CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    วิบากกรรมของโจโฉ (๑) (สามก๊กฉบับลายคราม)

    สามก๊กฉบับลายคราม

    วิบากกรรมของโจโฉ (๑)


    โจโฉตัวละครเอกของสามก๊ก เกิดเมื่อประมาณ พ.ศ.๖๙๗ ที่เมืองตันลิว บิดาชื่อโจโก๋ ปู่ชื่อโจเท้ง เคยทำราชการอยู่ในสมัยก่อน แต่เป็นขุนนางที่มีนิสัยไม่ค่อยดี ชอบสมคบกับพวกขันที ซึ่งเป็นพวกผู้ชายที่ถูกตอน สำหรับรับใช้ในพระราชวัง ทำความชั่วต่าง ๆ มาถึงสมัยบิดา จึงไม่ได้ทำราชการ

    ตัวโจโฉเมื่อรุ่นหนุ่มสูงแค่ห้าศอก นัยตาเล็ก ไว้หนวดยาว หมอดูโหงวเฮ้งแล้วทำนายว่าเป็นคนมีปัญญา สามารถจะเป็นใหญ่เป็นโตได้ แม้ว่าจะไม่ค่อยซื่อสัตย์นัก

    โจโฉจึงมีนิสัยเกเรไม่ทำงานการ ชอบเข้าป่าล่าสัตว์และพอใจฟังการร้องรำทำเพลง พออายุได้ยี่สิบปีก็เข้ารับราชการเป็นนายทหารผู้น้อย อยู่ที่เมืองลกเอี๋ยงราชธานี คู่กับอ้วนเสี้ยวเพื่อนเกลอ

    สมัยพระเจ้าเลนเต้เกิดมีพวกโจรโพกผ้าเหลือง อาละวาดอยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ โจโฉอายุประมาณยี่สิบเก้าปี ได้อาสาไปในกองทัพหลวง ปราบปรามพวกโจรที่เมืองเองฉวนราบคาบ มีความชอบได้เลื่อนเป็นนายทหารรักษาพระองค์

    โจโฉรับราชการต่อมาอีกเจ็ดปี พระเจ้าเลนเต้ก็สิ้นพระชนม์ลง ขุนนางพวกหนึ่งยก หองจูเปียน ราชบุตรองค์โต อายุประมาณสิบสี่ปีขึ้นเป็นฮ่องเต้

    แต่อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งมีขันทีเป็นพวกหลายคนไม่เห็นด้วย เกิดการจลาจลขึ้นในพระราชวัง โฮจิ๋นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินก็ถูกฆ่าตาย โจโฉกับอ้วนเสี้ยวก็คุมทหารเข้าไปช่วยปราบปราม  เหตุการณ์ให้สงบลงได้

    พอดีตั๋งโต๊ะเจ้าเมืองซีหลงยกกองทัพใหญ่มาช่วยปราบจลาจล จึงยึดการปกครองในเมืองหลวงไว้ได้ แล้วก็ถอดหองจูเปียนออกจากบัลลังก์ฮ่องเต้ และยก หองจูเหียบ น้องต่างมารดาอายุเพียงเก้าปี ขึ้นป็นฮ่องเต้แทน ถวายพระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้

    และก็ตั้งตนเองเป็นมหาอุปราชว่าราชการแทน แล้วก็ปกครองบ้านเมืองด้วยความทารุณโหดร้าย จนประชาชนพลเมืองระส่ำระสายไปทั่ว

    ขุนนางที่ไม่ใช่พวกของตั๋งโต๊ะ ก็พยายามหาทางกำจัดตั๋งโต๊ะ อ้วนเสี้ยวเพื่อนเกลอของโจโฉเห็นว่าจะไม่สำเร็จ ก็ออกจากเมืองหลวงไปตั้งตัวที่เมืองกิจิ๋ว

    โจโฉก็พยายามเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวกับตั๋งโต๊ะ จนได้เป็นนายทหารคนสนิท แล้วก็รับอาสา อ้องอุ้น ขุนนางผู้ใหญ่จะไปฆ่าตั๋งโต๊ะให้              

    อ้องอุ้นก็มอบกระบี่สั้นของโบราณให้โจโฉไปทำการตามแผน

    วันหนึ่งโจโฉเข้าไปหาตั๋งโต๊ะที่ห้องใน ขณะที่ตั๋งโต๊ะนอนอ่านหนังสือหันหน้าเข้าฝาอยู่ โจโฉก็ถอดกระบี่ออกจากฝักย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ หมายจะแทงให้ดับคามือ

    บังเอิญตั๋งโต๊ะเห็นเงาในกระจกข้างฝา ก็หันกลับมาร้องว่าโจโฉจะทำร้ายเราหรือ  

    โจโฉหัวไวรีบเข้าไปคุกเข่าลงแล้วชูกระบี่สั้นส่งทางด้ามให้ตั๋งโต๊ะ แล้วบอกว่าตั้งใจจะเอากระบี่โบราณของบรรพบุรุษมาให้นายเป็นของขวัญ  

    ตั๋งโต๊ะรับมาดูก็เห็นว่าเป็นกระบี่เก่าที่มีลวดลายสวยงามก็ชอบใจ

    พอดีลิโป้ลูกเลี้ยงของตั๋งโต๊ะที่เป็นองครักษ์เข้ามา ตั๋งโต๊ะก็บอกว่าโจโฉมีความภักดีเอากระบี่มาให้ แล้วให้ลิโป้ไปเอาม้าฝีเท้าดีมาให้โจโฉเป็นรางวัล

    เมื่อลิโป้นำม้ามาให้โจโฉแล้ว โจโฉก็ทดลองขี่ดูฝีเท้าแล้วก็บังคับม้าย่างก้าวออกไปข้างนอก พอพ้นสายตาผู้เป็นนายแล้ว ก็ควบห้อเหยียดออกจากเมืองลกเอี๋ยงไปโดยไม่เหลียวหลัง

    ขณะนั้นที่ปรึกษาของตั๋งโต๊ะก็มาปรึกษาราชการ เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากตั๋งโต๊ะและลิโป้แล้ว ก็สงสัยว่าโจโฉอาจจะไม่ซื่อก็ได้ จึงให้ทหารไปดูว่าโจโฉกลับไปบ้านหรือเปล่า

    ทหารกลับมารายงานว่าโจโฉไม่ได้กลับบ้านแต่ออกจากประตูเมืองไปแล้ว ตั๋งโต๊ะจึงแน่ใจว่าโจโฉทรยศจริง จึงสั่งให้มีใบบอกไปทั่วทุกหัวเมือง พร้อมกับให้เขียนรูปโจโฉ ประกาศจับตัวไม่ว่าเป็นหรือตาย จะได้รางวัลและแต่งตั้งเป็นขุนนาง

    แต่ถ้าผู้ใดให้ที่พักอาศัยหรือช่วยเหลือด้วยประการใด จะมีโทษถึงตายทั้งโคตร

    โจโฉควบม้าหนีออกจากเมืองลกเอี๋ยงมาหลายวันหลายคืน จนมาถึงเมืองจงพวนซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ  แต่พอจะผ่านด่านก็ถูกนายด่านจับตัวไว้ เพราะประกาศจับได้มาถึงเมืองนี้ก่อนแล้ว

    นายด่านก็เอาตัวไปมอบให้เจ้าเมืองชื่อตันก๋ง เมื่อเจ้าเมืองถามชื่อแซ่ โจโฉก็แกล้งบอกว่าชื่อฮ่องอูมีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่ แต่เจ้าเมืองไม่เชื่อเพราะหน้าเหมือนกับรูปที่ประกาศจับ จึงให้เอาตัวไปขังไว้ก่อน

    โจโฉเข้าไปนอนเล่นอยู่ในห้องขังเกือบครึ่งคืน พอถึงสองยามผู้คุมก็เข้ามาเบิกตัวเอาไปให้เจ้าเมืองสอบสวนอีก

    คราวนี้เจ้าเมืองพูดด้วยอย่างดี ถามว่าไปทำอีท่าไหนเข้าจึงเกิดเรื่องต้องหนีจากเมืองหลวงมาถึงนี่

    โจโฉก็บอกปัดว่าตัวเจ้าเมืองนั้นอุปมาดังนกน้อย จะมาล่วงรู้ความคิดของพญาครุฑได้อย่างไร

    เจ้าเมืองจึงสั่งให้บริวารออกไปจากห้องนั้นให้หมด แล้วบอกว่าตนรู้ว่าโจโฉเป็นผู้มีสติปัญญากล้าหาญซึ่งตนนับถืออยู่ขอให้บอกความจริง

    โจโฉจึงเล่าเรื่องที่มหาอุปราชตั๋งโต๊ะทำความชั่วต่าง ๆ ตนคิดจะกำจัดเสียแต่เมื่อไม่สำเร็จก็ต้องหนีตายไปก่อน

    และว่าจะไปหาบิดาที่เมืองตันลิว เพื่อรวบรวมผู้คนเป็นกองทัพกลับไปตีเมืองลกเอี๋ยง จับตั๋งโต๊ะฆ่าเสีย บ้านเมืองจะได้เป็นสุข

    ตันก๋งก็มีความยินดีจัดแจงถอดเครื่องจองจำโจโฉออก แล้วว่าตนจะทิ้งตำแหน่งเจ้าเมืองเสีย และขอติดตามไปร่วมขบวนการด้วย
    โจโฉก็ไม่ขัดข้อง

    ตันก๋งจึงเก็บข้าวของที่มีราคาติดตัวไปและหากระบี่คู่มือคนละเล่ม ม้าคนละตัวออกเดินทางจากเมืองจงพวนในกลางดึกนั้นเอง

    ทั้งสองเดินทางมาได้สามวันใกล้จะถึงเมืองตันลิว มีหมู่บ้านอยู่แห่งหนึ่ง โจโฉจำได้ว่าเพื่อนเก่าของบิดามีบ้านอยู่ตำบลนี้ จึงชวนตันก๋งไปหาและขอพักอาศัยอยู่สักคืนหนึ่ง

    เจ้าของบ้านชื่อแปะเฉีย ก็ไม่รังเกียจลูกชายของเพื่อน จัดการเรื่องที่หลับที่นอน และให้ญาติพี่น้องที่อยู่ด้วยกันช่วยทำอาหารเลี้ยง ส่วนตนเองจะออกไปหาสุราอย่างดีมาต้อนรับ แล้วก็ขี่ม้าออกจากบ้านไป

    ทั้งสองก็เอนตัวลงจะนอนพักผ่อน โจโฉนั้นมีความระแวงภัยอยู่ตลอดเวลา ได้ยินเสียงลูกน้องของแปะเฉียพูดกันว่า จะมัดไว้ก่อนหรือจะฆ่าเสียเลย ก็ตกใจ

    ชักกระบี่ออกวิ่งเข้าไปฟันพวกที่อยู่ในครัวตาย แล้วก็เลยฆ่าครอบครัวของแปะเฉียตายหมดทั้งบ้านร่วมแปดคน

    ตันก๋งก็ตกใจวิ่งตามไปดู จึงเห็นหมูที่เขาจะฆ่าทำอาหารเลี้ยงถูกมัดดิ้นกระแด่วอยู่

    โจโฉจึงได้สติว่าตนใจเร็วทำผิดไปเสียแล้ว ขืนอยู่ก็คงไม่รอด จึงชวนตันก๋งเผ่นขึ้นม้าออกจากบ้านไปโดยเร็ว

    แต่บังเอิญไปได้ไม่ไกลก็สวนทางกับแปะเฉีย ซึ่งกำลังจะกลับบ้าน แปะเฉียก็สงสัยว่าทำไมไม่อยู่ค้างด้วยกัน โจโฉก็ว่ามีธุระร้อนที่จะต้องรีบไปก่อน แปะเฉียก็ไม่ว่าอะไร

    แต่พอชักม้าไปได้ไม่กี่ก้าว โจโฉฉุกคิดขึ้นมาได้จึงหวนกลับร้องเรียกแปะเฉียให้หยุด แล้วก็เอากระบี่ฟันแปะเฉียตกจากม้าตายคาที่

    ตันก๋งก็ว่าทำไมโจโฉจึงทำเช่นนี้ เมื่อกี้ก็ฆ่าคนในครอบครัวเขาตายทั้งบ้าน ก็ว่าเลวอยู่แล้ว คราวนี้กลับมาฆ่าเจ้าบ้านผู้มีคุณเสียอีก ก็ยิ่งเลวหนักขึ้น

    โจโฉก็ว่าที่ฆ่าคนในบ้านนั้นเพราะเข้าใจผิด แต่ถ้าปล่อยให้แปะเฉียกลับไปบ้านได้ ความก็จะแตกแล้วเราสองคนก็จะถูกไล่ล่า ทำให้งานใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าไม่สำเร็จลงได้

    ตนจึงฆ่าแปะเฉียเพื่อปิดปากเสีย  เราก็จะได้รอดพ้นความผิดไป

    ตันก๋งก็ไม่เห็นด้วยแต่ก็เกรงใจในฐานะที่ตัวต่ำกว่า จึงไม่กล้าว่าต่อไป

    โจโฉจึงนำเดินทางต่อไป จนถึงศาลาพักคนเดินทาง ก็พากันเข้าไปอาศัยนอน ตันก๋งลงความเห็นว่าโจโฉเป็นคนเลว ฆ่าผู้บริสุทธิ์ได้อย่างโหดเหี้ยม จึงปลีกตัวเดินทางหนีไปในคืนนั้น

    เมื่อโจโฉตื่นขึ้นมาตอนเช้า ไม่เห็นตันก๋งก็รู้ว่าตันก๋งคิดอย่างไร แต่ก็ไม่สนใจนักมุ่งหน้าที่จะไปทำงานใหญ่ที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จมากกว่า จึงออกเดินทางไปเมืองตันลิวแต่ผู้เดียว.

    จากคุณ : เจียวต้าย - [ 31 พ.ค. 49 06:47:46 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป