CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    " ศาสนา : เครื่องชี้วัดศีลธรรมสังคม? "

    ศาสนา : เครื่องชี้วัดศีลธรรมสังคม?

    Religion : The Indicator of Social Morality?


    เราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เกิดว่า ศาสนาและศีลธรรมคือสิ่งเดียวกัน หรือเป็น 2 สิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือศาสนาผูกขาดความดี และเป็นผู้กำหนดว่าสิ่งใดคือศีลธรรมและสิ่งใดขัดกับศีลธรรม หากความเชื่อทั้งหลายเหล่านี้เป็นจริง ย่อมสมเหตุสมผลหากเราจะกล่าวว่า “ศาสนาคือเครื่องชี้วัดระดับศีลธรรมสังคม”

    แต่ศาสนาและศีลธรรมเป็นสิ่งเดียวกันจริงหรือ? หรือมันแยกจากกันไม่ได้จริงหรือ? คนดีจำเป็นต้องยึดมั่นในศาสนาจริงหรือ? หากเราต้องการตอบคำถามเหล่านี้ เราย่อมต้องทำความเข้าใจกับคำว่า “ศีลธรรม” เรากล่าวว่าทุกคนควรมีศีลธรรม เพราะศีลธรรมจะทำให้สังคมสงบสุข นั่นหมายความว่าเรานิยามศีลธรรมว่า “หลักการที่จะนำไปสู่ความสงบสุขในสังคม” หรืออีกนัยหนึ่งคือ “หลักการที่จะทำให้มนุษย์โดยรวมมีความสุข” ปัญหาอยู่ที่ว่า ในความเป็นจริงนั้น (จากที่ประวัติศาสตร์โลกได้พิสูจน์ให้เห็นอยู่ตลอดเวลา) ในหลายๆ ครั้ง ศาสนาไม่ได้ทำให้มนุษย์ทั้งหลายมีความสุข หรืออีกนัยหนึ่งคือ ไม่ได้ทำให้สังคมสงบสุข

    ยุคต่างๆ ที่มนุษย์เคร่งศาสนากลับกลายเป็นยุคแห่งความโหดร้ายป่าเถื่อน ในยุคโบราณที่มนุษย์ยังนับถือภูตผีและวิญญาณตามธรรมชาติเป็นศาสนา ผู้คนถูกจับบูชายัญแก่เทพเจ้าด้วยวิธีการโหดเหี้ยม ในยุคต่อมาที่ศาสนาใหม่เริ่มเรืองรอง ผู้หญิง 2 ล้านคนถูกเผาทั้งเป็นในข้อหาที่เป็นพวกนอกรีต กษัตริย์และจักรพรรดิต่างตัดหัวคนเสียบประจานเป็นว่าเล่น สงครามเกิดขึ้นแทบจะวันเว้นวัน สิ่งเหล่านี้สังคมในยุคสมัยนั้นๆ เห็นเป็นสิ่งปกติสามัญ

    มาถึงยุคปัจจุบัน ที่หลายคนกล่าวว่าเป็นยุคที่ศีลธรรมของมนุษย์เสื่อมลงเพราะศาสนาถูกเพิกเฉยมากขึ้น เราควรพิจารณากันว่าสังคมยอมรับการตัดหัวเสียบประจานได้หรือไม่? หรือสังคมยอมรับการบูชายัญได้หรือไม่? คนมากกว่า 2 ล้านคน ออกมาประท้วงการประกาศสงครามของสหรัฐต่ออัฟกานิสถานและอิรัก เงินทำบุญเข้าวัดน้อยลง แต่เงินบริจาคแก่เด็กกำพร้าและผู้ป่วยยากไร้เพิ่มขึ้น เงินที่เคยถูกนำไปสร้างศาสนาสถานอันอลังการ ผู้คนกลับนำไปสร้างโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล เงินบริจาคผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์สึนามิใน พ.ส. 2547 และเฮอริเคนแคทรีนาใน พ.ศ. 2548 สูงกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์

    ความเป็นจริงได้แสดงให้เห็นว่ามาตรฐานศีลธรรมของมนุษย์ได้สูงขึ้นตามลำดับ ตรงข้ามกับอิทธิพลของศาสนาต่อมนุษย์ แน่นอนเราไม่สามารถกล่าวได้ (เพราะมันคงไม่จริงอย่างแน่นอน) ว่าศาสนาทำให้ศีลธรรมเสื่อม แต่เราควรกล่าวว่าศาสนาและศีลธรรมเป็นสิ่งที่แยกจากกัน ไม่ได้ผูกติดกันแต่อย่างใด เมื่อใดก็ตามที่เรารับเอาศาสนาใดมาเชื่อ เรากำลังซื้อแพคเกจมาทั้งชุด ซึ่งภายในมีทั้งสิ่งที่เป็นศีลธรรมและสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับศีลธรรมรวมกันอยู่ คงไม่แปลกที่จะมีคนจำนวนหนึ่งรับเอาศาสนามาเชื่อแล้วเลือกเชื่อแต่ส่วนที่ไม่เป็นศีลธรรมและเพิกเฉยต่อส่วนที่เหลือ นั่นคือสาเหตุว่า ทำไมบางครั้งคนเคร่งศาสนามากแต่ไม่ได้มีศีลธรรมมากตาม

    ปัจจุบันพิธีกรรมทางศาสนาถูกละเลยมากขึ้น หลักศาสนาบางหลักเสื่อมสลายไปเพราะถูกเพิกเฉยจากมนุษย์ หลักการ “ห้ามคุมกำเนิด” ที่เคยเป็นหลักศีลธรรมใหญ่ของหลายศาสนา ถูกละทิ้งไป ทั้งนี้เป็นเพราะมนุษย์ได้พิสูจน์ว่าหลักการเหล่านี้ไม่ได้เป็นศีลธรรมอีกต่อไป อย่างไรก็ดี มนุษย์ได้สร้างหลักแห่งศีลธรรมใหม่ๆ ที่เป็นอิสระจากศาสนาขึ้นมาทดแทนตลอดเวลา และนั่นคือต้นกำเนิดของคำใหม่ๆ เช่น “หลักสิทธิมนุษยชน”

    เป็นที่แน่นอนว่า ศาสนาไม่ได้เป็น “เครื่องชี้วัดศีลธรรม” ทั้งนี้เพราะศีลธรรมเป็นอิสระโดยสมบูรณ์จากศาสนา ศีลธรรมมุ่งหมายไปที่การทำให้สังคมมนุษย์สงบสุข ขณะที่ศาสนานั้นมีจุดมุ่งหมายอื่นรวมอยู่ด้วย ดังนั้นหากต้องตอบคำถามที่ว่า “ศาสนาเป็นสิ่งที่ละทิ้งได้ใช่หรือไม่?” หากพิจารณาเฉพาะในขอบเขตประเด็นเรื่องศีลธรรมกับความสงบสุขของสังคม ข้าพเจ้าเชื่อว่า “ใช่”

    จากคุณ : หมากเด็ด - [ 30 พ.ค. 49 15:06:16 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป