ความคิดเห็นที่ 1 เอาแบบความรู้พื้นๆที่ผมเข้าใจ เมื่อหมดจากหม่อมหลวง ก็ยังให้เกียรติว่าเป็นเชื้อสายราชสกุล จึงให้มีคำต่อท้ายว่า ณ อยุธยา บางท่านที่ไม่มี อาจเพราะว่า แม่เป็นหม่อมราชวงศ์ แต่งกับพ่อที่เป็นคนธรรมดา ถ้าลูกเลือกนามสกุลแม่ ก็ไม่มี ณ อยุธยาต่อท้าย เช่น ฮิวโก้ เป็นต้น ปล: ราชนิกุล จริงๆ นับลงมาถึงหม่อมเจ้าเท่านั้น หม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง และ ณ อยุธยา ถือเป็นการให้เกียรติผู้สืบเชื้อสายครับ จากคุณ : น้องหอมแดง - [ 1 ก.ค. 49 09:51:40 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จากลูกหม่อมหลวงลงมา จะต้องใช้ ณ อยุธยา ครับ ถ้าใช้ราชสกุลโดยไม่มี ณ อยุธยา สามารถเขียนแบบสั้นได้ แต่ต้องมี ฯ เสมอ ถ้าไม่มี ฯ คือผิดหลักการใช้ครับ ส่วนในภาษาอังกฤษเช่นใน Passport บางคนก็ใช้แบบสั้นไม่ต้องมี Na Ayudhaya เพราะฝรั่งอ่านหรือเรียกชื่อแล้วงง ทุกคนจะกลายเป็น Mr. Na Ayudhaya หมด เพราะฝรั่งเข้าใจว่านามสกุล เป็น Middle Name เหมือนของเขา ที่ปกติเขาตัดออก ไม่ใช้เรียกกัน คำว่า ณ อยุธยา หลัง ณ เณรต้องไม่มีจุด ตอนเด็กๆผมเคยทำป้ายชื่อผิดเป็น ณ.อยุธยา พ่อสอนไว้ให้ไปแก้ด่วนเลย.. คำแนะนำตัวอยู่หลังอมยิ้มผมนะครับ จากคุณ : สีหพันธุ์ - [ 1 ก.ค. 49 10:46:30 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถูกต้องอย่างที่ทุกท่านบอกมาข้างต้นนะครับ แต่ผมขออนุญาตเสริมนิดเดียวว่า ถ้าเป็นบุตรอันเกิดจากบิดาเป็นหม่อมหลวง ก็ต้องใช้ "ณ อยุธยา" ต่อท้ายนามสกุล เช่น อิศรางกูร ณ อยุธยา หรือจะเขียนโดยย่อว่า "อิศรางกูรฯ" แต่เวลาอ่านจะต้องอ่านเต็ม ๆ ว่า ณ อยุธยาด้วย ถามว่าทำไมถึงต้องเป็นลูกของหม่อมหลวงถึงจะใช้แบบนี้ ทำไมตั้งแต่หม่อมหลวงขึ้นไปถึงไม่ใช้?  ก็ตอบได้ว่า เพราะว่าชั้นหม่อมหลวง หรือ หม่อมราชวงศ์ ผู้คนจะทราบโดยอัตโนมัติจากคำนำหน้านามว่าสืบเชื้อสายมาจากเจ้านาย หรือเป็นราชสกุลนั่นเอง เช่น ม.ร.ว. หรือ ม.ล.  แต่บรรดาลูกที่เกิดจากพ่อที่เป็นหม่อมหลวง จะมีคำนำหน้านามว่า นาย นาง นางสาว ด.ช. หรือ ด.ญ. ซึ่งผู้ที่พบเห็นจะไม่ทราบเลยว่าสืบเชื้อสายมาจากราชสกุล จึงต้องมีสร้อยต่อท้ายนามสกุลว่า "ณ อยุธยา" เพื่อให้ทราบว่าเป็นผู้ที่สืบเชื้อสายจากราชสกุลโดยตรง แล้วถามว่า ทำไมถึงต้องเป็น ณ อยุธยา ทำไมถึงไม่ใช้ "ณ รัตนโกสินทร์" เรื่องนี้เคยมีผู้ให้อรรถาธิบายไว้ว่า เพราะถือกันว่าผู้สืบเชื้อสายจากพระราชวงศ์จักรีนั้น เป็นผู้สืบเชื้อสายมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี หาใช่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าไม่ แต่กรณีนี้ก็มีข้อยกเว้น กล่าวคือ ในกรณีที่ผู้สืบเชื้อสายราชสกุลเกิดไปมีบุตรจากผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยา เช่น เกิดจากหญิงรับใช้ในบ้าน หรือผู้หญิงขายบริการ หรืออาจเกิดจากการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมโดยอนุญาตให้เด็กนั้นใช้นามสกุลของตัวเองได้ บรรดาเด็กเหล่านี้จะไม่ใช้สร้อยนามสกุลต่อท้ายว่า "ณ อยุธยา" เพราะถือว่าไม่ได้สืบเชื้อสายมาอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณี แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 49 12:20:27 จากคุณ : วศินสุข - [ 1 ก.ค. 49 12:16:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าปู่ฯ ไม่ทราบ แล้วใครจะทราบล่ะ เนอะ จากคุณ : losokkas - [ 1 ก.ค. 49 20:28:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปได้ว่ามีหรือไม่มีขึ้นอยู่กับว่าสืบเชื้อสายมาจากทางใด ถ้าสืบเชื้อสายมาจากทางพ่อและแม่เป็นภรรยาเอกก็ให้มี ณ อยุธยา ถ้าสืบเชื้อสายมาจากทางแม่หรือแม่ไม่ใช่ภรรยาเอกก็จะไม่ใช้ แบบนี้ถูกต้องใช่ไหมครับ ขอบคุณทุกท่านครับ ปล. ทำไมในกระทู้นี้อมยิ้มปู่ไม่เป็นรูปปากนกละครับ จากคุณ : Alvo (Alvo) - [ 1 ก.ค. 49 21:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอบคุณ Alvo นะครับ ผมเข้าใจ (เอาเอง) นะครับว่า บุตรที่เกิดจากภรรยาไม่ว่าจะภรรยาเอก หรือไม่เอก แต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นภรรยา (เพราะในอดีตผู้ชายไทยจะมีภรรยาหลายคนได้) ก็สามารถใช้สร้อยนามสกุล ณ อยุธยา ได้ แต่ต้องไม่ใช่เกิดจากหญิงที่ไม่ได้ยกย่องเป็นภรรยา อันนี้ขอบอกว่าเป็นความเข้าใจของผม รอให้ผู้รู้มาตอบอีกทีดีกว่าครับ จากคุณ : วศินสุข - [ 1 ก.ค. 49 22:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในอดีตไม่มีกฏหมายแบบปัจจุบัน ที่ภรรยาที่จดทะเบียนเท่านั้นที่จะใช้นามสกุลสามีอย่างเป็นทางการ ราชนิกูลสมัยก่อนอาจมีภรรยาได้หลายคนแต่จะมี 1 คนเป็นภรรยาเอก ส่วนภรรยาอื่นจะเป็นเจ้าจอม คุณหม่อม ฯลฯ ขึ้นอยู่กับราชนิกูลแต่ละท่านจะประทานนามสกุลให้ภรรยาคนไหนให้ใช้ราชสกุลได้ แต่ลูกที่เกิดมาไม่ว่าจะเกิดจากภรรยาคนไหนที่ประทานนามสกุลให้ จะได้รับศักดิ์เป็นหม่อมเจ้า และลูกในลำดับต่อมาก็จะไล่ศักดิ์กันลงไปเป็นหม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ในหลักการเดียวกัน ไม่จำกัดว่าเป็นภรรยาเอกหรือไม่ อีกประการคือการรับรองบุตร ตัวหม่อมอาจไม่ได้รับประทานนามสกุล แต่เจ้าสกุลยอมรับลูกว่าเป็นบุตร หรือบุตรี ลูกที่ได้รับการรับรองก็จะใช้หม่อมเจ้า ฯลฯ ได้เช่นกัน สรุปคือ ราชสกุลผู้ที่ใช้ ณ อยุธยาต่อท้าย คือลูกของหม่อมหลวงลงมา โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสายภรรยาเอกที่ต้นราชสกุลหรือไม่ การดูลำดับสายของราชสกุลควรดูแผนผังสกุลประกอบว่าใครเป็นลูกหลานสายไหน ผมเองก็ได้รับคำถามประจำว่า รู้จักคนนั้นไหม คนนี้ไหมเห็นนามสกุลเดียวกัน บางคนที่เป็นญาติใกล้ชิดก็รู้จัก บางชื่อนั้นสายสกุลไกลกันมาก ไม่เคยแม้แต่ได้ยินชื่อเลย แต่บางทีด้วยมารยาทก็ต้องยิ้ม และตอบอย่างสุภาพไม่ให้ผู้ถามรู้สึกเสียหน้า ให้ความรู้ว่า เจอใครที่นามสกุลเหมือนกัน ควรถามว่ารู้จักคนชื่อนี้ไหมก่อน อย่าถามแบบฟันธงเช่น วันนั้นผมเจอพี่ชายคุณน่ะ ผมเคยเจอคำถามนี้ และก็งง เพราะผมไม่มีพี่ชายนี่หว่า...ผมเป็นลูกชายคนโตอ่ะ จะตอบตรงๆก็ไม่ได้เสียมารยาทน่าดูครับ เลยตอบไปว่า ขอประทานโทษครับ พี่ผมคนไหนเหรอครับ ชืออะไร แวก็ค่อยอธิบายว่า.. ...เอ่อ...นามสกุลเดียวกัน แต่ผมไม่รู้จักอ่ะครับ... แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 49 10:11:47 จากคุณ : สีหพันธุ์ - [ 2 ก.ค. 49 10:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับปู่ ที่ถามเพราะผมเห็นหลายท่านใช้ราชสกุลแต่ไม่มี ณ อยุธยา ต่อท้าย รวมทั้งไม่มี ฯ ที่แสดงถึงการละไว้ด้วย อย่างอดีตคณบดีคณะผมก็ใช้เพียง ทินกร ไม่มีต่อท้ายใด ๆ หรือรุ่นพี่ผมก็มีใช้แบบไม่มี ณ อยุธยา (เห็นในใบปริญญาเลยครับว่าไม่มี) เลยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าทำไมราชสกุลเหมือนกันถึงมีทั้งคนใช้ ณ อยุธยาและไม่มี จากคุณ : Alvo (Alvo) - [ 2 ก.ค. 49 11:51:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เสริม คุณน้องหอมแดง/คุณสีหพันธุ์ นิดเดียวอ่ะครับ พระบรมวงศ์ คือ เจ้าฟ้าและ พระองค์เจ้าที่เป็น/เสมอลูกหลวง พระอนุวงศ์ คือพระองค์เจ้าชั้นหลานหลวง และหม่อมเจ้า ราชนิกุล คือ หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวง ราชินิกุล คือ ตระกูลฝ่ายสมเด็จพระพันปี (บางครั้งอาจจะหมายถึงสมเด็จพระมเหสีอย่างเดียว) ราชตระกูล คือ ตระกูลฝ่ายสมเด็จพระปฐมบรมราชชนก คือเหล่าเจ้าพี่เจ้าน้อง รัชกาลที่ ๑ จากคุณ : natthaset - [ 2 ก.ค. 49 12:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากครับ เป็นความรู้ใหม่เรื่องคำศัพท์ที่ถูกต้อง ที่ได้รายละเอียดยิ่งขึ้นครับ จากคุณ : สีหพันธุ์ - [ 2 ก.ค. 49 15:17:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีอีกบางส่วนครับ ที่ใช้ตระกูล แต่ ไม่มีสิทธิ์ใช้ ณ อยุธยา ต่อท้ายนามสกุล คือ บุตรที่ใช้นามสกุลมารดา เช่น คลาวเดีย จักรพันธ์ หรือ จุลจักร จักรพงศ์ และกรณีที่สอง คือบุตรบุญธรรม เช่น ศีกัญญา ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์ เป็นต้น โดยทั้งสองกรณีไม่มีสิทธิใช้ ณ อยุธยา ต่อท้าย ดังนั้น ต้องลองคิดเล่นๆ ในใจว่าบุคคลเหล่านั้น อาจเป็นกรณีใดกรณีหนึ่ง ของทั้งสองกรณีครับ จากคุณ : พระน (พระนายไวย) - [ 2 ก.ค. 49 20:48:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตามประกาศพระบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น  ทรงกำหนดให้ผู้ที่จะใช้ ณ อยุธยา ต่อท้ายนามสกุลได้  ต้องเป็นผู้ที่สืบเชื้อสายโดยตรงลงมาจากพระราชวงศ์จักรี  ที่ว่าสืบสายตรงลงมานี้นับเฉพาะทางบิดา  ส่วนมารดาจะเป็นผู้เนื่องในพระราชวงศ์หรือมิใช่ก็ได้  และมารดาจะเป็นเอกภรรยา หรืออนุภรรยา หรือไม่ปรากฏมารดาหากบิดารับรองว่าเป็นบุตรก็สามารถใช้ ณ อยุธยาได้ทั้งหมด กรณีต้องห้ามมิให้ใช้ ณ อยุธยาต่อท้ายนามสกุล คือ บุตรบุญธรรมของผู้ที่เนื่องในพระราชวงศ์  รวมทั้งภรรยาของผู้ที่เนื่องในพระราชวงศ์ที่มิได้ถือกำเนิดในราชสกุล  กล่าวคือ ภรรยาที่จะใช้ ณ อยุธยาได้นั้นต้องเผ็นผู้ที่เกดมาในราชสกุลและมีสิทธิ์ใช้ ณ อยุธยามาแต่กำเนิด  ส่วนภรรยาที่มาจากสามัญชนที่มิได้เนื่องในพระราชวงศ์นั้นจะใช้ ณ อยุธยามิได้  เพราะมิได้สืบสาโลหิตโดยครงลงมาจากพระราชวงศ์  กรณีหมายรวมถึงบุตรที่ใช้นามสกุลตามมารดาก็อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้ ณ อยุธยา ต่อท้ายนามสกุล  ตัวอย่างเช่น จุลจักร  จักรพงศ์ ที่ใช้นามสกุลตามมารดา มีกรณีตัวอย่างที่ควรนับเป็นแบบอย่าง คือ หม่อมกอบแก้ว  อาภากร ชายาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา  และท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา  มาลากุล ภรรยาหม่อมหลวงปิ่น  มาลากุล  ทั้งสองท่านนี้ใช้นามสกุลตามสามีแต่ไม่เคยใช้ ณ อยุธยาต่อท้ายสกุลเลย  เพราะท่านมิได้เกิดในราชสกุลโดยตรง  แต่ระยะชอบมีท่านผู้รู้ดีไปเติมให้ท่านกัน  แต่ก็มีบางคนที่มีบิดาเป็นชาวฮ่องกง  ส่วนมารดาเธอดูเหมือนจะเป็นเชื้อพระวงศ์ลำดับไหนก็ไม่ทราบ  เธอมักจะอวดว่า ชื่อ อ....  นามสกุล ช..... ณ อยุธยา  อย่างนี้ไม่ถูก  ที่ถูกควรจะใช้แต่เพียงสกุล ช.... ไม่ต้องมี ณ อยุธยาต่อท้าย จากคุณ : V_Mee (V_Mee) - [ 3 ก.ค. 49 00:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณ คุณ V_Mee มากเลยครับผม แบบนี้ล่ะครับที่อยากได้คำตอบ แบบชัดเจนและกระจ่างแจ้ง แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 49 00:41:15 จากคุณ : วศินสุข - [ 3 ก.ค. 49 00:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณคุณ V_Mee ด้วยคนครับ สำหรับความรู้ใหม่ที่ละเอียดกว่าเดิมครับ จากคุณ : สีหพันธุ์ - [ 3 ก.ค. 49 07:24:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณ V_Mee ครับสำหรับคำตอบที่ชัดเจน จากคุณ : Alvo (Alvo) - [ 3 ก.ค. 49 12:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ V_Mee คะ หม่อมกอบแก้วต้องมี ณ อยุธยา น่ะถูกแล้วเพราะท่านไม่เกี่ยวเนื่องในพระราชวงค์ (ดูอย่างตอนที่ เสด็จพระองค์หญิงศรีรัศมิ์ขณะนั้นเป็นหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ) ส่วนชาย อานันทวีป พ่อไม่ได้เป็นชาวฮ่องกงซะหน่อย จากคุณ : เทวาภิรมย์ - [ 3 ก.ค. 49 18:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กลับมาสับสนอีกรอบ รบกวนคุณเทวาภิรมย์ให้ความรู้ผมเพิ่มเติมด้วยได้ไหมครับ จากคุณ : Alvo (Alvo) - [ 3 ก.ค. 49 19:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถึงแม้จะไม่ได้มีพ่อเป็นชาวต่างประเทศ แต่ก็ใช้นามสกุลมารดาไม่ใช่เหรอ อย่างนี้ก็ไม่น่าจะใช้ ณ อยุธยาได้ จากคุณ : je_ten_prie - [ 3 ก.ค. 49 22:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ทีแรกว่าจะเข้าใจแล้วเชียว แต่มา "งง" ตอนใกล้จบนี่แหละ จากคุณ : polmee - [ 3 ก.ค. 49 22:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พอดีนึกถึงท่านผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่ง คือ หม่อมงามจิต  บุรฉัตร ชายาพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร  ท่านเป็นพี่สาวหม่อมกอบแก้ว  อาภากร  และไม่เคยใช้ ณ อยุธยาเลย   ขอเรียนเพิ่มเติมว่า ทั้งหม่อมกอบแก้ว และท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา  โดยส่วนตัวทั้งสองท่านไม่เคยใช้ ณ อยุธยา  แต่ที่มี ณ อยุธนาต่อท้ายนามสกุลให้ท่านก็เป็นเพราะผู้หวังดีไปเติมให้ท่านเอง  พระองค์อาทิตย์และหม่อมหลวงปิ่น นั้น  ท่านเป็นมหาดเล็กรับใช้ที่เคยรับใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทในรัชกาลที่ ๖ มาตั้งแต่เป็นเด็กอายุ ๑๒ ปี ทั้งสองท่าน  ท่านจึงทราบการควรไม่ควรเป็นอย่างดี ข้างล่างนี้ คือ ประกาศพระบรมราชโองการในรัชกาลที่ ๖  แสดงพระราชประสงค์ในการใช้ ณ อยุธยา ไว้ชัดแจ้ง  แต่ที่มาเพี้ยนกันในภายหลังเพราะกฤษฎีกาไปตีความให้เติมได้  จึงใช้กันจนเกร่อไปหมด ประกาศเพิ่มเครื่องหมายนามสกุลสำหรับราชตระกูล ************** มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ ว่า ได้ทรงคำนึงถึงนามสกุลอันได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขนาน พระราชทานแก่ผู้ที่สืบต่อจากราชตระกูลลงมาโดยสายต่างๆ นั้น ครั้นเมื่อล่วงกาลนานไปหลายชั้นชั่วบุรุษก็จะไป ปะปน กับ นามสกุล สามัญ จนจะทราบไม่ได้ว่า นามสกุลไหนสำหรับราชตระกูล เพราะไม่มีเครื่องหมายเปนที่สังเกต ทรงพระราชดำริห์ เพื่อจะดำรง      นามสกุลสำหรับราชตระกูลให้ ยืนยงอยู่ชั่วกัลปาวสาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า บรรดานามสกุลซึ่งได้ทรงขนานพระราชทานแก่ผู้สืบสายราชตระกูลทั้งปวงนั้นให้มีคำว่า “ณ กรุงเทพ” เพิ่มท้ายนามสกุลนั้นๆ เพื่อให้เปนเครื่องหมายว่า นามสกุลนั้น เปน     นามสกุลสำหรับราชตระกูล เช่นนามสกุล “มาลากุล” ซึ่งได้โปรดเกล้าฯ ขนานพระราชทานแก่   ผู้สืบสายจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์นั้น ให้เติมคำ  “ณ กรุงเทพ” ลงข้างท้ายดังนี้  “มาลากุล ณ กรุงเทพ”  แลนามสกุล “พึ่งบุญ” ซึ่งโปรดเกล้าฯ ขนานพระราชทานแก่จางวางโท พระยาประสิทธิ์ศุภการ หม่อมหลวงเฟื้อ ก็ให้เติมคำ  “ณ กรุงเทพ”  ลงข้างท้ายคือ “พึ่งบุญ  ณ กรุงเทพ” ดังนี้เปนตัวอย่าง รวมความว่านามสกุลใดที่มีคำ  “ณ กรุงเทพ” ข้างท้ายให้พึงเข้าใจว่า นามสกุลนั้นเปนนามสกุลสำหรับราชตระกูล เพราะฉนั้นห้ามมิให้ผู้หนึ่ง ผู้ใด ที่มิได้เปนผู้สืบสายราชตระกูลใช้คำ  “ณ กรุงเทพ”  เปนนามสกุลฤาต่อท้าย นามสกุลของตน แม้แต่ผู้ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตพิเศษให้ ถือ นามสกุลสำหรับราชตระกูลได้ เช่นพวกบุตร นายเจริญ ซึ่งเปนบุตบุญธรรม ของเจ้าพระยาอภัยราชามหายุติธรรมธร มิได้เปนผู้สืบสายจากราชตระกูล แต่เจ้าพระยาอภัยราชามหายุติธรรมธร ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถือนามสกุล “สุทัศน์” ได้  แลได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้วนั้น ก็ให้คงใช้แต่ว่า “สุทัศน์” เปนนามสกุล ตามพระบรมราชานุญาต แต่จะเติมคำ  “ณ กรุงเทพ” ลงด้วยไม่ได้เปนอันขาด นามสกุลสำหรับราชตระกูลที่ได้โปรดเกล้า โปรดกระหม่อม ขนานพระราชทานแล้ว คือ เจษฎางกูร ณ กรุงเทพ นรินทรางกูร ณ กรุงเทพ เทพหัศดิน ณ กรุงเทพ มนตรีกูล ณ กรุงเทพ อิศรางกูร ณ กรุงเทพ อินทรางกูร ณ กรุงเทพ สุริยกุล ณ กรุงเทพ พึ่งบุญ ณ กรุงเทพ ฉัตรกุล ณ กรุงเทพ ดารากร ณ กรุงเทพ ดวงจักร ณ กรุงเทพ สุทัศน์ ณ กรุงเทพ                อาภรณ์กุล ณ กรุงเทพ มาลากุล ณ กรุงเทพ กล้วยไม้ ณ กรุงเทพ เดชาติวงศ์ ณ กรุงเทพ พนมวัน ณ กรุงเทพ กุญชร ณ กรุงเทพ ทินกร ณ กรุงเทพ วัชรีวงศ์ ณ กรุงเทพ ชุมแสง ณ กรุงเทพ สนิทวงศ์ ณ กรุงเทพ นิลรัตน์ ณ กรุงเทพ อรุณวงศ์ ณ กรุงเทพ กปิตถา ณ กรุงเทพ ปราโมช ณ กรุงเทพ ศิริวงศ์ ณ กรุงเทพ คเนจร ณ กรุงเทพ ลดาวัลย์ ณ กรุงเทพ ชุมสาย ณ กรุงเทพ สุบรรณ ณ กรุงเทพ สิงหรา ณ กรุงเทพ จักรพันธ์ ณ กรุงเทพ ภาณุพันธุ์ ณ กรุงเทพ จิตรพงศ์ ณ กรุงเทพ นพวงศ์ ณ กรุงเทพ สุประดิษฐ ณ กรุงเทพ กฤดากร ณ กรุงเทพ ศุขสวัสดิ์ ณ กรุงเทพ ทวีวงศ์ ณ กรุงเทพ ทองใหญ่ ณ กรุงเทพ                เกษมสันต์ ณ กรุงเทพ                ศรีธวัช ณ กรุงเทพ                ทองแถม ณ กรุงเทพ                ชุมพล ณ กรุงเทพ                เทวะกุล ณ กรุงเทพ                สวัสดิกุล ณ กรุงเทพ จันทรทัด ณ กรุงเทพ ชยางกูร ณ กรุงเทพ วรวรรณ ณ กรุงเทพ ดิศกุล ณ กรุงเทพ โศภางค์ ณ กรุงเทพ โสณกุล ณ กรุงเทพ วัฒนวงศ์ ณ กรุงเทพ สวัสดิวัดน์ ณ กรุงเทพ ไชยันต์ ณ กรุงเทพ อสุนี ณ กรุงเทพ สังขทัต ณ กรุงเทพ ปัทมสิงห์ ณ กรุงเทพ อิศรเสนา ณ กรุงเทพ พยัคฆเสนา ณ กรุงเทพ สหาวุธ ณ กรุงเทพ รัชนิกร ณ กรุงเทพ รองทรง ณ กรุงเทพ อิศรศักดิ์ ณ กรุงเทพ กำภู ณ กรุงเทพ นันทิศักดิ์ ณ กรุงเทพ วรรัตน์ ณ กรุงเทพ นวรัตน์ ณ กรุงเทพ ปาลกะวงศ์ ณ กรุงเทพ เสนีวงศ์ ณ กรุงเทพ นรินทรกุล ณ กรุงเทพ     ประกาศมา ณ วันที่  ๑  มกราคม  พระพุทธศักราช  ๒๔๕๘  เปนวันที่ ๑๘๗๘  ในรัชกาล     ปัตยุบันนี้     ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๓๒  พ.ศ. ๒๔๕๘  วันที่  ๑   มกราคม  หน้า ๒๓๒๐. จากคุณ : V_Mee (V_Mee) - [ 4 ก.ค. 49 07:01:36 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ต่อมาในตอนปลายรัชกาลโปรดให้แก้ ณ กรุงเทพ เป็น ณ อยุธยา  ดังนี้ครับ ประกาศ แก้เครื่องหมายนามสกุลสำหรับราชสกุล ------------------------ พระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้ประกาศทราบทั่วกันว่า ตามความในประกาศเมื่อ  วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๘ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้สืบสายแต่ราชสกุล ใช้คำว่า            “ณ กรุงเทพ” ต่อท้ายนามสกุลอีกชั้นหนึ่งนั้น  บัดนี้ทรงพระราชดำริพิจารณาดูเห็นว่า คำว่า “กรุงเทพ” นั้น เป็นคำใช้นำนามมหานครอันเป็นราชธานี เช่นใช้ว่า “กรุงเทพมหานครบวรทวาราวดี ศรีอยุธยา” เป็นนามของพระนครศรีอยุธยา เมื่อเป็นราชธานีในปัจจุบันนี้ คำว่า “กรุงเทพ” จึ่งหมายความได้เป็น ๒ แห่งอยู่ คือว่า พระนครศรีอยุธยา หรือ พระนครอมรรัตนโกสินทร์นี้ ไม่ชัดว่าแห่งใด ก็พระบรมราชวงศ์นี้ เดิมเป็นสกุลมหาศาลอันหนึ่งอยู่ในพระนครศรีอยุธยาเมื่อเป็นราชธานี  ควรจะใช้นามให้ตรงกับ     มูลเหตุแห่งพระราชพงศาวดารให้ชัดเจน  จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ดำรัสสั่งว่าให้เปลี่ยนนาม      “ณ กรุงเทพฯ” ใช้นามว่า “ณ อยุธยา” แทนตั้งแต่วันมหาจักรี ที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๖๘      เป็นต้นสืบไป ประกาศมา ณ วันที่  ๒๔  มีนาคม  พุทธศักราช  ๒๔๖๗ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๔๑ (๒๙  มีนาคม  ๒๔๖๗) หน้า ๔๖๑๙. จากคุณ : V_Mee (V_Mee) - [ 4 ก.ค. 49 07:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จากคุณ : je_ten_prie ค่ะ คุณอานันทวีปเป็นลูกคนไทยค่ะ คุณพ่อของคุณชายเป็น มล.ในราชสกุล ชยางกูรมีน้องสาวคนไทยรู้สึกจะชื่อคุณเชอรรี่รึยังไงนี่ไม่ทราบ ส่วนชาวฮ่องกงนั่นเป็นสามีใหม่ของคุณแม่ค่ะ แล้วก็มีลูกใหม่เป็นผู้หญิงหนึ่งคน จากคุณ : ชิเนโกะ - [ 4 ก.ค. 49 09:41:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มีคนที่ทำงานมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง สามีเป็นหม่อมหลวง ต่อมาหย่ากันแล้ว ผู้เป็นภรรยายังอุตส่าห์ดั้นด้นใช้นามสกุลของสามี และมี ณ อยุธยาต่อท้ายด้วย จนคนรู้สึก.... จากคุณ : ชาว ม... - [ 5 ก.ค. 49 12:45:48 A:203.113.51.4 X:203.151.140.118 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ที่ผมได้ยินมามีเรื่องแปลกยิ่งกว่านั้นอีก   สมัยนี้เป็นสมัยที่กฎหมายอนุญาตให้ภรรยาคงใช้นามสกุลเดิมของตนได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของสามี   ทีนี้ก็เกิดมีมนุญ์ผู้ชายอยากจะใช้นามสกุลตามภรรยาขึ้นมา  เพราะนามสกุลของภรรยาเป็นราชสกุล  อย่างนี้ก็มีด้วย  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีบุคคลในราชสกุลนำมาหารือกับผม  ผมได้ยินแล้วก็งงไม่สามารถจะเอาหลักใดมาอธิบายได้เหมือนกัน จากคุณ : V_Mee (V_Mee) - [ 5 ก.ค. 49 23:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 งั้นขอรบกวนถามสักนิดนะคะ ตามที่ "รวมทั้งภรรยาของผู้ที่เนื่องในพระราชวงศ์ที่มิได้ถือกำเนิดในราชสกุล  กล่าวคือ ภรรยาที่จะใช้ ณ อยุธยาได้นั้นต้องเผ็นผู้ที่เกดมาในราชสกุลและมีสิทธิ์ใช้ ณ อยุธยามาแต่กำเนิด  ส่วนภรรยาที่มาจากสามัญชนที่มิได้เนื่องในพระราชวงศ์นั้นจะใช้ ณ อยุธยามิได้  เพราะมิได้สืบสาโลหิตโดยครงลงมาจากพระราชวงศ์" ถ้าอย่างนั้น เหตุใด ตอนนที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ทรงดำรงศักดิ์เป็นหม่อม ถึงได้ใช้ ณ อยุธยาได้คะ ขอทราบเป้นความรู้เท่านั้นค่ะ จากคุณ : vikvikky (vikvikky) - [ 7 ก.ค. 49 17:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ทึ่คุณvikvikky เข้าใจน่าจะถูกต้องแล้วนะครับ เพราะถ้าดูตามประกาศพระบรมราชโองการที่ว่า "เพราะฉนั้นห้ามมิให้ผู้หนึ่ง ผู้ใด ที่มิได้เปนผู้สืบสายราชตระกูลใช้คำ  “ณ กรุงเทพ”  เปนนามสกุลฤาต่อท้าย นามสกุลของตน แม้แต่ผู้ที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตพิเศษให้ ถือ นามสกุลสำหรับราชตระกูลได้....." นี่ก็ชัดเจนแล้วนะครับ สำหรับกรณีของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ (หรือแม้แต่หม่อมสุจาริณี) เมื่อครั้งเป็นหม่อมนั้น อาจจะมีผู้หวังดี หรือมีผู้เข้าใจผิดไปเติมสร้อยนามสกุลให้ก็เป็นได้ หรืออาจจะเป็นอย่างที่คุณV_Mee บอกว่า กฤษฎีกาไปตีความว่าให้เติมเป็นสร้อยนามสกุลได้ จึงใช้กันต่อมาในระยะหลัง ๆ จากคุณ : วศินสุข - [ 7 ก.ค. 49 19:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พระองค์หญิงศรีรัศมิ์ นามสกุลเดิมว่า อัครพงษ์ปรีชา ค่ะ มีใครพอจะรู้จักบ้างใหมค่ะ คนที่ต้องการทราบก็หามาให้แล้วนะคะ หากไม่เหมาะสมลบกระทู้นี้ได้เลยคะ จากคุณ : นู๋นัท - [ 14 ก.ค. 49 21:20:52 A:203.154.51.126 X: ]