ความคิดเห็นที่ 1 มีใครเอาปืนจี้หัวบังคับให้เรียนอยู่ที่นั่นหรือครับ จากคุณ : ชื่อนี้แหละ - [ วันเข้าพรรษา 08:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 <<<หลานสาวเรียนอยู่ที่เซนโยเซฟต์ ที่เน้นเรื้องแต่การท่อง เน้นให้ท่องจำมากๆไม่เน้นเข้าใจ อบากให้ย้ายไปเรียนหลักสูตรแบบสาธิต >>> แล้วคุณจะเสียใจ ตัวเองเรียนหนังสือแบบเซ็นต์โยเซฟ ต่อมามีลูกสองคนส่งเรียนที่สาธิตที่ดังแถวถนนพญาไท บอกได้คำเดียวว่าเสียใจ ลูกสองคนก็จบมาดีไม่มีปัญหา แต่ยังคิดว่าถ้าไปเรียนโรงเรียนแบบที่เราเคยเรียนมา คงจะได้อะไรดีกว่านี้มาก ๆ จากคุณ : * - [ วันเข้าพรรษา 09:16:04 A:58.9.191.155 X: TicketID:105682 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่เคยแนะนำใครให้เอาลูกไปเข้าที่นั่นอยู่แล้ว ย้ายได้ย้ายเลย จากคุณ : ศิษย์เก่า - [ วันเข้าพรรษา 09:16:19 A:210.213.22.186 X: TicketID:102543 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณความเห็นที่1.  กรุณาอ่านห้วข้อให้ดี  แล้วใช้ปัญญาที่มีของคุณตรองดูว่า ผมมาถามหาคำตอบ ไม่อยากตอบให้ข้อมูลก็อย่ามาอวดเล่นสำนวนที่ขาดความรับผิดชอบในสังคมออนไลน์ที่สะอาดแห่งนี้  ใครไปกดดันให้คุณมาตอบคำถามนี้  ผมกำลังจะหาข้อมูลเพื่อย้ายโรงเรียนที่เหมาะสมกับเด็ก ไม่ใช่มาระบายความอยากจะแสดงออกด้วยภาษาอย่างที่คุณทำอยู่  ไปไหว้พระเถิดครับ  จิตใจจะได้ดัขึ้น  นะครับ  ขออโหสิกรรมกันไปเลยดีกว่า   อย่าตอบแบบตีห้ววหนี  มันไม่ใช่มนุษยา จากคุณ : kritpass - [ วันเข้าพรรษา 10:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เราว่าเรื่องเรียนพิเศษนี้ ไม่ว่าโรงเรียนไหนก็เรียนกันเยอะๆ ทั้งนั้นเลย ที่เซนต์โย เรียนพิเศษที่ รร. ตอนเย็น หรือ วันหยุด ไม่ได้บังคับค่ะ ใครจะไปเรียนข้างนอกก็ได้ เพียงแต่เรียนพิเศษของรร . ก็จะรู้แนวการสอบของรร. เนื้อหาข้อมูลที่ใช้สอน ก็เป็นของรร. โดยเฉพาะ เราก็รู้จัก เด็กเซนต์โยหลายคนที่ไม่ได้เรียนพิเศษใน รร. ก็เรียนได้ไม่มีปัญหา อันนี้แล้วแต่ผู้ปกครองด้วย เพราะบางคนก็ไม่ให้ลูกเรียนเยอะ ถ้าคุณ kritpass สนใจแนวการศึกษาแบบอื่น ก็ลองดู รร.รุ่งอรุณ ดูนะคะ เราไม่มีข้อมูลมาก เพียงแต่เห็น เด็ก รร. นี้ ค่อนข้างกล้าพูดกล้าซักถามดีค่ะ ลองหาดูนะคะ จากคุณ : A twingle little star - [ วันเข้าพรรษา 10:34:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับโรงเรียนเอกชนส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนี้ค่ะ  ยังไงเค๊าก็ต้องให้เรียนพิเศษ  เพราะนั่นเป็นรายได้ทางหนึ่งของโรงเรียน   เค๊าพยายามให้นักเรียนท่องเพื่อให้เก่งและสามารถไปเอ็นทรานซ์ได้  ซึ่งนั่นก็ถือว่ายังเป็นการศึกษาระบบเก่าอยู่ คือเน้น ท่องจำ  แม้ว่าจะมีการปฏิรูปการศึกษาและเปลี่ยนรูปแบบการเอ็นทรานซ์แล้วก็ตาม   ส่วนโรงเรียนสาธิต  ใช้ระบบของคณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยนั้นๆ  รูปแบบการสอนต้องสมัยใหม่หน่อย ซึ่งก็ดีค่ะ เรียนที่ไหนก็ดีทั้งนั้นค่ะ  ขึ้นอยู่กับตัวเด็กว่ารับรูปแบบการเรียนการสอนแบบไหนได้ดีกว่ากัน   แต่อยากแนะนำ  ถ้ามีกำลังพอ  ประเภทโรงเรียนสองภาษาก็น่าสนใจนะคะ  แม้จะใช้หลักสูตรกระทรวงฯแต่ก็เรียนสอนด้วยภาษาอังกฤษ จากคุณ : puiso - [ วันเข้าพรรษา 10:45:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พอดีลูกผมก็กำลังจะเข้า ป. 1 ปีหน้านะครับ ตอนนี้ก็กำลังหาที่เรียนอยู่เหมือนกันก็พอจะได้ข้อมูลภายในมาบ้าง สำหรับพวก ร.ร. สาธิตบ้างแห่งนะครับ ถ้าลูกเราไม่ได้สอบเข้าเอง จะอยู่อีกห้องๆ นึงสำหรับพวกเด็กฝาก ที่นี้ว่าถ้าลูกหรือหลานท่านใดที่เข้า ป.1 ไปแล้วจะหาที่เรียนใหม่โดยเข้า ป. 2 หรือ3 ที่สาธิตฯ ผมไม่แน่ว่าจะเข้าได้รึเปล่านะครับ แต่คิดว่าไม่น่าจะเข้า เพราะขนาดลูกผมเองอายุเกินเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนตั้งไว้ เขาก็ยังไม่รับเลย (เกินแค่เดือน 2 เดือนเองมั้งถ้าจำไม่ผิด) หลังจากนั้นก็มีการลองหาวิธีการอื่นๆ ดู พอดีว่ามีญาติรับราชการอยู่แล้วในวงราชการนั้นมีเด็กที่เรียนอยู่ที่นี่ ก็เลยลองติดต่อเขาดู รู้ไหมครับว่าเขาเรียกเท่าไร 1 ล้านบาท โอ้แม่เจ้า .........  ญาติของผมที่เป็นคนติดต่อไป เลยบอกปฏิเสธให้แทนเลย นอกเรื่องไปหน่อย อิอิอิ คือตอนนี้สำหรับเด็กความจำเป็นสิ่งจำเป็นนะครับ แล้วยิ่งถ้าเราไปเรียน พวก หลักสูตร Bi Lingual (2 ภาษา) ยิ่งต้องใช้ความจำมากขึ้นอีก นะครับ ส่วนเรื่องพิเศษเนี่ย ถ้าเด็กไม่เรียนกับทางโรงเรียน ผู้ปกครองก็จำเป็นที่จะต้องมีเวลาให้ลูกสำหรับทบทวนการบ้าน หรือหา หนังสือหนังหา มาให้ลูกทำเพิ่มเติมเองนะครับ (พูดเหมือนรู้ดีจริงๆ เมียเป็นคนทำครับ แต่ว่า ผมจำมาเล่าอีกที) สุ การฟัง จิ การคิด ปุ การถาม ลิ การเขียน จากคุณ : muk_22 - [ วันเข้าพรรษา 11:22:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ระบบเอ็นใหม่นี่ยิ่งน่าไปเรียนพิเศษกะครูใหญ่เลย เกรดจะได้สูงๆ -     -" จากคุณ : Alovera - [ วันเข้าพรรษา 11:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น้องสาวเราเรียนที่นี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรนี่ค่ะ ได้อันดับต้นๆของห้องไม่ได้เรียนพิเศษเพราะพ่อแม่เป็ยข้าราชการไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่มารยาทดี ภาษาดี แต่ทุกสังคมย่อมมีทั้งถูกใจเราและไม่ถูกใจเรา ไอ้ที่ไม่ถูกใจเราไม่ใช่ว่าไม่ดี เพราะไม่อย่างนั้นเค้าคงไม่สอนกันมาแบบนั้น วัตถุนิยมก็มีบ้างแล้วแต่ว่าคุณสอนลูกอย่างไร ป.ล. น้องเราเรียนตั้งแต่ป 1 ตอนนี้อยู่ ม 2 จากคุณ : cyberbow - [ วันเข้าพรรษา 11:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราว่าเซนต์โยฯก็ดีแล้วนะ รู้จักคนจบจากเซนต์โยฯมาหลายคนก็เห็นประสบความสำเร็จกันดีทั้งนั้น ร.ร.สาธิตนี่ก็ต้องท่องเหมือนกัน มีให้เรียนพิเศษเหมือนกัน แถมเด็กเกเรเยอะอีกต่างหาก ถ้าได้เพื่อนไม่ดีนี่อาจจะพากันเสียได้ จากคุณ : ศิษย์เก่าสาธิต (ไอซ์ที) - [ วันเข้าพรรษา 11:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 หวัดดีค่ะ ลูกสาวก็เรียนเซนโยเซฟเหมือนกัน ดิฉันว่าทางโรงเรียนก็สอนดีนะค่ะ ถามว่าเน้นท่องจำมั้ย บางส่วนต้องท่องค่ะ ที่เป็นเนื้อหาวิชาการ เช่น คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หรือวิชา ภาษาไทย สังคม แต่วิชาเลขไม่ต้องท่องแต่เด็กต้องทำความเข้าใจ วิธีกระจายตัวเลข การคูณ การหาร             เวลาว่างหรืออยู่ในรถดิฉันมักจะถามลูกในเนื้อหาที่ครูสอนเสมอ เค้าตอบได้โดยบางส่วนมาจากความรู้ที่ครูสอนให้บางส่วนมาจากความคิดเห็นของเขาเอง แล้วเค้าก็ชอบถามเรื่องเนื้อหาที่เรียนกับเรา  คิดว่าพ่อแม่หรือผู้ปกครองน่าจะต้องตามลูกให้ทัน        มีพ่อแม่บางคนบอกว่าถ้าลูกจบ ป 6 จะย้ายโรงเรียน เพราะที่นี่ให้หาเอกสาร และภาพประกอบเยอะมากจนเวียนหัว  แต่ดิฉันคิดว่าดีนะ เพราะดิฉันช่วยลูกหา ได้รู้ว่าเค้าเรียนเรื่องอะไรอยู่ แต่ไม่ได้หาให้แบบป้อนใส่ปาก ชึ้แนะให้แล้วให้เค้าเลือกหาเอาเอง บังเอิญที่บ้านมีหนังสือเยอะ       ส่วนเรื่องเรียนพิเศษเย็น ก็ให้ลูกเรียนค่ะ เพราะเวลาตรงกับเวลาเลิกงานพอดี การเรียนพิเศษ ก็ไม่ได้บอกข้อสอบแน่นอน แต่เป็นการทำแบบฝึกหัด 5 วิชาหลัก ถ้าเค้าเรียนในหอ้งยังไม่เข้าใจ ที่เรียนพิเศษจะเข้าใจดีขึ้น อันนี้ดิฉันดูจากการตอบในแบบฝึกหัด บางครั้งตอบผิด ครูแก้ไขให้ ก็ทำให้เรารู้ว่าเค้าเข้าใจในการเรียนแค่ไหน เวลากลับบ้านก็จะช่วยสอนให้เค้าเข้าใจในข้อที่ตอบผิด      จริง ๆ แล้ว ดิฉันคิดว่าพ่อแม่มีส่วนสำคัญต่อการเรียนของลูกมาก เราต้องคอยติดตาม ต้องคิดถึงตัวเราเองสมัยก่อน ถ้าเรียนวิชาไหนไม่เข้าใจ หรือส่งงานไม่ทันตามกำหนด ก็จะไม่อยากเรียน ลูกเองก็เหมือนกัน การเรียนที่นี่ต้องหาข้อมูลจากเอกสาร หนังสือ internet ซื่งก็เหมือนกับโรงเรียนอื่น ๆ  โดยเฉพาะถ้ายึ่งเป็น รร สาธิต ซึ่งลูกเพื่อนก็เรียน เค้าหาข้อมูลจากใน internet แล้วยังไปหาซื้อหนังสือ  มาเสริมให้อีก แทบจะทำรายงานแทนลูกเลย          ส่วนหลานดิฉันก็เรียน ที่สารสาสน์เอกตราค่ะ ต้อง ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษทุกวัน วันละ 5 -10 คำ คำศัพท์ก็จะยากขึ้นเรื่อย ๆ ตามชั้นเรียน ตอนนี้พูดภาษาอังกฤษเก่ง โต้ตอบได้สบาย          สรุปแล้วที่ รร ไหนก็ดีหมดค่ะ  เพียงแต่พ่อแม่ต้องใส่ใจการเรียนลูก ดูแลเค้าอย่างใกล้ชิดนะค่ะ จากคุณ : ทะเลสีฟ้า - [ วันเข้าพรรษา 12:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ เรียนที่เมืองไทยน่ะ "เน้นท่องไว้ก่อนเป็นดี" ครับ ส่วนเรื่องที่เน้นการเข้าใจน่ะ ขึ้นอยู่กับความขยันของตัวเด็กด้วยนะ ... เพราะถ้าครูอยากให้เด็กเข้าใจ ... เลยสอนแบบเอาเด็กเป็นศูนย์กลาง บอกได้คำเดียวว่าเด็กจะโง่ลงมาก ไม่ต้องอะไร ผมจบจากโรงเรียนศรีวิทยาปากน้ำ ... โรงเรียนเอกชนที่ได้ชื่อว่า เน้นการท่องเป็นพิเศษในระดับประถมในยุคที่ผมเรียนอยู่นะครับ ประมาณ 14-18 ปีที่แล้ว พอย้ายมาเรียนมัธยมที่ สตรีสมุทรปราการ ก็เป็นการเรียนแบบผสมคือ เน้นทั้งท่องและทำความเข้าใจ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ผมสอบติดมหาวิทยาลัยได้ 5 แห่งนะครับ ที่พูดอย่างนี้ มิได้จะคุยโว เพราะเพื่อน ๆ ที่นี่ก็ติดแบบนี้ทั้งนั้น ... โรงเรียนเราไม่ได้เก่งมากแบบ เตรียมฯ แต่ความอุตสาหะ ที่อาจารย์ท่านเคี่ยวเข็ญให้ท่องต่างหาก ทำให้เราสามารถมีพื้นฐานที่ดีได้ โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ทั้งบางนา และทิพวัลย์ล้วนก็มีพื้นฐานเดียวกันนี้ เด็กก็เก่งจริง และเก่งนาน สิ่งที่อาจารย์ หรือคุณครูบังคับให้เราท่องคืออะไร มันไม่ใช่สูตรนะครับ แต่ท่านให้เราท่องบทเรียนนี่ละ เป็นบท ๆ เลย คณิต ภาษาไทย สังคม ภาษาอังกฤษ มีหมดครับ คณิต - เด็กทุกคนต้องท่องมาตราเมตริกต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ประถมสาม เริ่มท่องวิธีการคำนวณหาสิ่งต่าง ๆ จากรูปทรงเรขาคณิตตั้งแต่ประถมสี่ ... สูตรคูณ ท่องจบแม่ 2-25 ตั้งแต่ ประถมห้า ครับ ภาษาไทย - อักษรต่ำ กลาง สูง คำเป็น คำตาย กฎเกณฑ์ฉันทลักษณ์ต่าง ๆ กลอนของท่านสุนทรภู่ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่เด็กไทยควรมี และต้องนำไปใช้ได้จริง ... และผมก็สามารถนำมาใช้ได้จริง ปัจจุบันเรียนปริญญาโทอยู่ที่ธรรมศาสตร์ ก็ยังต้องนำความรู้พื้นฐานเหล่านี้มาใช้ xxxxx  ในทางตรงกันข้าม  xxxxx น้องสาวของผม ผู้ที่พ่อแม่เห็นจากพี่ ๆ ว่าเรียนหนักอย่างนั้นอย่างนี้ เลยส่งไปเรียนที่โรงเรียนสมุทรปราการ (ชาย) ... ที่นั่นสอนแบบที่เจ้าของกระทู้ต้องการเลยนะครับ อาจารย์แทบจะไม่สอนเด็กเลยนะครับ อาจารย์อ้างว่าเด็กควรทำการศึกษาเอง จะได้ตรงตามที่กระทรวงต้องการ วิธีการก้คือ ... เข้ามาไม่ต้องสอน ให้เด็กอ่าน และท้ายชั่วโมง ไม่สั่งการบ้านอีกต่างหาก ให้ทำรายงานเลย รวมกลุ่ม รวมเล่มมาส่ง ที่หนักกว่านั้นก็คือ อาจารย์ก็เอารายงานเหล่านั้นมาชั่งกิโลขาย ... ที่ทราบเพราะที่บ้านรักซื้อไงครับ แล้วอาจารยืที่สอนน้องผมนั่นแหละ ท่านเอามาขาย มีของน้องผมด้วย ... แสบไหมละ วิชาการเรือน ... อาจารย์สั่งให้ทำดอกไม้ประดิษฐ์ แต่อาจารย์ไม่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ครับ ท่านต้องการ ... เงิน นักเรียนทุกคนห้ามไปซื้ออุปกรณ์เองที่ตลาด ให้มาซื้อกับอาจารย์เท่านั้น กระดาษสีเขียว ๆ ที่ตลาดขายแพ็คละ 9 เก้า อาจารย์ขาย 15 บาท นี่หรือ คือ โรงเรียนที่คุณอยากให้ลูกไปอยู่ ??? จากคุณ : The Truth Revealer - [ วันเข้าพรรษา 12:49:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 การท่องจำ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป แต่จะเป็นการทำให้เด็กมีข้อมูลพื้นฐานซึ่งจะติดตัวไปจนตาย โดยเฉพาะการเรียนภาษา ผมว่า บางอย่างมันก็ต้องท่องเหมือนกัน แต่ว่าต้องประกอบกันไปกับการทำความเข้าใจด้วย ไม่ใช่ท่องแบบนกแก้วแต่ไม่รู้เรื่อง คนรุ่นเก่าที่เรียนมาในระบบท่องจำ ประเภทสูตรคูณ บทอาขยาน ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ ท่องวรรณคดี อะไรพวกนี้ ส่วนมากจะแม่นเรื่องข้อมูล โดยเฉพาะเรื่องคำนวณ บางทีคิดในใจก็ได้แล้ว ในขณะที่เด็กสมัยนี้ที่เรียนแบบไม่ต้องท่อง (ใช้ใบงาน กิจกรรมทำเอง) ผมเห็นส่วนใหญ่เวลาคำนวณเลขง่ายๆ ยังต้องหยิบเครื่องคิดเลขมากด ถามข้อมูลอะไรก็ไม่ค่อยรู้ เหมือนกับไม่ต้องใช้สมองแล้วอ่ะครับ จากคุณ : Wee - [ วันเข้าพรรษา 13:11:53 A:unknown X:202.12.74.5 TicketID:112541 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเห็นด้วยนะครับ บางอย่าง บางวิชาก็ยังจำเป็นต้องท่องจำอยู่นะครับ อย่างคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ถ้าไม่ท่องก็คงไม่จำ มันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร นอกจากนี้ยังฝึกสมองให้เป็นคนจดจำอะไรได้เก่งและแม่นยำ (เล็ก ๆ เคยโดนให้ท่องบทอาขยานเป็นหน้า ๆ เลย) ยกเว้นบางวิชาอย่างที่คุณ ๆ ข้างบน ๆ บอกแหละครับ บางทีถ้าท่องจำซะมากเกินไปโดยไม่ใช้สมองส่วนสร้างสรรค์ที่ต้องอาศัยความเข้าใจประกอบก็คงไม่ไหวเหมือนกัน จากคุณ : วศินสุข - [ วันเข้าพรรษา 13:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 น้องผมเรียนที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ไม่รู้เน้นอะไร แต่ผมจะสอนน้องด้วยวิธีตั้งคำถาม ให้แกตอบ ตอบไม่ได้ไม่เป็นไร หาสิ่งเร้ามากระตุ้นให้แกถาม เช่น เปิดเพลงแปลกๆ แล้วผมก็จะให้แกตอบด้วยตัวเองด้วย ผมว่าเรียนที่ไหน ไม่สำคัญเท่าไหร่ สำคัญที่ตัวเด็กมากกว่า ถ้าครอบครัวใส่ใจ และกระตุ้นให้เด็กอยากรู้อยากเห็น ถามตอบแกเรื่อยๆ มันจะช่วยได้เยอะ จากคุณ : firstini chemistani - [ วันเข้าพรรษา 13:55:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สาธิตที่อื่นผมไม่รู้นะครับ แต่สาธิต จุฬาฯ นี่ขึ้นชื่อ ลองไปถามเด็กคณะครุศาสตร์จุฬาฯได้เลยว่าใครอยากฝึกสอนที่นี่บ้าง จากคุณ : Nexus - [ วันเข้าพรรษา 14:51:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมมีหลานเรียน ป 6 อยู่เซนโยเซฟต์ คนหนึ่งครับ เห็นแกเรียนแล้วน่าสงสารจังครับ เพราะแกบอกว่าเบื่อภาษาอังกฤษ(ถึงขั้นเกลียดเลยละ) เพราะพอถึงเวลาอาจารย์ก็จะเกาะกระดานเขียนไวยากรณ์อังกฤษบนกระดานแล้วให้นักเรียนลอกเป็นเล่มๆ แล้วก็เอาที่ลอกจากกระดาษไปส่ง แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ว่าจะฝึกพูด หรือทำกิจกรรมอะไรไม่มีสักอย่าง แต่พอนอกเวลากลับจะรับสอนพิเศษเอาตังค์...นึกไม่ถึงว่าจะยังมีครูแย่ๆแบบนี้อยู่ในประเทศนี้อีก แบบนี้ไงครับชาติเราถึงได้ย่ำอยู่กับที่แบบนี้ เฮ่ย...เหนื่อยใจปนเศร้าครับ จากคุณ : โจโฉ (joechou) - [ วันเข้าพรรษา 15:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สำหรับเด็กเล็ก การท่องยังจำเป็นนะคะ เพื่อจะได้มีความรู้พื้นฐาน สำหรับต่อยอดความคิดได้ อย่างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ถ้าไม่ท่องพื้นให้แน่น แต่งประโยคออกมาจะผิดพลาด แก้ทีหลังก็ยาก เพราะเด็กจำผิดๆ มาตั้งแต่ต้น บางวิชาใช้การเรียนแบบลองผิดลองถูกไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าคุณชอบโรงเรียนสองภาษา ลองดูที่อำนวยศิลป์สิคะ มีหลายคนบอกว่าที่นี่สอนดี เดี๋ยวนี้โรงเรียนบางแห่งมีซัมเมอร์คอร์สด้วย จะให้เด็กไปลองเรียนก่อนก็ได้ค่ะ จากคุณ : sammy - [ วันเข้าพรรษา 16:23:53 A:203.209.124.157 X: TicketID:102644 ]

ความคิดเห็นที่ 19 การท่องหรือไม่ท่องนี้ อยู่ที่ตัวของเด็กเอง ถ้าฟังหรืออ่านแล้วเขาเข้าใจ ก็จะจำได้เอง ไม่ต้องไปท่องอะไรให้เหนื่อยยาก แต่ถ้าไม่เข้าใจ การท่องก็เป็นวิธีที่จะให้จำได้ แต่อาจจะนำไปใช้ไม่ได้ ที่โรงเรียนให้ท่อง อาจจะเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง อืม ลองสอนให้เขาทำความเข้าใจกับบทเรียนด้วยตัวผู้ปกครองก่อนดีหรือไม่ ถ้าเด็กเล็กมากๆ ท่องได้ก็ดีเหมือนกัน จากคุณ : Jai_ya - [ วันเข้าพรรษา 17:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นหลักการเรียนอย่างหนึ่ง ครับ แต่  มันอาจจะเหมาะกับบางวิชา ผมว่า ถ้าเด็กไม่เครียด หรือ ล้า ก็ โอเค นะครับ ส่วน  การคิด หรือ ค้นคว้า เรา  ผู้ปกครอง ต้องช่วยในเรื่องอื่นๆ ที่เสริม ครับ ผมว่า อย่าเครียดเรื่องพวกนี้เลยครับ ทุกกรณี หรือ วิธีการ มีทั้งดี และ เสียต่างกัน ครับ อยู่ที่เราให้คำแนะนำเด็กครับ ส่วนวิธีการสอนของโรงเรียน เราแก้ไม่ได้ครับ นอกจากการลาออก คุณลองคิดดู  ข้อดี-เสีย ว่า จะเลือกแบบไหนดี ย้ายที่เรียน หรือ  เสริมในจุดอ่อนของโรงเรียน เอาใจช่วย ครับ ในฐานะ ผู้ปกครองเด็กรุ่นใหม่เหมือนกัน ครับ จากคุณ : เทพพิสดาร - [ วันเข้าพรรษา 19:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบยากนะครับว่าดีไม่ดี หรือจะย้ายมาเรียนแบบสาธิตก็ยังตอบยากอยู่ดีว่าดีหรือไม่ดี ผมมีหลายกรณีศึกษาทั้งเกี่ยวกับโรงเรียนสาธิตจุฬา , สาธิตปทุมวัน, โรงเรียนเซนโย ถ้า จขกท. สนใจจะเล่าให้ฟังครับ. จากคุณ : mrgon - [ วันเข้าพรรษา 19:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความรู้นะครับ  เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก  สำหรับ  คุณ mrgon ถ้าจะให้กรณีศึกษาก็จะขอบคุณอย่างสูงครับ จากคุณ : kritpass - [ วันเข้าพรรษา 20:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เคยกังวลเรื่องเลือกระบบการเรียนให้กับลูกเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าจะพาลูกไปทางไหนดี เขาว่าคาทอลิกก็มีวินัย สาธิตก็กล้าคิด อินเตอร์ก็ได้ภาษา แต่ละแบบก็ดีทั้งนั้น แล้วแต่ว่าจะถูกใจเรารึเปล่า พอดีไปเจอหนังสือชื่อ เข้า ป.1 ของคุณอภิญญา พันธ์สุวรรณ สนพ.รักลูกค่ะ บอกรายละเอียดของแต่ละประเภทโรงเรียนได้ตรงใจดี และมีแนวคิดในการเลือกโรงเรียนด้วยทั้งสาธิต คาทอลิก EP อินเตอร์ ยังไงก็ลองไปหาอ่านดูละกันนะคะ คงจะช่วยในการตัดสินใจได้ สำหรับตัวดิฉันเองได้เลือกให้ลูกเรียน EP ค่ะ เพราะอยากให้ลูกได้ภาษา เรียนไม่เก่งมากไม่เป็นไร ขอให้มีทักษะการเอาตัวรอดค่ะ จากคุณ : EP - [ วันเข้าพรรษา 20:26:45 A:58.8.155.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 น้องสาวเราเรียนป.1-6 ที่เซนต์โยฯ คอนเวนต์ ไม่เคยเรียนพิเศษ เล่นแต่เปียโนที่เรียนตามใจเจ้าตัวพ่อแม่ไม่ได้บังคับ ผลสอบออกมาแต่ละวิชามีแต่ 3-4 เรียนดีมาก มีวินัยและสุภาพ ฉลาด น่ารัก ตอนนี้ขึ้นม. 1 พ่อแม่เราส่งไปเรียนมัธยมที่ New Zealand เรียนรร.หญิงล้วน พักกับ homestay family ได้ผลดีมาก ไปไม่กี่เดือนพูดอังกฤษคล่องแล้วเพราะว่าอยู่ที่นั่นคนไทยน้อย วิชาการก็ดีมากๆ ประเทศเค้าเน้นสอนไม่ได้ให้ท่องจำ แต่ให้เรียนให้สนุก ให้ได้พัฒนาจริงๆ เราว่าเมืองไทยน่าจะไปศึกษาระบบการเรียนการสอนมัธยมฯ แบบ New Zealand เด็กๆ คงเรียนหนังสือมีความสุขกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่สุดท้ายแล้วเราเองก็ชมน้องตัวเองด้วย ว่าเป็นเด็กดีและน่ารัก จากคุณ : 2am and the rain is falling - [ วันเข้าพรรษา 22:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อันนนี้เป็นมุมมองส่วนตัวนะคะ.... ตั้งแต่เราเรียนหนังสือมา......ก็เป็นระบบท่องจำตลอด.... พอมาเรียนมัธยม นอกจากพวกวิชาทางสายวิทย์ ที่จะต้องเข้าใจและฝึกทำโจทย์มากๆแล้ว...นอกนนั้น ก็จะต้องใช้วิธีท่องจำ ลองนึกถึงความเป็นจริง.... เวลาเราอ่านหนังสือเรียน...เราก็อ่านๆๆๆ แล้วพยายามทำความเข้าใจ.....โอเคค่ะ เข้าใจ แต่ถามว่า หลังจากเข้าใจแล้ว....เวลาทำข้อสอบ...ถ้าจะต้องเขียน จะเขียนได้มั้ย..... สำหรับเราแล้ว เข้าใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องท่องจำด้วย ไม่เช่นนั้น ก็เขียนไม่ออก จำไม่ได้...เพราะฉะนั้น มันจำเป็นที่จะต้องคู่กันค่ะ ยกตัวอย่างเล่น ถ้านักเรียน เรียนเกี่ยวกับวิชาภาษาไทย พวกวรรณคดี...ถ้าเราอ่าน แล้วเกิดความเพลิดเพลิน เข้าใจในเนื้อหา อันนนี้โอเค......แต่พอทำข้อสอบ ข้อสอบให้อธิบาย ตรงจุดนั้นจุดนี้ ถ้าจำไม่ได้ ถึงแม้จะเข้าใจ ก็ยังเขียนไม่ได้ดีอยู่เหมือนเดิม พอถึงตอนเอ็นทรานซ์..... วิชาอย่างฟิสิกส์ เคมี ต้องอาศัยการฝึกฝน....ส่วนภาษาไทย สังคม สุดท้ายก็ยังต้องท่องจำค่ะ... คุณเชื่อมั้ยว่า ทุกบท ทุกรายละเอียด ของสังคม เราท่องได้หมด จำได้หมด ทั้งหมดของ ม.สี่ ถึง ม.หก...เพราะถ้าไม่จำ เราทำข้อสอบไม่ได้ พอเข้ามหาลัย.......สิ่งที่หวังมาตลอดว่า หลังจากนี้ ไอ้การท่องจะหมด ไป มหาลัยเค้าจะเรียนแบบผู้ใหญ่ ผิดค่ะ....หนักกว่าเดิมอีกนะ...ข้อสอบไม่มีช้อยส์ ต้องเขียนอธิบาย จริงอยู่ สำคัญที่เราต้องสามารถคิดวิเคราะห์ได้ แต่ถ้าทฤษฎีไม่แน่น ก็ไม่รอดค่ะ ตอนปีสุดท้าย หลังสอบ เราเรียน marketing สาขาเรา ต้องมีการสอบ oral test เป็นการสอบปากเปล่า เกี่ยวกับวิชาการตลาด..... เราใช้หนังสือ marketing text book ของ Kotler ซึ่งหนาเป็นนิ้วๆ.... ทั้งหมดในนั้น ทฤษฎี บวกกับตัวอย่าง เราต้องจำให้ได้หมดค่ะ....เหมือนจะยากแต่เราก็ทำได้ จำมันได้ทุกตัว ทุกหัวข้อ......แล้วก็สอบทีเดียวผ่าน ตอนนนี้เรียนอยู่เมืองนอก.....เรียนไฟแนนส์อยู่ค่ะ....เวลาเรียนในห้อง เค้าจะ มีclass เล็กๆ ให้ discuss กัน เราต้องทำความเข้าใจ แล้วมาคุยกับเพื่อนๆในห้อง....อันนนี้ดีค่ะ เป็นสิ่งที่ระบบการศึกษาไทย พยายามทำอยู่....... แต่สุดท้ายพอถึงเวลาสอบ....เราก็ต้องท่องหัวแตกเหมือนกัน.......ยิ่งท่องภาษาที่มันไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่ เรายิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แต่ก็ต้องทำ..... โทษที พิมพ์มาซะยาว.....อยากจะเสนอความคิดเห็นในอีกแบบนึงค่ะ....ว่าถึงยังงัย การจดจำก็ไม่ได้แย่เสมอไป.....ทุกวิธีที่แต่ละโรงเรียนเน้น ก็มีประโยชน์หมด...เพียงแต่อาจจะต่างกันที่การนำไปใช้  ถึงคุณจะย้ายโรงเรียน สุดท้ายเราก็คิดว่า  น้องๆก็ยังจะต้องเจอระบบการสอบ ที่ทำให้เราต้องจำได้เหมือนเดิมค่ะ จากคุณ : ~~MaRs~~ (~~MaRs~~) - [ 12 ก.ค. 49 10:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 26 จำได้ว่าตอนเรียนมหาลัยมีเพื่อนมาจากต่างจังหวัด เรียน เก่งๆทั้งนั้น จบจาก รร.ประจำอำเภอ รร.ในชุมชนทั้งนั้น ไม่ มีการติวเรียนพิเศษ ห้องสมุดก็มีแต่ห้องสมุดใน รร. ตำรา ใหม่ๆก็หายากต้องไปซื้อในตัวเมือง บางคนกลับบ้านต้อง ไปช่วยพ่อ-แม่ ทำไร่ เลี้ยงหมูทุกวัน เวลาอ่านหนังสือทำ การบ้านก็มีไม่กี่ ชม.ในแต่ละวัน พอมาเทียบกับพวกผม เรียนในกรุงเทพ รร.ชื่อดัง บางคนลงติวเรียนพิเศษตั้งแต่ ประถมยันม.6 พอมาเรียนมหาลัยเจอเพื่อนจากต่างจังหวัด เหล่านี้ก็ไม่เห็นว่าจะฉลาดหรือเรียนได้เปรียบเด็กเหล่านี้ เลย เกรดออกมาก็ไม่ต่างกันบางทีเด็กต่างจังหวัดคะแนนดี กว่าด้วยซ้ำ ผมเคยถามเพื่อนสนิทที่มาจากต่างจังหวัดเหมือนกันว่า ทำไมเรียนเก่งจังข้อสอบยากๆก็ทำได้หมด ทั้งที่ไม่มีติว เตอร์ไม่มีการเรียนเสริมพิเศษ เรียนตามหลักสูตรธรรมดาๆ แต่เกรดกลับดีพอๆกะพวกติวมา 4-5 ปีคำตอบคือ อาศัย ความขยันและพรแสวง อะไรไม่รู้ก็ถามค้นหาจนเจอคำ ตอบ และที่สำคัญคืออยากตั้งใจเรียนให้ดีจบมามีงานทำ ดีๆพ่อแม่ที่บ้านจะได้ไม่ลำบากอย่างที่เป็นอยู่คำตอบของ เพื่อนต่างจากของพวกผมที่บางคนทั้งติวทั้งเรียนพิเศษ เพราะพ่อ-แม่ส่งให้เรียน ไม่อยากให้ลูกลำบากแต่เพื่อน ผมขวนขวายทุกอย่างเพราะไม่อยากให้พ่อแม่ลำบากแทน ปัจจุบันพวกผมเรียนจบมานานแล้ว มาเจอกันอีกทีเพื่อน จากต่างจังหวัดของผมคนนี้ก็ทำงานอยู่ในกรุงเทพและส่ง เงินกลับบ้านเป็นประจำทุกเดือน แต่เพื่อนในกลุ่มหลายคน ที่เป็นคนกรุงเทพทำงานแล้วยังแบมือขอเงินพ่อ-แม่อยู่ เลย พ่อ-แม่มันก็ยังให้เงินมันใช้อยู่อีกเหมือนกันกลัวลูก ลำบาก - -" ผลลัพธ์สุดท้ายของคนเรา มันน่าจะมีอะไรมากกว่าระบบ การศึกษาและเนื้อหาของวิชาการนะ บางทีตัวเรานั่นแหละ คือครูที่ดีที่สุดของลูก เพราะอย่างน้อยผมก็ได้เห็นคนที่ เรียนหนังสือแบบแทบไม่มีโอกาสทางการศึกษาใดๆเลย สามารถประสบความสำเร็จเทียบเท่ากับคนจบ รร.ดังๆและ เรียนพิเศษมาหลายๆปี และสิ่งที่ทำให้เขาทำได้คือเขามี พ่อและแม่อยู่ในใจ จากคุณ : DEDETE - [ 12 ก.ค. 49 17:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อันนี้ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ เลยนะคะ เคยเรียนสาธิตปทุมวันแล้วมาต่อที่เตรียมอุดม ค่อนข้างเห็นความแตกต่าง สังคมเตรียมฯ กว้างกว่าก็จริง แต่ก็หลากหลาย ถ้าไม่คิดจะให้เด็กต้องรู้จักคนทุกประเภทในโลก ก็ไม่จำเป็นต้องมาอยู่เตรียมฯ เพราะต้องปรับตัวมาก เพื่อนแปลกๆ ก็เยอะ สังคมสาธิตจะเล็กๆ กว่า แต่ส่วนใหญ่พื้นฐานดีๆ กัน แต่ข้อดีคือ ตอนมาเข้ามหาวิทยาลัย ก็จะปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายกว่า แต่เพื่อนที่อยู่สาธิตจน ม.ปลาย ก็จะชอบคบกันเองในกลุ่มสาธิต เซ็นโย มาแตร์ ไรประมาณเนี้ย ส่วนการเรียนการสอนนั้น รู้สึกว่าอาจารย์สาธิตจะเคารพความคิดของเด็กมากกว่า เปิดกว้างให้แสดงความเห็น แผลงฤทธิ์อะไรๆ ได้มากกว่า เจออาจารย์เตรียมฯ บางคนจะแบบราชการมากๆ ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร สไตล์ข้าราชการครูกรมสามัญฯ เถียงหน่อยก็ไม่ชอบ ตวาดเอามั่ง แต่อยู่ปทุมวันไม่เคยเจอ รู้สึกอาจารย์ปทุมวันจะเข้าใจว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี ก็จะพูดดีๆ ดุก็มีแต่จะเน้นใช้เหตุผล ไม่ค่อยใช้อารมณ์ เหมือนจะเข้าใจมากกว่าว่าอาการซนหรือเฮี้ยวนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่น ส่วนวิชาการ ก็รู้สึกว่าดีทั้งคู่ อาจารย์เตรียมฯ ขยันมาก เขียนตำราเอง ขนาดว่าขณะนั้นยังเป็นระบบการเรียนที่เน้นใช้แบบเรียนของกระทรวงอยู่ แต่โดยส่วนตัวแล้ว มีอคติกับสาธิตจุฬานะคะ เคยเจอคนเรียนสาธิตจุฬาตั้งแต่ ป.1-ม.6 เลย เป็นคนเก่ง ฉลาด แต่โลกทัศน์แคบมากๆ ดูถูกคนอื่น อีคิวก็ต่ำสุด เหมือนใครบอกเขาไม่ทราบว่าสาธิตจุฬาเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย แต่ก็เข้าใจว่าเค้าก็อยู่มาโรงเรียนเดียวทั้งชีวิต ย่อมเป็นอย่างนั้นเป็นธรรมดา เพราะเพื่อนคนอื่นที่อยู่สาธิตจุฬาแค่ ป.6 ก็ไม่เห็นนิสัยเป็นงี้ ใครจบสาธิตจุฬาอย่าว่ากันนะ นี่เป็นอคติส่วนตัว และก็ไม่อยากให้ใครเชื่อจนกว่าจะเจอกับตัวเองด้วย จากคุณ : หน้าตาเหรอหราเชียวนะเรา - [ 12 ก.ค. 49 18:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอนิดนึงครับ <<< ให้แน่ใจก่อนว่าหลานๆอยากย้ายที่เรียนด้วยนะครับ >>> อย่างที่ยี่สิบกว่าความเห็นในนี้ แต่ละที่ล้วนแต่มีข้อดีข้อเสีย เด็กบางคนเหมาะกับวิธีการสอนที่ต่างกัน แต่ว่า ... ถ้าเด็กๆไม่เต็มใจจะย้าย ผมว่าผลลัพธ์ไม่น่าจะดีครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 49 21:13:16 แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 49 21:08:41 จากคุณ : EH (EasternHeretic) - [ 12 ก.ค. 49 21:06:59 ]

ความคิดเห็นที่ 29 #27 ว่าโรงเรียนคนอื่นแล้วยังมีหน้ามาบอกว่าอย่ามาว่าคุณเหรอ จิตใจทำด้วยอะไรครับ ใครสั่งใครสอนมา คุณถึงได้มีความคิดชั่วๆเยี่ยงนี้ โรงเรียนใคร ใครก็รัก ไม่พูดแล้วคุณจะตายมั้ย!!!!! ถ้าแน่จริงบอกมาสิว่าคนอย่างคุณมันจบโรงเรียนอะไรมา จากคุณ : CUD - [ 13 ก.ค. 49 14:32:07 A:10.239.33.74 X:203.170.231.230 TicketID:086987 ]

ความคิดเห็นที่ 30 อย่างที่ผมตอบไปทาง pm นะครับ. แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 49 18:55:33 จากคุณ : mrgon - [ 13 ก.ค. 49 18:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คห.29 ขอโทษด้วยถ้าเป็นโรงเรียนคุณ แค่พบเจอมาจริงๆ แต่ทำให้ขุ่นใจก็ขอโทษจริงๆ ปล. เรื่องจบโรงเรียนอะไรมานั้นได้บอกชัดเจนแล้ว จากคุณ : หน้าตาเหรอหราเชียวนะเรา - [ 13 ก.ค. 49 20:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 32 "...เหมือนใครบอกเขาไม่ทราบว่าสาธิตจุฬาเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย..." จะใครบอกล่ะ ก็คนที่จบมาจากที่นั่นแหละบอกคุณ คนอื่นใครเขาจะบอก จากคุณ : Autumn Leaves - [ 13 ก.ค. 49 22:41:07 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โดยปกติเกณฑ์การรับเด็กเข้าสอบของสาธิต ทางโรงเรียนจะแบ่งเป็นช่วงอายุไว้แล้วเพื่อจะได้เป็นมาตรฐานทั้งการรับเข้าสอบและการทำวิจัย ถ้าอายุเลยช่วงนั้นไปแล้วก็ไม่มีสิทธิ์ค่ะ.. เด็กที่สอบเข้าป.หนึ่งก็จะมีอายุห่างกันเป็นปีเลย แต่สี่ปีที่ผ่านมาเด็กร่วมชั้นเรียนที่อายุน้อยที่สุดก็สามารถตามทันคนอื่นได้ เรื่องการสอบจะไม่พูดถึงนะคะรวมไปถึงการใช้เส้นสายด้วย ที่สำคัญของประเด็นคือ เบื่อการสอนแบบท่องจำ ดิฉันค่อนข้างแน่ใจว่า มันหมายรวมไปถึงระบบของที่นั่นด้วย บางทีก็บอกยากว่า การสอนแบบไหนดีไม่ดีสำหรับเด็กยุคนี้ อยากให้หันกลับมาสังเกตุน้องค่ะว่า วิธีการสอนแบบไหนหรืออาจารย์คนไหนที่แกชอบ หรือดูวิชาที่แกทำคะแนนได้ดี ลองสอบถามเด็กว่า อาจารย์สอนยังไง เราก็จะพอรู้เป็นแนวทาง เด็กร้อยทั้งร้อยก็จะชอบอาจารย์ที่ใจดี สอนสนุก แต่ในทางกลับกัน อาจจะรักแต่ความสะดวกสบายจนไม่ขวนขวายไปเลยก็ได้ ที่สาธิตก็มีอาจารย์หลากหลายประเภทค่ะ..ตัวดิฉันเองไม่ได้คาดหวังกับสถาบัน และการเรียนการสอนไว้มากมายเพราะคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเริ่มได้ที่บ้าน แก้ได้ที่บ้าน บางทีต้องเจออะไรที่คร่ำเคร่ง อาจารย์ที่เน้นเรื่องเรียน เกรด ก็จะสอนลูกให้อดทน พอกลับบ้านมาค่อยแบ่งเวลามาแก้ปัญหาความไม่เข้าใจในบทเรียน หรือเรื่องที่เขาสนใจเป็นพิเศษ วิธีนี้พ่อแม่ต้องแบ่งเวลาให้ถูกและต้องติดตามลูกเสมอ จากการสังเกตุในข้อแรกที่บอกไปจะทำให้เราทราบว่า เวลาสอนลูกเราจะสอนเขาลักษณะไหน วิธีไหน บางทีเราไม่จำเป็นต้องอ่านตำราเอง เพื่อมาสอนเลยด้วยซ้ำไปค่ะ แต่แค่กระตุ้นความอยากรู้ของเขา ลูกก็จะอยากที่จะเรียนจะรู้เอง เคยมีความคิดที่จะเปลี่ยนโรงเรียนอยู่บ่อยครั้งในระยะแรกทีมาอยู่สาธิต แต่ก็คิดได้ว่า เราจะพาเขาหนีอยู่ร่ำไป และในสังคมข้างนอกมันก็ยังมีอะไรที่สาหัสกว่านี้อีกมาก การเผชิญปัญหาไปพร้อมๆกับลูก เป็นวิธีที่ดิฉันเลือกใช้ค่ะ ยอมรับว่าเหนื่อยและทุ่มเทกับลูกมากขึ้นเพราะจากที่เคยคิดว่า เรื่องเรียนเป็นเรื่องของโรงเรียน กลายเป็นว่า ครอบครัวต่างหากที่จะต้องเป็นฐานให้กับลูก โรงเรียนและโลกข้างนอกเป็นแค่แหล่งทดสอบความแข็งแกร่งของลูกเท่านั้น ถ้าลองสังเกตลูุูุกแล้ว เค้าไปไม่ไหวจริงๆค่อยตัดสินใจอีกทีดีไม๊คะ เห็นเด็กที่รู้จักหลายๆคน บ่นว่าไม่ไหวไม่ชอบแต่พอผ่านช่วงเวลานึงขึ้นมากลับแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญที่สุดพ่อแลแม่ต้องคอยประคับประคองและให้กำลังใจในการเผชิญปัญหา เรื่องเรียน ยังไงก็ต้องท่อง ยังไงก็ต้องคิดเอง ยังไงต้องเจอการทำงานเป็นกลุ่มค่ะ โรงเรียนไหนๆก็มีส่วนดีส่วนที่ไม่ถูกใจเราปนๆกันไป ถ้าโรงเรียนให้ลูกไม่ได้ ก็ลองสอนกันที่บ้านก่อน รอให้แน่ใจว่าลูกรับกับการสอนแบบนี้ได้จริงๆค่อยหาโรงเรียนใหม่ ( หลานชายก็อยู่เซนต์คาร์เบรียล ท่องๆแบบนี้เหมือนกัน พอดิฉันเอาหลักสูตรของสาธิตไปให้ลองดูปรากฏว่าหนักกว่าเดิม น้องไม่สามารถเรียนในแบบนี้ได้ ตอนนี้ป.5แล้ว ก็สามารถเรียนในแบบเดิมได้ ) มีการสอนนอกห้องเรียนที่ไม่เน้นการกวดวิชาอีกมากค่ะ ถ้าเผื่อคุณไม่ได้คาดหวังให้น้องต้องเรียนแบบโดดเด่นมากมาย ลองพาเขาไปร่วมกิจกรรมที่ให้ความรู้ผ่านการเล่น หรือรูปแบบการสอนอื่นๆ จะได้ไม่รู้สึกกดดันจากการเรียนมาก เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : อยากให้แน่ใจ (anavrin) - [ 14 ก.ค. 49 00:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ครูยังมีstyleการสอนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แล้วทำไมเด็กแต่ละคนจะมีวิธีการเรียนที่ไม่เหมือนกันไม่ได้ เด็กแต่ละคนมีความสามารถพรสวรรค์ตั้งแต่เกิดไม่เหมือนกันอยูแล้ว Everyone is unique แล้วทำไมครูจึงยังสอนเด็กทุกคนเหมือนกัน จึงมีวิธีของการสอนแบบ Multiple Intelligent ไม่จำเป็นว่าการท่องจะดีสำหรับเด็กทุกคน คนที่ท่องมาเยอะๆและทำข้อสอบได้คะแนนดีๆ ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นฉลาดและอนาคตดีเอาตัวรอดได้เสมอไป แต่อยู่ไทย ค่านิยมสถาบันมันเยอะ อยากได้งานในองค์กรที่เลือกสถาบันก็ต้องเลือกสถาบันที่เค้าชื่นชมกัน แต่ก็คือลูกจ้าง ใครว่าการเรียนไม่ต้องจำ มันก็ต้องจำหมดและการดำเนินชีวิตทำไมจะไม่จำ เช่นการขับรถก็ต้องใช้ความจำหมดแหละ แต่ชำนาญแล้วความจำนั้นจะบันทึกเป็นแบบถาวรจิตใต้สำนึก เช่น บางทีขับรถกลับบ้านโดยไม่ต้องจำอะไรเพราะชำณาญแล้ว อย่างนี้เรียกว่าเรียนรู้ได้จริงอย่างถาวร แม้ไม่ได้ขับรถมานานก็ขับได้เพราะมันไม่ลืม ว่ายน้ำก็เช่นกัน แต่การสอนของครูในความหมายของเจ้าของกระทู้คงไม่อยากให้ครูสอนให้เด็กท่องจำออกมาเป็นplotเดียวกันหมด เพราะจบมาแล้วมันก็ลืมถ้าไม่ใช้บ่อยๆ อันไหนใช้บ่อยก็ฝังลึก เด็กที่ถูกผลิตไม่ใช่ต้องออกมาเหมือนกันหมด เค้ามีความหลากหลายและเด่นไปคนละอย่างในตัวเค้าเอง ประเทศชาติก็หลายหลาย ฉะนั้นเด็กน่าจะได้สนับสนุนในสิ่งที่ตัวเองเด่นและสนใจมากๆจะผลักให้ไปไว บางคนบอกว่าท่องจำแล้วดีเด็กเค้าเรียนดี นั้นเพราะว่าเด็กคนนั้นรับการเรียนแบบนั้นได้ดีกว่าเพื่อน เรียนห้องเดียวกันแต่ละคนรับได้ไม่มีทางเท่ากันหรอก เลิกซะทีสอนเด็กท่องศัพท์ถ้ามีวิธีอื่นที่ดีกว่า ถึงบอกว่าเอาเด็กไปเรียนต่างประเทศพูดเป็นเร็วเพราะปฏิบัติและได้ใช้งานสม่ำเสมอ ไปแรกๆก็ต้องใช้ความจำแต่มันเป็นความจำระยะสั้นถ้าคุณไม่ได้นำไปใช้บ่อยก็ลืมแต่ถ้าใช้บ่อยก็เป็นความจำยาวนาน ฉะนั้นเค้าถึงบอกว่าเข้าใจ ถ้าเข้าใจนำไปใช้ในชีวิตเด็กไม่ต้องจำอีกแล้วเพราะฝังลึกแล้ว บทเรียนมีมาก เยอะไปหมด บางอย่างไม่ได้นำไปใช้ท่องไปจำไปโตไปก็ลืมอยู่ดี ถูกต้องที่ทำอย่างไรเด็กจึงจะได้ผลักในส่วนที่เค้าถนัดแล้วให้มันฝังลึกก็ง่ายเพราะใจเด็กมันชอบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม จากคุณ : ant - [ 15 ก.ค. 49 11:05:37 A:58.8.33.243 X: TicketID:041987 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เราเป็นนร.เก่าเซนต์โยน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้หลักสูตรเป็นไงแล้ว แต่ถ้าถามถึงเมื่อเกือบสิบปีก่อน เราก็พอจะตอบได้ ซึ่งเราคิดว่าก็คงเปลี่ยนไปไม่มาก เราก็ขอบคุณรร.มากนะ สำหรับความสำเร็จด้านการเรียนของเรา แต่ถ้าเรามีลูกเราคงไม่ให้เข้าเซนต์โยล่ะค่ะ เหตุผลหลักคือเรื่องสังคม เด็กส่วนใหญ่เป็นลูกคนมีเงิน นักธุรกิจ คิดอะไรก็คล้ายๆกัน ใช้ของเหมือนๆกัน พอมาอยู่ด้วยกันก็เหมือนมีเบ้าหลอมให้มีกิริยามารยาทหรือทัศนคติคล้ายๆกัน ใครคิดต่างก็จะถูกกีดกันออก สังคมที่เซนต์โยค่อนข้างขาดความหลากหลาย เราไม่ชอบวิธีการปกครองนร.ของพวกมาเซอร์เท่าไหร่ กฎบางอย่างก็ตั้งขึ้นอย่างไร้เหตุผล ทุกคนถูกปลูกฝังให้รักรร.แบบปิดหูปิดตา ถูกบังคับทำบุญทุกสัปดาห์ แล้วก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเงินทำบุญเอาไปทำอะไร ครูบางคนก็เลือกที่รักมักที่ชัง ชอบเด็กหน้าตาดีๆ เป็นต้น เรื่องสอนให้ท่องนี่ปรกติมาก เราเรียนภาษาอังกฤษเนื้อหาเหมือนกันทุกปี พวก past tense present tense perfect etc ตั้งแต่ม. 1-ม. 6 ไม่ค่อยเปลี่ยน ดีที่มีครูจากฟิลิปปินส์บ้าง อเมริกาบ้าง มาสอน เรารู้สึกว่ารร.สอนดีก็แค่ตอนม.6 ที่ครูมาติวเข้มเพื่อเอ็นทรานส์ แต่เราก็เสียดายนะ ที่ช่วงเวลา 12 ปีในชีวิตเราที่เซนต์โย เหมือนเราไม่ได้รับการพัฒนาให้คิดอย่างที่เราควรจะได้ เรามาพัฒนา critical thinking skill จริงๆก็ตอนเรียนจุฬาฯ พอเรียนมหาลัยมันเหมือนเปิดโลกทัศน์ใหม่เลยว่า การเรียนรู้จริงๆคือการเรียนรู้ที่จะคิด ที่ผ่านมาเราแค่เรียนรู้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆ แต่ไม่มีใครบอกว่าวิธีการหาความรู้มันทำยังไง จากคุณ : Sa-idian - [ 16 ก.ค. 49 02:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ก็เป็นนานาจิตตังนะคะ สำหรับคห. 35 เราก็เป็นอีกคนนึงนะคะ ที่จบเซนต์โย คงเป็นรุ่นพี่คห. 35 แหละ เพราะเราเรียนตั้งแต่ ปี 25-38 เลย สำหรับตัวเรา เรารู้สึกดีนะ ที่ได้เรียนที่นี่ จริงอยู่ว่ากฎเยอะแยะ จุกจิก ซึ่งตอนเรียนเราก็รำคาญ แต่พอจบมา มองย้อนไปก็เข้าใจว่า รร. ปลูกฝังอะไรให้เรา สิ่งที่เราได้จาก รร. ก็คือ มารยาท การเข้าสังคม เพื่อน สำหรับเรื่องเรียน เราว่ารร.ทำให้เรามีพื้นฐานภาษาดีค่ะ อย่างน้องเรา ไม่ใช่คนเก่งอังกฤษมาก แต่เจ้าตัวก็บอกว่าการที่ รร. จัดให้มีครูต่างชาติมาสอน ทำให้เค้าไม่กลัวฝรั่ง กล้าพูดกล้าถามด้วยซ้ำ ส่วนสังคมที่ รร.ไม่หลากหลาย ก็จริง เราก็ต้องมาปรับตัวใหม่ ตอนเข้าจุฬานี่แหละ เริ่มระวังตัวกับเพื่อนมากขึ้น จะไว้ใจ หรือ มองโลกในแง่ดีแบบเดิมไม่ได้แล้วนะ ก็เป็นอีกมุมมองแล้วกันนะคะ จากคุณ : orangeries - [ 18 ก.ค. 49 02:18:31 A:203.152.4.228 X: TicketID:117813 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อืม ระบบการท่องจำนี่ มันก็ยังจำเป็นอยู่นะครับ ตัวผมเอง ตอนนี้ก็อยู่โรงเรียนเอกชนคาทอลิกเหมือนกัน ในระดับม.ปลาย ส่วนมากจะเป็น child center ซะมากกว่า แต่มันเหมือนกับส่งผลเสียให้เด็กอะครับ เพราะว่าตั้งแต่ระดับประถม ก็ถูกปลูกฝังให้ท่องจำๆ ครูก็ป้อนๆมาให้ตลอด พอมามัธยม มาเปลี่ยนแปลงไปทีเดียวเลย เด็กบางคนก็ทำไม่ได้ เรียนไม่ได้ แย่ไปเลยก็มี ลองมองดูที่จำนวนนักเรียนดีกว่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่เซนต์โยฯใช้ระบบครูสอนยังไง แต่โรงเรียนผมที่นักเรียนระดับชั้นนึงก็เกือบ 600 คนแล้ว ครูแต่ละรายวิชา ก็ต้องวนสอนอย่างน้อยที่สุดห้องละคาบ ผมว่าระบบการเรียนแบบท่องจำ น่าจะเหมาะกว่านะครับ เพราะว่าสาธิตเนี่ย จำนวนเด็กน้อยกว่าครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว ทำให้ครูดูแลพัฒนาการความคิดสร้างสรรค์ได้ทั่วถึงมากกว่า เพราะถ้าเอาระบบแบบสาธิตมาใช้ในโรงเรียนที่เด็กเยอะๆ แบบที่โรงเรียนผมทำในบางวิชาเนี่ย มันก็จะเกิดผลเสีย ทำให้เละเทะกันไปหมดแบบนี้ก็ได้ ผมเองก็เคยเรียนสาธิตมาก่อน ตอนนี้มาอยู่คาทอลิก เจอแบบนี้ก็อึกอัดเหมือนกัน แต่พอมองดูข้อดี มันก็มีนะครับ ยังไงก็ลองดูที่ตัวหลานคุณก่อนดีกว่า ว่าเค้าอยากย้ายหรือเปล่า :) อ้อ เรื่องสภาพสังคมด้วยนะครับ ผมเห็นด้วยกับ คห.35 มากเลย โรงเรียนเอกชนค่อนข้างที่จะจุกจิก กฎระเบียบเยอะ แล้วก็จะถูกปลูกฝังให้รักโรงเรียนแบบสุดๆ มองในแง่นึง ก็เห็นว่าดี เพราะโตขึ้นมาจะได้เป็นคนมีระเบียบ แต่ผมเองก็เคยเรียนสาธิตมาก่อน สาธิตค่อนข้างจะอิสระกว่ามาก สังคมก็ไม่ฟุ้งเฟ้อแบบเอกชน เด็กก็จะได้ลองผิดลองถูก ในที่สุดแล้วก็จะคิดได้ว่า ไอ้ที่เราทำๆอยู่เนี่ย มันไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กสาธิตดูเกเร (เห็นคห.นึงพูดถึงผ่านๆ) เพราะว่าเค้ามีอิสระในการแสดงออกถึงตัวตนของเค้าไงครับ จากคุณ : เด็กแว่น (เด็กแว่น) - [ 18 ก.ค. 49 16:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แต่หลานคุณจะได้เรื่องความปลอดภัย แน่นอนจากโรงเรียนพวกนี้ ผมสอนพิเศษเด็กเซนต์โยอยู่ เค้าก็เรียนได้ดี ไม่มีตกหล่นอะไรนี่ครับ ผมว่าเป็นที่เด็กแต่ละคนครับ ถ้าหลานคุณแฮปปี้กับการเรียนที่นี่ ก็ให้เค้าเรียนไปเถอะครับ คุณอย่าเอาความรู้สึกของคุณไปคิดแทนเด็กว่าต้องเป็นแบบโน้น แบบนี้ครับ ไตร่ตรองดีดีนะครับ จากคุณ : kwongmini - [ 27 ก.ค. 49 00:39:41 ]