CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    พระบรมราโชวาทและพระราชประกาศ บางประการ(ตอนที่ ๒)

    อธิบายความว่าด้วยประกาศรัชกาลที่ ๔


             ประเพณีประกาศพระราชกฤษฎีกาแต่โบราณ  เมื่อสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินดำรัสสั่งวให้ประกาศกิจการอันใด  คือเช่นตั้งพระราชบัญญัติ เป็นต้น  โดยปรกติมักดำรัสสั่งให้อาลักษณ์เป็นพนักงานเรียบเรียงข้อความที่จะประกาศลงเป็นหนังสือ  บางทีดำรัสให้ผู้อื่นรับพระราชโองการมาสั่งอาลักษณ์ให้เรียบเรียงประกาศก็มี  ผู้รับสั่งมักเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งจะต้องอำนวยการที่ประกาศ  แต่ที่มิใช่เป็นเจ้าหน้าที่เป็นแต่ข้าเฝ้าคนใดคนหนึ่งดำรัสใช้ตามสะดวกพระราชหฤทัยก็มี  ลักษณะที่อาลักษณ์เรียบเรียงประกาศนั้น  ตั้งข้อความเป็นหลัก ๕ อย่าง  คือ (๑) วันเดือนปีที่สั่ง (๒) นามผู้สั่ง ถ้าสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินดำรัสสั่งเองก็อ้างแต่ว่ามีพระราชโองการ  ถ้ามีผู้อื่นมาสั่งก็อ้างนามผู้นั้นรับพระราชโองการ  (๓) กล่าวถึงคดีอันเป็นมูลเหตุแห่งประกาศนั้น  (๔) พระราชวินิจฉัย  (๕) ข้อบัญญัติพระราชนิยมที่ให้ประกาศ  

              เมื่ออาลักษณ์ร่างเสร็จแล้วคงนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายทรงตรวจแก้ก่อนจึงประกาศ  แต่ข้อนี้หาได้กล่าวไว้ให้ปรากฎไม่  ลักษณะที่ประกาศนั้นแต่โบราณเป็นหน้าที่กรมพระสุรัสวดี  โดยผู้ถือบาญชีกระทรวงทบวงการทั้งปวง  ที่จะคัดสำเนาประกาศแจกจ่ายไปยังกรมต่างๆทุกกรม  ส่วนหัวเมืองทั้งปวงนั้น  เมื่อมหาดไทยกลาโหมกรมท่า  อันเป็นเจ้ากระทรวงบังคับบัญชาหัวเมือง  ได้รับประกาศจากกรมพระสุรัสวดี  ก็คัดสำเนาส่งไปยังหัวเมืองอันขึ้นอยู่ในกรมนั้นๆอีกชั้น ๑  

             ลักษณะการที่จะประกาศให้ราษฎรทราบพระราชกฤษฎีกานั้น  ประเพณีเดิมในกรุงเทพฯกรมเมืองให้นายอำเภอเป็นเจ้าพนักงานไปเที่ยวอ่านประกาศตามตำบลที่ประชุมชน  ส่วนหัวเมืองทั้งปวง เจ้าเมือง กรมการ  ให้กำนันเป็นพนักงานอ่านประกาศ  เมื่อพนักงานจะอ่านประกาศที่ตำบลไหนให้ตีฆ้องเป็นสัญญา  เรียกราษฎรมาประชุมกันแล้วอ่านประกาศให้ฟัง ณ ที่นั้น  วิธีประกาศเช่นว่ามานี้จึงเรียกกันเป็นสามัญว่า "ตีฆ้องร้องป่าว"  

             ส่วนต้นฉบับประกาศพระราชกฤษฎีกาทั้งปวงนั้นอาลักษณ์รักษาไว้ในหอหลวงฉบับ ๑  คัดส่งไปรักษาไว้ที่ศาลาลูกขุนอันเป็นที่ประชุมเสนาบดีฉบับ ๑  แลส่งไปรักษาไว้ที่ศาลหลวงอันเป็นที่ประชุมผู้พิพากษาด้วยอีกฉบับ ๑  ประเพณีเดิมมีลักษณะดังว่ามานี้.....



    ในตำนานกฎหมาย  สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์มีความว่า

    เมื่อมีพระราชกฤษฎีกามากเข้าเรื่อยๆ  ก็นำพระราชกฤษฎีกานั้นมาชำระกันเสียครั้งหนึ่ง  การชำระคือการตัดข้อความที่ฟุ่มเฟื้อออก  ตัดวันเวลาออก  ตัดมูลเหตุแห่งคดีออกเป็นชั้นๆ  จนที่สุดเหลือแต่ข้อบัญญัติพระราชกำหนด  จัดรวบรวมไว้เป็นหมวดเป็นหมู่  จึงเรียกว่า "ประมวลกฎหมาย"

    กระทู้นี้ต่อจาก  พระบรมราโชวาทและพระราชประกาศ  บางประกาศ
    http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K4222771/K4222771.html


    พระบรมสาทิสฉายาลักษณ์  พระราชทานจักรพรรดินโปเลียนที่ ๓  เมื่อวันที่ ๒๗  มิ.ย.  ๒๔๐๔
    ได้มาจาก
    http://www.kingmongkut.com

    (แก้ลิงค์ครับ)

    แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 49 18:15:45

    แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 10:58:41

     
     

    จากคุณ : กัมม์ - [ 4 เม.ย. 49 09:09:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป