ความคิดเห็นที่ 1 เป็นเจดีย์ประธานของวัดลอกะนันดา (Lawkananda Pagoda) จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 13:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แม่น้ำอิระวดี  วิวจากวัดลอกะนันดา Ayeyarwady River, view from Lawkananda Pagoda แม่น้ำตรงนี้กว้างมาก  มีหาดทรายกว้างทั้งที่ริมแม่น้ำ  แล้วก็บนเกาะกลางแม่น้ำ  สวยงามจนไม่รู้จะบรรยายได้ยังไงแล้วล่ะ จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 13:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กับมิวมยิ  และจอเมี้ยะ ต้องคาดหน้าคาดตาไว้ด้วย  เพราะมีเรื่องจะนินทาให้ฟังทีหลัง คอยอ่านดูครับ เป็นอุทาหรณ์สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา  ไปไหนไกลบ้านไกลเมืองยังงี้  บอกได้คำเดียวครับ  อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน  อย่าสงสารคนจนเกินงามอย่างที่ผมเป็น  แต่ยังไงก็ไม่เคยเข็ด เฮ้อ!!! ผมไม่อายที่จะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดเลยครับ  To be continued จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 13:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นั่งพักผ่อนกันมั่ง ที่นี่เป็นวัดที่มีพระสงฆ์อยู่  จึงมีการสร้างอะไรใหม่ๆ กันเยอะ แล้วก็มีเขียนรายนามผู้บริจาคไว้เต็มไปหมด ภาพจริงที่ถ่ายมาอ่านเห็นชัด แต่ภาพก็อปแล้วก็ย่ออย่างงี้  เบลอไปหมด  ใครอ่านภาษาพม่าเป็น  ขอภาพฟรีได้เน้อ จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 13:16:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ที่นี่ฝนกำลังตกหนักเลยครับ กำลังทำงานอยู่  ไม่ค่อยมีแขกมากวน  คงโพสต์ได้เยอะ แต่ก็ไม่ดีเท่าไร  งานไม่มี  เงินก็ไม่มา งานเป็นจ๊อบจ๊อบ  นั่งทั้งวันยันหนึ่งทุ่ม   แม้นานเท่าไร  หากไม่มีงาน ก็ไม่ได้เงินซักกะตังค์ ความจริงเงินไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตหรอก แต่ขอสารภาพ  มันขาดไม่ได้จริงๆ ช่วยใส่ทำนองเศร้าๆ ให้ด้วยครับ ......................................... สำหรับท่านที่เพิ่งจะเข้ามา  เพื่อความเข้าใจต่อเนื่อง  หากมีเวลาพอ  อาจต้องกลับไปอ่านซ้ำในอีก ๒ ตอนที่ผ่านมาดังนี้ก่อนครับ - เนื่องมาจากการคุยกับ "เหงามาก" – ไปเที่ยวพม่า ตอน ๑ : ย่างกุ้ง-แปร-พุกาม http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4461019/K4461019.html - เที่ยวพม่า ตอน ๒ : พุกาม ๑ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4474732/K4474732.html จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 13:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รูปภาพโบราณใช้ได้เลยครับ พี่นิก อยากไปพม่ามั่งจัง จัดทัวร์ไปกันไหมครับ (แต่รอให้ผมมีตังค์ก่อนนะ) จากคุณ : + (ปลาทองสยองเมือง) - [ 24 มิ.ย. 49 13:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าจะไปเที่ยวพม่าให้สะดวก  คงต้องไปแบบแพ็คเก็ตทัวร์  การเดินทางน่าจะสบายกว่านี้  เพราะช่วงระหว่างขับรถเดินทาง  รถบางคันมีนักท่องเที่ยวนั่งแค่คนเดียว  บางคันก็สองคน  วิ่งปรู๊ดผ่านหน้าเราไปฝุ่นคลุ้งเชียว  เขาบอกว่าเป็นแพ็คเก็ตทัวร์  แต่ตอนนั้นรถในพม่าแทบทุกคัน  ถึงจะสภาพดีขนาดไหน  เขาจะปิดแอร์ขับกันหมด  คนไทยก็ไทยเถอะ  พอตกเย็น  กลายเป็นฝรั่งหัวแดงกันไปโม้ด แต่ถ้าจะเที่ยวแต่พุกามอย่างเดียว  ไม่อยากลิ้มรสชาติของชีวิตตรงไหนอื่นอีก  ก็เครื่องบินเถอะครับ  มาลงที่สนามบินงายอูนี่แหละ  สะดวก  ไม่รู้ภาษาไทยอ่านว่า "งายอู" หรือเปล่า  แต่เทียบเสียงจากฟังคนพม่าเป็นอย่างนี้ ผมขอสารภาพตามตรง  หากจะไปเที่ยวอีก  จะไม่จัดทริปที่มันยืดยาวแบบนี้หรอก  เพราะเหนื่อยใจแทบขาด  แล้วก็กลัวอันตรายมาก  อันตรายระหว่างการเดินทางโดยรถยนต์นี่แหละครับ  ลองดูสภาพรถเมล์ในรูปแรกอันบนเป็นอุทาหรณ์ดูซีครับ  อาจจะไปโดยเครื่องบินหากมีไปถึงที่  แพงก็ยอม  เพราะค่าใช้จ่ายภายในประเทศสำหรับชาวต่างชาติยิ่งแพงมากขึ้นอีก  แต่หากอยากได้กำไรชีวิตของช่วงการเดินทางภายใน  ก็ตามใจท่านเถิด จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 14:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต่อนะครับ ได้ไปดูเครื่องเขินแห่งแรกที่ร้านใกล้ๆ กับ GH  ที่เราตระเวนหาเป็นแห่งแรกเมื่อวานที่พุกามใหม่ จอเมี้ยะ  พาไปดูการทำเครื่องเขินตั้งแต่ขั้นตอนแรกเมื่อสานด้วยไม้ไผ่หรือหางม้า จนถึงชุบแล็กเกอร์หลายๆ ครั้ง แล้วเขียนสีเป็นรูปภาพต่างๆ ...................... พอถ่ายรูปกันแต่ละที  สาวพม่าใบหน้าทานาคาเอียงอายกันเป็นแถว  ผู้ชายบางคนก็ทานะครับ  ลวดลายแล้วแต่จะสรรหากัน จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 14:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากนั้นเข้าไปดูในร้านขายเฉพาะของที่ทำสำเร็จแล้ว   แต่พอทราบราคาเราแทบถอยเลย  เพราะค่อนข้างแพงมาก   แม้ฝีมือจะประณีต   แต่ขอกลับมาซื้อในเมืองไทย  สนับสนุนคนไทยด้วยกันยังจะดีกว่า  เช่นที่เชียงใหม่   รวมทั้งไม่ต้องหอบหิ้วของมากๆ  เดินทางไกลๆ  กลับมาด้วย .............................. ดังที่เคยเรียนไว้แล้วว่า  โบราณสถานพุกาม  แต่เดิมมีชาวบ้านอาศัยแทรกปะปนอยู่  เหมือนกับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาของเรายังไงก็ยังงั้น ช่วงสมัยหนึ่ง  รัฐบาลได้โยกย้ายราษฎรบริเวณศูนย์กลางโบราณสถานออกไป  และให้ไปอาศัยอยู่เป็นกลุ่มอีกแห่งหนึ่ง  ซึ่งก็ยังมีกลุ่มวัดกับพระเจดีย์อยู่มากเช่นกัน  แต่ความหนาแน่นน้อยกว่า ที่แห่งใหม่ที่ราษฎรสามารถอาศัยอยู่ได้นี้เรียกว่า  พุกามใหม่ (New Bagan) ขณะที่ที่เดิมซึ่งไม่ให้คนอยู่อาศัยเลย   แต่จำกัดเฉพาะครอบครัวผู้ดูแลโบราณสถานเท่านั้น  เรียกว่า พุกามเก่า (Old Bagan) จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 14:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พวกเราให้จอเมี้ยะพาไปดูอีก ๓-๔ ที่  แต่ละที่ราคาของแทบไม่เหมือนกันเลย   แม้สินค้าจะเป็นแบบเดียวกัน   แต่ราคาจะไม่เป็นมาตรฐาน   แล้วแต่เขาอยากจะขายเท่าไร  คงคิดว่านักท่องเที่ยวรวยเสียทุกคน   ดูเขาค่อนข้างเขี้ยวกับชาวต่างประเทศมาก .................................. พักเหนื่อยดื่มน้ำร้อนน้ำชาซะมั่ง ตะลอนทัวร์ก็สบายแบบนี้แหละ อยากทำอะไรก็ทำ  อยากพักตรงไหนก็พัก ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองจนกว่าวันนี้วันนั้นจะมาถึง ชีวิตคนเราก็เท่านี้แหละ  เกิด แก่ เจ็บ ตาย ฟังดูเหมือนปลงเนอะ  ที่ไหนได้  ไม่อยากพูด? จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ช่วงขับรถผ่านวัดมะนูฮา   พวกเราเข้าไปชมกันอีกครั้ง (ลงรูปให้ชมกันก่อนหน้านี้แล้ว) ที่นี่ Lali บอกกับ Riki ว่า  จอเมี้ยะจะขอไปเที่ยวกับพวกเราที่ภูเขาโปปาและทะเลสาบอินเลด้วย  เขาบอกว่ายังไม่เคยไปเลย แต่ Riki ได้บอกปฏิเสธไป   เพราะความรู้สึกตั้งแต่แรกพบไม่ทำให้พวกเขาประทับใจเลย   ทั้งลักษณะท่าทางที่คอยใช้มือสะกิดชักชวนให้ซื้อของ   การที่เอ่ยปากบอกว่าจะช่วยแนะนำร้านขายเครื่องเขินในราคาอันสมควรให้   แต่กลับไม่เป็นไปอย่างที่ได้บอกไว้   รวมทั้งกิริยาอาการอีกหลายอย่างซึ่งฝรั่งทุกคนในกลุ่มไม่ชอบ สำหรับเราเป็นคนไม่ค่อยได้สนใจถึงอุปนิสัยใจคอของคนแรกคบมากอย่างที่พวกฝรั่งคิด   จึงไม่ได้สังเกตและใส่ใจในเรื่องนี้เท่าไร เราจึงเป็นคนเดียวในกลุ่มที่เขาคุยด้วยได้   และเขาก็คอยแนะนำเราหลายๆ อย่าง   ทั้งเรื่องสถานที่และการซื้อของบางครั้งเป็นการตอบแทน ฝรั่งชมเครื่องเขินซะหลายที่   ซึ่งเป็นของที่เราไม่ค่อยสนใจเท่าไร   คราวนี้เป็นทีของเราเลือกซื้อของบ้าง   แต่กลับใช้เวลาซื้อค่อนข้างน้อย  เนื่องจากเกรงใจพวกเขาที่ต้องรอเราคนเดียว เราตั้งใจตั้งแต่แรกก่อนมาแล้วว่า  จะซื้อ ตุ้มน้ำหนัก (Opium Weight  or  Animal-shaped Weight)  จากพม่ามาให้ได้ จอเมี้ยะพาเราไปที่วัดทะบินยู   เป็นร้านของเพื่อนเขา   เราซื้อรูปสิงห์ ๑ ชุด  มี ๗ ตัว   จากใหญ่ลงมาเล็ก   คนขายบอกว่าอายุราว ๑๘๐ ปี   เราไม่แน่ใจเท่าไร   แต่ไม่มีทางเลือก   และไม่รู้ด้วยว่าอันไหนของจริงหรือปลอม   อันไหนเก่าอันไหนเป็นของทำใหม่ เราได้อ่านจากคอลัมน์ของอาจารย์เสกสรรค์  ประเสริฐกุล แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหนังสือผู้จัดการ Weekend ฉบับก่อนจะมาพม่าราว ๒-๓ สัปดาห์  เขาให้ชื่อว่า  ลูกเป้ง  มีใช้มาตั้งแต่สมัยพุกาม   มีส่วนผสมของทองแดงมากกว่า   แต่รุ่นหลังจะมีดีบุกมากขึ้น   และของที่ตกทอดสืบมาจะเป็นของที่ทำในสมัยราชวงศ์คองบอง (Konbaung)  อันเป็นราชวงศ์สุดท้ายของกษัตริย์พม่า (พ.ศ.๒๒๙๕ – ๒๔๒๘)  เป็นส่วนใหญ่ ของเก่าแม้กระทั่งในสมัยราชวงศ์คองบองจริงๆ  อาจารย์บอกว่าหาได้ยาก   ราคาแพง   ส่วนใหญ่มักเป็นของทำเลียนแบบขึ้นมาทีหลัง   และทำได้ใกล้เคียงกับของจริงมาก แต่ด้วยความอยากได้   เราจึงซื้อมาในราคา ๔๐ US$  (จากราคาเดิม ๕๐ US$) เจ้าของร้านพยายามชักชวนเราซื้อของหลายๆ อย่างจากร้านเขา   แต่เนื่องจากปัญหาเรื่องการเดินทาง  ทำให้เราไม่อยากใช้จ่ายเพื่อซื้อมาก   นอกจากของที่เป็นชิ้นเล็กๆ เก็บได้ง่ายเท่านั้น จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ๑๖.๒๕ น.  ถึง วัดทีโลเมงโล (Htilominglo Temple)   เป็นวิหารที่ใหญ่เหมือนกับที่อื่นๆ ในพุกาม   ตามชื่อมีความหมายว่า  “เอาฉัตรตั้งกษัตริย์”   ภายในวัด  จอเมี้ยะชี้ให้เราดู พระพุทธรูปยืนทำจากไม้สัก  เป็นของเก่าต้นแบบเลยทีเดียว ที่นี่จอเมี้ยะพยายามคุยเรื่องการจะไปเที่ยวกับพวกเรา   เราฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง   เพราะไม่ชินกับภาษาอังกฤษของเขา   และเพราะเขาพูดเร็วเกินไปดูเหมือนกับว่าจะเก่ง  เราจึงยิ่งสับสนใหญ่   พอจับใจความได้ว่า   เขาน้อยใจที่ทุกคนไม่ยอมให้เขาไปด้วย  เราพยายามชี้แจงเหตุผลบางอย่างเท่าที่จะทำได้  ซึ่งไม่เป็นผลเสียกับเพื่อนฝรั่งทั้งสี่   รวมทั้งอธิบายอย่างนุ่มนวลแบบไม่ให้เขาเสียน้ำใจเพราะเขาคุยกับเราได้เพียงคนเดียวในเรื่องนี้   แม้แต่มิวมยิซึ่งเป็นคนขับรถและเป็นเพื่อนชาวพม่ากับเขา  ยังบอกกับ Lali ว่าควรปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ยังจะดีกว่า  อยู่ดีๆ จะมาขอไปด้วย  รถก็แคบ เบียดกันด้วย  ทางก็ไม่ดี  เฮ้อ จอเมี้ยะช่วยถ่ายรูปให้เราหลายภาพภายในนี้   เ ขาบอกกับเราว่าไม่เคยเห็นธนบัตรของไทยเลย  เราจึงให้เขาดูทั้งแบ้งค์ ๒๐, ๕๐, ๑๐๐, ๕๐๐ บาท   แบ้งค์ร้อยมีทั้งแบบใหม่และแบบเก่า   เขาขอแบ้งค์ธนบัตรจากเราบอกว่าเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก   พยายามของแบ้งค์ร้อยทั้ง ๒ ใบ  แต่เราให้แบบเก่าไปใบเดียว   และแบ้งค์ยี่สิบกับห้าสิบอีกอย่างละใบ   รวม ๑๗๐ บาท   ซึ่งพอผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้เราเริ่มมีความรู้สึกผิดปกติบ้างน้อยๆ เกี่ยวกับเขาแล้ว จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 วัดทีโลเมงโล (Htilominglo Temple) ความหมายว่า  "เอาฉัตรตั้งกษัตริย์" .......................... ผมตัวไม่เตี้ยหรอกนะครับ  แต่เพื่อนมันตัวสูงกว่า  เมื่อก่อนเกือบ ๑๘๐ ตอนนี้แก่แล้ว  กระดูกทรุดไปนิด  เตี้ยกว่าเดิมหน่อยหนึ่ง จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:43:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พระพุทธรูปยืนทำจากไม้สัก  เป็นของ ORIGINAL นะคร้าบ อยู่ภายในวัดทีโลเมงโล (Htilominglo Temple) เอ ชื่อวัดนี้ภาษาไทยเขาเรียกกันงามๆ ว่าอย่างไรครับ คุณปลาทองฯ คุณผู้ชนะฯ จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นตัวอย่างพระพุทธรูปภายในวัด แต่ละวัดมีพระพุทธรูปเยอะแยะมากมาย  ถ่ายเท่าไรก็ไม่หมด จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เป็นพระประธานภายในวิหาร? หรือโบสถ์ ผมสับสนครับ ดูไม่ออกว่าวิหารหรือโบสถ์  ไม่มีอะไรให้อ้างอิง เป็นของเก่าไม่มีช่อฟ้าหลงเหลือ ....................... เสื้อยืดตัวนี้ใส่ได้ทั้งวัน  ปัจจุบันนี้ก็ยังอยู่เลยครับ  ชาวพม่าแถวนี้เห็นแล้วน้ำลายไหล  เขาชอบเสื้อยืดทีเชิร์ตกันมากครับ  ที่นั่นราคาแพงด้วย  หากใครไปเที่ยวพม่าตอนกลางประเทศ  ยัดเสื้อยืดใส่กระเป๋าไปเยอะๆ เลยครับ  แลกสินค้าดีๆ แทนเงินดอลลาร์ได้เลย จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลืมใส่รูปครับ นี่ไง  เสื้อยืดราคาแพง  แพ้งแพง หากเก็งกันดีๆ  เสื้อทีเชิร์ตสองตัวอาจแลกลูกเป้ง (Opium Weight) ได้ชุดหนึ่งเลยครับ จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นซุ้มประตูชัดๆ  มุมใดมุมหนึ่งของโบสถ์? วิหาร? ครับ จากคุณ : NickyNick - [ 24 มิ.ย. 49 15:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ทราบว่าจะเรียกอะไรดีครับ ไม่เคยเรียนภาษาพม่า แต่ดูจากรูปข้างบน ซุ้มใบระกาแบบนั้นแล้วทำให้นึกถึงศิลปะล้านนาขึ้นมาทีเดียว ท่าทางคุณนิกจะชอบเสื้อขาวลายเขียวตัวนี้มากนะครับ จากคุณ : + (ปลาทองสยองเมือง) - [ 24 มิ.ย. 49 18:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มิงกะลาบา เวลาเช้าครับ คุณปลาทองฯ อ้อ เขาเรียกซุ้มใบระกา  ขอบคุณครับ เป็นเสื้อลายขาว-ดำครับ  ไม่ชอบก็ต้องชอบ เพราะไปเที่ยวแบบนี้ต้องประหยัดเครื่องแต่งตัว ชุดหนึ่งใส่ได้ทั้งวัน แล้วก็ตอนนั้น กลางวันร้อนจัด กลางคืนก็หนาวจัดด้วย ส่วนใหญ่เอาแต่เสื้อยืดหนาๆ ไป พอมาถึงพุกาม อากาศกลางวันร้อนมาก จึงต้องเลือกเสื้อยืดค่อนข้างบางหน่อย ตัวนี้เหมาะที่สุด เพราะบางสุด  แล้วก็วันนั้นถ่ายรูปมากที่สุดด้วย ดูไปดูมา เสื้อตัวนี้เลยสวยที่สุดครับ จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 08:56:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 (ต่อครับ) นั่งรถกลับมาถึงโรงแรม  จากนั้นก็รีบไปดูพระอาทิตย์ตกดินอีก  เริ่มถีบจักรยานออกเวลา ๑๗.๐๐ น.  เราไปกับจอเมี้ยะ ๒ คน  เขายืมจักรยานใกล้ๆ โรงแรมอีกหนึ่งคัน   Lali-Riki ตามไปทีหลัง  ให้ไปพบกันที่ใกล้ๆ วัด Alow Pyi Pyar สำหรับ Sigi-Pauli ทราบว่าเดินไปชมพระเจดีย์ชเวซิกอง   ก็ดีที่จะได้ผ่อนคลายบ้าง   ไม่ต้องมัวกังวลแต่จะเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการท่องเที่ยวในครั้งนี้   ส่วนเราต้องรีบตักตวงให้ได้มากที่สุด   เพราะมีเวลาเหลืออีกเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้นสำหรับการเที่ยวชมทัศนียภาพภายในพุกาม ๑๗.๒๐ น.  ถึงวัด Alow Pyi Pyar  เข้าไปชมข้างใน   ใกล้ๆ มี  East ไรชี  ซึ่งเป็นวัดที่เดินขึ้นไปชมข้างบนดาดฟ้าได้   นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จัก   มี West ไรชี อีกแห่งถัดจากวัด Alow Pyi Pyar ไปทางตะวันตก   ไม่ทราบว่าจะมีบันไดปีนขึ้นไปได้หรือไม่ .............................. ภาพนี้คือ วัด Alow Pyi Pyar จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 10:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พระประธานภายในวัด Alow Pyi Pyar จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 10:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 East ไรชี  ซึ่งเป็นวัดที่เดินขึ้นไปชมข้างบนดาดฟ้าได้   นักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้จัก จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 10:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 East ไรชี อีกมุมหนึ่ง ชื่อวัดนี้ไม่รู้ว่าเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไง แต่ถอดคำตามฟังชาวพม่าพูด จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 10:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พระประธานภายในวัด East ไรชี จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 10:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 26 รีบปั่นจักรยานกันยกใหญ่   มองเห็น วัดสุลามณี (Sulamani)  ที่เราทราบกิตติศัพท์ความสวยงามจากหนังสือ  อยู่ไกลออกไปทางทิศใต้  ไม่สามารถถีบจักรยานเข้าไปได้   เราถ่ายรูปจากที่ไกล  ได้ผ่านเจดีย์และวัดอีกหลายแห่งซึ่งไม่มีในแผนที่สำหรับนักท่องเที่ยว   แต่ดูน่าสนใจเกือบทั้งนั้น เสียดายที่เวลามีน้อย  ไม่สามารถแวะชมได้ให้มากกว่านี้   และไม่ได้ดื่มด่ำกับรสชาติแบบชาวพุทธในตอนนี้เลย   เพียงขอได้ชื่อว่ามาถึงแล้วเท่านั้น ................................. ไกลสุดคือวัดสุลามณี (Sulamani Temple, far most) (ขวา) จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 10:30:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ๑๗.๐๐ น.   ถึง วัดหวาฮองยี  เจอกับเพื่อนที่นี่อีกครั้ง  Lali ยืนโบกมือให้จากดาดฟ้า  เราถ่ายรูปเขาไว้รูปหนึ่ง  รีบปีนขึ้นไปข้างบน   มีเด็กๆ พาส่องไฟฉายขึ้นไป  เป็นวัดที่น่าสนใจที่จะขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ข้างบนอีกแห่งหนึ่ง ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ   มักจะมีเด็กช่วยพาเที่ยวและอำนวยความสะดวกให้   ซึ่งบางครั้งก็ไม่จำเป็น  แต่ไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาดีของพวกเขาได้   ก่อนพ้นจากสถานที่เหล่านั้นเราจึงมักจะต้องมอบของที่ระลึกตอบแทนเขาแทบทุกครั้ง   ซึ่งเป็นของที่นำมาจากเมืองไทย  คือ ปากกาลูกลื่นสวยๆ เป็นส่วนใหญ่ ........................... วัดหวาฮองยี มีดาดฟ้าให้ขึ้นไปได้  เห็นคนโบกมือไหวๆ กันมั้ยล่ะ จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 10:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เด็กๆ เหล่านี้มาทำงานหาเงินกันนะครับ บางคนทำหน้าที่ส่องไฟฉายให้กับนักท่องเที่ยว บางคนมาขายพระเครื่อง  เศียรพระ บางคนมาขายหยก ทับทิม ทุกคนติดตามพวกเราตลอด ไม่ว่ากัน ต่างคนทำตามหน้าที่ของตน เราเที่ยว เขาบริการ จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พระประธานภายใน วัดหวาฮองยี จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พอดูเสร็จแล้วก็รีบลงมา   เพื่อไปที่จุดหมายสำคัญอันยิ่งใหญ่ของช่วงเย็นนี้คือ เจดีย์ชเวซันดอ (Shwesandaw)  อันมีชื่อพ้องกับเจดีย์ที่มีฉัตรสองคันในเมืองแปร   ที่นี่เป็นบริเวณที่สวยที่สุดที่จะดูพระอาทิตย์ตกดิน  เราปั่นจักรยานมาถึงที่นี่เวลา ๑๗.๕๕ น. (เวลา ๑๗.๒๕ น.ในพม่า)   เป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกเกือบหมดพอดี   แต่ยังพอมีแสงให้ใช้กล้องถ่ายรูปเห็นภาพทิวทัศน์ที่อ่อนนุ่มได้   สำหรับที่นี่  จอเมี้ยะตามมาสมทบทีหลังเพราะเขาต้องไปเติมลมจักรยานที่เกิดรั่วขึ้นมาอย่างฉับพลันก่อน ................................. เจดีย์ชเวซันดอ (Shwesandaw) เป็นบริเวณที่สวยที่สุดที่จะดูพระอาทิตย์ตกดิน จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 Shwesandaw Pagoda, when the sun sets ...................... เจดีย์ชเวซันดอ  รูปทรงด้านล่างดูยังไงก็เหมือนกับภูเขาทองที่อยุธยา คิดว่าทางอยุธยาคงลอกเลียนแบบมาจากพุกาม   เพราะอายุของพุกามแก่กว่าอยุธยา   บรรยากาศที่นี่จึงเหมือนมาเที่ยวในเมืองไทย   ต่างกันที่พุกามมีเจดีย์มากกว่ากรุงศรีอยุธยาหลายเท่านัก   แม้ปัจจุบันอนุรักษ์แล้วจะเหลือแค่ ๒,๒๐๐ แห่งเท่านั้น   แต่ดูแล้วน่าจะมากกว่าทั้งอยุธยา สุโขทัย ศรีสัชนาลัย รวมกันซะอีก แก้ไขเมื่อ 25 มิ.ย. 49 11:14:58 จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ข้างบนเจดีย์มีจุดให้ชมวิวหลายชั้น   เราขึ้นไปถึงชั้นบนสุด  ถ่ายรูปวิวไว้หลายรูป เช่น ฝั่งตะวันตกที่มองเห็นวัดมิงกะลาเซดีย์เป็น blackground   วิวทางวัดอนันดา วิวทางวัดธรรมายานจี (Dhammayangyi Temple)  ซึ่งเป็นวัดในพุกามที่คงรูปดีที่สุดในขณะนี้ ได้พบกับเด็กข้างบนอีกแล้ว   พยายามขายทับทิมพม่าให้กับเรา   แต่เราไม่สนใจเพราะไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อสิ่งฟุ่มเฟือยดังกล่าวได้   เราไม่รู้ว่าอันไหนเป็นของจริงหรือของปลอม   ความงามเหมาะสมกับราคาหรือไม่   และผิดกฎหมายการนำสินค้าออกนอกประเทศด้วย   พอลงมาข้างล่างก็มีคนพยายามขายเศียรพระพุทธรูปเล็กๆ ให้กับเราอีก   แต่เราไม่ชอบเนื่องจากเป็นพระพุทธรูปพม่าที่เหมาะจะอยู่ในเมืองพม่ามากกว่าเมืองไทย   และผิดกฎหมาย   รวมทั้งเราไม่อยากสนับสนุนให้เขาทำลายโบราณวัตถุที่มีคุณค่ายิ่งดังกล่าวด้วย .................. ธุรกิจบนพระเจดีย์ชเวซันดอ จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 วิวทางวัดธรรมายานจี (Dhammayangyi Temple) ซึ่งเป็นวัดในพุกามที่คงรูปดีที่สุดในขณะนี้ ถ่ายจากบนพระเจดีย์ชเวซันดอ (Shwesandaw) จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 นี่อีกวัดหนึ่ง  ไม่รู้ชื่อครับ ภาพนุ่มนวลดีจัง ถ่ายจากบนพระเจดีย์ชเวซันดอเช่นกัน จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พระอาทิตย์ตกดิน - แม่น้ำอิระวดี - เทือกเขาอาระกันโยมา - มิงกะลาเซดีย์ (หรือมงคลเจดีย์ตามที่คุณปลาทองสยองเมืองได้บอกไว้ครับ) ถ่ายจากบนพระเจดีย์ชเวซันดอ The sun set - Ayeyarwady River - Arakan Yoma - Mingalar Zedi , view from Shwesandaw Pagoda , BAGAN. จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:28:04 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พอลงมาก็พบกับจอเมี้ยะรออยู่ข้างล่าง   รถเขายางรั่ว   ไม่สามารถถีบต่อไปได้   เราจึงเดินจูงจักรยานกลับเป็นเพื่อนเขาในความมืด   แวะมาที่วัดทะบินยู (วัดสัพพัญญู) เพื่อมาหารถจักรยานคันอื่นกลับ   ตอนนี้มืดมากแล้ว   เราร้อนใจมาก   แต่เขากลับชวนให้นั่งจิบน้ำชาอย่างสบายใจที่ร้านเพื่อนเขาที่เราซื้อ Opium Weight เมื่อตอนบ่าย   เราพยายามทำใจรอเขา   ทางเจ้าของร้านก็มาชวนซื้อของอีกเรื่อยๆ   ความจริงเราไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว   เพราะความรู้สึกกลัวอันตรายมีมากกว่าและเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ   เราเป็นคนแปลกถิ่นเพียงคนเดียวตอนนี้   เงินทุกดอลลาร์  กล้องถ่ายรูป   กล้องส่องทางไกล   รวมทั้งทรัพย์สินทุกอย่างอยู่กับตัวเราตอนนี้ครบหมด   เรามีเพียงแค่จักรยานเป็นพาหนะคันเดียว   หากเขาคิดร้ายกับเราระหว่างเดินทางกลับท่ามกลางความมืดแล้ว   เขาจะจัดการอย่างไรก็ได้ เจ้าของร้านคอยเซ้าซี้ให้ซื้อของอยู่เรื่อยๆ   เราไม่รู้จะทำอะไรอีกจึงเดินเข้าไปดูข้างในใหม่เพื่อไม่ให้เซ็งมากกว่านี้   คราวนี้ซื้อ Weight อีกหนึ่งตัว   เป็นรูปเป็ดตัวเล็ก  เพื่อไปฝากไอ้ซ้งยาว  เขาอยากได้เอาไว้ดูมาก   ราคา ๖ ดอลลาร์ (เดิม ๗ ดอลลาร์)  พร้อมกับให้เครื่องเขินเป็นรูปถ้วยเล็กๆ ๒ ใบแก่เราฟรี   คงจะเพราะได้สนับสนุนเขามาเยอะตั้งแต่บ่ายแล้วมั้ง ช่วงนี้จอเมี้ยะบอกว่าเขาถีบจักรยานกลับไปไม่ได้แล้ว   เพราะไม่สามารถเติมลมให้ทนอยู่ได้นาน   คิดว่าคงต้องเอาใส่เกวียนเช่ากลับไปบ้าน   ตอนนี้เรารู้สึกไม่ไว้ใจเขามากขึ้นอีก   เขาเกิดและโตในพุกาม  ทำงานเกี่ยวกับเกวียนเช่า   เท่าที่เขาบอกราคาคร่าวๆ ให้เราทราบดูมันมากกว่าราคาเกวียนที่พานักท่องเที่ยวชมรอบพุกามในเวลากลางวันซะอีก   ซึ่งผู้ที่จะต้องจ่ายค่าเกวียนคงต้องเป็นเราอย่างแน่นอน   รวมทั้งเขาไม่สามารถหยิบยืมจักรยานใครได้เลยสักคน   เราอาจจะคิดร้ายต่อเขามากเกินไป   แต่สภาวการณ์ตอนนั้นคิดว่าคงไม่ได้เหตุผลนักที่มีความคิดเห็นเช่นนั้น เจ้าของร้านก็พยายามชวนเราให้ซื้อของอยู่เรื่อยๆ   ช่างน่ารำคาญเสียเหลือเกิน   คงเห็นเรายังมีเงินดอลลาร์เหลืออยู่อีกเป็นปึกใหญ่ๆ   เราก็ปฏิเสธท่าเดียว   คราวนี้ลองวิธีการใหม่  โดยขอแลกกับสร้อยคอ  นาฬิกา  รองเท้า  เราไม่ตกลง   เพราะเห็นว่าแลกกับของแพงเกินไป   เขาจึงขอเปลี่ยนกับกางเกงยีนส์หรือเสื้อยืด T-shirt  ซึ่งเรายอมตกลงแลกกับเสื้อยืด   เพราะเอามาจากเมืองไทยสิบกว่าตัว   คงพอแบ่งได้   และอยากจะให้เขาเลิกยุ่งกับเรา   แต่เราก็ยังวางท่าขอต่อรองว่าจะแลกก็ต่อเมื่อเขาให้ยืมจักรยานสำหรับจอเมี้ยะขี่กลับไปด้วย   เพราะจะได้มีเพื่อนกลับ   แม้เราจะไม่ค่อยไว้วางใจเขาแล้ว   แต่ถ้าเขาไม่คิดอะไรแม้แต่น้อย   ก็จะเป็นการไถ่ความผิดของเราไปด้วย   เขาก็ยอม   ตกลงเราได้เครื่องเขินเป็นถ้วย ๑ ชุด มี ๕ ใบ (๑๔-๑๕ ดอลลาร์)  แลกกับเสื้อยืด ๒ ตัว  ราคาประมาณ ๒๐๐ บาทในเมืองไทย  แต่ในพุกามเสื้อของเราราคาคงจะแพงมากเป็นแน่   เพราะเห็นคนพม่าจ้องเสื้อเราตาเป็นมันแทบทุกที่ ชาวพม่าใจกลางของประเทศ   ทั้งชาวพุกามและชาวบ้านข้างทางที่เราพบต่างยากจนมาก  เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เป็นของสวยงามและราคาแพงสำหรับเขา   จึงพยายามแลกสินค้าต่างๆ กับของเหล่านี้  เข็มขัดสวมกางเกงยีนส์ที่เรานำไป   หลายคนอยากแลก   ไฟแช็คจุดบุหรี่จากเมืองไทย  ก็มีคนต้องการและขอแลกตลอด   ของต่างๆ จากต่างประเทศดูมีค่าไปซะหมด   เราได้อ่านหนังสือก่อนไปเที่ยวและจากการพูดคุยกับเพื่อนๆ ฝรั่งคนอื่นที่เคยไปเที่ยวแล้ว  รวมทั้งกับ Lali-Riki  ว่าควรจะต้องเตรียมของเล็กๆ น้อยๆ เช่นพวกปากกาลูกลื่นไปแจกเด็กให้เยอะๆ  เพราะเป็นของสวยงามของพวกเขา  ครั้งต่อไปก็อย่าลืมเอาเสื้อทีเชิ้ร์ตเก่าๆ  เข็มขัดกางเกงยีนส์ ไปด้วยมากๆ ละครับ  อาจแลกลูกเป้งได้สองสามชุดก็ได้ จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 11:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 37 พรุ่งนี้ขอลาพักร้อน ๑ วัน  เป็นวันหยุดเพียงวันเดียวในสัปดาห์นี้ แต่ก็ต้องรีบขับรถแต่เช้ามืดไปสู่บ้านเดิม  อีกจังหวัดหนึ่งอันไกลโพ้นเพื่อทำธุระสำคัญ แล้วก็รีบกลับมาบ้าน "ที่นี่" ภายในวันเดียวกัน เหนื่อยน่าดูเลย จากคุณ : NickyNick - [ 25 มิ.ย. 49 16:58:30 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ่า ขอโทษครับ พิมพ์เพลินไปหน่อย มาอ่านอีกทีถึงได้รู้ว่าผิด เขาเรียก ซุ้ม Cleck หรือซุ้มฝักเพกาครับ ใบระกานั่นของขอม ขอโทษครับ จากคุณ : + (ปลาทองสยองเมือง) - [ 25 มิ.ย. 49 20:18:22 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่ต้องขอโทษอะไรหรอก ผมก็ไม่รู้เรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับศิลปต่างๆ เหล่านี้หรอกครับ ที่ท่านแนะนำเพิ่มเติมก็ช่วยให้ผมและท่านอื่นได้รับความรู้อีกด้วยครับ ว่ากันต่อเลยนะครับ ..................... เราสองคนถีบจักรยานลัดไปในความมืดและเป็นทางลูกรัง  ผ่านใกล้ๆ วัดอนันดาแล้วไปขึ้นถนนใหญ่  เรามีลางสังหรณ์บางอย่างบอกไม่ถูกว่าไม่ควรไว้ใจใครเลยในที่นี้  จึงรีบปั่นจักรยานซะยกใหญ่โดยไม่สนใจความงามของสิ่งรอบข้างอีกต่อไปแล้ว  จอเมี้ยะหรือใครๆ ก็ไม่สามารถปั่นตามเราทันเลย  ซึ่งเป็นความประสงค์ของเราด้วย  เนื่องจากความกลัวอย่างบ้าคลั่ง  และคงเพราะอากาศเย็นด้วยจึงปั่นอย่างไม่คิดชีวิต   เราปั่นนำหน้าเขาซะไกลโขอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ช่วงก่อนถึงโรงแรมทางไม่ค่อยเปลี่ยวแล้ว  เราจึงขี่ช้าๆ รอเขาและชะลอคุยกันไป   เขาคุยว่าอยากได้กระเป๋าสตางค์ของเราอีก   ซึ่งเป็นของหายากและมีราคาสำหรับที่นี่เหมือนกัน   ดูทุกอย่างในตัวเรามีค่าไปหมดสำหรับเขา  ซึ่งเราก็รับปากว่าพรุ่งนี้จะให้ของขวัญตอบแทนความกรุณาที่ได้นำเที่ยวอย่างขวัญเสียบ้าง   แต่ไม่ได้บอกก่อนว่าเป็นอะไร กลับมาถึงโรงแรมเวลา ๑๙.๓๐ น.  ทุกคนออกไปกินข้าวกันหมดแล้ว   เรายิ่งกังวลไปใหญ่  เพราะกลัวเพื่อนๆ เป็นห่วงที่มาช้าเกินไป   พอดีกับ Lali ปั่นจักรยานกลับมาจากที่กินข้าว  เขาก็กังวลเช่นกัน   เพราะไม่ได้บอกล่วงหน้าก่อนว่าจะนัดพบกันได้ที่ไหน   เขามาถึงโรงแรมก่อนเราไม่นาน   ทำให้เราผ่อนคลายลงได้มาก   กลัว Riki จะกังวลมากกว่าคนอื่น อาบน้ำแล้วรีบขึ้นรถยนต์ไปกินข้าวที่ร้านข้างนอก   แต่ยังอยู่ใน Old Bagan  มีจอเมี้ยะไปด้วยอีก   คืนนี้เป็นวันคริสต์มาสสำหรับพวกฝรั่ง   Riki มอบของขวัญวันคริสต์มาสให้ทั้งกับเราและแม่  ให้เราไปให้ตอนกลับถึงเมืองไทยแล้ว  เป็นเครื่องเขิน  ของแม่เป็นโอ่งใบเล็กๆ   เราบอกว่าจะเอาไว้ให้แม่ใส่สร้อยทองให้เต็ม   ส่วนของเราเป็นที่เขี่ยบุหรี่หรือจานรองแก้วก็ไม่ทราบ  เดาไม่ออก   คืนนี้เดิมกะว่าจะไปชม  การแสดงหุ่นกระบอก  (Marionette Theater)  ที่คนพม่าเรียกว่า โยเตะ Yokthe Pwe  ซึ่งแสดงในโรงแรมของรัฐบาล   แต่ไม่มีเวลาแล้ว กินอาหารเย็นเสร็จแล้ว  เราปั่นจักรยานของ Riki กลับมากับ Lali  ซึ่งขี่อีกคันหนึ่ง   คนอื่นนั่งบนรถยนต์ที่ขับตามหลัง   มาดื่มเหล้าดื่มเบียร์กันต่อแล้วแต่อัธยาศัยที่ร้านในโรงแรม   ทุกคนต่างมีความสุขในวันคริสต์มาสกันมาก   พบเพื่อนชาวต่างประเทศชาติเดียวกับเพื่อนเราทั้งสี่ ชื่อ .............. มากับภรรยา   ทั้งกลุ่มเพื่อนเราต่างไม่ชอบหน้าชายคนนี้   บอกว่าวางตัวเขื่อง  เหมือนกับเป็นผู้เก่งกล้า  ตามที่พวกเขาเรียกว่า  Arrogant  แต่เราไม่สามารถดูบุคลิกเขาออกเพราะคนละชาติคนละภาษา   นายคนนี้คุยให้เราฟังว่ารู้จักกับอาจารย์ ............ และ อาจารย์ ..............สองสามีภรรยา  รวมทั้ง อาจารย์ ......... อดีตคณบดี .......ด้วย   และเขาทราบด้วยว่าขณะนี้   อ...............กำลังประสบวิกฤติชีวิตในเมืองไทยอยู่ด้วย  อันเนื่องมาจากสองขั้วที่ไม่ถูกกัน  แล้วคนกลางก็เลยเละ  ธรรมด๊าธรรมดา  การเมืองไทย ................................. ฉลองคืนคริสต์มาสอีฟ - เหน็ดเหนื่อยและหลังฝันร้ายจากทัวร์ลูกเป้ง Christmas Eve in BAGAN - fatique and nightmare from Opium-weight tour. แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 49 10:59:37 จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 12:47:18 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สองสามีภรรยากลับไปแล้ว  ก็มีแขกมาเยือนอีกคนหนึ่ง   เป็นแขกจริงๆ  แต่ตอนนี้เปลี่ยนสัญชาติเป็นแคนาดาแล้ว   คงจะรำคาญพวกเราที่ส่งเสียงดังจึงลงมาคุยด้วย   บอกว่ากำลังเหงาและสนใจว่าจะทำอะไรในช่วงคริสต์มาสนี้ดี   เขามารยาทดีออก  ไม่อยากให้เสียเส้นในคืนสำคัญนี้   คุยสักพักก็ขอตัวขึ้นไปนอน   พวกเราก็ยังเฮกันต่อ  ไม่รู้สำนึก  เฮ้อ  หรือต้องการให้เขากลับลงมาคุยอีกครั้งถึงจะรู้เรื่อง เราขอไปนอนเวลา ๒๔.๓๐ น.   เนื่องจากไม่ไหวจริงๆ  ทั้งเหนื่อยจากกลางวัน  รวมทั้งจากการดื่มเบียร์และเหล้าปนๆ กันค่อนข้างมาก   คนไทยเราเรียกว่า “สังขยา”  รู้จักมั้ย  เด็กๆ ที่ยังไม่มีเงินเดือนอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 12:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ๒๕ ธันวาคม  ๒๕๓๗ ตื่นนอนเวลา ๐๗.๓๐ น.   อากาศหนาว  ยังเพลียอยู่จากเมื่อวาน  กินอาหารเช้า   จากนั้นอีก ๑ ชั่วโมงต่อมาก็เดินไปชมเจดีย์ชเวซิกองคนเดียว   แม้จะอยู่ใกล้หน้าโรงแรมแค่นั้นแต่กลับได้ไปเที่ยวชมจนชั่วโมงสุดท้าย เห็นประดิษฐกรรมใหม่ๆ หลายอย่างในนั้น   รวมทั้งดูเงาพระเจดีย์จากน้ำที่ขังอยู่ในแอ่งที่เกิดจากรอยแตกร้าวของพื้นอิฐทางด้านทิศใต้ขององค์พระเจดีย์   เป็นของแปลกในพม่าที่ต้องไปดูอีกอย่างหนึ่ง กลับจากชเวซิกอง  จอเมี้ยะฝากนกฮูกเล็กๆ ให้เรา ๑ คู่   รวมทั้งให้กับเพื่อนฝรั่งคนอื่นด้วยอีก ๒ คู่   ส่วนเราก็มอบเสื้อ Diesel สีดำแก่เขาไป ๑ ตัว   แต่ฝากที่โรงแรมไว้   เพราะเขาไปทำงานขับเกวียนรถม้าแล้ว   สำหรับเสื้อที่เราฝากเขาไปให้กับร้านที่วัดทะบินยู (วัดสัพพัญญู)  ไม่รู้ว่าจะถึงตัวเจ้าของร้านรึยัง ........................ Shwezigon Pagoda - - The second most beautiful in BAGAN จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 14:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อีกมุมหนึ่งของพระเจดีย์ชเวซิกอง โอกาสที่จะถ่ายได้เต็มองค์แบบนี้น้อยมากเลยครับ ใครได้ไปแล้วลองถ่ายดู  จะรู้ว่า ผมไม่หลอกหรอกนะ จะบอกให้ จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 14:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 43 พระพุทธรูปองค์หนึ่งในจำนวนมากมายของวัดชเวซิกอง จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 14:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เรียกอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เหมือนมีผอบบรรจุอะไรสำคัญข้างใน ภายในวัดชเวซิกอง จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 14:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สิ่งก่อสร้างมากมายภายในวัด สถาปัตยกรรมพม่าที่เป็นเครื่องไม้ มักเห็นทาสีดำๆ  และทำเป็นฉัตรหรือหลังคาซ้อนกันหลายๆ ชั้น จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 14:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 46 มองกันให้ชัดๆ อีกที จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 14:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เดิมตั้งใจว่า   การมาเที่ยวพุกามจะต้องให้ซาบซึ้งกับสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างต่างๆ   แต่พอเที่ยวได้สักครึ่งวันแรกก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเที่ยวชมให้ครบทั้งหมด   เพราะสถานที่แต่ละแห่งยิ่งใหญ่จริงๆ   บางแห่งไม่สามารถถีบจักรยานเข้าไปได้   ต้องเดินเท้าแค่นั้น   สถานที่สำคัญที่ตั้งใจอยากดูมากตั้งแต่อยู่ในเมืองไทยแล้วแต่หลุดรอดไปก็เช่น   วัดนาดามันยา (Nadamannya Temple)  อันมีโดมรูปร่างคล้ายวาติกัน  และมีภาพวาดฝาฝนังที่มีคนแต่งตัวคล้ายคนอินเดีย   วัดธรรมายานจี (Dhammayangyi Temple) ................. ค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์พุกาม สำหรับชาวต่างประเทศ  ๑๐ ดอลลาร์สหรัฐ เข้าชมเมื่อ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๗ หรือปี ๑๙๙๔ ลบชื่อผมออกครับ เดี๋ยวจะหาว่าโฆษณา พันทิปจะยึดอมยิ้ม  กลัวกลั๊วกลัว!!!!!! ทั้งค่าโรงแรม ค่าเข้าชมอุทยาน ของชาวต่างประเทศทุกอย่าง ทั้งหมด  ไม่รับเงินจ๊าตครับ จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 14:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แถมภาพป่าพระเจดีย์พุกามอีกสักหน่อยครับ ภาพเลอะเทอะหน่อยครับ เพราะผมถ่ายเอาภาพมาต่อกัน แล้ววางไว้บนโต๊ะทำงานเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 15:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เอาอีก จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 15:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เอาอีก  ชักมันแล้ว จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 15:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ชักมันกันใหญ่แล้ว เหนื่อยไหมเนี่ยะ จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 16:00:01 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เนื่องจากมีบันทึก  และภาพประกอบอยู่อีกเป็นอันมาก จึงขอตั้งกระทู้ใหม่ต่อเนื่องจากตรงนี้เลยครับ กรุณาแวะไปชมได้เลยครับ เที่ยวพม่า ตอน ๔ : ภูเขาโปปา (Mount Popa) ที่สถิตของมหาคีรีนัท (Mahagiri Nats) http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4488313/K4488313.html จากคุณ : NickyNick - [ 27 มิ.ย. 49 16:01:30 ]