อธิบายความว่าด้วยประกาศรัชกาลที่ ๔
ประเพณีประกาศพระราชกฤษฎีกาแต่โบราณ เมื่อสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินดำรัสสั่งวให้ประกาศกิจการอันใด คือเช่นตั้งพระราชบัญญัติ เป็นต้น โดยปรกติมักดำรัสสั่งให้อาลักษณ์เป็นพนักงานเรียบเรียงข้อความที่จะประกาศลงเป็นหนังสือ บางทีดำรัสให้ผู้อื่นรับพระราชโองการมาสั่งอาลักษณ์ให้เรียบเรียงประกาศก็มี ผู้รับสั่งมักเป็นเจ้าหน้าที่ซึ่งจะต้องอำนวยการที่ประกาศ แต่ที่มิใช่เป็นเจ้าหน้าที่เป็นแต่ข้าเฝ้าคนใดคนหนึ่งดำรัสใช้ตามสะดวกพระราชหฤทัยก็มี ลักษณะที่อาลักษณ์เรียบเรียงประกาศนั้น ตั้งข้อความเป็นหลัก ๕ อย่าง คือ (๑) วันเดือนปีที่สั่ง (๒) นามผู้สั่ง ถ้าสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินดำรัสสั่งเองก็อ้างแต่ว่ามีพระราชโองการ ถ้ามีผู้อื่นมาสั่งก็อ้างนามผู้นั้นรับพระราชโองการ (๓) กล่าวถึงคดีอันเป็นมูลเหตุแห่งประกาศนั้น (๔) พระราชวินิจฉัย (๕) ข้อบัญญัติพระราชนิยมที่ให้ประกาศ
เมื่ออาลักษณ์ร่างเสร็จแล้วคงนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายทรงตรวจแก้ก่อนจึงประกาศ แต่ข้อนี้หาได้กล่าวไว้ให้ปรากฎไม่ ลักษณะที่ประกาศนั้นแต่โบราณเป็นหน้าที่กรมพระสุรัสวดี โดยผู้ถือบาญชีกระทรวงทบวงการทั้งปวง ที่จะคัดสำเนาประกาศแจกจ่ายไปยังกรมต่างๆทุกกรม ส่วนหัวเมืองทั้งปวงนั้น เมื่อมหาดไทยกลาโหมกรมท่า อันเป็นเจ้ากระทรวงบังคับบัญชาหัวเมือง ได้รับประกาศจากกรมพระสุรัสวดี ก็คัดสำเนาส่งไปยังหัวเมืองอันขึ้นอยู่ในกรมนั้นๆอีกชั้น ๑
ลักษณะการที่จะประกาศให้ราษฎรทราบพระราชกฤษฎีกานั้น ประเพณีเดิมในกรุงเทพฯกรมเมืองให้นายอำเภอเป็นเจ้าพนักงานไปเที่ยวอ่านประกาศตามตำบลที่ประชุมชน ส่วนหัวเมืองทั้งปวง เจ้าเมือง กรมการ ให้กำนันเป็นพนักงานอ่านประกาศ เมื่อพนักงานจะอ่านประกาศที่ตำบลไหนให้ตีฆ้องเป็นสัญญา เรียกราษฎรมาประชุมกันแล้วอ่านประกาศให้ฟัง ณ ที่นั้น วิธีประกาศเช่นว่ามานี้จึงเรียกกันเป็นสามัญว่า "ตีฆ้องร้องป่าว"
ส่วนต้นฉบับประกาศพระราชกฤษฎีกาทั้งปวงนั้นอาลักษณ์รักษาไว้ในหอหลวงฉบับ ๑ คัดส่งไปรักษาไว้ที่ศาลาลูกขุนอันเป็นที่ประชุมเสนาบดีฉบับ ๑ แลส่งไปรักษาไว้ที่ศาลหลวงอันเป็นที่ประชุมผู้พิพากษาด้วยอีกฉบับ ๑ ประเพณีเดิมมีลักษณะดังว่ามานี้.....
ในตำนานกฎหมาย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์มีความว่า
เมื่อมีพระราชกฤษฎีกามากเข้าเรื่อยๆ ก็นำพระราชกฤษฎีกานั้นมาชำระกันเสียครั้งหนึ่ง การชำระคือการตัดข้อความที่ฟุ่มเฟื้อออก ตัดวันเวลาออก ตัดมูลเหตุแห่งคดีออกเป็นชั้นๆ จนที่สุดเหลือแต่ข้อบัญญัติพระราชกำหนด จัดรวบรวมไว้เป็นหมวดเป็นหมู่ จึงเรียกว่า "ประมวลกฎหมาย"
กระทู้นี้ต่อจาก พระบรมราโชวาทและพระราชประกาศ บางประกาศ
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K4222771/K4222771.html
พระบรมสาทิสฉายาลักษณ์ พระราชทานจักรพรรดินโปเลียนที่ ๓ เมื่อวันที่ ๒๗ มิ.ย. ๒๔๐๔
ได้มาจาก
http://www.kingmongkut.com
(แก้ลิงค์ครับ)
แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 49 18:15:45
แก้ไขเมื่อ 04 เม.ย. 49 10:58:41