ่งทำราชการอยู่ในพระบวรราชวังจะมีญาติพี่น้อง พอดีไม่ได้ไปแรดเลยตรวจให้ครับ จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 25 มี.ค. 49 23:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เดี๋ยวว่างแล้วจะมาของานทำครับ หากปะเหมาะเคราะห์ดี จะขอตามท่านจำปูนไปแรดที่วงร้อยกรองสักครา อ่านแค่นั้นนะครับ แหลไม่เป็น  หัวไม่ไป จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 26 มี.ค. 49 08:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คคห.2 *ประกาศเรื่องเรียกกะปิน้ำปลาว่า เยื้อเคย น้ำเคย  - ข้างในบอกว่าเยื่อทุกคำ  หัวเรื่องเป็น "เยื้อ" ซะนี่  อิอิอิ ............................................................................ เอ  อ่านแล้วยังงงๆ เพราะเป็นภาษาสูง  หัวไม่ไป งาปิ กับ กะปิ ความหมายเหมือนกันเปล่าครับ จากคุณ : nickmee - [ 26 มี.ค. 49 08:57:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เคยได้ยินแต่ เยื่อเคย เยื้อเคย ไม่เคยกระแทกหูเลยครับ เยื้อเคย ตามพจนานุกรมฉบับจำปูน ขอปะแล ว่า ความเคยชินที่ยืนนาน อีกนัยนึงก็ครือ สันดาน ขอรับกระผม จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 26 มี.ค. 49 10:11:00 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คคห.3 *มหาเจดีบูชากร - เจดี ทำไมไม่มี "ย" *ที่สงไสบว่าช้างงากำจัด *ไม่ใหญ่กว่าปลายเปยเหมือนขนาย - ตรงคำ เปน กับ เป็น ผมเห็นหลายคำ  แต่ไม่แน่ใจว่าคำไหนถูกแน่ *ก็เป็นที่สงไสยว่าจะเปนช้างสีดอ *แต่ครั้งกรุงศรีอยุทธยาตั้งอยู่ *พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย *ช้างเจ้าอนุเวียงจันท์ถวายเมื่อปีจอ 4 อันบนตอนแรกผมคิดว่าพิมพ์ผิด แต่อ่านไปอ่านมาก็พิมพ์เหมือนกัน ผมยังไม่คุ้นกับภาษาเก่าครับ *มากกว่า ๗ ฤษ ๘ นิ้ว *คเนเห็นว่าจะงอกออกมาอิกไม่ได้ *ในวัน ๖ ฯ๗๖ ค่ำ  - ผมเข้าใจว่าไม่รู้จะพิมพ์ยังไง แต่คุณกัมม์น่าจะมีลูกเล่นนะครับ  เสาะหาหน่อย *ช้างเผือกก่อนสีตัวแลขนเหลืองแกไป *จากคุณ : กัมม์ - กามม์? จากคุณ : nickmee - [ 26 มี.ค. 49 10:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มาล่อก้แล้ว  มาหลอกก็แล้ว ไฉน จขกท.หายป๋อม วันนี้คงทำการบ้านมั้ง เห็นว่างเว้นมาเสียนาน ก็ดี  จะได้ไม่ลืม เดี๋ยวคลำทางไม่เจอ จากคุณ : nickmee - [ 26 มี.ค. 49 13:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ช่วงนี้ขออนุญาต meet the press ก่อนครับ เป็นช่วงเปิดใจครับ เปิดใจ อันเนื่องจาก คคห.4  ที่ จขกท. ได้ลงโฆษณาไว้  และเอ่ยถึงความสัมพันธ์พิเศษของเรา  กลัวแฟนคลับของคุณกัมม์จะเข้าใจผิด  ว่าน้องใหม่อย่างผมมาชิงของรักของหวงของพวกท่านไปได้ยังไง  กลัวตัวเองจะตกเป็นเป้าหมายสำคัญ  ความจริงเรารู้กันทางเบื้องหลัง (หลังไมค์) แต่เบื้องหน้าคงไม่มีใครรู้  นอกจากเราสองคน แฮ่ะแฮ่ะ บางคนก็งง  มี “แผ่นดินทอง” ของคุณกัมม์ตั้งนาน  แล้วทำไม “แผ่นดินธรรม” ของเราถึงต้องโผล่มาด้วย  คล้ายๆ กันด้วย  แต่ฝีมือเทียบเคียงกันไม่ได้  จิงจิงนะครับ  ตรงนี้แหละเป็นเหตุผลที่คุณกัมม์ถึงได้เปิดแถลงข่าวขึ้นมา ท่านลองอ่านเรื่องต่างๆ ของคุณกัมม์ดูสิครับ  จะรู้สึกเลยว่า  คุ้มค่าแค่ไหน  ได้ทั้งสาระความรู้  ได้ทั้งรสบันเทิง  โดยเฉพาะถ้าเขาได้คุมกระทู้ของตัวเองเมื่อไร  ปฏิภาณต่างๆ จะพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย  คนอะไรมีพรสวรรค์แท้ๆ  ยิ่งถ้าพบกับคู่หูที่ถูกคอกันเช่นท่านจำปูนด้วยแล้ว  เราแทบจะนิ่งอึ้งหน้าจอคอมเพราะความอิจฉาปนน้ำลายไหล   มันจริงๆ กับความสามารถของทั้งสองท่าน  เจ๋งทั้งร้อยแก้วทั้งร้อยกรอง  ผม search หาผลงานของคุณกัมม์มาอ่านฆ่าเวลา  ช่างมันในอารมณ์เหลือเกิน  แต่ขอคอมเมนต์นิดหนึ่ง  ฝีปากปีก่อนๆ ห่างจากปีนี้อย่างกับพลิกฝ่ามือทีเดียว  แสดงว่าปั๊ดตะนาแล้ว จากคุณ : nickmee - [ 26 มี.ค. 49 16:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ต่อนะครับ ผมก็เรื่อยเปื่อยไปเรื่อย  ถึงไหนแล้วล่ะ  อ้อ  เรารู้จักกันครั้งแรกในกระทู้ “ราชสกุล เกษมศรี” ครับ ลอง search ดูได้ครับ  อ่านดูแล้วก็จะรู้ว่า  ทุกคนคงรู้สึกประทับใจเช่นเดียวกับผม  ต่อมาก็กระทู้ “ราชสกุล เกษมสันต์”  แล้วก็ “ราชสกุล จักรพงษ์”  คราวนี้ก็ chat กันแล้ว  ตามประสาวัยรุ่น  อิ๊อิ๊อิ๊ (ของแท้ต้องสามอิ๊) คนเด่นคนดังในห้องประวัติศาสตร์ใครๆ ก็อยากรู้จักนะครับ  ผมก็อีกคนหนึ่งที่ใจบูชาวีรบุรุษ  เลยขออนุญาตคุณกัมม์ตั้งกระทู้ของตนเองขึ้นมา  หากเป็นกระทู้ความรู้ต่างๆ ก็ขอเลียนแบบคล้ายๆ กันเป็น “แผ่นดินธรรม”  จำไม่ได้ว่าขออนุญาตก่อน  หรือว่าใช้ก่อนแล้วค่อยขออนุญาต  มัดมือชกเลยครับ มีอยู่บางตอนที่คุณกัมม์ใช้นามแฝงเพิ่มเติมว่า “พนักงานหยิบหนังสือประจำห้อง”  ผมก็เลียนแบบว่า “พนักงานหยิบหนังสือประจำห้อง (parttime)” ซึ่งท่านก็เมตตาไม่ได้ดุด่าว่ากล่าวให้เด็กกลัว เพียงแต่นามจริงๆ ไม่กล้าเลียนแบบ  เพราะ “กัมม์” ไม่รู้ว่ามาจาก  กามม์ – กามา –KAMA หรือเปล่า  ถ้าผมเลียนแบบเป็น  “กาเม”  ยุ่งตายเลย จากนั้นมาผมก็เข้าไปร่วมแจมในกระทู้ท่าน  เพราะใจจริงก็ชอบศึกษาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว  ด้วยความจริงใจครับ  และที่สำคัญ  จะได้มีครูช่วยลับฝีปาก  ไม่ช้าไม่นาน  แค่สองสามวันหลังจากจอยกัน “เยื้อเคย” ของเรา (ในความหมายของท่านจำปูน) ก็เริ่มออก  ไม่รู้จะปกปิดไปทำไมเนอะ  หิวก็บอกว่าหิว  เมาก็บอกว่าเมา  บอกแล้วไง  วัยรุ่นคนนี้จริงใจ จากคุณ : nickmee - [ 26 มี.ค. 49 16:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาตลบนะครับ ซ้ำกัน เพราะเน็ตมีปัญหา แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 49 16:57:11 แก้ไขเมื่อ 26 มี.ค. 49 16:56:09 จากคุณ : nickmee - [ 26 มี.ค. 49 16:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พระราชหัตถ์เลขาถึงเจ้านครลำพูน  คัดตามต้นฉบับครับ สงไสย เปน อยุทธยา เวียงจันท์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ตรงนี้ถูกตามต้นฉบับแล้วครับ   ถ้าพิมพ์ว่า "เป็น"  ผิดครับ พิมพ์เกิน คำหนึ่งที่ผมชอบ คือ "อยุทธยา"  ที่แปลว่า ไม่แพ้ (อ-ยุทธยา)   เห็นว่าคำนี้น่าจะถูกต้องมากกว่า "อยุธยา" ส่วนคำที่ผิด  แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขได้อย่างไรคือ "ฤา"  เพราะบนแป้นพิมพ์ไม่มี สระอาหางยาว เรื่องนี้มีในชุมนุมประกาศนี้ด้วย  และทรงตรัสห้ามไว้โดยเด็ดขาด ส่วน ๖ ฯ๗๖   เป็นการหมายวันตามแบบโบราณ  วันศุกรเเรม ๗ ค่ำเดือน ๖ ถ้าเลขอยู่ข้างบน ฯ เป็นข้างขึ้น  เช่น ๑ ฯ๗๘  คือ วันอาทิตย์ขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๘ ที่ถูกแล้วต้องเขียนเลขให้ตรงกับ ฯ  ไม่ว่าจะข้างขึ้นหรือข้างแรม แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 12:50:44 จากคุณ : กัมม์ - [ 27 มี.ค. 49 12:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 26 วันนี้เวลาน้อย(มันก็เท่าทุกวันล่ะว้า...๒๔ ชม.) ไปทำอย่างอีกเสียมาก  เอาเท่าที่ทำได้นะครับ ประกาศไม่ทรงติเตียนคน ๔ จำพวก (ลงวันพฤหัสบดี เดือนอ้าย ขึ้น ๓ ค่ำ ปีขาลฉศก)          มีพระบรมราชโองการให้ประกาศพระราชดำริสังเขปมาให้ท่านทั้งปวงทราบพระราชอัธยาศัย  ว่าไม่ทรงติเตียนคน ๔ จำพวก  ที่จะว่าข้างต้น แลไม่โปรดคนจำพวก ๑ ที่จะว่าข้างปลาย  แลอธิบายโดยพิสดารให้ท่านทั้งปวงทราบเถิด          "(๑) คนมีอุปนิสัยเป็นไปตามอุปนิสัยของตัว  ก็ทรงเห็นชอบด้วย           (๒) คนวาสนาต่ำ  แล้วประพฤติสมควรแก่วาสนาตามได้ตามมี ตามที่ตามทาง  ก็ทรงเห็นชอบด้วย           (๓) คนที่วาสนาน้อย  ฝากตัวทั่วไปโน่นบ้างนี่บ้าง  ก็ทรงเห็นชอบด้วย           (๔) คนที่มีสารทุกข์แล้ว  เป็นไปตามสารทุกข์ของตัว  ก็ทรงเห็นชอบด้วย"            แต่คนที่มีสารทุกข์แล้วคิดไปอย่างไร  มาให้นั่งแลเดินในที่ในทางอันไม่สมควรแก่ตัว  มาทำแลประพฤติให้แหลมให้ประหลาด  เป็นที่จะให้คนอื่นรู้เห็นแล้วคิดไปต่างๆ  ก่อเหตุให้เป็นที่หม่นหมองข้างโน่นข้างนี้นั้น  ติดจะทรงชังไม่โปรดไม่ชอบพระทัยเลย  คนเช่นนี้เป็นแต่มดไต่ข้อเท้าผู้มีวาสนาให้รำคาญ  ขอเสียอย่าให้ท่านผู้ภักดีต่อราชการเอามายกยอให้เปลืองเบี้ยหวัดเปล่าๆ  ถ้าได้ราชการแผ่นดินจงเอาเทอญ ประกาศมา ณ วันพฤหัสบดี เดือนอ้าย ขึ้น ๓ ค่ำ ปีขาลฉศก ประกาศขนานนามเมืองประจวบคิรีขันธ์ เมืองปัจจันตคิรีเขตร (วันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีเถาะสัปตศก)          ขุนสารประเสริฐรับพระบรมราชโอการใส่เกล้าฯ  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสั่งว่า  เมืองบางนางรมย์นั้น โปรดเกล้าฯให้เรียกเมืองประจวบคิรีขันธ์  กับที่เกาะกงนั้นโปรดเกล้าฯให้เรียกว่าเมืองปัจจันตคิรีเขตร  ให้กรมวังหมายไปยัง กรมพระกลาโหม กรมท่า กรมพระศุภรัต สัสดี ซ้ายขวา  ให้เรียกชื่อเมืองทั้ง ๒ ให้ถูกต้องตามรับสั่ง. แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 16:54:38 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 16:29:25 จากคุณ : กัมม์ - [ 27 มี.ค. 49 17:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มีกระทู้หนึ่งที่คนให้ความสนใจมาก คือ กระทู้ที่เกี่ยวกับพระนามพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  และพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย   อีกสักพักสักเดี๋ยวก็จะมีกระทู้นี้ขึ้นมา  ขอพิมพ์ประกาศฉบับนี้ไว้วันข้างหน้าจะได้ใช้อ้างอิงนะครับ และทราบหรือไม่ว่า  ยังมี พระบาทสมเด็จพระพุทธรังสฤษดิ์ อีกด้วยนะครับ ประกาศขนานนามพระพุทธปฏิมากรประจำรัชกาล (ณ วันพุธ เดือน ๖ แรม ๙ ค่ำ ปีชวดจุลศักราช ๑๒๑๔ พ.ศ. ๒๓๙๕)          ศิริศุภมัศดุ อดีตกาลพระพุทธศักราช ชไมยสหัสสังวัจฉระไตรสตาธฤกปัญจะนวุติสังวัจฉระปัตยุบันกาล  มุสิกะสังวัจฉระไพศาขมาศะกาลปักษ์ นวมีดฤถีพุธวาระ ปริเฉทะกาละกำหนด          พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามกุฎ สมมติเทพยพงศ์วงศาดิศวรกระษัตริยวรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราะห์ณีจักรีบรมนารถอดิศวรราชรามรังกูล สุจริตมูลสุสาธิตอุกฤษฐวิบูลบุรพาดูลย์ กฤษดาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ์ ธัญญะลักษณวิจิตร โสภาคสรรพางค์ มหาชโนตมางค์ประนตบาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดม บรมสุขุมมาลมหาบุรุษรัตน์สิกษา พิพัฒนสรรพโกศล สุวิสุทธิวิมลศุภศิลสมาจาร เพชรญาณประภาไพโรจอเนกโกฎิสาธุคุณวิบุลยสันดาน ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณ อดุลยพิเศษสรรพเทเวศรานุรักษ์ เอกอรรคมหาบุรุษสุตพุทธมหากระวี ตรีปฏิกาทิโกศล วิมลปรีชามหาอุดมบัณฑิตย สุนทรวิจิตรปฏิภาณบริบูรณคุณสารสยามาทิโลก ดิลกมหาบริวารนายก อนันตมหันต์วรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตรศิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเสกาภิสิต สรรพทศทิศชิตไชยสกลมไหยสวริยมหสวามินทร มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดมบรมนาถชาติอาชาวไศรย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ อุกฤษฐศักดิอรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสิตลหฤทัยอโนปไมยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิเบนทร ปรเมนทรธรรมิกมหาราชาธิราชบรมนาถบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว         ทรงพระราชดำริว่า พระบาทสมเด็จพระบรมไอยกาธิราชเสวยสิริราชสมบัติดำรงแผ่นดินมา  มีพระเดชพระคุณแก่สมณพราหมณาจาริย์อาณาประชาราษฎรทั้งหลายเป็นอันมาก  ได้เป็นบรมธรรมมิกราชาธิราช เป็นปฐมในพระบรมราชวงศ์อันนี้          แม้ถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถเล่า  ก็ควรกล่าวว่าเป็นปฐมในพระบรมราชวงศ์นี้เหมือนกัน  เพราะว่าเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระบรมไอยกาธิราช  เสด็จมาสถาปนาจัดการพระนครแลพระบรมราชวงศ์อันนี้ให้ประดิษฐานดำรงมา  พระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถก็เป็นพระบรมราชโอรสผู้ใหญ่แล้ว  จึงได้เสด็จมาช่วยจัดการสถาปนา กรุงเทพพระมหานคร อมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุธยา  มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศมหาสถาน  แลพระบรมราชวงศ์นี้พร้อมกันด้วย  เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมไอยกาธิราชได้เสวยสิริราชสมบัติทรงพระชราแล้ว  ก็ได้ทรงสถาปนาให้เป็นกรมพระราชวังบวร  แล้วได้มอบสิริราชสมบัติพระราชทานให้แต่ยังมีพระชนม์อยู่  เพราะฉะนั้นพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชซึ่งสวรรคตได้ถวายพระเพลิงใหม่นั้น  ทรงพระราชดำริเห็นว่า  พระบาทสมเด็จพระไอยกาธิราช แลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถ  เป็นต้นเป็นใหญ่ในพระบรมราชวงศ์อันนี้  จึงได้ทรงสถาปนาพระมหาปฏิมาฉลองพระองค์ทั้งสอง  แลได้ทรงขนานนามพระพุทธปฏิมากรองค์หนึ่งว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  องค์หนึ่งว่า พระพุทธเลิศหล้านภาลัย  ให้ประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  เป็นที่เคารพสักการบูชาแก่พระบรมราชวงศานุวงศ์  แลข้าทูลละอองธุลีพระบาท  เมื่อการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒสัตยาปีละ ๒ ครั้งเสมอไป            แล้วโปรดเกล้าฯให้ประกาศพระบรมราชวงศานุวงศ์สมณพราหมณาจาริย์ข้าทูลละอองธุลีพระบาท  อาณาประชาราษฎรทั้งปวงให้รู้ทั่วกันว่า  พระองค์หนึ่งซึ่งถวายพระนามว่าพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น ทรงพระราชอุทิศถวายในพระบาทสมเด็จพระบรมไอยกาธิราชจักรพรรดินาถบพิตร  พระองค์หนึ่งซึ่งถวายพระนามว่าพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น ทรงพระราชอุทิศถวายในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถธรรมมิกราชบพิตร  ให้บัตรหมายใช้ชื่อแผ่นดินโดยพระนาม แห่งพระมโหทิฏฐปฏิมาทั้ง ๒ พระองค์นั้น            พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเห็นด้วยว่าชอบอยู่แล้ว  เพราะว่าพระบาทสมเด็จพระบรมไอยกาธิราช แลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถนั้น  ได้เสวยสิริราชสมบัติเป็นปฐมในพระบรมราชวงศ์นี้เหมือนพระเจ้าอู่ทองซึ่งได้สถาปนากรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโบราณราชธานีเก่านั้น  ก็ได้ชื่อว่าเป็นปฐมในพระราชวงศ์ทั้งปวงในกรุงเก่า  พระเจ้าแผ่นดินในภายหลังครั้งกรุงเก่า คิดถึงพระเดชพระคุณพระเจ้าอู่ทองรามาธิบดีว่า  ได้ทรงสถาปนาพระนครแลราชวงศ์ให้ดำรงมาก่อนกว่าพระเจ้าแผ่นดินอื่นๆ  จึงได้ทรงสร้างพระปฏิมากรพระองค์หนึ่ง  ขนานพระนามว่า พระเชษฐบิดร  ทรงพระราชอุทิศถวายพระเจ้าอู่ทองรามาธิบดี  ให้เป็นที่เคารพสักการบูชาแห่งพระเจ้าแผ่นดิน  แลข้าราชการทั้งปวงสืบๆมา ครั้นภายหลังมีพระเจ้าแผ่นดินได้เสวยสิริราชสมบัติสืบมา  ก็มีพระนามต่างๆกัน  เป็นที่อ้างในพระราชพงศาวดาร            แต่ในกรุงเทพฯมหานครนี้  พระเจ้าแผ่นดินซึ่งเสด็จสวรรคตล่วงไปมีพระนามปรากฏอยู่แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๒ พระองค์เท่านั้น ก็ให้คงบัตรหมายใช้ชื่อแผ่นดินอยู่อย่างเดิมนั้นชอบอยู่แล้ว  แต่พระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า ซึ่งเสด็จสวรรคตได้ถวายพระเพลิงใหม่แล้วนั้น  ได้เป็นพระราชโอรสผู้ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยยังไม่ได้เสด็จเสวยสิริราชสมบัตินั้น  พระชนม์ได้ ๒๐ พรรษาเศษแล้ว  ครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติอยู่ ๑๖ พรรษา  ทรงพระประชวรไม่ช้าเสด็จสวรรคต  พระบรมราชวงศานุวงศ์แลข้าราชการทั้งปวงเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเป็นพระราชโอรสผู้ใหญ่  ได้สิทธิขาดสำเร็จราชการช้านานจึงได้เชิญเสด็จเสวยสิริราชสมบัติต่อมา  แลพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้านั้น  เมื่อได้เสวยสิริราชสมบัติราชพระชนม์ได้ ๓๗ พรรษา  อยู่ในราชสมบัติ ๒๗ ปี  เสด็จสวรรคต ยังหามีพระนามวิเศษปรากฏพ้นจากสามัญนามไม่          พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า  ซึ่งจะออกพระนามพระเจ้าแผ่นดินอื่นๆ นอกจากพระบาทสมเด็จพระบรมไอยกาธิราช แลพระบาทสมเด็จพระบรมชนถนาถ ทั้ง ๒ พระองค์นั้น  ด้วยใช้อักษรพุทธนำหน้านั้นไม่สู้สมควร  เพราะมิได้มีพระปฏิมาวิเศษเหมือนพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๒ พระองค์  แลมิได้เป็นปฐมในพระบรมราชวงศ์อันนี้  เพราะฉะนั้นตั้งแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชซึ่งเสด็จสวรรคตได้ถวายพระเพลิงใหม่ล่วงแล้วไปนั้น  ถ้าจะออกชื่อแผ่นดินก็ให้บัตรหมายใช้อักษรอื่นๆนำ อักษรเกล้าต่อเข้าว่าเจ้าอยู่หัว  เหมือนอย่างพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว  แลยักย้ายใช้อักษรอื่นๆนำหน้าอักษรเกล้าต่อไป          บัดนี้มีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสสั่งให้สถาปนาพระนามพระบรมอัฐิ ในพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า  ซึ่งเสด็จสวรรคตซึ่งได้ถวายพระเพลิงใหม่นั้นว่า  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ถ้าพระราชวงศานุวงศ์สมณพราหมณาจาริย์ข้าทูลละอองธุลีพระบาทอาณาประชาราษฎรทั้งปวง  จะออกพระนามอ้างแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช  ก็ให้เรียกว่า แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว          อนึ่งพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้านั้น  มีพระนามว่าพระพุทธรังสรรค์  อักษรนั้นไม่สัมผัสกับอักษรพระนามพระพุทธนฤมิตร  ซึ่งเป็นพระฉลองพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  จึงมีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสสั่งให้แปลพระนามพระพุทธรังสรรค์ว่า พระพุทธรังสฤษดิ์  ให้อักษรสัมผัสกับพระนามพระพุทธนฤมิตร ซึ่งเป็นพระฉลองพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  เหมือนอย่างพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้น  มีพระนามว่าพระพุทธเพชรรัตนมีอักษรสัมผัสกับพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์ ในสมเด็จพระบรมมหาไอยกาธิราช ซึ่งมีพระนามว่าพระพุทธจักรพรรดินั้น          หรือจะออกชื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า  ว่าแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธรังสฤษดิ์  ด้วยพระนามแห่งพระพุทธปฏิมากรฉลองพระองค์นั้นก็ตาม  ด้วยอำนาจพระราชกุศลผลกตัญญูกัตเวที ในพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๓ พระองค์ซึ่งเสด็จสวรรคตล่วงไปแล้วนั้น  ขอความสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลจงมีแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแลพระอรรคมเหสี พระราชวงศานุวงศ์สมณพราหมณาจาริย์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายหน้าฝ่ายใน แลอาณาประชาราษฎรทั้งหลาย  อันอาศัยในพระราชอาณาเขตทั่วขอบขัณฑสีมาอาณาจักรนี้ เทอญ. แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 16:43:59 แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 20:55:10 จากคุณ : กัมม์ - [ 27 มี.ค. 49 19:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ดูๆแล้วจิ้มผิดไปหลายแห่ง  แต่ขอรอทั้งสองมาจี้ก่อนนะครับ  จะได้แก้เสียทีเดียวเลย โดยเฉพาะพระนามาภิธัยช่วยตรวจให้ถี่  ว่าพลาดตรงไหนบ้าง ถือว่าเป็นช่วงเอาคืนนะครับ  ไม่อยู่วันเดียวรุมยำผมเสียเละเลย   (เยื้อเคย ... อืม ท่านจำปูนแปลได้ถูกใจครับ เรื้อ เยื้อ) จากคุณ : กัมม์ - [ 27 มี.ค. 49 19:21:58 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตรงนี้ขอความช่วยเหลือครับ มีเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่ง(ขอสงวนนามครับ)ได้ไปเที่ยวนครศรีธรรมราช พักที่โรงแรมนครการ์เด้น  ทางโรงแรมมีร้านอาหารชื่อว่า วังอินทร์   เขาบอกว่าเป็นวังเก่าของพระธิดาในกรมหลวงชุมพรฯ  ยกไปจากกรุงเทพฯ เธอถามว่า  มีจริงเหรอ  และเมื่ออยู่กรุงเทพฯจะอยู่ที่ไหน ผมอับจนปัญญา  และไม่อยากเป็นสาเหตุทำให้เธอผิดหวัง ค้นในหนังสือพระบรมราชวงศ์จักรี  ก็ไม่เจอว่าพระธิดาในกรมหลวงจะมีชื่อว่า อินทร์ ช่วยผมด้วยครับทุกท่าน   แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 20:08:46 จากคุณ : กัมม์ - [ 27 มี.ค. 49 19:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 30 วันนี้เรามาดูน้ำพระราชหฤทัยในพระองค์ ซึ่งถวายพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช  กันนะครับ หวังว่าพระราชหัตถเลขาฉบับนี้จะลบล้างคำอัปมงคลในเรื่องผลัดแผ่นที่ ๒ - ๓ - ๔  ได้สิ้นเชิงนะครับ เป็นพระราชหัตถเลขาพระราชทาน กรมหลวงวงษาธิราชสนิท  เมื่อครั้งศึกเชียงตุง (ใช้อักขระวิธีตามต้นฉบับนะครับ) กรมหลวงวงษาธิราชสนิทจงทราบ          ตั้งแต่หลวงจงพยุหถือตรา  ว่าด้วยเรื่องบอกเมืองเชียงใหม่ขึ้นมาแล้ว  พระศรีสหเทพกลับลงมาเอาหนังสือของเธอกับขวดจีนรูปน้ำเต้ามาให้ได้รับแล้ว          ตั้งแต่แรมเดือนยี่มาจนแรมเดือนสาม  ฉันคอยจะฟังข่าวเธอ  ถามเขาถึงหนังสือบอกทุกวันก็หาใครได้ข่าวไม่  ยังมีที่หมายว่าจะได้ฟัง ก็แต่เมื่อหลวงจงพยุหกลับมาเกือบปลายเดือนสี่  ฤาอย่างไรไม่แน่  ฉันคิดไปถึงการครั้งเมื่อฉันบวชอยู่นั้น  เมื่อไปเที่ยวไกลๆถึงเมืองเหนือฤากลางทเลห่างกรุงหลายวัน  จะวิตกถึงสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์เมื่อท่านยังอยู่  ฤาหาบนแลลูกเต้าของตัวฤาศิษานุศิษย์ที่อยู่ที่กินของตัวนั้นน้อยดอก ไม่ใคร่มี  คิดถึงแต่ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นแลมากกว่าผู้อื่นสิ่งอื่น  เปนความสัตย์จริงเพราะท่านเปนหัวใจแผ่นดิน  ท่านเปนศุขสบายพระไทยอยู่แล้ว  พวกพ้องแลที่อยู่ที่อาไศรยของฉัน ที่อยู่ในแผ่นดินท่านก็จะเปนปรกติอยู่หมด  อนึ่งอยากจะฟังข่าวราชการแผ่นดิน  ว่าเดี๋ยวนี้ในกรุงฤาในพระราชวังมีเหตุการอะไรบ้าง  ท่านทรงโปรดปรานฤาขัดเคืองใครบ้าง  เพราะสิ่งไรบ้าง  การอะไรถ้อยความอะไรเกิดบ้าง  อยากทราบนัก  คอยไถ่ถามเรือขึ้นเรือล่องแลคนที่จะเชื่อได้ไปจากกรุงไม่ขาด  ถ้าได้หนังสือฝากข่าวราชการแต่ใครๆไปสักฉบับหนึ่ง ดีใจยิ่งกว่าได้ของฝากอย่างอื่นๆอิก  จนครั้งโน้นฉันจะมีที่ไปที่ข้างไหนหลายวัน  ก็สั่งให้คนสามคน คือ พระยาอภัยรณฤทธิ์ ๑  พระนรินทรเสนี ๑  พระอินทรเดช ๑  ผลัดเปลี่ยนกันคอยฟังราชการส่งหนังสือข่าวไปถึงเนืองๆ  จึงค่อยสบายเที่ยวอยู่ได้นานได้  ถ้าได้ข่าวคราวเงียบไปหลายวันก็ร้อนใจรำคาญนอนไม่ใคร่หลับ  ต้องรีบกลับมาเสียเร็วๆ  การที่เปนแก่ใจฉันเมื่อครั้งโน้นฉันใด  ฉันเชื่อเปนหนึ่งแน่ว่าจะเปนแก่ใจเธอ  แลกรมหมื่นภูบดีราชหฤทัยฉันนั้น  เธอคงคิดถึงตัวฉันมากกว่าครอบครัวบุตรภรรยา  จะคอยฟังการข้างกรุงเปนนิจ  ถ้าได้ข่าวคราวห่างวันไปก็จะไม่สบาย  ถึงเจ้าพระยายมราช  เจ้าพระยาสีหราชฤทธิไกรแม่ทัพนายกอง  บางคนที่มีราชการเปนธุระทำวลจริงๆก็คงจะเป็นคล้ายกัน  ฉันเห็นว่าต่อเมื่อมีเหตุแล้วจึงจะให้คนอื่นถือท้องตราไปแจ้งราชการนั้นระยะก็ห่างนัก            อนึ่งฉันเองแลคุณพระยาศรีสุริยวงศ์ก็อยากจะใคร่ฟังข่าวราชการข้างกองทัพว่าอย่างไรบ้างนั้นเปนนิจ  ครั้นจะสั่งขึ้นไปว่าให้เธอเขียนใบบอกให้คนถือลงมาแจ้งราชการบ่อยๆเล่า  ก็จะป่วยการคนในกองทัพ  เพราะให้มาคราวหนึ่งก็ต้องให้มาหลายคนจึงมาได้  จะคอยรับแต่ใบบอกที่ส่งต่อๆมาตามเมืองรายทางก็ไถ่ถามไล่เรียงหนังสือบอกไม่ได้  จึงคิดจัดแจงมหาดเล็กบุตรสกูลที่จะมีพาหนะพอไปได้ ๔ คน  คือ นายจ่ารง ๑  นายสุจินดา ๑  นายไชยขรรค์ ๑  นายพิจารณ์สรรพกิจ ๑  เพื่อจะให้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมาฟังราชการกองทัพแลแจ้งข่าวราชการข้างกรุงแก่เธอทราบเนืองๆ  เธอแลฉันก็จะสบายทั้งสองข้าง  คนหนุ่มๆที่ขึ้นมาก็จะได้คุ้นเคยราชการนอกกรุงไว้  ครั้งนี้ฉันให้นายพิจารณ์สรรพกิจขึ้นมาก่อน  เพื่อจะได้กลับลงไปแจ้งราชการลำดับหลวงจงพยุหไม่ห่างนัก          บัดนี้ฉันวิตกนักด้วยเรื่องเสบียงอาหาร  ด้วยปีนี้ฟ้าฝนฤดูคลาศสังเกตน้ำท่าฝืดเคือง  เข้าปลาอาหารมีราคาขึ้นไปทั่วทุกบ้านเมืองในประเทศไทยรู้อยู่ด้วยกัน  ฝ่ายเมืองลาวก็เปนบ้านเมืองอยู่ในลำน้ำเดียวกัน  ถึงเธอบอกมาว่าที่เมืองแพร่ไม่เปนอะไรนักก็ดี  ก็ยังวิตกอยู่ว่าคงจะเปนฟ้าฝนน้อยผิดปรกติทุกปีซึ่งมีมาแต่หลัง  วิไสยราษฎรไพร่บ้านพลเมืองๆเขาก็ดีเราก็ดี  ก็ย่อมคอยที่จะหวาดหวั่นพรั่นพรึงด้วยไภย ๓ ประการ  คือ การทัพศึก ๑  การความไข้ ๑  เข้ายากหมากแพง ๑  เมื่อเห็นฝนไม่ตกตามฤดูแต่สักกึ่งเดือน  คนที่ไม่มีเข้าฤามีอยู่น้อยก็พากันตื่นเข้าถูกแพงไม่ว่า เพราะกลัวจะอด  คนที่มีเข้ามากก็กดราคาหวงเข้าไว้ขายให้แพงด้วยเห็นเปนทีจะได้เงินมาก  ผู้ที่ซื้อด้วยกลัวจะอดอยากซื้อบ้างฤามีอยู่แต่เดิมเล็กน้อย  ทั้งผู้ที่มีเข้ามากอยากขายแพง ก็หวงแหนหนักหนาในเวลาเช่นนี้  เพราะฉะนั้นฉันวิตกว่าเมื่อกองทัพเรายกขึ้นมาในปีนี้  ที่ฟ้าฝนเปนวิปริตมาก  ลาวก็พาโลว่าขัดสนเสบียงอาหาร  ถึงการเราสืบดูรู้แล้วว่าเข้าเขามีอยู่พอใช้ก็จะแบ่งเอามาเปนเสบียงเลี้ยงกองทัพเราได้  ผู้ที่หวงไม่อยากให้ด้วยเหตุที่ว่าแล้วนั้น  เมื่อเรารีดนาทาเน้นเข้าก็จะเห็นเปนอันทำให้ร้อนรนไป  จะเปนเหตุให้แตกร้าวเสียใจหม่นหมองด้วยเห็นว่าฉันพอได้เปนเจ้าแผ่นดินขึ้นใหม่ๆก็คิดโลภลามจะเอาบ้านเมืองลาวไกลๆมาเปนเมืองขึ้น  ให้กองทัพรีบยกขนไปในเพลาเข้ายากมากแพง ไม่รู้ศุขทุกข์ของราษฎรว่าขัดสน  ฝ่ายแม่ทัพที่ขึ้นมาล่าก็คิดจะเอาแต่บำเหน็จความชอบ  แต่เจ้านายของตัว ไม่มีกรุณาจะเอาลาวเปนหนังน่าไฟให้ไปตายในการรบแลตายด้วยอดอยากก่อนไทยดังนี้เปนแน่  เหตุการอันนี้เธอจงดำริห์ดูให้มาก  ฉันจะมาคิดให้ก็ไกลตา  เธอมีปัญญาแลได้ขึ้นมาเห็นเมืองลาวเองแล้วจะคิดอย่างไร  อย่าให้มันเสียใจแตกร้าวนักนั้นจึงจะดี......   .................................................................................................................................................... ความต่อจากนี้เป็นเรื่องการทัพศึก  ท่วงทีได้เสียระหว่าง ไทย  พม่า  และอังกฤษ อีกฝ่ายหนึ่ง  ซึ่งขออนุญาตไม่พิมพ์ต่อ (ที่จิงผมพิมพ์เกือบจะจบแล้ว  แต่เห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  คิดลบทิ้งเสียจะดีกว่า)  เพราะพาดพิงเรื่องประวัติศาสตร์การเสียบ้านเมืองของประเทศเพื่อนบ้านของเรา  ถ้าเกินเลยกว่านี้อาจเกิดเหตุไม่ดีซึ่งผมอาจรับผิดชอบไม่ได้   เรื่องน้ำพระราชหฤทัยระหว่าง ๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพี่น้องนี้เราก็ได้ปะจักษ์แล้ว  สมความมุ่งหมายแล้ว ต้องขออภัยอย่างสูง  พระราชหัตถเลขาฉบับนี้ขออนุญาตจบแต่เพียงเท่านี้ครับ แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 16:57:53 แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 49 17:43:02 แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 49 17:41:51 จากคุณ : กัมม์ - [ 28 มี.ค. 49 17:00:43 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขออภัยที่ทำให้ต้องรอ  ไม่ว่างจริงๆ เลยครับ  เลยรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความสำคัญแล้วแหละ แฮ่ะแฮ่ะ  หลงตัวเอง? ที่ละล้าละลังเข้าดีไม่เข้าดีก็เกร็งนะครับ  เกร็งว่าท่านกัมม์จะโกรธเอา  ผมมีอะไรก็พูดไปตรงๆ  ต่อไปจะไม่... แล้วครับ (ไม่... รอบ 3) เพราะลุยเหมือนมวยวัด  ผมคนบ้านนอกนะครับ ขอโทษอีกรอบนะครับที่กล่าวเปิดใจออกมา  จขกท.คงอยากมีความสุขอย่างเงียบๆ โดยไม่ต้องให้ใครมาโฆษณาสรรพคุณหรอกครับ  เพราะล้นปรี่อยู่แล้ว ตอนนี้มาอยู่ที่คาเฟ่  ต้องรีบทำเวลา  พวกข้อมูลต่างๆ เอาไว้วันหลังนะครับ  ขอคุยก่อน จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 28 มี.ค. 49 20:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ๒๖ - (๔) คนที่มีสารทุกข์แล้ว  เป็นไปตามสารทุกข์ของตัง  ก็ทรงเห็นชอบด้วย - โปรดเกล่สฯ ให้เรียกเมืองประจวบคิรีขันธ์   ๒๗ - พระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถก็เป็นพระบรมราชโอรส ผูใหญ่ แล้ว - พระนามพระบรมอัฐิ ใพระบรมเชษฐาธิราชเจ้า - จะออกพระนามอ้างแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรม เชษฐาธฺราช   -  อนึ่ง พระพุธปฏิมากร ฉลองพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้านั้น   - หรือจะออกชื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐา ธฺราชเจ้า   จนใจที่ไม่มีตำราในมือ ไม่อาจกล้าตรวจ พระปรมาภิไธย ขอรับ จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 29 มี.ค. 49 08:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ๓๐ - เมื่อไปเที่ยวไกลๆถึงเมืองเหนือฤากลางทเล ห่างกรุงหลายวัน จะวิตกถึงสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์เมื่อ ท่า ยังอยู่ - บางคนที่มีราชการเปนธุระ ทำวล จริงๆก็คงจะเป็นคล้ายกัน --> อ่านไม่รู้เรื่อง แถมท้าย - เรื่องน้ำพระราชหฤทัยระหว่าง ๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพี่น้องนี้เราก็ได้ ปะจักษ์ แล้ว --> ประจักษ์ หรือไม่ จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 29 มี.ค. 49 08:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตื่นๆ ครับ  สายแล้ว  เมื่อคืนเล่นหมากหนักรึไง จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 29 มี.ค. 49 10:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ท่านจำปูน   ได้ส่งเสียง "สายัณห์  สัญญา" ไปให้ทางอีเมล ทุ่งสานสะเทือน  ที่มาของ  สยามสะเทือน  นะครับ ส่วนที่อยู่ที่ใช้ส่ง  ขอยืมของคนอื่นเขาส่งนะครับ ของตัวเองยังไม่หายโง่เลย ช่วงบ่ายจะมาแก้ตัวสะกดและอธิบายบ้างคำ และแจ้งข้อมมูลเพิ่มเติมเรื่องวังอินทร์  ที่เพื่อนสมาชิกได้กรุณาช่วยกันค้นคว้าครับครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 12:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขออภัย  test ผิด แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 14:44:19 จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 29 มี.ค. 49 14:33:32 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คคห.11 *(คัดจากหมายรับสั่งเดือน ๘ อุตราสาฒ  ปีฉลู  จุลศักราช ๑๒๑๔)  - ข้างล่างบอกเบญจศก  แต่ตรงนี้กลายเป็น จศ.๑๒๑๔? *ยังอีกสองส่วนนั้นหม่อมหุ่นกับหม่อมนวมปันกันคลละส่วน   *เกิดโจรผูร้ายมาช้านาน   *ก็ทรงเห็นว่าท้างสัตยานุรักษ์ทนายเรือนโขลนล่วงพระราชอาญาแต่ครั้งเดียว   *ตั้งบ่อนโป เล่นถั่ว เล่นกำตัด เล่นแปดเก้า แทงหวยแลการพนันต่างๆ – ตรงนี้ไม่มีอะไรผิด  อยากมาช่วยตรวจทานเพราะงี้แหละ  ความรู้รอบตัวทั้งนั้น *ผู้ที่เล่นด้วยกันแลจ่าเจ้าของด้านนั้นคลละ ๕ ตำลึง – เอ  คลละ  ถูกหรือผิดไม่รู้  เพราะเห็นจิ้มแบบนี้หลายคราแล้ว *แลข้าหลวงพระองค์เจ้าหม่อมเจ้าข้าทาสทั้งปวงทั้งปวงซึ่งอยู่ใน - ถ้าเป็นภาษาอังกฤษคงเติมเอสไปแล้ว *ถ้าผู้ใดมิกระทำตามพระราชบัญญัติห้าปรามทั้งนี้ *เจ้านายให้ไปทำการนองพระบวรราชวังก็ดี *ก็ให้ไปแจ้งกับท้าวสัตยานุรกษ์จ่าศาลาให้รู้ด้วย  - แหม  ท่านท้าว  ท่านกลายเป็นคน รก ศาลไปซะแล้ว *อย่าให้ผู้ให้กระทำความผิดจากพระราชบัญญัติ  - งง *ถ้ามิฟังได้รับได้รับเป็นสัจให้ลงโทษเป็น  - นี่ก็เติมเอสอีกตัว  เฮ้อ  ภาษาไทยไม่มีเบิ้ลนะพวก จากคุณ : nickmee - [ 29 มี.ค. 49 14:34:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คคห.26 *ก้อเหตุให้เป็นที่หม่นหมองข้างโน่นข้างนี้นั้น คคห.30 *จะวิตกถึงสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์เมื่อท่ายังอยู่ *ผลัดเปลี่ยนกันคอยฟังราชการส่งหนังสือข่าวไปถึงเนื่องๆ *เมื่อเรารีดนาทาเน้น – ภาษาเก่าใช้ เน้น หรือ เร้น ก็ม่ายรู้ แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 14:37:14 จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 29 มี.ค. 49 14:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คคห.27 *ไพศาขมาศะกาลปักษ์ *ธัญญะลักษณะวิจิตร – ดูหน่อยนะ  สงสัยสระอะ  มันน่าจะมีตรงไหนหรือหดตรงไหน *วิมลปรีชามหาอุดมบัณฑฺตย *อนันตมหันต์วรยศมโหดมบรมราชสมบัติ – รู้สึกชักขี้เกียจมั้ง  รวบวรรครวบตอนไปหมดเลย *มหสวามินทร *เมตตากรุณาสิตลหฤทัย *แม้ถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถเล้า *เสด็จมาสถาปนาจักการพระนคร *พระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถก็เป็นพระบรมราชโอรสผูใหญ่แล้ว *แลพระบรมวงศ์นี้พร้อมกันด้วย   *เป็นที่เคารพสัการบูชา *ในพระบาทสใมเด็จพระบรมไอยกาธิราชจักรพรรดินาถบพิตร   *จะออกพระนามอ้างแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธฺราช   *อนึ่งพระพุธปฏิมากรฉลองพระองค์ *หรือจะออกชื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรมเชษฐาธฺราชเจ้า  - อิ เป็น อัง บ่อยจัง  ชอบกระดกนิ้วก้อยขวานะพวก  อย่าขวาจัดก็แล้วกัลล์ จากคุณ : nickmee - [ 29 มี.ค. 49 14:38:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 กิตติกรรมประกาศ ACKNOWLEDGEMENT ขอขอบพระคุณคุณเอ็ม  แห่งเวปมาสเตอร์ ณ ที่ทำงานแห่งนี้  ที่ได้กรุณาให้ยืมสายใยเส้นนี้ถ่ายทอดความรู้ให้กับท่านครับ  เน็ตที่ทำงานเสียหมดเลย  ต้องมาอาศัยท่านครับ ผมเลยก็อปข้อความที่แก้มาลุยรวดเดียวเลยครับ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 29 มี.ค. 49 14:42:16 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ท่านกัมม์  ใช้งานเราหนักจัง ฉลองกระทู้จบเมื่อไรบอกท่านจำปูนด้วยนะ หากขาดคนคอยชง  ยินดีรับใช้ แฮ่ะ แฮ่ะ แฮ่ะ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 29 มี.ค. 49 14:45:48 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขออนุญาตแจ้งข่าวความคืบหน้าเรื่อง "วังอินทร" ก่อนนะครับ คุณ รอยใบลาน ได้กรุณาค้นคว้ามาได้ว่า  "พระธิดาในกรมหลวงชุมพรฯ ที่เจริญพระชันษา  ก็ทรงลาออกจากฐานันดรทุกพระองค์" เมื่อเป็นอย่างนี้ในชั้นแรก  ผมก็เลยสรุปว่า  วังอินทร์ไม่ใช่ของพระธิดาในกรมหลวงชุมพรฯ เพราะเมื่อท่านไม่ได้เป็นเจ้าแล้ว  จะเรียกที่อยู่ท่านว่า วัง  ก็ไม่ได้อยู่เอง ผมได้ตอบเพื่อนสมาชิกผู้นั้นไปอย่างนั้น เพื่อนสมาชิกผู้น่ารักกำลังจะเดินทางนครอีกครั้ง  ครั้งนี้จะช่วยพวกเราแย้งด้วยข้อมูลนี้ และจะเอาข้อมูลมาเพิ่มเติม พร้อมทั้งรูปถ่าย ข้อมูลทางสายพระธิดาในกรมหลวงชุมพรฯ  หมดลง   คุณ รอยใบลาน  ก็กรุณาค้นหาต่อไป  ให้ลองค้นดูทางสามี(ไม่รู้จะเรียกอย่างไรดี)  ให้ชื่อมา ๓ ชื่อ เอามาลงตรงนี้ไม่เหมาะ  จะส่งให้ทางหลังไมค์นะครับ ผมค้นหาคำว่า "วังอินทร์" ใน Google  ไปเจอ  ครัววังหน้า ก็นึกขึ้นได้ว่า  เมืองนครก็มีวังหน้าด้วย   จะเกี่ยวข้องกับวังอินทร์หรืออย่างไร  ขอกลับไปค้นดูในปฐมวงศ์ก่อนนะครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 16:26:55 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ้า...ชื่นใจ  เบียร์เย็นๆ แกล้มกลอนลำของ อังคนางค์ แค่นี้สวรรค์ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว ครับ   "งิ้วตองต้อนแขนอยูตองต้อน  งิ้ว-ตองต้อน..." มาว่ากันต่อนะครับ วันนี้ลุยเรื่องวังอินทร์ กับแก้คำผิด  หมดชั่วโมงพอดี  งานใหม่เลยไม่ได้เลย ขอบพระคุณทั้ง ๒ ท่านมากครับ ขอบคุณแทนสมาชิกที่ต้องการ saveเนื้อหาไว้ ด้วยนะครับ  จะได้ไม่ต้องมานั่งแก้ที่หลังด้วยครับ ขออธิบายบางคำที่ต้องสงสัยนะครับ ทะเล  ทรงใช้คำว่า  ทเล ทำวล  เปิดพจนานุกรม  เขาว่า  ทำงน - ยุ่งใจ  ร้อนใจ  น่าจะเป็นคำเดียวกันครับ "รีดนาทาเน้น"  คำนี้เห็นว่าเหมาะกว่า ทาเร้น นะครับ  ต้นฉบับก็ใช้ "ทาเน้น" ครับ ส่วน "ปะจักษ์"  ผมกระแดะใช้เอง  ตั้งใจให้ใกล้เคียงความหมายว่า ประสบ พบ ("ปะ- จักษุ") เรื่องพระปรมาภิไธย เขียนไม่เหมือนกันทุกฉบับนะครับ   ตรงนี้ยึดตามต้นฉบับที่ถืออยู่  แต่ที่ต้องแก้ไขตามข้อทักท้วง ท่านพี่  ก็ได้แก้ไขแล้ว บางคำก็ไม่ได้แก้  แต่ได้ตรวจทานตามข้อทักท้วงทุกข้อแล้วครับ ตรงนี้เห็นควรจะตัดเงินเดือนท่านจำปูน  เพราะเฉลียวมากหาช่องออกจนได้ (ที่ยำผมไว้เมื่อวันอาทิตย์จึงยังไม่ได้เอาคืน) และเห็นควรขึ้นเงินเดือนท่านพี่นิคกึ่งหนึ่งครับ เพราะ ธฺ ที่พลาดไปไม่ใช่ -อัง- อัง ต้องเป็น ธํ  ครับ (แซวเล่นแกล้มเบียร์นะครับ  ยอมรับผิดทุกประการ   ความจิง "พระเชษฐาธฺราช"  แอบแก้เองไปหลายที่แล้ว  ยังหลงเหลืออยู่อีก)                                                      ควรมิควรแล้วแต่เจ้านาย                                                        (เซ็นชื่อ) กัมม์                                                      เจ้าพนักงานหยิบหนังสือ ท่านจำปูนยังไม่ได้  เสียงสายัณห์  จะส่งให้อีกครั้งนะครับ  พี่นิคเอาด้วยไหมครับ  จะได้เย็นลงบ้าง อาทิตย์นี้ชวนกันไปเลือกตั้งนะครับ   มาอยู่ฝ่าย น้องออย (สีเขียว) ดีกว่า  พวกน้องๆเขาน่ารักดี วันนี้คงได้เรื่องสั้นๆสักเรื่องนะครับ  เอาเรื่องคาวๆมาแกล้มเบียร์ก็แล้วกัน .................................................................................................................................................. ขยายความ  "รีดนาทาเน้น"  ที่ตกไปเมื่อวันก่อน แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 49 12:04:34 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 18:22:00 จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 18:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รู้สึกว่าช้างจะไม่พอขี่แฮ่ะ ทำกับข้าวไปด้วย  พิมพ์ประกาศไปด้วย  ฟังกลอนลำไปด้วย  สนองสาส์นที่คั่งค้างไปด้วย  ปลื้มใจกับน้ำจิตน้ำใจเพื่อนๆไปด้วย ประกาศว่าด้วยเรื่องฟ้องหาปาราชิก (คัดจากหมายรับสั่ง  ปีฉลูเบญจศก  จุลศักราช ๑๒๑๕)          ด้วยพระยาบำเรอภักดิ์รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสั่งว่า  ให้มีหมายประกาศแก่พระสมณพราหมณาจารย์แลข้าทูลละอองผู้ใหญ่ผู้น้อย  แลอาณาประชาราษฎรทั้งปวง  ด้วยพระสงฆ์ทุกวันนี้ดูเหมือนจะไม่มีศรัทธาที่จะให้เป็นประโยชน์ชั่วนี้ชั่วหน้า  บวชในพระศาสนาแล้วตั้งใจจะหาแต่ลาภสักการ  แล้วกระทำอุลามกต่างๆ  เป็นต้นว่าไปคบหาผู้หญิงพูดจากันในที่ลับแต่สองต่อสองจนถึงชำเรากันดังนี้เห็นจะมีอยู่โดยมาก  แต่หากว่าไม่มีผู้ใดจะฟ้องร้องว่ากล่าว  เหมือนเรื่องอ้ายแสนไปคบหากับอีหนู  ไปมาหากันจนถึงชำเรากันทั้งพระ  แล้วมีคนไปฟ้องหาในกรมพระธรรมการ  แลตุลาการชำระอ้ายแสนเป็นสัจไม่  ด้วยเห็นแก่อ้ายแสน          ครั้นภายหลังอ้ายแสนกับอีหนูกลับมาเป็นผัวเมียกันเข้า  ครั้นเอาตัวอีหนูมาถาม  กลับรับเป็นสัจ  แต่ตัวอ้ายแสนนั้นหนีไปยังไม่ได้ตัว  แลพระสงฆ์อื่นๆก็เห็นจะเป็นเหมือนอ้ายแสนจะมีอยู่มาก  จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯว่า  แต่นี้สืบไป ถ้าผู้ใดรู้เห็นว่าพระสงฆ์รูปใดวัดใดเป็นเช่นอ้ายแสนนี้แล้ว  ให้เห็นแก่พระศาสนาอย่าได้ปิดบังอำพรางไว้  ให้มาฟ้องร้องว่ากล่าวในกรมพระธรรมการตามกระทรวง  ถ้าแลกรมพระธรรมการเห็นแก่ฝ่ายจำเลยแลผัดเพี้ยนไปให้เนิ่นช้า  ให้ทำเรื่องราวฎีกามาทูลเกล้าฯถวายพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท  จะโปรดเกล้าฯให้ข้าทูลละอองธุลีพระบาทคนหนึ่งคนใดชำระ          ถ้าชำระได้ความเป็นสัจก็จะทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานรางวัลให้แก่ผู้โจทก์นั้นโดยสมควร  ถ้าผู้ใดที่บ้านใกล้เรืองเคียง แลรู้เห็นแล้วปิดบังอำพรางไว้ไม่มาฟ้องร้องว่ากล่าวก็ดี  จะโปรดเกล้าฯให้ปรับไหมผู้นั้น  ถ้าถือศักดินา ๑๒๐๐ ไร่ลงไปให้จ่ายเข้าเดือนๆหนึ่ง  ถ้าถือศักดินา ๔๐๐ ไร่จะให้ผู้นั้นเข้าเดือน ๒ เดือน          อนึ่ง  ถ้าผู้รูเห็นเป็นใจแลช่วยสื่อชักพระให้ผู้หญิง  ชักผู้หญิงให้พระ  ถ้าชำระเป็นสัจจะโปรดเกล้าฯ ให้ปรับไหมผู้นั้น  ให้เป็นตะพุ่นหญ้าช้าง  ด้วยเสมอโทษปาราชิก จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 20:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณกัมม์       เยเยเยเย      หนักใจกับโจทย์ "วังอินทร์" มาหลายเพลา หนักใจอยู่นานว่าจะไปหาข้อเท็จจริงจากไหน เมื่อหาจากชั้นปฐมภูมิไม่ได้ผมเลยไปหาจากทุติยภูมิเลยครับ       ผมโทรไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมนครการ์เดน โดยเบอร์ 075-313333 เคาน์เตอร์เขาโอนสายให้ผมคุยโดยตรงกับทาง ครัววังอินทร์  ได้ความมานิดหน่อยว่า      เดิมเป็นวังของ หม่อมเจ้าหญิง ศิริมาบังอร (อาภากร) เหรียญสุวรรณ (2447-2518) ธิดาในกรมหลวงชุมพรฯ สร้างขึ้นเมื่อปี 2478 เดิมอยู่แถวปทุมวัน กรุงเทพฯ ย้ายมายังโรงแรมนครการ์เดน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2525       ผมได้ข้อมูลมาเพียงเท่านี้ละครับ  สอบถามได้ความเพิ่มเติมว่าเขามีประวัติของวังอินทร์ นิดหน่อยอยู่ที่ร้านอาหารนั่นละครับ  อย่างไรผมจะพยายามหาข้อมูลอันนี้มาให้ได้ครับ (แต่ต้องใช้เวลาหน่อยนะครับ)      ขั้นตอนต่อไปคือต้องตรวจสอบต่อไปว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นเป็นจริงแค่ไหน ท่าทางจะยากกว่าเดิมเสียแล้ว       งานนี้กว่าจะได้ข้อมูลมาต้องโกหก ผิดศีลไปตั้งหลายครั้ง  ไหนๆก็ผิดศีลข้อ 4 แล้ว  ต่อด้วยข้อ 5 ดีกว่า  อ้าว ชน ... แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 20:22:10 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 20:14:56 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 20:14:06 จากคุณ : ขมขื่น - [ 29 มี.ค. 49 20:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ดีใจเสียนี้กระไร  เอ้า...ชนครับ ผมจะรีบแจ้งเธอและเพื่อนๆเดี๋ยวนี้เลยครับ ท่านที่ไม่ได้รับแจ้งทางหลังไมค์  ไม่ต้องตระหนกนะครับ เพราะท่านที่ได้รับแจ้งจะคลิกมาเจอความคิดเห็นที่ ๔๕  เหมือนกัน เมื่อกี้ตกใจ  โพสไม่เข้า   เพราะโพสไม่ขึ้นนึกว่า  ไฟฟ้าที่พันติปดับเสียอีกแล้ว ที่แท้โพสพร้อมกันครับ   ขอบพระคุณ คุณขมขื่น มากๆครับ ไม่พอจิงๆแล้วครับท่าน   ดีใจเสียนี่กระไร จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 20:24:25 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อไหร่จะได้ชนแก้วกันละครับคุณกัมม์ ถ้าไม่สะดวก  ชนแก้วออนไลน์ไปก่อนก็แล้วกัน ไม่ต้องขอบพระคุณอะไรกันมากมายหรอกครับ  แลกเปลี่ยนความรู้กัน  อิอิอิ  วันนี้ปลื้มใจจริงๆ แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 20:53:10 จากคุณ : ขมขื่น - [ 29 มี.ค. 49 20:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ดีใจเสียนี้กระไร  เอ้า...ชนครับ ผมจะรีบแจ้งเธอและเพื่อนๆเดี๋ยวนี้เลยครับ ท่านที่ไม่ได้รับแจ้งทางหลังไมค์  ไม่ต้องตระหนกนะครับ เพราะท่านที่ได้รับแจ้งจะคลิกมาเจอความคิดเห็นที่ ๔๕  เหมือนกัน เมื่อกี้ (20.10 น.ลงเวลาไว้ก่อนครับ)โพสไม่เข้า   ตกใจเพราะไม่ขึ้นไม่รู้ว่าทำไม   แต่ตั้งใจว่าโพสไม่ได้จะไม่นอนเลย       (ไม่ได้บอกแจ้งข่าวเพื่อนๆก็นอนไม่ได้อยู่ดี) ขอบพระคุณ คุณขมขื่น มากๆครับ รู้สึกว่าจะไม่พอจิงๆแล้วครับท่าน   สุขใจเสียนี่กระไร ไปต้อนมาอิกโขลง...หนูๆ....ป๋าสุขจิงวันนี้ 20.30 น. Refresh  หน้าหลักไม่ได้   รอได้อยู่แล้ว 20.50 น. รอได้...รอได้....ส่งไม่ไปก็รอได้...รอได้....ตามสบายจะให้ส่งไดเมื่อไร....รอได้...รอได้ 21.03 น. Refresh  หน้าหลักพันทิป   รอได้....รอได้ 21.10 เอ...ชักแปลกๆ ลองโหลดเครื่องม้าอะแซหวุ่นกี้  งั้นขึ้นฟ่ะ  แต่รอได้....รอได้ เอ้าได้แล้ว  ความไหนซ้ำข้ออภัยนะครับไม่แก้ไม่ลบแล้ว  ขอชนแก้วกับคุณขมขื่นก่อน จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 21:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ใครจะสุขเท่าพวกเราจิงไหมครับคุณขมขื่น ให้ท่านกู้ชาติได้เถิด  ให้ท่านครองบัลลังก์ต่อไปเถิด แต่วันนี้ขณะนี้ใครจะสุขเท่าเราครับ  ว่ามา เดี๋ยวเข้ามาครับ  ขอแจ้งข่าวเพื่อนๆเราก่อนครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 21:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 50 กลับมาอีกครั้ง  ถึงจะไม่เห็นท่าน  คุณ ขมขื่น ผมก็รับรู้ได้ว่า   ว่าท่านมีสุขอยู่ในมุมไหนมุมหนึ่งของประเทศนี้ ผมเป็นเหมือนอย่างท่านนั้นแล ถึงพรุ่งนี้ใครจะติว่า กลิ่นละมุด ผมจะบอกเขาว่า "เป็นกลิ่นแห่งความสุขต่างหากท่าน" (เอ็งไม่เข้าใจก็ช่าง  เรื่องของเอ็ง...ข้าไปล่ะ) ทำไมผมถึงคิดวิธีนี้ไม่ออกน้า ทั้งทีโดยหน้าที่การงานของผมต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว EQ ความเฉลียวนี้ เป็นเฉพาะบุคคล  อย่างหมอเขาบอกแน่แท้ ขอชนอีกสักแก้วเถิด  (ยังยิ้มไม่หุบเลย..ขอบอก) จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 21:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เธอ  ผู้ก่อให้เกิดความสุขเล็กๆของมุมหนึ่งในประเทศที่ขาดแคลน เธอ  จะกลับมาพร้อมรูปของ วังอินทร์ จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 22:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่กล้าบอกว่าขอบคุณกับสิ่งที่คุณกัมม์และเพื่อน ๆ ทำให้เลยค่ะ เพราะมันมากมายและประทับใจเหลือเกิน แต่อีกใจก็รู้สึกว่าตัวเองผิดที่ทำให้วุ่นวาย ที่ช่างมีความ อยากรู้อยากเห็นมากเหลือเกิน เร็ว ๆ นี้จะต้องไปนคร จะรีบนำภาพมาให้ชม และจะหาข้อ มูลเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด ปล. นอกรอบค่ะ ตรงที่เรานั่งทำงาน มีพระรูปเสด็จเตี่ย แขวนอยู่ เมื่อวาน (28 มี.ค 49) ตอนที่ได้คำตอบว่า "ผมขอตอบในชั้นแรกว่า วังอินทร ก็คงไม่ใช่ของพระธิดาในพระองค์ท่าน เพราะไม่ได้เป็นเจ้า จะเรียกที่อยู่ของท่านว่า วัง ไม่ได้ครับ" ใจก็คิดถึงเสด็จเตี่ยว่า ช่วยให้ลูกหาข้อมูลได้มากกว่านี้หน่อยเถอะ แล้ววันนี้ (29 มี.ค 49) ก็ได้รับข้อความจากคุณกัมม์และเพื่อน ๆ  สุขใจจริง ๆ ค่ะ ความรู้สึกเหมือนเรากำลังจะได้ค้นพบสิ่งที่กำลังตามหาอยู่ค่ะ จากคุณ : ดอกงิ้ว - [ 30 มี.ค. 49 08:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53 555  อารายจะขนาดนั้นคุณกัมม์ เมื่อวานนึกครึ้มใจอยู่คนเดียว  หลังเลิกงานก็เลยชวนเพื่อนอีกคนนึงไปนั่งจิบเบียร์กัน เพื่อนก็งงว่าอารมณ์ไหน กว่าจะถึงห้องก็ปาไปตี 4 แล้ว         เช้าวันนี้มาทำงานพร้อมกลิ่นแห่งความสุขของเราแต่เป็นกลิ่นละมุดของคนอื่น อิอิอิ  แล้วเธอที่คุณกัมม์พูดถึงคือใครอะ  อิอิอิ ปล. คุณดอกงิ้วครับ  ไมได้ทำให้ผมวุ่นวายหรอกครับ  สนุกดีออก จากคุณ : ขมขื่น - [ 30 มี.ค. 49 09:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เราทุกคนต่างมีความสุข เราเป็นผู้รับและเป็นผู้ให้ในขณะเดียวกัน  ด้วยกันทั้งหมด เป็นความสำเร็จ เป็นความสามัคคี  ของเราทุกคนครับ ถ้าให้เอ่ยนามคงไม่หมด  เดี๋ยวเกิดตกหล่นไป  ผมจะแย่นะครับ ขอบพระคุณทุกท่านๆที่มอบความสุขมาให้ครับ  เป็นชัยชนะของทุกๆคน ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ  พวกเราจะรอ ท่าน จำปูน  ดีใจมาก 3 ทุ่มกว่ามาร้อง YAHOO  YAHOO  ทางหลังไมค์เลย ส่งไปให้แล้ว  ชอบหรือไม่ชอบอย่างไร  บอกให้ทราบด้วยนะครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 30 มี.ค. 49 10:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เธอคนนั้นคือคนนี้แหละครับ  คุณขมขื่น วันนี้เป็นวันแฮงค์  ที่มีความสุขที่สุดนับตั้งแต่เคยแฮงค์มา ยังตุ่ยตุ่ย อยู่เลยครับท่าน ยืนยันเหมือนกับ คุณ  ขมขื่น สนุกดีออก  ครับคุณ ดอกงิ้ว แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 49 11:59:57 จากคุณ : กัมม์ - [ 30 มี.ค. 49 10:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ประกาศฉบับนี้เคยเป็นกระทู้มาแล้ว ประกาศพระราชทานส่วนพระราชกุศลในการที่ทรงบริจาคเพชรใหญ่ประดับพระอุณาโลมพระพุทธรัตนปฏิมากร (ณ  วันจันทร์  เดือน ๑๒  แรมค่ำ ๑  ปีขาลฉศก)          มีพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ในพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ให้ประกาศพระราชทานส่วนพระราชกุศลมาให้ท่านทั้งปวง ที่เป็นชนยังถือพระพุทธศาสนานั้นให้ทราบทุกคน  ด้วยเมื่อวันจันทร์ เดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑ ปีขาลฉศก  พระพุทธศาสนายุกาล ๒๓๙๗  เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายนมัสการสรงน้ำเปลี่ยนเครื่องประดับพระมหาพุทธรัตนปฏิมากรแก้วมรกต ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม  ทอดพระเนตรเห็นพระอุนาโลมเก่าเป็นเรือนเพชรย่อมๆ  ไม่งามไพโรจน์มาก  จึงทรงพระราชศรัทธาอุตส่าห์บริจาคเพชรยอดใหญ่ขนาดผลบัวอ่อน บริสุทธิ์สะอาดหนา  มีราคา ๖๐ ชั่ง  สัณฐานเท่านี้ (ต้นฉบับเดิมลงขนาดเพชรไว้ด้วย)  ประดับเข้าเป็นพระพุทธอุณาโลมแห่งพระพุทธรัตนปฏิมากร            แลพระราชทรัพย์ ซึ่งได้จัดซื้อเพชรยอดนี้  จะได้มาด้วยข่มเหงราษฎรได้มาก็มิได้  เป็นพระราชทรัพย์ส่วนนอกจากจำนวนเงินพระคลัง  ซึ่งจะใช้แจกเบี้ยหวัดใช้ราชการแผ่นดิน  แลการที่เป็นประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดในพระราชวงศานุวงศ์  แลข้าราชการสมณะ พราหมณาจารย์ ยาจกวณิพกทั้งปวง  เพราะฉะนั้นไม่เป็นอันเสื่อมเสียประโยชน์ของผู้ใดผู้หนึ่งเลย            ด้วยพระราชมหัคฆบริจาคอันนี้  ขอท่านทั้งปวงที่ยังนับถือพระพุทธศาสนา  เชื่อพระพุทธเจ้าเป็นอนุตรเขต  จงมีใจเลื่อมใสศรัทธาอนุโมทนารับส่วนพระราชกุศลในพระพุทธบูชาอันนี้เถิด  แลท่านผู้ที่ไม่เอาใจใส่เอื้อเฟื้อด้วยการกุศลในพระพุทธศาสนานั้นเล่า  ถ้ามีความกตัญญูกตเวทีต่อพระเดชพระคุณ ในพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แลพระบาทสมเด็จ ฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย แลพระบาทสมเด็จ ฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แลพระบาทสมเด็จ ฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ซึ่งได้ทรงปฏิบัตินับถือพระมหาพุทธรัตนปฏิมากรนี้มาเป็นที่เฉลิมพระเกียรติพระนคร แลพระบารมี  ก็จงมีความยินดีด้วยมหัคฆรัตนบูชาอันนี้  เพื่อจะได้เป็นเกียรติยศแก่พระนครซึ่งเป็นที่อยู่ของท่านทั้งปวง แลบรรพบุรุษของท่านทั้งปวง  ได้นับถือยกย่องทำนุบำรุงอาศัยเป็นสุขสถาพรสืบมา  แลจะสืบไปนั้น  บรรดาท่านทั้งปวงที่มีความยินดีอนุโมทนาพระราชกุศลอันนี้ทุกคน  ทรงแผ่พระราชเมตตากรุณาจิตมาถึง  ว่าขอให้ท่านทั้งปวงอยู่เย็นเป็นสุขสนุกสบายพ้นจากอันตรายไข้เจ็บอุปัทวทั้งปวงเทอญ          ความปรารถนาอันใดที่ไม่มีโทษแก่ตัวท่าน แลสัตว์ผู้อื่น  ความปรารถนาอันนั้น ขอท่านทั้งปวงจงสำเร็จด้วยสะดวกเทอญ          การพระราชบริจาคอันนี้  ทรงพระราชดำริเห็นว่าไม่ขัดขวางเป็นเหตุให้ท่านผู้ใดขุ่นเคืองขัดใจเลย  พระนครนี้เป็นถิ่นที่ของคนนับถือพระพุทธศาสนามาแต่เดิม  ไม่ใช่แผ่นดินของศาสนาอื่น  คนที่ถือศาสนาอื่นมาแต่อื่นก็ดี  อยู่ในเมืองนี้ก็ดี  จะโทมนัสน้อยใจด้วยริษยาแก่พระพุทธศานา เพราะบูชาอันไม่ได้  ด้วยไม่ใช่เมืองของศาสนาตัวเลย  ถ้าโทมนัสก็ชื่อว่าโลภล่วงเกินไป  แลถ้าท่านผู้มักเสียดายว่า ของควรจะประดับราชตระกูลเป็นเกียรติยศแผ่นดิน  ไปเป็นของวัดเสียจะได้ไม่ใช้  อย่างคิดอย่างนั้นเลย  เพชรยอดอื่นใหญ่กว่านั้นหลายยอด  ได้ทรงจัดหาไว้สำหรับแผ่นดินมีอยู่แล้ว  ไม่เอาไปไหนเสียดอก  ขอถวายพระพุทธเจ้าเป็นพระราชกุศล แลเป็นพระเกียรติยศในคนเป็นอันมากที่ถือพระพุทธศาสนานี้ยอดหนึ่งเถิด  ขอให้ท่านทั้งปวงจงยินดีอนุโมทนา.          ประกาศมา ณ วันจันทร์ เดือน ๑๒ แรมค่ำ ๑ ปีขาลฉศก เอาเรื่องคำผวนกันบ้างนะครับ ประกาศสรรพนามสำหรับช้างม้า (คัดจากหมายรับสั่ง  ณ  วันจันทร์ เดือน ๗ แรม ๙ ค่ำ  ปีขาลฉศก)          ด้วยขุนมหาสิทธิโวหาร  รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสั่งว่า  ให้หมายประกาศแก่ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือน  กรมฝ่ายหน้าฝ่ายใน  แลพระบวรราชวังฝ่ายหน้าฝ่ายในทั้งปวง  ให้จงรู้ทั่วกัน  ว่าช้างม้านี้เป็นสัตว์มีชาติมีสกุลไม่ควรเรียกว่าตัวหนึ่งสองตัว  ให้เรียกว่าช้างหนึ่งสองช้าง  ม้าหนึ่งสองม้า  แต่สัตว์เดียรัจฉานนอกจากช้างม้านั้นให้เรียกว่าตัวหนึ่งสองตัว  อย่าให้ว่าสองชะมด  สองเต่า  สองปลา  กับคำจำเป็นคำผวน   เหมือนหนึ่งต้นไม้ ๘ ต้น ๙ ต้น  หรือแปดเต่า แปดตัว  อย่างนี้  ถ้าจะกราบบังคมทูลพระกรุณา ให้กราบบังคมทูลพระกรุณาอย่างอื่น อย่าให้เป็นคำผวนได้  ให้กรมมหาดไทย กลาโหม สัสดี  หมายให้รู้ทั่วกันตามรับสั่ง. แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 49 14:16:54 จากคุณ : กัมม์ - [ 30 มี.ค. 49 11:58:57 ]

ความคิดเห็นที่ 57 - ขอท่านทั้งปวงที่ยังนักถือ พระพุทธศาสนา - เพื่อจะได้เป็นเกียรติญสแก่พระนคร - ด้วยไม่ใช่เมืองของศศาสนา ตัวเลย จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 30 มี.ค. 49 13:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ประกาศฉบับนี้มีผลต่อศิลปะการแสดงของบ้านเราเป็นอย่างมาก ประกาศว่าด้วยละครผู้หญิง  แลเรื่องหมอเรื่องช่าง (ณ วันอังคาร เดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ ปีเถาะสัปตศก)          พระยาวรพงศ์พิพัฒน์  รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  สั่งให้ประกาศแก่พระราชวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือน  ในพระบรมมหาราชวังแลพระบวรราชวังให้รู้จงทั่วกันว่า  แต่ก่อนในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  แลแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  มีละครผู้หญิงแต่ในหลวงแห่งเดียว  ด้วยมีพระราชบัญญัติห้ามมิให้พระราชวงศานุวงศ์  แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย  ฝึกหัดละครผู้หญิง  เพราะฉะนั้นข้างนอกจึงไม่มีใครเล่นละครผู้หญิงได้    ครั้นในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดละคร  แต่ทว่าทรงแช่งชักติเตียนจะไม่ให้ผู้อื่นเล่น  ถึงกระนั้นก็มีผู้ลักเล่นเงียบๆ อยู่ด้วยกันหลายราย            มาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้  พระราชวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย  ผู้ใดเล่นละครผู้ชายผู้หญิงก็มิได้ทรงรังเกียจเลย  ทรงเห็นว่ามีละครด้วยกันหลายรายดี  บ้านเมืองจะได้ครึกครื้น  จะได้เป็นเกียรติยศแผ่นดิน  เดี๋ยวนี้ท่านทั้งปวงเห็นว่าละครในหลวงมีขึ้นก็หามีใครเล่นละครเหมือนอย่างแต่ก่อนไม่  คอยจะกลัวผิดแลชอบอยู่  การอันนี้มิได้ทรงรังเกียจเลย  ท่านทั้งปวงเคยเล่นอยู่แต่ก่อนอย่างไรก็ให้เล่นไปเถิด  ในหลวงมีการอะไรบ้างก็จะได้โปรดหาเข้ามาเล่นถวายทอดพระเนตรบ้างจะได้พระราชทานเงินโรงรางวัลให้บ้าง  ผู้ใดจะเล่นก็เล่นเถิด  ขอยกเสียแต่รัดเกล้ายอดอย่างหนึ่ง  เครื่องแต่งตัวลงยาอย่างหนึ่ง  พานทอง หีบทองเป็นเครื่องยศอย่างหนึ่ง   เมื่อบททำขวัญยกแต่แตรสังข์อย่างหนึ่ง  แล้วอย่าให้ชุดบุตรชายบุตรหญิงที่เขาไม่สมควรเอามาเล่นละคร  ให้เขาได้ความเดือดร้อนอย่างหนึ่ง  ขอห้ามไว้แต่การเหล่านี้  ให้ท่านทั้งปวงเล่นไปเหมือนอย่างแต่ก่อนเถิด.          ข้อหนึ่ง  ทรงรังเกียจอยู่ด้วยคนเป็นหมอดูมักสอพอประจบประแจงเจ้านาย  ไว้ตัวเป็นผู้วิเศษรู้การล่วงแล้วแลการข้างหน้า  ให้คนนับถือ หลงเชื่อไป  ถึงเกิดความอะไรขึ้นจะเอาจริงก็ไม่ได้สักอย่างเดียว  คนที่นับถือหมอดูนั้นทรงรังเกียจนัก.          ข้อหนึ่ง  หมอยาหมอนวดมีคนจะต้องการไว้ใช้อยู่ด้วยกันทุกแห่ง  แต่หมอหลวงนั้นถ้าท่านผู้ใดจะต้องการไว้ใช้ที่วังที่บ้าน  ก็อย่าให้เอาบังไว้เงียบๆ  ราชการหลวงก็ไม่มารับราชการ  ถึงคราวเบี้ยหวัดก็มารับเอาไปเปล่าๆ  การหลวงก็ไม่ได้ใช้  มิใช่ว่าในหลวงจะทรงหวงแหนหมอนวดหมอยา ก็หามิได้  ก็ใช้อยู่ด้วยกันต่อไป  ถ้าท่านผู้ใดจะต้องการหมอนวดหมอยาไปไว้ใช้สำหรับบ้านทีเดียว  ก็กราบบังคมทูลพระกรุณาจะพระราชทานให้  จะได้ทรงทราบว่าอยู่ที่นั้นๆ          กับช่างเขียนช่างปั้นแลช่างอื่นก็ดี  ถ้าท่านผู้ใดจะต้องการไปไว้ใช้  ก็ให้กราบบังคับทูลพระกรุณาขอพระราชทานให้.          ประกาศมา ณ วันอังคาร  เดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ  ปีเถาะสัปตศก .................................................................................................................................................... "แล้วอย่าให้ชุดบุตรชายบุตรหญิงที่เขาไม่สมควร..."  คำนี้น่าจะหมายถึง "ฉุด" นะครับ แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 49 11:58:58 จากคุณ : กัมม์ - [ 30 มี.ค. 49 14:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณครับ ท่าน จำปูน จากคุณ : กัมม์ - [ 30 มี.ค. 49 14:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นท่านจำปูนห่างหายจากกระทู้ไปตั้งหลายชั่วโมง คนรอเป็นห่วงนะ นะ ท่านขมขื่นเลยเป็นพระเอกไปคนเดียว ยังไงเงินเดือนที่ผมได้เพิ่ม รวมแล้วก็ยังไม่เท่ากับที่ท่านกัมม์ ตุนไว้ให้ท่านก่อนหรอกครับ หากฟ้าดินเป็นใจ จะได้มาร่วมตรวจสอบแก้ไขให้ครับ ยินดีกับคุณดอกงิ้วครับ ควาามสงสัยของท่าน  คืองานของเรา ยิ่งท่านสงสัยมากๆ  แล้วพวกเรายิ่งมีความสุขครับ เป็นความกรุณาอย่างยิ่ง จากคุณ : nickmee - [ 30 มี.ค. 49 17:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 - ผู้ใดเล่นละคร ผูชาย ผู้หญิงก็มิได้ทรงรังเกียจเลย - ไว้ตัวเป็น ผูวิเศษ รู้การล่วงแล้วแลการข้างหน้า ผมก็เป็นเพียงแต่ ผูอ่าน เหมียนกันขอรับ จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 31 มี.ค. 49 08:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 62 สวัสดีครับ  ทุกๆท่าน เห็นที่จะหมดหวังเสียแล้ว ท่าน จำปูน   ผมพยายามส่งหลายครั้ง ก็ไม่สำเร็จเสียที  ต้องขออภัยครับ เข้าใจความรู้สึกของพี่ครับ  พี่นิค ไอ้ผมก็เหมือนกัน  ต้องแอบหนี  แอบแว๊บเข้ามาในพันทิปอยู่เรื่อยๆ เอาใจช่วยนะครับ คุณ ขมขื่น  กลิ่นละมุดค่อยจางบ้างหรือยังครับ เมื่อวานกลับถึงบ้านหมดแรงเลย  นอนตั้งแต่ ๒ ทุ่มกว่าๆ คงจะเป็นเหมือนกัน   นอนอมยิ้มรวดเดียวแจ้งเลย ขอแจ้งข่าว ได้รับข้อความทางไมค์จากเพื่อนเก่าที่หายไปเสียนาน คุณ นิรนาม  ได้กลับมาแล้ว  หวังว่าคงจะได้มาช่วยพวกเราปลูกละมุด  นะครับ ส่วนพระบรมราโชวาท และพระราชประกาศ  นี้คงจะต้องมีการแตกกระทู้ออกไปนะครับ   ตอนนี้ ๖๐ ความคิดเห็นแล้ว  เล่มแรกยังไม่จบเลย มีเรื่องที่น่าสนใจเยอะ  และยังมี(ที่อยู่กับตัว)อีก  ๔  เล่มครับ แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 49 09:26:27 จากคุณ : กัมม์ - [ 31 มี.ค. 49 08:36:05 ]

ความคิดเห็นที่ 63 คุณกัมม์      กลิ่นละมุดผมยังไม่จางครับ  เมื่อวานกินถึงตี 3 อีกแล้ว คืนนี้คงต้องพักตับสักหน่อย จากคุณ : ขมขื่น - [ 31 มี.ค. 49 09:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เมนูแนะนำวันนี้ -ตับดองแอลกอฮอล์ โปรดสำรองที่ล่วงหน้า ติดต่อ  คุณ ขมขื่น ขอบคุณท่าน ผูอ่าน เดี๋ยวจะเข้ามาแก้ไขนะครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 31 มี.ค. 49 09:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ตอนนี้มี 2 กระทู้เป็นพี่น้องกัน ที่นี่หนึ่ง อีกหนึ่งคือกระทู้พระเจ้าท้ายสระ มีคำถามเพิ่มเติมอีกแล้วครับ เกี่ยวกับเสด็จกรมหลวงชุมพร แวบไปช่วยกันหน่อยเร้ว จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 31 มี.ค. 49 12:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ดีใจจัง  โฆษณาหน่อย  วันนี้ที่รอคอย อิ๊อิ๊อิ๊ (ของแท้ต้องสามอิ๊) ดีใจเป็นอย่างยิ่งในชีวิตที่ได้อยู่ในห้องสมุดแห่งนี้  วันนี้ด้วย เพิ่งเห็นว่ากระทู้เขมร ๔ ภาคขึ้นกระทู้แนะนำเมื่อตากี้เนี่ยะ ขอบคุณท่านกัมม์ที่ตาไวแสดงความยินดีแต่เช้า ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและโหวตเพราะความมึนเมา ท่านขมขื่น  เฮ้อ เอ่ยถึงชื่อนี้แล้วทะแม่งทะแม่ง นั่งจิบนานๆ อย่าไปขมขื่นหรือข่มขืนใครให้เดือดร้อนเชียว เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน ผมพาดพิงถึงท่านไว้ในนั้นนะครับ อ้อ อย่าลืมไปชมวังนางเลิ้งในกระทู้โน้นนะครับ ผมว่าเป็นวังเดียวกับวังเปรมประชากรนั่นแหละ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 31 มี.ค. 49 15:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ฉบับนี้แสดงถึงน้ำพระราชหฤทัย  ที่ทรงมีต่อราษฎรของพระองค์ท่าน ประกาศยกเลิกการยิงกระสุน แลอนุญาตให้ราษฎรเฝ้าได้ในทางเสด็จพระราชดำเนิน          ด้วยเจ้าพระยายมราช ชาติเสนางค์นรินทร มหินทราธิบดีศรีวิชัย ราชมไหศวริยาบริรักษ ภูมิพิทักษ์โลกากร ฑัณฑ์ฤทธิธรนครบาลสมุหบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ   รับพระบรมราชโองการมานพระบัณฑูรสุรสิงหนาท  ดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อม  สั่งว่าให้หมายประกาศแก่บรรดาข้าราชการฝ่ายทหารฝ่ายพลเรือนทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน  แลราษฎรไทย จีน มอญ ลาว เขมร ญวน ฝรั่ง โปรตุเกตเดิม  ให้รู้จงทั่วกัน  ว่ามีพระราชกำหนดแลบทพระอัยการสำหรับประเทศกรุงสยาม  แต่ครั้งกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยาที่ทุกวันนี้เรียกกรุงเก่านั้นสืบๆมา  เป็นอย่างธรรมเนียมอยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้  ถ้าพระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารค  ก็มีม้านำริ้วตรวจทางไปก่อน  มีกระสุนมีธนู มีหอกซัดเสียบไปบนหลังม้า  แล้วถึงกระบวนองครักษ์ถือหวายถือหอกขัดกระบี่เป็นลำดับๆ จนถึงพระราชยาน  ถ้าเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคเล่า  ในเรือประตูหน้าประตูหลังในเรือดั้งในเรือกันยาทุกๆลำ แลหน้าแลท้ายเรือพระที่นั่งก็มีกระสุนมีปืนมีไม้ศีรษะตาย(๑)ไป  ถ้ามีเรือตัดหน้าเรือพระที่นั่งหรือแข่งเรือขึ้นมา  ก็ต้องลงอาญาตามกฎหมาย  ถ้าราษฎรยืนเยียมหน้าต่างเยี่ยมประตูที่ใกล้ทางเสด็จพระราชดำเนิน  ม้านำริ้วแลเจ้าพนักงานในเรือประตูหน้าประตูหลังในเรือดั้งในเรือพระที่นั่งก็เอากระสุนยิง          ครั้นกาลล่วงมานานเมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถบรมนาถบพิตร พระพุทธเลิศหล้านถาลัย  เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานพระกฐิน ณ วัดหนัง ณ วัดนางนอง  แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับมาในกลางทาง  ทรงได้ยินเสียงผู้หญิงร้องทุกข์ถวายความว่า  เจ้าพนักงานในเรือดั้งเอากระสุนยิงดวงจักษุแตก  ครั้นได้ทรงสดับแล้ว  ทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้รอเรือพระที่นั่งแล้วดำรัสสั่งให้หลวงทิพเนตรเจ้ากรมหมอสำหรับรักษาจักษุโรค  ซึ่งลงประจำอยู่ในเรือพระที่นั่งไปดูรักษา  หลวงทิพเนตรจึงกลับมากราบทูลพระกรุณาว่ากระสุนยิงดวงจักษุแตกเสียแล้ว  จึงพระราชทานเงินตราผ้านุ่งผ้าห่ม ทำขวัญให้แก่หญิงผู้เสียจักษุนั้นแล้ว  จึงโปรดให้มีพระราชบัญญัติห้ามว่าแต่นั้นสืบไปเมื่อหน้า  อย่าให้เจ้าพนักงานในเรือประตูหน้าประตูหลัง ในเรือดั้งเรือพระที่นั่งเอากระสุนยิงเอาราษฎนต่อไป  เป็นแต่ให้เงือดเงื้อพอให้รู้กลัว  เพราะฉะนั้นเจ้าพนักงานต้องเอากระสุนเตรียมไปตามธรรมเนียม  แล้วห้ามคนที่ไม่เคารพเรียบร้อย  แต่ด้วยโบกมือห้ามบ้างเงื้อกระสุนบ้าง          แต่ครั้งนั้นมาเจ้าพนักงานก็มิได้เอากระสุนยิงเอาราษฎร  จะเป็นอยู่บ้างก็แต่ที่คนที่มิใช่เทือกแถวเคยนำเสด็จมาเนืองๆ  แลมาเป็นพนักงานเรือประตูหน้าเรือประตูหลังเรือดั้งขึ้นใหม่ๆตื่นๆ  ถือไปตามพระราชกำหนดเดิม  จึงได้ทราบว่ามีเหตุขึ้นบ้าง  บัดนี้จึงประกาศซ้ำมา  ตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ถ้าเจ้าพนักงานเรือประตูหน้าประตูหลังเรือดั้ง  ยิงกระสุนถูกราษฎรพวกใดแล้ว  ให้พวกนั้นสืบดูให้แน่ว่าเรือประตูหน้าประตูหลังเรือดั้งลำใด  จะเป็นเรือกรมใด  มาร้องฟ้องได้ความแน่แล้วก็ให้ว่ากล่าวตามพระราชกำหนดที่ห้ามไว้  จะชำระทำโทษให้หรือให้ทำขวัญให้โดยสมควร          บัดนี้พระบาทสมเด็จพระบรมนาถบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า  เสด็จพระราชดำเนินไปทางสถลมารคแลทางชลมารค  กรมเมืองแลนายอำเภอพวกนั่งกองจกช่องล้อมวง  ม้านำริ้วแลตำรวจ แลเรือประตูหน้าประตูหลังเรือดั้ง  ก็ไล่คนเสียมิให้อยู่ใกล้ทางเสด็จพระราชดำเนิน  แล้วให้ชาวบ้านปิดประตูโรงประตูร้านประตูหน้าถัง(๒)เสียหมด  ก็มิได้เป็นการที่จะป้องกันอันตรายอย่างหนึ่งอย่างไรได้ ไม่เห็นเป็นคุณเลย  เห็นเป็นโทษเป็นหลายประการ  คือมิได้ทอดพระเนตรเห็นราษฎรที่เคยเฝ้าแลทรงรู้จักมาแต่ก่อน  ประการหนึ่งปิดประตูโรงประตูร้านประตูหน้าถังไว้ก็จะเป็นที่คนแอบแฝง  คนที่แอบอยู่ในโรงร้านในหน้าถังนั้น  จขะเป็นคนดีหรือคนเสียจริตประการใดก็ไม่รู้          จึงโปรดให้มีประกาศห้ามว่าตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อหน้า  ถ้าเสด็จพระราชดำเนินไปทางสถลมารค  ก็อย่าให้กรมเมืองนายอำเภอ แลกรมไพร่หลวงที่ไปนั่งกองจุกช่องล้อมวงไล่ราษฎรชาวบ้านไปไกลเลย  อย่าให้ปิดประตูบ้านแลประตูโรงประตูร้านประตูเรือประตูแพประตูหน้าถังเสียดังแต่ก่อน  ให้ราษฎรเจ้าของบ้านเป็นผู้ใหญ่ในบ้านในเรือน  ออกมาคอยเฝ้ารับเสด็จถวายบังคมให้ทอดพระเนตรเห็น  ถ้าทรงรู้จักจะได้ทรงทักทายปราศัยบ้างตามสมควรให้ได้ความยินดี          อนึ่ง   ให้เจ้าของเรือนเจ้าของโรงเจ้าของร้านตรวจตราดู อย่าให้คนเมาสุราแลคนเสียจริต อยู่ที่หน้าบ้านหน้าเรือนหน้าโรงหน้าร้านของตัว  เมื่อเพลาจวนจะเสด็จพระราชดำเนินได้เป็นอันขาด  ถ้าเจ้าของบ้านเป็นข้าราชการมีกำลังก็ให้ไล่ไปเสียให้ไปให้พ้นให้ไกล  อย่าให้อยู่ที่หน้าบ้านได้  ถ้าไล่มิไปก็ให้จับตัวส่งให้กรมการเมือง พวกนั่งกองจุกช่องล้อมวง  ถ้าเป็นราษฎรมีกำลังน้อยจะจับมิได้จะไล่มิไป  ก็ให้ไปบอกกรมการเมืองนายอำเภอพวกนั่งกองจุกช่องล้อมวง  ให้มาช่วยไล่ช่วยจับเสียโดยเร็วในก่อนเวลาเสด็จพระราชดำเนิน  อย่าให้คนในกระบวนแห่เสด็จพระราชดำเนินต้องไล่จับคนเมาสุราคนเสียจริตให้วุ่นวายไป  ถ้าเสด็จทางชลมารคก็ให้เจ้าของบ้าน เจ้าของเรือนเจ้าของแพ  ออกมานั่งคอยเฝ้าหน้าบ้านหน้าเรือหน้าแพ  ในที่ควรจะหมอบอยู่ได้ให้ทอดพระเนตรเห็น  แล้วให้ดูถ้าเห็นกระบวนเสด็จพระราชดำเนินแล้ว  แลมีเรือพายขึ้นล่องสวนทางแลแข่งกระบวน  ก็ให้เจ้าของบ้านเจ้าของเรือนเจ้าของแพบอกให้เรือนั้นจอดเสีย  อย่าให้พายสวนพายแข่งพายตัดหน้ากระบวนเสด็จพระราบชดำเนินได้  ถ้าเป็นเรือจีนใหม่ เรือแขก เรือฝรั่ง  เขาไม่รู้ธรรเนียมไทย ไม่เข้าใจกัน  ก็ให้ใช้ใบ้บอกห้ามตามไม่รู้ภาษากัน  ถ้าเจ้าจของบ้านเจ้าของเรือนเจ้าของโรงร้านเจ้าของแพไม่อยู่  ก็ให้บุตรภรรยาออกมารับเสด็จ  ดูแลแทนบิดาแทนมารดาแทนผัว          อนึ่ง  ถ้าราษฎรเป็นจีนแลเมื่อเพลาเสด็จพระราชดำเนินไปถึงหน้าบ้านหน้าเรือนหน้าโรงหน้าแพ  ถ้าแลจะเคารพหมอบกราบอย่างไทยตามเคยมาแต่ก่อนก็ตามใจ  หรือจะลุกขึ้นยืนกุ๋ยเคารพตามอย่างจีนเคารพต่อพระเจ้าแผ่นดินก็ตาม  อนึ่ง แขกแลฝรั่งถ้ารู้ธรรมเนียมไทยจะนั่งลงเคารพหมอบกราบอย่างไทยก็ตาม  หรือจะยืนเปิดหมวกก้มศีรษะยกมือเคารพอย่างแขกอย่างฝรั่งก็ตาม  อย่าให้ข้าราชการในกระบวนเสด็จพระราชดำเนินแลกรมการเมืองอำเภอนั่งกองจุกช่องล้อมวง  แลราษฎรชาวบ้านที่ออกมานั่งคอยเฝ้ารับเสด็จ  ห้ามปรามว่ากล่าวขืนใจคนนอกประเทศซึ่งพอใจจะเคารพรับเสด็จ ตามจารีตของตัวๆนั้น ให้นั่งหมอบลงเคารพกราบอย่างไทยเลย  จงไต่ถามเสียให้รู้กิริยาคนนอกประเทศ  แล้วจงยอมให้คนนอกประเทศได้เคารพตามใจจารีตที่เคยนับถือนั้นเถิด          อนึ่ง  ถ้าคนนอกประเทศมาเช่าโรงเช่าเรือนเพผู้ใดอยู่  ก็ให้เจ้าของโรงเจ้าของเรือนเจ้าของแพ  เอาใจใส่ตักเตือนคนนอกประเทศซึ่งไม่รู้ธรรมเนียมนั้น  ให้เคารพตามธรรมเนียมคนประเทศนั้นๆ  หรือตามอย่างไทยก็ตาม  จงบอกกล่าวห้ามปรามเสียอย่าทำกิริยาเกะๆกะ ไม่มีเคารพได้  เมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารค ชลมารคจงทุกราย  ถ้ามีเหตุเพราะคนเมาสุรา แลคนเสียจริตแลอื่นๆอันใดเกิดขึ้นหน้าบ้านร้านโรงผู้ใด  เมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนิน ก็จะต้องหาตัวเจ้าของบ้านร้านโรงมาชำระ  ให้ระวังให้รอบคอบ   เทอญ ตีพิมพ์มา  ณ วันอาทิตย์ เดือนแปด ขึ้นเจ็ดค่ำ ปีมะเส็งนักษัตรนพศก .................................................................................................................................................... (๑)  "ไม้ศีรษะตาย" เคยได้ยินว่ามี มีดหัวตัด-ใช้สำหรับประหารชีวิตนักโทษ  คงจะมีลักษณะอย่างเดียวกันละมังครับ (๒)   ประตูหน้าถัง  -   ใครทราบความหมายลักษณะ  แบ่งปันความรู้กันบ้างนะครับ แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 49 16:20:10 จากคุณ : กัมม์ - [ 31 มี.ค. 49 15:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สุดยอดครับกระทู้นี้ ผู้มีความรู้ยิ่งแจกจ่ายความรู้ ผลบุญจะส่งให้ยิ่งรู้ลึก รู้มากกว่าเดิมครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Gyunwoo74 - [ 1 เม.ย. 49 02:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณเช่นกันครับ  คุณ Gyunwoo74 เช่นกันครับ ส่วนกุศลผลบุญใดที่เกิดขึ้น   ขอทูลเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จอมปราชญ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ครับ ขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยโหวตขึ้นแท่นอีกครั้ง ความรู้ที่พระราชทานมานี้จะได้แบ่งปัน ไปสู่เพื่อนๆกระดานด้วย นับว่าเป็นส่วนกุศลของทุกๆท่านด้วยนะครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 1 เม.ย. 49 08:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ยินดีด้วยจริงๆ ครับ กระทู้ดีๆ เช่นนี้ ขอให้อยู่บนแท่นโหวตนานๆ ด้วยครับ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 1 เม.ย. 49 10:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เอาอีกสัก ๒ - ๓ ฉบับแล้ว ขออนุญาตแตกกระทู้นะครับ เพราะยังอีกหลายฉบับเลยที่น่าสนใจ   ฉบับนี้แสดงถึงพระบารมีปกเกล้า  ให้ร่มเย็นโดยทั่วไป  ตลอดถึงข้าราชการชั้นผู้น้อย ประกาศห้ามมิให้เฝ้ากรมหมื่นถาวรวรยศ  แลกรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชาที่วัง  นอกจากผู้เป็นกรมขึ้น (ณ วันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีมะเมียสัมฤทธิศก)          ประกาศให้ส่งต่อๆไป  ในข้าราชการในพระบรมมหาราชวังทุกหมู่ทุกกรม  ว่ากรมหมื่นถาวรวรยศ กรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชาเมื่อเสด็จอยู่วังมักทรงเมาอยู่โดยมาก  เพราะฉะนั้นเว้นเสียแต่คนในกรมฝีพาย แลเกณฑ์ขาดกวาดสนามซึ่งเป็นกรมขึ้นกรมหมื่นถาวรวรยศได้ทรงบังคับบัญชาอยู่  แลกรมแสงปืน แลช่างในกรมแสง ซึ่งกรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชาได้ทรงบังคับบัญชาอยู่นั้นแล้ว  ห้ามอย่าให้คนอื่นนอกขึ้นไปเฝ้าที่วังด้วยธุระใดๆก็ดี  ถึงจะมีผู้มาบอกว่ารับสั่งให้หาก็อย่าไป  ให้คอยเฝ้าเอาเมื่อเสด็จเข้ามาในพระราชวังนี้เถิด  อย่าให้ไปเฝ้าที่วังเลย  เพราะไปพบเสด็จกำลังเมาอยู่เกลือกจะทรงกริ้วด้วยเหตุอันมิได้ควร  แลจะทรงเตะถีบชกถองทำการเกินๆไป  ถ้าแต่เหตุนั้นเกิดวิวาทกับข้าในกรม  แลผู้ใดๆที่วังนั้นขึ้นด้วยก็จะหาพยานยาก  ผู้ตัดสินก็จะตัดสินยาก  เพราะได้ประกาศไว้แต่ก่อนแล้วว่าอย่าให้ผู้ใดเข้าไปวิวาทกับเจ้าของบ้าน  ถ้าใครเข้าไปวิวาทจะเอาเป็นแพ้เจ้าของบ้านดังนี้          ก็วังเจ้าต่างกรมสองวังนี้ พระองค์เจ้าเจ้าวังปรกติมักทรงเมาอยู่ไว้ใจยาก  มักจะก่อความขึ้นง่ายๆ เพราะฉะนั้นให้ข้าราชการตำแหน่งอื่นนอกจากกรมที่บังคับไว้นั้น  เว้นเสียอย่าเข้าไปเลย  ถึงมีเหตุที่ควรจะเฝ้าก็ให้คอยเฝ้าในพระราชวังนี้เถิด  แลกรมที่ออกชื่อมาก่อน  ว่าเป็นกรมขึ้นอยู่ในบังคับพระองค์เจ้าสองกรมนั้น  เมื่อมีเหตุในราชการควรไปเฝ้า  หรือมีรับสั่งให้หาไปด้วยราชการก็ต้องไปเฝ้า  ถึงกระนั้นก็ให้ระวัง  เมื่อเวลาเจ้าทรงเมาอยู่อย่าเข้าไปเฝ้า  แลอย่าทุ่มเถียงให้ขัดเคืองขึ้นได้          อนึ่ง  ถ้ามีการด่วนหรือการที่ควรข้าราชการจะไปที่วังทั้งสองนั้น  คือมีพระบรมราชโองการรับสั่งให้ไปเชิญเสด็จก็ดี  เมื่อไปถึงพบเสด็จ หรือมิพบเสด็จ  หรือไปพบเมาอยู่อย่างไร  เมื่อไม่ได้ราชการตามพระราชประสงค์ให้กลับมากราบทูลพระกรุณานั้น  ในการที่มีพระบรมราชโองการรับสั่งใช้ไป ถึงมีวิวาทบาดคล้องขึ้น  จะเอาตามประกาศไว้ก่อนไม่ได้  ชื่อว่าข้าในกรมข่มเหงผู้ถือรับสั่ง          อนึ่ง  ใครๆก็ดี  เมื่อเจ้าบ้านเจ้าวังไปเชิญไปหาตัวคนบ้านอื่นมาในวังในบ้านของตนแล้ว  ผู้ที่ต้องเชิญให้หามาเองก็ดี  แต่มาพูดจาขัดคอกับเจ้าของวังเจ้าของบ้าน  ชกตีกับเจ้าของวังเจ้าของบ้านขึ้น  จะตัดสินเอาเป็นบุกรุกไม่ได้  เพราะเจ้าของวังเจ้าของบ้านไปหามาเองยอมให้เข้าไปเอง  ต่อผู้ที่มานั้นคุมสมัครพรรคพวกก็ดี แต่ตัวก็ดี  บุกรุกเข้าไปเองไม่มีความยอมแต่เจ้าของบ้านก่อน  จึงควรว่าบุกรุกได้ ประกาศมา ณ วันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้นสิบสองค่ำ ปีมะเมียสัมฤทธิศก  เป็นวันที่ ๒๘๕๗ ในรัชกาลปัจจุบันนี้ แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 49 14:12:20 จากคุณ : กัมม์ - [ 1 เม.ย. 49 10:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณครับ  พี่ นี่ก็ใกล้ขึ้นปีใหม่แล้วนะครับ ประกาศเรื่องนี้  ทรงเตือนสติชาวสวนละมุดอย่างเราๆไว้ สงกรานต์นี้อย่าให้เกินเลยเลยนะครับ  ชาวสวนละมุด  เอาแต่พองามเถิด ประกาศเรื่องคนเสพสุราเมาในวังสงกรานต์ (ณ วันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีมะเมีย ยังเป็นนพศก)         ด้วยเจ้าพระยายมราช ชาติเสนางคนรินทร มหินทราธิบดี ศรีวิไชยราชมไหศวรรย์บริรักษ์ ภูมิพิทักษโลกากรณ ทัณฑฤทธิธรนครบาลสมุหบดี อภัยพิริยปรากรมพาหุ  รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าใส่กระหม่อม  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสั่งว่า  เป็นเยี่ยงอย่างสืบมาแต่โบราณ  ยามตรุษยามสงกรานต์  ผู้ชายโดยมาก  เป็นนักเลงบ้างมิใช่นักเลงบ้าง พากันเสพสุราเมามายไปทุกหนทุกแห่ง  แล้วก็ออกเที่ยวเดินไปในถนนแลซุกซนเข้าไปในวัดวาอาราม  ก่อถ้อยความวิวาทชกตีแทงฟันกัน            ตรุษสามวัน เป็น ๔ ทั้งวันจ่าย เป็น ๕ วันทั้งวันส่งสงกรานต์สามวันหรือสี่วัน เป็น ๔ หรือ ๕ วัน  ทั้งวันจ่ายเป็น ๕ วัน หรือ ๖ วันทั้งวันส่งนั้น(๑) มักเกิดถ้อยความวิวาทตีรันฟันแทงกันหลายแห่งหลายตำบลนัก  ทั้งในกำแพงพระนคร แลภายนอกพระนคร  เหลือกำลังที่นายอำเภอแลกองตระเวนจะระวังดูแล          แต่นี้ไปเวลาตรุษแลสงกรานต์  ให้เจ้าของบ้านเอาใจใส่ระวังรักษาหน้าบ้านของตัว  ถ้ามีคนเมาสุราเอะอะอื้ออึงที่หน้าบ้านก็ให้จับเอาตัวมาส่งกรมพระนครบาลที่หน้าหับเผย  ให้ทันเวลาที่ผู้นั้นยังเมาอยู่อย่าให้ทันสร่างเมา  แต่ห้ามไม่ให้พวกบ้านอื่นๆมาพลอยกลุ้มรุมจับด้วย  ถ้าคนเมามีพวกมากต่อสู้เจ้าของบ้านถึงเจ้าของบ้านจะชกตีมีบาดเจ็บก็ดี  ถ้าเมื่อจับตัวส่งกรมพระนครบาลๆชันสูตรรู้แน่ว่าคนนั้นเมาจริง  ก็ให้เจ้าของบ้านเป็นชนะ  ถ้าผู้จับมาส่งเห็นว่าถ้าจับตัวคนผู้บุกรุกไปส่งจะมีพวกของผู้นั้นคอยสกัดกั้นทาง แก้ไขตามทางที่จะไปส่ง  จะเกิดวิวาทกัน  ถ้าอย่างนั้นก็ให้ยึดเอาไว้  มาบอกเล่ากับกรมพระนครบาลหรือนายอำเภอคนใดคนหนึ่งให้ไปชันสูตรว่าเมาหรือไม่เมา  อย่าให้ทันคนเมานั้นสร่าง  จะเป็นคำโต้เถียงกันไป            อนึ่ง  ในยามตรุษยามสงกรานต์นั้น  ผู้ใดจะเสพสุราเมามากก็ให้อยู่แต่ในบ้านเรือนของตัว  ถึงจะมีที่ไปก็ให้งดรอ  ต่อสร่างเมาแล้วจึงไป หมายประกาศมา ณ วันอาทิตย์  เดือนห้า ขึ้นสิบสี่ค่ำ ปีมะเมียยังเป็นนพศก(๒)  เป็นวันที่ ๒๕๑๐  ในรัชกาลปัจจุบันนี้ .................................................................................................................................................... (๑)  มีประกาศฉบับหนึ่ง ซึ่งทรงอธิบายถึงวันตรุษสงกรานต์  ในพระบรมราชโองการฉบับนี้มีข้อความว่า "....คนฟั่นๆเฟื่อนๆเลือนๆไหลๆ จำการหลังไม่ได้  อย่าตื่นถามว่าทำไมสงกรานต์จึงเป็นสี่วัน  ก็สงกรานต์สี่วันนี้โดยบังคับตามคัมภีร์โหราศาสตร์  ลางปีก็เคยมีมาแต่ก่อนดอก  ตั้งแต่วันจันทร์เดือนห้าขึ้นค่ำหนึ่งไปจนวันอังคารเดือนหกขึ้นค่ำหนึ่ง..."  ปีนี้(ปีมะเมียสัมฤทธิศก ในรัชกาลที่ ๔)เป็นปีอธิกมาส  มีเดือน ๘ สองหน  มีสงกรานต์ ๔ วัน ประกาศฉบับนี้มีพิมพ์อย่างโบราณหลายฉบับ  ไม่สามารถจะพิมพ์ให้เหมือนได้  จึงขอยกไว้  แต่เนื้อความเป็นอย่างข้างบนครับ อธิบายความตอนนี้ว่า สงกรานต์บางปีมี ๓ วัน รวมวันจ่าย ๑ วัน  วันส่งอีก ๑ วัน  เป็น ๕ วัน สงกรานต์บางปีมี ๔ วัน รวมวันจ่าย ๑ วัน  วันส่งอีก ๑ วัน เป็น ๖ วัน (๒)  ต้นฉบับพิมพ์เป็น "ศ๊ก" หลายแห่ง   คิดว่าน่าจะผิดพลาดในการคัดลอกหมายประกาศ   เพราะ ศ  เป็นอักษรสูง  ใช้วรรณยุกต์ตรีไม่ได้อยู่เอง แก้ไขเมื่อ 01 เม.ย. 49 14:21:42 จากคุณ : กัมม์ - [ 1 เม.ย. 49 11:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ความจริงก็ผิดเล็กน้อยแค่นั้นแหละ ไม่เห็นมีอะไรซีเรียส แต่เขาขึ้นเงินเดือนให้แล้ว อยู่เฉยก็กระไรอยู่ คคห.๗๑ *ขึ้นกรมหมื่นถาวรวรยศไดเทรงบังคับบัญชาอยู่   *ห้ามอย่าให้คนอื่นนอกขี้ไปเฝ้าที่วัง *เกลืทอกจะทรงกริ้วด้วยเหตุอันมิได้ควร *แลจะทรงเตะถีบชกถองทำการเกินๆไ *เมื่อเวบลาเจ้าทรงเมาอยู่อย่าเข้าไปเฝ้า รออีกนิดนะ  อย่าเพิ่งรีบแก้เอง เดี๋ยวจะฝ่าดงละมุดออกไปตลุยประกาศสงกรานต์ จากคุณ : นิด (nickmee) - [ 1 เม.ย. 49 13:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คคห.๗๒ *เหลือกำลังวที่นายอำเภอ   *ให้ทันเวลาที่ผูนั้นยังเมาอยู่อย่าให้ทันสร่างเมา *มาพลอยกรุ้มรุ้มจับด้วย   *มายประกาศมา ณ วันอาทิตย์  เดือนห้า ขึ้นสิบค่ำ – ข้างบนบอกสิบสี่ ข้างล่างเหลือสิบ อายรายกาน ตรงหมายเหตุ *ในพระบรมราชโองการฉบับนี้มีขอความ ขอเลียนแบบคุณจำปูน   เขาผูนั้น  เธอผูเขียน  เราผูอ่าน  อิ๊อิ๊อิ๊ (ของแท้ต้องสามอิ๊) จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 1 เม.ย. 49 13:49:40 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณครับพี่ จากคุณ : กัมม์ - [ 1 เม.ย. 49 14:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ยินดีด้วยนะครับคุณกัมม์  ยังไงจะช่วยโหวตนะครับ วันนี้คงต้องงดปลูกละมุดละครับ  สถานการณ์มันบังคับ รึว่าคุณกัมม์กักตุนไว้เรียบร้อย  อิอิอิ จากคุณ : ชมรมชาวสวนละมุด (ขมขื่น) - [ 1 เม.ย. 49 16:53:51 ]

ความคิดเห็นที่ 77 มาลงชื่ออ่านค่ะ ขอบคุณที่นำความรู้มาให้ค่ะ จากคุณ : ปุ้ม หญิง - [ 1 เม.ย. 49 16:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สวัสดีครับ ท่านประธานชมรมชาวสวนละมุด ขอบพระคุณ และขอบพระคุณท่านเพื่อนกระดานอื่นๆด้วยนะครับ ละมุดนั้นเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ พอดีแว๊บไปงานหนังสือ   กลับนั่งห่อปกหนังสือไปด้วย ชื่นชมหนังสือไปด้วย  จิบไปด้วย   ยังมีเหลืออีกนิดหน่อย  พอตุ่ยตุ่ยได้ เมื่อวานหลงไปซุ้มของกรมศิลปากร   มีหนังสือดีๆเพียบเลย  ราคาก็พอได้ เห็นเพื่อนคนหนึ่ง  โกนหัว   หอบหนังสือชุมนุมประกาศในรัชกาลที่ ๔ ไปหมดทุกเล่มเลย สงสัยจะเพื่อนๆเรานี้แหละครับ   สวัสดีครับ  คุณ ปุ้ม ยินดีต้อนรับสู่สวนละมุดครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 1 เม.ย. 49 17:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 79 โอ้โฮ คุณกัมม์  ยังห่อปกหนังสือเป็นเด็กๆ ไปได้ ผมเลิกแต่ปีมะโว้แล้วครับ  ตอนหลังมันเยอะไปหมดไม่รู้จะห่อยังไง ทีหลังฝากช่วยห่อบ้างเน้อ  แล้วจะเลี้ยงละมุดงามๆ สักกลม ดีนะที่ผมไม่ได้ไปงานหนังสือเมื่อวาน ไม่งั้นเขาคงเดาว่าผมแน่เลยที่โกนหัว อยากโกนใจแทบขาด  แต่ไม่มีจะให้โกนแย้ว เฮ้อ  ปีนี้อดไปอีกตามเคย ยุ่งทุกวัน ฝากเพื่อนโกนหัวช่วยตรวจกระทู้นี้กับกระทู้ที่จะแตกด้วยนะ เพราะมีตำราอยู่กับมือแล้ว นี่แหละเป็นผลงานที่น่าเชิดชูของคุณกัมม์ ทำให้เขาอยากอ่านผลงาน ผมงี้ติดกระทู้นี้แจเชียว  อ่านเพลินจนอินจัด กลับบ้านทีไร ต้องไปลากช้างมาคลอเคลียตั้งหลายเชือก คนเดียวนะ  ไม่มีใครเหลียวแล แล้วก็หลับปุ๋ย ขอสีใบตองนะ เย็นตาดี จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 1 เม.ย. 49 17:44:43 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ในที่สุดท่านก็กลับมา  ท่านประธานขมขื่น รู้แล้วแหละ  นี่เป็นกระทู้กับดัก หาที่ไหนม่ายเจอ ก็ต้องมาแอบดูที่นี่ เรายังติดกันหลายอย่างนะ แวบไปดูที่ พงศาวดาร - หนังสือ 25 เล่ม - และอีกเยอะ คืนนี้  นอนรังนะพวก ผมมีรูปสวยๆ เป็นหินก้อนงามๆ มาฝากด้วยนะ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 1 เม.ย. 49 17:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เรื่องห่อหนังสือ  มันเป็นความสุขของแถมน่ะครับพี่ ห่อเองกับมือทุกเล่ม  เป็นการฝึกวิริยะด้วยนะครับ ถ้าคิดว่าเมื่อไรจะหมด  ไอ้ที่หมดนั้นคือกำลังใจ แต่ถ้าคิดว่ามันเสร็จทุกครั้งที่ห่อ  ทุกครั้งที่ติดแถบกาว เสร็จทุกครั้งที่พับริมปก  มันก็สำเร็จทุกครั้งที่เราลงมือทำนั่นแหละ ค่อยๆทำ  ค่อยๆจิบ  ค่อยๆละเลียดกับความสุข จะรีบไปไหนที่นี่เมืองไทย อย่าเผลอไปนอนในหินก้อนนั้นนะครับพี่ เมายังไงก็  เลือกเอาก้อนอื่นเถอะนะพี่  ได้โปรดผมขอร้องครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 1 เม.ย. 49 23:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อวัยของเรา "เท่าเนี้ยะ" เราก็ทำแบบเนี้ยะ ทุกเล่มเสียด้วย ความจริงมีตำราเรียนราคาแพงๆ เล่มละ พัน สองพัน สามพัน (ตอนนั้น)  ก็ทำทุกเล่มเหมือนกัน แต่ตอนหลัง  หยั่งที่บอก มันเยอะไปหมด และยุ่งเรื่องอื่นมากไปหมด จึงเพียงพยายามจะรักษาหนังสือให้คงรูปเล่มอย่างดี และไม่ให้ยับ  ก็พอใจแล้ว ขอให้รักษาความดีเช่นนี้ไว้นะครับ รวมถึงเรื่องการถ่ายทอดความรู้ให้เพื่อนๆ ในห้องสมุดเช่นเดิมด้วย ส่วนตัวเราเอง ยอมรับว่า บางทีก็เป็นคนฉาบฉวย อินบางเรื่อง  แต่ไม่นาน ที่อยู่ในห้องสมุดนี้ได้นาน 34  เดือน เท่านี้ ก็ภูมิใจเป็นนักหนา ฝากเพื่อนๆ คอยจูงเชือกรั้งไว้ด้วยก็แล้วกัน ถ้าเห็นหายหน้าไปนานเกินวีค จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 2 เม.ย. 49 20:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ไอ้เรื่องรักการอ่าน  รัก(ษา)หนังสือนี่ผมไม่ไม่อยากพูดไรมาก เพราะผมก็รักเหมือนกัน  แต่จะทำอะไรก็ตามเถอะ  อย่าลืมว่านั่นคือสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่หนังสือต้องการก็ได้นะครับ         อย่างไรควรศึกษาธรรมชาติและความต้องการของหนังสือด้วยนะครับ สติ๊กเกอร์+สก๊อตเทปเป็นศัตรูที่ไม่ถูกกันเลยกับหนังสือ อย่าว่างั้นงี้เลยครับ กาวที่สันหนังสือยังอยู่กับหนังสือได้ไม่นานเลยครับ  ถ้าจะห่อปกพลาสติกก็อย่าให้สก๊อตเทปไปโดนตัวเล่มหนังสือเลยครับ   ผมเคยเรียนการซ่อมเอกสารตอนที่ซ่อมกว่าจะใช้สารเคมีเลาะเอาสก๊อตเทปออกจากเอกสารนี่ใช้เวลาไม่ใช้น้อยเลยนะครับ  แค่เก็บหนังสือถูกวิธี  ดูแลเรื่องฝุ่น แมลง อุณหภูมิ  อย่าไปพับมุมกระดาษ  ก็พอแล้วละมั้งครับ   อิอิอิอิ จากคุณ : ขมขื่น - [ 3 เม.ย. 49 01:16:28 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มีวลีหนึ่งจากภาพยนตร์เรื่อง เฮอริเคน เป็นตอนที่ตัวแสดงในเรื่องไปเลือกซื้อหนังสือ ตัวที่อายุน้อยที่สุดเลือกได้หนังสือประวัติของเฮอริเคน  จากกองหนังสือ(มโหฬาร) ซื้อมาในราคา ๒๕ เซ็นต์  (พากษ์ไทยว่า "สลึงเดียวเอง") ตัวที่อายุน้อยบอกกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ไปด้วยว่า  "หนังสือดีๆอย่างนี้ราคาแค่สลึงเดียวนี่นะ" พวกพี่ๆที่ไปด้วยกันตอบว่า "บางทีเราไม่ได้เลือกหนังสือ  แต่หนังสือเป็นฝ่ายที่เลือกเรา" กระทู้นี่ยาวเกินไปแล้วครับ จะใช้เวลาช้าในการเปิดหน้าขึ้นมา (สำหรับบางเครื่อง) ขอเปิดกระทู้ใหม่  โดยใช้ชื่อหัวเรื่องอย่างเดิมนะครับ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ให้ความสนใจครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 3 เม.ย. 49 08:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 85 รักหรือไม่รักไม่รู้ แต่จะรักซะอย่างจะทำไม ผมก็บังคับข่มขืนเหมือนกัน ห่อซะมิดเลย เล่มไหนรักมากก็ห่อปกพลาสติกกันเลอะ ไม่ให้ดูเก่า ในงานหนังสือ มีหนูๆมาชวนให้ซื้อปกแบบใหม่ ก็เลยอุดหนุนทันที ขออภัยที่กระทู้นี้ตรวจทานได้ไม่ละเอียดนัก ขอบคุณพี่นิคมากเลยครับ จากคุณ : จำปูน (อ่างหยก) - [ 3 เม.ย. 49 10:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ถูกพาดพิงเรียกพี่นิคเชียวนะครับคุณจำปูน ไปแอบฟังใครใส่ไข่ไว้ละครับ ผมวัยเพิ่งรุ่นแรกๆ แรกแย้มครับ ไม่ใช่แย้มฝาโลง เรื่องห่อปกหนังสือ  เกือบจะเป็นเรื่องใหญ่อีกซะแล้ว ทีหลังต้องเชิญ จนท.หอสมุดหอจดหมายเหตุ มาแนะนำวิธีเก็บรักษาหนังสือซะแล้ว ยังไงฝากคุณจำปูนเชิญท่านเหล่านั้นมาเลี้ยงช้างสักเชือกสองเชือก  เดี๋ยวก็คงได้ข้อมูลดีๆ ใช่ไหมครับท่านประธานขมขื่น จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 3 เม.ย. 49 11:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ช้าง สิงห์ไม่มา  พูดออกไปมันจะขัดๆไม่ลื่นไหล  แต่ถ้ามาเมื่อไหร่  พริ้ว เชียว      ถ้าจะเชิญก็เชิญทางหอสมุดมาเถิด หอจดหมายเหตุคงไม่เกี่ยวละครับเพราะเก็บรักษาเอกสาร ทางหอสมุดเก็บรักษาหนังสือโดยเฉพาะ  แต่อันนี้ก็งงๆนะที่งานซ่อมอนุรักษ์เอกสาร(หอจดหมายเหตุ)ซ่อมหนังสือเก่าๆโบราณๆเยอะมาก แก้ไขเมื่อ 03 เม.ย. 49 11:28:06 จากคุณ : ขมขื่น - [ 3 เม.ย. 49 11:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 88 วังกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์         วังนี้ตั้งอยู่ริมถนนลูกหลวง  ตอนต่อปากคลองเปรมประชากรฟากใต้  เป็นวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานพระราชโอรสคือ  กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ครั้งดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์  ชาวบ้านทั่วไปเรียกวังนี้ว่า "วังนางเลิ้ง" สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2445 และรัชกาลที่ 5 ได้โปรดฯ ให้มีพระราชพิธีขึ้นตำหนักใหม่ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2445      หลังจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ได้สิ้นพระชนม์ลงแล้วคงจะมีการขายวังให้แก่รัฐบาล  โดยปรากฏหลักฐานว่าในปี พ.ศ. 2485  กรมยุวชนทหารบกได้ย้ายจากวังบางขุนพรหมมาตั้งที่วังกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ปัจจุบันบริเวณวังได้กลายเป็นสถานศึกษา คือวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา  วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร  โดยยังคงเหลืออาคารไม้ขนาดเล็กอยู่หลังหนึ่งเป็นอนุสรณ์  อาคารดังกล่าวนี้สอบถามจากบุคคลในราชตระกูล "อาภากร" ได้ความว่า  เป็นเรือนของหม่อมคนหนึ่งของเสด็จในกรมฯ ส่วนตำหนักใหญ่ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  สร้างพระราชทานนั้นได้ถูกรื้อไปหมดแล้ว      ข้อน่าสังเกตสำหรับวังกรมหลวงชุมพรฯ ประการหนึ่ง คือกำแพงวังซึ่งปรากฏอยู่ทุกวันนี้  เป็นกำแพงที่มีใบเสมาโดยรอบ  กำแพงลักษณะนี้ใช้เฉพาะตำแหน่งของสมเด็จฯเจ้าฟ้า เท่านั้น  ทั้งนี้เพราะว่าพระองค์ได้รับการยกย่องเสมอชั้นเจ้าฟ้า  เมื่อมีการสร้างวังจึงปรากฏว่าสร้างกำแพงในรูปแบบของวังเจ้าฟ้าด้วย  ที่มา ม.ร.ว.แน่งน้อย  ศักดิ์ศรี,ณพิศร  กฤตติกากุลและดรุณี  แก้วม่วง.พระราชวังและวังในกรุงเทพฯ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2525.หน้า 482 จากคุณ : ขมขื่น - [ 4 เม.ย. 49 01:17:11 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อ้าว  มึนเสียแล้วทั้งๆที่จิบน้ำเปล่า  ตอบผิดกระทู้ซะงั้น  อิอิอิ  โทษทีนะครับ จากคุณ : ขมขื่น - [ 4 เม.ย. 49 01:22:00 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ได้มาอ่านก่อนคนอื่น อิ๊อิ๊อิ๊ (ของแท้ต้องสามอิ๊) จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 4 เม.ย. 49 07:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 91 สวัสดีครับและขอบพระคุณทุกๆท่าน ขออนุญาตแจ้งข่าวครับ พระบรมราโชวาทและพระราชประกาศ  บางประกาศ (ตอนที่ ๒) http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K4255395/K4255395.html แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 49 22:06:40 จากคุณ : กัมม์ - [ 4 เม.ย. 49 09:13:36 ]