ความคิดเห็นที่ 90
สมัยรัชกาลที่ ๗
ในรัชกาลที่ ๗ เจ้าพระยายมราชได้ฉลองพระเดชพระคุณในกิจการเบื้องต้นแห่งพระราชภาระที่ขึ้นเสวยราชย์แลพระบรมราชาภิเษกบางอย่าง ที่ควรจะยกมากล่าวก็มี เช่นในการประชุมพระบรมวงศ์และเสนาบดีในเวลาดึก ต่อจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตลงนั้น เมื่อที่ประชุมรับทราบพระราชประสงค์ในรัชกาลที่ ๖ ที่จะให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงสุโขทัยธรรมราชาทรงรับราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์แล้ว เจ้าพระยายมราชได้เป็นผู้นำข้าราชการลงจากเก้าอี้ที่นั่งประชุมคุกเข่ากับพื้นถวายบังคม ๓ ครั้ง เป็นการรับรองพระราชประสงค์อันนั้นในนามของข้าราชการและประชาชน นอกจากนั้นยังคงมีหน้าที่ถวายน้ำในนามของประชาชนทิศอุดรในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกฐานเป็นราชบัณฑิต เช่นเดียวกันกับที่ได้เคยฉลองพระเดชพระคุณมาแล้วในรัชกาลสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช
ครั้นต่อมาไม่ช้า (วันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๔๖๘) ท่านได้ปรารภอายุสังขารที่ชราลง ขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย รวมเวลาที่รับราชการได้ถึง ๔๓ ปี ใน ๔๓ ปีนี้ท่านรับราชการในตำแหน่งครูและอาจารย์เจ้านายและตำแหน่งผู้ช่วยและเลขานุการสถานทูตสยามกรุงลอนดอนอยู่ ๑๑ ปี ในตำแหน่งเลขานุการกระทรวงมหาดไทยตลอดจนถึงข้าหลวงเทศาภิบาล ๑๒ ปี ตำแหน่งเสนาบดี ๒๐ ปี เป็นอันว่าส่วนมากแห่งเวลาราชการของท่านเป็นอยู่ในตำแหน่งเสนาบดี มีน้อยท่านที่จะได้รับราชการในตำแหน่งเสนาบดีนานถึงเพียงนี้ และแม้ว่าท่านที่จะได้อยู่ในจำพวกเสนาบดีที่สามารถก็ดี แต่กว่าจะขึ้นมาได้ถึงเพียงนี้ก็ต้องรับราชการมาแล้วตั้ง ๒๓ ปี เข้าอยู่ในข่ายทรงพิจารณาเลือกเฟ้นอย่างละเอียด เพราะในกาลครั้งนั้นเป็นการยากนักหนาที่ใครๆจะขึ้นมาถึงตำแหน่งเสนาบดีเจ้ากระทรวงได้ในเร็ววัน
เมื่อออกจากราชการแล้วก็ยังได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เป็นผู้ถวายพระพรชัยในเวลาเฉลิมพระชนมพรรษาแทนข้าราชการและประชาชนต่อมาจนเลิกพิธีนั้น หน้าที่นี้เจ้าพระยายมราชได้รับทำสืบต่อเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๔ มาจน พ.ศ. ๒๔๗๔ เป็นเวลา ๒๗ ปี
อนึ่งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ ได้โปรดเกล้าฯให้แก้ไขระเบียบการแห่งองคมนตรีสภาโดยคัดเลือกองคมนตรีขึ้น คณะหนึ่งมีจำนวน ๔๐ ท่าน ทรงเลือกสรรทั้งข้าราชการประจำการและนอกตำแหน่ง อีกทั้งองคมนตรีที่มีความเชี่ยวชาญในอาชีพอื่นจากการทำราชการด้วย ให้มีหน้าที่ออกความเห็นในกิจการบ้านเมือง และสนองพระราชปุจฉาที่พระราชทานลงไปเนืองๆ ที่เกี่ยวด้วยกิจการบ้านเมืองและทุกข์สุขของประชาชน เป็นการทดลองฝึกหัดให้ดำเนินการตามพระราชประสงค์ที่จะตั้งระบอบการปกครองโดยรัฐธรรมนูญขึ้นในภายหน้า กิจสำคัญอันหนึ่งซึ่งกรรมการนี้ได้ทำ คือตรวจพิจารณาและแก้ไขส่วนหนึ่งแห่งร่างประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ที่เจ้าหน้าที่ร่างทูลเกล้าฯถวายขึ้นไป เจ้าพระยายมราชได้เป็นผู้หนึ่งซึ่งทรงเลือกสรรให้เป็นสมาชิกแห่งสภากรรมการองคมนตรีนี้ ได้ฉลองพระเดชพระคุณอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและสภานั้นถูกยุบไป
อนึ่งในระหว่างรัชกาลที่ ๖ เจ้าพระยายมราชได้สมัครเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์แห่งสภากาชาดสยาม ซึ่งได้โปรดเกล้าฯให้จัดระเบียบเปลี่ยนแปลงใหม่ ได้มีส่วนช่วยเหลือสภานั้นด้วยกำลังแรง โดยรับเป็นกรรมการแห่งสถานั้นหลายปี และด้วยกำลังทรัพย์คือได้บริจาคเงิน ๒,๑๐๐ บาท ร่วมกับท่านผู้หญิงตลับสร้างประตูเข้าออกและรั้วหน้าโรงพยาบาลจุลาลงกรณ์ ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๖๓ ได้ร่วมปริจาคเงินอีก ๑๐,๐๐๐ บาท อุทิศถวายสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศลสร้างสถานเสาวภา ครั้นอายุครบ ๖๐ ปีใน พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้บริจาคเงินอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอีก ๘๐,๐๐๐ บาท สร้างตึกชั้นเดียวขนาดใหญ่ขึ้น ๒ หลัง ให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ซึ่งมาเสร็จในระยะเวลาที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดตึกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ และพระราชทานนามว่า "โรงพยาบาลของเจ้าพระยายมราช(ปั้น สุขุม)" ตึกนี้ใช้สำหรับเป็นที่พักรักษาคนป่วยเป็นโรคมะเร็งและโรคสตรี และสำหรับคนคลอดบุตร โดยเหตุที่มีคุณูปการดังกล่าวมาแล้ว สภากาชาดได้ลงมติให้เหรียญกาชาดสมนาคุณชั้นที่ ๑ เพื่อเชิดชูเกียรติยศท่านไว้ด้วย
ใน พ.ศ. ๒๔๖๙ นั้น โรงพยาบาลที่ท่านบริจาคเงินสร้างอีก ๔๐,๐๐๐ บาท ที่เมืองสุพรรณบุรีก็เสร็จลงเหมือนกัน ได้เปิดใช้และขนานนามว่า "โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช(ปั้น สุขุม)"
หลังจากที่ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญใน พ.ศ. ๒๔๗๕ เจ้าพระยายมราชได้ฉลองพระเดชพระคุณในหน้าที่พิเศษบ้าง เช่นเป็นกรรมการข้าราชการพลเรือน และกรรมการกฤษฎีกาในสำนักนายกรัฐมนตรี
เจ้าพระยายมราชเป็นบุคคลที่ไม่สามารถจะอยู่เฉยๆได้โดยไม่ทำการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เหตุนั้นในระหว่างที่ว่างราชการตอนนี้จึงปรากฏว่าท่านมิได้อยู่ว่างๆกี่มากน้อย ธุระที่ท่านพอใจถัดจากการทำราชการมาเห็นจะเป็นการก่อสร้าง ระหว่างนี้ท่านก็ได้มีโอกาสควบคุมการสร้างพระตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตริปชา ในที่สวนนอกเหนือพระราชวังดุสิต
ควรจะกล่าวความแทรกในที่นี้สักหน่อยหนึ่งว่า แต่รัชกาลที่ ๕ มาแล้ว ดูเหมือนจะได้ทรงมอบหมายให้เจ้าพระยายมราชเป็นธุระช่วยเหลือกิจการผลประโยชน์ของเจ้าจอมมารดาแส ในเวลาต่อมาท่านได้เป็นธุระวิ่งเต้นในกิจการทั้งปวงของท่านเจ้าจอมมารดาผู้นี้กับพระธิดาทั้งสองพระองค์ ในเมื่อท่านว่างราชการลง เจ้าพระยายมราชจึงได้ไปฉลองพระเดชพระคุณวิ่งเต้นในการรักษาพยาบาลตลอดจนช่วยเจ้าภาพทำศพท่านแต่ต้นจนถึงเวลาพระราชทานเพลิงและงานอัฐิในที่สุด แล้วยังได้อาสาดูแลพระธุระทั้งปวงของเจ้านายพระธิดาทั้งสองพระองค์ทุกสถาน เป็นการที่ตัวท่านเองเคยพูดด้วยความภูมิใจว่า ได้สนองพระเดชพระคุณพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงผู้เป็นพระบรมชนกนาถแท้จริง
ขึ้นชื่อว่าพระราชโอรสธิดาในรัชกาลที่ ๕ แล้ว เจ้าพระยายมราชเป็นยินดีที่จะรับพระภาระทรงใช้สอยทุกสถาน ด้วยความกตัญญูกตเวทีอันมีอยู่แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้น แต่ที่ท่านรักใคร่สวามิภักดิ์เป็นพิเศษนั้นก็คือพระองค์ที่เคยทรงเป็นศิษย์ (กรมพระจันทบุรี, กรมหลวงราชบุรี, กรมหลวงปราจีณ, กรมหลวงนครชัยศรี กับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) และความสนิทสนมอันนี้ได้ช่วยให้ราชการของท่านสะดวกขึ้นมากเหมือนกัน เพราะท่านได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีร่วมคณะกับเจ้านายผูทรงเป็นศิษย์นั้นทุกพระองค์ อนึ่งใน พ.ศ. ๒๔๗๕ ท่านผู้หญิงตลับก็ป่วยกลับไปกลับมาจนถึงอนิจกรรมลง ท่านก็ได้มีเวลารักษาพยาบาลและทำศพจนตลอด
กิจธุระของท่านอีกอย่างหนึ่งในระหว่างนี้ คือเรื่องโรงเรียนเบญจมราชูทิศ โรงเรียนนี้ในชั้นเดิมได้มีพระราชเสานีย์ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถให้ท่านช่วยในการจัดตั้ง ด้วยทุนที่ท่านผู้หญิงตลับเป็นหัวหน้าเรื่ยไรมาได้ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จสวรรคต ได้จัดเป็นโรงเรียนสำหรับเลี้ยงเด็กหญิงอนาถา และท่านผู้หญิงตลับเป็นผู้อำนวยการ เด็กในโรงเรียนนั้นได้รับการศึกษาทั้งสามัญวิชาชั้นต่ำๆพอสมควรแก่อัตภาพ เด็กเรียนสำเร็จออกจากโรงเรียนมาแล้วหลายชุดโดยลำดับ การใช้จ่ายได้อาศัยดอกเบี้ยของทุนนั้น ซึ่งเจ้าพระยายมราชช่วยมอบหมายให้ข้าราชการผูใหญ่บางนาย เช่นนายพลตำรวจตรีพระยาอธิกรณประกาศ ควบคุมหาผลประโยชน์ และบางทีก็มีผูใจบุญบริจาคเพิ่มเติมบ้าง ครั้นท่านผู้หญิงตลับถึงอนิจกรรม งานบังคับบัญชาโรงเรียนนี้จึงตกอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าพระยายมราช และได้ดำเนินสืบมาโดยดี จนถึงเวลาที่ตั้งเทศบาลนครกรุงเทพฯขึ้น จึงได้มอบให้ไปดูแลตามหน้าที่
เป็นความเห็นของคนโดยมากว่า นอกจากสติปัญญาเฉียบแหลมและสามารถดังกล่าวมาแล้ว เจ้าพระยายมราชยังได้มีเคราะห์ดีเป็นอย่างยิ่งที่มีภรรยาเป็นนารีรัตน คือท่านผู้หญิงตลับ เพราะท่านผู้หญิงตลับนี้เกิดมาในสกุลข้าราชการผู้ใหญ่สืบต่อกันมาหลายชั้น ย่อมเป็นโอกาสที่จะได้รับความอบรมมาก่อนเป็นอย่างดี ครั้นเมื่อสามีได้เป็นใหญ่เป็นโตมีหน้าที่ต้องปกครองคนหลายชั้นหลายชนิด ท่านผู้หญิงตลับได้เป็นกำลังสำคัญทางบ้าง ทั้งในทางที่จะเชื่อมความสามัคคีกับผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของสามีและประชาชนพลเมืองทั่วไป ทั้งในทางที่จะรับปรับทุกข์สุขทั้งเป็นผู้ไว้วางตัวสมแก่ฐานะที่ได้เป็นท่านผู้หญิงแห่งเสนาบดีผู้ใหญ่คนหนึ่งด้วย เมื่อท่านผู้หญิงตลับมีอายุ ๕ รอบ เจ้าพระยายมราชได้บำเพ็ญการกุศลฉลองอายุให้ ณ วัดปทุมวนารามและได้สร้างกุฎีถวายไว้ในวัดเป็นที่ระลึก มีผู้คนไปช่วยงานมาก แสดงให้เห็นความนิยมรักใคร่ในตัวท่านและท่านผู้หญิงของท่านอย่างชัดเจน
เมื่อกล่าวถึงท่านผู้หญิงตลับแล้วก็น่าจะกล่าวต่อไปอีกด้วยว่า เจ้าพระยายมราชเป็นผู้ที่มีความรักใคร่ห่วงใยในครอบครัวและเป็นบิดาและกุลเชษฐที่ดีแท้ เพราะได้รวบรวมเลี้ยงญาติไว้ในบ้านทุกชั้น ตั้งแต่พระยาสมบัติภิรมย์พี่ชาย ซึ่งท่านประคับประคองดูแลเป็นนักหนานั้นลงไป สำหรับบุตรธิดาก็มีความกรุณายิ่งนัก ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้วถึงพรหมวิหารธรรมของท่าน และอยากจะย้ำความนั้นในที่นี้อีกเกือบทุกข้อและยังเลยไปถึงหลานด้วยซ้ำ เช่นบุตรข้าพเจ้าเองถ้าคนใดเจ็บลง แม้ท่านจะอยู่ในหรือนอกราชการ ถ้าเดินไหวเป็นต้องมาเยี่ยมถึงบ้านทุกครั้ง ทราบว่าหลานทุกคนทุกสกุลก็เช่นเดียวกัน
ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้วข้างต้นถึงความสามรถของท่านที่จะกุมสติไว้อยู่โดยสมบูรณ์ ในที่นี้อยากจะย้ำความนั้นอีกทีหนึ่งว่า ในกิจการครอบครัวก็เช่นกันกับในการทำราชการ แม้เวลาจวนจะถึงอสัญกรรม หมอต้องฉีดยาบรรเทาทุกขเวทนาอันเกิดแต่ปอดอักเสบ เมื่อเวลาสร่างความอึดอัดยังยิ้มพูดได้สติดีว่า "ลูกมากหมอมากก็ยังไม่ยอมให้ตาย" แม้แต่หมอที่เคยชินกับความตาย เมื่อได้ยินดังนี้แล้วก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาไว้ได้
จากคุณ :
กัมม์
- [
7 มิ.ย. 49 10:30:08
]
|
|
|