ความคิดเห็นที่ 1 “ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี จะอยู่จนฉลองพระราชพิธีครองสิริราชสมบัติครบ 100 ปี” นั่นคือพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีต่อท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ระหว่างจัดถวายพระพรและขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตที่จะถวายพระพรว่า ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมพรรษาเกินกว่า 100 พรรษา ซึ่งท่านผู้หญิงบุตรีได้กรุณาอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสดังกล่าวมาเล่าให้ อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีคนหนึ่งของไทยฟัง อาจารย์เผ่าทองอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสนี้มาเล่าให้แขกกลุ่มหนึ่งของไทยธนาคารฟังเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 09:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 .... แม้การฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 8-12 มิถุนายนที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ได้สร้างความปลื้มปีติและความประทับใจแก่ปวงชนชาวไทยไม่รู้ลืม แต่เบื้องหลังงานพระราชพิธียังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นความรู้และน่าสนใจอย่างยิ่ง ไทยธนาคารได้จัดงานย้อนรำลึกถึงงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยเชิญอาจารย์เผ่าทองมาเป็นวิทยากร เล่าแบบเจาะลึกในทุกพระราชพิธี เพื่อให้ปวงพสกนิกรได้ซาบซึ้งและอิ่มใจมากยิ่งขึ้น จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 09:54:25 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อาจารย์เผ่าทอง เล่าว่า งานฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครองสิริราชสมบัติครบ 25 ปี เรียกว่า รัชดาภิเษกสมโภช ครองราชย์ครบ 50 ปี เรียกว่า กาญจนาภิเษกสมโภช หากครองสิริราชสมบัติครบ 75 ปี จะเรียกว่า ฉลองพระราชพิธีพัชราภิเษก “แต่งานฉลอง 60 ปีครั้งนี้ พระเจ้าอยู่หัวยังไม่ทรงนับเป็นไดมอนด์จูบิลี แต่เมื่อฉลองครบ 100 ปี ก็จะเป็นพระราชพิธีที่สำคัญมากที่สุด เรียกว่า อมรินทร์ภิเษกสมโภช” จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 09:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โคมไฟระย้า 6 คู่ในพระนั่งอมรินทรวินิจฉัยนั้นได้แต่ใดมา ? อาจารย์เผ่าทอง เล่าว่า ในวันที่ 8 มิถุนายนนั้น มีพระราชพิธีพระราชกุศลทักษิณานุประทาน ความหมายของพระราชพิธีนี้ก็คือการบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายแด่บรรพบุรุษนั่นเอง ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญมากในประเทศไทย เพราะคนไทยเราก่อนที่จะฉลอง เริ่มความสนุกสนานอะไรก็ตาม เราต้องนึกถึงบุญคุณของบรรพบุรุษเสียก่อนเพื่อความเป็นมงคล พระราชพิธีนี้มีขึ้นที่พระนั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระที่นั่งองค์นี้มีโคมไฟระย้า หรือ Chandelier จำนวน 6 คู่ ซึ่งโคมไฟแก้วทั้ง 6 คู่นี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสั่งมาเพื่อติดประดับที่วังสวนสุนันทา แต่เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สวรรคต “รัชกาลที่ 5 ทรงอาลัย จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้นำเอาโคมไฟนี้มาประกอบเข้ากับหลอดกระแสไฟฟ้าติดที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยเพื่อใช้กับกระแสไฟฟ้า นับว่าเป็นโคมไฟคู่แรกที่ได้ใช้กับกระแสไฟฟ้า และพระที่นั่งนี้ก็เป็นอาคารแรกในประเทศไทย และเป็นอาคารแรกของพระบรมมหาราชวังที่มีกระแสไฟฟ้าใช้” จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในหลวงทรงจุดธูปเทียนจากซ้ายไปขวา  พระราชินีทรงจุดธูปเทียนจากขวามาซ้าย ในที่พระที่นั่งองค์นี้มีนพปฎลมหาเศวตฉัตร 9 ชั้น มีพระที่นั่งบุษบกมาลา สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ข้างบนประดิษฐานพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรองค์ใหญ่ ปางอุ้มบาตรองค์เล็ก พระพุทธรูปปางนาคปรก ปางถวายเนตร ปางสมาธิอยู่ด้านหลัง เป็นพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร หรือพระพุทธรูปประจำวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 8 และพระมเหสี การเรียงลำดับพระบรมโกศพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลก่อน ก็มีเกร็ดอยู่ว่า พระบรมโกศของรัชกาล 1 รัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 3 อยู่ด้านกลาง มีแท่นรองวางพระบรมโกศของรัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 รัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 8 อยู่แถวหน้า พระมเหสีเทวีอยู่ 2 แถวหลังของพระบรมโกศทุกรัชกาล เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงจุดธูปเทียนนมัสการพระพุทธรูป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงจุดธูปเทียนจากซ้ายไปขวา และสมเด็จพระบรมราชินีจะทรงจุดจากขวามาซ้าย นี่เป็นโบราณราชประเพณี จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 การเสด็จออกมหาสมาคม เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ทรงสายสะพายสีชมพูนั้นคือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลจุลจอมเกล้า สายสะพายจะเป็นสีชมพู จะทรงเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้เมื่อเป็นพระราชพิธีส่วนพระองค์ภายในที่เกี่ยวข้องกับพระราชวงศ์ หรือสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม ที่พระที่นั่งอนันตมหาสมาคม เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน มีพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราช ซึ่งจะมีการนำพระพุทธรูปแทนองค์บุรพมหากษัตริย์เข้าประกอบพระราชพิธี โดยมีพระพุทธรูปแทนพระมหากษัตริย์ในสมัยสุโขทัยทุกพระองค์ พระพุทธรูปแทนพระมหากษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยาทั้ง 34 พระองค์ พระพุทธรูปแทนพระเจ้ากรุงธนบุรี และพระพุทธรูปแทนรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 8 ในแผ่นดินกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งหล่อจากแร่ทองแดงที่ขุดได้ใน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้น ในวันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฉลองพระองค์ทรงเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรี และที่สำคัญคือเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ จะมีการเชิญพระกลดที่เห็นได้ชัดเจนว่ามีการลดหลั่นชั้นยศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงใช้พระกลดสีเหลือง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงใช้พระกลดสีแดง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงใช้พระกลดสีม่วง มีระบาย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ก็ทรงใช้ร่มหรือฉัตรธรรมดา สำหรับบทบวงสรวงบุรพมหากษัตริย์นั้น ราชครูวามเทพมุนีเป็นผู้อ่าน ซึ่งบทบวงสรวงนี้ อาจารย์วรพิญ สดประเสริฐ กับอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต เป็นผู้ประพันธ์ มีพระนามของพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาลและทุกพระองค์ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เพชรพระมหาวิเชียรบดีหนัก40กะรัต พระราชพิธีในวันที่ 10 มิถุนายน คือพระราชพิธีเวียนเทียนสมโภช และพิธีการสถาปนาสมณศักดิ์ เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ อันประกอบไปด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นทองคำลงยาประดับอัญมณี แต่สมัยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ซื้อเพชรจากอินเดียน้ำหนัก 40 กะรัตขึ้นมาประดิษฐานไว้บนยอดพระมหาพิชัยมงกุฎ มีความหมายว่าเป็นของหนัก เป็นภาระของพระเจ้าแผ่นดิน เพราะว่าในการปกครองประเทศต้องแบกรับทั้งทุกข์ทั้งโศก โรคภัยของประชาชนทั้งประเทศด้วย ด้วยสิ่งนี้พระมหาพิชัยมงกุฎจึงมีน้ำหนัก 7.2 กิโลกรัม ในครั้งรัชกาลที่ 1 เวลาที่ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ เสด็จฯ เทียบพระนครทางชลมารคคือทางเรือให้ประชาชนชมพระบารมี บางช่วงท่านโปรดให้เอาเชือกผูกห้อยเอาไว้กับหลังคาด้านในของเรือพระที่นั่ง เวลาที่เสด็จฯ ผ่านประชาชนจึงต้องเหยียดพระองค์ขึ้นให้พระเศียรไปเสมอกับมหามงกุฎ ลำดับที่สองพระแสงขรรค์ชัยศรี เป็นสัญลักษณ์ของความยุติธรรม เพราะว่ามีดหรือดาบเป็นอาวุธที่มีคมด้านเดียว ด้านหนึ่งเป็นสัน ด้านหนึ่งมีคม ถ้าใครเอาด้านที่เป็นสันฟันก็ไม่ตาย ถ้าเอาด้านคมฟันก็ตาย แต่พระแสงขรรค์นั้นมีคม 2 ด้าน พลิกด้านบนและด้านล่าง ไม่มีบน ไม่มีล่าง ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา เสมอกันหมด ต่อไปก็คือ พระวาลวีชนีกับพระแส้จามรี ใช้ขจัดปัดเป่าให้เกิดความร่มเย็นกับประชาชนราษฎร ธารพระกรคือไม้เท้า ทำจากไม้ชัยพฤกษ์ ใช้สำหรับพยุงพระองค์ พระมหากษัตริย์ไปเยี่ยมราษฎร ลำดับสุดท้ายคือฉลองพระบาทเชิงงอน ใช้งอนพระบาทเพื่อไม่ให้พระบาทสัมผัสแผ่นดิน เนื่องจากสมมติว่าเป็นสมมติเทพ เพราะหากพระบาทสัมผัสกับแผ่นดิน ก็จะเกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงวันนี้ ทุกพระองค์เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์โบราณมงคลนพรัตนราชวัชวราภรณ์ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลแรกของไทย ประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 “เกร็ดความรู้คือในสมัยพระเจ้านะโปเลียน ที่ 3 ของฝรั่งเศสทรงส่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น 1 สูงสุดของฝรั่งเศสมาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แต่รัชกาลที่ 4 ทรงตรัสว่าเราไม่มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตอบแทนฝรั่งเศสเลยจะทำอย่างไรดี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ขึ้น โดยใช้สายสะพายเป็นสีเหลือง แถบสองข้างเป็นสีเขียว และมีดารานพรัตน์ประดับด้วยอัญมณีพลอย 9 ประการ ส่งไปถวายพระเจ้านะโปเลียนที่ 3 พระเจ้านะโปเลียนที่ 3 จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ต่างชาติพระองค์แรกที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ และประเทศไทยก็เป็นประเทศแรกของเอเชียที่มีเครื่องราชอิสริยาภรณ์” จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เผาใบสมิทเพื่อให้ทรงพ้นภยันตราย-โรคันตราย ช่วงการทำพิธีบายศรีนั้น ผู้ที่อยู่ในพระราชพิธีต้องเวียนเทียน 3 ครั้ง และใช้มือขวาปัดควันออก โบกควันเข้าไปในพระมหาเศวตฉัตร เมื่อครบ 3 รอบเทียน ก็จะกลับมาที่พราหมณ์ราชครู จากนั้นราชครูจะนำไปปัก พานที่ปักเทียนบรรจุข้าวสารไม่บรรจุทราย กระถางธูปในวังจะบรรจุข้าวสารเพราะถือว่าเป็นสิ่งบริสุทธิ์ ไม่ใส่ทรายเพราะถือว่ามีคนเหยียบย่ำ จากนั้นพราหมณ์ราชครูจะดับเทียนด้วยวิธีใช้ใบพลู 9 ใบ 1 เรียงแล้วดับเทียนให้สนิท แล้วใช้ใบพลูโบกควัน 3 ครั้ง ให้เข้าสู่พระมหาเศวตฉัตร ดับแล้วใช้แป้งกระแจะเจิมลงตรงกลางใบพลู แล้วพราหมณ์ราชครูเชิญแป้งบนใบพลู แล้วเชิญแป้งไปถวายเจิมที่โคนของพระมหาเศวตฉัตร ซึ่งมีผ้าสีชมพูผูกอยู่ที่โคน แถบผ้าสีชมพูนี้จะมีการถวายทุกปีในวันฉัตรมงคล ใช้ผูกของเป็นสิริมงคลสูงสุดเป็นการถวายพระพร สมโภชสิริราชสมบัติเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ พราหมณ์ราชครูจะเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทูลเกล้าฯ ถวายน้ำพระมหาสังข์ น้ำเทพมนต์ ถวายใบสมิท การถวายน้ำพระมหาสังข์ ถ้ามีอาวุโสสูงกว่าก็ให้รดที่ศีรษะคนมีอาวุโสต่ำกว่า แต่เมื่อพระราชครูรดพระเจ้าอยู่หัว ก็จะถวายที่พระหัตถ์ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงรับแล้ว ก็จะทรงแตะที่เส้นพระเจ้า ที่พระเศียร จากนั้นถวายใบมะตูมมีลักษณะเป็น 3 แฉก เป็นสัญลักษณ์แทนตรีศูล ซึ่งเป็นอาวุธของพระอิศวร ในหลวงทรงเหน็บที่หูขวา พราหมณ์ถวายบังคม 3 คาบ จากนั้นก็ไปถวายบังคมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อที่จะไปถวายน้ำพระมหาสังข์ที่พระหัตถ์เช่นเดียวกัน จากนั้นพระราชครูไปเชิญใบสมิทมาทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงโปรดเกล้าฯ ให้พระราชครูถวายพระพรเป็นภาษาสันสกฤต ในหลวงทรงขอให้ให้พรเบาๆ จากนั้นทรงรับใบสมิท ใบสมิทแรกคือใบมะม่วงจำนวน 25 ใบ ทรงรับแล้วปัดพระองค์ แต่ถ้าเป็นโบราณต้องใช้คำว่าฟาดพระองค์ เอาสิ่งที่ไม่ดีภยันตราย 25 ประการ แทนที่ด้วยใบมะม่วง 25 ใบออกไปจากพระองค์ จากนั้นทรงรับใบสมิทลำดับที่ 2 เป็นใบทอง 32 ใบ แทนอุปัทวันตราย อุบัติเหตุทั้ง 32 อย่าง ฟาดพระองค์ จากนั้นทรงรับใบสมิทลำดับ 3 คือใบตะขบ 96 ใบ แทนโรคอันตราย 96 โรค ในโบราณมีโรคอันตราย 96 โรค จากนั้นราชครูจะนำเอาใบสมิทไปเผาทิ้งที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์เพื่อให้พระเจ้าอยู่หัวจะแคล้วคลาดจากภยันตราย โรคันตราย จากนั้นก็ทรงพระสุหร่ายและเสด็จฯ กลับ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โปรดให้ใช้เพลงมหาชัยถวายพระเกียรติยศ สำหรับพระราชพิธีในวันที่ 11 และ 12 มิถุนายนนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงรับพระประมุขทั่วโลกที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ในหลวงทรงยื่นพระหัตถ์ให้ก่อน เพราะทรงมีอาวุโสสูงสุดกว่าพระประมุขทั่วโลก เป็นธรรมเนียมว่า ผู้น้อยจะไม่ยื่นมือไปให้ผู้อาวุโสสัมผัส เมื่อพระประมุขทุกพระองค์เข้าประจำที่ที่พระเก้าอี้ จะทราบว่าองค์ไหนนั่งพระเก้าอี้ไหน ให้ดูที่พระเขนย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระเขนยมีครุฑแดง แต่ละราชวงศ์จะมีตราประจำอยู่ เมื่อนายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลจบแล้วเพลงสรรเสริญพระบารมีก็บรรเลงขึ้น แต่มีพระประมุขหลายชาติมิได้ทรงทราบว่า เพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงประจำของในหลวงจึงทรงผุดลุกผุดนั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งแรกไม่ได้ทรงยืน แต่เมื่อพระประมุขทั้งหลายทรงยืน พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงยืนด้วย “เรื่องที่สำคัญมากอย่างหนึ่งคือเมื่อนายกฯ ถือเป็นผู้มียศต่ำสุดในสถานที่แห่งนั้น จึงกราบบังคมทูลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้พระประมุขชาติอื่นเข้าใจด้วย ในหลวงมีพระราชดำรัสตอบเป็นภาษาไทย แต่หากพระประมุขอยู่กับพระประมุข ก็จะมีพระราชดำรัสเป็นภาษาของชาตินั้นๆ และจะมีคำแปลเป็นตัวหนังสือถวายก่อนหน้าหรือภายหลัง จบแล้วดนตรีบรรเลงเพลงมหาชัย อันนี้เป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะมีรับสั่งว่า เพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นเพลงประจำพระองค์ ถ้ามาเปิดตอนจบแล้ว ก็แปลว่าพระประมุขทุกชาติต้องมาถวายความเคารพพระองค์ ซึ่งไม่ถูกต้อง เนื่องจากพระประมุขทุกชาติมีศักดิ์เสมอกันหมด ด้วยเหตุนี้จึงโปรดให้ใช้เพลงมหาชัย ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของรัตนโกสินทร์” จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 พระเศวตฉัตร 9 ชั้นมีความหมาย ส่วนพระราชพิธีจัดเลี้ยงพระประมุขทั่วโลกที่พระที่นั่งสถิตยมโหฬารนั้น พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงรับพระราชอาคันตุกะที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ซึ่งพระที่นั่งองค์นี้ ในท้องพระโรงกลางประดิษฐานพปฎลมหาเศวตฉัตร พระที่นั่งพุฒตาลกาญจนสิงหาสน์ อยู่ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร 9 ชั้น พระมหาเศวตฉัตร 9 ชั้นนี้ มีความหมายว่า พระมหากษัตริย์ของไทยเป็นใหญ่เหนือทิศทั้ง 9 ความจริงแล้วทิศมี 32 ทิศ แต่ทิศที่สำคัญมี 10 ทิศ คือทิศหลัก 4 ทิศ คือ เหนือ ใต้ ออก ตก ทิศรอง 4 ทิศ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ ฯลฯ ทิศที่ 9 คือทิศเบื้องล่างและทิศสุดท้ายคือทิศเบื้องบน ทิศเบื้องบนนั้นถวายเป็นสถิตแก่เทพยดาฟ้าดินทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้เทพยดาฟ้าดินจึงปกปักรักษาพระมหาเศวตฉัตรของไทยให้รอดมาเป็นเอกราชจนถึงทุกวันนี้ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 โคมระย้าในพระที่นั่งมีตำนาน นอกจากนี้ มี Chandelier ขนาดใหญ่ในท้องพระโรงกลาง Chandelier ช่อนี้มีความสำคัญ เพราะเป็นโคมไฟระย้าที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก เป็นอันเดียวที่อยู่ในทวีปเอเชีย อีก 9 อันอยู่ในยุโรปและตะวันออกกลาง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท จึงได้นำมาติดตั้งอยู่ที่พระที่นั่งจักรีตลอดมา เป็นเกียรติเป็นศรีแก่ประเทศชาติตลอดมา เมื่อเสด็จฯ ยังพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร จะมีการจำลองบุษบกมาลาจากพระที่นั่งมาประดิษฐานโดยฝีมือช่างศิลปาชีพ เป็นทองคำทั้งองค์ ประดับเพชร ฉัตร 7 ชั้นเป็นเพชร และมีหัตถกรรมไทยอีกหลายอย่างที่แสดงถึงช่างฝีมือชั้นสูงของไทย ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฝ่ายในร้อยขึ้น ใช้ดอกพุทธชาดในวังโบราณ ดอกเล็กๆ ละเอียด ฝอย และกลิ่นหอมมากมาร้อยเป็นรูปกระแต ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฝ่ายในร้อยขึ้น สำหรับพระราชทานพระราชอาคันตุกะในวันเลี้ยงในพระที่นั่งจักรีด้วย จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:20:24 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จานทองคำทำให้ฝรั่งเศส จานโชว์เพลตของพระประมุขเป็นทองคำ ของทั่วไปเป็นถมเงิน จานมาจากบริษัท แซทส์ จากฝรั่งเศส แก้วเหล้ายี่ห้อ โมเซย์ จาก สาธารณรัฐเช็ก สำหรับปกเมนูแกะสลักจากไม้โมกมันกรอบเป็นทองคำ มีพระปรมาภิไธย ภปร. ของคนอื่นเป็นทองคำลงยา แต่ของพระประมุขเป็นเพชร ท่านผู้หญิงสุพรเพ็ญ หลวงเทพ เป็นผู้ถวายงานในครั้งนี้ เราลืมไปว่าฝรั่งเป็นธรรมเนียมเก็บสะสมเมนู ท่านผู้หญิงสุพรเพ็ญเลยทำเต็มที่ พระประมุขทุกพระองค์จึงทรงนำกลับไปหมด เมื่อพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสจบแล้วไม่ใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีแต่ใช้เพลงมหาชัย เพราะเห็นว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ศักดิ์ศรีเสมอกัน ทุกพระองค์ทรงยืนถวายบังคมพระเจ้าอยู่หัว ทรงชนแก้ว สุลตาลบรูไนเป็นมุสลิม แชมเปญจะไม่มีแอลกอฮอล์ และของพระเจ้าอยู่หัวก็ไม่มีแอลกอฮอล์ จากนั้นทุกพระองค์ก็ประทับพระเก้าอี้ สุลตาลบรูไนมีพระราชดำรัสตอบ โดยตามประเพณีจะต้องมีการสวดบทคัมภีร์อัลกุรอาน เพราะทรงเป็นมุสลิม หลังจากทรงอ่านจบก็จะมีพระราชดำรัสเป็นภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นก็เปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี เพราะสุลตาลบรูไนมีพระราชดำรัสแทนพระมหากษัตริย์ทุกประเทศ ก็จบเหตุการณ์สำคัญทั้งหมด เพื่อให้ปวงพสกนิกรได้ซาบซึ้งและเข้าใจราชประเพณีตลอดจนขนบธรรมเนียม ฯลฯ ไทยธนาคารมีกำหนดจะเชิญอาจารย์เผ่าทองไปเดินสายพูดเรื่องนี้อีก 6 รอบทั่วประเทศ ............................................ จากหนังสือพิมพ์ “โพสต์ทูเดย์” ฉบับวันที่ 25 มิ.ย. 2549 จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ข้อควรพิจารณา 1. ผมนำบทความนี้มาจากเว็บไซต์หนึ่ง ซึ่งนำมาจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์อีกต่อหนึ่ง การอ้างอิงหลาย ๆ ทอด อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ ซึ่งความผิดนั้นผมขอรับไว้แต่ผู้เดียว 2. บทความดังกล่าวเป็นการสรุปใจความที่อาจารย์เผ่าทองพูดไว้ มิได้เป็นบทความที่อาจารย์เผ่าทองเขียนขึ้นมา ดังนั้น การสรุปคำพูดเป็นข้อเขียนจึงอาจเกิดความผิดพลาดของคำ เช่น สะกดผิด ใช้ราชาศัพท์ผิด ฯลฯ เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น พระมหาวิเชียรบดี จริง ๆ คือ พระมหาวิเชียรมณี เครื่องราชอิสริยาภรณ์โบราณมงคลนพรัตนราชวัชวราภรณ์ จริง ๆ คือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคล นพรัตนราชวราภรณ์ จานทองคำทำให้ฝรั่งเศส จริง ๆ คือ จานทองคำทำในฝรั่งเศส สุลตาลบรูไน จริง ๆ คือ สุลต่านบรูไน ฯลฯ (คาดว่าน่าจะมีอีกหลายแห่ง) ที่ผมมิได้แก้ไขให้ถูกต้องในบทความเลย เพราะไม่แน่ใจว่าตนเองจะเข้าใจผิดหรือไม่ หากแก้ไขไปโดยไม่รู้ก็จะยิ่งเลอะกันไปใหญ่ หากคนอื่นนำไปเผยแพร่ต่อ ก็จะเข้าใจผิดกันต่อไปเป็นทอด ๆ  ผมจึงคงตามบทความที่นำมาจากเว็บไซต์ไว้ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตให้ทุกคนได้พิจารณาไว้ครับ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 30 มิ.ย. 49 10:41:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จากคุณ : พ่อน้องบุ๊ค - [ 30 มิ.ย. 49 11:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากคุณ : พ่อน้องบุ๊ค - [ 30 มิ.ย. 49 11:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทรงพระเจริญ ขอบคุณ จขกท. ด้วยค่ะ จากคุณ : tiara - [ 30 มิ.ย. 49 11:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณคุณจางวางค่ะ  แค่เอามาแบ่งปันให้อ่านก็ดีใจแล้วค่ะ การเขียนมีผิดพลาดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ จากคุณ : little kitty - [ 30 มิ.ย. 49 12:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบพระคุณด้วยคนค่ะ จากคุณ : pamolwatch - [ 30 มิ.ย. 49 13:26:08 ]

ความคิดเห็นที่ 19 จากคุณ : whitelady - [ 30 มิ.ย. 49 14:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณค่ะ สำหรับเรื่องที่ดีๆ แบบนี้ จากคุณ : 2Kcartoon - [ 30 มิ.ย. 49 15:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โหวต!!!~ จากคุณ : ballkungs - [ 30 มิ.ย. 49 17:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อยากมีบุญได้อยู่ถึงวันที่ในหลวงทรงมีพระชนมายุอยู่ถึง 120 ปีจังเลย ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 49 20:40:12 จากคุณ : ๛tum๛ - [ 30 มิ.ย. 49 20:39:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Max2000 - [ 30 มิ.ย. 49 23:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นภาพที่ตราตรึงหัวใจไปอีกนานเท่านาน [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : Max2000 - [ 30 มิ.ย. 49 23:32:10 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หลายปีก่อนก็ทรงมีพระราชดำรัส ว่าจะทรงพระชนม์อยู่ให้ครบ 120 ปี และในวันที่ 4 ธันวาคม 2548 ก็มีพระราชดำรัสทรงสัพยอกนายกฯ ว่าอีก 40 ปี ก็จะทรงเจริญพระชนมายุ 118 พรรษาจะทรงมีไบโอดีเซลใช้ จะประทับเครื่องบินพระที่นั่งที่ใช้ไบโอดีเซลไปเชียงใหม่ ทั้งประเทศจะมีพระองค์ท่านกับ นายกฯ 2 คนที่มีเครื่องบินนั่ง ก็จะทรงใช้ เครื่องบินไบโอดีเซลไปได้อีก 2 ปี จากพระราชดำรัสองค์นี้ รวมแล้วคือทรงเจริญพระชนมายุ 120 พรรษา แสดงว่าทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้เช่นนั้นจริงๆ ซึ่งข้าพพุทธเจ้าขอน้อมเกล้าฯถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญพระชนมายุยิ่งกว่านั้นพระพุทธะเจ้าข้า จากคุณ : <<First>> - [ 1 ก.ค. 49 01:31:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยืนนานกว่า120พรรษา เพราะชาวไทยจะได้ร่วมกันถวายพระพร เพื่อให้พระอง๕ทรงพระเกษมสำราญต่อไปอีก ขอบคุณๆจางวางมากนะคะ ที่นำความรู้มาให้อ่าน จากคุณ : vikvikky (vikvikky) - [ 1 ก.ค. 49 02:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โหวต!!!~ ตอนนั้นเราจะอายุเท่าไหร่นะ อืม มีความสุขจนล้นออกมาทั้งสองตา ทุกๆสิบปี ดีจังเลย จากคุณ : ดาวธรรม - [ 1 ก.ค. 49 07:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ทรงพระเจริญ  .... ทรงพระเจริญ LOVE LIVE THE KING .. THE BEST KING IN THE WORLD เชื่อว่าคนไทยทุกคนก็อยากให้เป็นดังที่พระองค์ทรงรับสั่งเป็นแน่แท้ จริงมั้ยคะเพื่อนๆ จากคุณ : ECHIZEN RYUMA - [ 1 ก.ค. 49 13:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของคนไทยต่อไปอีกนานแสนนาน จากคุณ : thumbman2001 (thumbman2001) - [ 1 ก.ค. 49 19:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน จากคุณ : SadDog - [ 2 ก.ค. 49 22:51:53 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ดีใจจังเลยครับ รักในหลวงครับ จากคุณ : เหมง - [ 2 ก.ค. 49 22:55:41 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อยากให้อยู่นานกว่านั้นค่ะ แล้วก็อยากให้มีพระวรกายแข็งแรงมากๆ เหมือนมีพระชนมายุสัก 25 พรรษา (ใช้คำราชาศัพท์ไม่ค่อยเป็นนะคะ) จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ - [ 2 ก.ค. 49 23:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 33 หากเป็นไปได้ เกล้ากระหม่อมยินดีลดอายุข้าพระพุทธเจ้า เพื่อถวายแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระพุทธเจ้าข้า จากคุณ : Kop92 - [ 3 ก.ค. 49 05:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอถามเพิ่มเติมครับ มีการกำหนดเมื่อใดว่าผู้ที่จะได้รับเครื่องราชนพรัตน์นั้นจะต้องเป็นชาวพุทธเท่านั้น ผมเข้าใจว่าระเบียบข้อนี้ไม่ได้มีมาตั้งแต่เริ่มสร้างเครื่องราชนพรัตน์ เพราะพระเจ้านโปเลียนที่3 ไม่น่าจะทรงนับถือพุทธนะครับ มีเครื่องราชตระกูลไหนอีกไหมครับที่กำหนดศาสนาของผู้ที่จะได้รับ จากคุณ : บันลือ - [ 3 ก.ค. 49 08:06:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอเทพยดาอารักษ์ จงอภิบาลประทานพร และขอทอนอายุตัวเองลงเพื่อถวายแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนานเกินกว่า 120 ปี พร้อมทั้งทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงด้วยเทอญ ขอขอบพระคุณจางวางเต่าที่กรุณานำบทความดี ๆ มาให้อ่านนะคะ น้ำตาซึมเลย จากคุณ : biebie999 - [ 3 ก.ค. 49 08:10:22 A:203.146.235.17 X: TicketID:065922 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอจงทรงพระเจริญ ขอบคุณสำหรับบทความนี้ค่ะ อ่านแล้วปลื้มปีติ จากคุณ : =p o o k p u i= - [ 3 ก.ค. 49 11:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขออนุญาตที่จะลดทอนอายุตัวเองลงเช่นกัน และขอยอมถึงขนาดที่จะลสะชีวิตของตนเอง หากว่าจะสามารถเพิ่มพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ ไม่ว่าจะเป็นกี่ปีก็ตามแต่ ข้าพระพุทธเจ้ายินดีและยินยอมด้วยใจภักดีอย่างยิ่งเพคะ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ จากคุณ : pamolwatch - [ 3 ก.ค. 49 14:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอให้ทุกสิ่งเป็นดังพระประสงค์ของพระองค์ท่านค่ะ จากคุณ : redlady1414 (redlady1414) - [ 3 ก.ค. 49 14:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เอาแบบ ภาษาชาวบ้านๆละกันนะคะ เด็กที่รอคอยจะรีบออกไปข้างนอก ในหลวงอยู่ถึง 120 แน่ๆ ลงว่าท่านออกปากพูดแล้วล่ะก้อ เพราะปัจจุบันก้อมีข่าวลือๆกันว่าท่านเข้าห้องนอนหลังเที่ยงคืนไปแล้วก้อคงจะนั่งกรรมฐานอีก ฝึกจิตฝึกสมาธิและคง ไปถึงขั้นสูงแล้ว อะไรที่เราๆท่านๆไม่รู้ ในหลวงมักจะรู้พอๆกับโหรเมือง เหตุการณ์ต่างๆที่มีทั้งภัยพิบัติและอาเพศ ในหลวงท่านก้อทราบก่อน ... เค้าว่ากันยังงั้นน่ะนะ เพราะฉะนั้น ก้อเชื่อว่า ท่านต้องอยู่กับพวกเราจนวันนั้นแน่ๆ ขอจงทรงพระเจริญ พระพุทธเจ้าข้า... จากคุณ : เด็กที่รอคอย - [ 3 ก.ค. 49 15:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอจงทรงพระเจริญ ขอบคุณสำหรับบทความนี้ค่ะ จากคุณ : แม่ของโจ (แม่boby) - [ 3 ก.ค. 49 18:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอเทพยดาอารักษ์ จงอภิบาลประทานพร และขอทอนอายุตัวเองลงเพื่อถวายแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนานเกินกว่า 120 ปี พร้อมทั้งทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงด้วยเทอญ ขออนุญาติ copy ข้อความของ คห35 เพราะตรงใจมาก อ่านกระทู้นี้แล้วน้ำตาซึม ขอบคุณ จขกท ที่นำสิ่งดีมาแบ่งปัน จากคุณ : ไม่ค่อยมีความรู้ (lenefield) - [ 3 ก.ค. 49 19:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พระชนมายุยิ่งยืนนาน จากคุณ : พนอจัน - [ 3 ก.ค. 49 20:02:54 ]

ความคิดเห็นที่ 43 รักในหลวงที่สุดในโลก จนหาคำมาบรรยายความรักนี้ได้ จากคุณ : maxmukmark - [ 3 ก.ค. 49 21:00:14 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ธ ประสงค์ใด จงสฤษฎิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย จากคุณ : gaginang - [ 3 ก.ค. 49 21:19:16 A:58.9.145.70 X: TicketID:116313 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะต้องทรงพระชนมายุเกิน 120 พรรษาแน่นอนครับ เพราะพระองค์ทรงเจริญธรรม อันมีอิทธิบาทสี่ ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ซึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้เจริญอิทธิบาทสี่อยู่เสมอ หากประสงค์จะมีชีวิตอยู่ถึงกัปป์หนึ่ง ก็พึงอยู่ได้ ผมเชื่อว่าราชอาณาจักรไทยจะได้จัดพระราชพิธีอินทราภิเษกสมโภชแน่นอนครับ ว่าแต่ว่าพอถึงวันนั้นผมก็คงไม่มีโอกาสได้ชมพระบารมีของพระองค์ท่านพระราชพิธีนั้นแล้วสิครับ แต่ก็ขอน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรไว้ล่วงหน้าครับ จากคุณ : ธันยาทิตย์ - [ 3 ก.ค. 49 22:17:43 A:203.113.51.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญแก่ประสพนิกรชาวไทย จากคุณ : MiKi (Sichon) - [ 4 ก.ค. 49 09:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เคยอ่านในประชาชาติธุรกิจเหมือนกันจ้า อ่านแล้วขนลุก ปลื้มปิติ ดีใจ จากคุณ : cherydnk (cherydnk) - [ 4 ก.ค. 49 10:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขออนุญาติพูดเลียนแบบหนังจีนเถอะ " ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเป็นหมื่นๆปี " ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธฺ์ทั้งหลาย ทั่วสากลโลกทรงคุ้มครองให้ในหลวงของปวงชนชาวไทยให้แคล้วคลาดจากอันตรายและ โรคร้ายต่างๆทั้งปวง ขอให้ทรงมีพลานัยแข็งแรงตลอดกาลนานเทอญ...จนตอนนี้เราเชื่อว่าคนไทยทุกคน พร้อมที่จะตายเพื่อในหลวงได้ เรารักในหลวงค่ะ ป.ล แอบเล่าเรื่องหน่อย เพื่อนต่างชาติของเราบอกว่า ในหลวงของเรายังดูพระเยาว์อยู่ ( เราส่งรูปวันที่มีฉลองในวันที่9ไปให้ดู ) เราบอกเขาว่าในหลวงของเราพระชนม์มายุ79แล้วนะ ดูท่าเขาตกใจมากๆเพราะไม่เชื่อว่าท่านจะอายุเยอะขนาดนี้...เราปลื้มนะ ที่เขาบอกแบบนี้และพอมาอ่านตรงนี้แล้ว...ยิ่งดีใจมากขึ้น ที่ท่านจะได้อยู่กับเหล่าพสกนิกรชาวไทยต่อไป จากคุณ : ikat - [ 4 ก.ค. 49 11:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ทรงพระเจริญ.... * จากคุณ : ทูนหัวของแม่ - [ 4 ก.ค. 49 13:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ดีใจมากเลยคะ กว่าจะหากระทูเรื่องนี้เจอ คือฟู่นอนอยู่แล้วได้ยินแว่วว่าในหลวงตรัสว่า จะอยู่ถึง 120 ปี พอตื่นมาก็มาคิดว่าเราฝันหรือเรื่องจริงมาถามเพื่อนก็บอกว่าไม่เห็นได้ยินข่าว บอกว่าฟู่ฝันไปแล้ว ในที่สุดก็รู้แล้วว่าไม่ได้ฝันไป  ก็เลยคิดว่า จะทำสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเพื่อจะอยู่ถึงวันนั้นคะ   ทรงพระเจริญ จากคุณ : ฟู่หยกน้อย - [ 4 ก.ค. 49 14:18:59 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ทรงพระเจริญ จากคุณ : พระจันทร์เต็มดวง - [ 4 ก.ค. 49 15:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอพระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน มีแต่รัก..มาฉลองละออง..บาท ด้วยดวงใจมุ่งมาตรปราถนา เปลวเทียนที่..สุกสว่างทั้ง..ดินฟ้า ไม่เท่าแรง..เจิดจ้า..พระบารมี.. ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเชะ จากคุณ : lekriver (lekriver) - [ 4 ก.ค. 49 22:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ใครว่างช่วย ......... กระซิบถามหลวงพ่อจรัญที่สิงห์บุรีให้หน่อยว่า พระองค์จะอยู่ให้มากกว่า 120 ปีได้ไหม? แล้วพวกเราจะช่วยกันยังไงดี? จากคุณ : นายชม - [ 4 ก.ค. 49 23:37:47 A:58.64.125.233 X: TicketID:090411 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 49 12:45:50 จากคุณ : BABANEO - [ 5 ก.ค. 49 12:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ทรงพระเจริญ จากคุณ : vanila007 - [ 5 ก.ค. 49 12:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 56 จากคุณ : ชลันธ์ - [ 5 ก.ค. 49 18:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอจงทรงพระเจริญหมื่นๆปี ปล.อยากให้ลูกหลานเหลนโหลนได้อยู่ใต้ร่มพระบารมีเช่นเดียวกับเรา จากคุณ : toomood - [ 5 ก.ค. 49 19:16:30 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน จากคุณ : rtype - [ 6 ก.ค. 49 00:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ จากคุณ : บังเอิญสวย(ช่วยไม่ได้) - [ 6 ก.ค. 49 01:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ทรงพระเจริญ จากคุณ : Of Worth Unknown - [ 6 ก.ค. 49 07:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 61 นานมาแล้วมีพระราชาหนุ่มพระองค์หนึ่ง ทรงขึ้นครองราชในเวลาที่ประเทศของพระองค์มีแต่ความสับสนวุ่นวาย ประชาชนขาดหลักยึดทางใจ หวั่นวิตกต่อสถานะการณ์ความไม่แน่นอนของบ้านเมือง แต่พระราชาหนุ่มพระองค์นั้นก็ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะนำพาประชาชนของพระองค์ ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลาย เพื่อให้ประเทศเล็กๆ ของพระองค์ มีความสงบสุขและดำรงอยู่อย่างมั่นคง ตลอดระยะเวลาแห่งการครองราชอันยาวนานของพระราชาพระองค์นั้น พระองค์ทรงผ่านเหตุการณ์วิกฤตและคับขันของบ้านเมืองหลายครั้ง แต่ก็ทรงใช้ความอดทนอดกลั้น และความสุขุม นำพาประเทศของพระองค์ผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้ทุกครั้ง ทรงแสดงให้ประชาชนของพระองค์เห็นถึงความเพียรอย่างมิมีที่สิ้นสุด มิเคยทรงย่อท้อต่อสิ่งใดๆ หากทรงตั้งพระทัยแล้วว่าสิ่งใดจะนำมาซึ่งความผาสุขของประชาชนของพระองค์  ก็จะทรงเพียรพยายามทำสิ่งนั้นจนสำเร็จ ความรักความเทิดทูนของประชาชนที่มีต่อพระองค์นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์ เป็นการเกิดขึ้นที่ละเล็กที่ละน้อยทุกวันจนเต็มหัวใจประชาชนทุกคน ความรักความเทิดทูนเหล่านี้เกิดจากการที่ได้เห็นพระราชาของพวกเขาทรงงานอย่างหนักทุกวันเพื่อให้ประชาชนอยู่สุขสบาย มิเคยทรงแบ่งแยกใดๆ ไม่ว่า เชื้อชาติ ศาสนา สถานะ แต่ทรงรักประชาชนของพระองค์อย่างเท่าเทียมกัน หากเปรียบประเทศเป็นดังครอบครัว ครอบครัวหนึ่ง พระราชาก็อาจเปรียบได้กับ  “พ่อ” ของทุกคนในครอบครัว เมื่อพ่อได้วางรากฐานที่มั่นคงให้กับเราแล้ว คงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องรักษารากฐานนั้นให้คงอยู่ตลอดไป และต้องช่วยกันทำให้บ้านของเราเจริญก้าวหน้า เป็นบ้านที่พวกเราและลูกหลานจะอยู่ได้อย่างสุขสงบตลอดไปตามความตั้งใจของพ่อ  พ่อของเราอายุมากขึ้นทุกวัน ท่านเหนื่อยมามากแล้ว คงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะช่วยกันทำให้พ่อได้มีความสุข ได้นั่งดูลูกๆ ทุกคนช่วยกันทำบ้านให้เจริญและน่าอยู่ จากรากฐานที่พ่อได้เพียรสร้างไว้ให้ จากคุณ : อ้วนบิน - [ 6 ก.ค. 49 10:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน จากคุณ : แชมป์คุง - [ 6 ก.ค. 49 15:04:38 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ที่บ้านตั้งสมเด็จพระปิยะฯ ไว้บูชา ข้าพเจ้าอธิฐานด้วยความตั้งใจสุดซึ้งทุกครั้งที่กราบท่าน ขอให้พระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันดำรงพระชนม์ชีพตราบนานเท่านาน เพื่อความสงบสุขของพสกนิกร และประเทศชาติ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานกว่า 120 ปี จากคุณ : วังวน - [ 7 ก.ค. 49 07:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน จากคุณ : BABANEO - [ 8 ก.ค. 49 03:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ... ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ... จากคุณ : จริงหงะ อะนะ อืม - [ 8 ก.ค. 49 12:48:32 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณที่นำมาเรื่องดี ๆ มาแบ่งปันค่ะ ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เห็นด้วยกับทุกท่านค่ะว่าท่านจะอยู่ได้จริง ๆ ทั้งด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์  นิตยสารไทมส์ หรือ นิวสีคก็เพิ่งมีหน้าปกเรื่องคนจะอายุเกินร้อยกันในทศวรรษนี้ไปไม่นานนี้เป็นเรื่องธรรมดา  ดูเหมือนเขาจะพาดหัวกันที่ว่าคนเราจะอยู่ได้ถึงอายุ ๑๔๐ ปี ด้วยซ้ำ  เพราะการแพทย์ก้าวหน้า และเหตุผลทางธรรม  คือ จำไม่ได้ละเอียดนะคะ  แต่ดูเหมือนพระพุทธองค์เคยตรัสกับพระอานนท์หรือไงเนี่ยล่ะค่ะว่า  ถ้ามีคนทูลขอให้ทรงมีพระชนมายุอยู่ต่อ  พระพุทธเจ้าท่านก็จะใช้วิธีเจริญอิทธิบาทสี่ ประคองธาตุขันธ์ สังขาร ให้อยู่ต่อไปอีกได้อีกนาน  ประมาณนี้น่ะค่ะ   แล้วพวกเราพสกนิกรขยันทูลขอในหลวงขนาดนี้  แล้วท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ท่านทรงตรัสแล้วไม่ทรงคืนคำแน่เลยค่ะ  ไชโย เอ๊ย สาธุ!  :) และก็เห็นด้วยอีกเช่นกันค่ะ กับความเห็นที่ว่าท่านทรงเจริญกรรมฐาน  จนทรงมีพระญาณหยั่งรู้หลาย ๆ อย่าง  ในเรื่องนี้พระภิกษุสายปฏิบัติอาวุโสต่าง ๆ ในประเทศไทยที่ในหลวงทรงเคยเสด็จไปกราบนั้น  ท่านก็มักจะเทศน์ให้ญาติโยมฟังอยู่เสมอ  อยู่ในหนังสือต่าง ๆ ก็มี  ในหลวงของเราท่านทรงถึงพร้อมทั้งทางโลก และ ทางธรรมขนาดนี้  นับเป็นบุญของพวกเราเหลือเกินจริง ๆ นะคะที่ได้อยู่กันอย่าง "เย็นศิระเพราะพระบริบาล" จริง ๆ  :) แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 49 14:58:56 จากคุณ : kenzen - [ 8 ก.ค. 49 14:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งที่ธรรมชาติเลือกที่จะให้กับมนุษย์เอง ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะมาขอจากธรรมชาติ พระองค์ก็คือมนุษย์คนหนึ่ง พระชนมายุจะยืนยาวหรือไม่ขึ้นอยู่กับธรรมชาติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่ใครๆขอ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 8 ก.ค. 49 22:13:55 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เคยดูหนังจีนไหม????  เวลาที่ขุนนางเข้าเฝ้าฮ่องเต้  ขุนนางจะพากันอวยพรฮ่องเต้ว่า.... ....ขอพระองค์ทรงมีอายุยืนหมื่นๆปี ซึ่งใครฟังดูก็รู้ว่าเป็นเรื่องไม่จริง    ขุนนางเหล่านั้นแค่อวยพรเป็นพิธีเท่านั้น แต่ในกระทู้นี้ ผมกำลังเห็นคนไทยคิดเป็นจริงเป็นจัง  ในเรื่องที่ฝืนธรรมชาติ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 8 ก.ค. 49 22:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อันที่จริงเรื่องนี้  ผมพอเข้าใจว่าทำไมคนไทยถึงหวังให้พระองค์มีอายุยืนยาวขนาดนั้น    ผมนึกภาพไม่ออกว่าพระองค์จะทรงประทับได้อย่างมีความสุขได้อย่างไร  กับการที่อยู่ไปกับร่างกายที่มีอายุถึง 120 ปี แค่ทุกวันนี้  ทุกๆครั้งที่พระองค์ออกมามอบกระแสพระราชดำรัส ไม่ว่าจะเป็นทุกวันที่ 4 หรือ ครั้งที่ผ่านๆมา   ประชาชนก็น่าจะทราบถึงพลานามัยของพระองค์ดีอยู่แล้ว และผมจินตนาการไม่ออก  ถึงพลานามัยของพระองค์เมื่ออายุ 120 ปี จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 8 ก.ค. 49 22:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ทำไมถึงหวังกันอย่างผิดธรรมชาติเช่นนี้   ผมไม่รู้หรอกว่า พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานเพราะอสูรมาทูลขอ  หรือเพราะพระอานนท์ไม่ได้ทูลขอไว้   แต่ผมทราบแน่ๆว่าพระพุทธเจ้าก็มีอายุ 80 ปี  เหมือนเช่นดังมนุษย์ทั่วๆไป  ตามที่ธรรมชาติให้มา เข้าเรื่อง   ผมคิดว่าคนไทยทุกคน   ยึดติดกับลพระองค์มากเกินไปหรือไม่   ถึงขนาดหวังจริงๆ จังๆ ที่จะให้พระองค์มีอายุยืนนานแบบผิดธรรมชาติเช่นนั้น มั่นใจหรือว่า เราไม่สามารถอยู่ได้เมื่อขาดพระองค์   เมืองไทยจะไม่เป็นเมืองไทยหรือเมื่อขาดพระองค์?????? พระพองค์เป็นกษัตริย์ที่ประเสริฐ  ควรค่าแก่การยกย่อง  นั่นเป็นเรื่องจริง แต่ผมไม่อยากเห็นภาพคนไทย  ต้องไปยึดติดกับตัวพระองค์ถึงขนาดนี้ พระองค์เสด็จมา   สักวันพระองค์ก็ต้องเสด็จไป   ตามที่ธรรมชาติให้มา แต่สำหรับแผ่นดินไทยแล้ว   มันยั่งยืนมั่นคงกว่านั้นครับ   และมันก็จะเป็นแผ่นดินไทยอยู่ได้ต่อไป    เพราะมีคนไทยอยู่บนแผ่นดิน จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 8 ก.ค. 49 22:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เพราะพระองค์ทรงเป็นมิ่งเป็นขวัญเป็นมงคลอย่างยิ่งของแผ่นดิน เหล่าพสกนิกรจึงอยากให้องค์พระผู้เป็นที่รักที่สุดของหัวใจ ทรงประทับอยู่กับเราตราบนานเท่านาน ขอพระองค์ทรงมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 49 12:32:30 จากคุณ : dokbotan - [ 9 ก.ค. 49 12:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แน่นอน สักวันนั้นต้องมาถึงค่ะ  ทุกคนย่อมทราบด้วยเหตุผล แต่คุณสิงห์เหนือ เสือสำอาง  อาจจะยังไม่เข้าใจพอและหรือมีประสบการณ์ตรงในเรื่องของมหากุศล  ในเรื่องของกรรมดี  และพลังของอธิษฐานจิต และธรรมชาติที่คุณว่ามานั้น  ก็ยังเป็นพื้น ๆ เท่านั้นค่ะ  จิตที่ได้รับการพัฒนาถึงขั้นสูงสุดแล้ว  สามารถเข้าไปเห็นใน "ธรรมชาติ" ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าธรรมชาติอย่างปุถุชนเรา ๆ จะเข้าใจได้เสียอีก ซึ่งถ้าภาษาชาวบ้านเราเรียกก็คงต้องบอกว่า "เหนือธรรมชาติ" ๑๒๐ ปีอาจจะฟังดูนานไป  สำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจ  แต่ถ้าวันนี้แม้แต่นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ตะวันตกยังออกมาถกกันถึงความเป็นไปได้ของอายุขัยใหม่มนุษย์ที่ยืนยาวขึ้นแล้วล่ะก็ ป้จจัยอีกอย่างที่เหลือใน equation ก็คือ ศรัทธา ค่ะ   ศรัทธานำไปสู่ วิริยะ  หรือความมุ่งมั่นได้  และวิริยะก็เป็นองค์ธรรมข้อหนึ่งของอิทธิบาทสี่เสียด้วยสิคะ   องค์ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสบอกพระอานนท์ไว้น่ะค่ะ  ว่าถ้าพระองค์เจริญต่อ  ก็จะทำให้ทรงมีพระชนมายุยืนยาวต่อไปได้  ซึ่งในหลวงท่านก็ทรงทราบข้อนี้แน่นอนค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีตัวช่วย  ซึ่งถ้าคุณจะอ้างธรรมชาติ  ก็อยากจะแนะนำให้ไปลองอ่านพวกบทวิจัยใหม่ ๆ ที่สมัยนี้ฝรั่งเขาหันมาตื่นเต้นกับการทำสมาธิภาวนาดู   ในกรณีนี้ลองเน้นหาแบบแผ่เมตตาหรือที่เรียกว่า Loving Kindness ดูก็ได้ค่ะ  เพราะการทำสมาธิมีหลายแบบนะคะ  ถ้าแบบหลุดพ้นเพื่อปัญญา  จะต้องเป็นวิปัสสนาเท่านั้น หรือ mindfulness meditation มีอยู่หลายการทดลอง ที่ให้ผลคล้ายกัน เพราะเขาวัดเครื่องคลื่นสมอง สารเคมีในสมอง อุณหภูมิ ฯลฯ เขาสามารถพิสูจน์ได้ว่า  พระทิเบตที่มีชั่วโมงบินในการนั่งสมาธิในการทำเมตตาภาวนามาก ๆ นี่สามารถแผ่เมตตาส่งกระแสจิตไปเปลี่ยน chemical components ในสมองของคนที่มานั่งสมาธิด้วยได้  คือเปลี่ยนให้มีความสุขขึ้นได้น่ะค่ะ  พูดแบบสรุป ๆ น่ะนะคะ นี่คือแค่ส่วนหนึ่งน้อย ๆ แค่นั้นนะคะที่ยกตัวอย่างมา นั่นคือคนคนเดียว ทำให้คนคนเดียวนะคะ  แล้วพลังจิตของคนหลายสิบล้านล่ะคะ?   นี่ขนาดยังไม่นับเรื่องปัจจัยของกุศลกรรมที่สร้างด้วยพระองค์เลยนะคะ  เพราะคิดไปคิดมา  ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นใครเคยสร้างมหากุศลได้มากเท่าในหลวงเลยค่ะ  ไม่ว่าจะทานบารมี ขันติบารมี วิริยบารมี เมตตาบารมี ฯลฯ และท่านทรงทำมาตลอดทุก ๆ วัน ไม่มีว่างเว้นเลยนะคะ  ไม่นับที่ท่านทรงทำที่เราไม่ทราบอีก ปรากฏการณ์หลายอย่างอีกมากมาย  ที่เกี่ยวกับในหลวง ก็เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ    อันนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องพระอาทิตย์ทรงกลด หรือเมฆครึ้มเย็นสบายอะไรเลยนะคะ  เพราะเดี๋ยวจะถูกหาว่าเป็นเรื่องบังเอิญ  เอาแค่เวลาเข้าเฝ้าใกล้ ๆ ก็พอ  ขอถามหน่อย  มีใครบ้างไหมที่ไม่เคยรู้สึกถึงพระบารมี เรื่องนี้ไม่ใช่จิตวิทยาค่ะ  ไม่ได้เป็นเพราะบอกต่อ ๆ กันมา หรือสื่อมวลชนเขียน  ต่อให้ฝรั่งที่ไม่รู้จักพระองค์ท่านมาก่อน  ก็ยังสัมผัสได้   มันเป็นเรื่องของจิตเหมือนกันล่ะค่ะ  แต่เป็นพลังของจิตที่เป็นมหากุศล  พูดสั้น ๆ ก็คงจะต้องใช้คำว่า บารมี นี่แหละค่ะ  ถึงแม้ว่าตอนนี้คำนี้จะโดนดึงไปใช้ค่อนข้างการเมืองไปหน่อยแล้ว ถ้าคุณสิงห์เหนือ  ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจ  ในเรื่องที่เป็นมหากุศลเช่นนี้  ก็ลองเริ่มต้นด้วยการตามดู ตามรู้ อยู่กับปัจจุบันขณะไปเรื่อย ๆ ก็ได้ค่ะ  บางที  คุณอาจจะได้เห็นในสิ่งที่คุณไม่เคยเห็น   เพราะเท่าที่เห็นตอนนี้  คือสิ่งที่เป็นมงคลยิ่งในปัจจุบัน  คือคนร่วมกันอธิษฐานจิตในสิ่งที่เป็นกุศลให้กับบุคคลผู้เป็นที่รักและทรงยิ่งที่คุณงามความดี It's all in the mind ค่ะ   คุณสิงห์เหนือตั้งกรอบเรื่องธรรมชาติของคุณไว้ในใจคุณเอง  ด้วยความไม่รู้  และสิ่งนั้นก็นำมาซึ่งความทุกข์ในใจคุณเอง  นั่นก็คือความไม่พอใจ ไม่เห็นด้วยในสิ่งที่คุณคิดว่าขัดกับกรอบที่คุณตีไว้แล้วในใจ   ความไม่พอใจ  ไม่เห็นด้วย นี้ จัดเป็นโทสะค่ะ  เป็นอกุศลจิตนะคะ  ถ้าไม่ได้กำหนดเจริญสติกำกับเอาไว้ทุกขณะจิต  ก็ไม่คุ้มแม้แต่จะคิดแล้วค่ะ ส่วนความไม่รู้  สังเคราะห์เป็นโมหะ ค่ะ  ก็เป็นอกุศลจิตเช่นกัน ทั้งสองอย่างนี้  เกิดขึ้นเมื่อคุณสิงห์เหนือได้ผ่านมาเห็นข้อความในกระทู้นี้  และปล่อยให้มันไหลเข้าไปในใจ  โดยไม่ทันได้กำหนดสติตั้งป้อมเอาไว้ จากข้อความที่เป็นกุศลของคนหมู่มาก  กลับสามารถสร้างอกุศลจิตในใจคนผู้หนึ่งเสียได้  นั่นคือ ความไม่เห็นด้วย (โทสะ)  โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว (โมหะ)   นี่แหละค่ะ "ธรรมชาติ" ของจิต แต่ถ้ารู้แล้ว  เราก็เลือกได้นะคะว่า  จะมีชีวิตอยู่อย่างมีกุศลตลอด  หรือ สั่งสมอกุศลไปตลอด ไม่ได้แปลว่าชีวิตนี้ต้องเห็นด้วยกับใครทุกเรื่อง  แต่ว่าต้องมีสัมมาสติ ที่จะนำไปสู่สัมมาทิฎฐิ เท่านั้นเอง เพราะ  สติ นั้น  เป็นตัวกุศลค่ะ  ต่อให้เราไม่เห็นด้วยกับบางสิ่ง  ถ้าเรามีสัมมาสติกำกับอยู่  มันก็ยังเป็นกุศล  ต่างกับการไม่เห็นด้วยอย่างมีโมหะและหรือโทสะกำกับอยู่ค่ะ ว่าแล้วก็เชิญชวนทุก ๆ ท่านมาช่วยกันสร้างกุศล มหากุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรากันดีกว่าค่ะ  วันนี้มีข่าวทรงประชวร   เรามาร่วมกันทำความดีแล้วอธิษฐานจิตไปถวายท่านกันนะคะ ความดีที่ทุก ๆ ท่านจะทำ  มันไม่หายไปไหนเสียหรอกค่ะ  ที่ได้เลยในปัจจุบัน  ก็คือได้กับตัวท่านเอง  และท่านก็จะได้ชื่อว่า  ได้สนองตามพระราชดำรัสแล้ว  พระสภาวธรรมของในหลวงเราไม่ธรรมดาหรอกนะคะ  เชื่อว่าท่านสัมผัสได้  และสิ่งนี้นี่เอง  เมื่อคนไทยเราร่วมใจกันทำความดีเมื่อไหร่  ก็จะทำให้ทรงแย้มพระสรวลได้  เหมือนที่เราเห็นที่หน้าต่างสีหบัญชรวันนั้นน่ะค่ะ  เชื่อเช่นนั้นน่ะนะคะ จากคุณ : kenzen - [ 9 ก.ค. 49 13:01:22 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ และ มี พระพลานามัยแข็ง แรง สมบูรณ์ เป็นมิ่งขวัญของ ปวงชนชาวไทย คุณkenzen พูด ไปหมดแล้ว ทุกอย่างในโลก อยู่ได้ ด้วยศรัทธา จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ - [ 9 ก.ค. 49 13:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณ คุณ kenzen ค่ะ จากคุณ : golfkid - [ 9 ก.ค. 49 16:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ศรัทธา...ศรัทธา ผมรู้สึกเหมือนกับคุยกับชาวคริสเตียนอย่างไรไม่ทราบที่มาอ้างถึงศรัทธา ผมไม่มีศรัทธาครับ เพราะผมไม่ชอบอคติ ไม่ว่าแนวคิดที่โน้มเอียงไปทางรักหรือชังก็คืออคติเช่นกัน เอ้า คอยดูเอาแล้วกันครับ ว่าจะเป็นอย่างที่คนศรัทธาบอก หรือเป็นอย่างที่คนไม่รู้จักศรัทธาอย่างผมพูด จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 9 ก.ค. 49 17:33:57 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณที่เอามาโพสให้อ่านค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน เราสัญญาว่าจะทำความดีเพื่อพระองค์ท่านค่ะ จากคุณ : bc - [ 9 ก.ค. 49 22:54:42 A:202.28.244.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณคุณkenzen..มากค่ะ พูดได้ถูกใจมากเราควรจะร่วมใจกันเพื่อเป็นกำลังใจส่งไปถึงพระองค์ท่านค่ะ ขอให้พระองค์หายจากการประชวรโดยเร็ว  เพราะประชาชนไทยทุกคนเป็นห่วงท่านค่ะ จากคุณ : เล็กน้ำ (lekriver) - [ 9 ก.ค. 49 23:27:16 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบพระคุณ คุณ จางวางเต่า และคุณ kenzen "คอยดูเอา..." บักสิงห์ เก็บปากไว้ให้ลมหนาวพัดแตกจะดีกว่ามังครับ Rip แก้ไขเมื่อ 10 ก.ค. 49 15:26:17 จากคุณ : กัมม์ - [ วันอาสาฬหบูชา 12:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ศรัทธา ศรัทธา ที่คุณสิงห์เหนือว่า เป็น ของคนคริส อ่ะ ดิฉันเป็น คน ศาสนา พุทธ ค่ะ เราก็มีศรัทธา ในการ ดำเนิน ชีวิต นะ  ไม่ จำเป็น ต้องเป็น คริสเตียน หรอก มีทุกศาสนา แหละศรัทธา จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ - [ วันอาสาฬหบูชา 13:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยที่แข็งแรง ทรงมีพระชนม์มายุยิ่งยืนนานกว่า 120 ปี ซาบซึ้งในหลายคำตอบ โดยเฉพาะคุณ kenzen ที่อธิบายได้ดีโดนใจจริงๆ คุณสิงห์เหนือฯ คราวนี้คงไม่ว่าคุณkenzen รู้น้อยกว่าคุณหรอกนะ จากคุณ : คนที่คุณก็รู้ว่าใคร (lenefield) - [ วันอาสาฬหบูชา 22:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ออกจะรู้มากกว่าผมด้วยซ้ำมั้ง เรื่องศาสนาน่ะ ของแสลงผมเชียวล่ะ เอาอภินิหารมาอ้างแบบนี้ผมเถียงไม่ขึ้นหรอกครับ ติดแต่ว่า เรื่องความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ ผมเองก็ไม่เห็นว่าเป็นธรรมชาติที่ไหน ที่จะพยายามยื้อชีวิตมนุษย์ให้เป็นร้อยๆ ปี นึกสภาพของมนุษย์ที่มีอายุร้อยกว่าปีไม่ออกจริงๆคุณ ว่าจะเป็นแบบไหน แค่ 80 ปีผมเองก็ว่าเดินเหินลำบากแล้ว วิทยาศาสตร์น่ะทำได้ ที่จะให้มนุษย์มีอายุยืนขนาดนั้น แต่ทำแล้วจะเป็นแบบไหนเท่านั้นแหละ อ้อ สุดท้ายนี้ ผมเองไม่ได้รังเกียจสถาบันอะไรหรอกนะครับ ผมก็ให้ความเคารพตามสมควร แต่สิ่งที่ผมรังเกียจ คือ อคติ และ อวิชชาของคนที่ไม่รู้จักมองความจริง และไม่รับรู้เหตุผลต่างหาก ที่ผมรังเกียจ ส่วนใหญ่พวกรอยัลลิสต์มักเป็นแฮะ เอาง่ายๆครับ ผมไม่ได้เกลียดเจ้า แต่ผมรังเกียจรอยัลลิสต์น่ะ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ วันเข้าพรรษา 00:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อยากจะรวมใจกันก็ทำเถิดครับ  ถือเสียว่าเป็นการรวมใจในเรื่องกุศลจิต   แต่เห็นอ้างๆ พุทธ กันนัก   เห็นทุกท่านคาดหวังและยึดติดกันเช่นนี้  กลัวจะได้เห็นคนเสียจริตมากมายในเวลาอันควรน่ะสิ เกิด แก่ เจ็บ ตาย  เป็นเรื่องธรรมชาติ  และไม่ใช่เรื่องที่ใครๆจะมายื้อกันได้ ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมคนพุทธอย่างคนไทย  ถึงรับความจริงข้อนี้ไม่ได้..... ที่มาพูดไม่ได้เพราะชังใครๆ   แต่เห็นพวกคุณออกมาคาดหวังกันสูงๆให้เป็นอย่างนั้น อย่างโน้น  เป็นห่วงว่า พอถึงเวลาที่ธรรมชาติมาจริงๆ แล้ว  พวกคุณจะรับกันไม่ได้น่ะสิ เฮ้อออออ    กฏธรรมชาติแค่นี้ ไม่คิดจะทำความเข้าใจ มีแต่พยายามจะยื้อหนี  แล้วจะเรียกตัวเองว่าเป็นพุทธได้อย่างไร   ดีแต่อ้างเอาอภินิหารมาคะคาน  หรืออย่างวดีหน่อย ก็อ้างรายงานวิทยาศาสตร์ไม่กี่ชิ้น   ทั้งๆ ที่ชีวิตจริงเดินถนนมีสักกี่คนที่เห็นคนแก่อายุเกิน 100 ปีบ้าง  หรือว่าเห็นคนแก่อายุเกินร้อย แต่มีสุขภาพดี  ไม่เป็นที่เวทนาแก่ผู้พบเห็น เอาเหอะ....เรื่องนี้ไม่ใช่ธุระผมครับ ไม่ใช่หน้าที่อะไรที่ผมไปเดือดร้อนด้วย   ถึงตอนนั้นก็เรื่องของใคร เรื่องของมันก็แล้วกันครับ พวกคุณจะเสียจริตอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของผม   เชิญเอาตามสะดวก จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ วันเข้าพรรษา 01:09:53 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอให้ทุกคนช่วยกันสวดมนต์ และทำบุญถวายให้ในหลวง หายจากอาการพระประชวรด้วยนะคะ ที่สำคัญ มาทำความดีถวายให้ในหลวง พระองค์ท่านจะได้มีพระเกษมสำราญ อย่างแท้จริง จากคุณ : เพีย (เพียงเธอ) - [ วันเข้าพรรษา 01:13:40 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอให้ในหลวงทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน จากคุณ : BABANEO - [ วันเข้าพรรษา 04:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 85 การแสดงความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้วนั้น มาจากความจริงใจ ส่วนลึกของคนไทยทุกคนที่ ซาบซึ้งในความดีของพระองค์ที่ทำเพื่อคนไทยมาโดยตลอด เรื่องนี้จะรู้และสัมผัสได้ทุกคน และการยอมถวายชีวิตเพื่อพระองค์ได้นั้นก็เป็นสิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังมาจากปากหลายคนที่พูด ถึงพระองค์ หรือแม้แต่การยอมกระทั่งลดอายุตัวเองเพื่อถวายแด่พระองค์ได้ นั่นเป็นความรู้สึกส่วนลึกจริงๆ จากหัวใจคนไทยทุกคนที่อยากจะถ่ายทอดออกมาได้เป็นคำพูดได้ อยากที่จะถวายสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเพื่อพระองค์ถ้าทำได้และสิ่งที่ทุกคนคิดได้ นั่นคือ" ชีวิต" ที่สิ่งมีชีวิตทุกคนหวงแหนไม่ต้องการที่จะเสียมันไปแต่เราคนไทยยอมที่จะ พูดเพื่อที่จะสละได้อย่างเต็มความภาคภูมิเพื่อ พระเจ้าอยู่หัวของเรา ถ้ามีโอกาสเป็นไปได้ ผมเองนั้นก็เคยคิดและพูดออกมาอย่างนี้เช่นกัน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดในความคิดของผมเช่นกัน ซึ่งทำให้ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนไทยทุกคนถึงกล้าสละสิ่งนี้เพื่อพระองค์เป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมากจริงๆ ที่อยู่ในหัวใจของคนไทยที่ได้รับรู้ถึงบารมีของพระองค์ ซึ่งไม่รู้จะทดแทนด้วยวิธีใดนอกจากการทำความดีเพื่อพระองค์แล้ว ยังมีชีวิตที่เราพร้อมจะสละได้เสมอเพื่อพระองค์ จากคุณ : BABANEO - [ วันเข้าพรรษา 11:46:01 ]

ความคิดเห็นที่ 86 คุณ BABANEO รู้ไหม พระพุทธเจ้าเคยพูดเอาไว้ถึงลักษณะของบุคคลเพ้อเจ้อไว้ประการหนึ่ง คือดีแต่พูดถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องที่ไม่มีวันทำได้จริง ไอ้เรื่องที่พะเน้าพะนอเฝ้าบ่นว่าอยากถวายชีวิตเพื่อยืดพระชนม์สักเสี้ยว นั่นก็เป็นประเภทหนึ่งของความเพ้อเจ้อ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็พูดย้ำคิดย้ำทำเหมือนแผ่นเสียงตกร่องกันอยู่นั่นแหละ ทำยังกะตัวเลขอายุของคนมันเหมือนบัญชีในธนาคาร โอนไปโอนมาได้ พูดแบบนี้ไม่รู้พูดมาทำไม คนพูดผมก็ไม่เห็นว่าพูดแล้วจะภักดีตรงไหน เพราะมันไม่มีวันได้มีโอกาสทำกันจริงๆ.... พอได้ไหมเรื่องสละอายุแทนได้น่ะ ชีวิตนะพี่ ไม่ใช่โอนเงินผ่านแบ๊งค์ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ วันเข้าพรรษา 12:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ตะกี๊นี้โทรไปถามผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง   ว่าคำพูดที่ว่า "ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี"   เนี่ย พระองค์รับสั่งจริงเหรอ???? ผู้ใหญ่ท่านนั้นหัวเราะลั่น  บอกว่าโดยส่วนตัวนอกจากไม่เคยได้ยินแล้ว   ยังไม่เชื่ออีกด้วยว่าพระองค์จะรับสั่งเช่นนั้นจริง   ผู้ใหญ่ท่านนั้นบอกว่า ต้นเรื่องน่าจะมาจากปากคำท่านผู้หญิงคนหนึ่ง  ที่น่าพูดเพียงแค่ว่า "หากพระองค์อยู่ได้ 120 ปี น่าจะทำประโยชน์ได้มากมาย"   แต่คนฟังเหล่ารอยัลลิสต์  ได้ยินแล้วเอาผนวกกับอภินิหารอย่างพระพุทธเจ้า  ใส่สีเติมแต่ง  ว่าพระองค์รับสั่งว่า "ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี" โปรดสังเกตความแตกต่าง "หากฉันจะอยู่ถึง 120 ปี น่าจะทำประโยชน์ได้มากมาย" กับ "ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี" แหม  ดูลูกเล่นของวรรณศิลป์สิท่าน   ตัดนิด ตัดหน่อย ความหมายไปคนละโยชน์แล้ว เอ้า เข้าเรื่อง เหล่ารยัลิลสต์ไทยพุทธทั้งหลาย  คงจำคำสอนสิบข้อว่าด้วยการเชื่อผู้อื่นที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนได้   อย่ามัวแต่ไปจำเรื่องอภินิหารอย่างนิทานเลยครับ     เอาสาระที่ท่านสั่งสอนมาคิดดีกว่า  ว่า........... 1. ในหลวงรับสั่ง "ฉันจะอยู่ถึง 120 ปี"  จริงเหรอ???? 2. ขอได้โปรดยกพระราชดำรัสของพระองค์มาทั้งหมดมาให้ดูดด้วย ว่าประโยคนี้ปรากฏอยู่ในข้อความตอนใด 3. ขอได้โปรดบอกด้วย ว่าพระองค์รับสั่งเนื่องในโอกาสใด  ที่ไหน เวลาใด   4. จงแสดงหลักฐานให้เห็นชัด  ว่าประโยคนี้หลุดมาจากพระองค์เอง  ไม่ใช่คุณหญิงคุณนาย หรือ นายทหารใหญ่คนไหนเต้าข่าวออกมาพูด บอกตามตรง  ผมไม่เชื่อว่าอัจฉริยะบุคคลเช่นในหลวง จะทรงรับสั่งเช่นนี้ ปล. ส่วนคุณหญิงต้นเรื่อง  เห็นข่าววงในท่านก็บอกว่า คุณหญิงท่านออกมาบอกแล้วว่าเขาไม่ได้พูดแบบนี้  คนฟังเขาไปใส่สีเอาเอง ส่วนผมนั้นไม่รู้ครับ   ยังไม่ขอปักใจ   แต่ขอหลักฐานว่า ในหลวงทรงรับสั่งเช่นนี้จริงๆ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ วันเข้าพรรษา 12:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อ้อ ยินข่าวว่าที่ราชดำเนิน เขาเอารายงานการวิจัยเกี่ยวกับ ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์  มาให้ดูกัน   รอยัลลิสต์ไปดูกันไหมครับ  เห็นเขาว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่เป็นเจ้าของที่ดินแพงๆในกทม.นั้น  เอาเข้าจริงๆแล้ว ทรัพย์สินฯ เก็บค่าเช่าถูกยิ่งกว่าราคาตลาดไม่รู้กี่สิบเท่า  แต่พวกนายหน้าเอาไปเซ็งลี้กันแพงๆ คิดๆอยู่ว่าเงินในทรัพย์สินมีมหาศาล  หากว่าเลือกผู้จัดการทรัพย์สินส่วนพระมาหกษัตริย์ที่มีหัวธุรกิจเก่งๆ แต่จิตใจดีงามสักคน     ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์น่าจะได้ประโยชน์อย่างที่ควรได้มากกว่านี้ อีกอย่าง   เงินในทรัพย์สินฯ ที่มีมหาศาล  ยังเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจอันดี  หากว่าเรามีผู้จัดการกองทุนเก่งๆ เอาไปลงทุนในธุรกิจการค้าหรือสนับสนุนเรื่องที่มันเป็นมหภาคมากกว่านี้   คงจะมีผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของชาติไม่ใช่น้อยๆ   ไปดูกันไหม รอยัลลิสต์  จะได้ไม่เหลือเวลาไปเพ้อเจ้อ   ว่าโอนอายุกันได้อย่างบัญชีในแบ๊งค์................ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ วันเข้าพรรษา 12:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 89 คุณ lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) ไม่เป็นไรครับ ที่เราจะมีความคิดต่างกันบ้างในเรื่องนี้ แต่ถ้าเราเป็นคนไทย นับถือพุทธศาสนาหรือแม้แต่ศาสนาใดก็แล้วแต่ อาศัยบนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้ร่มพระบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ขอเพียงแต่เรา ทำแต่สิ่งที่ดี ถูกต้อง ไม่เบียดเบียนใครก็เพียงพอแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 12:31:37 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 49 12:29:55 จากคุณ : BABANEO - [ วันเข้าพรรษา 12:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 90 แล้วคุณสิงห์เหนือ เสือสำส่อน จะมา ขัดความสุข คนอื่นเขาทำไมล่ะครับ หรือว่า ไม่เคยได้รับการอบรมเรื่องกาละเทศะมาจากทางบ้านครับ คนไทยหวังที่จะให้พระมหากษัตริย์เขามีพระชนม์ยาวนาน สมที่ทรงตั้งพระทัยไว้ แล้วผิดตรงไหน ถึงต้องมาขัดคอ คำบางคำ คิดแล้วเก็บไว้ในใจจะดีกว่า พ่นออกมาให้เห็นถึง ความคิดว่าคิดน้อยแต่ไหนน่ะครับ เช่นถ้าคุณสิงห์เหนือ เสื่อสำสอน มีลูกเพิ่งคลอด แล้วผมไปถึงเห้นหน้าเด็กบอกว่า เด็กผีที่ไหนหน้าตาดูไม่ได้ ดำก็ดำ คุณสิงห์จะพอใจไหมครับ ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะผิวดำจริงๆ หรือ วันที่คุณสิงห์แต่งงาน มีคนไปยืนประกาศบนเวทีบอกว่า เจ้าสาวอ่ะเคยมีอะไรกับเขามาก่อน ทั้งๆที่เป็นความจริง คุณสิงหืรับได้ไหม ขอโทษน่ะที่ด่าแรง มันหมั่นไส้อ่ะ จากคุณ : หนุ่มชาวบ้าน - [ 12 ก.ค. 49 05:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ไม่กัดในหลวง  ก็ยุ่งอยู่แต่เรื่องหม้อ เอ็งจะมองเห็นอะไร  ในเมื่อมันปิดหน้าอยู่อย่างนั้น ใครไม่เชื่อ ลองเอาชื่อมันใส่ในช่องค้นหาของพันทิปดูก็ได้ ถ้าพิเคราะห์สักหน่อย  ก็พอจะมองเห็นปมด้อยได้ลางๆ สิ่งที่ทำให้มนุษย์เป็นอมตะ  คือ  ความดี อีกร้อยปีพันปี  คนไทยก็จะพูดถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เหมือนกับที่เราๆพูดกันถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระปิยมหาราช ได้ดูสารคดี "พระเจ้าแผ่นดิน" ทางช่อง ๙   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปราบ ผกค. และความขัดแย้งของราษฎร  ด้วยน้ำ เป็นตัวอย่างของพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน  ที่เห็นได้ทันที พระกุศลบารมี  จะส่งผลให้พระองค์ท่านอยู่คู่กับแผ่นดินไทยนานเท่านาน บักคำสิงห์ เมื่อเอ็งตายเอ็งจะเหลืออะไรไว้ให้กับแผ่นดินบ้าง สงสารพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของเอ็งจัง  เขาคงสรรเสริญกันไปทั่วแล้ว แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 49 08:27:18 จากคุณ : กัมม์ - [ 12 ก.ค. 49 08:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 92 สิงห์เหนือ...เสือสำอาง ตุณว่้า 80 ปี ก็ เดิน ไม่ ได้ แล้ว ผม ว่า คุณ มอง ผิด ไป นะ เรื่อง นี้ เพราะ ปู่ ผม 93 ปี แล้ว ยัง เดิน ไล่ หมา เล่นกับหมา เล่น และ ยัง ยกของ ได้ อยู่ เล่ แต่ คิด ว่า ที่คุณ บอก ว่า คน เหนือ ธรรมชาติ ไม่ ได้ นี้ วงสัยคุณ คง ยังไม่ เคีบเห็น สารีริกธาตุ ละ มัง คุณว่ากระดู เปลียนเป็นสารีริกธาต นี้เป็น เรื่อง ธรรม ชาติ ปล่า เด็กที่ไม่ เน่า นี้ เป็น ธรรมชาติ ปล่าว  หลวงปู หลายองค์ ที่ สังขารไม่เน่า นี้ เป็น ธรรมชาติ ปล่าว  แต่ คิดว่าสำหรับ คุ๊ ผม ว่า 50 ปี น่า จะ ตาย ได้ แล้ว ตามธรรมชาติ ที่ คุณ บอก นะ หรือ ไม่ คุณ ก็ อยาก ให้ พ่อ กับแม่ ตายไวๆ เพื่อจะ รับ มรดกสินะ และต่อ ไป ลูงบ เอ็ง ก็ จะ คิด เหมือน กัน ละ ว่า ให้ เอ็งตายไวๆ จากคุณ : ที่ ที่รู้ เหตุการณ์เหนือ ธรรม (thanapatpp) - [ 12 ก.ค. 49 11:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อายุยังละอ่อนนัก สิงห์เหนือ รอให้อายุมากกว่านี้จะเข้าใจอะไรๆขึ้นอีก จากคุณ : พนอจัน - [ 12 ก.ค. 49 16:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 94 น่าสงสารคุณสิงห์เหนือ เสือสำอางยิ่งนัก พื้นฐานทางจิตใจและความคิดอ่านคงไม่สมบูรณ์พร้อม ที่จะเติบโตและเข้าใจอะไร ๆ ในโลกและหลักธรรมชาติ จึงได้พยายาม เสนอความคิดเห็นส่วนตัว ออกมาอย่างอ่อนด้อยและแสดงถึงพื้นฐานทางจิตและวิญญาณได้อย่างชัดเจน หวังว่าเมื่ออายุเติบใหญ่ เรียนรู้กว้างขวางกว่านี้ จะเข้าใจอะไร ๆ ในโลกนี้ดีกว่านี้ และที่ล้ำลึกที่สุดคือ รู้จักใจ ของคุณเอง แล้วคุณจะเข้าใจว่า ทำไม คนไทย รักในหลวง อย่างไม่มีเหตุผล จากคุณ : Flame - [ 12 ก.ค. 49 20:18:24 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เฮ้อ นี่แหละน้าถึงได้ชังพวกรอยัลลิสต์เข้าไส้ พวกรอยัลลิสต์ชอบมาหาว่าผมเกลียดเจ้า แต่ที่ผมเกลียดน่ะพวกรอยัลลิสต์ครับ ไม่มีหัวคิด เห็นแค่ว่าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเจ้าก็พะเน้าพะนอเข้าใส่ คุณน้ำอบก็ทีนึงแล้ว ตอนนั้นผมไปเตือนแต่แรกก็หาว่าผมไปขัดคอ พอโดนแฉเข้าล่ะก็แทบกลับลำกันไม่ทัน พระราชดำรัสของในหลวงน่ะ มีหลายครั้งหลายคราวที่คนมาอ้างกันว่าเป็นพระราชดำรัส แต่ความจริงก็ไม่ใช่ พวกรอยัลลิสต์พอเห็นคำว่า "พระราชดำรัส" ก็เอามาเทอดทูนกันโดยไม่รู้จักคิด ดูตั้งแต่แรกแล้ว ผมก็ตะหงิดๆ ว่าพระองค์รับสั่งอย่างนี้จริงเหรอ พอไปสืบสาวดูก็หาหลักฐานที่เด่นชัดไม่ได้ แต่ตัวพวกคุณ รอยัลลิสต์ทั้งหลาย นอกจากจะไม่ฟังผมแล้ว ยังหน้ามืดตามัว ปากบอกว่ารักในหลวง รักเชื้อพระวงศ์ แต่พวกคุณกลับมาทำตัวเยี่ยงนี้ ไม่รู้จักอายบ้างรึอย่างไร????? เอ้า ชี้ทางสว่างให้ขนาดนี้ จะมามีกิเลศบังตาก็เรื่องของใครของมันล่ะ แล้วแต่ปัญญาบารมีที่สั่งสมมาแล้วกันนะครับ ขอบายก่อนล่ะ ขยะแขยงจริงๆ พวกรอยัลลิสต์ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 12 ก.ค. 49 22:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ดิฉันนั่งอ่านความคิดเห็นของบุคคลที่ปรากฏนามตามความเห็นที่ 67 และความเห็นอื่นๆ สำหรับบุคคลคนเดียวกันมานานพอสมควร หะแรกก็ไม่พอใจนัก คิดจะโต้ตอบให้ถึงขนาดทีเดียว แต่ก็เกรงว่าดิฉันจะใช้วาจาผรุสวาทออกไป ซึ่งออกจะไม่เหมาะนักกับกระทู้นี้ จึงได้สู้อดใจไว้ ทนอ่านมาได้ถึงบัดนี้ เรียกว่าอดทนจนเต็มกลืนกันเลยทีเดียวคะ บุคคลดังกล่าวแสดงความคิดเห็นไว้หลายประเด็นทีเดียว แต่หลาย ๆ ความเห็นก็เป็นประเด็นมโนสาเร่ ไม่เกิดประโยชน์ที่จะแสดงเหตุผลโต้ตอบ ดิฉันจึงจะยกมาเฉพาะกรณีที่ดิฉันสนใจดังนี้คะ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เรื่อง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสดังกล่าวไว้จริงหรือไม่” ดิฉันไม่แน่ใจว่าบุคคลดังกล่าวได้อ่านทุกความคิดเห็นในกระทู้นี้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นหรือไม่ ซึ่งดูจากสำนวนเดาว่าอาจไม่ครบ หากไม่ครบ ขอให้ลองไปอ่านความเห็นที่ 13 ของดิฉันเสียใหม่ เมื่ออ่านแล้ว อาจจะไม่ถามคำถามนี้ก็เป็นได้ เพราะใกล้เคียงกับหลักกาลามสูตรทีเดียว ต่อมา ก็ลองไปอ่านความคิดเห็นที่ 25 ของสมาชิกคนหนึ่งที่ได้กล่าวไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยพระราชทานพระราชดำรัสทำนองนี้ไว้ในโอกาสอื่นด้วย ซึ่งพระราชทานไว้ในท่ามกลางสโมสรสันนิบาต ในโอกาสที่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าเข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในวันเฉลิมพระชนพรรษาเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังพระราชทานมากกว่าหนึ่งครั้งเสียอีก ซึ่งในกรณีนี้ ดิฉันได้ยินมาด้วยตนเองถึง 2 ครั้งแล้ว บุคคลดังกล่าวมักอ้างว่าตัวเองได้ฟังพระราชดำรัสในวันที่ 4 ธันวาคมเสมอ แต่ก็ให้สงสัยเป็นอันมากว่า เหตุใดจึงไม่เคยได้ยินพระราชดำรัสทำนองดังกล่าว ที่มาเรียกหาหลักฐานนั้น ออกจะเป็นการผลักภาระให้คนอื่นจนเกินไปเสียหน่อย ขอให้ลองไปค้นดูหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ตามหอจดหมายเหตุแห่งชาติ คงจะได้กระมัง เพราะหนังสือพิมพ์มักจะอัญเชิญพระราชดำรัสมาลงไว้ในวันรุ่งขึ้นเสมอ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เมื่ออ่านความเห็นที่ 13 และ 25 จบแล้ว ก็กลับมาที่ประเด็นของบทความในกระทู้นี้ “เราจะทราบได้อย่างไรว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสตามบทความดังกล่าวไว้จริง” บทความอ้างว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสแก่ท่านผู้หญิงบุตรีในที่รโหฐาน เฉพาะข้าราชบริพารใกล้ชิด จึงยากที่พวกเราโดยทั่วไปจะทราบได้ แม้แต่ผู้ใหญ่ที่บุคคลดังกล่าวอ้างว่าโทรศัพท์ไปถามก็คงไม่ทราบ ดังนั้นเมื่อเราอ่านบทความนี้ หากพิจารณาความเห็นที่ 13 ของดิฉันประกอบ เราก็อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อตามหลักกาลามสูตร แต่ “อย่าปลงใจเชื่อ” มิได้หมายถึง “อย่าเชื่อ” แล้วเราจะตรวจสอบอย่างไร? ดิฉันคิดว่าเราสามารถนำหลักมหาปเทส 4 ในพระพุทธศาสนามาเทียบเคียงได้ ตามพระไตรปิฎก หากมีข้อสงสัยว่าคำสอนประการใดจะถือได้ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ก็สามารถใช้เกณฑ์ในมหาปเทส 4 ได้ ดังนั้นในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชนเมื่อเกิดข้อสงสัยว่าพระราชดำรัสใดเป็นพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่ ก็สามารถตรวจสอบโดยอาศัยเกณฑ์สี่ประการดังกล่าวได้ ดิฉันจะไม่กล่าวในรายละเอียดให้มากมายนัก แต่พอจะสรุปได้ว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยพระราชทานพระราชดำรัสดังกล่าวไว้ถึง 2 ครั้ง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ดังนั้นในภายหลัง แม้ตอนแรกเรายังไม่ควรปลงใจเชื่อเมื่อได้ยินบุคคลอื่นที่น่าเชื่อถือกล่าวว่าเคยได้ยินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสเช่นนั้นอีก ---ตามหลักกาลามสูตร   แต่หากเราตรวจสอบว่า คำอ้างดังกล่าวตรงกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยตรัสไว้จริง เราก็พอสรุปได้ว่าข้อความดังกล่าวน่าเชื่อได้ว่าเป็นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจริง ที่ดิฉันอ้างหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาประกอบมากมาย เพราะบุคคลดังกล่าวมักจะอ้างหลักธรรมในพระพุทธศาสนามาเชือดเฉือนคนอื่นเสมอ ดิฉันจึงต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่า บุคคลดังกล่าวเข้าใจพระพุทธศาสนามากน้อยเพียงใดคะ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เรื่อง “ศรัทธา” บุคคลดังกล่าวอ้างว่าตัวเองไม่มีศรัทธา เพราะไม่ชอบอคติ ใครอ้างเรื่อง “ศรัทธา” ก็ไปกล่าวหาว่าเขาเป็นคริสตัง ซึ่งฟังจากสำเนียง เป็นการดูถูกศาสนาคริสตัง คริสเตียน โดยที่ตัวเองไม่รู้จริงเสียด้วยซ้ำ ดิฉันจะไม่อธิบายมาก แต่ขอยกข้อความในหนังสือพุทธธรรมของพระพรหมคุณาภรณ์มาบางตอนดังนี้ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 100 “ สำหรับคนสามัญทั่วไปที่ต้องเรียนรู้ด้วยอาศัยคำแนะคำสั่งสอนจากผู้อื่น กระบวนการฝึกอบรมจะเริ่มต้นด้วย ความเชื่อ ในรูปใดรูปหนึ่งก่อน ซึ่งทางพุทธศาสนาเรียกว่า ศรัทธา ศรัทธานี้อาจเป็นความเชื่อเพราะพอใจในเหตุผลเบื้องต้นของคำสอนนั้น และ/หรือ ความเชื่อในเหตุผล หรือลักษณะอันสมเหตุสมผลน่าไว้วางใจของตัวผู้สอนเอง จากนั้นจึงมีการรับฟังคำสอน การศึกษาอบรม เกิดความเข้าใจเพิ่มพูนขึ้น มองเห็นเหตุผลที่ถูกต้องด้วยตนเอง ซึ่งเรียกคร่าว ๆ ว่า สัมมาทิฐิ เมื่อความเห็นความเข้าใจนี้เพิ่มพูนและแจ่มแจ้งชัดเจนขึ้นตามลำดับด้วยการลงมือปฏิบัติหรือพิสูจน์ด้วยประสบการณ์จนกลายเป็นการรู้ การเห็นประจักษ์ ก็นับว่าปัญญาได้เจริญมาถึงขั้นที่เรียกว่าเป็นสัมมาญาณะ ซึ่งเป็นขั้นที่พ้นจากความเชื่อ(ศรัทธา) และพ้นจากความเข้าใจด้วยเหตุผล(ทิฐิ) ใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นขั้นสุดทางและเข้าถึงจุดหมาย คือความหลุดพ้นเป็นอิสระ ซึ่งเรียกว่า สัมมาวิมุตติ ลำดับความเจริญของปัญญาอาจเขียนให้เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ ศรัทธา --> สัมมาทิฐิ --> สัมมาญาณะ --> สัมมาวิมุตติ ตามกระบวนธรรมนี้ เริ่มแรกทีเดียวปัญญามีอยู่ในรูปแฝง หรือตัวประกอบของศรัทธาก่อนแล้วเจริญเป็นตัวเองขึ้นตามลำดับ จนเมื่อถึงขั้นสุดท้ายเป็นสัมมาญาณะ ปัญญาจะเด่นชัดบริสุทธิ์เป็นตัวแท้ ส่วนศรัทธาจะไม่มีเหลืออยู่เลย เพราะถูกปัญญาแทนที่โดยสิ้นเชิง เมื่อถึงขั้นนี้เท่านั้น การตรัสรู้หรือการหลุดพ้นจึงมีได้ ” แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 00:03:14 จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:18:27 ]

ความคิดเห็นที่ 101 จากข้อความข้างต้น คงจะพอสรุปได้กระมังว่า ที่บุคคลดังกล่าวเที่ยวไปตีฝีปากว่าคนที่พูดเรื่องศรัทธา เหมือนกับเขาเป็นคนเซ่อ ไม่รู้เรื่องพระพุทธศาสนา แล้วยังพาลไปว่าศาสนาอื่นนั้น แท้ที่จริงตัวเองมิได้รู้เลยว่าศรัทธามีอยู่ในพระพุทธศาสนา และยังเป็นทางไปสู่ปัญญาได้อีกด้วย และที่บุคคลดังกล่าวอ้างว่าตัวเองไม่มีศรัทธา ไม่มีอคตินั้น ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ เพราะพระพรหมคุณาภรณ์ท่านกล่าวไว้พอสรุปได้ว่า ท่านที่มีปัญญาสูง เช่น องค์พระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้าทรงเริ่มมรรคาที่ตัวปัญญาทีเดียว ไม่ผ่านศรัทธา เพราะการสร้างปัญญาไม่จำเป็นต้องผ่านศรัทธาเสมอไป ถ้าพระพรหมคุณาภรณ์ท่านกล่าวไว้จริง และบุคคลดังกล่าวไม่มีศรัทธาจริงตามที่อ้าง เขาคนนั้นก็คงมีปัญญาเทียบเท่าพระพุทธเจ้าได้เลยกระมัง หรือในทางตรงกันข้าม อาจเป็นไปได้ว่า เมื่อไม่มีศรัทธา ก็หาปัญญาไม่ได้ด้วย แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 00:35:25 จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เรื่อง “กฎธรรมชาติ” และ “สิ่งมหัศจรรย์” บุคคลดังกล่าวมักอ้างเสมอว่า ตัวเองเชื่อในกฎธรรมชาติเท่านั้น ส่วนสิ่งมหัศจรรย์นั้น เลิกพูดกันที ใครมาอ้างเรื่องมหัศจรรย์ อิทธิปาฏิหาริย์ ก็จะถูกตีหน้าว่าเป็นคนพุทธได้อย่างไร ดิฉันไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวมีความเข้าใจเรื่องกฏธรรมชาติและสิ่งมหัศจรรย์เพียงใด  ดิฉันจะไม่อธิบายเช่นเดียวกับประเด็นที่แล้ว แต่ดิฉันจะยกข้อความในหนังสือพุทธธรรมของพระพรหมคุณาภรณ์มาให้ลองอ่านและพิจารณากันดู ดังนี้ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 103 “ มีข้อควรย้ำเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติอีกเล็กน้อย ตามหลักพุทธธรรมย่อมไม่มีสิ่งอยู่เหนือธรรมชาติ หรือนอกเหนือธรรมชาติ ในแง่ที่ว่ามีอิทธิฤทธิ์บันดาลความเป็นไปในธรรมชาติได้ หรือแม้ในแง่ที่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างหนึ่งอย่างใดกับความเป็นไปในธรรมชาติ สิ่งใดอยู่นอกเเหนือธรรมชาติ สิ่งนั้นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ คือย่อมพ้นจากธรรมชาติสิ้นเชิง สิ่งใดเกี่ยวข้องกับธรรมชาติ สิ่งนั้นไม่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ แต่ต้องเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติ อนึ่ง กระบวนการความเป็นไปได้ทั้งปวงในธรรมชาติย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีความเป็นไปลอย ๆ และไม่มีการบันดาลให้เกิดขึ้นได้โดยปราศจากเหตุปัจจัย ความเป็นไปที่ประหลาดน่าเหลือเชื่อ ดูเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ หรืออัศจรรย์ใด ๆ ก็ตาม ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น แต่ในกรณีที่เหตุปัจจัยในเรื่องนั้นสลับซับซ้อนและยังไม่ถูกรู้เท่าทัน เรื่องนั้นก็กลายเป็นเรื่องอัศจรรย์ แต่ความประหลาดอัศจรรย์จะหมดไปทันทีเมื่อเหตุปัจจัยต่าง ๆ ในเรื่องนั้นถูกรู้เท่าทันหมดสิ้น ดังนั้น คำว่าสิ่งเหนือหรือนอกเหนือธรรมชาติ ตามที่กล่าวมาแล้ว จึงเป็นเพียงสำนวนภาษาเท่านั้น ไม่มีอยู่จริง ที่ว่ามนุษย์บังคับควบคุมธรรมชาติได้ ก็คือการที่มนุษย์รู้เหตุปัจจัยต่าง ๆ ที่จะสัมพันธ์ส่งทอดเป็นกระบวนการให้เกิดผลที่ต้องการแล้ว จึงร่วมเป็นปัจจัยผลักดันปัจจัยต่าง ๆ เหล่านั้นให้ต่อเนื่องสืบทอดกันจนเกิดผลที่ต้องการ ” จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:23:18 ]

ความคิดเห็นที่ 104 หากใครอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ ดิฉันจะลองเพิ่มเติมให้เล็กน้อยดังนี้คะ ดิฉันเคยอ่านเถรีคาถาในพระไตรปิฎก ติงสนิบาต สุภาชีวกัมพวนิกาเถรีคาถา เรื่องในพระสูตรกล่าวว่า นักเลงเจ้าชู้คนหนึ่งได้พบกับพระสุภาภิกษุณีแล้วเกิดกำหนัดต้องการได้พระสุภาภิกษุณีเป็นภรรยา เนื่องจากหลงในความงามของพระสุภาภิกษุณี จึงชักชวนให้ท่านสึกออกมา แต่พระสุภาภิกษุณีกลับกล่าวว่าในร่างกายของท่านไม่มีสิ่งสวยงามเลย เหมือนซากศพเสียด้วยซ้ำ แต่นักเลงเจ้าชู้ก็เห็นแต่เปลือกว่าท่านงาม สุดท้ายพระสุภาภิกษุณีท่านคงรำคาญ ท่านจึงควักดวงตาออกมาข้างหนึ่งแล้วส่งให้นักเลงเจ้าชู้ เจ้านักเลงก็เลยหมดกำหนัดเป็นปลิดทิ้ง ขอให้พระเถรีอดโทษเป็นการใหญ่ ตอนท้ายของพระสูตรกล่าวว่า “ ก็ภิกษุณีนั้น พ้นจากนักเลงนั้นแล้ว ได้ไปสู่สำนักของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ได้ชมบุญลักษณะอันประเสริฐ จักษุได้เกิดมีขึ้นเหมือนเดิม ” หากถือเอาตามที่พระพรหมคุณาภรณ์ได้อธิบายไว้ การที่ท่านพระสุภาภิกษุณีได้เห็นลักษณะอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า แล้วดวงตาก็มีขึ้นดังเดิมนั้น ก็คงถือว่าเป็นกฎธรรมชาติได้กระมัง ไม่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ตอนนี้คงจะพอสรุปได้ว่าบุคคลดังกล่าวรู้เรื่องกฎธรรมชาติและสิ่งอัศจรรย์น้อยเต็มที บุคคลดังกล่าวมักอ้างว่า ศาสนาเป็นของแสลง และไม่อยากเถียงเรื่องอภินิหาร แต่บุคคลดังกล่าวก็มักนำเอาหลักในพุทธศาสนาบางประการมาเชือดเฉือนคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มิได้รู้จริง ช่างเป็นคนที่ใช้เหตุผลได้แปลกประหลาดเสียนี่กระไร ตัวเองไม่ชอบศาสนาแต่นำหลักในศาสนามาว่าคนอื่น ถ้าไม่ชอบแต่รู้จริง แล้วนำมาว่าคนอื่น อย่างนี้ก็ให้อภัยกันได้ แต่นี่อย่างไร ไม่รู้จริงเอาเสียเลย แล้วยังดันทุรังเอาเรื่องที่ตัวไม่รู้จริงไปว่าคนอื่นอีก แปลกจริง ๆ เป็นคำรบสองคะ จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 106 และที่ดิฉันออกจะแปลกใจมากคือ การอวยพรในสิ่งที่ดีให้คนอื่นนั้น ผิดตรงไหนหรือ แม้คนสามัญก็มองไม่เห็นโทษ ทำไมต้องมานั่งวิเคราะห์ให้มากเรื่องด้วยก็ไม่รู้ การถวายพระพรชัยมงคลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนพรรษาถึง 120 ถ้าเทียบกับมงคลชีวิต 38 ประการ ก็เทียบเท่ากับ บูชาบุคคลที่ควรบูชา อาจจะไม่ตรงนักแต่ก็ใกล้เคียง นอกจากจะไม่มีโทษแล้ว ยังมีอานิสงส์นานัปการอีกด้วย จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ดิฉันออกจะเขียนยืดยาวไปเสียหน่อย เพราะต้องการที่จะใช้เหตุผลเข้าคุยกัน ไม่อยากจะใช้อารมณ์เข้าใส่กัน อาจจะมีสำบัดสำนวนมากก็ตามประสาของดิฉันที่มักจะกลอนพาไปเสมอ อย่าว่ากันนะคะ แต่ที่ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งคือ ได้โปรดอ่านให้ครบถ้วนกระบวนความด้วย อย่าสักแต่ว่าอ่านผ่าน ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด อธิบายความไปแล้ว ก็ยังมานั่งตีฝีปากประเด็นเดิม พูดคำใหญ่คำโต ว่าคนอื่นราวกับเป็นคนโฉดน่าขยะแขยง โดยที่ไม่ได้ลองตรองเหตุผลที่คนอื่นแย้งมาให้ละเอียดก่อนเลย จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ดิฉันจะไม่เสียใจเลย ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับดิฉัน เนื่องจากเหตุผลของดิฉันถูกหักล้าง หรือเหตุผลอ่อนไป หรือใช้ไม่ได้ แต่ดิฉันจะเสียใจมาก ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับดิฉัน โดยที่ยังมิได้ลองฟัง หรือตรองเหตุผลของดิฉันให้ละเอียดเสียก่อนเลย แต่เมื่อดิฉันเสียใจแล้ว ก็มิได้มานั่งตีอกชกหัว ฟูมฟาย โกรธตัวเอง โกรธคนอื่น แต่ฉันจะยึดหลักมงคลชีวิต 38 ประการเช่นเดียวกันคือ ไม่คบคนพาล คะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 00:11:59 จากคุณ : จางวางเต่า - [ 12 ก.ค. 49 23:50:39 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ผมเคยคิดอยู่เสมอนะครับว่า ตั้งแต่เกิดมาเคยทำประโยชน์อะไรให้แผ่นดินบ้าง น้อยมากๆ ที่จะทำได้ การที่ผมหรือทุกคนในนี้ (และคนทั้งประเทศ) จะรักและเทิดทูลในหลวง มาก มากที่สุด ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คุณรู้ไหม ชีวิตของผมความทุกข์ร้อนถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ (ในความคิดของคนบางคน)แต่ก็ช่วยไว้ได้มาก จากพระองค์ท่าน ทำให้น้ำมีใช้ ชาวบ้านมีชีวิตอยู่กันดีกว่าเดิมตามสมควร การที่ผมนึกถึงพระกรุณาธิคุณ ของพระองค์ท่าน นั้นคือสิ่งที่ ข้าแผ่นดินอย่างผม ต้องจำใส่หัวไว้เสมอจะลืมไม่ได้ สิงห์เหนือ...เสือสำอาง ไม่พอใจอะไร หรือใคร ถึงได้รังเกียจคนอย่างพวกผม ซึ่งใจจริงๆ แล้วผมอย่างให้พระองค์ได้พักบ้าง แต่ก็ยังทรงงานไม่ได้หยุด ทุกคนไม่ได้รักอย่างไม่มีเหตุผล แต่พระองค์ทรงแสดงให้ประจักษ์แล้วว่า พระองค์ทรงนำประโยชน์และความสุขมาสู่คนไทยมากเพียงไหน ที่ผ่านมา ขณะที่พระองค์ทรงตรากตำพระวรกายอยู่ในถิ่นธุรกันดาร ก็ไม่มีรัฐบาลมาสนใจ เพิ่งจะมีเมื่อสมัยพลเอกเปรม ที่ให้ความสำคัญในพระราชภารกิจ เพราะพระองค์ทรงวางรากฐานให้คนไทยอยู่ได้ มานานมากถึงแม้ไม่มีพระองค์คนไทยก็อยู่ได้ครับ แต่เหตุที่อยากให้อยู่ เพราะพระองค์เป็นศูนย์รวมดวงใจ ยามคนในบ้านของพระองค์ทะเลาะกัน เกิดความขัดแย้งก็ทรงขัดจัดปัดภัยได้เสมอ จากคุณ : Max2000 - [ 13 ก.ค. 49 00:11:19 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ผมอาศัยอยู่ในบ้านของพระองค์ และพระองค์ก็ยังดูแลลูกบ้านอย่างผมด้วยดีเสมอมา คุณสิงห์เหนือ...เสือสำอาง ขอให้ระลึกว่าเราอาศัยอยู่บนแผ่นดินของพระองค์ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 00:34:08 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 00:14:10 จากคุณ : Max2000 - [ 13 ก.ค. 49 00:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ผมเองก็ได้ความรู้ กับคุณ จางวางเต่าไปด้วย   ขอบพระคุณครับ เมื่อคืนได้ดู  สารคดี "พระเจ้าแผ่นดิน" อีก ยิ่งได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน "ปูชา  จ  ปูชนียานํ" บูชาบุคคลที่ควรบูชา การเคารพบูชาพระองค์ท่านไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล หลับหูหลับตา ไม่ว่าเราจะอยู่ส่วนไหนมุมไหนในแผ่นดินนี้   เราได้รับพระราชทานการแก้ไขปัญหาของพระองค์เสมอ คนมีความคิดก็ย่อมรู้สึกได้อย่าง คุณ Max2000  กล่าวไว้ ปล่อยมันแสดงความเขลา เอาพ่อแม่มาประจานต่อไป อยากให้แควนๆในกระทู้มัน  ได้เห็นความน่ารักของมันจัง "เอออ คุณผู้หญิงครับ  ถ้าหากว่าอยู่ๆคุณไม่สบตาเวลาคุยกับผู้ชายคนไหน มันแปลว่าไรง่ะ" -  เขาขยะแขยงเอ็ง บักสิงห์  (น่ารักตายละ...) (แก้คำผิด ปัญญา เป็น ปัญหา) แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 49 08:37:31 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 09:34:20 จากคุณ : กัมม์ - [ 13 ก.ค. 49 08:57:31 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ขอพระองค์ทรงมีพระชนมายุยืนนานกว่า120 ปี ขอพวกเราคนไทยทุกคนร่วมสวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่ในหลวงของเราเป็นประจำทุกวัน คัดบางส่วนมาจาก นสพ ไทยรัฐ วันที่ 15 มิย. 49 ค่ะ " สำหรับพุทธศาสนิกชนคนไทยทั่วประเทศ ขอให้ร่วมแรงร่วมใจสวดมนต์อธิษฐานจิต ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำตลอดปี  เพื่อให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญร่มโพธิ์ร่มไทรแก่ปวงชาวไทยตลอดไป ถ้ามีเวลาน้อยก็สวดบูชาพระรัตนตรัยและสวดพระคาถาชินบัญชร แล้วตั้งสมาธิหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ น้อมจิตถวายพระพรทุกวัน ถ้ามีเวลามากก็สวดชุดใหญ่ เริ่มจากบูชาพระรัตนตรัย สวดชุมนุมเทวดา คาถามงคลจักรวาลน้อย พระคาถาชินบัญชร สวดถวายพระพรชัยมงคลว่า " ภูมิพลมหาราชวะรัสสะ ชะยะมังคะละคาถา " สวดคาถามหาการุณิโกและพระคาถาป้องกันภัยสิบทิศ ฯลฯ เป็นอันเสร็จพิธี " ถ้าคนไทยทั่วประเทศร่วมพลังจิตสวดมนต์ถวายพระพรในหลวงติดต่อกันตลอดปี ก็เหมือนร่วมกันถวาย " โอสถทิพย์ " ให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญ สรุป ใส่เสื้อเหลืองตลอดปี ทำความดีตลอดปี สวดมนต์ถวายพระพรตลอดปี ใครทำได้ครบทั้ง 3 ประการ ก็จะเป็นมงคลแก่ตัวท่านเอง ช่วยกันบอกต่อด้วยนะคะ จากคุณ : แอนนี่-อินดี้ - [ 13 ก.ค. 49 20:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระพลานามัยดีตลอดไป และหายประชวรไวๆค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน จากคุณ : ปุ้ม หญิง - [ 14 ก.ค. 49 09:29:57 ]

ความคิดเห็นที่ 116 นี้ครับ พระราชดำรัส วันที่ 4 ธันวาคม 2548 ที่ผมอ้างอิงถึง http://www.savefile.com/projects.php?pid=879997 ผมขออนุญาตอัญเชิญมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องนะครับ ปล.คุณ สิงห์เหนือ เสือสำอางค์ ลองไปดูโฉนดที่บ้านนะครับ แล้วจะรู้ว่าคุณนะ อาศัยอยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารจริงๆ อย่าคิดว่ามีเงินแล้วจะมีที่อยู่นะครับ จากคุณ : <<First>> - [ 14 ก.ค. 49 12:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 117 คห 53 ที่วัดอัมพวันมีการบวชเนกขัมมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลมาเป็นปีแล้วนะคะ ถ้าจำไม่ผิด และมีบทแผ่เมตตาให้ในหลวงด้วยค่ะ จากคุณ : ปลาทูอยู่ในเข่ง - [ 14 ก.ค. 49 17:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ดิฉันว่าคุณเป็นคนฉลาดคิด.. แต่ไม่ฉลาดทำ จากคุณ : เพลงz - [ 14 ก.ค. 49 18:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ถามจริงเหอะๆ การที่ผมหรือใครก็ตามยกย่อง ในหลวง นั้น คือเรื่องที่คุณรังเกียจหรือ คนอย่างพวกผมหรือ ??????? และกรุณาอ่าน ข้อความของผมให้ดี คุณสิงห์เหนือ...เสือสำอาง อ่าน คคห. 118 แล้ว อึ้งเลย ลองหาดูล่ะกันว่าผมอึ้งประโยคไหน แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 49 20:06:46 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ค. 49 20:06:04 จากคุณ : Max2000 - [ 14 ก.ค. 49 19:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน   จากคุณ : gg1234k - [ 14 ก.ค. 49 20:40:46 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ จากคุณ : you've got my attention - [ 14 ก.ค. 49 21:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ผมไม่ได้รังเกียจที่พวกรอยัลลิสต์อย่างคุณยกย่องใคร แต่ผมรังเกียจคนที่ไม่รู้จักแยกแยะถูกต้อง  สักแต่ใช้ความหลง   ไม่รับฟังเหตุผล   ผมถึงได้รังเกียจรอยัลลิสต์นักไง   ยกย่องใครไม่น่ารังเกียจ   แต่ที่น่ารังเกียจคือความมีอคติจนบดบังความคิดต่างหาก เช่นกรณีเรื่องคุณน้ำอบ   ผมก็เห็นความน่ารังเกียจของเหล่ารอยัลลิสต์ครั้งหนึ่งแล้ว การเฮโลตามพระราชดำรัสของปลอมที่มีคนมาแอบอ้างหลายๆครั้ง โดยไม่คิดว่ามันเป็นพระราชดำรัสของแท้หรือไม่  สักแต่เห็นพระราชดำรัสกำกับ ก็พากันรับโดยไม่รู้จักแยกแยะ นั่นก็คือเรื่องน่ารังเกียจที่ผมเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และครั้งนี้  ผมก็เห็นความน่ารังเกียจของรอยัลลิสต์อีกครั้ง   เอาความเพ้อฝันของตนเองไปทูลเกล้าให้พระองค์   ถึงได้บอกไง  ผมไม่เคยเกลียดเจ้า  แต่ผมเกลียดรอยัลลิสต์ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 14 ก.ค. 49 22:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ลบดีก่า.....ไม่อยากมีเรื่องกะใครอ่า.....ใจป๊อดอ่ะคับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 49 00:08:38 จากคุณ : เจ้าอ้วนเอ๊ยจะอ้วนไปถึงไหน - [ 15 ก.ค. 49 00:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 126 เพื่ออะไรเนี่ย เราว่านะ ที่เราทุกคนมีความรักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เนื่องจากเรานั้นต่างก็เห็นว่าพระองค์ทรงประกอบพระราชกิจต่างๆซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ยังประโยชน์ต่อประเทศชาติ คุณไม่เทิดทูนไม่มีใครว่า แต่เราว่าที่ทุกคนทนไม่ได้เพราะว่าคุณพูดเหมือนกับว่า ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านมากกว่า มีคนแบบนี้อยู่ในประเทศของเราด้วยเหรอ!!! ........ (ถ้าพูดมากกว่านี้เดี๋ยวจะหาว่าเราพูดแรง ไม่ชอบตอบแบบนี้แต่มันชักทนไม่ได้น่ะ) จากคุณ : อมยิ้มสีฟ้า - [ 15 ก.ค. 49 00:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ผมพูดแทนให้ครับ บักสิงห์.....ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ที่หายไป  เหอะเหอะ  Rip  ไว้ได้ทัน จากคุณ : กัมม์ - [ 15 ก.ค. 49 01:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ดูอยู่หลายวันแระ ฮาพวกคลั่งเจ้ามือถือพระไตรปิฎก - ปากถือศีลเป็นบ้าเรยยย ศีลแตกครับ ศีลแตก ใครด่ากะใครมาก่อน ผมไม่รู้หรอกนะ แล้วเรื่องพระราชดำรัส ผมว่าไปอ่านใหม่ซักสามรอบดีไหม???? ในหลวงพูดตรงไหน โทษที ผมใช้ศัพท์เจ้าไม่เป็น คงไม่หาว่าผมหมิ่นหรอกนะ ที่บอกว่าจะทรงอยู่ถึง 120 ปี ผมว่าในหลวงท่านเปรียบเทียบนะคับ อ่านดีๆ ดิ แล้วก็เป็น 118 ปีด้วย ไม่มี 120 นะ ผมน่ะ ไม่รู้เรื่องในวังมากมายอย่างพวกคุณๆ ในนี้หรอก แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนสายวิทย์ แล้วผมก็เคยได้ยินมาว่า ในหลวง ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ อย่างน้อยท่านก็พยายามให้ประชาชนมีการศึกษา พึ่งพาตัวเองได้ เคยดูโทรทัศน์เพื่อการศึกษาจากวังไกลกังวลกันบ้างหรือเปล่า ส่วนเรื่องศาสนา ขี้เกียจอ่านครับ แล้วก็นั่นแหละ ถือตำรามาเบ่งใส่กัน ผมไม่เห็นจะมีอะไรดี พวกรำคาญพวกคลั่งศาสนา ชอบใช้ศัพท์สูง แต่ไม่เคยเอาเหตุผล (ความรู้?) มาคุยกัน หาเหตุผลไม่ได้ ก็กลับไปอ้างอะไรก็ไม่รู้ในพระไตรปิฎกมาใส่ซะยาวเลย ในฐานะที่ผมไม่ใช่พุทธ (จริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ผมนับถือศาสนาอะไรกันแน่ ศาสนาไม่ใช่คำตอบของผม บอกให้รู้ครับ จะได้ด่าคล่องๆ) ผมรู้สึกทึ่งศาสนาพุทธก็เพราะว่าเป็นศาสนาที่มีเหตุผล ไม่ได้หมกมุ่นกับเรื่องใครสร้างโลก แล้วมีองค์สูงสุดหรือไม่ มันไม่ใช่เรื่องครับ เรื่องแบบนี้ศาสนาตอบไม่ได้ครับ ผมรู้สึกประทับใจ กับการที่พระพุทธเจ้าละทิ้งทุกอย่าง ไปออกบวช ในขั้นแรก พระพุทธเจ้าก็ดำเนินการเจริญภาวนาตามพวกพราหมณ์ แต่ก็เห็นว่า ไม่ได้ช่วยให้รู้อะไรเลย ก็เลยเลิก หันมาใช้ปัญญามากกว่า แล้วหลักการต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าท่านสอนให้คนเรียนรู้ ท่านก็บอกว่าไม่ให้ยิดติดทั้งนั้น ละสังขาร ละอัตตา ปล่อยวาง นิพพาน กรรม พวกนี้ไม่ใช่ศรัทธาแน่นอนครับ ผมเคยถูกสอนมาว่า ห้ามคิดว่ารักในหลวง พวกที่ตะโกนว่าเรารักในหลวง หรือทำรูปหัวใจคั่นคำว่าเรา กับ ในหลวง ก็เป็นการอาจเอื้อม ไม่ถูกกาละเทศะ เพราะท่านอยู่สูงเกินกว่าที่เราจะไปรักท่านได้ เราเป็นเพียงแค่อะไรที่กระจอกงอกง่อยและต่ำมากๆ ทำได้แค่เพียงเทิดทูนท่านไว้เท่านั้น หากผมเอาความคิดและโลกทัศน์แบบนี้มาประณามพวกคุณว่า ใครที่เที่ยวพูดว่ารักในหลวง เป็นความคิดที่ไม่ถูกธรรมเนียม แล้วเถียงกับพวกคุณแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่ฟังอะไรเลยว่า ความรู้สึกของผู้คนเปลี่ยนไปตามยุคสมัยได้ ใครขัดคอไม่เห็นชอบก็ด่าว่า เป็นพวกไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ก็คงทำได้แค่ด่าทอกันไปมา แล้วผมก็คงโดนรุมด่าแน่ๆ ทั้งๆ ที่ความคิดที่ผมนำมาพูดนั้น ก็เป็นความคิดที่ถูกต้องในยุคสมัยหนึ่ง ผมเขียนมาซะยาวเพราะอยากแสดงความคิดเห็นครับ แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่า ผมก็คงถูกตอบกลับมาอย่างไร ผมไม่หวังหรอกครับ จากท่านๆ ที่ศีลแตกไปแล้วว่าจะตอบอะไรที่มีเหตุมีผล ไม่งมงาย แล้วพวกท่านก็คงย้ำๆๆๆๆ กับความคิดที่ว่า ใครตอบไม่ถูกใจก็ต้องเป็นคนเลว เป็นพวกหมิ่น เป็นคนไม่รักในหลวง ซึ่งเกินกว่าเรื่องที่ผมได้แสดงความคิดเห็นไปหลายปีแสงอยู่ มันก็คงเป็นงั้นอยู่แล้วแหละ เพราะ 1 + 1 ของพวกคุณ มักมีอคติและความไม่ได้ดั่งใจรวมเข้าไปด้วย ใช้หลักการคำนวณอย่างไร ก็อยู่ไกลจากตรรกะและเหตุผลอยู่ดี จากคุณ : Thyrister - [ 15 ก.ค. 49 01:44:57 A:124.120.92.182 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 129 คุณ สิงห์เหนือ...เสือสำอาง สิ่งที่คุณพูดมาถูกตามธรรมมะ ครับ แต่ขาดปัญญาครับ ผมหมายถึงคุณไม่ใช่คำสอนนะ เรื่องบางอย่างท่านโคดมกล่าวไว้ว่าถึงมันจริงก็ไม่ควรพูด ถ้าไม่มีแผ่นดินนี้ให้คุณอยู่ คงจะยากสำหรับคุณที่จะมี ศาสนาให้ศึกษา คุณน่ะตึงจนเกินไป จนขาดปัญญาในใจ มีแต่ทิฐิ มานะ แรงกล้า ไม่รู้จักปล่อยวาง ศึกษาธรรมมะควรเฝ้าดูจิตเราเองครับ ไม่ใช่สนใจแต่ภายนอก และคนทำดีท่านโคดมให้สรรเสริญครับ แม้ไม่มีการ กำหนดตายตัวว่า จะต้องทำกรรมดีเยอะๆก่อนเท่านั้น ถึงบรรลุธรรมได้ แต่มันก็เป็นแนวทางที่ง่ายสุด มากกว่าจะ ปล่อยวางทุกอย่างตั้งแต่ต้น สุดท้าย ทรงพระเจริญครับและขอขอบคุณที่ท่านประทาน แผ่นดินไทยที่ให้พวกเราชาวไทยได้อาศัยกัน จากคุณ : HAMBURGER - [ 15 ก.ค. 49 04:58:02 ]

ความคิดเห็นที่ 130 อย่าทำอย่างนี้เลยค่ะ  อย่าเถียงกันในกระทู้ นี่  อย่างน้อยกระทู้นี้ก็ตั้งขึ้นมาเพื่อในหลวงของพวกเราไม่ใช่หรือค่ะ  ไม่ว่าพระองค์ท่านจะอยู่ถึง 120  หรือไม่ถึง  ท่านก็อยู่ในใจพวกเราคนไทยทุกคน จากคุณ : eissee - [ 15 ก.ค. 49 05:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ขออ่านหน่อยครับ จากคุณ : ธาร ยุทธชัยบดินทร์ - [ 15 ก.ค. 49 05:41:01 A:58.8.99.55 X: TicketID:068305 ]

ความคิดเห็นที่ 132 คุณสิงห์เหนือ เรื่องในหลวงตรัสว่าจะอยู่ถึง 120 ปี ผมเคยฟังและพอจำได้ น่าจะเป็นครั้งเดียวกับที่พระองค์ทรงเล่าถึงเรื่องที่มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านหนึ่งป่วยมากแล้วพระองค์ทรงบอกว่าอย่าเพิ่งตาย จำได้เพราะได้ยินมากับหู ดูมากับตา ว่าแล้วก็แตกประเด็นเลย อยากทราบว่ามีใครจำที่สมเด็จพระสังฆราช ได้เคยทรงบอกเมื่อหลายปีก่อนว่า ไม่ควรเรียกในหลวงว่าพ่อได้ไหม โดยยกตัวอย่างว่าถ้าเด็กกอดรูปในหลวงด้วยความรักและร้องว่าในหลวงของหนูๆ จะซาบซึ้งมากกว่าร้องว่าพ่อของหนูๆ อันนี้ผมได้ยินสมเด็จพระสังฆราชท่านกล่าวถึงสองครั้งติดๆแลย และผมเห็นด้วยกับพระองค์ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครฟังกัน จากคุณ : ตามนั้น - [ 15 ก.ค. 49 10:14:45 A:58.64.105.196 X: TicketID:120041 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ออกทีวีด้วยนะเอ้อ ทั้งที่ในหลวงทรงตรัสเรื่อง อยู่ถึง 120 ปี และเรื่องของสมเด็จพระสังฆราช คงต้องลองไปค้นพระราชดำรัสย้อนหลังดู คิดว่าไม่เกินห้าหกปีนะท่าน จากคุณ : ตน. - [ 15 ก.ค. 49 10:20:42 A:58.64.105.196 X: TicketID:120041 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ไปดูมาแล้วhttp://kanchanapisek.or.th/speeches/2004/1204.th.html ปรากฏว่าพระองค์ทรงกล่าวถึงว่ามีคนมาบอกว่าถ้าพระองค์อยู่ถึง 120 ปีก็จะดี แต่พระองค์ไม่ได้ทรงบอกว่าจะอยู่ให้ถึงขนาดนั้น โปรดเข้าไปอ่านดูเองเพราะคิดว่าการตัดทอนพระราชดำรัสมาเป็นส่วนๆให้อ่านกันคงไม่เหมาะ *************** ความเห็นผมนะ ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน การจะยืดอายุคนให้ถึง 120 ปี ออกจะยากอยู่ ถึงจะรวยแค่ไหนก็เถอะ แต่ถ้าเป็นคนสุขภาพดีจริงๆและดูแลอย่างดีก็อาจพออยู่ถึง ซึ่งก็คงไม่สบายนัก เราอยากให้ท่านอยู่กับเรานานๆ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าทุกสิ่งเป็นอนิจจัง เรารักท่านหรือเราเห็นแก่ตัว? ซึ่งผมก็อยากให้ในเร็วๆนี้เกิดมีวิทยาการใหม่ๆที่สามารถยืดอายุคนได้โดยยังมีสุขภาพดีอยู่นะ คิดว่าคนไทยคงคิดเหมือนกันคือถ้าให้พระองค์มีพระชนมายุยืนนานและพระพลานามัยแข็งแรงแล้วละก็ ให้แลกด้วยชีวิตเรา เราก็ยอม จากคุณ : 120041 - [ 15 ก.ค. 49 10:50:57 A:58.64.105.196 X: TicketID:120041 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยืนนาน  พระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง จากคุณ : K@ni - [ 15 ก.ค. 49 11:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ไปฟังดูก็ได้ยินอย่างนั้น อยู่ถึง 120 ปีก็จะดี แต่ก็ไม่ได้รับสั่งว่า จะอยู่ถึง 120 ปีแน่นอน พวกรอยัลลิสต์ทำไมผิดแล้วไม่รู้จักจำ  ทำแบบนี้เสื่อมพระเกียรติยศไปถึงพระองค์   ได้ยินมากับหูแต่ก็เป็นได้ยินแบบไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด เอาความเพ้อฝันของตนเองไปทูลเกล้าถวายพระองคืแท้ๆ เตือนแล้วไม่รู้จักฟัง  พวกไม่รู้จักอายเอ๋ย จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 15 ก.ค. 49 12:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 137 กลับมาอีกที พบว่ายังไม่มีแรงดันหิมะถล่มทลาย (Avalanche Voltage) ที่เข้ามาตอบอีกที เพราะผมสงสัยความคิดเห็นของคุณ HAMBURGER ครับ แผ่นดินที่เราอยู่กันทุกวันนี้มันเกิดขึ้นเป็นล้านปีแล้วนะครับ อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพทางภูมิศาสตร์ เมื่อมีมนุษย์ ต่างก็เริ่มเข้ามาจับจองเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เมื่อสังคมมนุษย์ซับซ้อนขึ้นก็มีการสร้างวิธีจัดสรรที่ดิน ใครมีอำนาจมากก็ได้มาก ตามนั้น บ้านที่ผมอยู่อาศัยทุกวันนี้ คุณพ่อคุณแม่ของผมท่านก็หาเงินอย่างเหน็ดเหนื่อยจนมีบ้านเป็นของตัว ต้องเสียภาษีด้วย การที่บอกว่าใครประทานที่ดินให้ใครอยู่ อันนี้ผมเคยเห็นเฉพาะแนวคิดของพวกยิวครับ เขาถือว่าแผ่นดินอิสราเอลเป็นแผ่นดินที่พระเจ้าประทาน เรียกว่า แผ่นดินสัญญา หรือตามกฎหมายประเทศไทย การที่เรามีที่ดินอาศัยอยู่นั้น ไม่ว่าเราจะซื้อมาเอง และต้องเสียภาษี ตลอดจนค่าจิปาถะต่างๆ ก็ยังถือว่าเป็นที่หลวงเหรอครับ แล้วทำไมบางคนได้ที่ดินผืนเท่าสนามหลวงสองผืน หรือสามผืนต่อกัน หรือสามารถรู้ล่วงหน้าว่าที่ตรงไหนจะมีถนนผ่าน แล้วก็ไปซื้อมาเก็งกำไรล่วงหน้าได้ แล้วบางคนมาแต่ที่เท่าโลงศพก็ไม่มี ยังอดอยากแร้นแค้นจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีมนุษย์ที่ยากลำบากเช่นนี้อยู่ ผมจึงคิดว่า การมีหรือไม่มีที่จะอยู่ (รวมถึงไม่มีแผ่นดินกลบหน้า) นั้น หลุดพ้นจากสิ่งที่ในหลวงจะทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้ได้ครับ แต่เป็นสิ่งที่ประชาชนทั้งหลายต้องปากกัดตีนถีบหากันเอาเอง ผมคิดว่าจะเทิดทูน หรืออะไรก็แล้วแต่ก็เอาให้ตรงจุดเถอะครับ เช่น พระองค์ได้ช่วยให้ชาวไทยที่ยากลำบากหลายๆ คนมีความรู้ รู้จักทำมาหากิน พึ่งพาตนเองได้ และทรงพระราชทานหลักคิดที่ดีในการดำรงชีวิต ดังที่เราได้ฟังจากพระบรมราโชวาทกัน จากคุณ : Thyrister - [ 15 ก.ค. 49 13:24:03 A:124.120.93.71 X:203.144.143.2 TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ผมไม่เกี่ยวอะไรกับคุณสิงห์เหนือ...เสือสำอาง นะครับ แต่ผมสงสัย เรื่องการสำนึกบุญคุณ หรือไม่สำนึกบุญคุณ ผมไม่รู้ครับว่า ทำอย่างไรถึงจะให้เห็นว่าสำนึกบุญคุณ คำว่าบุญคุณนั้น เป็นความรู้สึกเฉพาะคนนะครับ ต้องแสดงออกด้วยการตั้งกระทู้เทิดพระเกียรติเหรอครับ ???? หรือต้องถวายพระพรรายวัน???? หรือต้องถวายเบญจางคประดิษฐ์ก่อนเข้ากระทู้ว่าด้วยเรื่องเจ้าเรื่องนาย???? หรือใครมาแสดงความเห็นชื่นชมแบบไม่มีเหตุผล ก็ต้องชื่นชมตาม???? อย่างที่ผมได้กล่าวไปในความคิดเห็นที่แล้วว่า ผมได้รับการสั่งสอนเรื่องเจ้าเรืองนายในระดับเคร่งเครียดมากๆ ผมก็ยังรู้สึกว่า ท่านที่สอนผมมาเจอหลายๆ ความคิดในกระทู้นี้ ท่านก็ยังอาจจะงงๆ เลยครับว่า คิดไปได้ยังไง หวังว่าคงไม่มีการลำเลิกครูบาอาจารย์ผมนะครับ แม้ผมจะมีความคิดเห็นแย้งท่านในหลายๆ เรื่อง ท่านก็ยังมีเมตตากับผมเสมอต้นเสมอปลาย ผมว่า pantip เป็นเว็บบอร์ดเพื่อการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีนะครับ ถ้าเราเรียกร้องให้มีการแสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันล้วนๆ ผมคิดว่า ขอให้ pantip เขาปักหมุดเป็นกระทู้ถวายพระพร หรืออะไรทำนองนั้นไปเลยดีกว่า จากคุณ : Thyrister - [ 15 ก.ค. 49 13:27:21 A:124.120.93.71 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 139 คุณความเห็นข้างบนคงไม่เคยเรียนวิชาประวัติศาสตร์นะคะ ไม่มีใครเถียงหรอกค่ะว่าแผ่นดินนั้นมีเองเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ทุกคนสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเองทั้งนั้น แต่คนอื่นๆเค้าพูดในแง่อื่นๆ ที่ไม่ใช่วิชาการ ที่เขาเหล่านั้นสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน(ประวัติศาสตร์ของประเทศอื่นๆก็คงมีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีกษัตริย์ปกครองก็ตาม) ที่พระองค์พยายามที่จะพัฒนา และปกป้องแผ่นดินที่คุณอยู่มากกว่านะคะ เข้าใจว่าบอร์ดนี้แสดงความเห็นได้อย่างเสรี แต่ก็ไม่ควรดูถูกความเห็น หรือความรู้สึกผู้อื่นนะคะ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 49 15:59:04 จากคุณ : หนูนวล - [ 15 ก.ค. 49 15:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 140 เปลี่ยนประเด็นกระทู้ไหม????? มาเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีไหม ว่าตกลงแล้ว "เราติดบุญคุณเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินกันหรือไม่????" ลองคิดกันดูเล่นๆ สมมติท้าวศรีสุดาจันท์ ทำสงครามในพระราชสำนักเอาชนะสุริโยทัยได้ เราก็ต้องมาสอนกันใหม่ว่า เราติดบุญคุณท้าวศรีสุดาจันทร์ ที่พระองค์สู้อุตส่าห์สละยอมมีเรื่องแย่งชิงอำนาจกันในวังเพื่อปวงประชา หรือลองไปคิดถึงราชินีนาถเอลิซาเบธแห่งอังกฤษ ที่ปรากฏว่าเป็นนักปกครองที่เข้มแข็ง สามารถทำให้ชาวอังกฤษมีเสรีภาพในการนับถือโปรแตสแตนท์ขึ้นได้หน่อยหนึ่ง สามารถปราบอริราชศัตรูส่งฟรานซิส แดรก ทำลายกองเรือรบสเปนร่วมร้อยลำได้ แต่ก็ไม่นักประวัติศาสตร์โลกคนไหน ยกย่องควีนเอลิซาเบธว่ามีบุญคุณล้นหัวชาวอังกฤษ ทำไปเพื่อปกป้องชาวอังกฤษ เขาก็มีแต่ยกย่องพระปรีชา ว่าเป็นควีนที่เข้มแข็ง ปกครองบ้านเมืองได้ดีสมควรแก่การยกย่อง เห็นมีแต่ประวัติศาสตร์ตะวักตะบวยของไทยนี่แหละครับ ที่ไปยกย่องว่าเราติดบุญคุณเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ทั้งๆที่ก็รู้อยู่เต็มอก ว่าต่างฝ่ายก็ต่างทำเพื่อตนเองทั้งนั้น ผมเคยพูดไว้ในสวนลุมแล้วว่า คนเราเกิดมามีหน้าที่กำกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นไพร่ หรือ เจ้า ก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน ในการที่จะเลือกทำงานหนักทั้งนั้น ถ้าอยากอยู่อย่างสง่า ให้ผู้คนยกย่อง ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดี ทำงานหนักให้ได้ผลดี หากอยากอยู่อย่างให้คนนินทาหรือชาวบ้านร้านตลาดเขาชังน้ำหน้า ก็จงเลือกที่จะอยู่อย่างฉาบฉวย เฉิดฉายไปวันๆ หากดไม่เชื่อ ก็ดูประวัติของหลุยส์ที่ 16 กับมารีอังตัวเนตก็ได้ หรืออยากให้ล้ำสมัยหน่อย ก็ไปดูว่าชาวเนปาลเขาปฏิบัติกับเจ้าที่ไม่เอาอ่าวของเขาอย่างไร............. จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 15 ก.ค. 49 17:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 141 งืมๆ....ไอ่หมอนี่น่าเบื่อชิก.... จากคุณ : เจ้าอ้วนเอ๊ยจะอ้วนไปถึงไหน - [ 15 ก.ค. 49 18:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 142 สวัสดีค่ะ ไม่ได้อ่านละเอียดหมดนะคะ เพราะคิดว่าแตกประเด็นย่อยออกไปมากมายจากประเด็นหลักของกระทู้ไปแล้ว แต่แวะ ๆ เข้ามาเพราะมีผู้บอกให้แวะเข้ามาดูเสียหน่อย   ก็กำหนดสติดูผ่าน ๆ แล้วคิดว่าวันนี้สิ่งที่อยากจะนำมาฝากก็คือเรื่อง "ศรัทธา"  เรื่องเดียวน่ะค่ะ  เพราะคิดว่าอาจจะมีบางท่านเข้าใจผิดกันอยู่ หมายถึง ศรัทธา ตามนัยของพุทธศาสนาน่ะนะคะ จริง ๆ ก็ว่าไม่ได้ ที่คนเราเข้าใจกันผิดเสมอ  เพราะการเรียนรู้แบบทางโลก คือ อ่าน ฟัง อภิปรายกัน หรือแม้แต่คิดจินตนาการกันไป  ถามผู้รู้ยังไง  ก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ ปัญญาทางธรรม หรือ ภาวนามยปัญญา  มันต้องมาจากการปฏิบัติธรรมอย่างเดียว  บังเอิญเมืองไทยก็ไม่ได้บรรจุอยู่ในหลักสูตรบังคับกันตั้งแต่เด็ก ๆ เสียด้วย  ก็เลยมีการตีความกันไปคนละทางตามสะดวกได้ ขอยืนยันว่า  ศรัทธา  ก็เป็นองค์ธรรมที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในพุทธศาสนา  ที่จะส่งผลไปถึงการตรัสรู้ค่ะ คนที่ไม่เข้าใจ  ก็จะอ้างเข้าข้างตัวเองเมื่อต้องการอภิปรายว่า พุทธศาสนา  เป็นศาสนาที่อิงปัญญา  ไม่ใช่อิงศรัทธา  เพื่อนำตรงนี้ไปโจมตีศาสนาอื่นเขาบ้าง   หรือโจมตีผู้มีศรัทธาในเรื่องต่าง ๆ บ้าง การกล่าวเยาะเย้ย เสียดสี นั้น จัดเป็นวจีทุจริตนะคะ  ไม่จำเป็นก็อย่าทำเลย  มันไม่คุ้มหรอก  ทั้งชาตินี้ (ได้ผลทันตาเห็น คือสร้างศัตรู)  และชาติหน้า  ไม่ว่าจะเชื่อหรือเปล่าน่ะนะคะ ที่ว่าเป็นองค์ธรรมสำคัญในการตรัสรู้นั้น  เพราะอย่างนี้ค่ะ ในการปฏิบัติธรรม  เพื่อการตรัสรู้นั้น  ต้องอาศัยการเจริญสติ จะอธิบายอย่างยาว คือ โพธิปักขยธรรม ๓๗ ก็ได้  แต่เดี๋ยวว่าจะยกพระไตรปิฎกมาพูดอีก  คนพูดก็เบื่อเป็นเหมือนกันค่ะ  อย่าว่าแต่คนฟังเลย :) เอาอย่างสรุป เรียบ ง่าย เลยนะคะ  การปฏิบัติวิปัสสนาเพื่อเจริญสติของปุถุชนให้มีกำลังเข้าเป็นจิตของอริยชนได้นั้น  ก็คือ การทำให้ อินทรีย์ ๕ มีกำลังแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นมาเป็น พละ ๕ น่ะค่ะ   สองตัวนี้อยู่ตรงกลางของ ๓๗ ตัวนั่นน่ะค่ะ  โดยมี มรรค ๘ เป็นตัวปิดฉากสุดท้าย มันจะวัดกันว่าจะอยู่ จะไป จะก้าวขึ้นเป็นอริยชนได้หรือไม่  ก็อยู่ที่ความสามารถ หรือความ "เก๋า" ในการ "ปรับอินทรีย์" นี่ล่ะค่ะ อินทรีย์ ๕ นั้น  ตัวแรก เริ่มต้นที่ อะไรทราบไหมคะ "ศรัทธา" ค่ะ เมื่อมีศรัทธาตั้งมั่น  ก็จะมี "วิริยะ" ความพากเพียรในการที่จะทำกิจนั้น ๆ ตามมา  และเมื่อคุมไว้ด้วยกำลังของ "สติ" ที่ต่อเนื่อง  ก็จะเกิดกำลังของขณิก"สมาธิ"  เป็นลำดับต่อไป  สุดท้ายของอินทรีย์ ๕ นั้นก็คือ "ปัญญา" นั่นเองค่ะ ศรัทธา --> วิริยะ --> สติ --> สมาธิ --> ปัญญา จะเห็นได้ว่า  ทางที่จะไปที่ปัญญาได้นั้น  มันต้องเริ่มด้วยศรัทธาก่อนนะคะ แต่ต้องเป็นศรัทธาที่มีสัมมาสติประคองอยู่ค่ะ มีแต่ปัญญา  แต่ไม่มีศรัทธา  ก็จะเกิดอาการฟุ้งซ่าน  ภาษาคนอยู่วัดก็จะเรียกว่า จิตซัดส่าย น่ะค่ะ ลองสำรวจกันดูนะคะ  ว่าเราท่านทั้งหลาย  เรากำลังเป็นอย่างนั้นกันบ้างหรือเปล่า มีแต่ศรัทธา  แต่ไม่มีปัญญา  ก็จะกลายเป็นพวกที่ไปขูดต้นกล้วยหาเบอร์ไปแทงล้อตเตอรี่น่ะค่ะ  นั่นก็จะเป็นสุดโต่งอีกข้างหนึ่ง มีวิริยะกล้า  แต่สมาธิหย่อน  ก็จะอาการคล้าย ๆ กับคนไฮเปอร์สมัยนี้น่ะค่ะ   หรือไม่ก็พวกมนุษย์เจ้าโปรเจ็คท์  ทำอะไรหยิบโหย่ง  หรือไม่ก็ทำอะไรมั่วไปหมด  หาแก่นสารความลุ่มลึกใด ๆ มิได้ มีแต่สมาธิ แต่วิริยะหย่อน  ก็...หลับได้เลยไงคะ  มันก็หนัก ๆ ตึง ๆ โงหัวไม่ขึ้นได้เหมือนกัน เปรียบเสมือนรถม้าสองคู่  ที่ต้องมีสารถี  คือ สติ นี่ล่ะค่ะ  เป็นตัวคุม ไม่ใช่สติที่เรา ๆ ท่าน ๆ คิดว่ารู้จักดีนะคะ   แต่เป็นสัมมาสติ  ที่จำเป็นจะต้องตัดขาดจากโลกภายนอกไปอย่างน้อย ๗ วัน ไม่พูดเพ้อเจ้อ แล้วไปอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ ปลีกวิเวกไปปฏิบัติจริงจังอย่างถูกวิธีนั่นล่ะค่ะ  ถึงจะพอเข้าใจได้ว่าประมาณไหน ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้  ไม่ได้แปลว่าตัวเองทำได้นะคะ  แค่พยายามจะทำเท่านั้น ที่แวะมาบอก  ก็เพราะเกรงว่า "ศรัทธา" ในการทำกุศล ของคนจะหย่อนลงไป  เพราะเกิดอวิชชาเข้าใจผิดให้รังเกียจว่า  ทางไปสู่ตัวปัญญานั้นคือการตัดทุกอย่าง  ไม่ให้ยึดติดสักอย่าง การไม่ยึดติดนั้น  เป็นสภาวะตัวปัญญา ที่น่าจะมาทีหลังน่ะค่ะ  คือ อย่างที่บอก  ต่อให้อธิบายยังไง  ผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติ  ก็คงจะทำได้มากสุดแค่พยายามเข้าใจเชิงทฤษฎี  แล้วก็จับตรงนู้น เอาตรงนี้มาถกเถียงกันต่อ แต่การสร้างองค์ความรู้แบบทางโลกใด ๆ ก็ไม่สามารถนำมาซึ่งปัญญาอันสูงสุด อันได้แก่ ปัญญาอันจะนำไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวลได้ซักหน่อยเลยนะคะ   สู้ลองน้อมกาย น้อมใจ  เข้าไปลองทำด้วยตัวเองสักที หรือ สองที  ไปพิสูจน์เองให้เห็นดำ เห็นแดงเลย น่าจะดีกว่ามั้งคะ   ถึงตอนนั้น  เรื่องอย่างนี้  อาจจะไม่เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายสนใจอยากจะมาถกกันให้เสียเวลาอีกแล้วก็ได้ เพราะตอนนั้น  ท่านอาจจะเริ่มเข้าใจแล้วว่า  เวลาทุกวินาทีสำหรับชีวิตของท่านมีค่ายิ่งนัก  และท่านก็คงจะพยายามขวนขวายใช้มันให้เป็นกุศลสูงสุดให้ได้ทุกขณะจิต เพราะอาจจะมีบางสิ่งบางอย่าง "เข้า" ไปถึง "ใจ" ของท่านแล้วว่า  ชีวิตนี้ ไม่น่าจะมีอะไรสำคัญที่ควรจะทำ  ยิ่งกว่าการหมุนกิจกรรมทุกวินาที ทั้งกาย วาจา ใจ ให้พาท่านไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวล  อย่างสิ้นเชิงอีกแล้ว ซึ่งไม่ได้เกินวิสัยมนุษย์ที่จะทำได้  แม้นจะเป็นมนุษย์ที่ทำมาหากินเปิดเวบตอบกระทู้อยู่นี่แหละ ขอเพียงมีสติ  มีกุศลเจตนา   และมีกำลัง "ศรัทธา" ที่ตั้งมั่นเท่านั้น -------------------------------------------------- ป.ล.  วันนี้ได้ไปทำบุญมาหลายที่ ทั้งสังฆทาน เทกระจาด ถวายเทียนพรรษา อาทิเช่น ที่พระปฐมเจดีย์ เป็นต้น  ขอน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ขอจงทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และทรงพระเกษมสำราญ ปราศจากโรคาพยาธิทั้งมวล  หากยังทรงพระประชวร ก็ขอให้ทรงหายประชวรโดยเร็วไวเทอญ และขอให้ท่านผู้ที่เข้ามาอ่านทั้งหลาย ไม่ว่าท่านจะมีความคิดอ่านอย่างไร  ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยกับความเห็นในกระทู้นี้หรือไม่  จงได้รับความปรารถนาดี และได้รับกุศลผลบุญนี้ไปด้วย จงทั่วกัน จากคุณ : kenzen - [ 15 ก.ค. 49 19:20:11 ]

ความคิดเห็นที่ 143 อ้าว คุณหนูนวลครับ คุณบอกว่า ท่าทางผมจะไม่เคยเรียนประวัติศาสตร์ แล้วก็บอกว่า คนอื่นๆ เขาพูดในแง่อื่นๆ ที่ไม่ใช่วิชาการ สรุปแล้ว ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องวิชาการหรือเปล่า พอดีผมเห็นว่าห้องนี้มีชื่อว่า ห้องประวัติศาสตร์ งงครับ ถ้าคุณหนูนวลจะเคยเรียนประวัติศาสตร์ ช่วยเล่าให้ฟังบ้างว่า เขาเรียนกันแบบไหน แล้วเรียนเรื่องอะไร แต่จากที่ผมสังเกต การเรียนประวัติศาสตร์ของเรามีบทสรุปและกรอบไว้ล่วงหน้าแล้วครับว่าพูดได้แค่ไหน แน่นอนครับ ผมอึดอัดกับการเรียนแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไร แค่ท่องเก่ง จำเรื่องที่เขียนเอาเสร็จแล้วให้แม่นๆ เอาเวลาไปซ่อมวิทยุเจ๊งๆ ให้มันใช้งานได้ยังมีประโยชน์กว่าเลยครับ ไม่รู้สึกบ้างหรือครับว่า การที่ประเทศเราก็เป็นหนึ่งในประเทศโบราณที่มีเอกราช ไม่ถูกทำลายจนสิ้นชาติอย่างประเทศรอบข้างของเรา ทำไมมีนักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงน้อยมากๆ และยิ่งมีผลงานที่ถูกอ้างถึงน้อยมากๆ เช่นกัน จากคุณ : Thyrister - [ 15 ก.ค. 49 19:57:23 A:124.120.105.235 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 144 เอาเถอะครับคุณ kenzen ขอชื่นชมครับที่ได้อธิบายอย่างละเอียด แต่ผมอาจจะรับสารได้ไม่ครบ ลำบากครับ ผมไม่รู้หรอกครับว่า ในพุทธศาสนามีการ customize ศรัทธาเอาไว้แบบไหน เมื่อคุณ kenzen บอกว่า ศรัทธาในพุทธศาสนามีอีกแบบหนึ่ง ผมก็ไม่สามารถแล้วครับ ตามสะดวกครับ ตามสะดวก ขอบคุณนะครับ ที่อุตส่าห์เผื่อแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลถึงสัตว์โลกผู้ยากร่วมกระทู้ จะถึงหรือไม่ถึงนี่ผมไม่รู้หรอกครับ แต่ที่แน่ๆ คุณ kenzen เป็นผู้กระทำ ก็ย่อมได้บุญกุศลไปเต็มๆ ครับ อนุโมฯ จากคุณ : Thyrister - [ 15 ก.ค. 49 20:04:05 A:124.120.105.235 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 145 คุณ Thyrister "บ้านที่ผมอยู่อาศัยทุกวันนี้ คุณพ่อคุณแม่ของผมท่านก็หาเงินอย่างเหน็ดเหนื่อยจนมีบ้านเป็นของตัว ต้องเสียภาษีด้วย" ------------------------------------------------------------- ผมของแจ้งให้ทราบหลักการของไทยนะครับ แผ่นดินทุกตารางเซนติเมตรของราชอาณาจักรไทย เป็นของพระเจ้าแผ่นดินสยาม มาแต่โบราณกาล และแม้จะเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นประช่ธิปไตย หลักการนี้ก้คงอยู่ โฉนดที่พวกเราถือครอง จะระบุชัดว่า โดยพระบรมราชานุญาต ให้ครองสิทธิ ซึ่งที่คุณบอก คุณพ่อคุณแม่ของผมท่านก็หาเงินอย่างเหน็ดเหนื่อย นั้นใช่ แต่ที่คุณได้คือ การครองสิทธิเหนือผืนดินตรงนั้น ไม่ใช่เป็นเจ้าครอง หลักการนี้เป็นหลักการสากล และมีระบบนิติศาสตร์รองรับ เพราะกฎหมายที่ดินเริ่มมาตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง สมัยร.4หรือร.5 ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงตราไว้เพื่อให้ราษฎร ได้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินได้ ดังนั้นเรื่องที่ดินแม้ในปัจจุบัน ก็ยังถือว่าเป็นของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นเจ้าแผ่นดิน หากทางราชการต้องการ(เวนคืน)ราษฎรก็ไม่มีสิทธิขัดขืน แต่โดยรัฐธรรมนูญรัฐต้องจ่ายค่าทดแทนที่เป็นธรรม และให้สังเกตบรรดาคำพิพากษา จะไม่เคยระบุว่ามีราษฎรเป็นเจ้าของที่ดิน แต่จะระบุชัดเจนว่า เป็นผู้ถือครองสิทธิ์เหนือผืนดินนั้น และโฉนดชื่อทางราชการจริงๆ ก็จะให้ว่า เอกสารสิทธิ์ ไม่ใช่สิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของ ดังนั้นความเห็นข้างบน ผมถึงบอกว่า ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อที่ดินได้ จากคุณ : <<First>> - [ 15 ก.ค. 49 23:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 146 555555555555555 กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ย อยากจะหัวเราะพวกความคิดเพ้อเจ้เพ้อฝันไม่รับรู้โลกความจริงให้ฟันหัก "ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อที่ดินได้" กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่พี่....เคยไปจองโรงแรมตามหาดสวยๆ แถวภูเก็ต แถวสมุยไหม???? เอาโรงแรมแพงๆนะ แล้วจะรู้ว่านโยบายโรงแรมแถวนั้นน่ะ เขาถือนักไม่ให้ "คนไทย" เข้าพักในโรงแรมหรูเขา ไม่เชื่อลองโทรไปจองช่วงไฮซีซั่นดูสิครับ รู้ไหมทำไม???? เขาว่าคนไทยน่ะ นอกจากจะโผล่หน้าไปให้โรงแรมเขาเสียระดับแล้ว ยังไม่ชอบใช้บริการต่างๆของทางโรงแรม ทั้งนวด ทั้งสปา ทั้งภัตตาคารในโรงแรม ทำให้เสียโอกาสทำเงินเปล่าๆ ปลี้ๆ แล้วรู้ไหม ทางพฤตินัยใครเป็นเจ้าของ ก็ฝรั่งผมแดงดั้งขอทั้งหลายนี่แหละครับ ที่มาให้ตัวแทนคนไทยเป็นนอมินีไปซื้อที่ดินสวยๆ ไม่เว้นแม้นแต่เขตสงวนที่คุณว่าเป็นสมบัติพระองค์ โธ่คุ้น เรื่องเวนคืนน่ะ เขาเวนคืนแต่ตาสีตาสาทั้งนั้นแหละครับ ส่วนเจ้าพวกนักการเมืองอินไซเดอร์ทั้งหลาย ก็ไปซื้อถือกรรมสิทธิ์ ที่ดินที่เจ้าแฟ่นดินเป็นเจ้าของไว้ล่วงหน้าก่อนถนนตัดผ่าน ก่อนสนามบินลง ก่อนรถไฟฟ้าพาดผ่านกันทั้งนั้น ไอ้คำพูดเลี่ยงบาลี จำพวกเป็นแค่เอกสารสิทธิ์แต่ไม่ใช่เจ้าของ ก็แค่เล่นกลกับกลเม็ดทางภาษา แล้วเอาไปปลอบใจตัวเองเปล่าๆ ปลี้ๆ ว่าที่ดินทุกผืนในประเทศนี้ พระองค์เป็นเจ้าของ แต่ความเป็นจริง คนมีเงิน ต่างหากครับที่เป็นเจ้าของ นี่เป็นความจริง เป็นสัตย์นิรันดร์ และไม่ได้เลี่ยงบาลีด้วยครับ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 16 ก.ค. 49 01:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 147 นอกเรื่องหน่อยเถอะ...เพิ่งรู้ว่าแถวภูเก็ตเป็นของฝรั่งซะหมด   หลงคิดมาตั้งนานว่าแถวนั้นเป็นอาณานิคมของสิงคโปร์ไปแล้ว เราว่าเลิกสนใจคนบางคนในที่นี้เถอะ คุณหลงประเด็นกู่ไม่กลับแล้ว คุณพูดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่หัวข้อกระทู้ แล้วพยายามตีรวนให้เกิดความสับสน แต่ก็นั่นแหละหน้าที่ก็คือหน้าที่ ใครจะรู้ว่ารับเงินมาเท่าไหร่ถึงได้มีเวลามานั่งเขียนจัง เข้าใจว่าหลายๆ คนในที่นี้เอือมที่จะมาต่อกรกับคนพวกนี้ คนเราความเชื่อความศรัทธาไม่เหมือนกัน บางคนซื้อได้ด้วยเงิน ทุกอย่างคือ เงิน เงิน ซึ่งตายไปก็เอาไปไม่ได้ซักบาทยังหลงอยู่อีก บอกว่าเราๆ เป็นพวกรอยัลลิสต์ เกิดมาไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง เพิ่งรู้วันนี้เองว่าเราคือพวกรอยัลลิสต์ ส่วนตัวแล้วไม่เป็น ไม่ใช่พวกกลุ่มอะไรต่างๆ ที่ ใครบางคนพยายามแบ่งคนออกเป็นพวกนั้นพวกนี้ สงสัยคนพูดคงเรียนเมืองนอกมา คงชำนาญในการแยกสปีซีส์ แต่ขอบอกหน่อยเถอะ ขอสมัครใจเป็นพวกนับถือคนที่คุณงามความดี คุณธรรม ไม่ว่าเกิดในชนชั้นใดวรรรณะใด ฉะนั้นใครทำดีหรือไม่ดี คนในสังคมมีสมองคิดพิจารณาได้เองว่าคนนั้นมีคุณสมบัติพอที่จะได้รับการนับถือยกย่องหรือไม่  ขอร้องอย่ามาช่วยคิดหรือยัดเยียด ในทางกลับกัน คนที่ไม่สำนึกบุญคุณแผ่นดิน ทรยศต่อชาติ ถือเอาเงินเป็นใหญ่ ตายไปอาจไม่มีแม้แต่แผ่นดินกลบหน้า หรือแม้แต่มีชีวิตอยู่ก็ไม่เหลือคุณค่าของความเป็นคนแม้แต่น้อย เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ซึ่งอาจมีความดีน้อยกว่าสุนัข เพราะสุนัขไม่ได้เบียดเบียนหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใคร คนแบบนี้บริวารรอบข้างก็หาความจริงใจ ความศรัทธาไม่ได้ มีแต่การเอื้ออำนวยผลประโยชน์ หรือต้องเลี้ยงด้วยเงิน ไม่คิดว่าเป็นชีวิตที่น่าสงสารหรือสมเพชบ้างหรือ ขอเรียกร้องให้เลิกสนใจคนคนนี้ หวังว่าคหถัดๆ ไป เราคงได้เห็นแต่ข้อความที่เป็นมงคลนะคะ โดยส่วนตัวถือเลข 118 เป็นเลขมงคลเพราะได้ฟังพระราชดำรัสเมื่อปีที่แล้ว เป็นสิ่งที่ช่วยชูใจให้มีกำลังใจในการทำงานค่ะ (สิ่งนี้ซื้อไม่ได้ด้วยเงินนะคะ) จากคุณ : หนูมาลี - [ 16 ก.ค. 49 09:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 148 ทานผู้เจริญแล้ว ทั้งหลาย เราเลิกต่อล้อต่อเถียงกันเถอะไม่งั้นกระทู้คงกลายเป็นกระทู้ที่ทะเลากันไปมา แล้วก็ต้องถูกปลดระวางไปอยู่ในคลัง ถ้าใครที่คิดว่าการที่มีกระทู้นี้แล้วเพ้อเจ้อ ไร้สาระ ไม่มีเหตุผลพอก็ไม่น่าจะเข้ามาดู ปล่อยให้คนที่เขาอยากเข้ามาแสดงความจงรักภักดี / ความปรารถนาดี / ความรู้สึกดีๆ ได้มาร่วมแบ่งปันกันดีกว่า จริงอยู่ที่เวปบอร์ดเป็นที่ๆแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แต่ก็น่าจะอยู่มีขอบเขตบ้างนะ เพราะถ้าสิ่งที่ท่านๆเห็น/อ่านอยู่ ไม่ถูกกับจริต / ความเข้าใจ / ความเชื่อของท่านเข้าก็จะเกิดอารมณ์กันเปล่าๆ อีกข้อหนึง จขกท คงจะเสียความตั้งใจเปล่าถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ ไม่ได้กีดกัน หรือออกคำสั่งใคร (ซึ่งแน่นอนท่านคงจะไม่เชื่อ) เพียงแต่ขอร้องว่า ถ้าไม่ชอบกระทู้แบบนี้ ก็อย่าเข้ามาอ่านเลย เพราะทุกครั้งท่านก็จะไม่พอใจกับรอยัลลิสต์ แล้วก็กลายเป็นเถียงกัน หรือกระทู้นั้นก็จะไม่มีใครเข้ามาเพราะไม่อยากอ่านคนทะเลาะกัน ขอให้ตรงกับหัวข้อกระทู้หน่อยแล้วกัน ถ้าอยกเถียงเรื่องประวัติศาสตร์ หรือขอบเขตหน้าที่ของใคร ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่เองเลยดีกว่า อย่าสมาเบียดเบียนคนอื่นที่เขาตั้งใจจะมาแสดงความเห็นอย่างธรรมดาเลย อ้อ แล้วอย่าบอกนะว่าทำไมไม่ปักหมุกไปเลว่าเป็นกระทู้ถวายพระพร เพราะโดยสามัญสำนึกของทุกคน (หรือเปล่า????) ก็น่าจะรับทราบโดยปริยาย (หากอ่านภาษาไทยรู้เรื่อง และไม่ตั้งใจมาตีรวน) ว่านี่เป็นกระทู้แบบนั้น เขียนมายืดยาวเพราะอยากเข้ามาอ่านความรู้สึกดีๆของคนไทยคนอื่นๆที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงงานหนักเพื่อชาวไทย (ถ้าคนๆนั้นยังมีสำนึกอยู่บ้าง) ต้องขออภัยจริงๆที่เขียนมาเสียยืดยาว แต่ขอร้องเถอะ อย่าทะเลาะกันในกระทู้นี้ ถ้าใครไม่ชอบก็ไม่ต้องเข้ามา ส่วนท่านอื่นๆก็ปล่อยเขา (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไม่อยากเอ่ยชื่อ)ไปเถอะ ยิ่งไปทะเลาะด้วยก็เสียเวลาเปล่า ทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่ต้องอ่าน ข้ามไปเลยก็จะดีที่สุด --------------------------------------- ขออนุโมทนากับคุณkenzenด้วย ขอให้ผลบุญที่คุณทำส่งผลให้คุณด้วยเช่นกัน จากคุณ : lenefield - [ 16 ก.ค. 49 10:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 149 คงจะยากมังครับ ที่ไม่ชอบก็ไม่ต้องเข้ามา ตราบใดที่ผมเห็นรอยัลลิสต์ขี้เท่อ ตั้งกระทู้ยกยอปอปดงดงามมากค่า / ครับ เพียงใด ผมก็จะมาขัดคอพวกคุณให้รู้สำนึกให้มีสติเสียบ้าง ผมมันจำพวกขี้รำคาญน่ะ เห็นอะไรที่มันระคายตาแล้วอดใจไม่ไหวที่จะร่วมแจม คงจะเจอกันอีก เร็วๆนี้ เพราะพวกขี้เท่อ ก็ขี้เท่อไม่เคยเปลี่ยน จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 16 ก.ค. 49 11:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ผมก็เป็นอีกคนที่อดจะรำคาญและอยากจะกระ....ไอ้สิงห์โรคจิต..เนี่ยเหลือเกินมันคงจะเป็นเหลือบหรือขี้เท่อของกระทู้ไม่เคยเปลี่ยน จากคุณ : ปักษาสวรรค์ - [ 16 ก.ค. 49 12:24:05 ]

ความคิดเห็นที่ 151 "ถ้าอยกเถียงเรื่องประวัติศาสตร์หรือขอบเขตหน้าที่ของใคร ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่เองเลยดีกว่า อย่าสมาเบียดเบียนคนอื่นที่เขาตั้งใจจะมาแสดงความเห็นอย่างธรรมดาเลย" แล้วก็ทำให้ผมต้องร้องอ้าวอีกแล้วครับ แล้วกระทู้นี้ก็เป็นกระทู้ห้องประวัติศาสตร์ไม่ใช่หรือครับ ???????? หรือว่าผมต้องไปหัดพูดในแบบที่ขึ้นต้นแบบหนึ่ง ต่อด้วยอีกประโยคหนึ่งที่ขัดแย้งกันหรือครับถึงจะไม่ใช่การตีรวน ???? panitp เขามีการกำหนดโควต้าในการแสดงความคิดเห็นเหรอครับ ผมเพิ่งทราบ เช่น ห้ามเกิน 500 กระทู้จะไม่สบาย ชักแหง็กๆๆๆๆๆ อย่าเลือกฟังแต่ที่ชอบใจสิครับ ภูมิรู้ด้านภาษาไทยของผมแค่มัธยมปลายเองครับ เรียนอย่างกระท่อนกระแท่นเต็มที เกรดก็ไม่ดีด้วย แต่เรื่อง logic (ที่ไม่รวม fuzzy logic) ผมได้ A นะครับ เรื่องการเข้ากระทู้ เห็นมีการอ้างกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย ถ้าผมจะอ้างกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าด้วยสิทธิเสรีภาพฯ ก็คงเว่อไป ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่า สรุปกระทู้นี้เป็นที่สนใจจากคนกลุ่มไหนกันแน่ ตั้งแต่กระทู้พออุ่นๆ นี่ก็ไต่ชาร์ทเบียดมาอยู่อันดับสองแล้ว แล้วคงไม่ต้องให้ผมพูดนะครับว่าความคิดเห็นไหลเร็วในช่วงไหน กรรมการนับคะแนนกันเอาเองครับ จากคุณ : Thyrister - [ 16 ก.ค. 49 15:58:13 A:124.120.104.188 X: TicketID:123165 ]

ความคิดเห็นที่ 152 เจ้าตัวจะเข้ามาอธิบายความคิดตัวเองในลักษณะนี้อยู่เป็นประจำ จนดูแล้วเหมือนจะเข้ามาป่วน ถ้าลองค้นความเห็นเก่า ที่เคยโพสดูก็จะได้ความเห็นในลักษณะนี้ทั้งหมดครับ คงลำบากที่จะเข้าไปเปลี่ยนความคิดของใครครับ แต่ถ้าไม่ให้โพสก็คงลำบาก เพราะเป็นเวปสาธารณะ เพียงแต่อยากขอให้ไปเขียนกันในกระทู้ที่เป็นเรื่องแบบนี้เฉพาะมากกว่า ยังคิดอยู่ ว่าดีที่เจ้าตัวไม่เข้าไปเขียนความเห็นในกระทู้แนะนำอันดับหนึ่งของห้องสมุดตอนนี้ จากคุณ : เมื่อวันฟ้าหม่น - [ 16 ก.ค. 49 17:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ถ้าหากว่าผมเป็นพวกที่คอยตามป่วนคุณอย่างที่คุณว่าไว้จริง ป่านนี้ผมตามไปป่วนทุกกระทู้ที่พวกคุณเชิดชูแล้วครับ บางกระทู้ผมไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเห็นว่าไม่มีความผิดประหลาดอะไร แต่กระทู้นี้ ผมเกี่ยวข้อง เพราะเห็นการยกย่องเชิดชูแบบไร้เหตุผล และเกรงว่าจะเสื่อมเสียพระเกียรติยศไปถึงพระองค์จากความเพ้อเจ้อของพวกรอยัลลิสต์ จึงได้มาปรามเช่นนี้ แทนที่คุณจะก่นด่าผม คุณน่าจะขอบคุณผมที่ช่วยเตือนสติสตึๆ ของพวกคุณด้วยซ้ำนะ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 17 ก.ค. 49 08:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 154 ความอ่อนด้อยทางสังคม  ความหมกมุ่นทางกามารมณ์  และจิตในภาวะแห่งอวิชชา ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิต ซึ่งแสดงลักษณะด้อยของชาติพันธุ์มนุษย์ - บักสิงห์  น่าสมเพชจริง ขอบพระคุณเครือข่ายทุกๆท่าน  ที่ช่วยกันค้น และให้ข้อมูลต่างๆครับ ผมขอเรียนว่า  ผมไม่คิดที่จะดำเนินการทางช่องทางของกฎหมายครับ สำหรับ Thyrister "เด็กน้อยยังอ่อนหัด  ไม่สันทัดในเชิงชาย" พูดถึงพุทธศาสนาก็ไม่รู้  พูดถึงโฉนดที่ดินก็ไม่มีความรู้  ดำดินไปเรื่อย ไอ้ที่คุยว่าได้ A  ใครก็คุยได้แหละนาย แต่จะจริงหรือเปล่าใครจะรู้  นี่เป็นการเอาปมด้อยมาแสดงนะ ไอ้หนุ่ม...หาเงินเองเป็นหรือยัง  มาคุยเรื่องเสียภาษี ดูสำนวนแล้วไม่น่าจะเกิน ๒๕   บางทีจะเป็นน้องบักสิงห์เอง สงสัยจัง  บ้านนี้เขาเลี้ยงลูกกันยังไง จากคุณ : กัมม์ - [ 17 ก.ค. 49 08:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 155 คุณกัมม์เอ๊ยยยยย ถ้าคุณเล่นผมได้จริงๆ อย่างปากว่านะ ป่านนี้ผมคงไม่อยู่หัวโด่มาจนป่านนี้หรอก สันติบาลผมก็เคยเจอแล้ว พวกเจ้าคิดเจ้าแค้นกะมาเอาเรื่องผม เจอตัวจริงผมก็ขี้หดตดหาย ผมก็อยากเจอคนเอาเรื่องจริงๆ จังๆ เหมือนกัน หึ หึ ปล. ผมไม่รู้จักนาย Thyrister อย่ามาคิดว่าคนอื่นเขาเล่นเป็นกระบวนการ คนอย่างพวกผมมันมีเสรีภาพทางความคิดครับ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 17 ก.ค. 49 12:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 156 อ้อ ที่ห้องสีลมมีสวะคนนึง  มาเห็นผมเป็นคนสำคัญ  เก็บข้อมูลผมไว้เพียบ 2 กระดาษ A4  แต่ไม่เห็นหมอนั่นลงมือทำอะไรจริงๆ จังๆ ซักที  เพราะใจไม่กล้าพอ ไม่แน่ใจว่ามันเอาข้อมูลผมไปให้คุณรึเปล่า   ถ้ายังไม่ได้  ลองไปหามันที่ห้องสีลมดู   คาดว่าหากมันมีพวก  มันอาจจะใจกล้าเพิ่มขึ้นมาบ้าง คุณเองก็เหมือนกัน  ก่อนมาเจอผม  หาเพื่อนเยอะๆนะ   เจอหน้าผมจะได้ไม่แหย จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 17 ก.ค. 49 12:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ผมเองอ่ามามาหลายวันแล้วรู้สึกทนไม่ได้ เลยต้องไปขอบัตรผ่านมาโพสบ้าง จริงๆแล้วก็เคยได้ยินมาเหมือนที่ข้างบนพูดกัน แล้วก็คิดคล้ายๆ กับ คุณสิงห์เหนือ...เสือสำอาง กับ Thyrister แต่มันมีประเด็นที่ต้องอธิบาย แระเด็นแรก เรื่องงมงาย ที่คุณสิงห์เหนือ...เสือสำอาง บอกว่ามันงมงาย ไร้สาระ จะเอาอายุต้วเองไปต่อให้คนอื่น หรือการอวยพรให้มีอายุยืน มันงมงายไร้สาระ หากมองแบบไร้ความรู้สึกก็คงใช่ แต่หามองให้เข้าใจอารมณ์ของคนที่พูดมันไม่ใช่ แม้คำพูดนั้นเป้นไปไมได้ แต่มันแสดงถึงความรักอย่างยิ่งของคนนั้นต่อ บุคคลๆหนึ่ง อย่างนี้ในหลักภาษา เข้าเรียกว่า อธิพจน์ คือการกล่าวเกินจริง เกินจากความเป็นจริงไป แต่มันก็เป็นอารมณของภาษา ยกตัวอย่างๆ ง่ายๆเช่น ที่ร.พ. เด็ก 3 ขวบคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ แขนหัก และมีแผลฉีกขาด หมอจำเป็นต้องรีบเย็บแผล ในระหว่างที่ทำแผล มีแม่ของเด็ก ยืนร้องไห้สงารลูก ปากก็คร่ำครวญว่า "ให้ฉันเจ็บแทนเถอะ ฉันสงสารลูก" ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้น หดหู่ใจเป็นอันมาก ถามว่า เหตุการณืนี้มันไร้สาระในสายตาคนที่เห็นไหม ปล่าวเลย แต่คนที่เห็นรู้สึกหดหู่เพราะสงสารแม่คนนี้ และรับรู้ได้ว่าแม่คนนี้รักลูกปานใด เช่นเดียวกัน การที่มีคนบอกอยากจะยอมลดอายุ เพื่อของให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจริญพระชนมายุยืนยาว ไม่ใช่เรื่องของ สิ่งที่ไร้สาระว่าเป้นไปได้หรือไม่ได้ แต่อยู่ที่จิตใจว่า คนๆนั้น รู้สึกรักพระเจ้าอยุ่หัว มากขนาดไหน ต่างหาก ดังนั้นกรณีที่คุณออกมาบอกว่าไร้สาระนั้น ไม่ถูกต้องตามสัจจธรรม แต่มันไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงที่จะมาวิจารณ์ อย่างนี้เรียกว่าไม่มี ความดำริชอบและวาจาชอบตาม มรรค 8 ประการ ซึ่งก็อาจนำความฉิบหายมาสู้ตนได้เช่นกัน ดังนั้นเลยคิดว่า น่าจะหันหน้าเข้าหากันดีๆ พูดจากันดี มุ่งดี มุ่งเจริญ ด้วยความเมตตากัน ให้สมพระราชดำรัสวันที่ 9 มิถุนา ดีกว่า ประเทศชาติจะได้เจริญกว่านี้ จากคุณ : Q(^<^Q) - [ 17 ก.ค. 49 14:41:39 A:58.8.116.168 X: TicketID:123460 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ขอทรงพระเกษมสำราญ จากคุณ : nickie_iam - [ 17 ก.ค. 49 15:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 159 น่าสมเพชไม่หายนะเอ็ง  ไอ้ก้อนเนื้อ เคยได้ยิน ลิขิตอมตะ นี้หรือไม่               Naga surpasses in           venom.         Passing, he seldom               ever strikes         Scuttling much in pomp,        Scorpion.         Tail higher in his pride.         than poison has he. จากคุณ : กัมม์ - [ 17 ก.ค. 49 16:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 160 คุณสิงห์เหนือ ครับ ไม่รู้ว่าคุณเป็นฟายอะไรไม่ทราบ ถ้าคุณอยู่ในวงสนทนาแบบเห็นหน้าค่าตากัน คุณโดนเสียบไส้ไหล และโดนรุมกระทืบแน่ๆ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า บุคคลอย่างคุณนี่ เขาเรียกบัวใต้น้ำ จะตายเพราะปาก คุณน่าจะไปเกิดแผ่นดินอื่น ที่ไม่ใช่ดินไทย ในหลวงทุกพระองค์ทรงบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประชาชนทุกพระองค์ แล้วมันเรื่องอะไรของคุณจะต้องมาขัดความสุขของคนส่วนมาก ไอ้ฟาย จากคุณ : หงส์มีหัวคิดบ้าง (hongrimnam) - [ 17 ก.ค. 49 19:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 161 เฮ้ออ ... จากคุณ : papos - [ 17 ก.ค. 49 19:59:11 ]

ความคิดเห็นที่ 163 เอ้อ    มาขอลาน่ะ   คือเจ้าของบ้าน ก็คือ ทางพันทิบเค้าลำบากใจมั่กๆ ที่ผมมาคุยในเรื่องประเด็นนี้   ผมก็เลยสัญญากับเจ้าของเวบไปว่า 1. เราจะไม่คุยเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์อีกแล้ว 2. เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยอีกแล้ว ดังนั้น   ต่อไปนี้สันติสุขคงเกิดกับห้องประวัติศาสตร์ต่อไป   เราถือว่าเรามาอาศัยบ้านเค้าเล่นอ่ะ  ถ้าเจ้าของบ้านเอ่ยปากว่าไม่สบายใจ  เราก้เกรงใจเจ้าของบ้านนะ แค่นี้แหละครับ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 18 ก.ค. 49 16:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 164 1 Vote แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 49 19:20:00 จากคุณ : Zyrem L. Winchester (Zyrem L. Winchester) - [ 18 ก.ค. 49 19:13:01 ]

ความคิดเห็นที่ 165 ...Posting... จากคุณ : Zyrem L. Winchester (Zyrem L. Winchester) - [ 18 ก.ค. 49 19:14:46 ]

ความคิดเห็นที่ 166 แถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง การถวายการรักษาพระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ.2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระอาการทรงก้าวพระบาทขวาไม่ถนัดขณะทรงพระดำเนินเป็นครั้งคราว คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและศัลยกรรมออร์โธปิดิกส์ ได้ถวายการตรวจพระวรกายและตรวจด้วยเอกซเรย์ พบว่า พระปิฐิกัณฐกัฐิ (กระดูกสันหลัง) ระดับบั้นพระองค์ (Lumbar spine) มีการเปลี่ยนแปลงตามพระชนมายุ การตรวจเส้นประสาทและกล้ามเนื้อด้วยกระแสไฟฟ้า พบว่ามีการกดทับเล็กน้อยของเส้นประสาทที่แยกออกจากไขสันหลังระดับบั้นพระองค์ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวในขณะที่ทรงพระดำเนิน คณะแพทย์ได้ถวายพระโอสถ พระอาการดีขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ.2546 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดำเนินระยะทางยาวประมาณ 200 เมตร มีพระอาการก้าวพระบาทข้างขวาไม่ถนัด คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ถวายตรวจพระวรกายและถวายตรวจทางรังสีวิทยา คลื่นสนามแม่เหล็ก (Magnetic Resonance Imaging-MRI.) และด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้รังสีเอกซ์ (Computerized Tomography-CT.) พบว่าช่องทางเดินของเส้นประสาทไขสันหลังระหว่างปล้องของพระปิฐิกัณฐกัฐิ ตรงตำแหน่งดังกล่าวแคบลง (Lumbar spinal stenosis) ในปี พ.ศ.2548 คณะแพทย์ได้ปรึกษากันและได้ถวายการตรวจอีกครั้งหนึ่ง มีความเห็นว่าควรถวายการรักษาด้วยวิธีกายภาพบำบัดก่อน หากไม่ได้ผล ควรต้องพิจารณาวิธีรักษาด้วยการผ่าตัดขยายช่องทางเดินประสาท เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2549 คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลศิริราช และจากสถาบันการแพทย์อื่น ได้ร่วมประชุมปรึกษากันและเห็นพ้องต้องกันว่าควรถวายการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ในการนี้ต้องถวายพระโอสถก่อนการผ่าตัดสักระยะเวลาหนึ่ง และหลังจากการผ่าตัดจำเป็นต้องใช้เวลานานเพื่อการบริหารพระกล้ามเนื้อเพื่อเสริมสมรรถภาพ จึงเห็นสมควรถวายการผ่าตัดหลังจากงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี คณะแพทย์จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถวายการผ่าตัดขยายช่องทางเดินประสาทของพระปิฐิกัณฐกัฐิระดับบั้นพระองค์ (Lumbar spine) โดยใช้กล้องจุลทัศน์ (Microsurgical decompresion) ณ โรงพยาบาลศิริราช ในวันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2549 จึงประกาศมาให้ทราบทั่วกัน สำนักพระราชวัง 17 กรกฎาคม พ.ศ.2549 _______________________________________ ขอพระองค์ทรงหายจากอาการพระประชวรโดยเร็วด้วยเทิญ จากคุณ : Max2000 - [ 19 ก.ค. 49 01:03:03 ]

ความคิดเห็นที่ 167 ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน สารคดี "พระเจ้าแผ่นดิน" ตอน พระอัจฉริยภาพทางด้านนวัตกรรมไอที วันนี้(19 ก.ค.)  20.30 น.  ทาง moder 9 ครับ http://modernine.mcot.net/view.php?news_id=1176&tk=ennews . แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 49 08:40:59 จากคุณ : กัมม์ - [ 19 ก.ค. 49 08:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 168 ขอโหวด ด้วยคน จากคุณ : ชอบกระทู้นี้จัง (แมวกลิ้งเกาพุง) - [ 19 ก.ค. 49 08:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 169 เพิ่งเห็นคราวนี้แหละ คนเบาปัญญาเป็นยังไง ว่าคนโน้นคนนี้แต่ไม่ว่าตัวเอง ตัวเองรู้ดีสุด รู้แจ้งอยู่คนเดียว คนอื่น ๆ พวก Royalist หมด เฮ้อ น่าสงสาร จากคุณ : Flame - [ 19 ก.ค. 49 11:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 170 ...สมน้ำหน้า... จากคุณ : เจ้าอ้วนเอ๊ยจะอ้วนไปถึงไหน - [ 19 ก.ค. 49 12:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 171 ขอจงทรงพระเจริญ LONG LIVE DE KING ปล.เรื่องอื่นโนคอมเม้นท์ แต่ไม่ทราบว่าคุณสิงห์อาศัยอยู่ในแผ่นดินของใคร -____-" จากคุณ : A'm@n(da) (KissAhoLicGal) - [ 19 ก.ค. 49 15:42:34 ]

ความคิดเห็นที่ 172 ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล มีพระสยามเทวาธิราชเป็นอาทิ ตลอดจนพระบารมีในสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า อีกทั้งเทพดาซึ่งรักษาพระมหาเศวตฉัตร ได้โปรดอภิบาลบันดาลดลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจงทรงพระเจริญ นิรโรคันตราย ราชศัตรูแพ้พ่ายต่อพระบารมีกฤดาภินิหาร หมู่ภัยพาลมลายสูญ ทรงสถิตในมไหศวรรย์ราชสมบัติเป็นมิ่งขวัญแก่ปวงประชาราษฎรในสยามราชสีมาอาณาจักรตลอดจิรัฐิติกาลเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 49 21:30:20 จากคุณ : จางวางเต่า - [ 19 ก.ค. 49 21:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 173 พรุ่งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเข้ารับการผ่านตัดที่โรงพยาบาลศิริราช ขอน้อมนำดวงใจทุกๆ ดวงตั้งจิตอธิฐาน ส่งไปให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร จะได้ทรงพระดำเนินได้อย่างปกติเสียที คุณยายของผม เห็นท่านทรงพระดำเนินอย่างไม่ถนัดอย่างนั้น บอกว่า ในหลวงทรงประชวรอย่างนี้ยังทรงงานอีก อยากให้ทรงพักได้แล้ว แล้วน้ำตาไหลเลย ผมจะไหลตามไปด้วย ด้วยพระบารมี ที่คุ้มเกล้าปวงพระสกนิกร ลูกคนนี้ไม่มีอะไรจะตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณที่สุดยิ่งใหญ่ ขอเพียงพ่อหาย ลุกก็ดีใจมากแล้ว ขอจงทรงพระเจริญิยิ่งยืนนาน แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 49 21:48:26 จากคุณ : Max2000 - [ 19 ก.ค. 49 21:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 174 พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (Bhumibol_Adulyadej's diary) วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ อีกสามวันเท่านั้นเราก็จะต้องจากไปแล้ว ฉะนั้นจึงตั้งใจจะไปนมัสการพระพุทธชินสีห์ที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร รวมทั้งสมเด็จพระสังฆราชด้วย เมื่อไปถึงวัดบวรนิเวศน์วิหารตอนบ่ายวันนี้ มีประชาชนผู้รู้ว่าข้าพเจ้าจะมา มายืนรออยู่บ้าง แต่ไม่สู้มากนัก เข้าไปในพระอุโบสถ จุดเทียนนมัสการ ฯลฯ แล้วได้มีโอกาสทูลปฏิสันถารกับสมเด็จพระสังฆราช ทรงนำพระสงฆ์ที่มีสมณศักดิ์สูงให้มารู้จัก โดยปรกติได้เคยเห็นหน้าท่านเหล่านี้มาจนชินแล้ว ทรงนำขึ้นไปนมัสการพระสถูป บนนั้นมีพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ ชื่อ พระไพรีพินาศ พระองค์นี้เคยทรงเล่าประวัติให้ฟังมาก่อนหน้านี้แล้วหลายวัน หลังจากนั้นก็นมัสการลา ตอนนี้มีราษฎรชุมนุมกันหนาตาขึ้น ต่างก็ยัดเยียดเบียดเสียดกันจนรู้สึกเกรงไปว่า รถที่นั่งมาจะทับเอาใครเข้าบ้าง ช่างเคราะห์ดีแท้ๆ ที่ไม่มีอันตรายอันใดเกิดขึ้นแก่ประชาชนที่มานั้นเลย ในหมู่ประชาชนที่มารอรับกันอยู่วันนี้จำได้ว่ามีบางคนเคยเห็นที่พระมหาปราสาทเป็นประจำมิได้ขาด ไม่รู้ว่าหาเวลามาจากไหน จึงไปที่พระมหาปราสาทได้เสมอเกือบทุกวัน อังคาร พฤหัสบดี และวันอาทิตย์ พวกนี้ก็มาที่วัดนี้ด้วยเหมือนกัน ที่มา http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4437459/L4437459.html จากคุณ MaSaChi จากคุณ : Max2000 - [ 19 ก.ค. 49 22:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 175 วันที่ ๑๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๙ เราจะต้องจากไปในวันพรุ่งนี้แล้ว อะไรก็จัดเสร็จหมด หมายกำหนดการก็มีอยู่พร้อม... บ่ายวันนี้เราไปถวายบังคมลาพระบรมอัฐิของพระบรมราชบุพพการีของเรา ทั้งสมเด็จพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระบรมราชินีในรัชกาลก่อนๆ แล้วก็ไปถวายบังคมลาพระบรมศพ เราต้องทูลลาให้เสร็จในวันนี้ และไม่ใช่พรุ่งนี้ตามที่ได้กะไว้แต่เดิมเพื่อจะรีบไม่ให้ชักช้า เพราะพรุ่งนี้จะได้มีเวลาแล่นรถช้าๆ ให้ราษฎรเห็นหน้ากันโดยทั่วถึง เมื่อออกจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณมายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ผู้คนอะไรช่างมากมายเช่นนั้น เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาถามว่า จะอนุญาตให้ประชาชนเข้ามาหรือไม่ในขณะที่ไปถวายบังคมพระบรมศพ ตอบเขาว่า “ให้เข้ามาซิ” เพราะเหตุว่า วันอาทิตย์เป็นวันสำหรับประชาชน เป็นวันของเขา จะไปห้ามเสียกระไรได้ และยิ่งกว่านั้นยังเป็นวันสุดท้ายก่อนที่เราจะจากบ้านเมืองไปด้วย ข้าพเจ้าก็อยากจะแลเห็นราษฎรเพราะกว่าจะได้กลับมาเห็นเช่นนี้ก็คงอีกนานมาก...วันนี้พวกทหารรักษาการณ์กันเต็มที่ เพื่อกันทางไว้ให้รถแล่นได้สะดวก ไม่เหมือนอย่างเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ที่มากันคนช้าเกินไป จากคุณ : Max2000 - [ 19 ก.ค. 49 22:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 176 ที่มา http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L4437459/L4437459.html จากคุณ MaSaChi วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๙ วันนี้ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว...พอถึงเวลาก็ลงจากพระที่นั่งพร้อมกับแม่ ลาเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งชั้นล่างนั้น แล้วก็ไปยังวัดพระแก้วเพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกต และพระภิกษุสงฆ์ ลาเจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝรั่ง แล้วก็ไปขึ้นรถยนต์พอรถแล่นออกไปได้ไม่ถึง ๒๐๐ เมตร มีหญิงคนหนึ่งเข้ามาหยุดรถแล้วส่งกระป๋องให้เราคนละใบ ราชองครักษ์ไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น บางทีจะเป็นลูกระเบิด เมื่อมาเปิดดูภายหลังปรากฎว่าเป็นทอฟฟี่ที่อร่อยมาก ตามถนนผู้คนช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลางราษฎรเข้ามาใกล้จนชิดรถที่เรานั่ง กลัวเหลือเกินว่าล้อรถของเราจะไปทับแข้งทับขาใครเข้าบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงคนไปได้อย่างช้าที่สุด ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง ตามทางที่ผ่านมา ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆ ว่า “อย่าละทิ้งประชาชน” อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า ถ้าประชาชนไม่ “ทิ้ง” ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะ “ละทิ้ง” อย่างไรได้ แต่รถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว เมื่อมาถึงดอนเมือง เห็นนิสิตมหาวิทยาลัยผู้จงใจมาเพื่อส่งเราให้ถึงที่ ได้รับของที่ระลึกเป็นรูปเครื่องหมายของมหาวิทยาลัย ๑๑.๔๕ นาฬิกาแล้ว มีเวลาเหลืออีกเล็กน้อยสำหรับเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวที่สโมสรนายทหาร ต่อจากนั้นก็ไปขึ้นเครื่องบิน เดินฝ่าฝูงคนซึ่งเฝ้าดูเราอยู่จนวาระสุดท้าย เมื่อขึ้นมาอยู่บนเครื่องบินแล้วก็ยังมองเห็นเหล่าราษฎร ได้ยินเสียงไชโยโห่ร้องอวยชัยให้พร แต่เมื่อคนประจำเครื่องบินเริ่มเดินเครื่องทีละเครื่องๆ เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นหวั่นไหว กลบเสียงโห่ร้องก้องกังวานของประชาชนที่ดังอยู่หมด พอถึง ๑๒ นาฬิกา เราก็ออกเดินทางมาบินวนอยู่เหนือพระนครสามรอบ ยังมองเห็นประชาชนแหงนดูเครื่องบินทั่วถนนทุกสายในพระนคร บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันตกมุ่งตรงไปยังเกาะลังกา (ซีลอน) เสียงเครื่องบินสนั่นหนวกหู หากผู้ใดอยากจะพูดก็จะต้องตะโกนออกมาให้สุดเสียง ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดเลย ทางที่ดีที่สุดที่พึงทำคือหลับตาเสียแล้วนิ่งคิด...แปลกดีเหมือนกันที่ใจหวนไปคิดว่า เพียงชั่วโมงเดียวที่ผ่านมาเมื่อตะกี้นี้เอง เรายังห้อมล้อมไปด้วยประชาชนชาวไทย แต่เดี๋ยวนี้เล่าเรากำลังเหาะอยู่เหนือท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล แม้จะมีเสียงเครื่องยนต์ ก็ดูเป็นเหมือนเงียบและนิ่งอยู่กับที่ เพราะเสียงทุกๆ เสียงจากสิ่งมีชีวิตได้จางหายไปหมดแล้ว และกำลังชินกับเสียงครางกระหึ่มของเครื่องยนต์นั้น หวนกลับไปนึกดูเมื่อ ๙ เดือนที่แล้วมา เรากำลังบินไปในทิศตรงกันข้าม เพื่อจะเยี่ยมเยียนประเทศหนึ่ง เยี่ยมอาณาประชาชนที่เราต้องพลัดพรากจากมาถึง ๗ ปีเต็มๆ โดยที่เราเกือบไม่รู้เรื่องและข่าวคราวของบ้านเมือง และประชาชนของเราเลยแม้แต่น้อย...เดี๋ยวนี้เรากำลังบินจากประเทศนั้น จากประชาชนพลเมืองเหล่านั้นไปแล้ว การจากครั้งนี้มิได้เพียงแต่จากมาอย่างเดียวเท่านั้น ข้าพเจ้าได้จากเรื่องที่ล่วงแล้วมาด้วย...สจ๊วตเข้ามาขัดจังหวะเสีย ทำให้ความคิดที่กำลังเพลิดเพลินจางไปเสียจากสมอง เขานำอาหารกลางวันที่มีรสกลมกล่อมเข้ามาให้ การเดินทางในระยะต่อมาช่างเปล่าเปลี่ยวเสียจริงๆ สิ่งที่มองเห็นในเบื้องหน้าไม่มีอะไรเสียเลย นอกจากท้องทะเลเขียวครามอันแสนลึก นานๆ จะแลเห็นเกาะบ้างเป็นครั้งคราว เรามาถึงเมืองเนแกมโบ (Negambo) ใกล้ๆ กับโคลัมโบ เมืองหลวงของเกาะลังกา ภายหลังจากที่ได้บินมาเป็นเวลานานถึง ๘ ชั่วโมงกับ ๑๕ นาที เดี๋ยวนี้ ๑๘.๔๕ นาฬิกาตามเวลาของลังกาแล้ว เมื่อเทียบเวลาที่กรุงเทพฯ ที่นี่ช้ากว่า ๑ ชั่วโมงกับ ๓๐ นาทีพอดี ข้าหลวงประจำเกาะลังกาคือ เซอร์ยอห์น เฮาเวิรด (Sir John Howard) ได้เดินทางจากโคลัมโบมาเพื่อต้อนรับเรา ข้าพเจ้าขึ้นนั่งรถยนต์มีท่านข้าหลวงตามมาด้วย ส่วนแม่นั้นไปกับภรรยาของเขา ระยะทางจากสนามบินไปยังจวนข้าหลวงในเมืองโคลัมโบต้องนั่งรถไปราว ๓๐ นาที อันเป็นระยะที่กำลังสบายและมีโอกาสได้ชมภูมิประเทศตามถนน – ตามที่เห็นมาด้วยตาและตามคำบอกเล่าของเซอร์ยอห์น เฮาเวิรด รู้สึกว่าเกาะลังกานี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเมืองไทยเราเสียจริงๆ เป็นเมืองที่อุดมดี และดูก็งามตา ประชาชนก็สุภาพและมีนิสัยดี เหตุที่ทำให้เหมือนมากนี้ข้อสำคัญอยู่ที่นับถือศาสนาร่วมกันกับไทยเรา พอมาถึงจวนข้าหลวง ก็ตรงเข้าห้องพัก เป็นห้องกว้างและสบาย ที่นี่ไม่ค่อยร้อนเหมือนเมืองไทย ทั้งไม่มียุงด้วย ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีมุ้ง เราได้พักผ่อนชั่วครู่ภายหลังที่ได้เดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย หูยังอื้ออยู่เพราะเสียงเครื่องบิน กินข้าวมื้อเย็นกับข้าหลวงและรู้สึกดีใจเหลือเกินที่ได้หลับนอนตามสบายเพราะรุ่งเช้าพรุ่งนี้จะต้องบินต่อไปยังเมืองการาจี ---------------------------------------------------- เรื่องของพระเนตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระองค์ เรื่องดีๆ จนอยากจะบอกต่ออ่านได้ที่นี่ครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4437916/K4437916.html จากคุณ : Max2000 - [ 19 ก.ค. 49 22:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 178 ถึงคนที่พยายามอวดรู้ 2 คน การเป็น realist ไม่ถูกที่ถูกเวลา เป็นความคิดที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่? ลองเดินเข้าไปในโบสถ์คริสต์วันอาทิตย์ แล้วไปตะโกนดัง ๆ ว่า "ฉันไม่เชื่อในพระเจ้า พระเจ้าไม่มีจริง" สิ แล้วดูว่าจะเป็นยังไง? การแสดงความขัดแย้งและดูถูกในความเชื่อของผู้อื่น โดยเฉพาะเรื่องศาสนา และการเมือง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ยิ่งในประเทศไทยพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นที่สักการะสูงสุด คุณอาจจะถูกอาจจะผิด แต่ที่คุณนำมาพูดในนี้ผิดแน่ ๆ การมีเสรีในความคิด มันก็มีกรอบมีกฏเกณฑ์อยู่ การที่คุณวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ก็ผิดกฏของ pantip อยู่แล้ว แล้วเค้าก็มีเหตุผลที่เค้าห้ามอยู่ จะบอกว่าปิดกั้นไม่ได้ คุณอยู่ในสังคมนะครับ สังคมก็มีกฏเกณฑ์อยู่ บางทีคนมี IQ สูงแต่ EQ ต่ำก็ไม่มีประโยชน์ อยู่ในสังคมไม่ได้นะ แต่สงสัยว่าทำไม pantip จึงไม่ลบ คห.ที่พาดพิงสถาบัน??? จากคุณ : watch - [ 20 ก.ค. 49 02:27:06 A:58.10.68.188 X: TicketID:118498 ]

ความคิดเห็นที่ 179 โหหหหห โชว์พาวมั่กๆ เพ่ watch กลัวง่ะ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 20 ก.ค. 49 08:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 180 ^ ^ ^...ทำเก่ง...เก่งแต่ปาก... แหะๆ..ไม่อยากหยาบคาย.. แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 49 09:24:46 จากคุณ : เจ้าอ้วนเอ๊ยจะอ้วนไปถึงไหน - [ 20 ก.ค. 49 11:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 183 ^ ^ ^ ^ ซู้ดดดย๊อดดดดด.....เพ่หามาได้งัยอ่า... ...เหอๆ....ระวังจะมีคนไปหาที่บ้านนะครับ... ....ท้าเค้าไว้เยอะนิ.... จากคุณ : เจ้าอ้วนเอ๊ยจะอ้วนไปถึงไหน - [ 20 ก.ค. 49 16:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 184 ........... บอกเลยว่างานนี้ผมโกรธจนตัวสั่น ผมเป็นคนตรง ทำอะไรรับผิดชอบ ผมรังเกียจคนที่เล่นไม่ตรงไปตรงมา คนๆ นี้ ที่ใช้ชื่อ Thai Army จริงๆแล้วใช้ ล็อกอินนึง ใช้ชื่อว่า "ว่าที่ ดี อาร์" มีนิสัยหยาบช้า ชอบไปหาข้อมูลส่วนตัวคนอื่น คนผิดแต่แรกก็คือผม ผมที่มีนิสัยจริงใจ รับผิดชอบกับการกระทำ ผมไม่เคยท้าใคร แต่ถ้าใครมาท้าผม ผมไม่ปฏิเสธตัวตน และผมเปิดเผยตัวเสมอ แต่ความผิดของผมคือเปิดเผยข้อมูล เช่น เบอร์โทรศัพท์ ทำให้คนเลวๆ อย่างมันมาเล่นวิธีนี้กับผม คุณว่าที่ ดี. อาร์ หรือ หรือมีอีกชื่อบัตรผ่านว่า Academician หรือมีอีกนับร้อยบัตรผ่าน ที่คอยตามใช้วิธีสกปรกกับผม คุณจงจำเอาไว้ ว่าคุณใช้วิธีสกปรกกับผมอย่างไร และเจอกันอีกทีที่กรุงเทพฯ นะครับ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 20 ก.ค. 49 16:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 185 ผมเล่นเนตมา 7-8 ปี   สิ่งที่ผมพูดผมรู้ตัวดีเสมอว่าพูดเรื่องอะไร ทุกครั้ง  ที่ผมเล่นประเด็นหมิ่นเหม่    หรือมีเรื่องกับใครในเนต    ถ้ามีใครที่มีความต้องการ  อยากรู้จักตัวจริง  ผมให้ทางติดต่อไว้เสมอ แต่ผมไม่ได้ให้เบอร์โทรไว้สำหรับให้คนโสมมที่ไหนมาค้นข้อมูลส่วนตัวผม งานนี้  คุณ "ว่าที่ ดี อาร์"   ขอบอกว่า   คุณทำให้ผมโกรธมากๆ  ได้ดีจริงๆ       แล้วคุณจงคอยดูว่า......... ผมจะสนองความโกรธไปที่คุณ   ตัวจริงๆ อย่างไร ดูเอา จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 20 ก.ค. 49 16:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 186 อ่านไม่จบแต่แค่อ่านความคิดเห็นหนึ่ง ของคุณสิงห์เหนืออย่างผ่าน ดิฉันสะดุดใจมาก เพราะครั้งหนึ่งเคยเห็นที่เว็บบอร์ด ngo วิจารณ์ในหลวง ว่าทรงสอนให้แต่คนอื่นพอเพียง แล้วทำไมไม่ทรงรู้จักพอเพียงบ้าง เพราะสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีมูลค่าทรัพย์สินมากมายมหาศาล ใครจะเข้าไปแก้ว่าอย่างไรก็ไม่ฟังกัน แม้จะบกว่าพระองค์ท่านไม่ได้ทรงบริหารจัดการ สำนักงานทรัพย์สินฯ ด้วยพระองค์เอง ก็ยังเถียงว่าจริงๆแล้วก็ต้องทรงบริหารเองแน่ แถมยังเปรียบไปว่าใครจะยอมเอาเงินตัวเองไปให้คนอื่นจัดการ ถ้าทำอย่างคุณสิงห์เหนือว่า ดิฉันคิดว่าคงไม่พ้นจะถูกคนพวกนี้ เอามาวิจารณ์อีกแน่เชียวค่ะ จากคุณ : สิบ - [ 20 ก.ค. 49 17:09:05 A:58.147.16.89 X: ]

ความคิดเห็นที่ 187 แล้วแต่คุณคิดครับคุณสิบ คคห. 186 ผมเองก็ไม่ขอแสดงความเห็นอะไร เพราะผมก็สัญญาไว้กับทางเวบแล้วว่า จะไม่แสดงความเห็นอะไรที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์หรือว่าประวัติศาสตร์ไทยอีกแล้ว เสรีภาพทางความคิดมีกับทุกคนและแนวคิดครับ จากคุณ : lb'sN (สิงห์เหนือ...เสือสำอาง) - [ 20 ก.ค. 49 17:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 188 ขอความกรุณาเถอะ พระองค์ยังทรงพระประชวรอยู่เลย จากคุณ : Max2000 - [ 20 ก.ค. 49 17:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 189 คุณ Max2000 ครับ ผมเองไม่ได้พาดพิงถึงพระองค์หรือสถาบันนะครับ   แต่สิ่งที่ผมกำลังทำ  คือผมกำลังปกป้องตัวเองจากความหยาบช้า ของสมาชิกที่ใช้ชื่อว่า "ว่าที่ ดีอาร์"  ที่มาปลอมบัตรผ่านพาดพิงถึงคนในตระกูลของผม ปลายกระทู้คงไม่ใช่เรื่องพาดพิงถึงสถาบันแล้วนะครับ แต่เป็นเรื่องส่วนตัวและความไร้มารยาทของคนๆ นี้ จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 20 ก.ค. 49 18:07:34 ]

ความคิดเห็นที่ 190 ผมขอทุกคนนั้นแหละ รวมทั้งคนที่ต่อว่า คุณ สิงห์ด้วย ไม่ทะเลาะกันดีกว่านะครับ จากคุณ : Max2000 - [ 20 ก.ค. 49 18:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 191 ก็น่าจะบอกว่าหยุดตั้งแต่แรกนี่ครับ แต่ขอทีเถอะ   ไอ้หน้าไหนที่มันมาเชียร์เย้วๆ ตอนที่นาย ว่าที่ ดีอาร์ เข้ามาใช้บัตรผ่านในนาม thaiarmy  ที่มันมาทำเสียมารยาท เอาข้อมูลส่วนตัวผมมาเปิดเผย   พวกที่มันเชียร์   ไม่ใช่คนประเภทเดียวกับพวกคุณเรอะ คุณ Max2000   ขอประกาศให้ทราบว่างานนี้ มันไม่จบง่ายๆ หรอกครับ  เพราะผมโดนกระทำแรงเกินกว่าที่จะยอมรับได้  และไม่ได้จบแค่ในเวบด้วย ถ้าเจตนาดีจริง   ทำไมไม่บอกว่าให้หยุด ตั้งแต่ผมเป็นฝ่ายโดนกระทำล่ะ?????? หรือว่า  เพราะผมไม่ได้เป็นฝ่ายโดนกระทำอย่างเดียวอย่างที่พวกคุณหวัง???? หา?????????? จากคุณ : สิงห์เหนือ...เสือสำอาง - [ 20 ก.ค. 49 22:24:56 ]

ความคิดเห็นที่ 192 จะยังไง เหตุผลจะเป็นยังไง ตรรกะจะเป็นยังไงก็ตาม คนที่ไม่รู้จักกาละเทศะ เข้ามาขวางชาวบ้านเค้า มันก็ยังเป็นไอ้คนไม่รู้จักกาละเทศะอยู่ดีครับ ครอบครัวเค้ากำลังชื่นชมลูกที่รับปริญญา ไอ้บ้าที่ไหนเข้ามาบอกว่า จบมาก็ตกงาน เปอร์เซ็นต์บัณฑิตตกงานสูงขึ้นทุกปี ไอ้นี่ก็เป็นไอ้งี่เง่าไม่รู้จักกาละเทศะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวเค้ากำลังมีงานแต่ง ไอ้เหียกที่ไหนเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวก็เลิกกัน หรือมาบอกว่า เปอร์เซ็นต์หย่าร้างในบ้านเราเพิ่มขึ้น มันก็เป็นแค่ไอ้เหียกขวางโลกที่ไม่รู้จักกาละเทศะ ครอบครัวกำลังอนุโมทนาบุญให้กับนาค แม่นาคกำลังซาบซึ้งว่าจะได้บุญ ไอ้เหียกตัวไหนเข้ามาบอกว่า บุญใครทำใครก็ได้ แม่นาคอยากได้บุญต้องบวชเอง ไอ้เหียกนี่ก็เป็นแค่ไอ้เหียกขวางโลก ไม่รู้จักกาละเทศะอยู่ดีครับ จากคุณ : ชาเขียว - [ 20 ก.ค. 49 22:31:16 ]