ความคิดเห็นที่ 1 รู้สึกว่าในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระจะไม่มีวังหลังนะครับ แต่ถ้าจะเทียบ  "เจ้าฟ้ากรมขุนสุเรนทรพิทักษ์" น่าจะใกล้เคียง เรื่องราวว่า ในแผ่นดินสมเด็จเพทราชาทรงตั้งนายจบคชประสิทธิ์เป็นที่วังหลัง(พระราชวังบวรสถานภิมุข) ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือต่อมาทรงรังเกียจคำว่า "วังหลัง"  โปรดฯให้ใช้คำว่า "พระบัณฑูรน้อย" กับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพร เข้าใจจะมีอิสริยศสูงกว่าตำแหน่งวังหลัง สมเด็จพระเจ้าเสือสวรรคต  พระบัณฑูรใหญ่สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรได้ราชสมบัติ(เจ้าฟ้าพรถวายราชสมบัติคืน) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระจึงตั้งสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าฟ้าพรเป็นพระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรสถานมงคล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ  จะใคร่ให้ราชสมบัติกับพระราชโอรส เจ้าฟ้านเรนทร  กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ ส่วนฝ่ายกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์เห็นว่าไม่ชอบ  กรมพระราชวังบวรสถานฯก็ยังทรงอยู่  จึงเสด็จออกทรงผนวชเสีย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระจึงมอบเวนราชสมบัติให้กับพระราชโอรสลำดับที่ ๒  เจ้าฟ้าอภัย พระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรฯไม่ยอม  ชิงราชสมบัติได้  คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ   ปราบดาภิเษกที่วังหน้าและประทับอยู่ที่นั้นต่อมา   ให้เกียรติผมได้ตอนรับเจ้าของกระทู้สักครั้งนะครับ เชิญที่ ตำนานวังหน้า - ปฐมบท http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3936626/K3936626.html แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 13:32:24 จากคุณ : กัมม์ - [ 27 มี.ค. 49 13:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณคุณกัมม์มากครับ สำหรับกระทู้ที่เป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่ง...ตอนแรกที่เริ่มโพสต์เรื่องวังหลังตอนนั้นก็กะว่าจะตามอ่านอยู่ครับ แต่อ่านไปได้ 4-5 กระทู้ ก็ไม่ได้เข้าไปอ่านต่อ เดี่ยวจะทำ favorites ไว้เลยก็แล้วกันครับ เออ ผมถามต่ออีกนิดนะครับ ตรงที่บอกว่า สมเด็จพระเจ้าเสือสวรรคต  พระบัณฑูรใหญ่สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรได้ราชสมบัติ(เจ้าฟ้าพรถวายราชสมบัติคืน) เจ้าฟ้าพรถวายราชสมบัติคืนเรื่องราวตรงนี้มีหลักฐานในประวัติศาสตร์บ่งชี้ไหมครับ เพราะ ช่วงหลังไปซีร๊อกมาอ่านหลายเล่มยังไม่เจอเลยครับ ปต่จำได้ว่าเจอจากหนังสือเล่มใดสักเล่มหนึ่ง แต่ไม่ใช่ประเภทพงศาวดารน่ะครับ อีกอย่างหนึ่งครับ "ตำนานวังหน้า - กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท"  เข้าไม่ได้แล้วเหรอครับ คลิ๊กแล้วไม่เห็นไป จากคุณ : เดียวดายใต้แสงจันทร์ - [ 27 มี.ค. 49 15:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หลักฐานที่ชี้ว่าเจ้าฟ้าพรถวายราชสมบัติเจ้าฟ้าเพชร ที่ผมมีอยู่ก็คือ ประชุมพงศาวดารภาค ๑๓   ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทรงพระนิพนธ์ใหม่ จะลองค้นดูในคำนำว่าทรงอ้างอิงถึงเล่มไหนบ้าง จะได้ไปตามหากันต่อที่งานสัปดาห์หนังสือฯนะครับ คำให้การกรุงเก่า  หรือ พระราชพงศาวดาร  ไม่รู้ว่ามีรายละเอียดหรือเปล่า  ช่วยกันค้นนะครับ ส่วน "ตำนานวังหน้า-กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท" ที่เปิดไม่ได้ สันนิษฐานว่า  คงจะ save ที่อยู่ไว้ตั้งแต่ตอนแรก ตอนนี้กระทู้นี้  เพื่อนสมาชิกเมตตาโหวตเข้าไปเก็บไว้ในคลังกระทู้เก่าแล้ว ต้องเปลี่ยนที่อยู่ที่ save ไว้จึงจะเจอครับ  คลิกที่คลังกระทู้เก่านะครับ(สำหรับจะหาเรื่องอื่นด้วยนะครับ) หรือคลิกที่นี่ก็เจอครับ   http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3952320/K3952320.html แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 16:17:13 จากคุณ : กัมม์ - [ 27 มี.ค. 49 16:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถึงแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ทรงตั้งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าเพ็ชรพระองค์ใหญ่เปนพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสด็จประทับที่วังน่าตามตำแหน่ง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพรพระองค์น้อยทรงตั้งเปนพระบัณฑูรน้อย จะเปนด้วยทรงรังเกียจตำแหน่งกรมพระราชวังหลัง  ด้วยเมื่อตั้งนายจบคชประสิทธิ  เปนอยู่ได้ไม่ยืดยาวต้องสำเร็จโทษ ฤาจะยกย่องพระยศให้สูงขึ้นเสมอกับพระมหาอุปราชาอย่างใดอย่างหนึ่งนี้ แต่พระบัณฑูรน้อยจะเสด็จประทับวังไหน แลข้าราชการในสังกัดกรมพระบัณฑูรน้อยจะมีทำเนียบแล นามขนานอย่างไรหาทราบไม่           สมเด็จพระเจ้าเสือสวรรคต พระมหาอุปราช คือสมเด็จพระเจ้าท้ายสระได้ครองราชสมบัติ   ( มีจดหมายฝรั่งว่าเมื่อสมเด็จพระเจ้าเสือสวรรคตนั้น เปนเวลาทรงขัดเคืองพระมหาอุปราช จึงทรงมอบเวนราชสมบัติพระราชทานพระบัณฑูรน้อย       ครั้นสมเด็จพระเจ้าเสือสวรรคตแล้ว พระบัณฑูรน้อยถวายราชสมบัติแก่สมเด็จพระเชษฐาพระมหาอุปราช )  จึงทรงตั้งพระบัณฑูรน้อยเปนพระมหาอุปราช  กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสด็จประทับที่วังน่าต่อมาตามตำแหน่ง สมเด็จพระเจ้าท้ายสระมีพระราชโอรสเปนเจ้าฟ้า ๓ พระองค์    พระองค์ใหญ่ทรงพระนามเจ้าฟ้านเรนทร เปนกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ รองลงมาถึงเจ้าฟ้าอภัย แล้วเจ้าฟ้าปรเมศวร์ สมเด็จพระเจ้าท้ายสระจะใคร่ให้ราชสมบัติได้แก่พระราชโอรส แต่เจ้าฟ้ากรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ไม่เต็มพระไทยที่จะเปนผู้รับราชสมบัติด้วยเห็นว่าพระมหาอุปราชมีอยู่ ( ฝรั่งว่าเห็นว่าราชสมบัติเปนของเจ้าอาว์ถวายเมื่อสิ้นรัชกาลแล้วควรคืนเปนของพระเจ้าอาว์ )  ครั้นออกทรงผนวชก็เลยไม่สึก เมื่อสมเด็จพระเจ้าท้ายสระจะสวรรคต จึงมอบราชสมบัติพระราชทานแก่เจ้าฟ้าอภัยพระราชโอรสที่ ๒   พระมหาอุปราชไม่ยอมเกิดรบพุ่งกันขึ้นเปนศึกกลางเมือง พระมหาอุปราชมีไชยชนะจึงได้ราชสมบัติเมื่อพระมหาอุปราช คือสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐเสด็จ        ผ่านพิภพนั้น     ทำพระราชพิธีปราบดาภิเศกที่วังน่า     แล้วเสด็จประทับอยู่ที่วังน่าต่อมาอิก ๑๔ ปี มิได้เสด็จไปประทับอยู่พระราชวังหลวงถ้าเวลามีการพระราชพิธีก็เสด็จไปเฉภาะงาน สิ้นงานแล้วก็เสด็จกลับไปวังจันทรเกษม     ( ความที่กล่าวข้อนี้จะเห็นได้ในจดหมายเหตุงานพระศพเจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาเทพซึ่งหอพระสมุด ฯ พิมพ์แล้วนั้น ) จาก ประชุมพงศาวดารภาคที่  ๑๓  โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร พ.ศ.  ๒๔๖๒ จากคุณ : ขมขื่น - [ 28 มี.ค. 49 10:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องตำนานวังน่า ข้าพเจ้าแต่งใหม่ ประสงค์จะอธิบายเรื่องประวัติแลแผนที่วังน่า เวลาเปนพระราชวังของพระมหาอุปราชว่าเปนอย่างไรเหตุที่จะแต่งหนังสือเรื่องนี้เพราะได้ยินผู้ศึกษาโบราณคดีปรารภกันถึงวัตถุสถานของโบราณ ซึ่งคนภายหลังรู้ไม่ได้ว่าเปนอย่างไร เช่นวังหลังเปนต้น เพราะไม่มีผู้ใดได้จดเรื่องราวเล่าแถลงไว้ แลปรารภต่อไปถึงวังน่า      ว่าแม้ตัวผู้ที่เคยเห็นเมื่อบริบูรณ์ยังมีอยู่มากในบัดนี้ ถ้าไม่มีใครแต่งเรื่องตำนานไว้ ยิ่งนานไปก็จะยิ่งรู้ยากเข้าทุกที ว่าของเดิมเปนอย่างไรความอันนี้เตือนใจข้าพเจ้าเวลาผ่านวังน่ามาหอพระสมุด ฯ เนือง ๆ  ครั้นเมื่อหาเรื่องหนังสือสำหรับพิมพ์แจกในงานศพหม่อมเทวาธิราช ( ม.ร.ว. แดง อิศรเสนา ณกรุงเทพ )  อยากจะให้เปนเรื่องเนื่องด้วยสกุลอิศรเสนา ข้าพเจ้าจึงได้แต่งเรื่องตำนานวังน่าตามที่ปรารภไว้ให้พิมพ์เปนครั้งแรก  จากคำนำประชุมพงศาวดารภาคที่  ๑๓ จากคุณ : ขมขื่น - [ 28 มี.ค. 49 10:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบพระคุณครับคุณ ขมขื่น  (จะเรียกผิดเป็นข่มขืนทุกที) เป็นว่าสมเด็จในกรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ไม่ได้ทรงชี้ทางให้พวกเราไว้ พวกเราต้องช่วยกันคลำเอาเองบ้างแล้วละครับ  คืนนี้จะค้นในคำให้การกรุงเก่าดูนะครับ ฝากอีกเรื่องครับ  คุณ ขมขื่น คือมีเพื่อนไปเที่ยวนคร ไปเจอร้านอาหารวังอินทร์ในโรงแรมนครการ์เด้น พนักงานของโรงแรมบอกว่า  วังอินทร์ เป็นวังของพระธิดาในกรมหลวงชุมพร  ยกมาจากกรุงเทพฯ เธอถามว่า จริงหรือเปล่า  และเมื่ออยู่กรุงเทพฯอยู่ที่ตรงไหน ในประชุมพงศาวดารมีเรื่องวังอยู่บ้าง  เมตตาช่วยค้นให้หน่อยได้ไหมครับ ประชุมพงศาวดารที่ผมมีอยู่ขาดเล่มนี้ไปครับ แก้ไขเมื่อ 28 มี.ค. 49 18:30:54 จากคุณ : กัมม์ - [ 28 มี.ค. 49 17:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณกัมม์ครับ   จากประชุมพงศาวดาร  ภาคที่  ๒๖ เรื่องตำนานวังเก่า   พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทรงพระนิพนธ์  โรงพิมพ์ โสภณพิพรรฒธนากร  พ.ศ. ๒๔๖๕  ได้กล่าวถึงวังของกรมหลวงชุมพรฯ ไว้เพียงแค่นี้       " ๑๔  วังกรมหลวงชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์ สร้างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนลูกหลวง  ตอนต่อปากคลองเปรมประชากรฟากใต้  เสด็จประทับมาแต่รัชกาลที่ ๕  จนบัดนี้"       ส่วนที่คุณกัมม์ถามถึงวังของพระธิดาในกรมหลวงชุมพรฯ  นั้นผมก็จนด้วยเกล้าเหมือนกันครับ  ยังไงจะลองค้นจากหนังสือเพิ่มหรือสอบถามจากผู้รู้ให้ก็แล้วกันนะครับ จากคุณ : ขมขื่น - [ 28 มี.ค. 49 20:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นี่แหละคือน้ำใจของคนเก่าคนแก่ในห้องประวัติศาสตร์ของเราละครับ พยายามเสาะหาข้อมูลจนสุดฤทธิ์เพื่อมอบให้แด่แฟนๆ ทั้งหลาย เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของท่านเลยครับ กะจะตัดหน้าคุณขมขื่นนะครับ  แต่ไม่ทัน  ไฟแรงจัง ผมเลยลอกข้อมูลมาให้  ทั้งดุ้นเหมือนของคุณขมขื่น แล้วไปสังเคราะห์เพื่อแฟนๆ ท่านนั้นเองครับ เอาไปเลยท่านกัมม์  ยินดีพลีชีพเพื่อท่าน จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 29 มี.ค. 49 10:48:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ประชุมพงศาวดาร  ภาคที่  ๒๖ เรื่องตำนานวังเก่า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมพระยาดำรงราชานุภาพ  ทรงพระนิพนธ์ หม่อมราชวงศ์หญิงโต  จิตรพงศ  ณกรุงเทพ ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัติวงศ์ พิมพ์ในการกุศล สนองคุณหม่อมเจ้าแดง  บิดา เมื่อปีจอ  พ.ศ. ๒๔๖๕ พิมพ์ที่โรงพิมพ์ โสภณพิพรรฒธนากร (สะกดตามต้นฉบับเดิมทุกอย่างไม่ผิดเพี้ยน) หน้า ๑๐๑ กล่าวไว้ว่า "๑๔  วังกรมหลวงชุมพรเขตร์อุดมศักดิ์ สร้างวังใหม่พระราชทานที่ริมถนนลูกหลวง  ตอนต่อปากคลองเปรมประชากรฟากใต้  เสด็จประทับมาแต่รัชกาลที่ ๕  จนบัดนี้." จากเดิมที่เราทราบกันมาแล้วว่า  เสด็จกรมหลวงชุมพรท่านมีวังประทับที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า  "วังนางเลิ้ง"  ต่อมาก็ได้ขายไป  กลายเป็นสนามม้านางเลิ้งในปัจจุบัน จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 29 มี.ค. 49 10:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พระโอรสพระธิดาของเสด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์มีดังนี้ 1. หม่อมเจ้าชายเกียรติ (2446-วันเดียวกัน) 2. หม่อมเจ้าหญิงจารุพัตรา (2447- 2516) 3. หม่อมเจ้าหญิงศิริมาบังอร (2447-2518) 4. หม่อมเจ้าชายอาทิตย์ทิพอาภา (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา 2447-2489) 5. หม่อมเจ้าชายสมรบำเทอง (2448-2473) 6. หม่อมเจ้าหญิงเริงจิตรแจรง (2448-  ) 7. หม่อมเจ้าชายดำแคงฤทธิ์ (2448-2505) 8. หม่อมเจ้าชายครรชิตพล (2449-2509) 9. หม่อมเจ้าชายรังษิยากร (2449-2508) ไม่ทราบว่าสิ้นชีพิตักษัยเมื่อใดแน่  เพราะในหนังสือบอกว่าวันที่ 30 ธ.ค.2508?  พระราชทานเพลิง ณ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 22 ก.พ. 2500? 10. หม่อมเจ้าหญิงสุคนธ์จรุง (2449-2450) 11. หม่อมเจ้าชาย 12. หม่อมเจ้าชายรุจยากร (2449-  ) 13. หม่อมเจ้าชายถุ้น – บางตำรา หม่อมเจ้าชายตุ้น หมายเหตุ   ที่ 2, 3, 6  กราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศํกดิ์เพื่อทำการสมรส หมายเหตุ   หม่อมเจ้าพระโอรสพระธิดา  ไม่มีชื่อที่พอจะบอกนามสาเหตุของ “วังอินทร์” ได้เลยครับ คัดลอกและตัดตอนจาก  “พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าในพระราชวงศ์จักรี”  2543 จากคุณ : nickmee - [ 29 มี.ค. 49 10:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จากที่เคยทราบกันมาอีกอย่างหนึ่งว่า  พระองค์ท่านจนมาก  ประวัติไม่เคยมีปัญหาที่เราเรียกกันในสมัยปัจจุบันว่า “คอรัปชั่น” เลย  ท่านจนมากบางครั้งแม้แต่ข้าวสารก็แทบไม่เหลือติดวัง  หากเพียงพระองค์เดียวก็ไม่เป็นไร  แต่ยังมีหม่อมเจ้าพระภรรยา  หม่อมอื่น และพระโอรสพระธิดาที่กำลังเติบโตขึ้นมาอีกหลายองค์  ด้วยความแร้นแค้นอย่างแสนสาหัสดังกล่าว  โศกนาฏกรรมอันไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับครอบครัวของพระองค์ท่าน........ ที่เอ่ยข้อความดังกล่าวขึ้นมา  เพียงเพื่อประกอบว่า  ท่านคงมีวังเดียวเท่านั้นในชีวิต คือวังนางเลิ้ง  ชีวิตส่วนหนึ่งของพระองค์ท่านก็ประทับตามวังธรรมชาติ เช่น ป่าเขาลำเนาไพร หรือตามวัดบางแห่งที่มีตำนานเกี่ยวข้องกับพระองค์ท่านจนถึงบัดนี้ สำหรับร้านวังอินทร์เมืองนครฯ นั้น  ผมไม่มีข้อมูลเลย   อาจเป็นชื่อที่ทายาทสายใดสายหนึ่งของพระองค์ท่านนำมาตั้งก็เป็นได้?  ทางที่เป็นไปได้คือสอบถามจากร้านนั้นให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยครับ  แฟนๆ ที่อยู่เมืองนครฯ  ช่วยเหลือหน่อยครับ เอ๊ะ  เรากำลังคุยกระทู้อะไรครับ วันนี้ต้องมาอาศัยเน็ตของเวปมาสเตอร์ที่ทำงาน  เพราะแลนใช้ไม่ได้เลย  3 วันแล้ว  ใช้เส้นนะเนี่ยะ  เอาเข้าเรื่องอย่างเดียว  ไม่มีเวลามาเล่น จากคุณ : nickmee - [ 29 มี.ค. 49 10:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับคุณ ขมขื่น เรื่อง "วังอินทร์"   คุณ รอยใบลาน ได้กรุณาค้นคว้าข้อมูลมาเพิ่ม ว่าพระธิดาของเสด็จในกรมฯ  ที่ทรงเจริญพระชันษา   ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ทุกพระองค์ ผมเลยสรุปในชั้นต้นว่า วังอินทร์ไม่น่าจะใช่ของพระธิดาเสด็จในกรม เพราะท่านไม่ได้เป็นเจ้า  จึงเรียกที่อยู่ของท่านว่า วัง ไม่ได้ แต่คำตอบชั้นต่อไป  ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่จะได้มาเพิ่มเติมจะเพื่อนสมาชิกคนนั้นนะครับ ถ้าอย่างไรขอเชิญที่กระทู้  พระบรมราโชวาทฯ ดีกว่านะครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4222771/K4222771.html จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 12:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พี่นิค  พี่โพสตัดหน้าผม เลยไม่ได้เห็นนะครับ   ผมโพสแบบ offline  เพราะต้องทำงานไปด้วย   ว่างจึงเข้ามาจิ้ม ๒-๓ ที   เจ้านายมาก็ทำเป็นยุ่งกับงาน  ขี้ข้าเขาก็อย่างนี้แล ต้องเข้ามาขอบพระคุณพี่ทีหลังอย่างนี้  เพราะตั้งแต่โพสเข้าไปแล้ว  เจ้านายมาพอดี ขี้ข้าก็ต้องปิดหน้านี้ลง  เพิ่งมาเปิดตอนนี้แหละครับ  ขออภัยด้วยครับ ชื่อพระสามี(ไม่รู้จะใช้คำไหนดี)ของพระธิดาในกรมหลวงชุมพรฯสามคน   ที่คุณ รอยใบลานได้พยายามค้นมาได้ จะส่งให้ทั้งสองท่านทางหลังไมค์  ช่วยกันต่อนะครับ ส่วนเพื่อนสมาชิกที่ตั้งโจทย์ขึ้นมา  ให้พวกเราฝึกฝนตนเองในเรื่องการใฝ่รู้ ผมเชื่อเธอคงภูมิใจและชื่นชมกับพวกเราทุกคน  เธอคงเห็นความพยายามของเราทุกคน ที่ผมทำได้ก็แค่นี้แหละครับ  พี่นิค ขอเสียเถิด อย่าชมกันเลยครับ  ยิ่งทำให้ผมละอาย กระทู้ประชุมพงศาวดาร  ผมก็ไม่รู้จะเข้าไปร่วมอย่างไรได้ ท่านอื่นที่เช้ามาแต่ไม่แสดงตัวก็มีอีกมาก  ท่านๆอาจไม่คิดเหมือนพี่ก็ได้ ใครจะรู้ เอ้าเป็นว่า  ชนดีกว่าครับท่าน  พรุ่งนี้ละมุดคงมาเป็น ๓ สวนแน่ๆ พระราชดำรัสในหลวงองค์หนึ่งว่า "ถ้าไม่มีใครปิดทองหลังพระ  พระองค์นั้นจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์มิได้" ผมกลับมองว่า  ตอนนี้เพื่อนสมาชิกคนนั้น  เธอเป็นผู้ปิดทองหลังพระอยู่ครับ ทำให้ผมใฝ่ที่จะหาคำตอบ  เป็นคุณประโยชน์สำหรับผม ทำให้ผมได้เห็นน้ำจิตน้ำใจของเพื่อนๆ ทุกท่าน  ในยามที่บ้านเมืองขาดแคลนอย่างนี้ ทำให้พวกเราในห้องประวัติศาสตร์สามัคคีกันมุ่งหมายในเรื่องเดียวกัน  ถึงแม้มันเป็นเรื่องเล็กๆ  จุดเล็กๆ  ซึ่งบทสรุปอาจจะ โอ้ละพ่อ เธอทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้น  ในขณะที่แผ่นดินเรียกร้องโหยหา   เธออาจจะไม่รู้ตัว  แต่ทุกๆท่านและความเป็นมาได้พิสูนจ์แล้ว ผมคิดว่า  เวลาขณะนี้มีค่ามากกว่าตอนจบเสียอีก และเป็นประโยชน์สำหรับท่านๆที่ได้ไปเห็น วังอินทร ต่อไป จะไปนั่งเพลินอารมณ์ ไม่ต้องไปคอยถามว่า "จิงรึ" บางท่านอาจคิดว่า  เป็นเรื่องที่ผมสร้างขึ้นมาเพื่อจุดมุ่งหมายอย่างนี้ เมื่อเธอกลับจากนคร  สัญญาว่าจะเอารูปและข้อมูลมาเพิ่มเติมครับ   ผู้ปิดทองหลังพระของพวกเราก็จะปรากฎกายครับ  ตอนนี้ผมขอยกไว้ก่อนครับ แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 19:34:07 แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 49 19:16:22 จากคุณ : กัมม์ - [ 29 มี.ค. 49 19:14:21 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พูดถึงเป็นขี้ข้าคน  ก็งี้แหละครับ วันนี้เครียดทั้งวันเลย เครียดเพราะไม่รู้จะระบายยังไงทางหนึ่ง เพราะเน็ตเสียมาหลายต่อหลายวันแล้ว อยากจะตอบกระทู้ใจแทบขาด อยากจะโพสต์รูปใจแทบขาด อยากล้อเล่นสนุกกับเพื่อนๆ ที่เราไม่เคยแม้จะรู้จักหน้าค่าตา ใจแทบขาดอีก เลยต้องมาอาศัยนั่งที่คาเฟ่อย่างนี้ เครียดเพราะงานอีกอย่างหนึ่ง พยายามปล่อยวางหลายอย่าง แต่บางสิ่งมันก็ไม่เป็นอย่างใจเรานึก ไอ้ตัวเล็กๆ ก็อยู่ไกลตัวเสียด้วยซี ไม่งั้นจะจูบเสียให้เข็ด จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 30 มี.ค. 49 17:02:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สิ่งที่ทำให้ผมติดใจในสมาคมห้องสมุดนี้ ก็เพราะน้ำใจอย่างที่ท่านกัมม์ได้กล่าวมานี่แหละครับ ผมคงจะไม่ชมใครมากอีกแล้ว เพราะเดี๋ยวคนถูกชมจะเอียน หรือทำหน้าตาไม่ถูก แต่สิ่งดีๆ ที่เขากระทำอยู่ขณะนี้ มีค่ามากเกินคำใดๆ ที่ผมได้เคยเอ่ยออกมา น้ำใจดังกล่าว ทำให้ผมติดหนึบอยู่กับห้องสมุดแห่งนี้ครับ วันไหนไม่ได้เปิดดูแม้เพียงนิดน้อย พาลจะลงแดงเสียให้ได้ ละมุดถึง ๓ สวน ก็คงช่วยอะไรเราไม่ได้ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 30 มี.ค. 49 17:07:29 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอแตกประเด็นนิดครับ 1.. วังของกรมหลวงฯ ท่านนี่ คือวังนางเลิ้ง เป็น วังเดียวกับ วังเปรมประชากร หรือเปล่าครับ เพราะว่า เสด็จในกรมฯ ทรงชุบเลี้ยง นักมวยไทยโบราณฝีมือดี ๆ ไว้เป็นจำนวนมาก เช่น นาย ทับ จำเกาะ ยอดมวยไทยโบราณสายโคราช หรือ นาย ยัง หาญทะเล ยอดมวยไทยโบราณสายโคราช อีกท่าน เพราะ ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือท่านเล่าให้ฟังว่า ตัวท่านเองก็เคยไปดูการฝึกซ้อมของนักมวยไทย ที่สังกัดค่ายของเสด็จในกรมฯ ที่วังเปรมประชากร ซึ่ง ปัจจุบัน พื้นที่ตรงนั้นก็คือ สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงเรียนราชวินิตมัธยม หนะครับ ผมก็เลยสงสัยจึงได้เรียนสอบถาม ท่านผู้รู้ด้วยครับ จากคุณ : สงสัยจัด - [ 30 มี.ค. 49 20:06:07 A:203.118.82.208 X: TicketID:050066 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาตอ้างกระทู้คุณกัมม์เกี่ยวกับเสด็จกรมหลวงชุมพรครับ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3465778/K3465778.html มีกล่าวเกี่ยวกับวังของพระองค์ท่าน ใน คคห. 16, 17, 18 ครับ  และรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ  ดีมากจริงๆ ครับ เดี๋ยวผมขออนุญาตรับความรู้เพิ่มเติมจากท่านกัมม์อีกกระทู้หนึ่งนะครับ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3481058/K3481058.html แล้วถ้ามีเวลา  จะมาคุยกับท่าน "สงสัยจัด" เช่นเดิม  เพราะผมก็กำลังสงสัยจัดมากมากเหมือนกัน  อิ๊อิ๊อิ๊ (ของแท้ต้องสามอิ๊) จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 31 มี.ค. 49 11:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วจะลากเพื่อนจากดงละมุด มาช่วยแหลอีกครับ ที่กระทู้พระบรมราโชวาทของท่านกัมม์นั่นไง นัวเนียกันอยู่แต่ในนั้น ใครรับตับดองแอลกอฮอล์พอแล้ว รีบมาทำหน้าที่ด่วน เดี๋ยวจะคอยเช็ดอ้วกให้ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 31 มี.ค. 49 12:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องของวังเจ้านาย  มีอยู่ที่นี่เยอะเลยครับ "วังกับตำหนัก"   ของคุณ mcpan http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3739765/K3739765.html จากคุณ : กัมม์ - [ 1 เม.ย. 49 08:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แล้วก็กระทู้นี้อีกครับ "ใครพอจะรู้บ้าง ตอนนี้เราเหลือวังอยู่กี่วังแล้ว ทั้งวังเก่าและวังใหม่"  ของคุณ "เป็นอุ" http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4089429/K4089429.html รู้สึกว่า คคห.44 ในกระทู้นั้นจะรู้จริง  โอ้ว!! มีเพิ่มอีกชื่อหนึ่งแล้วครับ  วังสน  ใครรู้เรื่องดี  ช่วยบอกหน่อยครับ เด็กบ้านนอก  งง จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 1 เม.ย. 49 12:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เหตุสำคัญที่ชาวพณิชยการพระนครจะเคารพนับถือ “เสด็จเตี่ย” เป็นพิเศษนั้น ก็เพราะ นับตั้งแต่สถาบันแห่งนี้ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อน  ก็มีอันต้องระหกระเหิน ย้ายที่ตั้งมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน จนเรียกได้ว่า “เดี๋ยวหลงเข้าวัด เดี๋ยวพลัดเข้าวัง” กระทั่งมามีที่ตั้งเป็นหลักแหล่งแน่นอนในปี พ.ศ.๒๔๙๑ ณ พื้นที่อันเป็นวังเก่าของกรมหลวงชุมพรฯ ที่เรียกกันว่า “วังนางเลิ้ง” หรือ “วังสน”  ชาวพณิชยการพระนคร จึงถวายความเคารพกรมหลวงชุมพรฯ ผู้ทรงเป็นเจ้าของเดิมของวังอย่างยิ่ง และถือว่าตนเป็น “ลูกวังสน” ด้วยความภาคภูมิใจ     จากบทความ   แตกประเด็น: วันเกิด “เสด็จเตี่ย”   ศรัณย์  ทองปาน :เรื่อง        http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=News&file=article&sid=748 จากคุณ : ขมขื่น - [ 1 เม.ย. 49 19:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณขมขื่นช่างสรรหาข้อมูลมาได้ดีเหลือเกิน ตกลงวังสนกับวังนางเลิ้งคือที่แห่งเดียวกันใช่มั๊ย แล้วเป็นแห่งเดียวกับวังเปรมประชากรด้วยมั๊ยครับ ผมไม่มีความรู้พื้นฐานเรื่องนี้เท่าไร  เพียงแต่ทราบมาว่า ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า "วังนางเลิ้ง" แล้วนาม "วังสน" ล่ะ  เป็นชื่อที่ใครเรียก  เรียกเริ่มกันมาแต่เวลาไหน     "สน" คือชื่อของอะไร แล้วถ้าเป็นที่แห่งเดียวกับอีกชื่อหนึ่ง คำถามเดิม  แล้วกลุ่มไหนที่เขาเรียกกันว่า "วังเปรมประชากร" ล่ะ วันอังคาร  ผมจะมาขอฟังคำตอบจากท่านผู้เมตตาครับ ช่วงนี้  ขอพักไปปลูกละมุดก่อนครับ จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 1 เม.ย. 49 21:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 งั้นรอวันอังคารนะครับ  ถ้าไม่ยุ่งจนเกินไปผมจะหาช้อมูลมาเพิ่มให้นะครับ จากคุณ : ขมขื่น - [ 3 เม.ย. 49 01:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 วังกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์        วังนี้ตั้งอยู่ริมถนนลูกหลวง  ตอนต่อปากคลองเปรมประชากรฟากใต้  เป็นวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่  โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานพระราชโอรสคือ  กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ครั้งดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์  ชาวบ้านทั่วไปเรียกวังนี้ว่า "วังนางเลิ้ง" สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.2445 และรัชกาลที่ 5 ได้โปรดฯ ให้มีพระราชพิธีขึ้นตำหนักใหม่ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2445     หลังจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ  กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ได้สิ้นพระชนม์ลงแล้วคงจะมีการขายวังให้แก่รัฐบาล  โดยปรากฏหลักฐานว่าในปี พ.ศ. 2485  กรมยุวชนทหารบกได้ย้ายจากวังบางขุนพรหมมาตั้งที่วังกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ปัจจุบันบริเวณวังได้กลายเป็นสถานศึกษา คือวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา  วิทยาเขตพาณิชยการพระนคร  โดยยังคงเหลืออาคารไม้ขนาดเล็กอยู่หลังหนึ่งเป็นอนุสรณ์  อาคารดังกล่าวนี้สอบถามจากบุคคลในราชตระกูล "อาภากร" ได้ความว่า  เป็นเรือนของหม่อมคนหนึ่งของเสด็จในกรมฯ ส่วนตำหนักใหญ่ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  สร้างพระราชทานนั้นได้ถูกรื้อไปหมดแล้ว     ข้อน่าสังเกตสำหรับวังกรมหลวงชุมพรฯ ประการหนึ่ง คือกำแพงวังซึ่งปรากฏอยู่ทุกวันนี้  เป็นกำแพงที่มีใบเสมาโดยรอบ  กำแพงลักษณะนี้ใช้เฉพาะตำแหน่งของสมเด็จฯเจ้าฟ้า เท่านั้น  ทั้งนี้เพราะว่าพระองค์ได้รับการยกย่องเสมอชั้นเจ้าฟ้า  เมื่อมีการสร้างวังจึงปรากฏว่าสร้างกำแพงในรูปแบบของวังเจ้าฟ้าด้วย ที่มา ม.ร.ว.แน่งน้อย  ศักดิ์ศรี,ณพิศร  กฤตติกากุลและดรุณี  แก้วม่วง.พระราชวังและวังในกรุงเทพฯ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,2525.หน้า 482 จากคุณ : ขมขื่น - [ 4 เม.ย. 49 01:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ได้มาอ่านก่อนคนอื่น อิ๊อิ๊อิ๊ (ของแท้ต้องสามอิ๊) จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 4 เม.ย. 49 08:03:45 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมยังหาที่มาของ "วังสน" ไม่เจอเลยอะ   ไม่รู้จะไปหามาจากไหน ส่วนรูปของ"วังอินทร์"รอหน่อยนะครับ จากคุณ : ขมขื่น - [ 4 เม.ย. 49 09:50:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ท่านประธานขมขื่น  หากยังหาข้อมูลได้ไม่ครบวันสองวันนี้  ไม่มีใครว่าหรอกครับ  ท่านได้พยายามเต็มที่แล้ว แต่ถ้าเกินสองวัน  เดี๋ยวผมจะมาว่าเอง ไม่ต้องเครียดๆๆ  แค่ผมเครียดคนเดียวก็พอแล้ว จากคุณ : นิค (nickmee) - [ 4 เม.ย. 49 12:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาแล้วครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 2 จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 30 3 จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 31 4 จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 32 5 จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 33 6 จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 7 จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 35 8 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 36 9 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ผมนำมาให้ชมกันเพียง 9 ภาพ  คงไม่ว่ากันนะครับ  ยังไงโอกาสต่อไปจะนำมาเพิ่มถ้ามีโอกาสและพี่ๆ ยังไม่ลืมกระทู้นี้ อิอิ จากคุณ : ขมขื่น - [ 5 เม.ย. 49 20:43:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กะจะมาว่าแล้ว ไอ้น้องชาย แต่ต้องอ้าปากค้าง รวดเร็วปานกามนิตหนุ่มจริงๆ เลยนะ ยังกับรีบนั่งรถไฟไปถ่ายเมื่อวานเอง ซึ้งน้ำใจจริงๆ ช่างขวนขวายเหลือเกิน แล้วไงถึงชอบแอบตามมุมมืดๆ งั้นละ ไม่ใช่สถานอโคจรซะหน่อย จากคุณ : นิค (nickmee) - [ วันจักรี 11:40:07 ]