PANTIP.COM : K4387347 ขอข้อมูลเรื่อง ช้างหลวง ช้างต้น ในรัชกาลนี้หน่อยครับ ~~ [ประวัติศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 9

พระเศวต...คู่พระบารมี

19 พฤษภาคม 2549 17:30 น.
กรุงเทพธุรกิจ
ช่วงเดือนมิถุนายน ที่จะถึงนี้ พสกนิกรชาวไทยและพระราชอาคันตุกะจากต่างแดนจะได้ร่วมชื่นชมพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

ยุวดี มณีกุล ภูมิใจเสนอเรื่องราวของพระยาช้างต้น ช้างเผือกคู่พระบารมีช้างแรกในรัชกาลปัจจุบัน

โบราณราชประเพณีแต่เดิมนั้น ในงานพระราชพิธีสำคัญ อาทิ งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา งานพระราชพิธีฉัตรมงคล หรือในงานพระราชทานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่พระราชอาคันตุกะ หรือผู้เป็นประมุขของต่างประเทศที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท จะต้องมีการนำช้างเผือกแต่งเครื่องคชาภรณ์ไปยืนที่แท่นเกยช้างด้านตะวันตก พระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อประกอบเกียรติยศ

พระยาช้างต้นนาม พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ช้างเผือกช้างแรกแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งถือกันว่ามีศักดิ์สูงเทียบชั้นเจ้าฟ้า ก็ได้เคยทรงเครื่องคชาภรณ์ออกยืนแท่นในพระราชพิธีต่างๆ มาแล้ว

ลำทับ...ถิ่นเดิมพลายแก้ว

ข้อมูลจากหนังสือ 'พระเศวต' เขียนโดย อ.อำนวย สุวรรณชาตรี อาจารย์ประจำโรงเรียนลำทับประชานุเคราะห์ จังหวัดกระบี่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ จัดพิมพ์เมื่อปี 2547 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นกำเนิดพระยาช้างต้นช้างแรกในรัชกาลปัจจุบันว่า ปี พ.ศ.2499 คณะของนายเจิม พรหมแสง ซึ่งมีอาชีพจับช้างขายทราบข่าวว่ามีโขลงช้างกำลังเดินทางมาตามเส้นทางรอยต่อระหว่างป่าของเขตจังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช และกระบี่ ซึ่งเป็นเขตพรุดินนา มุ่งหน้ามาทางแนวเขานอจู้จี้ และแนวเขานางนอน

นายเจิมได้ให้นายแปลก ฟุ้งเฟื่อง เป็นผู้ขอสัมปทานในการจับช้างจากทางราชการ เมื่อได้รับอนุญาต คณะประมาณ 20 คน ได้แบ่งหน้าที่กัน โดยมีนายตรึก พรหมแสง เป็นเจ้าของคอกช้าง ร่วมกับนายเขิม คงหวัง และมียาตรา(กองไล่)ประมาณ 5 คน นายพลอย บุญเดช และนายที่ (ไม่ปรากฏนามสกุล) เป็นผู้นั่งห้าง(ลาด)ตอนท้ายช้าง มีหมอเฒ่าอิ่ม เจริญรูป เป็นหมอช้าง

หมอเฒ่าอิ่มประกอบพิธีกรรมในบริเวณคอกช้างของนายตรึก มีการบนบานต่อเทพยดาเจ้าป่าเจ้าเขา หากคณะที่ไปคล้องช้างได้ช้างมาเข้าคอกจะรำมโนราห์ถวาย

ในที่สุดโขลงช้างถูกต้อนเข้าคอกที่ไร่แขก บ้านหนองจูดหมู่ที่ 1 ตำบลดินอุดม จำนวน 6 เชือก หมอช้างเข้าไปคล้องช้างที่ในคอกหรือจับช้างในซอง ควาญช้างช่วยกันดึงเชือกเพื่อที่จะผูกเท้าช้างให้อยู่ กระทั่งจับได้ทุกเชือก ได้แก่ พังสาคร พลายทอง พังเพียร พังวิไล พังน้อย และพลายแก้ว

ชื่อเหล่านี้หมอช้างและเจ้าของช้างเป็นผู้ตั้งเอง

ในจำนวน 6 เชือกนี้ พลายแก้วเป็นช้างที่จับยากมาก อายุประมาณ 5-6 ปี สูงประมาณ 150 เซนติเมตร หมอทรงเจ้าผู้ทำพิธีขอขมาเจ้าที่เจ้าทางบอกว่าช้างตัวสุดท้ายที่จับจากหมู่บ้านหนองจูดนั้นเป็น 'ช้างสำคัญ'

ตามพระราชบัญญัติรักษาช้างป่า พ.ศ.2464 ภาค 3 มาตรา 12 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กำหนดให้ผู้ที่ครอบครองช้างสำคัญ หรือช้างสีประหลาด หรือช้างเนียม โดยเหตุที่ตนจับได้ หรือโดยแม่ช้างของตนตกลูกออกมา หรือโดยเหตุอื่นอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ต้องนำขึ้นทูลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบำเหน็จให้ตามสมควร

พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวได้กำหนดบทลงโทษไว้ในมาตราที่ 21 ว่าผู้ใดที่มีช้างสำคัญ ช้างสีประหลาด หรือช้างเนียม แล้วปล่อยเสียหรือปิดบังซ่อนเร้นไว้ ไม่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500 บาท และโทษนี้จะไม่ลบล้างการที่ช้างนั้นจักพึงต้องริบเป็นของหลวง

ที่สำคัญจะยังคงเรียกช้างลักษณะดังกล่าวว่าช้างสำคัญ ไปจนกว่าจะได้มีการตรวจสอบคชลักษณ์ต้องตามตำรา ทางราชการจึงจะกำหนดให้มีการขึ้นระวางสมโภช ขนานนามเป็นพระยาช้างต้น หรือพระยาช้างเผือก

ประมาณ 4 เดือน หลังจากที่คณะจับช้างได้นำช้างทั้งหมดมาเลี้ยงไว้ ช่วงดังกล่าวได้มีคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาฉายในระหว่างที่ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภูมิภาค ให้ประชาชนชาวใต้ได้ชื่นชมพระบารมี ปรากฏว่าข่าวร่ำลือเกี่ยวกับพลายแก้วล่วงรู้ถึงคณะผู้ตามเสด็จฯ จนได้ติดตามจนพบควาญช้างคือ นายเสริม คงหวัง มีการตรวจคชลักษณ์พบว่าเป็นช้างสำคัญจริง มีลักษณะสมบูรณ์ ศุภมงคลครบถ้วนต้องตามตำรา

ทางจังหวัดกระบี่จึงได้จัดส่งพลายแก้วเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กรุงเทพฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 โดยนำมาเลี้ยงไว้ที่สวนสัตว์ดุสิต

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปยังสวนสัตว์ดุสิตเขาดินวนา ในพิธีน้อมเกล้าฯ ถวายช้างพลายสีประหลาด

ขึ้นระวางเป็นพระยาช้างต้น

ภาสพล กนิษฐสุต จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ช้างต้น เล่าไว้ในหนังสือ 'พระเศวต' ว่าความรู้เกี่ยวกับช้างเป็นวิชาที่ผูกพันกับคติความเชื่อ มีต้นกำเนิดจากอินเดีย เรียกว่าคชศาสตร์

ตำราดังกล่าวระบุถึงเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์เป็นผู้เนรมิตให้มีช้างตระกูลต่างๆ เกิดขึ้นในโลก ช้างที่มีลักษณะพิเศษเป็นมงคลเรียกว่าช้างเผือก ถือเป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองที่บังเกิดขึ้นเพราะพระบารมีของพระมหากษัตริย์ หากพระมหากษัตริย์ทรงมีช้างเผือกคู่บุญบารมีมาก ถือว่าพระมหากษัตริย์พระองค์นั้นมีบุญญาธิการยิ่ง

อ.อำนวย ผู้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับคุณพระเศวตโดยละเอียด แจกแจงไว้ว่าพระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ) ทายาทของพระยาเพทราชา (อ๋อย คชาชีวะ) อดีตเจ้ากรมช้างในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นผู้ตรวจคชลักษณ์คุณพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ พบว่าเป็นช้างพลายเผือกโทในตระกูลพรหมพงศ์ (ในตำราคชลักษณ์สรรเสริญว่าให้คุณทางเจริญอายุและวิทยา) จำพวกอัฏฐทิศ หรือช้าง 8 ทิศ เป็น 8 ทิศของเขาพระสุเมรุ อยู่ในหมู่ที่ 4 ชื่อว่า กมุท

ช้างนี้จะมีลักษณะ 5 ประการ คือ สีดำดอกกมุทหรือบัวสายแดง ตัวสูงยาวกลม หูอ่อน เสียงเหมือนเสียงแตรงอน งางอนข้างขวาเหมือนพระจันทร์วันขึ้น 3 ค่ำ

พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เกิดประมาณปี พ.ศ.2494-2495 ถูกคล้องได้ที่ป่าลำทับขณะอายุประมาณ 5-6 ปี พลโทบัญญัติ เทพหัศดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย น้อมเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานซองบุหรี่ทองคำ เป็นบำเหน็จแก่พลโทบัญญัติ ผู้ถวาย

ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้สมโภชขึ้นระวางเป็นพระยาช้างต้น เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2502 ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต โปรดเกล้าฯ พระราชทานคชาภรณ์ และพระราชทานนามว่า

...พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิสุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรพิตรสารศักดิเลิศฟ้า...

นามนี้จารึกไว้บนฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ประจำพระองค์ ประดิษฐานอยู่บนไพทีระหว่างปราสาทเทพบิดร และพระมณฑปในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

อ.อำนวย ระบุว่าไม่กี่ปีมานี้มีการดูคชลักษณ์พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ อีกครั้ง เพราะเมื่อมีอายุมากเข้าสีผิวจะกลาย เทียบเท่าช้างเผือกเอก แต่ความดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันจากสำนักพระราชวัง

จากคุณ : รวียศ - [ 22 พ.ค. 49 14:29:29 A:10.2.26.4 X:202.44.231.8 TicketID:058324 ]

ความคิดเห็นที่ 10

(ต่อครับ)
คชาภรณ์พระเศวต พ.ศ.2549

ในปีมหามิ่งมงคลนี้ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนต่างตระเตรียมโครงการต่างๆ เพื่อแสดงความจงรักภักดีแด่องค์พระมหากษัตริย์

กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ก็ได้เตรียมพร้อมโครงการใหญ่ 7 โครงการ โดยความรับผิดชอบของสำนักต่างๆ ในสังกัด โครงการหนึ่ง ได้แก่ การจัดสร้างคชาภรณ์พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ พระยาช้างต้นประจำรัชกาล

อารักษ์ สังหิตกุล อธิบดีกรมศิลปากร เล่าว่าเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ และวันที่ 18 มีนาคม 2549 ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้เดินทางไปพระราชวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทูลเกล้าฯ ถวายแบบจำลองคชาภรณ์เพื่อทอดพระเนตร จากนั้นได้นำกลับมาดำเนินการจัดสร้าง

"กรมศิลปากรได้เดินทางไปวัดขนาดคุณพระเศวต ทดลองสวมแบบจำลองคชาภรณ์แบบต่างๆ ซึ่งรายละเอียดการค้นคว้าและจัดทำผมได้มอบหมายให้คุณก่องแก้วไปทำมา แล้วจะนำคชาภรณ์ของจริงไปให้คุณพระเศวตสวมที่โรงช้างต้น วังไกลกังวล ผมจะพยายามให้เสร็จทันวันที่ 25 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ให้ได้"

อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวด้วยว่าถือเป็นมิ่งมงคลที่ได้ทำงานทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้

"คุณพระเศวตเป็นช้างต้นที่สำคัญ ผมถือเป็นมงคลที่เป็นอธิบดีในช่วงที่พระองค์ท่านทรงครองราชย์ครบ 60 ปี กรมศิลปากรยังมีโครงการใหญ่อีก 6 โครงการที่จะตั้งใจทำสุดความสามารถ"

ทางด้าน ก่องแก้ว วีรประจักษ์ ผู้รับหน้าที่ค้นคว้าเครื่องแต่งตัวพระยาช้างต้น ได้เขียนรายละเอียดแบบคชาภรณ์ เสนอต่ออธิบดีกรมศิลปากร ดังนี้

เครื่องกุดั่น เป็นส่วนที่เป็นผ้าปกกระพองประดับด้วยอุบะหน้าช้าง ใช้คลุมแต่ศีรษะไปถึงไหล่ ผ้าปกกระพองทำด้วยผ้าเยียรบับ รูปทรงคล้ายกลีบบัว มีนุ่นหรือสำลีอยู่ภายใน เย็บคล้ายผ้านวมตลอดผืน ส่วนที่เลยไปตรงศีรษะไม่มีนุ่นหรือสำลี ส่วนที่เป็นอุบะหน้าช้าง คือกุดั่น ทำด้วยลูกปัดแก้ว ประดับตุ้งติ้งทองคำ

พนาศ คือผ้าหรือเบาะคลุมหลังช้างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาวลงมาถึงเอว ทำด้วยผ้าเยียรบับ มีระบาย 3 ชั้น ตรงข้างเอวมีคันชีพปักตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาล คันชีพคือถุงเยียรบับห้อยจากผ้าคลุมหลัง 2 ข้าง ใช้เป็นที่ใส่อาหารและอาวุธ

พู่หูมี 2 ข้าง ทำด้วยขนจามรี(นำเข้าจากประเทศเนปาล) รัดด้วยทองคำลงยา

เสมาคชาภรณ์ ทำด้วยทองคำลงยา มีตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาล และสร้อยทองคำ

ทามคอ พานหน้า พานหลัง และสำอางค์ ทำด้วยเชือกหุ้มผ้าแดง หรือผ้าทอยกดอกลายริ้วหรือเข้มขาบ มีตราประดับ

อธิบดีกรมศิลปากรเผยว่านายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ น่าจะเป็นแขกบ้านแขกเมืองคนแรกที่ได้ยลพระเศวตในคชาภรณ์ใหม่ ด้วยวันที่ 26 พฤษภาคม นี้ นายโคฟี อันนัน จะเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระราชวังไกลกังวล เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ เฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

เมื่อนั้น คุณพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ จะได้ปรากฏโฉมผ่านสื่อสารมวลชน ให้พสกนิกรชาวไทยและชาวต่างชาติได้ประจักษ์ในความเป็นช้างเผือกคู่พระบารมีตราบนานเท่านาน

นอกจากพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ยังมีช้างต้นในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ดังนี้

- พระเศวตวรรัตนกรี นพิศสิริพงคนัทย์ เอกาทัศน์มงคลสุลักษณ์ ศุภนัขเนตราทิโควรรณ พิษณุพันธุ์ อัครคชาธาร อัฏฐกุลสารดามพหัสดิน ปรมินทรมหาราชพาหน สยามประชาชนสวัสดิคุณเดชอดุลยเลิศฟ้า

เป็นช้างพลายเผือก ตกที่บ้านนายแก้ว ปัญญาคง ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พันตำรวจเอกนิรันดร ชัยนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ น้อมเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2509 สมโภชขึ้นระวางที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2509 ปัจจุบันล้มแล้ว

- พระเศวตสุรคชาธาร บรมนฤบาลสวามิภักดิ์ ศุภลักษณเนตราทิคุณ ทศกุลวิศิษฎพรหมพงศ์ อดุลยวงศ์ดามพหัตถี ประชาชนะสวัสดิวิบูลย์ศักดิ์ อัครสยามนาถสุรพาหน มงคลสารเลิศฟ้า

เป็นช้างพลายเผือก ลูกเถื่อน นายเจ๊เฮง หะระตี กำนันตำบลการอ อำเภอรามัญ จังหวัดยะลา ได้ลูกช้างพลัดแม่ พันตำรวจเอกศิริ คชหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัด น้อมเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2511 สมโภชขึ้นระวางที่จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2511 อยู่ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ปัจจุบันล้มแล้ว

- ช้างพลายแก้วขาว

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้กราบบังคมทูลน้อมเกล้าฯ ถวาย ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศนธ์ โปรดเกล้าฯ ถวายเอกสารใบสำคัญรูปพรรณ ทะเบียนสัตว์พาหนะ เมื่อปี พ.ศ.2519 ได้ฝากให้เลี้ยงดูอยู่ที่ศูนย์ฝึกลูกช้าง จังหวัดลำปาง ยังไม่ได้ขึ้นระวางสมโภช ล้มเสียก่อนเมื่อ พ.ศ.2519

- พระศรีเศวตศุภลักษณ์ อรรครัตนกิรินี ดามพหัสพิษณุพงศ์ ดำรงสุทธสกนธ์สุคนธชาติ เฉลิมราชกฤดาบารมี ศรีตรังคพิเศษสุทธิ์ อุตดมสารเลิศฟ้า

เป็นช้างพังเผือก ชื่อเล่นว่า 'เจ้าแต๋น' กรมป่าไม้ได้มากจากป่าพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้นำไปเลี้ยงไว้ที่วนอุทยานเขาช่อง จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังและอธิบดีกรมป่าไม้ ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย และโปรดเกล้าฯ สมโภชขึ้นระวาง เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2519 ณ โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

- ช้างพลายชื่อเล่นว่า 'ก้อง' ของกรมป่าไม้ ได้นำไปเลี้ยงที่วนอุทยานเขาเขียว จังหวัดชลบุรี ตรวจสอบแล้วเป็นเพียงช้างสีประหลาด ยังมิได้น้อมเกล้าฯ ถวาย ล้มเสียก่อน

- พระเศวตสุทธวิลาส อัฏฐคชชาติพิษณุพงศ์ ดำรงประภาพมหิมัน ตามรพรรณไพศิษฎ์ ผริตวรุตตมมงคล ดาลศุภผลสวัสดิวิบุล อดุลยลักษณ์เลิศฟ้า

เป็นช้างพลายเผือก(สีดอ) ชื่อเล่นว่า 'บุญรอด' คนงานของกรมป่าไม้ ได้พบลูกช้างที่ป่าบริเวณแม่น้ำแควน้อย จังหวัดกาญจนบุรี นำมาเลี้ยงไว้ที่วนอุทยานเขาเขียว จังหวัดชลบุรี อธิบดีกรป่าไม้ได้น้อมเกล้าฯ ถวาย และโปรดเกล้าฯ สมโภชขึ้นระวาง เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2520 ที่โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

- พระวิมลรัตนกิรินี กมุทศรีพรรณโศภิต อัฎฐทิศพงศ์กมลลาสน์ อรรคราชทิพยพาหน ถกมลกิตติคุณกำจร อมรสารเลิศฟ้า

เป็นช้างพังเผือก ชื่อเล่นว่า 'ขจร' นายปรีชา และนางพิมพ์ใจ วารวิจิตร ได้มาจากป่าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำมาเลี้ยงไว้ที่บ้านทุ่งสีกัน กรุงเทพฯ ทั้งสองได้น้อมเกล้าฯ ถวาย และโปรดเกล้าฯ สมโภชขึ้นระวาง พระราชทานนามเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2520 ที่โรงช้างต้น สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

- พระศรีนรารัฐราชกิรินี จิตรวดีโรจนสุวงศ์ พรหมพงศ์อัฎฐทิศพิศาล พิเสฐธารธรณิพิทักษ์ คุณารักษ กิตติกำจร อมรสารเลิศฟ้า

เป็นช้างพังเผือก ชื่อเล่นว่า 'จิตรา' ยายมายิ มามุ ราษฎรบ้านกูมุง หมู่ 7 ตำบลจะแนะ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ได้ลูกช้างพลัดแม่จากป่าบนเทือกเขากือซา นายวัชระ สิงคิวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส น้อมเกล้าฯ ถวายวันที่ 23 สิงหาคม 2520 สมโภชขึ้นระวาง พระราชทานนามที่จังหวัดนราธิวาส วันที่ 24 สิงหาคม 2520 ปัจจุบันอยู่ที่โรงช้างต้น พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต

- พระเศวตภาสุรคเชนทร์ นวเมนทรพาหน สุทธิวิมลวิษณุพงศ์ คุณดำรงดามพหัสดินทร์ สุพัชรินทร์ อนันตผล คชมงคลเลิศฟ้า

เป็นช้างพลายเผือก ชื่อ 'ภาศรี' นายสุรเดช มหารมย์ เจ้าของไร่ภาศรี ใกล้เขื่อนแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ได้มาจากชาวบ้านกะเหรี่ยง บ้านหนองปืนแตก ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี นายศุภโยค พาณิชวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี น้อมเกล้าฯ ถวายเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2521

- พระเทพวัชรกิรินี ดามพหัสพิษณุพงศ์โสตถิธำรงวิสุทธิลักษณ์ อำนรรฆคุณสบสกนธ์วิมลสารโสภิต พิบุลกิตติ์เลิศฟ้า

เป็นช้างเผือก เดิมชื่อ 'ขวัญตา' พระปลัดบุญส่ง ธัมมปาโล เจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐ อำเภอเมืองเพชรบุรี ได้มาจากนายสนิท ศิริวานิช กำนันตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายศุภโยค พาณิชวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี น้อมเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2521

- พระบรมนขทัศ วัชรพาหน์พิษณุพงศ์ โสตถิธำรงอัฎฐคช ดิเรกยศอนันตคุณ อดุลสารเลิศฟ้า

เป็นช้างพลายเผือกลูกเถื่อนชื่อ 'ดาวรุ่ง' พระปลัดบุญส่ง ธัมมปาโล ได้มาจากราษฎรอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำมาเลี้ยงไว้ที่วัดเขาบันไดอิฐ คู่กับช้างพังขวัญตา นายศุภโยค พาณิชวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี น้อมเกล้าฯ ถวาย ในเวลาต่อมา

......................................

ที่มา : หนังสือ 'พระเศวต'

จากคุณ : รวียศ - [ 22 พ.ค. 49 14:30:27 A:10.2.26.4 X:202.44.231.8 TicketID:058324 ]