ความคิดเห็นที่ 1 และอีกข้อก็มาจากเราไม่รู้ หลาย ๆท่านจึงไม่รู้จะตั้งถามคำถามอะไร คำถามที่มีมา ผมเชื่อมั่นมากเลยว่า ถ้าท่านศึกษาจากหนังสือ จะทำท่านกระจ่างมากขึ้น ศึกษาครับ ศึกษา หรือบางข้อกว้างไปและต้องใช้เวลาในการตอบ และถึงจะตอบไปแล้ว tonmelb เชื่อว่าคนอื่น ๆ ที่เข้ามาอ่าน ไม่ค่อยจะได้ประโยชน์หรอกครับ (แน่นอน บางคำถามนี่เป็น----การบ้าน---โดยตรงเลย ถามมาทาง mail ผมก็มี อยากให้มาติวก็มี เงินใครก็คงอยากได้ แต่ไปตามบ้าน ผมคงได้คลานกลับบ้านแน่ และทุกวันนี้ ไม่มีเวลาไปจีบใครเลย) น้อง ๆหลายคนหลอกคนแก่ได้ พอได้เราแล้ว ก็ทิ้ง เอ๊ย ไม่ใช่ เมื่อผมช่วยเรื่องการบ้าน บอกว่าจะขยัน หายจ้อยเลย โผล่มาอีกครั้งอีก 3 เดือน ผมก็ต้อง bye bye หลายท่านเมื่อได้อ่านคงเห็นภาพชัด เราก็พยายามมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ที่อยากจะช่วยให้เก่ง แต่หลาย ๆคนหวังพึ่งการบ้านอย่างเดียว บางครั้งไม่ตอบ ก็โดนว่าอีก(ในอดีต) ทำนองว่า อาสามาตอบ พอถาม ไม่ตอบ หรือไม่รู้จริง ########### คิดกับตัวเองบ่อย ku ได้ไรบ้างว่ะนี่ อาสามาเนี่ย######## pardon my French คิดอย่างนี้จริง ๆนะครับ Well, please trust me and give me a chance so that I can do something little and unimportant for Thailand and Thais. I have been doing this six years already. I shall walk on. Don’t get me wrong. I am so, so happy right now. I have a much more active determination to help Thais. This improves my English too. I want you to use English carefully and precisely. The writing is free in style. It will be written without worry/fear of making mistakes. Certainly sir/madam. All mistakes will be corrected if any by me or anyone. เพราะเรื่องนี้คง clear เเล้ว เขียนดึก ๆ หรืออะไรก็ตาม มีผิดพลาดเสมอ ถ้าท่านเห็น ช่วยเเก้ จักขอบคุณ เพราะหลาย ๆ คนดีกว่าคนเดียวเเน่ครับ The writing is to be (hopefully) updated every 2-3 days. See you again soon. RIP ดร. อภิวัฒน์ วัฒนางกูร You are gone to the Heaven but your memory will live on for ever. จากคุณ : tonmelb - [ 8 ก.ค. 49 20:53:01 A:203.209.115.26 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 2 :D [b]English tonmelb Style is not about English only but also my life. You can join me telling me and us friends about your life in English. [/b] I have been on diet for five days already. I completely stopped drinking น้ำอัดลม and coffee, ครับ. I eat various and different fruits at night. I am back having breakfast in the morning. Yep. I cut the portion by half. I do the same with my lunch. At the moment I have a spicy Thai salad- ส้มตำ- plus a bag of water melon. I now drink a lot of water. Not stopping yet. I get up two hours earlier. By next month I am planning to go to gym, everyone. Tonmelb goes to gym. Wow. I like to see that. I will be trying to eat less meat and more on fish. You know? This is the very first time in many, many months that I have brought a CD. Yep. I have not been looking after myself well enough. Lucky for me that I am neither a drinker nor smoker. About my column, I will remain upbeat and positive about my doing. I know I will make mistakes in my writing. Writing late at night and so many things going on my mind. Something like that. But I will try my best to come back and correct the mistakes. [b]แต่จะไม่เครียดแล้ว เมื่อก่อนเครียดบ่อย โกรธบ่อย ตอนนี้จะรับแต่ด้านดีของชีวิต คุณเช่นกัน ถ้าเครียด หรือไม่ดูแลตัวเอง เริ่มกันใหม่กันดีกว่าครับ [/b] จากคุณ : tonmelb - [ 8 ก.ค. 49 22:02:49 A:203.209.121.205 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 3 9 July 2006 I got up a bit late this morning: 9 am. I meant to get up around 8 am on Sundays. You know what? I have just lost 2.5 kilos. I have lived on a healthy and balanced diet. This morning I had different and various fruits i.e. watermelons, green apples and pomelos. From “LTP Dictionary of Selected Collocations” the book says something worthwhile under the topic – Building your vocabulary- : “One of the best ways to build your vocabulary is to remember collocations rather than single words. If you work or study in a particular area, it helps if you record collocations you find when you are reading. Collocation is one of the best ways to improve your English. The key is “reading”. ไม่ได้ท่องศัพท์ แต่อ่าน ๆๆๆ อ่านแล้วอ่านอีก เปิดหาศัพท์จาก Dictionary สม่ำเสมอ ไม่ใช่ไม่เป็นเลยนะครับ ให้อ่าน และยิ่งอ่านมาก ๆ พร้อมกับดูความหมายจาก dictionary เช่น อ่าน 1-2 articles หรืออะไรก็ตาม เราก็จดศัพท์ไว้ที่อยากรู้ เริ่มจากน้อย ๆ ก่อน และเปิด dictionary 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ work sure ปฏิบัติแบบนี้ประจำไปเรื่อย ๆ คุณได้ศัพท์ ได้ความหมายไปเอง โดยไม่ต้องไปท่อง ปัญหาไม่ใช่ว่าคุณ ๆไม่รู้ แต่ปัญหาคืออะไร คุณทราบดี ถึงปัญหานี้จะไม่ใช่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ส่วนใหญ่เลย ครู/อาจารย์สอนไม่ดี ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้านักเรียนไม่ขวนขวาย ขวนขวายหาคำแนะนำที่ดี นี่หนักกว่า ผมเลยเรียนอยู่ในระบบไทยถึง 17 นะครับ ก่อนจะไปเรียนที่ Australia เมื่อนั้นภาษาผมก็เหมือนคุณ อาจจะดีที่ว่าพอพูดได้บ้าง แต่งู ๆ ปลา ๆ แต่ครั้งนั้นเมื่อ 18 ปีก่อน ผมก็ขวนขวาย แต่ไม่เคยมีใครมีแนะนำอะไรดี ๆ คำแนะนำดี ๆ นี่ก็สำคัญมาก ๆ มันสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้เลย cd เอย internet etc เมื่อ 18 ปีก่อนมีที่ไหน โชคดีที่ได้ไป Australia แต่หลาย ๆคนที่ไม่มีโอกาสอย่างผม หรืออะไรก็ตาม นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งว่า ถ้าคุณอยากเก่ง อยากใช้ได้จริง ๆ ต้องขวนขวาย 3-4 เท่า เพราะเมืองไทยไม่ได้ใช้เป็นภาษาที่สอง Thai is spoken here. จึงทำให้ขาดแรงจูงใจในการฝึกฝน ขาดโอกาสฝึกฝน ทบทวนนอกห้องเรียน แต่คุณก็ยังจะเก่งได้ ใช่ คือ ตัวคุณ ทัศนคติของคุณ วินัย ความขยัน ความอดทน ความไม่ยอมแพ้ และอะไร ๆอีกหลายหลายอย่าง tonmelb ให้คำแนะนำที่จริงใจและดีต่อคุณได้ on how to learn English best แต่นั่นแค่คำแนะนำ ถ้าคุณไม่เปลี่ยนนิสัยและทัศนคติ และไม่ตั้งใจจริง ไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน ----------------------------------------- ก็ไม่มีอะไรที่ดีเกิดขึ้น----------------------------- ถ้ายังมีคำถามว่า บ้านเราไม่ใช่เมืองขึ้นใคร ทำไมต้องเรียนภาษาอังกฤษ หรือครูแย่ จน ฯลฯ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ค. 49 11:44:44 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การรู้ภาษาอังกฤษอย่างเดียวคงไม่ได้ช่วยให้ประเทศเราเจริญหรอก แต่ทักษะทางนี้ก็จำเป็น จำเป็นสำหรับคุณ และยิ่งจะทวีความจำเป็นมากขึ้นกับลูก ๆหลาน ๆ ของคุณ ผมอยากบอกว่า ผมเข้าใจว่า การขาดแรงสนับสนุนจากระบบ ขาดแรงจูงใจมันหนักหนามาก ดูตัวอย่างผมเป็นต้น ผมคือ bilingual ทุกวันนี้ผมก็ฝึกฝนทุกวัน สม่ำเสมอ ซื้อหนังสือ ศึกษา เพื่อนครูฝรั่งถามปัญหาภาษาอังกฤษเกือบทุกวัน แต่ผมก็เป็นแค่ bilingual ในสายตาคนไทย ผมสอนเป็นภาษาอังกฤษได้ ผมอธิบายให้เข้าใจจริง ๆ ผ่านทางภาษาแม่คือภาษาไทยได้ยอดเยี่ยม แต่ก็เท่านั้น ภาษาไทยที่อธิบายไปไม่มีค่าอะไร เพราะคนไทยหลาย ๆคน ก็ตีค่าผมว่าเป็นแค่ครูคนไทยอยู่ ผมภูมิใจที่เกิดเป็นไทย แต่ที่เล่าให้ฟัง เพื่อให้เห็นว่า จะมีครูคนไทยสักกี่คนที่พยายาม ๆๆๆ จนเป็น a bilingual แล้วก้เท่านั้น เพราะคนของเราเรียกหาฝรั่งตลอด ถึงแม้เขา/เธอจะไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ก็อยากเรียนกับครูฝรั่ง ผมเห็นด้วยว่าต้องเรียนกับเจ้าของภาษา แต่เป็นในลักษณะ teamteaching เพราะเจ้าของภาษาไม่ใช่ทุกทุกอย่างของขั้นตอนการเรียนภาษาที่สมบูรณ์ ผมไม่เชื่อว่า ภาษาจะยากเกินความเข้าใจของคนไทย ทำไมคุณ Andrew, Khun Todd และอดีตทูตอเมริกาที่ออกรายการ---ชีพจรโลก ของคุณสุทธิชัย หยุ่น--- จึงพูดภาษาได้ดี ได้ชัด ภาษาอังกฤษไม่ยาก ที่ยากคือ----------------------------------ใจคุณ----------------------------------- I have stopped thinking that way: no matter how hard I have tried, I shall never be as good as a native speaker. Or, you are invisible to Thais-your own people. In fact i do not make a comparison anymore. I let people choose. I get stronger and walk on. I do this because I care. This is the reason I gave to myself why I keep spending time writing on the computer day by day. ผมรู้ว่าทุก ๆวัน มีหลาย ๆคนพยายามจะหาทางลัด หรือไม่ได้จะพัฒนาภาษา แต่การบ้านต้องเสร็จ เพราะมันยาก อาจารย์ได้แต่สั่ง หรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าคุณพร้อมจะเปลี่ยน ขอเป็นกำลังใจให้ I will do my best every day. See you again soon จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ค. 49 11:51:11 A:203.209.117.97 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Right on, man! จากคุณ : o;] - [ 9 ก.ค. 49 15:50:03 A:221.128.96.187 X: TicketID:012689 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณครับบบบบบบบบบบ @@@@@@@@@@@@@ Hi there. i know that you are getting yourselves ready for the biggest game on earth. Me too. Soccer is regarded as “a beautiful game”; while tennis “a gentlemen’s game”. Please correct me if I am mistaken. How do I feel right now? A bit hungry is the word. I am on a diet. Just let to let you know. Even if I feel a bit hungry, I feel more active and energetic. I think better. My concentration is improved. I feel more and better. Don’t underestimate the power and value of fresh fruit and vegetables. I have always wanted to show off my beautiful Thai culture and the beauty of English. You can get better at English all the time. Listening more. Read more. Write more. Think more. Observe and ask questions more. People who know me like my keen sense of observation. I like to observe things. One of the best ways to learn Language is to feel and observe it. Let’s put this way. English is like a person you love and care dearly. How’s that? Yes. You will get better at English because you care. I like English. I will do the same thing with the woman I love. So when you love someone; you will want to spend your time with her/him every day. This is my happiness. I am the man who knows my heart and moral duties well. As a teacher of English, I love to exceed my students’ expectations. I like them to go for it. I like to motivate them and hope them to come to senses that: it is important that you put your heart and soul into it. As a Thai, I realize and appreciate Thai people’s difficulty with the language for I was myself an ESL learner before. ESL stands for English As a Second Language. You do your best. This is enough. ตรงนี้สำคัญกว่าครับ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ค. 49 23:18:06 A:203.209.121.139 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ One can benefit a lot from reading. Please study these sample sentences. “Congratulations on an informative and profession piece of journalism. I hope you will continue to treat the Queen with the respect she has earned and so richly deserved.” Tonmelb คิดว่ามีประโยชน์มากที่เราจะรู้ว่า rich ไม่ได้หมายความว่า --- รวย – เช่นใน Someone is rich. เท่านั้น จากการอ่านประโยคนี้ คุณได้รู้เพิ่ม richly ใช้กับ deserve ทำนองว่าสมควรอย่างยิ่ง เช่น Joy has achieved the success she so richly deserved. Richly ยังใช้คู่กับหลาย ๆคำ Queen ที่นี่ คือ Queen Elizabeth ครับ Japan’s underwhelming performance เราเคยเห็น Overwhelming แต่ underwhelming คำใหม่ที่น่าสนใจ The smart mouth with a sweet heart I’m not surprised that Tyra, 32, has achieved such phenomenal success. She’s one of the most hardworking people I know เราได้เรียนว่า phenomenal success หลีกหนีคำเดิม ๆ great success แน่นอน phenomenal success มันมากกว่า If you enjoy flying first class with our competitors may we recommend our business class cabin? ประโยคนี้ชี้ให้เห็นว่า เพราะต้องการให้อ่านแล้วดี สุภาพ ประเภท a good feeling piece of ad เลยต้องใช้ may ? If clause If you work or study in a particular area, it helps if you record collocations you find when you are reading. If clause มี if 2 ตัว --------------- เครื่อง com บอกประโยค fragmented ควรจะ revise ไม่นะ ได้ feeling ดี ตรง feeling Tonmelb ก้อยากจะถามเหมือนกันว่า มันผิดตรงไหน และถ้าผิด จะใช้ไม่ได้หรือ มันได้ feeling ดี อ่านแล้วเข้าใจ get ความหมายเลย จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ค. 49 23:21:14 A:203.209.121.139 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ Live every day like it’s a Friday. ดูการใช้ A Friday นะครับ ว่าต่างจาก Friday (On) Fridays = every Friday ต่างจากข้างบนอย่างไร Everyday ต่างกับ every day ต่างกันอย่างไร? By the time we are 16, we have lost just about all hope of being able to speak a second language without a telltale accent, ทำให้เราทราบว่า A telltale accent คืออะไร (ถ้าเปิดดู Dictionary นะครับ) Source: all from Time Magazine จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ค. 49 23:22:26 A:203.209.121.139 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 9 การอ่านช่วยในเรื่องศัพท์ ความเข้าใจ pattern ต่าง ๆ นะครับ ใช่ครับ การอ่าน มันกินเวลา มันใช้เวลามาก มีหลาย ๆท่านว่าต้องพูดให้ได้ก่อน tonmelb เห็นด้วยนะ เพราะ Language starts with an ear. (รวมถึงฟังบ่อย ๆ) แต่ แต่ แนะด้วยรักและผูกพันว่า อย่าเพลินฝึกพูด เพราะจะไม่นานนักเลย ที่คุณจะตัน เพราะไม่มี----ประโยคที่จะพูด หรือได้พูด แต่ใช้คำผิด และอีกสารพัด----------------- --------------ไม่เป็นไรนะ ถ้าพูดแล้วผิด อย่าหยุด แต่ที่ผมหมายถึงคือ ต้องอ่าน ๆๆๆๆ และศึกษาหลักภาษาไปด้วย--------------- ผมนั่งเขียน (และฟัง CNBC, BCC, CNN, BMBG etc ไปด้วย) 2 ชั่วโมงกว่า they say that in business time is money. และผมไม่ได้เขียนวันนี้วันเดียว สิ่งที่เขียนมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อหลาย ๆคน รวมถึงผมด้วย ที่ผมสามารถเข้าใจภาษาได้ดี จากการ------------เสียเวลา การเอาเป็นธุระในการเขียน---------- ผมเชื่อว่า ถ้าคุณ Make learning English your serious business. คุณสำเร็จแน่ ๆครับ เรา ๆ ท่าน ๆ be evasive คงต้องถามตัวเองชัด ๆ ดัง ๆ ว่า --------------------- เราอยากจะเก่งภาษาได้ในระดับหนึ่งหรือเปล่า ถ้าการทำฝันนั้นให้เป็นจริง คือการต้องสละเวลาในการฝึก และแบบต่อเนื่อง-------------------- เส้นทางนี้ จ่ายเยอะนะครับ ผมหมดเงินกับหนังสือก็เยอะนะ เวลาก็เสียมากกับการทุ่มเทด้วย แต่ ไม่จำเป็นเลย ที่จะซื้อหนังสืออย่างผม ผมชอบหนังสือ ผมก็ซื้อ เหมือนคุณผู้หญิงชอบกระเป๋าหรือรองเท้า คงต้องลงทุนบ้าง เช่น เรียน หรือ ติด UBC แต่ You are the most important on earth. ติด UBC และฝึกฝนสม่ำเสมอ buy a newspaper once a week อ่าน scoop ที่ชอบ และเปิดดูศัพท์จาก Dictionary จนเป็นนิสัย --------------------ให้เวลากับภาษาและตัวเอง และมีความสุขกับเวลาที่เหลืออยู่ในโลกนี้ครับ--------------------- ปัญหามีทุกคน ผมก็มี เพราะเป็น—มนุษย์—เช่นทุกคน คุณไม่ถามผมหรือว่า ทำไมผมต้องทำงาน 7 วัน และถึงจะทำงาน 7 วัน ทำไมผมยังมีเจียดเวลามาเขียนอย่างสม่ำเสมอ We will never give up or give in. See you again soon and enjoy the game ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ค. 49 23:24:50 A:203.209.121.139 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 10 July 11, 2006 Hi there. How are things so far for you guys? How is your English study? Is English too difficult to learn or difficult? My answer is both yes and no. Yes. It seems to get more and more confusing and complicated if you do not do your study or if you do not put your heart and soul into it. No. Trust me. It does get easier and less complicated when you invest sufficient time studying it. It is also important to aim for acquiring proper English through proper training. It will not happen overnight but it will if you stick to it. It is about commitment. Tonmelb คงอยู่บ้าน นาน ๆจะได้พักสักที เพื่อน ๆพี่ ๆไปไหนหรือเปล่า วันนี้? ผมจะมีทั้งนักเรียนที่ชอบ style การสอนผมและมีทั้งที่รู้สึกว่า ผมสอนกว้างไป ความรู้สึกของนักเรียนของ 2 กลุ่มถูกหมดนะครับ แต่ไม่ถูกหมด ความจริงผมสอนตามหนังสือได้ และสอนแบบครอบคลุมได้ นักเรียนที่บอกว่าผมสอนกว้าง เพราะผมไม่ชอบสอนตามหนังสือนัก เพราะรู้สึกว่า มีน้อยเล่มมากที่จะให้ความหวังได้ว่า สามารถทำให้เราเข้าใจภาษา เข้าใจวัฒนธรรม เข้าใจแนวความคิด etc ได้เลย หนังสือหลายเล่มเหมือนกันหมด (ซึ่งเป็นเรื่องของการตลาด) ได้อ่าน ภาพลวงตาจะมีว่า ภาษามีแค่นี้ ถ้าอ่าน/ศึกษา และได้คะแนนสูง ถือว่า-------------เข้าใจภาษาแล้ว----------------- ---------------------ไม่ใช่ครับ------------------------- จากคุณ : tonmelb - [ วันเข้าพรรษา 17:53:43 A:203.209.117.12 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ สถาบันที่ผมสอนอยู่เช่นกัน ผมโชคดีที่เขาให้อิสระในการสอน ผมสอนตามหนังสือก็จริง แต่ผมจะ study อย่างละเอียด เพื่อจะได้มีมุมมองอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อนักเรียน แน่นอนใน frame กรอบของหนังสือที่ให้ว่า นักเรียนก็โชคดีที่มีผม (แต่ผมก็เศร้าใจอย่างหนึ่งว่า คนที่เรียน คนที่อ่าน ควรเป็นนักเรียนด้วย ไม่ใช่ผม) หนังสือต้องการ/ให้ภาพ/ความรู้สึกว่า ภาษาง่ายต่อการเข้าใจ ใช่ ภาษาไม่ยากนะ แต่แบบนี้ ไม่ใช่ --------------------หนังสือเนื้อหามันง่ายเกินไปเเละไม่ตรงกับในการใช้ในชีวิตประจำวันนัก-------------------------- มันเป็นธุรกิจนะ ถ้าไม่ใช่ผู้ที่จะจ่ายเงินรู้สึกว่า คุ้ม ว่าง่าย เขาก็ไม่จ่ายเงิน ซึ่งคุณที่คิดเช่นนั้น แล้วอยากได้เช่นนั้น ก็ผิด เพราะถ้าต้องการเก่งภาษา --------------------เราต้องให้ใจ เราต้องอยากเรียนก่อน เสียเงินต้องเสียอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าถ้าบริษัทไม่กระตุ้น ผม/ดิฉันก็ไม่เรียน --------------------------------- จากคุณ : tonmelb - [ วันเข้าพรรษา 18:04:56 A:203.209.117.12 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ While writing this, I am watching (should say listening because I only listen to the movie) “Homeless to Harvard”. A brilliant movie. You learn and enjoy learning English learning it this way. Do not need to make it a big deal when it comes to English. Teachers should let students experience English. Rules are important. But they re useless and meaningless and for God’s sake- just confuse them more. ไม่ว่าครูหรอกครับ ผมรู้ดีว่าอะไรคืออะไร I want my students not just to learn English. Feel it. Taste it. Smell it. Experience it. You learn it because you want to get good at it and use it with ease. You learn it any one language so that you may use that language masterfully. I like you to see a bigger/boarder picture. I want to help you to see beyond grammar. หนังสือเป็นแค่ส่วนหนึ่ง อย่าพึ่งมันทุกอย่าง ไม่มีประโยชน์ว่า เหมือนเพลง I’ve never been to me I’ve been to paradise. But I’ve never been to me. จากคุณ : tonmelb - [ วันเข้าพรรษา 18:13:43 A:203.209.117.12 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีหลายคำถาม เช่น จะ enjoy ได้ไง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือพิมพ์ เปิด Dictionary เพราะอ่านไม่ออก ฟังไม่ออก เพราะไม่รู้ศัพท์ etc ----------- คุณภูมิใจได้เลย ถ้าใน class ผมได้ยินคำนี้ ผมจะชี้นิ้วชี้แบบท่านสมคิดเลย ชอบมากเลย Bingo------- ที่ผมว่าดีที่ถาม เพราะมันแสดงว่า คุณเริ่มจะลุกขึ้นมาสู้กับมันแล้ว นักเรียนถามผม ผมจะถามกลับไปว่า ให้คุณคิดกลับไปสัก 2, 3 หรือ 5 ปี หรือไกลกว่านั้นที่ผ่านมา คุณทำอะไรบ้างที่จะทำให้คุณ---------------เก่งภาษา---------- คำตอบเดิม ๆ ครับ ทั้งหมด เรื่องการเปิด Dictionary แบบ printed การอ่านหนังสือพิมพ์ ฯลฯ ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา /เธอ ที่หนักกว่านั้น ทัศนคติ กลับมาคุยต่อครับ ผมก็เลยแนะไปว่า แนะหมดเลย พูดในฐานะครู ฐานะคนไทยด้วยกัน ว่าจะต้องทำอย่างไร ว่าจะต้องเจออะไร ฯลฯ น่าเศร้าตรงที่ว่า เกือบทุกคนไม่เรียน หรือเรียน Conversation แทน มันไม่เรื่องเงิน แต่เรื่อง----ใจ--- จนช่วงหลังผมต้องปรับตัวเองว่า นี่คงเป็นความฝัน-ความคาดหวังและความตั้งใจของเราคนเดียวหรือเปล่า ที่จริงก็ไม่ใช่นักทีเดียว เพราะตามจริง คนที่ผมคุณด้วยด้วย ทุกคนมีความฝันอยากเก่ง อยากพูดเก่ง ๆ อยากใช้เก่ง ๆ -------------- ผมคิดว่า มันวิเศษสุด ถ้าเราจะช่วยให้ความฝันคนๆนั้นเป็นจริง เราต้องทุ่ม เพราะเราอยากให้เขาเก่งเหมือนกัน เราแค่ช่วยเขา----------------- But this is all talk. But you can change this. ภาษา, ชีวิตที่ดี, สุขภาพที่ดี และความสำเร็จ มันก็เลือกคุณเหมือนกัน ภาษาเป็นเพียง 1 ปัจจัยที่สำคัญเท่านั้น คุณมี What it takes หรือเปล่า ถ้าไม่มี ก็ต้องขวยขวายนะครับ Success belongs to the deserved ones. จากคุณ : tonmelb - [ วันเข้าพรรษา 18:21:27 A:203.209.117.12 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 14 และอีกคำถามและคำตอบที่ผมมักตอบเสมอ ตอบเพื่อให้กำลังใจนักเรียน คือ เมื่อไรจะเก่ง หรือ ทำไมเราต้องเรียน ทำไมฝรั่งไม่ต้องเรียนไทย? ทุกครั้งที่จะตอบ ผมจะยิ้มและมองทุกคน มองตาทุกคน ข้อแรกตอบได้ แต่ข้อสอง ภาษาของเราไม่ใช่ภาษานานาชาติ ถ้าจะเรียน ขอให้เรียนเพื่อตัวคุณ เพื่องานของคุณ ถ้าจะเรียน คุณต้องมีความสุข และถ้าผมจะบอกว่า ถ้าเราไม่มีความสุข ก็ไม่ต้องเรียน ไม่เรียน เราไม่น่าจะตายนะ เราอยู่เมืองไทย มีเงินก็จ้างฝรั่ง จ้างคนไทยมาทำงานด้านใช้ภาษา ผมหมายถึงเช่นนั้นจริงนะครับ คุณมีสิทธิเลือก มันมีทางให้เลือก แต่เมื่อเลือก ต้องมีความสุขกับสิ่งที่เลือก และสู้ให้ถึงที่สุด เราต้องมีความเคารพตัวเองก่อนด้วยนะครับ Best of luck. See you again soon. จากคุณ : tonmelb - [ วันเข้าพรรษา 18:26:43 A:203.209.117.12 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขยันจริงนะ.......เราเปลี่ยนเป็นสอนหนังสือเด็กๆมั่งจะดีกว่าจะได้ไม่เครียด............ เมื่อก่อนสอนหนังสือเด็กๆจะเตรียมการสอนที่ต้องตัดๆแปะๆหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารฝรั่ง..แล้วเอาไปถ่ายเอกสาร.....แต่สมัยนี้มันน่าสนุกกว่าสมัยก่อน  ก็เพราะว่ามันหาสื่อการสอนแบบ multimedia ได้ง่ายมากๆ เมื่อก่อนไปสอนนอกบ้านแบกตำราไปจนเมื่อยมือ  แต่ตอนนี้ใช้ notebook computer เครื่องเดียวใส่อาวุธพวกนี้ลงไปครบมือได้เลย..เช่น Microsoft Encarta กับ Britannica Encyclopedia พวกนี้เป็น DVD ลงโปรแกรมเต็ม จะได้เอา video clips ไปฉายให้เด็กดู  ........ ใส่ dictionaries ที่เป็น software หลายๆชุดลงไปด้วย  ....ดิกหลายชุดมีตัวอย่างประโยคสวยๆอยู่เพียบเลย   ดิกชุดขนาดยักษ์เป็นอาวุธหนักที่มีศัพท์ยากๆครบหมด (เผื่อโดนนักเรียนถามอะไรยากๆโดยไม่รู้ตัว) scan บทเรียนลงไปด้วย..........เอาทั้งหนังสือ grammar กับ writing หรือเรื่องอื่นๆลงไปด้วย หรือ files ที่สร้างขึ้นโดยการ copy ข้อความและรูปภาพจากหน้าเว็บ  เอา sheets ที่จะแจก scan ลงไปด้วย บทเรียนที่คุณ K.Senior ไล่แจกก็ดีเยี่ยม (ที่เขาเอามาจาก VOA)  ........... ภาพยนต์ก็เอาไปด้วย แบกแผ่น DVD เบาหวิวเลย หรือ copy ลง hard disk ยิ่งเบาหวิวใหญ่เลย........ภาพยนต์ถ้าใช้เป็นจะทุ่นแรงมากๆ  ใช้สอน listening comprehension ได้ดีมากๆ   แค่เวลาสอนจริง อย่าเอาทั้งเรื่อง  ให้ทำเป็น video clips สั้นๆเฉพาะตอนที่น่าสนใจ  ......เมื่อให้เด็กหัดฟังแล้วหัดพูดตามแล้วก็ให้เด็กใช้เนื้อหาจากภาพยนต์มาทำ pair work แล้ว improvise (กลายเป็นฝึกสนทนา) แล้วบอกให้เด็กเอาศัพท์พวกนั้น ไปฝึกเขียนเรียงความ......โดยการเขียน variations of sentence patterns ให้ดู ............จากศัพท์ง่ายๆว่ามันจะพลิกแพลงไปได้กี่รูปแบบ.......... ถ้าสอนนอกสถานที่พยายามดึงเด็กไปตรงที่มันมีสํญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สาย.......มันสุดๆเลย..... เราอยากสอนภาษาอังกฤษในสถาบันที่มี computer network ใหญ่ๆ แล้วคอมทุกเครื่อง on line หมด มีนักเรียนทุกคนนั่งอยู่หน้าคอมฯ .....รับรองว่ามันมากๆ ..........สอนจาก Internet ไปเลย  ทรัพยากรมีเพียบเลย...... เราเอาทุกอย่างที่เตรียมไว้ใน notebook computer แล้วเอาไปต่อกับ network ฉายไปที่จอใหญ่ๆ...........ลองหาสื่อการสอนอย่างที่เราว่าสิ ..... แล้วเขียนให้น้อยลง  คุณจะเหนื่อยน้อยลงนะคุณ tonmelb....แล้วภาษาอังกฤษคุณจะเก่งขึ้นมากๆด้วย  เนื่องจากตอนเตรียมสื่อการสอนเหล่านี้คุณต้องอ่านและศึกษามันไปด้วย .......... ภาษาอังกฤษของเราเลวร้ายลงทุกวันก็เพราะงานแปลนี่แหละ   เจองานด่วนแปลไทยเป็นอังกฤษ  เราเร่งเขียนภาษาอังกฤษเสียจนภาษาอังกฤษเราเละไปหมดเลย....... ถ้าเรากลับไปสอนภาษาอังกฤษใหม่นะ ภาษาอังกฤษเราจะดีขึ้นมากๆเลย......น่าอิจฉาคุณจังที่มีโอกาสสอนภาษาอังกฤษ  เราเคยมีโอกาสแบบนี้มากๆในอดีตแต่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป  เพราะว่าทลึ่งอยากเป็นนักแปล  จนในที่สุดชีวิตเราต้องพังพินาศย่อยยับไปหมด............ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 04:38:07 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 04:37:15 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 04:36:27 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 04:34:55 จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 13 ก.ค. 49 04:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16 "...คุณมีสิทธิเลือก มันมีทางให้เลือก แต่เมื่อเลือก ต้องมีความสุขกับสิ่งที่เลือก และสู้ให้ถึงที่สุด..." >> อา วาทะแห่งปี จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 13 ก.ค. 49 08:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 บางที่เจอ situation แบบ  beggars can't be choosers เข้านะท่านประธานเหมาเจ๋อ เอ้ยท่านประธานแอ๊ด ....... เรื่องมันยาว  แต่หลังจากสู้ตาย  ตอนนี้เรื่องราวกำลังคลี่คลายไปด้วยดี ....เด๋วว่างๆจะเล่าให้ฟัง ......... แต่ที่มาแจมกระทู้คุณ tonmelb นั้น  คืออยากจะบอกว่าความสำเร็จในการสอนภาษาอังกฤษนั้นอยู่ที่การสร้างสื่อการสอนดีๆขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างชาญฉลาด  .....ซึ่งสื่อการสอนยุค IT นี้สนุกมากๆเยย........ จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 14 ก.ค. 49 12:59:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณจริง ๆครับท่านทั้ง 2 เเวะมาเเจมเรื่อย ๆ มีอะไรที่จะเเนะ tonmelb น้อมรับครับ ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ More on regard ครับ Longman Essential Activator ดู list นี้นะครับ ช่วยได้เยอะ Regard: Think/ Have the opinion that Regard: Hold someone in high esteem/regard = Admire Regard: regard/look upon/view somebody with suspicious = trust Regard: with regard to = About Regarding: About Regardless: No matter what/how much etc List directs you to the right Key Word 1. You have no regard for my feelings. ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกฉันเลย 2. Students should have proper regard for their teachers. นักเรียนควรมีความเคารพต่อครู 3. He is held in high regard in this town. คนในเมืองเคารพเขามากในเมืองนี้ 4. Doctors and teachers are held in high regard (= respected very much) by Thai society. 5. She regarded tonmelb coldly/thoughtfully/intently/curiously/closely etc. Regard มองอย่างเพ่งพิศ 6. Ton is widely regarded as one of the most promising tutors. 7. Everyone had a lot to say regarding (about, concerning) the accident. 8. With regard to the matter of unemployment, I would like to add a few remarks to those of the previous speakers. เกี่ยวกับ 9. If you have any questions regarding any of our services, please feel free to call me. 10. You must regard the safety regulations at all times. ( = to pay attention to) จากคุณ : tonmelb - [ 14 ก.ค. 49 23:56:50 A:203.209.121.238 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ 11. Do you regard this issue as important? คุณคิดว่าเรื่องนี้สำคัญไหม? 12. People obviously have great regard for your ability. คนเห็น/ให้ความสำคัญของคุณ 13. What are your views as regards this proposal? 14. Please write if you require further information regarding (about) this matter. 15. In regard to/of Sam’s suggestions, we shall discuss them fully tomorrow. 16. He regards me as his friend. 17. Regard sb/sth (with sth) with affection/approval/distaste/suspicion มองด้วยความ 18. People can have a great/the utmost regard for someone’s judgement/intelligence/achievements 19. You didn’t regard my advice at all. ไม่สนใจ/ใส่ใจ 20. He has to pay regard to public opinion. 21. We all regard Henry highly. 22. Because ton was the teacher’s favourite he was regarded with envy, suspicious and hatred. 23. Offers of rides from strangers should always be viewed with suspicious. 24. A true professional can work with anyone regardless of age, race, or colour. จากคุณ : tonmelb - [ 14 ก.ค. 49 23:59:16 A:203.209.121.238 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 20 -------------------------------------------------------------------------------- ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ การใช้ภาษาอังกฤษตามที่ทั่ว ๆไป หรือในหนังสือพิมพ์ (โดยเฉพาะข่าวประกาศสมัครงาน) มักจะผิดจะพลาด tonmelb ขอยกมาเพื่อ further fruitful discussion นะครับ เช่น Do you believe in the power of future? ถูกหลักภาษา แต่ฝรั่งเขาไม่เขียนแบบนี้นะครับ Power ใช้กับ future ไปด้วยกันไม่ได้ ในมุมมองผมคือ future มัน state / abstract noun อะไรทำนองนี้ future มัน powerful ได้ไง? ถ้าเป็น bright/promising/long etc future ได้ strong collocations ถ้าจะใช้ Power of something นั้น something ที่มี power ต้องสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ มีอำนาจ เช่น The power of oil/money/self-discipline/respect/esteem, of love ใช้เช่นนี้ได้ เพราะมันไปกันได้ มันเป็น strong collocations จากคุณ : tonmelb - [ 15 ก.ค. 49 00:01:49 A:203.209.121.238 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓ If clause สามารถตามด้วย passive structure ได้นะครับ เช่น If I had been warned! Return if undelivered. It taken/used/needed If you are handed lemons, make lemonades. If the EC is allowed to cling to office, then the political playing field will remain skewed in favour of government politicians. For detecting rich opportunity in unglamorous assets อยากให้ดูการใช้ rich กับศัพท์ต่าง ๆ ถ้าจะใช้คำอื่นแทน rich คุณจะใช้คำอะไรแทนดี? ผมอยากใช้คำว่า surprised ดูจาก คำว่า detecting นะครับ จะใช้ great หรือ golden ไม่เหมาะ เพราะ golden /great ไม่ต้อง detect Our dedicated customer service team is ready to help you with any subscriber queries you may have ประโยคนี้ผมมองว่าเพราะกว่าใช้ regarding แทน with ใช้ with – structure ดูมันทำให้ประโยคมัน compact กว่า ถึงแม้ว่า regarding จะเป็น formal word จากคุณ : tonmelb - [ 15 ก.ค. 49 00:04:58 A:203.209.121.238 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ ผมจะเขียนหลากหลายนะครับ ยากบ้าง ตรงไปตรงมา เข้าใจได้เลยบ้าง เช่น ด้านบน อาจจะมีผู้อ่านบางท่าน/คนมองว่ามันลึกไป จะมีประโยชน์แค่ไหน? เพราะสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่ที่มีพื้นฐานไม่ดีนัก ต้องการคือ การอธิบายเกี่ยงกับพื้นฐานให้เข้าใจไปเลย คละเคล้าแล้วกันครับ เพราะผู้อ่านที่มีพื้นฐาน(อาจารย์ภาษา Etc) เกิดเข้าอ่านแล้วเกิดอยากแจมด้วย จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านใช่ไหมครับ? แต่ผมก็ไม่ใช่เก่งอะไรมากมายนะ เพียงแต่ว่า ผมกล้า ผมชอบที่ท้าทายแนวคิดต่าง ๆ ผมชอบที่จะ Discuss เพื่อหาความรู้ สำหรับผม I can do mistakes but once I have made mistakes. I want to learn from them. I want to grow stronger. ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ผิดถูกแก้ไขหรือเสริมส่ง Welcome นะครับ มาช่วย ๆ กัน ถ้าถามผมว่า ผมมีความคาดหวังเท่าไหนเกี่ยวกับ ----------------- การสอนภาษาอังกฤษในบ้านเรา------------------- ------------------ เรียนตามตรง ผมไม่หวังแล้ว ไม่ใช่ดูถูกใครหรือระบบใด แต่มันเกินการเยียวยาแล้ว beyond help ไม่ว่าจะมีคำพูดที่สวยหรูแค่ไหน หรืออะไรก็ตาม ทุกท่านก็รู้ดีว่าอะไรคืออะไร มันวิกฤตแล้ว ผมเองก็ยังต้องประคับประคองตัวเลยครับ คือมันง่ายมาก ง่ายจริง ๆ ในการเหมารวม ว่าครูไทยริมาสอนภาษาอังกฤษ------------------ -----------ทุกวันนี้ผมได้รายได้พิเศษจากสอนติวเพื่อสอบ Exam preparation มากกว่าที่จะติวเพื่อ English for communication หลายเท่านัก (แฮะ ๆ รายได้จากการติว ก็ไม่ได้เยอะนะ) คือไม่มีคนมาติวเพื่อจะไว้ใช้ แบบอยากเข้าใจจริง a competent/capable user ซึ่งผมชอบกว่า เพราะมันสนุกกว่า คือผมคิดว่า workshop คือมาคุยกัน มันดีกว่า มันเข้าถึงกว่าจากการคุยด้วยกัน ความเข้าใจที่จะได้ มันยั่งยืนกว่า etc--------------- ------------------ ใช่มันเหนื่อยยาก และใช้เวลานาน----------------- แต่ถึงแม้สถานการณ์จะเป็นเช่นไร ดู Hopeless ผม hopeful เสมอ จึงมานั่งพร่ำ นั่งเขียน คนจะอ่านไม่อ่าน หรือ อ่านแล้ว คุณอาจจะดีขึ้นเพราะทำตามผมก็ได้ หรือก็อย่างนั้น ๆ แก้ไม่ได้หรอก แต่ผมก็จะเขียน ทำอะไรให้ได้บ้าง ก็จะทำครับ See you จากคุณ : tonmelb - [ 15 ก.ค. 49 00:06:49 A:203.209.121.238 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากเวป krukate ครับ ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ ฝึกอังกฤษด้วยตัวเองทำไมไม่เห็นผลสักที่คะ สวัสดีคะครูเคท หนูพยายามฝึกอังกฤษด้วยตนเองโดยการฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษทุกวัน บางที่ก็ฟังเพลง ดูทีวีของต่างประเทศ ทำไมหนูยังไม่ค่อยเข้าใจและก็ฟังไม่ออกสักทีละคะนี้ก็เกือบเดือนแล้วคะ ครูเคทมีวิธี ดีๆช่วยแนะนำหนูด้วยนะคะ ขอบคุณคะ โดยคุณ mint [29-07-2006 11:28] ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ โดยคุณ it4000 [29-07-2006 17:25] #4356 (2/9) ของผม 3 ปีแล้วฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ก็พยายามต่อไป ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 30 ก.ค. 49 21:22:02 A:203.209.117.215 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โดยคุณ tonmelb [29-07-2006 20:57] #4359 (4/9) เขาไม่ฝึกเป็นเดือนนะครับ เป็นหลาย ๆปี ๆ ด้วยนะครับ (เเละต้องฝึกอย่างถุกวิเเละสม่ำเสมอ) ----------------ผมได้เขียนไว้ในคอลัมน์ผมเเล้ว---------------- นี่คือความจริง ที่คุณต้องทราบไว้ มันต้องใช้เวลาสะสม/ฝึกฝนทักษะ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน เป็น 10 เลย ตลอดชีวิต ผมอยู่กับมันมา 18 ปีเเล้ว ทุกวันนี้ก็ยังฝึก/อ่ายทบทวนตลอด คุณ mint ไม่จำเป็นต้องเชื่อผมหรอก เเต่คุณเป็นคนเดียวในโลกจริง ๆ (ยกเว้นเซียนภาษา) ที่จะรู้ว่า นี่คือเรื่องจริง เพราะผมเองก็ไม่รู้จะโกหกคุณไปทำไม ทักษะทางภาษาที่จะใช้ให้ได้ผล มันไม่ง่ายอย่างที่คิด มันใช้เวลานานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กว่าที่คุณคิด ผมเขียนไว้หมดเเล้ว อยู่ที่ว่าจะมีใครสนใจอ่านหรือเชื่อหรือเปล่าเท่านั้น ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ครับ ฝึกไปเรื่อย ๆ -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ dmte [30-07-2006 08:55] #4360 (5/9) อย่าเครียดครับ ผมเองก็เคยตั้งใจฝีกมากๆ แต่ก็ไม่จริงจังเท่าไหร่ ฟังยังไม่รุ้เรื่องซักที ช่วงหลังๆนี้ผมสนใจน้อยลงเพราะมีกิจกรรมอย่างอื่นมาก แต่ยังงัยก็ยังสนใจอยุ่นะครับ แล้วอยู่ดีดีผมก็ฟังรูเรื่อง ดูหนังเริ่มรู้เรื่อง ฟังฝรั่งพูดก็เข้าใจ แบบแปลกใจตัวเองมากอะครับ ยังไงก็ขอให้มีความตั้งใจแน่วแน่ไว้ แต่อย่าไปคิดมากหรือเครียดกับมันนะครับ โชคดีครับ!! -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ CANTONA334 [30-07-2006 08:59] #4361 (6/9) ขอตอบคุณmint จากประสบการณ์ จริงๆ ครับ ถ้าพื้นไม่ดีนะครับ การฝึกแค่เดือนเดียว ต่อให้คุณไม่ทำอะไรเลย ฝึกอย่างเดียว...การที่จะฟังออก..ยากครับ..แม้แต่จะจับใจความหลักอย่างเดียวว่าที่เราฟังมันเรื่องอะไรยังอยากเลยครับ < กรณีที่พื้นฐานไม่ดี> มันต้องใช้เวลาครับ ส่วนจะนานเท่าไร...มันก็แล้วแต่ว่าคุณจะเอาระดับไหนละครับ...มันอยู่ที่เป้าหมายครับ เช่น 1 .ต้องการเรียนเพื่อพูดคุยพอได้ นานๆ เจอฝรั่งที ไม่ชีเรียสเท่าไรเพราะถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายการงานไม่ข้องเกี่ยวเท่าไร .......ก็ตั้งใจบ้างไม่ตั้งใจบ้างก็สัก 3-6 เดือนก็ได้ละครับสำหรับระดับนี้ 2. ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้มากขึ้น ต้องใช้ทำรายงาน ติดต่อจดหมาย ก็นานหน่อยครับ เพราะต้องใช้หลายทักษะ 3. ถ้าต้องเป็นผู้ประกาศข่าว หรือ นักแปล ล่าม หรือ ขั้น น้องๆเจ้าของภาษา ก็ หลายปีครับ < บางคนอาจเถียงว่าผู้ประกาศข่าว อาจจะใช่เวลาแค่ 1-2 ปีก็ได้แล้ว ก็อาจจะได้ครับ ถ้าอ่านและพูดอย่างเดียว แต่ถ้าจะให้ดีหมดทุกทักษะ..น้องๆ เจ้าของภาษา ต้องขอบอกว่า หน่วยการฝึกฝน ไม่ใช่ เดือน ครับ แต่เป็น ปีS ครับ จากการฝึก มา ตุลาคมนี้ ก็ 3 ปี, 300วัน/ปี ผมพอใจทักษะการพูด, ฟัง, อ่าน แต่เขียนยังไม่ข้อยพอใจเท่าไร ผมไม่ใช้คำว่า ดี แต่เปลี่ยนเป็นคำว่าพอใจแทน เพราะมันมาถึงจุดที่ผม รู้ว่าผมต้องปรับปรุงอะไรบ้าง และผมต้องการภาษาระดับไหน อยากให้ใจเย็นๆครับ และถ้าคุณ mint ยังเด็ก <หรือเปล่า> ผมว่าคุณต้องเก่งแน่นอนครับ สื่อสอนภาษา มีมากมายครับ และมีคนเก่งมากมายใน Internet -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ ประสบการณ์ตรง [30-07-2006 18:17] #4362 (7/9) ถ้าพื้นฐานไม่ดี แนะนำให้ฝึก gramma พื้นฐานไปพร้อมๆกับการพูดด้วย -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ tonmelb [30-07-2006 20:25] #4364 (8/9) อยากให้น้องอ่านคำเเนะนำของคุณ it4000 เเละคุณ CANTONA334 tonmelb สามารถตอบเเทน 2 คนได้เลยว่า เขาทั้งคู่จะไม่ถามเเล้วว่า------------จะเก่งเมื่อไหร่ หรือ เก่งเเล้ว------------- ------------- เพราะความจริงคือ : เขาทั้งคู่ทราบเลยว่า ทักาะโดยภาพรวมมันดีขึ้นเรื่อย ๆ เเละถึงเเม้ว่าจะรู้สึกว่า มันกินเวลานานกว่าที่คิดเมื่อ 3 ปีก่อน ----------------------- 3 ปี ใช่ครับ ฝึกฝนโดยการอ่าน เเละการนำไปใช้ มันจะให้ใช้ถูก ***อเข้าใจเลยหลังจาก 1-3 ปี ไม่มีทางนะครับ อาจมีคำถามว่า หนู/ผม เเค่ต้องการสื่อสารได้ ไม่ต้องการใช้เเบบน้อง ๆ ฝรั่ง พี่ขอตอบด้วยความจริงใจเลยว่า ----------------------------- การปูพื้นฐานให้เเน่นนั้น tonmelb หรือใรก็ตาม ถ้าจะต้องการมีพื้นฐานที่ดี ต้องผ่านขั้นตอนการปูพื้นฐาน 1-4 ปี อย่างเข้มข้นก่อนนะครับ (เรื่องเวลาอาจจะไม่ตรงตามนี้นัก เเต่ tonmelb ให้ระยะเวลาคร่าว ๆ) หลังจากนั้น จะผ่อนเเบบซ้อมเบาๆ ก็ได้ เเละ เป้าหมายที่ว่า --------พอสื่อสารได้------------- tonmelb ว่าคนที่ฝึกมาถึงตรงนี้ น่าจะถึงเป้าหมายนี้นะครับ เเต่ไม่ใช่นะครับ เเบบว่า ---------ขอเเค่สื่อสาร--------- เเล้วฟัง อย่างเดียว ไม่ใช่นะครับ ช่วงเเรกต้องฟังมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็ถูก เเต่หลังจากนั้นต้องอ่านเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เเละศึกษาหลักภาษาไปด้วย 1-4 ปี ขอให้โชคดีครับ -------------------------------------------------------------------------------- โดยคุณ tonmelb [30-07-2006 21:07] #4365 (9/9) มี research เเละบทความจาก Time Magazine กล่าวถึงฝรั่งเรียนภาษาจีน เเละนี่คือบางส่วนนะครับ i now speak Chinese, in life and in work, on a daily basis. The experience continues to be humbling. ( เรื่อย ๆ ธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ ตรงนี้เป็นนัย ๆว่า ก็ยังไม่เก่งกาจอะไรนัก เเค่ใช้พอได้ ผ่านไปวัน ๆ ยังต้องฝึกฝนอีกมาก) A recent reporting trip brought me back... where I had lived eight years ago. ... i met the woman in charge of delieving hot water... during my days as astudent. " Your Chinese has improved,"... " But you can keep studying..." คุณจะเห็นว่า คน ๆนี้ใช้/ฝึกฝน 8 ปีเเล้ว ก็ยังพอใช้ (เเต่ก้ถือว่าเก่ง) คนไทยกับภาษาอังกฤษ คงไม่หนีกันนี้มากนัก ในความคิดของผม ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าจะยกตัวอย่างหรือ อะไรก็ตาม เพราะ----------อยากให้นฝึกเห็นภาพจริง ๆ ว่าเป็นเช่นไร อยากให้คุณ ๆน้อง ๆพี่ ๆ ได้ภาษาจริง ๆจากการฝึกฝน----------- ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เเละ tonmelb ก็ปฏิเสธที่จะเชื่อว่า หรือยอมกับเเนวคิดที่ว่า ------------การให้อะไรกับใครฟรี ๆ เขา/เธอ จะไม่เห็นค่า หรืออะไรก็ตาม ใครจะเห็นไม่เห็น ไม่สำคัญ tonmelb ได้เเล้ว------------ Best wishes จากคุณ : tonmelb - [ 30 ก.ค. 49 21:24:41 A:203.209.117.215 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 25 3 August 2006 Wow. Absolute Adverbial Phrases / Absolute Phrases ผมขออนุญาตตอบแบบพอสังเขปนะครับคุณ Whitehawk และพร้อมกันนี้จะขอ add any useful extra information here. Part I: Khun Whitehawk's questions: ๑. Absolute Phrase- used to modify the sentence? Yes. We use this phrase to modify the main sentence. But please also understand absolute phrases act independently; they modify no particular word in the main clause. ขอขยายความว่า Absolute phrases ขยายความประโยคหลัก (= sentence modifier) และขยาย verb ได้ เพราะมันทำหน้าที่เช่นเดียวกับ adverbได้ ในขณะนี้อีกนิยาม เพียงถือว่า Absolute phrases มันอยู่อย่างวลีอิสระ ที่มีขึ้นมา เพราะต้องการแสดง----- เหตุ---- และ the main clause แสดงผลที่เกิดขึ้นจากวลีนี้ครับ ๒. The two superstars signed autographs into the night, their faces beaming happily. A beautifully –written sentence! This sentence can be broken into 2 smaller sentences: 1. The two superstars signed autographs into the night. 2. Their faces were beaming happily. ที่ใช้ Absolute phrase เพราะต้องการรวม 2 ประโยคเป็น 1 เดียว ทำให้ประโยคสละสลวยมากขึ้น และสาเหตุที่เขาเลือกเปลี่ยนประโยคที่ 2 เป็น Absolute phrase เพราะประโยคที่ 2 เป็นประโยคที่มีเนื้อความรองครับ @@@@@@@ โปรด note ว่า ประโยคนี้ประธานเป็นคน ๆ เดียวกัน @@@@@@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ส.ค. 49 01:33:30 A:203.209.121.191 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อนุญาตยกตัวอย่างที่สร้างมาใหม่เพิ่มครับ Tonmelb sang this song beautifully. A beam of happiness spread over his face. / His face was showing his happiness. Tonmelb ต้องการเรียกใช้ Absolute phrase ทำได้ดังนี้ @ ทำประโยครอง A beam of happiness spread over his face. / His face was showing his happiness. เป็น Absolute phrase โดยการตัด v แท้ ในที่นี้คือ was หรือ เปลี่ยน v แท้ spread เป็นกริยาไม่แท้ (verbal = present participle) spreading เราจะได้ Tonmelb sang this song beautifully, a beam of happiness spreading over his face/ his face showing his happiness. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อาจมีคำถามว่า ตรง a beam move ไปข้างหน้าได้ไหม? ทางหลักภาษา ได้ เพราะ Absolute phrase ได้ เพราะมันทำหน้าที่เหมือน adverb และ adverb move ได้ แต่ it doesn’t read well. เพราะไม่ใช่ว่า กฎบอกว่ามันสามารถย้ายได้ ก็ย้ายตลอด เราต้องลักษณะประโยคด้วย เพราะการย้ายตำแหน่ง Adverb ใน case นี้อาจทำให้ the relationship existing here becomes less powerful/stronger ประโยคอาจไม่ smooth ------------------ นี่คือความคิดผมนะ บางครั้งอาจจะ as a matter of writing style จากคุณ : tonmelb - [ 3 ส.ค. 49 01:40:01 A:203.209.121.175 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ ๓. The sun shining bright and the pale blue sky forming a backdrop of the Sacre Coeur, Carl stepped into future as a traveler and observer. 1. The sun was shining bright and the pale blue sky (was) forming a backdrop of the Sacre Coeur. 2. Carl stepped into future as a traveler and observer. ที่ใช้ Verb ------------ was --------------- ดูจากประโยคที่ 2 เป็น past tense ครับ @@@@@@@@@@ Note นะครับว่า ประโยคนี้ประธาน 2 ตัว และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมใช้วลีชนิดนี้ เหตุผล: เพราะว่าประธานมี 2 ประธาน ประธานที่เป็นสาเหตุ/สภาวะ/สภาพ (คือ the sun ) ต้องเปลี่ยนเป็นวลี จากคุณ : tonmelb - [ 3 ส.ค. 49 01:40:42 A:203.209.121.175 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ คำถามที่ว่า ----------------- The season (being) over, they were mobbed by fans in Times Square. ประโยคนี้คุณสามารถละ Being ได้นะครับ มาถึงข้อสงสัยของคุณ = When the season was (ไม่ใช้ is เกี่ยวกับ tense consequences) over, they were mobbed by fans in Times Square. แน่นอน Complex sentence สามารถเขียนใหม่โดยขึ้นต้นด้วย they were ได้ แต่ แต่ ไม่เพราะเท่ากับประโยคที่มี absolute phrase ครับ แน่นอน When the season was over เป็น an adverbial clause of time แต่คุณ Whitehawk จะเปลี่ยนมันเป็น ----------------- When season over, they เพราะไม่ make sense และประธานมันเป็นคนละตัวกัน ถ้าประธานคนเดียวกัน จะได้แบบนี้ Sam was walking along the street. He ran into his old friend. = While Sam was walking along the street, he ran into his old friend. = While walking along the street, he ran into his old friend. ประโยคนี้ tonmelb เพียงอยากชี้ให้เห็นการใช้ while + Ving (while, after, when เป็น Adverb clause of time) จากคุณ : tonmelb - [ 3 ส.ค. 49 01:41:39 A:203.209.121.175 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ คำถามที่เกี่ยวกับวีธีการเปลี่ยนประโยคเป็น Absolute phrase tonmelb เขียนให้ดูแล้วนะครับ และเรื่อง misplaced modifier หรือ run-on sentences จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณแม่นเรื่องการใช้ absolute phrase เพราะวีธีนี้เป็นแค่ 1 ในหลาย ๆ ของ Transformation of Sentences/ Combination of Sentences ครับ Adjective and adverb clause น่าสนใจมาก แต่ไว้ก่อนแล้วกันครับ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ส.ค. 49 01:42:18 A:203.209.121.175 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔ ประโยคสุดท้ายของคำถาม Part แรกของคุณ Whitehawk Having been chosen to head the committee, Angus thought about how he could help raise money for his chess club at Harvard. มาจาก 2 ประโยคครับ 1. Angus had been chosen to head the committee. 2. Angus thought about how he could help raise money for his chess club at Harvard. เปลี่ยนประโยค 1 โดยใช้โครงสร้าง having + V3 (Active) แต่ในกรณีนี้ ต้องใช้ Having been + V3 (Passive Perfect Participle) ครับ เพราะการถูกเลือกเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน ----- คุณเห็นนะครับว่าประโยคที่ 1 ผมใช้ past perfect tense: had been chosen ----- ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ส.ค. 49 01:42:59 A:203.209.121.175 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อีก 1 คำถาม --------------------- His fame and fortune virtually guaranteed by his exploits, Lewis disappointed the entire world by inexplicably failing to publish his journals. ---- Prefect. เปลี่ยนเป็น Lewis, whose fame and fortune virtually guaranteed by his exploits, disappointed the entire world by inexplicably failing to publish his journals. ---- Whose is an adjective clause? Yes. ประโยคบนสวยกว่า ประโยคที่มี Adjective clause นั้นถูกหลักภาษาก็จริง แต่นักเขียนในปัจจุบันเห็นว่ารุงรัง เขาใช้ present / past participle หรือ appositive phrase แทนกันแล้วครับ Please read these sample sentences: That gentleman who is over there is tonmelb. (Who is Adjective clause) เปลี่ยนเป็น That gentleman over there is tonmelb. (Appositive phrase ตัด who is ออก) A student who reads a lot usually knows a lot. = A student reading a lot usually knows a lot. (Present/active Participle --- reading) @@@@@@@@@@@@ และถ้าจะวาง His fame and fortune virtually guaranteed by his exploits ไว้ end position ได้ครับ ถึงแม้ผมจะคิดว่าประโยคแรกดีอยู่แล้ว เพราะ adverb นี้มีความหมายในทาง because – Adverbial Clause of cause จึง move ได้ จากคุณ : tonmelb - [ 3 ส.ค. 49 01:43:38 A:203.209.121.175 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Tonmelb ขอสรุปเพิ่มนะครับ 1. คุณต้องทราบว่า Absolute Adverbial Phrase เป็น 1 ในอีกหลาย ๆชนิดของวลีต่าง ๆ มันถูกใช้เป็น Sentence modifier 2. Absolute Phrase, Adverb and Participle phrases ควรศึกษาไปพร้อม ๆกัน เพราะเกี่ยวข้องกัน เช่น การใช้ participle แบบ absolute 3. การใช้ Absolute phrase เพราะประโยค 1 ที่มีเนื้อความรอง สามารถเปลี่ยนเป็นวลีนี้ได้ เพื่อความสละสลวยของประโยค และประโยครองนี้เปลี่ยนเป็นวลีเพื่อแสดงถึง----เหตุ--- ส่วน---ผลมาจากประโยคหลัก 4. โครงสร้างของ Absolute Phrase มีดังนี้ a. Verb-ing or V3 b. Having + V3 / Having been +V3 ( กรณีเหตุนี้เกิดก่อนเหตุการณ์ในประโยคหลัก) c. ไม่มี verb อะไร และโปรด Note ว่า Phrase จะไม่มี Verb แท้ นะครับ มีเรื่อง Participle clause / verbless clauses อยากเขียน แต่คงไว้ก่อนนะครับ ตอนนี้ข้าน้อยมึน! ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ เช่นเดิม ถ้าท่านใดที่อ่านอยากเสริมอะไร หรือจะแก้ไขอะไร หรือแนะอะไร เรียนเชิญครับ นั่งเขียนตอน 5 ทุ่ม นี้ตี 1 ครึ่ง แล้ว ขอลาไปนอนก่อนครับ ตาจะปิดเเล้ว โคตรง่วงเลยครับ ไม่ได้เเต่งตัวอักษรหนา หรืออะไรเลย copy and paste อย่างเดียว See you again soon จากคุณ : tonmelb - [ 3 ส.ค. 49 01:44:48 A:203.209.121.175 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาเป็นเพื่อนคุณต้น จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 3 ส.ค. 49 23:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณครับ คุณเเอ๊ด มีอะไรจะตักเตือนเสือน้อยตัวนี้ ท่านอื่น ๆด้วย ช่วยเเนะด้วยครับ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ 5th Aug 2006 วันนี้มาตอบคำถามคุณ Whitehawk ต่อครับ Victors to the park have often looked up into the leafy canopy and seen moneys sleeping on the branches, with arms and legs hanging like socks on a clothesline. 1. Visitors to the park “to the park” is a prepositional phrase that acts like an adjective modifying/qualifying “visitor’. 2. have often looked up into the leafy canopy and seen moneys sleeping on the branches, The “sleeping on the branches” is a participial phrase modifying “monkeys”. The phrase is also an object complement (monkeys are an object of the verb “see”.) 3. , “with arms and legs hanging like socks on a clothesline” is also a preposition phrase acting like an adverb stating the position/way of the monkeys’ arms and legs at that particular time when sleeping. The phrase modifies the word the participle – sleeping- the way their arms and legs at what position. ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ เสริมว่า monkeys sleeping on the branches นั้น Monkeys ถือว่าเป็นประธานของ present participle – sleeping- นะครับ ทางหลักภาษาเรียกประโยคนี้ชนิดนี้ว่า Participle clause with their own subject หรือ verbless clause A verbless clause is defined as a clause containing a non-finite verb (the –ing form or the –ed form.) ในที่นี้ คือ sleeping จากคุณ : tonmelb - [ 5 ส.ค. 49 20:38:41 A:203.209.121.217 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ ประโยคที่ 2 There are many industries in California vital to its economy, with technology being one of the most important. 1. in California เป็น prepositional phrase นะครับที่ทำหน้าที่เป็น Adverb of place 2. vital to its economy เป็น adjective clause ลดรูปมาจาก which are vital to ขยาย many industries นะครับ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อย่าเพิ่งงงนะครับ ไม่ได้ขยาย California ถึงมันจะอยู่ใกล้กัน อย่างที่กล่าวไว้ครับ In California คือ adverb แต่เหตุที่มันคั่นกลางระหว่าง Noun (many industries) and an adjective (vital to its economy) เพราะว่า Adverb of place ตัวนี้มันเป็นคำสั้น ๆ คุณ whitehawk ลองเปลี่ยนมาวาง in California ไว้หน้าประโยคนี้เลยซิครับ จะได้ประโยคที่งงนอยกว่านี้ In California, there are many industries (which are) vital to its economy, with technology being one of the most important. ส่วน , with technology being one of the most important. เป็น Prepositional phrase ทำหน้าที่เป็น adjective ขยาย many industries อีกแล้วครับท่าน อาจสงสัยว่า มันขยาย many industries คือแบบนี้ครับ มันมี comma คั่นแล้ววางประโยคนี้ไว้ end position เลยดูยากหน่อย จากคุณ : tonmelb - [ 5 ส.ค. 49 20:40:56 A:203.209.121.217 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ ต้องมีการใช้ With อย่างละเอียด จะได้ว่า With is used after some verbs, nouns and adjectives in order to introduce extra information. ดังนั้นสามารถพิสูจน์ว่า with technology being one of the most important ว่าขยาย many industries ก็ลองวางวลีนี้หลัง Noun นี้ที่มันขยายในประโยคเลยครับ @@@@ In California, there are many industries, with technology being one of the most important, vital to its economy. และอย่างที่กล่าวไว้ การใช้ With ตรงนี้เพื่อ give extra information ดังนั้นก็ถูกต้องที่ใส่ comma เปิดและปิดท้าย “with technology being one of the most important” กลายเป็น a non-defining adjective clause ซึ่งสามรถละได้ เพราะวลีแค่ให้ give extra information เสริมความเท่านั้น บอกว่าหนึ่งในนั้นที่ถือว่าสำคัญที่สุดต่อ California’s economy คือ technology เมื่อเราตัดวลีนี้ออกจะได้ There are many industries in California vital to its economy. ซึ่งการละวลี With ก็ไม่ได้กระทบความหมายในประโยคหลักเลยครับ Ok นะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 5 ส.ค. 49 20:42:40 A:203.209.121.217 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มาดูเพิ่ม ในประโยค ๑๑๑๑๑๑ In California, there are many industries, with technology being one of the most important, (which are) vital to its economy. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑ Prepositional phrase with “with” คุณสามารถทำให้เป็น Absolute Phrase โดยการตัด with จะได้ In California, (there are) many industries, technology being one of the most important, are vital to its economy. หรือ In California, (there are) many industries are vital to its economy, technology being one of the most important. คุณสามารถใช้ Dash แทน comma ได้นะครับ ในใจผมคิดว่า: น่าจะใช้ได้ด้วย In California, (there are) many industries are vital to its economy: technology being one of the most important. ความหมายของประโยคเหล่านี้มีใจความเดียวกัน คือ ------------------------ ใน California มีอุตสาหกรรมอยู่หลายอย่างที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของรัฐนี้ หนึ่งในนั้นที่สำคัญที่สุดคืออุตสาหกรรม technology ครับ จากคุณ : tonmelb - [ 5 ส.ค. 49 20:47:41 A:203.209.121.217 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ @@@ ขออธิบายเพิ่มเรื่องการใช้ with เช่นที่กล่าวไว้ คือมันให้ extra information (extend and modify meaning) ใช้เพื่อขยายความให้กับประโยคหลักหรือประธาน ผมชอบเรียกมันว่า with structure (ใช้สำหรับภาษาเขียน) More examples ครับ 1. Eric Clapton is one of music’s most lasting figures, with a career spanning four decades. 2. With high-speed tools for scientific analysis, we’re discovering information in every drop of blood. 3. With our home & Away Privilege Programme, you can indulge in a wide range of exclusive benefits ++++ With ไม่ได้ขยาย you เลย แต่มีไว้ขยายความ-เพิ่มความ กรณีนี้ bypass the rule. 4. With the right partnerships you can achieve anything. Source: Time Magazine, 2006 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 5 ส.ค. 49 20:50:26 A:203.209.121.217 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 39 การใช้ There is/are ผู้เขียนบางท่านคิดว่าไม่จำเป็นต้องอารัมบท เขียนเสนอไปเลย เช่น There are ten cats in the room. = Ten cats are in the room. ถึงแม้ว่า ใช้ There are จะทำให้ประโยค more natural ครับ และเรื่องการใช้ There are ใน In California, (there are) many industries are vital to its economy, technology being one of the most important ผมก็มีตัวอย่างเพิ่มเติมการใช้ There is/are (เพื่อให้เห็นโครงสร้างเดียวกันว่าตามด้วย to for เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องขยายประธาน แต่ให้ความหมายเพิ่มเท่านั้น) To reset your body clock, there are Jet Lag and the Jet Lag Menu. For tired muscles, there are massaging multi-function showers in guestrooms, and a variety of other massage options in the spa. To refresh your body, there is negative ion air circulation. To soothe and focus your mind, there are the Oxygen Bar & Meditation Room and Mist sauna. Source: Time Magazine, 2006 จากคุณ : tonmelb - [ 5 ส.ค. 49 20:53:01 A:203.209.121.217 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ อีก 2 ข้อที่อยากจะแนะคุณ whitehawk เพราะคิดว่าคุณอาจงง 1. เกี่ยวกับ participial phrase กับ absolute phrase Participial phrase = participle + noun or modifier วางไว้หลังคำนามที่มันขยาย เช่น the man standing near me is tonmelb. ที่ใช้ Participial phrase เพราะต้องการรวม 2 ประโยคที่มีประธานตัวเดียวกันเป็น 1 ส่วน Absolute phrase ที่ใช้วลีนี้ จะอยู่ในกรณีที่มีประธาน 2 ตัวที่ต่างกัน และที่คุณเข้าใจถูกแล้ว (โดยภาพรวม) ครับ 3. Prepositional phrase จะทำหน้าที่เป็น adjective หรือ adverb ขึ้นอยู่กับประโยคนะครับ เช่น Sam came with Paula. With Paula is a prepositional phrase modifying “came”. The books on the desk are mine. On the desk is an adjective modifying “the book”. จากคุณ : tonmelb - [ 5 ส.ค. 49 20:55:15 A:203.209.121.217 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านช้า ๆนะครับ เพราะตอบที ตอบแบบละเอียดอยู่แล้ว ผิดถูกน้อมรับ เสนอแนะ หรือแก้ไข เชิญครับ เรื่องที่เขียนมา จำเป็นมากนะครับต่อการการพูดและเขียน เรื่อง Sentences, clauses and phrases and parts of speech ศึกษาไว้บ้างก็ดีครับ เพราะมันจะทำให้การพูด/เขียน และการอ่าน/ฟังภาษาอังกฤษของคุณพัฒนาขึ้น จะพยายามตอบ/เขียน เรื่อง Basic ด้วยเหมือนกัน แต่จะทำเท่าที่ทำได้นะครับ คนเดียว 2 มือเอง ผมเองอยากจะมีเวลาเขียนเยอะ ๆ คุณ ๆที่พื้นฐานไม่ค่อยจะดีนัก จะได้พัฒนา แต่จนด้วยเกล้า ผมมีปัญญาเท่านี้ ต้องขอบคุณที่สนับสนุน คำว่า--------ขอแค่พูดได้-------------- ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องหลักภาษาเลย ไม่รู้ศัพท์ คุณจะพูดได้อย่างไร? หรือพูดได้ จะพูดได้ดีเท่าไหน มากน้อยเพียงใด และละเอียดและพูด/เขียนได้ดังใจจริงหรือ ถ้าไม่รู้อะไรเลยครับ จะเก่งภาษา ไม่มีทางอื่นแล้ว ต้องอ่าน ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่านทุกวัน อ่านอย่างสม่ำเสมอ หาโอกาสให้ คุณจะทำอะไร ทำสักอย่าง ก็คุณบอกผมไม่ใช่หรือ ------------------- ว่าคุณอยากเก่งภาษาอังกฤษ ขยัน ๆๆๆๆ ซิครับ อย่าทำอะไรที่ทำให้ความฝันของคุณไม่เป็นจริง เป็นกำลังใจให้ ผมจะช่วยคุณเท่าที่จะทำได้ I am too stupid to realize that these two words still exist: give in and give up. I am a man with few friends. For me, “giving” is the only friend I have. See you again soon. จากคุณ : tonmelb - [ 5 ส.ค. 49 21:04:01 A:203.209.121.217 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 42 With sheer hard work and experience, you can. May force be with you. I do believe that you can do it. ๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓ 9 August 49 ๑๑๑ แบบนี้ครับ ๑๑๑ โดยทั่ว ๆไป Modifier ควรอยู่ใกล้/ติดกับนามที่มันขยาย – Modifiers should be placed close to the words that they describe or qualify. Placing them in an incorrect position can change or confuse the meaning of the sentence- the reader too. E.g. Thrown out by the students, I knew the chair must be broken. Thrown ไม่ได้เป็นตัวขยาย I แน่นอน แต่ขยาย the chair Rewrite as: Thrown out by the students, the chair, I knew, must be broken. Or, I knew that the chair, thrown out by the students, must be broken. ถ้ามันต้อง Rewrite/recast ต้องทำเพื่อ the sake of sentence’s clarity นะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ส.ค. 49 01:16:31 A:203.209.117.9 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 43 @@@@ แต่ แต่ ถ้า Modifier ไม่อยู่ใกล้/ติดกับนามที่มันขยาย คุณ whitehawk ให้คิดถึง 2 ข้อ 1. ผิด แก้ไขโดยการเขียนใหม่ กรณีหมายถึง อ่านแล้วงง จึงต้องแก้โดยการเขียนใหม่ เช่นที่ผมยกตัวอย่าง 2. ถึงมันจะเป็น dangling part แต่อ่านแล้ว มันไม่งง ---------------------------------จุดนี้ที่คุณต้องคิดว่า ทำไมผู้เขียนต้องเขียนแบบนี้ ซึ่งความจริงคือ ผู้เขียนเลือกที่จะวาง modifier ลักษณะนี้ เพราะต้องการเน้นความหมายในประโยค ให้ประโยคดูพิเศษ ภาษาในโฆษณาใช้กันมากครับ และข้อ 2 นี่ล่ะครับ ที่ผมจะตอบให้คุณ whitehawk ว่า การที่วางไม่ใกล้ตัวที่มันต้องขยาย -------------เป็น dangling part ก็จริง แต่เพราะเหตุผลในข้อ 2 นี้ ประโยคลักษณะนี้----------------- การวางแบบนี้เป็นที่ยอมรับกัน จากคุณ : tonmelb - [ 10 ส.ค. 49 01:18:16 A:203.209.117.9 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ Tonmelb อยากให้คุณอ่านเพิ่มเติมตรงนี้ Dangling participles: หรือ unattached participles Having said that, it would be a pity to do it too often. Participle phrase นี้ คือ Dangling participles: หรือ unattached participles เพราะวลีนี้ unattached to the subject. แต่มันเป็นที่ยอมรับ เพราะ The dangling participle of this sentence would have a dual function: to draw preceding arguments together, and to alert reader to an imminent change in the argument. It works as an extended conjunctive phrase. ครับ Having said that (the opening phrase) มันเป็น an extended conjunctive phrase หรือมัน has a discourse function [beyond the sentence itself.] ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ส.ค. 49 01:19:35 A:203.209.117.9 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 45 Having said that- this opening phrase มันเป็น independent unit within the English sentence นะครับ มัน Act อิสระ สาเหตุที่มันยอมรับได้ เช่นที่กล่าวไว้ด้านบน: 1. - to draw preceding arguments together- ที่พูดอะไรที่ก่อนหน้านี้ นำมารวมกันตรงนี้ phrase เป็นประโยคเกริ่นนำ เพราะผู้เขียนจะมีอะไรที่จะพูด/ออกความเห็นต่อจากนี้ 2. - and to alert reader to an imminent change in the argument- ในขณะเดียวกัน ผู้ฟังเหมือนได้ถูกส่งสัญญาณว่า ประโยคที่จะได้ฟังจะเป็นอะไรใหม่ ๆ ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ส.ค. 49 01:20:31 A:203.209.117.9 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อธิบายเพิ่มเติมว่า วลีลักษณะนี้ถึงมันจะไม่อยู่ใกล้ตัวที่มันขยายเลย หรือโผล่มาเฉย ๆ ดูแล้วงง ว่ามันขยายอะไรกันเนี่ย ผู้เขียนตั้งใจเขียน - เพราะ The opening phrase แบบนี้ มันact อิสระ มันมีไว้เพื่อเพิ่มความหมายในประโยคหลัก (ถึงแม้ว่าจู่ ๆ ก็โผล่มา ดูแล้วงง ว่ามันขยายอะไรกันเนี่ย ก็ตามที) it extends and modify the meaning in the main clause by providing the context (background information/condition) for the main clause. The American Heritage ยังเขียนอธิบายเกี่ยวกับการใช้ With ไว้เลยว่า @ Used as a function word to indicate [accompanying detail or condition] @@ Used as a function word to indicate [close association]: With the advent of the rockets, the Space Age began. ในหนังสืออีกเล่มก็กล่าวไว้ว่า If we rewrite the sentences to eliminate the dangling participles we [lose the topicalising effect they have.] Any sentence in which the dangling participle creates a bizarre distraction should of course be recast. But if it works [in the context of discourse and draw no attention to itself], there’s no reason to treat it like a cancer in need of excision. = ถ้าความหมายมันงง เขียนใหม่ก็ต้องเขียนใหม่ ถ้าไม่งง ก็ไม่ต้อง @@@ แน่นอนที่ว่า ต้องมีความรู้ มีพื้นพอสมควรครับ (ซึ่งคุณก็มี แน่นอน) ถึงจะดูออกในขั้นแรก ความหมายมันดูสับสนหรือไม่ ถ้าดูไม่ออก ว่าอะไรคืออะไร เช่นนี้ต้องใจเย็น ต้องกลับไปปูพื้นใหม่ ๆไปซ่อมแซมพื้นฐานใหม่ ๆช้า ๆ เพราะการใช้วลีเช่นนี้ มีให้เห็นทั้งในภาษาพูดและเขียน จากคุณ : tonmelb - [ 10 ส.ค. 49 01:21:51 A:203.209.117.9 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 47 Tonmelb ขอยกตัวอย่างประโยคมาให้ศึกษาเพิ่มเติมครับ 1. With no heath insurance and lacking $6000 for a badly needed operation, Jack, a 59-year-old Floridian, hopped onto the Internet and then onto the plane to India 2. Make the most of your funds with the innovative 3-month Citibank USD Unfixed Time Deposit. 3. With the Democrats determined to make a major issue of Bush’s foreign policy competence, the President seems ready to leap 4. With our multi-lingual Relationship mangers, 24-Hour CitiPhone Banking and Citibank Online, you have access to your account anytime, anywhere in the world. 5. And with more budget airlines flying these skies, travel may as well be part of Asia’s new lifestyle. 6. With such visionary advances, we’re pioneering a new way of living; an easier access to the world and all the experiences it can offer. 7. Whichever the corner , with the Star Alliance network there will always be someone looking after them. 8. Please help passengers in wheelchairs with a smile. ประโยคนี้ยังไง ๆก้หมายถึงว่าต้องบริการด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่ จะบริการคนที่นั่งที่รถเข็นที่มีรอยยิ้มให้คุณเท่านั้น 9. The children looked at their dead parents lying on the floor, with tears streaming down their faces. เด็ก ๆร้องไห้อาบแก้ม ไม่ใช่พ่อแม่ที่นอนตายอยู่ อย่างไรก็ตามเปลี่ยนประโยคนี้เป็น The children, with tears streaming down their faces, looked at their dead parents lying on the floor. อย่างไรก็ตาม 2 ประโยคหลังที่ยกมานั้น เพื่อแสดงว่า ถึงมันจะดูงง แต่ถ้าแปลแบบมีความเข้าใจ ก็จะมองออก ว่าวลีนี้มันขยายอะไรกันแน่ จากคุณ : tonmelb - [ 10 ส.ค. 49 01:23:04 A:203.209.117.9 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 48 Hello k.andrew last day i read newspapers and found one sentense that i wonder Total of 17 people have died from encephalites after being bitten by mosquito in yuncheng city in north china's shanxi province last weekeng local authorities said friday why use being bitten? why don't use were bitten? pls explain me using being. Ths จากคุณ : tonmelb - [ 14 ส.ค. 49 21:11:24 A:203.209.121.243 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 49 Hi Shino This is a question for GRAMMAR ROCKS and our good friend Tonmelb, but it is to do with the lack of a subject ("after they were bitten" ... "after being bitten"). Anyway, you cannot simply write "bitten" there because it is V3 and in the way it is written here, it is passive (and thus requies verb to be). Anyway, I send this on to Tonmelb! Andrew จากคุณ : tonmelb - [ 14 ส.ค. 49 21:12:48 A:203.209.121.243 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Why “being bitten” not “were bitten”? เป็นการใช้แบบลดรูปนะครับ คือการใช้ after (Prep) + Ving เปลี่ยนมาจาก after ที่เป็น Conj. after they were bitten ครับ after they were bitten by ลดรูปโดยตัดประธาน they ออก และเปลี่ยน were เป็น being (Be + ing แน่นอนว่า wereing / wasing ไม่มี Verb to Be เป็นbase ของ is, am, are, was and were) และคงกริยาช่อง 3 ของ bite ไว้ เพราะประโยคนี้เป็น Passive Structure = after being bitten by ครับ เมื่อคุณจะใช้บริการแบบลดรูปประโยค(ลดรูปเพราะต้องการให้ภาษากระชับขึ้น) คุณจะต้องเปลี่ยนโครงสร้าง จะคงโครงสร้างเดิมไม่ได้ใช้แบบ after were bitten ไม่ได้ ถึงแม้ประธานจะคนเดียวกัน ดังนั้นประโยคที่ยกมาเป็นการลดรูปมาจาก after (Conj) (that) they were bitten by เสริมครับ--------------------------------------------{Being+V3 อยู่ในรูป Passive Form ครับ} ศึกษาประโยคที่ผมให้นี่ (After)Being questioned by his teachers all day, tonmelb got fainted. = tonmelb got fainted after being questioned by his teachers all day. หรือ After tonmelb was questioned , he got fainted. จากคุณ : tonmelb - [ 14 ส.ค. 49 21:13:36 A:203.209.121.243 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Moreครับ After turning off the lights, he left the room. มาจากประโยคเต็ม ๆว่า After he turned off the lights, he left the room. หรือ He turned off the lights and he left the room. (After) Having written two letters, tonmelb went to bed. = After tonmelb had written two letters, he went to bed Fern looked at her watch. She hurried to the school. = After looking at her watch, she hurried to the school. (คุณเห็นไหมครับ ผมเปลี่ยน Look เป็น looking เพราะโครงสร้างนี้ after +Ving ผมจึงต้องทำตามนี้ แต่ประโยคนี้เป็น active voice) หรือคุณจะเปลี่ยนแบบนี้ก็ได้ --------------------- Having looked at her watch, Fern hurried to the school. ครั้งนี้ใช้ความรู้ ของ Participial Phrase ส่วน Participial Phrase หาอ่านได้ในนี้ = Having+ V3 ในรูป Active ประธานเป็นผู้กระทำ action จากคุณ : tonmelb - [ 14 ส.ค. 49 21:14:29 A:203.209.121.243 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แวะมาเยี่ยม คุณต้น โห มีเรื่องยากๆแต่น่าสนใจเยอะเลย คุณ Andrew ที่พูดถึงนี่ Andrew ไหน? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 14 ส.ค. 49 22:35:05 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอเสริมว่า จะใช้ after they had been bitten ก้ได้ครับ ( เพราะเหตุการณ์ที่โดนงูกัดเกิดขึ้นก่อน) เเละ -------------------------------------Total of 17 people have died from encephalites ----------------ใช้ died ก้ได้ ++++++++++++++++++ K. Andrew Biggs ครับคุณแอ๊ด ปากเกร็ด จากคุณ : tonmelb - [ 15 ส.ค. 49 21:17:45 A:203.209.115.190 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 54 I am driving my own (car). I am driving a car of my own. I am not driving somebody/someone else’s car. ครับ เพราะในประโยคมี in his [own] car เป็น a reference ถ้าเราใช้ Someone else’s + Noun = some other person’s + Noun เราหมายถึง นอกเหนือจากที่กล่าว ไม่ใช่/ไม่รวมของเรา ไม่รวม/ไม่ใช่ของเพื่อน ๆในกลุ่มของเราหรือของคนที่เรารู้จัก เป็นของคนอื่น Someone’s car ไม่ผิดหลักภาษานะครับ แต่ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง เพราะ โปรดดูตัวอย่างนี้ครับ ถ้าสมมุติว่า tonmelb นั่งคุยกับเพื่อน ๆ ที่ห้อง แล้วบังเอิญมองไปนอกหน้าต่างแล้วมองเห็นรถ 1 คัน ผมก็พูดว่า There is someone’s car in front of my apartment. มีรถใครก็ไม่รู้จอดที่หน้า apartment ที่ผมใช้ Someone’s car เพราะผมพูดเอ่ยขึ้นมาลอย และเอ่ยขึ้นมาเป็นครั้งแรก = รถของใครคนใดคนหนึ่ง รถใครก็ไม่รู้ เพื่อนของ tonmelb อาจจะมองหรือไม่มองออกนอกหน้าต่าง แต่พูดว่า That/It must be somebody/someone else’s car. หมายความว่า เป็นรถของคนอื่น(แน่นอน) ไม่ใช่รถของใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มพวกเรา จากคุณ : tonmelb - [ 17 ส.ค. 49 00:03:36 A:203.209.117.136 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อีก 1 ตัวอย่าง เช่น Tonmelb เป็นอาจารย์ ผมถามคำถามนักเรียน มีนักเรียน (ยกตัวอย่าง) 10 คนตอบมา แต่ผิดหมด tonmelb ก็เลยถามคำถามนี้: Is there anyone else here who wants to help your friends? = มีใครอีกไหมที่นี้ (คนอื่นแต่เป็นคนอื่นใครก็ได้ แต่ไม่รวม 10 คนที่ตอบไปก่อนหน้านี้) จะช่วยเพื่อน ๆ = who else thinks they (he/she) can help out? ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 17 ส.ค. 49 00:04:53 A:203.209.117.136 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอเสริมคำอธิบายด้วยการแจกแจงคำว่า Else ให้กับผู้อ่านครับ Else (adv): used for showing that you are referring to other things, people, places etc, apart from the particular ones that you mention or know about. : In addition to or apart from something already mentioned เช่น Anyone else (= any other person or people) ๑ Ask someone else to help you. I am very busy right now.หมายถึงคุณมาหาเพื่อนคุณคนนี้ และเขา/เธอพูดประโยคนี้ หมายความว่า เขา/เธอบอกให้คุณไปหาคนอื่นที่ไม่ใช่เขาก่อน เพราะตอนนี้เขา/เธอยุ่งมาก เลยช่วยไม่ได้ ๒ You mustn’t tell anyone else – it’s a secret between you and me. หมายถึง รู้กัน 2 คนเท่านั้นนะ อย่าไปบอกกับใครคนอื่นที่นอกเหนือจากเรา 2 คน = You mustn’t tell anyone. You must tell no one. No one can know. เพราะเป็นที่เข้าใจกันว่า อย่าไปแปลตรงตัวว่า ห้ามบอกใคร (แล้วมาบอกผมทำไม ฮา) จากคุณ : tonmelb - [ 17 ส.ค. 49 00:05:49 A:203.209.117.136 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 57 และคำอธิบายเพิ่มเติมว่าทำไมเติม’s หน้า someone ได้ someone’s etc @@@ You can add ’s (apostrophe s) to an indefinite pronoun to refer to things that belong to or are associated with people. E.g. nobody’s, somebody’s, everyone’s etc และ Somebody else’s @@@ If you want to indicate association or possession with an indefinite pronoun and ‘else’, you add the ’s to “else”. E.g. somebody else’s, anybody else’s, nobody else’s, no one else’s etc The Ming Dynasty ครับ ใช้ The นำหน้าชื่อราชวงศ์ เช่น The Chakkri Dynasty ราชวงศ์จักรี จากคุณ : tonmelb - [ 17 ส.ค. 49 00:06:47 A:203.209.117.136 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 58 Great question! ครับ ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ As a last resort = as a last resource ความหมายเหมือนกันครับ แต่ Shade/tone ของคำต่างกัน Note: as a last resource ในปัจจุบันพบน้อยมากครับ ณ ตอนนี้ใช้ as a last resort หมดแล้ว จะมีบ้างที่พบในประโยคลักษณะนี้ that’s my last resource. หนทางสุดท้าย/ไพ่ใบสุดท้าย หรือ There is no other resource. ไม่มีทางอื่นให้เลือกเลย 1. ความหมายของทั้งคู่คือ : หนทางสุดท้าย/ไพ่ใบสุดท้าย 2. แต่แตกต่างกันที่ sense/shade of meaning As a last resort ให้ความหมายไปทางลบ (bad connotation) เป็นหนทางสุดท้ายจริง ๆ ที่คุณหรือคน ๆนั้น/หน่วยงานนั้น ไม่อยากจะเลือกเลย เพราะกลัวถึงผลกระทบทางลบ side effect / repercussion / aftermath etc แต่ไม่มีทางเลือก ขอให้สังเกตคำว่า resort to + สิ่งที่ไม่ดีทั้งนั้น เช่น drugs, violence, strike, a state of emergency etc Resort to something: to make use of something, esp. something only after trying everything else to solve a problem. To make use of something, esp. something bad or unpleasant, as a means of achieving something, often because no other course of action is possible. Something you turn to that you do not really approve of, you adopt it b/c you cannot see any other way of achieving what you want. But As a last resource จะหมายถึงว่า last resource/ means of solving difficulties, problems available that you can make use ซึ่ง rather Positive connation ไม่เหมือน resort โปรดอ่านคำนิยามของ Resource: U (formal) the ability to find quick, cleaver and efficient ways of doing things. Practical ability: ability in dealing with practical problems การใช้ Resource มักจะหมายไปทางที่ดี ที่ว่า------- นี่คือแผนสุดท้ายที่คิดไว้ดีแล้ว จะไม่เกิดผลกระทบทางลบกับใคร จากคุณ : tonmelb - [ 18 ส.ค. 49 23:29:43 A:203.209.121.171 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 59 Tonmelb would like to add something here. ครับ Recourse ยิ่งไม่พบแล้ว least common ครับ ความหมายมัน overlap กันกับ resource/resort I have no other recourse but fire you. จำเป็นต้องให้คุณออก Resort = last resort, a “course of action adopted under difficult circumstances”. Resort and resource come close when your last resource for amusing the children is perhaps also a [last resort]. However the two phrases are essentially different in meaning. The [last resource] for a farmer battling a bushing might be his dam water, whereas his [last resort] would be to get in the car and drive to safety. Dam water คือ resource สิ่งสุดท้าย ณ ขณะนั้นที่ available and can be used “ to get in the car and drive to safety” คือสิ่งที่ farmer อาจจะไม่อยากจะทำเลย เพราะการหนีไปเหมือนที่ของเขาก็วายวอดเพราะไฟ แต่เพราะต้านไฟไม่อยู่ ขืนอยู่ก็ตาย ต้องตัดสินไป Ok นะครับ Source: The Cambridge Australian English Style Guide ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 18 ส.ค. 49 23:30:45 A:203.209.121.171 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คำนี้ไม่ค่อยเจอเเล้วนะครับ รู้สึกว่าจะถูกเเทนด้วย night life Social scene หมายถึงที่เที่ยว/ที่เปิดหูเปิดตา เช่น What a boring place. No social scene. จากคุณ : tonmelb - [ 18 ส.ค. 49 23:43:30 A:203.209.121.171 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอเสริมคุณ Guest & khun sak เรื่อง correct and right ครับ ความหมายเหมือนกัน เช่น Two correct/right answers / correct/right position แต่ก็จะใช้แตกต่างกันตามแต่ละสถานการณ์/ หรือคำที่เกิดมาคู่กัน strong collocation ครับ 1. The correct address/name/phone number ไม่ใช้ right แทน correct 2. If my calculations are correct (Not right), we should be there in exactly 18 minutes. 3. A grammatically correct sentence 4. The way you behave that is socially accepted: You are always formal and correct. 5. You are right (not correct) about two things 6. I have not been feeling right lately. ( mentally okay) 7. She is a very correct lady. ( not right) เธอวางตัวดีเหลือเกิน กิริยาดี socially correct 8. She is the right person for this job. ( Best or most appropriate for a particular purpose) 9. I am only trying to do what’s right. สิ่งที่ถูก morally correct 10. Ton is always been seen in the right time and places. 11. Fern has met all the right people. (not correct) Right people คือ people who are socially acceptable คนดี 12. Do the right thing. 13. The right decision/choice etc 14. To put one’s watch [right] = ( to make it to tell the correct time) 15. Correct behavior is formal and polite. จากคุณ : tonmelb - [ 19 ส.ค. 49 00:12:36 A:203.209.121.171 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 62 Longsat ลางสาดครับ ตามที่ผมอ่านมา คนใต้เรียกลางสาดว่า ลองกอง (จากหนังสือ ดร วิทย์) ผิดหรือไม่ อยากทราบเช่นกัน จากคุณ : tonmelb - [ 19 ส.ค. 49 00:35:28 A:203.209.121.171 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 63 บังเอิญมาเจอ.. ลางสาดกับลองกองไม่เหมือนกันครับ ผิว รูปทรง ขนาด รสชาติ ต่างกันเล็กน้อย แน่นอนว่าลองกองอร่อยกว่า จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 20 ส.ค. 49 17:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 64 Posted: Mon Aug 21, 2006 7:18 am Post subject: How diferant between so and thus I know this is a very simple question for you , but for me i have tried to find a number of sources , and still confuse. Please kindly tell me how the diferance and in which situation we nomally use them . A million thanks ขอบคุณครับคุณพ่อ project จากคุณ : tonmelb - [ 23 ส.ค. 49 00:52:48 A:203.209.121.141 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สวัสดีครับ So 1. ใช้แบบแสดง Purpose จุดมุ่งหมาย = so (that), in order that และ 2. ใช้แบบแสดงผลลัพธ์ The result of that particular situation = therefore, as a result, consequently, for that result Tonmelb ขออธิบายใช้แบบที่ 2 นะครับ ซึ่งตรงกับที่คุณถาม ข้อ 2 นี้ Thus = so= therefore, as a result, consequently A. การใช้ thus Thus: a conjunct meaning “consequently”. E.g. All evidence was destroyed in the fire. Thus, it was possible for the police to continue the investigation. I cannot get along well with my boss. Thus, I decided to resign. No decision has been made and thus the situation remained unclear. ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ จากคุณ : tonmelb - [ 23 ส.ค. 49 00:54:02 A:203.209.121.141 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 66 B. การใช้ So So แบบข้อ 2: used when you want to say that because of a particular situation, someone decides to do something or something happens. So, used to give the reason why something happens or why someone does something. I was too tired so I left work early today. I couldn’t find you last night so I left your brother a note. He is a sensitive so please be careful when saying something. I heard a noise so I got out of bed and turned the light on. I don’t have enough money so I didn’t buy it. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ คุณจะใช้ Thus แทน so ใน part B ไม่ได้ เพราะไม่เหมาะ ถึง 2 คำนี้ความหมายจะเหมือนกัน แต่ Thus จะปรากฏที่งานเขียนที่ very formal หรือภาษากฎหมายนะครับ เพราะ so เป็น spoken version ถ้าคุณจะใช้ในงานเขียนให้ใช้ therefore, therefore, as a result, consequently แทนได้นะครับ อย่าใช้ Thus ค่อนข้างเป็นคำเก่า แต่จะได้ยินบ้าง เพราะคำมันเพราะ แต่นับวันจะได้ยินน้อยแล้ว นอกจากภาษาในกฎหมายครับ จากคุณ : tonmelb - [ 23 ส.ค. 49 00:55:54 A:203.209.121.141 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 67 Tonmelb ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 2 คำนี้ครับ โดยใช้ความรู้ทางหลักภาษามาขยายความ ตามจริง ๆ แล้ว Thus ไม่ถือว่าเป็น conjunction แต่ so เป็นนะครับ เช่นที่เขียนไว้ มันเป็น a conjunct meaning “consequently”. Conjunct is not a full conjunction. จริงอยู่ทั้ง Conjuncts and conjunctions relate ideas to each other, helping to show the logic of the information offered. In fact they express a number of logical relationships- additions, contrast, causation or circumstances (especially time). แต่ ทั้ง 2 คำนี้ต่างกัน ต่างกันที่ว่า Conjunct คือ ชนิดหนึ่งของ adverb นะครับ Conjunct, adverbs with a cohesive role to play between separate sentences. They indicate logical relationships such as contrast and causation. suggesting logical connections between one statement and another. Note that it is a conjunct rather than a conjunction. They forge a logical link between one statement and what follows. ๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔ จากคุณ : tonmelb - [ 23 ส.ค. 49 00:59:11 A:203.209.121.141 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อธิบายว่า Conjunct นี้ ไม่ได้ใช้เชื่อมข้อความหรือแสดงความสัมพันธ์ของ 2 clause อย่างเดียว แต่ 2 ประโยคนั้นจะต้องมี (strong/real) logical connection จริง ๆ คือคำ conjunct มันเหมือนเป็นกาวตราช้าง และหน้าที่เชื่อมเพื่อต้องการให้แสดง logical connection จริง ไม่จำเป็น ไม่ formal อย่าใช้ conjunct นะครับ มีคำกล่าวว่าในหนังสือเล่มหนึ่งว่า If thus appears many times on the same page, it can arouse suspicion that its use is [decorative] rather than [logical]. = เห็น thus คำหรูดี ใช้พร่ำเพรื่อ ทั้งที่ไม่จำเป็น คำธรรมดา เช่น so that, as a result etc ก็พอแล้ว เพราะ ถ้าเป็น Link/connection ทั่ว ไป ใช้ conjunction เช่น so ก็พอ เพราะ conjunction มันเป็น grammatical connection อยู่แล้ว Conj. มันทำหน้าที่นี้อยู่แล้วครับ ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 23 ส.ค. 49 01:02:17 A:203.209.121.141 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 69 List ของ Conjunct & Conjunction ครับ @ Addition@ Conjunctions: and or nor Conjuncts: additionally also alternatively besides furthermore likewise moreover similar Phrases: as well in addition in the same way @@ Contrast@@ Conjs. Although but yet though whereas Conjuncts: however instead nevertheless otherwise rather Phrases: against this by contrast on the contrary ๑๑ Causation๑๑ Conjs. As because for since so (that) Conjuncts: consequently hence then therefore thus Phrases: as a result because of this for this reason on this account to this end ๓๓ Circumstance๓๓ Conjs. (al) though as since when Conjuncts: granted meanwhile next now soon still then Phrases: at this point despite this even so in that case in the meantime that being so under the circumstances up till now จากคุณ : tonmelb - [ 23 ส.ค. 49 01:06:17 A:203.209.121.141 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จำเป็นต้องรู้ไหม ว่ามันคือตัวนี้ ตัวนั้น ถ้าไว้ใช้สื่อสารทั่ว ๆไป ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าแต่ต่อไป ระดับสูงขึ้น ก้ไม่น่าจะเสียหายนะครับ หลักภาษาสามารถให้คำอธิบายให้เราเข้าใจได้ อาจจะบอกว่า แล้วที่ทำข้อสอบเยอะมาก ๆแต่ก็ยังสื่อสารไม่ได้ นี่ไม่ใช่เพราะ------------หลักภาษาหรือ?-------------- ถูกส่วนหนึ่งนะครับ แต่จริง ๆแล้ว นั่นคือการสอนผิดมากกว่า Grammar ไม่ได้ผิดอะไร คนสอนมากกว่า และสอบก็คือสอบ (ทั้ง ๆที่การสอบก็ช่วยทำให้เราเข้าใจภาษาได้นะ แต่ในกรณีของเมืองไทย มันรวนไปหมด) Grammar for speaking/writing/communication ก็ได้นะครับ มันอยู่ที่คนสอน Grammar ไม่ได้ช่วยให้เราพูดได้ แต่จะช่วยให้คุณฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ได้สมบูรณ์ขึ้น ถึงแม้ในช่วงแรกจะฟังออก แต่เคยเจอไหม หรือรู้สึกไหมว่า ฟังออกก็จริง แต่ฟังได้จำกัด พูดได้จำกัด อ่านไม่ลึก ไม่แตก Tonmelb เห็นด้วยว่า ok เลยว่า เราไว้สื่อสารได้ดีระดับหนึ่งก็พอ แต่ถ้าเราสามารถไปได้ไกลกว่านี้ ต่อยอดความรู้ได้ เราน่าจะทำนะ ถามผมได้เสมอครับ ตอบช้าไปบ้าง (ถ้ายุ่งมาก) หรือบางครั้งอาจจะตอบไม่ละเอียด แล้วแต่เวลาเหมือนกัน จากคุณ : tonmelb - [ 23 ส.ค. 49 01:10:27 A:203.209.121.141 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 71 26 August 2006 สวัสดีครับ วันนี้ tonmelb ขอเขียนเรื่อง intonation patterns หรือ melody แบบง่าย ๆ นะครับ แบบที่ tonmelb พูด ครั้งแรก ผมเองไม่แน่ใจว่ามันเป็น pattern ของแนวอังกฤษแบบอังกฤษหรือเปล่า ( แน่นอน ว่า ประโยคคำถามน่ะใช่ เช่น Do you see Sam? ตรง Sam นั่น ถ้าเป็นแบบอังกฤษอังกฤษ จะเป็นแซ๋ม ถ้าเป็นอังกฤษแบบอเมริกัน จะเป็น แซ้ม นะครับ ) ก็ถามเพื่อนครูชาวอเมริกัน ออกเสียงประโยคบอกเล่า-ปฏิเสธให้ฟัง ก็ใช่ เป็นทั้ง 2 ค่าย ๘๘๘๘ ผมจะพูดมาในแนว British English นะครับ ๘๘๘ ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ 1. Howห้าว many เมนหนี่ cakes เขกส/have แฮ่พ you อยู่/eaten อีททึ่น-this week ฑิ่ส วี้ค? เครื่องหมาย /ท้ายคำ หมายถึงให้หยุด (หายใจ) นิดหนึ่ง สังเกตุได้ว่าเสียง cake จะต้องออกเสียงต่ำนะครับ และเครื่องหมาย – หมายถึงหยุดแค่นิดเดียวเท่านั้น ลองออกเสียงเสียงดูนะครับ เพิ่มเติม: @ เสียง How จะต้องเริ่มสูงแล้วลงมาเสียงต่ำที่ many cakes @@ แต่เสียง have you จะต่ำกว่า cakes นิดเดียวจริง ๆ คล้าย ๆว่า เสียง have ออกแบบเสียงตกหล่ม ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 26 ส.ค. 49 23:51:58 A:203.209.123.30 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 72 I -can play/ the piano/, too. อ๊าย แค่น/เคิ่น พเล่ เดอะ พี้เออะโน้ว ทู้ He can /drink/ as well. ฮี้ แค่น/คึ่นดริ่งค อึ่ส เว้ล Whose hat/is this? ฮู้ส แฮ่ท อิ่ส ฑี้สสส Ton can run /more quickly/ than- Mark. ต้น แค่น/คึ่น หรั่น หม่อ ควิ้กหลี่ ฑั่น ม้ารค How far/is it/from Bkk? ห้าว ฝ่า หริ่ส ซิ่ท ฟร็อม แบ้งค่อค What is ton/ look like? ฮว้อท ทิ่ส ต้น หลุ่ค ล่ายค ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 26 ส.ค. 49 23:56:59 A:203.209.123.30 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 73 Kenny /wears a suit/ and tie /to work. เค่นหนี่ แว่ส เสอะ สู้ท แอ่น ไท้ย เทอะ/ทุ ว้อรค Ton is/ drinking/ milk. ต้น อิ่ส ดริ้งกิ่ง มิลค Apples are/ a kind of /fruit. แอ้พพึ่ล ส่า เหร่อะ ไคน ด่อฟ ฟรุ่ท Note: ในโน้ตผม ผมจะขีด/ และจะใช้ดินสอขีด ------------------ ขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อแสดงเสียงสูง-ต่ำ จะเข้าใจง่ายกว่า ยอมรับว่ายากมาก ๆ ในการที่จะเขียนอักษรไทยให้ออกมาชัดที่สุด คุณผู้อ่านลองฝึกออกเสียงดู แน่นอนต้องออกเสียง A-Z และสระเดี่ยว-คู่ ก่อนนะครับ เช่น milk มาจาก m+i+l+k เสียง m ต้องชัด สระอิ = มิ + ล แล้วค่อยเติมเสียงk เค่อะ เบาๆ ไม่ใช่มิ้ล แบบควบสั้นหรือห้วนแบบไทยนะครับ I’ve อายเฟร่อะ We’ve วีฟ (เฟร่อะ) You’ve ยูฟ (เฟร่อะ) He’s ฮี่ซ ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 26 ส.ค. 49 23:59:37 A:203.209.123.30 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 74 Sna+k (e) = ออกเสียงสเนๆๆๆๆๆๆ + เค่อะ เป็น snake ไม่ใช่สเน็ค Ne+t = net Be+d= bed Ca+k (e) = cake เสียง a_e คือเสียง a ยาว Bu+s เบ่อะ+ส = บั่ส Ska+te = skate Te+n = ten Bir+d = bird Nur+s (e) = nurse แค่นี้ก่อนแล้วกัน แนะว่า การออกเสียงคำเหล่านี้ ในขั้นแรก ลากเสียงก่อนแล้วเพิ่มตัวสะกดเข้าไป เมื่อฝึกจนคล่องปาก แล้วค่อยออกเสียงใน Part แรกกับตัวสะกดให้กระชับมากกว่าเท่านั้นนะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 27 ส.ค. 49 00:22:18 A:203.209.121.199 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ถ้าท่านผู้อ่านมีอะไรจะเสริม จะแนะ etc เชิญนะครับ แต่ข้อมูลขอให้ถูกต้อง เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับพวกเราทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ และถ้าชอบกันก็บอกมาได้ครับ คนเขียนอยากเขียนอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอ่านจริง ๆ@@@@@@@ และอีกประการหนึ่งก็คือ ผมพยายามที่จะให้เสียงและจังหวะออกมาชัดที่สุดและใกล้เคียงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ ยากมากทีเดียว ให้ภาษาผ่านปากมาก ๆนะครับ Tonmelb ขอแนะเพิ่มว่าการใช้ภาษาอย่างถูกต้องและเป็นธรรมชาติ มีดังนี้ 1. ถูกต้องและครบ เป็นเรื่องของการโครงสร้างของประโยค English expression 2. ออกเสียงชัด เป็นเรื่องของการออกเสียงแต่ละคำและเมื่อเป็นกลุ่มวลี 3. ภาษาพูดเสมือนเพลง/กลอน จะพูดชัดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องขับเคลื่อนร้องรำไป ต้องไม่----------------เพี้ยน---------- ยกตัวอย่าง การอ่านข่าวกับกลอนต่างกัน ถึงแม้จะต้องออกเสียงให้ชัดแต่ทำนอง melody เสียงสูง-ต่ำต้องมี ต้องให้ได้ยิน ทำนองไม่เพี้ยน ฝรั่งสำหรับผมเหมือน----ค้างคาว---- นั่นคือ ค้างคาวตาไม่ดี แต่ต้องหากินกลางคืน ดังนั้นมันใช้หูแทนตา เช่นเดียวกับฝรั่ง ดังนั้นคุณจำเป็นต้องพูดไปในทำนองที่เขาคุ้นเคย ถ้าจะพิสูจน์ว่าภาษาดีเท่าไหน โดยคุยผ่านทางโทรศัพท์ซิครับ อย่าให้เขาเห็นหน้าเรา แล้วลองให้เขา comment มา (แต่ขอฝรั่งที่มีความรู้หน่อย เพราะว่า comment จากคนไม่มีความรู้ อาจทำให้คุณหลงทางก็ได้ ฝรั่งพูดไม่ชัดหรือพูดแบบธรรมดาก็มี เหมือนคนไทยที่มักจะติดนิสัยจนแกะไม่ออกและเผลอบ่อย ๆ เช่น พุดว่า หวัดดีคับ-ค้าบบบ หรือ กิ่น เกือ โลงบาล ไม่ออกเสียง ร และ ล แน่นอน เราพูดให้ชัดได้ แต่เราทำหรือเปล่าล่ะ ง่วงนอนแล้ว ขณะที่เขียนอยู่ผมฟัง CNBC อยู่ ตอนนี้ก้เที่ยงคืนกว่า เขาสัมภาษณ์ลูกชายคุณเจริญ (เจ้าสัวเบียร์ช้างครับ) Good night จากคุณ : tonmelb - [ 27 ส.ค. 49 00:24:40 A:203.209.121.199 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ป ล เรื่องค้างคาวผมอาจจะผิดก็ได้ เพราะเคยอ่านแต่นานแล้ว ว่ามันตาไม่ค่อยดี ถ้าผิดพลาดประการใด ช่วยแนะได้ ผมต้องลาไปนอนก่อน พรุ่งนี้ไปทำงานอีก ทำงาน 7 วันนะครับ (ตามจริง 6 วันครึ่งมากกว่า) จากคุณ : tonmelb - [ 27 ส.ค. 49 00:30:36 A:203.209.121.199 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 77 "You may be a victim of software counterfeiting." Please tell me the meaning of "counterfeiting". Thank you. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ ไม่รู้ว่าทำไม topic นี้ขึ้นเป็น new topic เมื่อข้าพเจ้า log in ล่าสุด แต่ไหนๆขึ้นมาแล้วก็ขอแสดงความเห็นหน่อย ข้าพเจ้าว่าควรเขียน "You may be a victim of software counterfeit (er)" เนื่องจาก counterfeit เป็น noun อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ -ing คำอื่นที่มีความหมายเหมือนกัน bootleg (v) fake (v) forge (v) forgery (n) hijack knock off pirate..........pirate software piracy......software piracy plagiarize.......plagiarized software tonmelb มีความเห็นแย้งหรือเปล่า จากคุณ : tonmelb - [ 28 ส.ค. 49 22:48:34 A:203.107.192.238 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ใช้ counterfeiting ถูกแล้วนะครับ เพราะ counterfeiting เหมือนกัน แต่เป็นนามนับไม่ได้ครับ สาเหตุที่ใช้ Counterfeiting (verbal noun) เพราะ verbal noun แสดงถึง process ของการปลอมซอฟแวร์ ไม่ใช้ counterfeit (Count noun = fake) = software (ของ) ปลอม คำนี้เป็น product ไม่ใช่ คำที่แสดงถึง process กรรมวิธี เช่นเดียวกับ counterfeiting ครับ Software counterfeit จึงไม่มี แต่มี a counterfeit หรือ counterfeits ไม่มีนะครับ เพราะมี Counterfeit (adj) software อยู่แล้ว More examples: This system is designed to prevent counterfeiting. The business of counterfeiting appears to be expanding. The police are conducting a major campaign against counterfeiting (= copying money illegally). The man has been convicted of counterfeiting $ 20 bills/notes. (Verbal noun สามารถมีกรรมได้ ($ 20 bills/notes)) The detective realized the $ 100 bill was a counterfeit. (= It has been counterfeited). Counterfeit = an imitation, esp. one designed to deceive, a forgery. A fraudulent imitation or facsimile, a fake. A gang of counterfeiters. ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ ทุกครั้งผมจะนำไป Post ที่เวปอื่นด้วย เช่น เวป pantip ที่ห้องสมุด (ห้องรวมพลนักแปล) ถ้าผิดพลาดอะไร etc ที่นั่นจะช่วยชี้แนะให้ ท่านอื่นถ้าอ่านคอลัมน์ของ tonmelb แล้วเห็นว่ามีอะไรผิดพลาด ขอให้เข้ามาเสริมได้เลยนะครับ แต่ขอข้อมูลที่ถูกต้องจริง ๆนะครับ เพราะ ณ ตรงนี้------------------ ถึงแม้จะเป็นการตอบปัญหาตามเวปก็ตาม แต่ tonmelb ตั้งใจที่จะให้มันเป็น[ข้อมูลที่ถูกต้องและอ้างอิงได้จริง ๆ] ------------------------------------ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องที่จะเกิดขึ้นกับคุณ ๆ เท่านั้นเอง จากคุณ : tonmelb - [ 28 ส.ค. 49 22:51:34 A:203.107.192.238 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 79 More ครับ John จ๋อห์น, I pass ผ่าส/ my หม่าย driving ไดร์หวิ่ง/test เท้สท. What about/ your หยั่ว math? Are อ๊า you หยู angry แอ้งกรี๊? แบบอังกฤษอังกฤษ Are อ๊า you หยู angry แอ้งกรี้? แบบอังกฤษอเมริกัน Are you waiting/for the bus บ้าส? Did ดิ่ everything เด่ฟวิฑิ่ง go โก้ว well เว๋ล (BrE) / เว้ล (AmE)? It won’t take long หล๋อง/ หล้อง? I ran to/the station สเตฉั่น, but บั่ท I ท่าย just / missed หมิ่ส/ the train เทรน. Sorry ซ้อหรี่, to keep you อยู่/ waiting เว้ทถิ่ง, Sam แซม. I อ๊าย got ก่อท 85%. I’m แอม/แอ๊ม/ sorry ซ้อหรี่ / to ถู่ hear that. That is ทิ่ส / bad luck. Fern, someone’s สั้มหวั่นส/stolen สโตลึ่น my หม่าย/ bicycle. อีกครั้งนะครับว่า การเรียนรู้การอ่านอักษร A-Z และสระเดี่ยวและคู่ สำคัญเช่นกัน อักษรไทยที่ให้นั้น จะช่วยคุณทันที ถ้าคุณผู้อ่านมีพื้นฐานด้านนี้ เช่น cake เค้ก (เขลอะ) มาจากเสียง c เค่อะ +a_e เสียงเอยาว เอๆๆๆๆ และจบด้วยอิเบาๆ + k เคอะ หรือ Sorry เสียง R ยังไงต้องทราบ อะไรทำนองนี้ เพราะถ้าไม่มีพื้นฐานเลย การอ่านตัวอักษรไทยที่ให้เหล่านี้ มันจะไม่ได้----เสียง----ดั่งที่ผมตั้งใจจะให้ครับ ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ จากคุณ : tonmelb - [ 29 ส.ค. 49 00:34:34 A:203.209.121.243 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 80 อุ๊ยต๊กกะจาย เห็นมีตั้ง 79 คคห นึกว่ามีนักเรียนมาเรียนกันเพียบเลย...........แต่ดันกลายเป็นอาจารย์เขียนเองม๊ดๆๆๆๆๆๆๆ.......... เอางี้เอางี้ เด๋วพี่จะไปตามพวกหน้าม้ามา  ให้พวกมันเข้ามาแปะข้อความไว้ในกระทู้คุณว่า "ขอบคุณค่ะ"   "ได้ความรู้ดีค่ะ" "ยอดเยี่ยมเลยค่ะ" แบบที่คุณ *** (ไม่กล้าระบุชื่อ) เขาทำยังไงล่ะ...........คุณจะได้มีกำลังใจเขียนต่อไป .......... เพราะพี่เห็นใจคุณ นั่นก็เป็นเพราะว่าช่วงหลังๆเนี้ยพี่แปะกระทู้อะไรก้อม่ะค่อยมีใครอยากอ่านง่ะ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทความสอนภาษาอังกฤษของพี่ในห้องสมุดรวมน่ะ  ตอนก่อนเคยขายได้ แต่ตอนเนี้ย มันขายม่ะออกแย๊ว..........ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........ จากคุณ : tansy (iwrite4u) - [ 29 ส.ค. 49 13:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ไม่จริงค่ะ อ่านเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้แสดงความคิดเห็นสักเท่าไร แหะๆ ขี้เกียจ log in ค่ะ อยากจะบอกว่าได้ความรู้ดีมากค่ะ ตอนนี้กำลังพยายามฝึกพูดภาษาอังกฤษอยู่ค่ะ อ่านได้แปลออก แต่เขียนได้นิดเดียว เวลาพูด กลับพูดไม่ออก ได้แต่อ่านตามหนังสือ เค้าพูดแบบนี้นะ ถ้าเกิดเค้าพูดนอกประโยคขึ้นมา ตูจะตอบยังไงหว่า เลยหุบปากเงียบซะ ขอบคุณค่ะ สำหรับบทความดีๆ แบบนี้ทั้งของคุณ tansy และคุณ tonmelb จากคุณ : 2Kcartoon (2Kcartoon) - [ 30 ส.ค. 49 10:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณครับพี่ tansy เเละคุณ 2Kcartoon ผมสร้างกำลังใจให้กับตัวเองเสมอ เพราะสิ่งเดียวที่ผมต้องการตอนนี้คือ be the best i can be. กำลังใจผมดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นทุกวัน ขอบคุณครับ +++++++++++++++++++++++++ May I add here? Be such that/ as to something [formal] used to say that something is so great, so bad etc that something else happens; formal or literary: used to give a reason or explanation for something The force of the explosion was such that windows were blown out. แรงระเบิดมันรุนแรงจนทำให้หน้าต่างพังหมด His manner was such as to offend nearly everyone he met. มรรยาทของเขามันเลวร้าย/น่ารังเกียจจนเป็นสาเหตุให้เกือบทุกคนที่เขาพบโกรธเคือง/ไม่ชอบเขาหมด Their confidence was such that they spent a large of money on TV advertising for their first album. ความเชื่อมั่นของพวกเขามันมากถึงขนาดที่พวกเขาได้จ่ายเงินมากมายซื้อโฆษณาทาง TV สำหรับโฆษณา album แรกของเรา (ต้องเชื่อมั่นมาก ๆ) จากคุณ : tonmelb - [ 2 ก.ย. 49 23:33:39 A:203.107.192.209 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 83 Their relationship was such that they spent every possible minute together. ความสัมพันธ์ช่างแนบแน่น จนเขาและเธอไม่ห่างกันเลย( อยู่ด้วยกันทุกนาทีที่เป็นไปได้) His anxiety was such that he twitched. ความกังวลของเขามีมาก ถึงขนาดทำให้ร่างกายเขากระตุก The situation is such that agreement is unlikely. สถานการณ์มันแย่จนไม่น่าจะมีการตกลงกันได้ The damage was such that it would cost too much to repair. ความเสียหายมันมากถึงขนาดว่า ถ้าจะซ่อม ต้องใช้เงินมากเลย Such that or such as ก็ใช้ เช่น such lovely weather that such a hurry that such an extraordinary that เช่น It was such lovely weather that we decided to spend the day on the beach. อากาศมันดีมากจนทำให้เราตัดสินใจ อย่ากระนั้นเลย ไปเที่ยวทะเลกันดีกว่าในวันนั้น (อากาศดีเป็นสาเหตุจูงใจให้เราต้อง Spend the day on the beach ดีจนห้ามใจไม่อยู่) ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 2 ก.ย. 49 23:36:12 A:203.107.192.209 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 84 As ever/ as always (British English)/ like always (American English) [Adv] spoken: use this to say that something is not surprising because it is what almost always happens: Tonmelb was the first to arrive, as always. As always ย่อมาจาก as tonmelb always does/did = He comes/came first, always. = he always comes/came first. More examples: We took the precaution, as always, of having the paintings authenticated. = เราต้องตรวจพิสูจน์ก่อนเสมอ กันไว้ก่อน As noted = as noted above= as something/ some points has been / is/are was/were noted = as (Pron) has been / is/are was/were noted = which has been / is/are was/were noted คือ point etc ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ As usual = as is usual = which is usual As aware = as you will be aware = as is aware As in everything else = as it is in everything else ที่นี้ as เป็น sub conj. Ton won convincingly, as usual. = which is usual As permitted = which is permitted จากคุณ : tonmelb - [ 2 ก.ย. 49 23:37:22 A:203.107.192.209 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 85 As never before = เราใช้ As ในภาษาเขียนนะครับ เช่น we’ve got food as many people as want it. = as those who want it (food). Nylon is cheaper than leather, and it is just as (adv) strong. = and it is as strong as leather. As (สิ่งที่กล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้) is announced in the papers, Thailand has launched another ma-made earth satellite. As is a pronoun. (This is)English as (it is) spoken in Canada. As (sub conj.) As will have been quite clear by now, the Longman Language Activator is specifically concerned with the productive aspect of your language use. นี่คือคร่าว ๆนะครับในการใช้ As ในภาษาเขียน ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ จากคุณ : tonmelb - [ 2 ก.ย. 49 23:38:17 A:203.107.192.209 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 86 I keep คี๋พ/ losing/my pen. How ฮาว much มัช /money/did she spend? Good (เน้นคำนี้) กุ่ด morning ม่อนิ้ง ------------------- หรือ----- Good กุด morning (เน้นคำนี้) ม้อนิ่ง Yes, of (ซ่อบ) course. Offer เอ่าะเฟ่อะ (แบบอังกฤษ) อ๊อ (คล้ายมีเสียงอา)เฟ่อะ I’m not very technical. เท้คหนี่โข๋ล(เลอะ). อ้าย แค่น ไท้พ / ไคว่ ฟ้าสท. Well เว่ล, actually it’s a private พรายหวิท call. We’ve run out น้าวท. Festival ------------------------- เฟ้สทิ่โหว่ล(เหลอะ) Algebra ----------------- แอ้ลจี่บร่ะ Politics--------------------- พ้อลหลิ่ถิ่กส Computing ---------------------------- ข่อมพิ้วถิ่ง Literature------------------ เล็ทถิ่เฉ่อร Statistics--------------------- สต่ะทิ้สติ่กส Engineering -------------------------------เอนจิเนี้ยหริ่ง Economics ---------------------- เอ่ะโค๊หน่อมิ่กส Scholarship ---------------------------สก๊อเหล่อะฉิ่พ +++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : tonmelb - [ 2 ก.ย. 49 23:40:29 A:203.107.192.209 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 87 การใช้ Ving ที่เป็นคำนาม consolidate/enhance language leaning Desktop computing A solid grounding in Fun-to-do coloring To promote understanding For large group teaching Language teaching and leaning ใช้ To+ ving ------------------- a clear framework to learning I am looking forward to meeting tonmelb. Critical thinking And give advice on ordering I have an aversion to getting up early. จากคุณ : tonmelb - [ 2 ก.ย. 49 23:42:07 A:203.107.192.209 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 88 คุณเข้าใจถูกแล้วครับ ในประโยคนี้ Sincepart of the sentence.) For ที่แปลว่า because เราใช้ For introduces new information but suggest that the reason is given as an afterthought. For clauses never come at the beginning of sentences. และเมื่อใช้ For ประโยคจะเป็น compound ไม่ใช่ complex เหมือนกับที่เราใช้ because I decided to stop and have lunch-for I was feeling hungry. จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ย. 49 00:22:36 A:203.209.117.85 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ---------------------------------Someone told me that I can talk without correct grammar. He told me don't worry about grammar. He said" you can say" yesterday I go to the market "" He said "The important point is the other one can understand you" How do think about this? Agree or disagree?---------------------- จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ย. 49 00:27:04 A:203.209.117.85 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 90 May I say something here? It is okay to me when you make an attempt to say something in English for the first time. Still, I think that it would be advisable for you to improve on that later on. A working knowledge of English helps you to express subtleties and complexities of thought. It also helps you to write respectful English. Grammar is important. Written standard English remains an immensely powerful medium of communication and an essential medium for people in the English-speaking world. เป็นการแสดงถึงความเคารพและความเอาใจใส่ของคุณที่มีต่อภาษาด้วยนะครับ Grammar does not help you to speak English. But it helps you to speak the language more properly and precisely. The acquisition of speech is normally an informal process. Writing, on the other hand, is not a natural activity. Fluency and precision, however, can be acquired only through practice and an understanding of the principles and techniques of written English. There is nothing wrong with grammar. We have just done it wrong. Language starts with an ear. Children need to learn through listening first. Then they find an opportunity to use the language- speaking. Grammar comes later. It must come. It will come. จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ย. 49 00:29:21 A:203.209.117.85 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ในความรู้สึกของผม ผมคิดว่า คนที่ปฏิเสธ Grammar อาจเพราะว่าฟัง ๆมาว่า grammar ไม่มีประโยชน์ ดูได้จากเรียนมาเป็นสิบ ๆ ปี ก็ไม่เห็นได้ผล เช่นที่ tonmelb เน้นมาโดยตลอด เขียนอธิบายมาโดยตลอดว่า ----------------------------------- เราสอนไม่เป็นเอง สอนตามหนังสือ ไม่รู้นอกเหนือไปกว่านั้น etc------------------------------ ไม่ใช่เกี่ยวกับ Grammar หรือเพราะขี้เกียจ เพราะมันยุ่งยาก อยากพูดได้เร็ว ๆ etc ด้วยความจริงใจเลย คุณรู้ตัวดี tonmelb บอกตลอดว่า คุณน่ะคือคนเดียวในโลกที่รู้ว่า อะไรคืออะไร แต่ไม่ยอมรับเท่านั้นครับ เก่งภาษานะไม่ยากหรอก แต่ คุณรู้ดี ว่าทำไม ถ้าครูไม่ดี ไม่มีคุณภาพ คุณจน etc ยังไม่ซีเรียสเท่าไหร่ ผมห่วงว่า คุณขยัน ขวนขวาย มุมานะหรือเปล่า? ทัศนคติดีไหม? หรือโทษโน่นโทษนี่ คุณขยัน ขวนขวาย มุมานะ อดทน---------------------เท่าผม---------------หรือเปล่าล่ะครับ? อย่าเพิ่งหมั่นไส้ผมเลย ที่ผมเขียนมานี้ ไม่ได้จะอวดอ้างตัวดี ผมจริงใจ และเป็นห่วงคุณจริง ๆ เพราะคุณคือคนไทย เพื่อนร่วมชาติของผม เรื่องอะไรที่ผมจะต้องมานั่งหน้าจออยู่ทุกวัน [[[[[[[[[[[[[[[[[[[[ แล้วเขียนให้คนเกลียดผม]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]]] ผมได้อะไร จากการทำตรงนี้ เราอยู่ในสังคมที่------------------------ ไม่ยอมรับ ที่รักษา Form กันเหลือเกิน มี ego ด้วย โดยเฉพาะผู้ชายนะครับ ------------------ ลองกลับมา Check ตัวเองกันก่อนดีไหม? จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ย. 49 00:31:06 A:203.209.117.85 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 92 It depends. If you are too afraid to speak English for fear of making mistakes, or using the wrong grammar, I say "forget the grammar" and just open your mouth and speak. We foreigners make grammatical mistakes all the time ... we don't expect you to be perfect. If you are at a level where you are starting to feel comfortable with English, then I think you can go back and study some of the grammar rules. If you say "Yesterday I go to the market," I understand what you mean. I guess that's the most important thing. However, you should know that the correct way to say it is "Yesterday I went to the market." You shouldn't be lazy just because the other person understands you. The problem in Thailand is that we focus too much on grammar. Not enough communication, and far too much grammar. In the end, the grammar is an obstacle to people communicating, because everybody is afraid of making mistakes. Do you agree with me? Andrew จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ย. 49 00:35:09 A:203.209.117.85 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 93 หมายเหตุ------------------- คคห 88 ขอ Post ใหม่ครับ มันไม่ครบ คุณเข้าใจถูกแล้วครับ ในประโยคนี้ Since =because=as ครับ ใช้ Since นำหน้าประโยคได้ครับ และไม่นำหน้าก็ได้ Tonmelb ขออธิบายเพิ่มเติมดังนี้ ถึงความแตกต่างระหว่าง 3 คำนี้ As/Since clauses often come at the beginning of sentences. It is rather formal. เราจะใช้ Since เมื่อเหตุผลที่เราให้เป็นที่ทราบดีแล้วระหว่างผู้พูด/ผู้อ่าน is already known to the listener/reader or when it (the reason) is not the most important part of the sentence. Since you are not interested, I won’t tell you. Since you love me no more, I have to say good bye to you. I am not surprised you failed the exam since you did no work for it. Aircraft noise is a problem here since we’re close to the airport. การใช้ Because เพราะคำนี้ put more emphasis on the reason, and most often introduces new information which is not known to the listener/reader. I am leaving because (not since/as) I am fed up. (reason is the most important part of the sentence.) For ที่แปลว่า because เราใช้ For introduces new information but suggest that the reason is given as an afterthought. For clauses never come at the beginning of sentences. และเมื่อใช้ For ประโยคจะเป็น compound ไม่ใช่ complex เหมือนกับที่เราใช้ because I decided to stop and have lunch-for I was feeling hungry. ๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘๘ จากคุณ : tonmelb - [ 9 ก.ย. 49 00:43:31 A:203.209.117.85 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 94 อยากจะถามคุณ tonmelb ว่า grammar เราใช้ในภาษาเขียนแล้วเวลาที่เราอยากจะพูดภาษาอังกฤษ grammar เราต้องนำมาใช้ด้วยหรือไม่ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ จากคุณ : 2Kcartoon (2Kcartoon) - [ 11 ก.ย. 49 10:15:37 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เราต้องใช้ Grammar ไม่ว่าจะในภาษาพูดหรือเขียน เพียงแต่รูปแบบจะแตกต่างกันไปครับ โดยเลือกตามความเหมาะสม the way why we choose a particular structure in a particular context. เราอาจเลือกใช้ grammar ที่ใช้ในภาษาเขียนมาใช้ในภาษาพูดได้ เเต่ทั่ว ๆไป grammar ในภาษาพูดมันจะมีเเนวที่เเตกต่างกันอยู่เเล้ว มันจะ less formal กว่า but less formal is not hte same as impolite. ดังนั้น slang ไม่ขอพูดถึงตรงนี้ หนังสือของ Longman ก็มีเกี่ยวกับความแตกต่างของ grammar ที่ใช้ในภาษาพูดและเขียนครับ Grammar of Spoken and Written English ของ Longman ขายที่ร้านหนังสือจุฬา ฯ ราคา 1500 บาท แต่ถ้าซื้อที่ Australia เกือบ 6000 บาทครับ นี่คือบาง Quote from the language of everyday conversation to the language of academic textbooks. The way language is used in conversation is quite different from the way language is used in fiction, which in turn is often very different from the grammatical characteristics of newspapers or academic books. the way why we choose a particular structure in a particular context. The differences between spoken and written English construction across different [registers], from conversation to fiction to academic prose ๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗๗ จากคุณ : tonmelb - [ 15 ก.ย. 49 23:24:58 A:203.209.121.145 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 96 Typical conversations A: Hi. A speaking. D: Hi A. how are you? A: Fine thanks. Ruth: Can I turn on the air conditioner? Sam: I’d rather you didn’t. I have a cold. Supplier: Hello. Customer Service Department. How may I help you? Customer: Hi, I’m trying to find out if my order has been shipped. Supplier: Ok. Could I have your account number please? Customer: Yes, it’s 4444888 and the purchase order number was D88663788. Supplier: Thank you. One moment please. Yes, your order was shipped on the first. We sent it to your forwarder for sea freight . Tony: Jean? Any idea where I can get info on exchange rates? Jean: What exactly do you need? . Jean: Um Oh yeah. There is a website that has all that kind of info . B: Excuse Henry. Do you mind if I leave a little early tonight? It’s my teacher’s birthday. Henry: No problem. การใช้คำย่อ สำนวน etc เป็นปกติของภาษาพูด เช่น I guess so. Yeah. ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากคุณ : tonmelb - [ 15 ก.ย. 49 23:31:40 A:203.209.121.145 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 97 Thank you for returning the book. Sorry to keep you waiting. Please excuse my/me interrupting you. How many mistakes can be found here? I am glad to meet you. I am glad to have met you. I like helping people. He gave me some bread to eat. This is the office to rent. Will you come to dinner with me? I’d love to. If he should come today, please give him this note. จากบทสนทนาที่ยกมา จะเห็นได้ว่า ภาษาพูดต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจ Grammar ทั้งสิ้นนะครับ เพียงแต่ถ้าเราไม่อยากให้ผู้เรียนเบื่อและท้อซะก่อน เราก็ไม่สอนว่าคำนี้ต้องตามด้วยคำนั้น แต่ควรจะต้องให้พูด ให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายไปก่อน ต้องเริ่มที่ communicative approach ก่อน Grammar ตามหลังมา ไม่เหมือนที่เรา ๆเรียนกัน To know all about English is one thing, to know English is quite another. นะครับ จากคุณ : tonmelb - [ 15 ก.ย. 49 23:34:55 A:203.209.121.145 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผมไม่ใช่หน้าม้า...แต่หน้าหล่ออะ..555 แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 49 23:36:49 จากคุณ : just like that - [ 4 ต.ค. 49 20:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ผมก็หล่อเหมือนกัน จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 15 ต.ค. 49 18:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณครับ วันนี้ผมกลับมาอ่านกระทู้ตัวเอง โห มันเยอะจริง(โว้ย) มันต้องใช้เเรงใจเท่าไหร่กันเนี่ย ณ วันนี้คนที่ว่าผม ก็ไม่ได้เขียนเเทนผม เเต่ทุกสิ่งก็ business as usual ผมไม่รู้นะ เวลาที่มีเเรงใจ ก็เขียนเยอะ ๆ เเบบลืมเหนื่อยเลย เเต่พอหมดเเรงใจ เห็นอะไรก็เบื่อไปหมด(เเถมปวดหลังกลับมาอีกช่วงหลัง ๆ เเต่ตอนนี้ไม่ปวดเเล้ว เเต่ถึงอย่างไรต้องติดต่อไปหาคุณเเอ๊ดเเน่นอน เพราะอนาคตต้องปวดอีกเเน่ ๆ) สิ้นเดือนนี้จะเปลี่ยนเป็น TA ที่โรงเรียนไทย เเผนก IP เเล้ว Head Teacher เป็นสุภาพสตรีชาว Canadian ครับ ดีใจมาก เพราะอยากฟังสำเนียงนี้มานานเเล้ว เล่าลือว่า คนเเคนาดาสำเนียงเพราะมาก เเต่เพื่อบอกว่า อย่กทักเขาว่า You speak with an American English. ควรบอกว่า NA-E. ไปก่อนครับ ไปหาเเรงใจก่อน ขอบคุณทุก ๆกำลังใจ จากคุณ : tonmelb - [ 15 ต.ค. 49 20:54:13 A:203.107.192.202 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ดี ครับ จากคุณ : SEA - [ 17 ต.ค. 49 01:18:32 A:124.120.84.19 X: TicketID:107202 ]

ความคิดเห็นที่ 102 pay a visit to the good page ! จากคุณ : me - [ 4 พ.ย. 49 18:10:39 A:203.114.127.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 103 Thank you very much, krub. จากคุณ : tonmelb - [ 4 พ.ย. 49 20:35:34 A:203.209.117.17 X: TicketID:054700 ]