ความคิดเห็นที่ 1 ไปถามพ่อโปรเจ็กต์ที่นี่นะครับ http://www.seventranslation.com แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 49 00:32:19 จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 มิ.ย. 49 00:31:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 งานแปลนั้นมีเสน่ห์อย่างหนึ่ง คนที่ทำเป็นงานอดิเรกจะรู้สึกสนุกกับงานและรายได้ ส่วนคนที่ทำเป็นงานประจำจริงๆ น้อยคนที่จะคงความรู้สึกเช่นเดียวกับสมัยที่ทำเป็นงานอดิเรกไว้ได้ โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ทำไมเป็นเช่นนั้น... ปกติเราทำงานประจำ เราจะมักจะมีเวลาว่างสำหรับพักผ่อน ดูหนังฟังเพลง เดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่น ยืนเล่น วิ่งเล่น ฯลฯ พอเริ่มทำงานแปล เราเอาเวลาตรงส่วนนี้มาแปลงาน เวลาว่างวันละห้าหกชั่วโมงที่นอกจากไม่ก่อให้เกิดรายได้แล้วยังก่อให้เกิดรายจ่ายอีก ก็เปลี่ยนมาเป็นเวลาทำเงิน เงิน และเงิน โดยแทบไม่ต้องออกจากบ้าน พอไม่มีเวลาใช้เงิน แต่เงินงอกเอา...งอกเอา...ก็ชอบสิครับ คนเรารายได้วิ่งเข้ามาจนใช้ไม่ทันนี่ไม่ได้หาได้ง่ายๆ แล้วนักแปลสมัครเล่นก็ตัดสินใจแปลงร่างเป็นนักแปลอาชีพ... รายได้จากงานประจำที่เข้ามาหล่อเลี้ยงก็หายไป ในแต่ละเดือนต้องแปลงานจำนวนหนึ่งทดแทนตรงส่วนนั้น สมมติว่าสัก 150 แผ่นแล้วกัน แล้วอะไรทำให้เรามั่นใจถึงขนาดว่าจะมีคนส่งงานมาให้เราแปลเดือนละร้อยกว่าแผ่น เราจะไปหาลูกค้าจากไหน... ไส้แห้ง ชักไม่สนุกแล้วใช่ไหม นักแปลสมัครเล่นส่วนใหญ่เริ่มต้นรับงานจากคนรู้จัก พอหมดตรงนั้นแล้วจะไปหาลูกค้าจากไหน... ชักเครียดแล้วสิทีนี้ แต่เอาเถอะ สมมติว่ามีงานทำตลอดเวลา งานแปลที่เคยนั่งทำชั่วโมงละ 200 (สมมติ) พอหยุดทำปุ๊บ ก็หายไปชั่วโมงละ 200 เหมือนกัน เคยเข้าห้องน้ำวันละชั่วโมง กินข้าววันละสองชั่วโมง ดูทีวีอีกหนึ่งชั่วโมง จะทำตัวแบบเก่าค่าแรงก็หายไปแล้ว วันละ 4x200 โอ้โห ข้าวจานละ 30 ค่าเสียเวลากินข้าวจานละ 100 หยุดพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ ค่านอนตื่นเที่ยง ซักผ้า ดูทีวี หมดไปครึ่งหมื่น ถ้ามีครอบครัว ยิ่งต้องคิดหนัก ผู้สนใจเป็นนักแปลต้องบริหารเวลาของเราเอง ผมไปเลือกตั้งต่างจังหวัดสองรอบ ค่าเสียเวลาสองหมื่นกว่าบาท รัฐบาลไม่ได้มารับรู้หรอก บ่อยครั้งสละรายได้ทีละหมื่นครึ่งหมื่นพาลูกไปว่ายน้ำ พาครอบครัวไปเดินเล่น ไม่มีใครมารับรู้กับเราหรอกครับ เราต้องวัดใจตัวเองว่าเงินกับความสุข..เลือกเอา นักแปลต้องรู้จักบริหารเวลา เงินตรา และความสุข มีคนบอกว่า "บริหาร” คือทำให้ลงตัวครับ ทีนี้เรื่องสุขภาพ ลองคิดถึงสุขภาพของคนที่ตื่นนอนมา เดินเข้าห้องน้ำ กลับมานั่งทำงาน เดินไปกินข้าว กลับมานั่งทำงาน กินข้าว นั่งทำงาน กินข้าว นั่งทำงาน นอน... คงเห็นปัญหา ผมออกกำลังกายประจำ ยังเป็นโรคปวดตา ปวดหลัง เรื้อรัง เลี่ยงไม่ได้ โธ่ นั่งวันละสิบกว่าชั่วโมง อ่านหนังสือ จ้องคอมพิวเตอร์ วันละไม่รู้เท่าไหร่ เป็นกิจวัตรประจำวัน ประจำเดือน (แหม่งๆ เนาะ) ประจำปี เป็นนักแปลใหม่ๆ ผมนอนหลับยังฝันว่านั่งแปลงานอยู่เลยครับ แต่ถ้ารักจะเป็นนักแปลเสียอย่าง ก็ต้องหาทางป้องกัน อย่าแก้ไข มันจะสายเกินแก้แบบผม ..เป็นอันจบประเด็นเรื่องสุขภาพ ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่ขอเข้ามาแลกเปลี่ยนด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่าช้าไปหรือเปล่า ตอบคำถามบ้างดีกว่า ข้อ 1-2 แปลบทคัดย่อ วิทยานิพนธ์ ตามหน้ามหาวิทยาลัยก็ราคาประมาณนี้ครับ แต่คุณภาพดีๆ หายาก ไม่คุ้มราคา เพราะฉะนั้น คุณเจ้าของกระทู้รับราคานี้ ถ้างานมีคุณภาพ ก็ถือว่าราคาเยา ต่อไปถ้าขยายฐานลูกค้าออกไปแล้วจะเพิ่มราคาอีกก็ได้ครับ แต่ต้องหมั่นปรับปรุงคุณภาพของงาน อย่าคิดว่าเก่งแล้วปิดกั้นตัวเอง ลองศึกษาลักษณะของงานแปลที่ดี ความคาดหวังของลูกค้า หมั่นเพิ่มพูนวิชาความรู้เข้าไว้ คุณเจ้าของกระทู้อาจทำตรงนี้อยู่แล้ว ก็ถือว่าผมเป็นเพื่อนร่วมวิชาชีพคนหนึ่งที่มาคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ ข้อ 3 แปลได้วันละ 5-8 หน้า ถ้าหนึ่งวันของเจ้าของกระทู้หมายถึง 8 ชั่วโมง และหนึ่งหน้าหมายถึงคอลัมน์เดียว ก็จัดอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างช้าสำหรับเนื้อหาง่ายๆ แต่ส่วนใหญ่ที่พบคือตำราที่นักศึกษาเอามาให้แปลมักจะมีสองหรือสามคอลัมน์ ตัวอักษรตัวเล็ก และนักแปลสมัครเล่นมักทำงานไม่ถึงวันละ 8 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น ความเร็วระดับนี้ถือว่าปกติในความรู้สึกของผม ข้อ 4 นักแปลส่วนใหญ่มีตำรามากกว่าสามเล่มครับ แม้ว่าเดี๋ยวนี้จะมี Google มาช่วยแล้วก็ตาม สมัยก่อนผมใช้วิธีทยอยซื้อเดือนละ 4-500 บาท และเมื่อเทียบกับรายได้ การลงทุนตรงนี้ก็ไม่แพงใช่ไหมครับ ข้อ 5 นักแปลส่วนใหญ่งานเยอะ ใช้เวลากับหน้าจอวันละหลายๆ ชั่วโมง ผมทราบดีว่าในนี้มีทั้งนักแปลรุ่นเดอะรุ่นเยาว์ เข้ามาอ่านหลายคน แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบโพสต์ครับ คงขี้เกียจตามกระทู้กัน จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 11 มิ.ย. 49 12:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผู้น้อยมาเห็นด้วยกับคุณพ่อโปรเจ็กต์ทุกอย่างฮะ ที่สำคัญเลยคือเรื่องสุขภาพ เพราะตื่นก็มาเปิดคอม เที่ยงเดินไปกินข้าว (บางทีก็กินมันหน้าคอมนั่นแหละ) กลับมานั่งหน้าคอมจนถึงนอน เรื่องที่เสียไปคือสุขภาพ น้ำหนักมักจะขึ้น สายตาก็สั้นลง จากที่ไม่เคยออกกำลังก็ต้องออกกำลัง แต่มันก็หาเวลาว่างได้ยากเต็มทน บางทีอาทิตย์กว่า 2 อาทิตย์กว่าจะมีเวลาว่างไปออกกำลัง โดยไม่ทำให้รู้สึกว่าเวลาที่ใช้ออกกำลังนั้นเบียดเบียนเวลาแปลงาน ถ้าในกรณีที่หนังเร่ง อย่างลูกค้าให้งานมาช้าแต่อยากได้เร็วๆ (มันน่าตีนัก) ก็ไม่ต้องพูดเรื่องนอน บางทีอยู่หน้าคอมเป็นหลัก 20-40 ชั่วโมง ผมว่านักแปลคงเป็นอาชีพนึงที่อยากได้นาฬิกาหยุดเวลามากที่สุดฮะ จากคุณ : I feel for you - [ 11 มิ.ย. 49 14:09:17 A:203.118.97.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ทำอยู่เหมือนกันครับ งานน่าจะมีสม่ำเสมอ ถ้าระวังเรื่องคุณภาพ ออกกำลังกายตอนเย็น ไปวิ่ง ไปเดิน ไปแอโรบิค ไปว่ายน้ำซะ ถ้าใจรักก็ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ใจรักแล้วจะทำได้ดี และทำให้ชีวิตมีความสุข ส่วนเงินก็อย่าง คคห 2 บอกเลยครับ คือคุณหยุดเมื่อไหร่ก็อดเมื่อนั้นครับ แต่อาชีพก็คงเหมือนๆ กัน เพียงแต่ผลเกิดช้าเร็วต่างกัน ทำเป็นอาชีพจริงๆ อาจไม่สนุกอย่างปัจจุบัน ถ้าจะทำก็หาทางหนีทีไล่เอาไว้ดีๆ นะครับ ของทุกอย่างมันเบื่อได้ครับ ว่าชอบว่ารัก มันก็เบื่อได้ นี่ของผมแค่ปีกว่าเองนะ แต่ผมหาทางหนีทีไล่เอาไว้แล้วครับ จากคุณ : นักแปลอีกคน - [ 15 มิ.ย. 49 19:46:44 A:58.9.64.35 X: TicketID:121296 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทำงานแปลอยู่เป็นอาชีพเสริมค่ะ แต่ก่อนทำงานเลขาเป็นอาชีพหลัก แล้วก็เปลี่ยนมาทำงานบริหารการเงินและบัญชีเป็นอาชีพหลัก ปัจจุบันทำสามอาชีพคือบริหารการเงินและบัญชี นักศึกษาปริญญาโทและงานแปลเป็นอาชีพเสริม ช่วงก่อนมีปัญหาสุขภาพมากเพราะงานการเงินและบัญชีก็ต้องตรวจเอกสารเยอะ เรียนป. โทก็ต้องอ่านหนังสือเยอะ งานแปลก็ต้องนั่งหน้าคอม สุขภาพย่ำแย่ นอนดึกตื่นสาย ตอนนี้เปลี่ยนแล้วค่ะ ตื่นประมาณ 6.45 น. ไปเดินเล่นออกกำลังกายที่สวนสาธารณะริมหนองน้ำ แล้วค่อยกลับมาเริ่มทำงาน อาหารก็เปลี่ยนมาทานแมคโครไบโอติก แต่ไม่เคร่ง ถ้าต้องไปงานหรือไปทานเลี้ยงก็สบายๆ สุขภาพดีขึ้นเยอะ เรื่องเงินไม่ได้คิดเท่าไหร่ งกไปเดี๋ยวตายเร็วไม่ได้ใช้เงินค่ะ ไม่อยากทำงานแปลเป็นงานหลัก กลัวเกลียดงานตัวเองค่ะ คิมมองว่างานแปลมีทั้งส่วนที่เป็นศาสตร์และเป็นศิลป์ ต้องใช้อารมณ์ศิลปินค่อนข้างเยอะ ฝืนๆ ทำไปคงได้ผลงานไม่ดีค่ะ จากคุณ : Ms. Kim - [ 24 มิ.ย. 49 01:37:50 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สามอาชีพ? โห ต้องมีรถขนเงินไปส่งแบงก์หรือเปล่าเนี่ย จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 24 มิ.ย. 49 14:19:21 ]