CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ศิลปนิพนธ์ ขององค์หริภา ถ่ายทอดความคิดตายแล้วไปไหน

    โอกาสนี้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ได้ทรงบรรยายถึงผลงานศิลปนิพนธ์ ที่ทรงสร้างสรรค์ขึ้นด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท โดยทรงกำหนดพื้นที่ภายในหอศิลป์ เป็นบรรยากาศของมหาวิหารที่อยู่ในจินตนาการของพระองค์ มีส่วนของนิทรรศการจากโครงกระดูก 12 นักษัตร และทรงทำบรรยากาศให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงสัมผัสรอบตัว ทั้งอุณหภูมิ กลิ่น เสียง และรูปที่มองเห็น อันนำไปสู่มิติหนึ่งในความฝัน กดดันให้รู้สึกถึงความโดดเดี่ยว อ้างว้าง หนาวเหน็บ มืดมน ลี้ลับ เสมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่แปลกประหลาด



    องค์หริภาได้ทรงบรรยายไว้ในบทคัดย่อของศิลปนิพนธ์ว่า “ข้าพเจ้าต้องการให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความเป็นจริงในจักรวาลและความตาย ซึ่งมีส่วนในการกำหนดชีวิตและชะตากรรมของมนุษย์ มากที่สุด ความคิดในเรื่องของตายแล้วไปไหน และ ความสมดุลระหว่างความดี ความชั่ว บาปบุญ และเรื่องของกรรมเวร เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์ทุกคนมาชั่วกาลนาน รูปแบบ ผลงานแบบศิลปะจัดวาง (Installation) จะช่วยให้คนดูได้สัมผัสจริงกับผัสสะที่อยู่รอบกาย ไม่ว่า จะบรรยากาศ อุณหภูมิ รูป รส กลิ่น และเสียง จะทำให้เสมือนได้เข้ามาสู่มิติของจักรวาล มิติของผู้ที่ตายแล้วอ้างว้าง เคว้งคว้าง โดดเดี่ยว หนาวเหน็บ มืดมน ไร้หนทาง และอาจเกิดความรู้สึกที่อ่อนแอ เมื่อเราอยู่ในที่ที่เราไม่รู้จักเลย” ทั้งนี้เพราะ “องค์หริภา” ทรงสนพระทัยในเรื่องของศาสนา ไสยเวท เรื่องของดวงดาว ในจักรวาลอันลี้ลับ เชื่อมโยงไปถึงความเชื่อในเรื่องของโชคชะตา การคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า เรื่องของการเกิดและความตาย สิ่งต่างๆเหล่านี้ อยู่ในความควบคุมตัดสินของระบบโลกจักรวาล จึงทรงมีพระประสงค์ให้ผลงานศิลปนิพนธ์นี้ ได้มีส่วนทำให้คนดูได้ตระหนักถึงเรื่องของความดีความชั่ว บาปบุญและกรรมเวร ซึ่งเกิดขึ้นจากการควบคุมของจักรวาล โดยทรงจัดแสดงผลงานศิลปนิพนธ์ ให้สาธารณชนได้ชมกันอย่างทั่วถึงระหว่างนี้ถึง 18 มี.ค.49



    อ.พิษณุ ศุภนิมิตร อาจารย์ที่ปรึกษาศิลปนิพนธ์ เผยว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่องค์หริภาทรงศึกษาอยู่ในคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ทรงเป็นที่รัก ของคณาจารย์และพระสหายที่มีทั้งรุ่นพี่ระดับปริญญาโท และรุ่นน้อง เนื่องจากทรงมีพระเมตตาและรักในหมู่คณะ พระองค์จะเสด็จเข้าร่วมกิจกรรมของนักศึกษาทุกครั้ง โดยรุ่นพี่ได้ถวายพระนามอันเป็นธรรมเนียมของคณะว่า “บีจู” มีความหมายว่า “ปุยฝ้าย” สำหรับเรื่องเรียน องค์หริภาทรงมุ่งมั่นทุ่มเททำงานศิลปะในโครงการต่างๆ ทรงมีระบบการทำงานศิลปะเช่นเดียวกับศิลปินอาชีพ ด้วยทรงมีจินตนาการที่ล้ำลึก มีพระปรีชาสามารถในการสร้างสรรค์ และมีศิลปะนิสัย เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว จะทรงประกอบอาชีพเป็นศิลปินอิสระ ซึ่งจะทรงเป็นหลัก และเป็นที่พึ่งพิงของวงการศิลปะร่วมสมัยของไทยในที่สุด.



    จาก : ไทยรัฐ

     
     

    จากคุณ : Visby - [ 18 เม.ย. 49 17:49:08 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป