เมื่อวานนี้ผมได้ดูข่าวเรื่องการสอบแอดมิสชั่นที่มีปัญหาแล้วรู้สึกว่า น้องๆที่อยู่ในรุ่นนี้น่าสงสารมากๆ ซึ่งต้องบอกว่าปัญหานั้นเกิดมาจากความไม่พร้อมจริงๆ
ในเรื่องนี้ผมคิดว่าเป็นความดึงดันในการที่จะผลักดันระบบมากจนเกินไปทั้งที่ไม่ได้มีการตรวจสอบและพัมนาให้มีความสมบูรณ์ได้ก่อน ทำให้เกิดปัญหาขึ้น...
แต่เมื่อจะดูไปแล้วผมว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงทั้งที่ไม่พร้อมเนี่ยเป็นอะไรที่เกิดบ่อยมากๆ เลย ไม่ใช่แค่เรื่องการสอบแอดมิสชั่นนะครับ หลายเรื่องเลย...
อย่างก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลผลักดันให้โรงเรียนบางส่วนไปขึ้นกับองกรบริหารส่วนตำบลหรื่อไงเนี่ยแหละก็ใช่... จนทำให้มีการชุมนุมของครูนับหมื่นทีเดียว ทำให้ครูบางคนถึงกับหยุดสอนประท้วงทีเดียว ลองมองดูแล้วเด็กนักเรียนรุ่นนี้น่าสงสารมากจริงๆ
นี่ยังไม่รวมไปถึงเวลาที่มีการเปลี่ยนรัฐบาลนะครับ พอเปลี่ยนทีนึงก็ต้องหาแนวทางกันใหม่ วนอยู่แบบนี้แหละครับ... บ้านเราถึงไม่พัฒนาสักที...
ผมไม่อยากจะว่าเรื่องการดำเนิการอะไรไปมากกว่านี้แล้วครับ เพราะรู้สึกว่าอะไร อะไรบ้านเราก็เริ่มทำทั้งที่ไม่พร้อมไปซะหมด... แล้วพอทำออกมาก็แย่อย่างที่เห็น...
วันนี้ผมจึงรู้สึกว่าทางแก้มันน่าจะอยู่ที่ "การเตรียมการล่วงหน้า" ครับ
ผมจึงเกิดคิดว่าน่าจะมีสถาบันหรือองกรณ์ที่จะมารองรับปัญหาความไม่พร้อมทั้งหลายพวกนี้...
ซึ่งผมว่าบ้านเรายังขาดองค์กรแบบนี้ครับ หรือว่าโลกเราขาดองค์กรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ เพราะพวกฝ่ายบริหารก็คิดแค่ว่าจะทำแบบนี้ จะทำแบนั้น แล้วก็โยนงานให้ทางสถาบันนั้นไปคิด ซึ่งสถาบันที่ไปคิดนั้นงานก็ล้นมืออยู่แล้ว ยังต้องมาคอยคิดหาวิธีการอีก...
ผมขอยกตัวอย่างนะครับ อย่างเรื่องแอดมิสชั่นเนี่ยแหละ กระทรวงศึกษาธิการคงรับไปเต็มๆ เพราะงานของกระทรวงก็คือเรื่อง การเรียนของนักเรียนนักศึกษาทั้วประเทศ งานก็หนักอยู่แล้วเพราะปีๆ นึงนักเรียนสอบเข้าก็เยอะย้ายโรงเรียนก็เยอะ แล้วยังต้องมาเปลี่ยนระบบอีก ทีนี้จะเอาคนที่ไหนมาทำให้มันพร้อมได้ล่ะครับ...
ผมเลยขอเสนอโปรเจคในการแก้ปัญหาแบบนี้ที่ผมคิดขึ้น คือ "สถาบันนักคิด นักวิชาการ และนักพัฒนาแห่งชาติ" ครับ แต่เรื่องนี้ผมไม่รู้ว่ามีสถาบันแบบนี้รึเปล่าในเมืองไทยนะครับ เป็นเพียงการคิดเล่นๆ เท่านั้น
โดยชื่อของมันก็ตรงตัวอยู่แล้วครับ นักคิด นักวิชาการ นักพัฒนา... คือเอาคนที่มีความสามารถทั้งหลายมารวมอยู่ในที่เดียว เพื่อให้ทำน้าที่ในการสร้างระบบ ตรวจสอบความพร้อมของระบบต่างๆ ว่าทำได้จริงรึเปล่า และจะไม่เกิดปัญหาตามมาในการที่จะเปลี่ยนถ่ายระบบครับ...
ซึ่งลองคิดดูสิครับว่าถ้ามีองค์กรที่เข้ามาตรวจความพร้อม หาจุดบกพร่อง และแก้ไขให้เป็นระบบแล้ว จึงค่อยส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบทำต่อ งานก็จะมีความรัดกุมยิ่งขึ้น
ถ้าคิดง่ายๆก็เป็นพวก นักวางแผนแหละครับ วางแผนให้สามารถทำจริงได้เลยไม่ต้องมาคิด เพราะองค์กรนี้คิดให้เสร็จว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน จะแก้ไขยังไง..
ลองฟังดูแล้วก็ดูดีไม่หยอกใช่ไหมครับ.. แต่คงจะคิดว่าจะทำได้รึเปล่าด้วยใช่ไหม...
ปัญหานี้แก้ไขได้ครับ ตามชื่อสถาบันเลย อันดับแรกครับ ต้องรวบรวมนักคิด นักวิชาการ และนักพัฒนาในด้านต่างๆ ให้ได้ก่อนครับ ซึ่งสำหรับผมแล้วคนเก่งในบ้านเราเยอะครับ แต่เราใช้คนไม่เป็น นั่นคือ ไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์
โดยการรวบรวมนักคิดนั้นสำหรับผมหมายถึงการสร้างแนวคิดต่างๆ ออกมาว่าสารมารถทำได้ไหม เหมือนสถาปนิกออกแบบบ้านก็ต้องออกแบบให้สร้างได้
แล้วก็ยังมากรองข้อมูลต่างๆ อีกชั้นด้วยนักวิชากการว่าในการทำนั้นในทางทฤษฏีแล้วมันให้ประโยชน์ และทำได้จริงแค่ไหน
ส่วนสุดท้ายครับ นักพัฒนา อันนี้ต้องบอกว่าเป็นความคิดลำดับสุดท้ายเลยครับ แต่สำคัญที่สุด เพราะจะเป็นการเสริมจุดแข็ง และลบจุดอ่อนในการใช่จริงมากที่สุด ซึ่งผมคิดว่าปัญหาบางครั้ง เรื่องเดียวกันก็จริงแต่มันมีหลายมุมครับ... เราจึงต้องมีองค์กรแบบนี้เกิดขึ้น...
โดยผมว่า ถ้ามีสถาบันแบบนี้เกิดขึ้นจริง ปัญหาที่เกิดขึ้นในการริเริ่มการเปลี่ยนถ่ายระบบคงจะมีน้อยลงมากทีเดียว
และอาจจะลดปัญหาหลายๆ อย่างๆ ด้วยถ้าจะเพิ่มขอบข่ายขององค์กร ด้วยการให้เป็นองค์กรที่นำเสนอแนวคิดในด้านต่างๆ อย่างเป็นระบบด้วย ก็จะดีมากครับ...
ไม่แน่ว่าถ้ามีสถาบันตามแนวคิดของผมเกิดขึ้นในอนาคต อาจจะแก้ปัญหาที่ไม่ลงตัวในการทำงานของบ้านเราได้เยอะจนคาดไม่ถึงทีเดียว...
จากคุณ :
Pathorn
- [
วันมหาสงกรานต์ (13) 17:38:42
]