ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้น  เมื่อรัตนโกสินทรศก ๑๒๓ (พ.ศ.๒๔๔๗)   เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม  จนกระทั่งถึงเมืองสุพรรณบุรี วันที่ ๓ สิงหาคม   เสด็จประพาสบ้านสองพี่น้อง  อำเภอสองพี่น้อง วันที่ ๔ สิงหาคม  เวลาเช้า  ออกเรือจากบางปลาม้า   และเย็นวันนั้น  "เสด็จไปประพาสเหนือน้ำประทับเสวยที่วัดแค" พระองค์ทรงพระราชปรารภว่า   ...... เสด็จเมืองสุพรรณคราวนี้เป็นที่น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งด้วยไม่ถูกฤดูเหมาะ   ในเวลานี้น้ำในแม่น้ำยังน้อย  จะเที่ยวทางเรือก็ขัดข้อง  ส่วนทางบกฝนก็ตก  พอแผ่นดินเป็นหล่มเป็นโคลน   จะไปไหนก็ยาก   เพราะฉะนั้นจึงเสด็จประพาสได้ที่ใกล้ๆ   ในบริเวณเมืองวันที่ ๔ นั้น (๔ สิงหาคม ร.ศ.๑๒๓)   เสด็จประพาสเหนือน้ำประทับเสวยที่ วัดแค   วันที่ ๕ เสด็จทอดพระเนตรที่ว่าการเมือง    วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ   หลักเมือง    และวัดป่าเลไลยก์   เวลาบ่าย  ออกกระบวนล่องลงมาประพาสข้างใต้   ประทับเสวยเย็นที่วัดบางยี่หน จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 10:12:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขรัวตากัน   ท่านมีตัวตนอยู่จริง   เป็นเจ้าอาวาสวัดแคระหว่างปี พ.ศ.๒๔๓๙ – ๒๔๖๕   มรณภาพในร่มกาสาวพัตร ท่านมีชื่อว่า  "กัน ทองมี"   เป็นบุตรพ่อมีแม่ซับ   เล่ากันว่าพ่อแม่อพยพมาจากกรุงเก่าอยุธยาของเรานี้เอง  ซึ่งไม่ต่างกับชาวบ้านบริเวณนั้นนักที่ชักชวนกันมาจากที่เดียวกัน ท่านเกิดประมาณปี ๒๓๙๐   คำนวณจากในหนังสือประวัติวัดแคที่กล่าวว่า  ท่านมีอายุได้ ๗๖  ปี    พรรษา ๒๑  (ในปี ๒๔๖๕ ที่มรณภาพ?)    บวกลบคูณหารแล้วท่านควรจะเกิดปีนั้นตามวิธีคิดของคนโบราณ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับอายุของนางเอี้ยง  ในสกุล  "สุวรรณศร" ที่เป็นภรรยา  ที่เกิดเมื่อปีระกา ๒๓๙๒ บุตรคนโตของท่านที่มีชีวิตอยู่จนสืบสกุลให้บันทึกไว้ได้  เกิดเมื่อปีเถาะ ๒๔๒๒ ท่านมีลูกหลานที่นับว่าเป็นใหญ่เป็นโตมากมาย ชั้นหลานปู่หลานตาของท่านบางคน  เคยได้รับการชุบเลี้ยงใน "บ้านศาลาแดง"  ของท่านเจ้าพระยายมราช  เป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมา ซึ่งก็แน่นอน   ขรัวตากัน  ท่านเกี่ยวดองกับบุคคลสำคัญของชาติไทยท่านนี้ด้วย หากมีเวลา  และมีผู้สนใจ  จะขอเก็บไว้เล่าตอนท้ายครับ จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 10:40:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอฉลองวันเกิดตัวเอง  ด้วยกระทู้สบายใจๆ แบบนี้สักหน่อยครับ จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 10:43:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอขัดจังหวะอีกสักหน่อยครับ เรื่องนี้อาจเรียกว่าเป็น บันทึกชาวบ้าน ก็คงได้ ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง  เพราะเป็นคำบอกเล่าสืบต่อกันมา และบางที อาจเป็นเพราะความไม่รู้  หรือไม่ได้มีการจำแนกแยกแยะ เช่น  ระหว่าง .....  พระบรมมหาราชวัง - พระที่นั่งวิมานเมฆ - หรือเรือนต้น ...... หรือ ...... ซึ่งผมขอทิ้งท้ายเป็นข้อสังเกตตรงนี้ไว้ให้ท่านทราบล่วงหน้า   เพื่อประกอบเป็นข้อมูลพื้นฐานในการติดตามอ่านต่อไปครับ จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 10:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 .......... บ่าย ๔ โมงเย็นของวันที่ ๔ สิงหาคม  ร.ศ.๑๒๓ (พ.ศ.๒๔๔๗)   มีชายกลุ่มหนึ่งจำนวน ๓ คน   พายเรือเล็กมาจอดที่ท่าวัดแค   แล้วชายทั้งสามขึ้นจากเรือมาที่ลานวัด   เห็นลูกศิษย์วัดวิ่งเล่นอยู่ที่ลานวัดก็ถามว่า   หนู  กุฏิเจ้าอาวาสอยู่ไหน    ท่านอยู่หรือไม่   เด็กลูกศิษย์ชี้มือบอกไปว่า   อยู่กุฏินั้น   และอาจารย์ก็อยู่ที่นั่นด้วย   แล้วก็เล่นสนุกกันตามประสาเด็กต่อไป ชายกลุ่มนั้นเดินขึ้นไปบนกุฏิ   เห็นขรัวตากันกำลังนั่งพิงหมอนอิงอย่างเอกเขนกสบายอารมณ์   แล้วชายกลุ่มนั้นนั่งยองๆ ลง   ยกมือไหว้   ขรัวตากันจึงถามว่า   "เป็นใครกัน   มาจากที่ไหน   มีธุระอะไรหรือ" ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นดูจะอาวุโสกว่าเพื่อน   ตอบว่า   เราทั้งสามเป็นมหาดเล็กของพระพุทธเจ้าหลวง   พระองค์กำหนดจะเสด็จมาประทับที่วัดแคเย็นวันนี้   ให้เขาทั้งสามมาบอกข่าวล่วงหน้า พอขรัวตากันได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจ   และตื่นเต้นเป็นอันมาก  ต้อนรับขับสู้มหาดเล็กทั้งสามอย่างกุลีกุจอ   รีบชงน้ำร้อนน้ำชาให้   แล้วเอ่ยปากถามว่าพระพุทธเจ้าหลวงจะเสด็จตอนเย็นจริงๆ หรือ   มหาดเล็กคนนั้นตอบว่า  "เสด็จแน่ๆ" ขรัวตากันกระตือรือร้น   ในคำตอบของมหาดเล็กยิ่งนัก   รีบสั่งให้พระเณรที่วัดเตรียมตัวไว้ให้พร้อม   เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จมาจะได้สวดชะยันโต   โดยไม่ให้เสียเวลา   กำชับกำชาลูกศิษย์วัดไม่ให้เล่นเอะอะจุ้นจ้าน จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 14:33:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขรัวตากันเป็นพระที่ชอบคุย   และคุยเก่งพอสมควร   นั่งคุยอยู่กับมหาดเล็กกลุ่มนั้นอยู่เป็นนาน   แต่ในใจห่วงกังวลว่า  พระพุทธเจ้าหลวงจะเสด็จตอนไหนกันแน่   เพราะมหาดเล็กทั้งสามมาส่งข่าวให้ทราบแล้ว ชรอยมหาดเล็กผู้นั้นเห็นขรัวตากันชอบกินหมาก   จึงหยิบหมากขึ้นมาคำหนึ่ง   วางไว้ข้างๆ ขรัวตากัน   โดยไม่ได้ถวาย   แล้วทำทีเป็นเดินไปชมโน่นชมนี่บนกุฏิ   แล้วเดินกลับมาที่ขรัวตากันนั่งอยู่   พร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นว่า "อ้าว!  ท่านอาจารย์   หมากคำนั้นหายไปไหนเล่า   ท่านฉันเสียแล้วใช่ไหม   ผมไม่ได้ประเคนไม่เป็นอาบัติหรืออาจารย์" "อ้อ!  ไม่เป็นไร   อยู่ในหัตถบาส  (หมายถึง  อยู่ใกล้หรืออยู่ในองค์ประเคน  ใช้สำหรับพระสงฆ์)  ฉันได้   ไม่เป็นไรหรอก" แล้วขรัวตากันก็เคี้ยวหมากหยับๆ  ต่อไป  มหาดเล็กคนนั้นหัวเราะชอบใจ   ที่ขรัวตากันมีปฏิภาณและไหวพริบดี จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 14:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สุขสันต์วันเกิดครับ คุณนิก คุณนิกนี่ท่าทางจะเป็นคนสุพรรณใช่ไหมครับ อิอิ ถึงได้ทราบรายละเอียดปลีกย่อย ที่ไม่มี "เขียนไว้ในพงศาวดาร" เช่นนี้ จากคุณ : . (ปลาทองสยองเมือง) - [ 20 ก.ค. 49 15:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รับแซบครับ รับทราบด้วย คุณปลาทองฯ  วันนี้วันเกิดผม  เด็กๆ ในบ้านอยากกินเค้กช็อกโกเล็ต  บอกจะเอาโรยหน้าแบบเดิมอย่างกับที่โชว์ในบล็อกผมนั่นแหละ  ต้องหาร้านใหม่เสียแล้ว ร้านหาไม่ยากหรอก  แต่เทียนนี้ซี  ต้องจุดกว่า ๔๐ เล่มแล้ว  ควันจะโขมงเต็มบ้านรึป่าวม่ายรู้ จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 16:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ต่อเลยครับ  พบกับ "พระอารมณ์ขัน" ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงกันต่อครับ  เล่นเอาขรัวตากันมึนไปเลย ......................................... ขณะที่นั่งคุยกันอยู่นั้น   มหาดเล็กชี้มือไปยังที่ซึ่งหลวงตากัน  จัดให้ในหลวงประทับว่า  "นั่นที่อะไร   ทำไว้สำหรับใครกัน   ฉันขึ้นไปนั่งได้หรือไม่" ขรัวตากันรีบตอบสวนควันขึ้นมาทันทีว่า  "อ๊ะ! อ๊ะ!  ไม่ได้   ไม่ได้   นั่นจัดไว้สำหรับเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าหลวง  คุณเป็นมหาดเล็กธรรมดาธรรมดา   ขืนขึ้นไปนั่งเป็นขี้กลากแน่ๆ"   ขรัวตากันตอบชนิดหน้าเฉยตาเฉย มหาดเล็กผู้นั้นหัวเราะ  และชักนึกสนุก  เมื่อคุยกับหลวงตากัน  จึงถามว่า  "อาจารย์  รู้จักพระพุทธเจ้าหลวงไหม" ขรัวตากัน  หัวเราะเอิ๊กลงลำคอ  ตอบอย่างยิ้มย่องผ่องใสว่า  "พุทโธ่  ทำไมจะไม่รู้จัก  เคยเห็นรูปในหลวงมาแยะต่อแยะแล้ว  อย่าว่าแต่ใกล้ๆ เลย  แม้แต่ไกลๆ ก็จำไม่พลาด" ขณะที่ขรัวตากันพูดอยู่นั้น  นึกเฉลียวใจขึ้นมาว่า  เอ!  มหาดเล็กคนนี้รูปร่างหน้าตาคล้ายๆ กับพระพุทธเจ้าหลวงเสียด้วย  เอาไว้หนวดที่ริมฝีปากเหมือนกัน   หรือว่าจะใช่   หรือไม่ใช่ ความคิดสับสน  ถกเถียงกันอลวน   ฮื้อ!  คงไม่ใช่พระพุทธเจ้าหลวงหรอกน่า   พระพุทธเจ้าหลวงท่านจะแต่งตัวธรรมดาอย่างนี้หรือ   และชายคนนี้บอกว่า   เขาเป็นมหาดเล็กหลวงของพระพุทธเจ้าหลวง  จะเป็นพระพุทธเจ้าหลวงไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด   อาจจะเป็นมหาดเล็กที่มีเค้าหน้าคล้ายกับพระพุทธเจ้าหลวงก็ได้ จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 16:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ปีนั้นที่เสด็จประพาสต้นวัดแค  หลวงตากันก็มีอายุราว ๕๗ ปีแล้ว  คนสมัยก่อนคงจะดูแก่ไว  ยิ่งท่านเป็นพระชาวบ้านซื่อๆ  แถมไม่รู้จักว่าใครเป็นใครมาก่อนด้วย  ประกอบกับพระพุทธเจ้าหลวงไม่อยากให้ใครทราบว่าเป็นพระองค์เสด็จ  จึงต้องจำยอมหลอกพระไปด้วยอีกรูปหนึ่ง  ติดตามกันอีกตอนครับ  แล้วพรุ่งนี้จะมาต่อให้แต่เช้า .................................. มหาดเล็กคนนั้นหัวเราะชอบใจขรัวตากันเป็นอย่างมาก  จึงพูดขึ้นว่า  "เอ!  พระพุทธเจ้าหลวงทำไมจึงไม่เสด็จสักที  ช้าจัง   บางทีพระองค์อาจจะมีธุระหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ   เอ!  ชักจะหิวข้าวเสียแล้วซิ  นี่ก็แดดล่มลมตกโขแล้ว   อาจารย์ขอยืมสถานที่ทำอาหารหน่อยได้ไหม" ขรัวตากันตอบว่า  "ได้ ! ได้ !   ตามสบาย"   แล้วลุกขึ้นเรียกเด็กลูกศิษย์วัดมาช่วยกัน "เฮ้ย ! อ้ายติง  อ้ายผาก  อ้ายถม  เอ็งไปบอกพวกๆ ของเอ็งมาช่วยกันหน่อย" แล้วหันมาถามมหาดเล็กผู้นั้นว่า   จะต้องการอะไรบ้าง   ขอให้บอกอย่างไม่ต้องเกรงใจ มหาดเล็กผู้นั้นบอกว่า  อยากได้ตุ่มมังกรขนาดย่อม  เอามาใส่น้ำและพริก   เพื่อนำเอามาทำแกงเผ็ด   แล้วขรัวตากันให้คนไปหามาจนครบตามความต้องการ พวกเด็กๆ ลูกศิษย์วัด   ต่างมาช่วยกันกุลีกุจอ   ถังตักน้ำหายาก   เด็กๆ จึงเอาบาตรไปตักน้ำ  ตักกันไป  เล่นกันไปเป็นที่สนุกสนาน   ชั่วครู่น้ำก็เต็มตุ่มมังกร   ขณะนั้นเองฝนเริ่มตกลงมาปรอยๆ   อย่างน่าอัศจรรย์   ทั้งๆ ที่ไม่มีเค้าว่าฝนจะตก "เอ!  ในหลวงทำไมยังไม่เสด็จมาซักที   ฝนก็ตกพรำๆ แล้ว   ปกติในหลวงเสด็จไปไหน  ฝนตกที่นั่น"   ขรัวตากันกล่าวขึ้นลอยๆ  รู้สึกว่าจะผิดหวัง จากคุณ : NickyNick - [ 20 ก.ค. 49 16:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขออวยพรวันเกิดจขกท ขอให้สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดสมปรารถนา และขอขอบคุณที่นำเรื่องน่าสนใจมาเล่าให้ฟังค้ะ จากคุณ : พนอจัน - [ 20 ก.ค. 49 18:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณที่นำสิ่งดีๆ มาเล่าสู่กันฟังครับ ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ผมท่านย้ายไปอยู่สุพรรณแล้ว เวลาเห็นอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับสุพรรณผมจึงสนใจเป็นพิเศษ ยังรออ่านตอนต่อไปนะครับ และขอให้มีความสุขมากๆ ครับ จากคุณ : Toddy&Hammy - [ 21 ก.ค. 49 00:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มานั่งปูเสื่อรออ่านครับ  สุขสันต์วันเกิดรอบที่สามนะครับ :) จากคุณ : twojay - [ 21 ก.ค. 49 08:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ นำเรื่องที่น่าสนใจ เกร็ดประวัติศาสตร์มาให้ได้อ่านกัน ได้เพิ่มพูนความรู้ขึ้นมากเรื่อยๆ ขอบพระคุณครับ จากคุณ : กัมม์ - [ 21 ก.ค. 49 08:58:19 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณทุกท่านที่อวยพรวันเกิดให้ ทั้งในบล็อก ทั้งหลังไมค์ และตรงนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องราวครับ ขออนุญาตเล่าให้ฟังว่า  เมื่อวาน ฉลองวันเกิดกันยังไง ตอนเย็นซื้อเค้กกล้วยหอมชิ้นหนึ่ง ๑๐ บาท  บอกลูกว่า  นี่วันเกิดพ่อนะ มากินเค้กกันเถอะ  เด็กเดี๋ยวนี้มันฉลาด  ไม่ยอม  รู้ว่าของถูก  ร้องจะพาไปกินที่ห้าง  ไม่รู้ว่าเงินทองข้าวปลานั้นหายาก บ้านนอกนิ จะหาที่กินหรูหราก็ไม่ง่าย  เลยพาไปนั่งโซ้ยบ๊ะหมี่น้ำก่อน  อิ่มแล้วก็ไปนั่งกินไอติมเค้กที่ SWENSEN  เลือกจานละ ๕๐-๖๐ บาท ก็ไม่ยอม  แต่พ่อจะเอา   ส่วนเธอ ๒ ท่านชี้เอาไอติมที่มีสีสันหลากสีแก้วสูงๆ ช้อนยาวเท่าศอก  แก้วละตั้ง ๑๑๕ บาท  สั่งเพิ่มอีก ๒ แก้ว ความที่ไม่เคยได้พามากิน  ล่อจนอิ่ม  ไอ้ตัวเล็กคงจะกระเพาะตื้น  หรือว่าเหม็นหน้าแขกโต๊ะไหนไม่รู้ ไม่บอกเราซะด้วย จะได้ไปตั๊นหน้าซะก่อน   คุณท่านอ้วกพรวดออกมาจนหมด  ทั้งบ๊ะหมี่ทั้งไอศกรีม  กลิ่นเฉ่าๆ  คลุ้งทั่วร้าน  สงสารเด็กในร้าน หน้างอป่าวม่ายรู้  แล้วก็สงสารคู่สวีทอื่นโต๊ะข้างเคียง  ไอ้ตี๋น้อยทำแสบ  ทีหลังอดมาอีก  ชัวร์ ไม่ค่อยได้ออกไปกินนอกบ้าน  เพราะมีเด็กแล้ววุ่นวายยังงี้แหละ  ระหว่างกิน เดี๋ยวหม่วยใหญ่อยากอึ๊  ตี๋น้อยอยากฉี่  แล้วหมวยใหญ่ก็อยากฉี่อีก  พ่อก็คอยแต่จะเหล่สาวในร้าน  เธอก็คอยแต่จะทำตาเขียว  บ่นอยู่เรื่อย  น่ารำคาญ  ทีหลังร้านไหนมีของสวยของงาม  อดเข้าแน่ .              จ้องแต่คนนั้นอยู่นั่นแหละ  (เธอเริ่มงานประจำที่แสนจะน่าเบื่อ) .              ก็เขาสวยนี่             (เราต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ) .              ทีหลังกินที่บ้านละกัน  มากินที่นี่  เบื่อ    (เธอทำให้เสียบรรยากาศ  ของถนัด) .              ไม่ให้มองคนนี้  แล้วจะให้มองใครล่ะ          (เถียงอย่างเกรงใจ  เธอที่เคารพ) .              ก็ไม่ต้องมอง                (หมดมู้ดอีกแล้ว  ซิเรา) เฮ้อ  ผู้หญิง  เหตุผลข้างๆ คูๆ  อะไรที่เป็นความสุขนิดๆ หน่อยๆ ของเรา  เธอไม่ยอมเล้ย มองผู้หญิงเธอก็ว่า  หรือว่าเธอจะให้เรามองผู้ชาย  หยึย!!!! จากคุณ : NickyNick - [ 21 ก.ค. 49 09:03:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เล่าแล้ว  ต่ออีกหน่อย เดี๋ยวอารมณ์ค้าง ระหว่างที่ตี๋น้อยเจี๊ยะบ๊ะหมี่อยู่  ก็มีโทร.โอเวอร์ซีมาอวยพรวันเกิดเช่นทุกปี  เพื่อนซี้กลุ่มเดิมนั่นแหละครับ  เมื่อก่อน  เพื่อนคู่นั้น  จะโทร.มาอวยพรพร้อมกับเป่าแซกโซโฟนเพลงเพราะๆ ข้ามประเทศให้เราฟังทุกปี แต่ตอนหลัง ......  ความที่ ...... คนเรานะครับ ...... ต่างจิตต่างใจ ..... เวลาที่เนิ่นนานก็เปลี่ยนใจคน ..... เรายังเป็นเพื่อนเขาทั้งคู่  แต่เขา ......  ไม่เป็นเพื่อนกันแล้ว  ต้องโทร.มาอวยพรเราคนละทีเสียแล้ว ..... ไม่มีเสียงเพลงจากแซกสดๆ ให้ฟังอีกเลย  เพราะเหมือนเป็นการย้ำเตือนความหลังของเขาเอง สายใยที่ผูกพันเขาทั้งสองไว้กับเมืองไทย  ก็คือ  เรา  เราเพียงคนเดียวเท่านั้น เรายังเป็นคนที่ชักนำเขา  ทั้งคู่ ...  แต่คนละที ... มาเที่ยวเมืองไทย เพื่อกระจายรายได้ให้กับคนไทย อิอิ  อย่าเพิ่งตำหนิอะไรผมนะครับ อย่าหาว่าผมคบเขาเพื่อผลประโยชน์ ประโยชน์ของประเทศไทยตะหากเล่า ไม่รู้เป็นอะไรเดี๋ยวนี้  นึกถึงแต่เรื่องเก่าๆ  ยิ่งโตขึ้น  ยิ่งแก่ขึ้น  ยิ่งมีเรื่องราวให้ได้รับรู้เยอะแยะ   ทั้งทุกข์  ทั้งสุข  โศกเศร้า   อยากปลงก็ปลงไม่ได้  กิเลสยังหนาเต๊อะ  แล้วก็นึกถึงเพลงขึ้นมาตอนหนึ่งอย่างฉับพลันทันใด .... คนเรานี้คิดให้ดีก็น่าขำ   อยากจำ กลับลืม .                                    อยากลืม กลับจำ .......... จากคุณ : NickyNick - [ 21 ก.ค. 49 09:15:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ต่อเลยนะครับ   สงสาร  หลวงตากันรอเก้อแล้วเก้ออีก  ทั้งในเวลาขณะนั้น   แล้วก็ ขณะนี้   ................................ การหุงหาอาหารเสร็จเรียบร้อยจวนจะใกล้ค่ำ   ทุกคนขึ้นไปรับประทานอาหารกันบนศาลาการเปรียญ   เพราะกว้างขวางกว่าบนกุฏิ   จนกระทั่งทั้งสามมหาดเล็กรับประทานอาหารเสร็จ  ในหลวงก็ยังไม่เสด็จ ขรัวตากันออกจะเก้อ   และผิดหวังมาก  เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็มืดแล้ว   ไหนเลยในหลวงจะเสด็จ  แต่ในใจคิดว่าวันนี้ไม่เสด็จ   อาจจะเสด็จพรุ่งนี้ก็เป็นได้น่า   ทำให้ขรัวตากันยังไม่สิ้นหวังเสียเลยทีเดียว การรับประทานอาหารของมหาดเล็กทั้งสามเสร็จเรียบร้อยแล้ว   มหาดเล็กผู้อาวุโสกว่าเพื่อนเรียกตาเดช   ซึ่งเป็นทายกวัดมาถามว่า   ที่วัดแคมีพระภิกษุกี่รูป  ตาเดชบอกว่า  พระลูกวัด ๑๐ รูป   ขรัวตากันอีก ๑ รูป   เป็นสมภารเจ้าวัด  รวมเป็น ๑๑ รูปด้วยกัน มหาดเล็กผู้นั้นถวายกัปปิยภัณฑ์   ให้ขรัวตากันเจ้าอาวาส ๓ ตำลึง   พระลูกวัดรูปละ ๑ ตำลึง  ซึ่งตาเดชก็รับไว้ พอใกล้ค่ำมหาดเล็กทั้งสามลาขรัวตากัน  พายเรือเล็กเลี้ยวคุ้งน้ำหายไป   หลวงตากันมองตามมหาดเล็กทั้งสามด้วยหัวใจลอย จากคุณ : NickyNick - [ 21 ก.ค. 49 09:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เช้าวันถัดไป  วันที่ ๕ สิงหาคม  ร.ศ.๑๒๓ (พ.ศ.๒๔๔๗) .............................. พอรุ่งเช้า   มหาดเล็กทั้งสามคนเดินขึ้นมาบนวัดอีก   ขณะนั้นขรัวตากันตื่นขึ้นมากำลังสวดมนต์อยู่   มหาดเล็กผู้อาวุโสเดินมายังกุฏิที่ขรัวตากันตะโกนขึ้นไปว่า  "อาจารย์  อาจารย์ตื่นหรือยัง" ขรัวตากันรีบเปิดหน้าต่างกุฏิโผล่หน้าออกไปดู  พอขรัวตากันโผล่ศีรษะออกไป  มหาดเล็กผู้อาวุโสจึงพูดว่า  "อาจารย์  ฟ้าลานะ"   พร้อมกันนั้นยกมือทั้งสองขึ้นนมัสการลาขรัวตากัน ขรัวตากันพอได้ยินคำว่า  "ฟ้าลาะนะ"  เท่านั้น  ทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น  จะเป็นลมหน้ามืดเสียให้ได้   พลันขรัวตากันหวนนึกถึงเรื่องราววันวานตอนเย็น  ค่อยๆ กระจ่างขึ้นมาในสมอง  นึงชังน้ำหน้าตัวเองยิ่งนัก  พุทโธ่เอ๋ย !  มีตาหามีแววไม่ ขรัวตากันคุมสติได้ในบัดดล   เรียกร้องเด็กลูกศิษย์วัดเสียงหลงให้รัวระฆังเรียกพระไปที่ศาลาการเปรียญทันที   แล้วขรัวตากันเองรีบครองจีวรเดินงุดๆ ไปบนศาลาการเปรียญโดยไม่พูดไม่จา   จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก  เงอะๆ งะๆ ทำเพียงชี้มือชี้ไม้โบ๊เบ๊ไม่ได้เรื่อง   พอดีพระภิกษุมาครบจึงสวดชะยันโตเพื่ออวยพรและส่งเสด็จ  มหาดเล็ก  คือ พระพุทธเจ้าหลวง  นั่นเอง จากคุณ : NickyNick - [ 21 ก.ค. 49 09:25:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พระองค์เสด็จกลับแล้ว แต่ขรัวตากันยังมึนตึ้บอยู่ พอเริ่มจะปรับตัวได้ ก็มีอะไรใหม่ๆ มาให้ท่านได้กลัดกลุ้มอีก จากคุณ : NickyNick - [ 21 ก.ค. 49 14:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ต่อมาอีก ๔-๕ เดือน  มีพระราชสาส์นมาจากพระบรมมหาราชวัง พอขรัวตากันได้รับพระราชสาส์นก็ไม่เป็นอันกินอันนอน   หวาดผวากลัวไปต่างๆ นานา   เพราะขรัวตากันไม่ค่อยจะรู้ขนบธรรมเนียมในพระราชวัง  กลัวจะไปทำไม่ถูกพระราชอัธยาศัยก็จะได้รับคำตำหนิติเตียน แต่แล้วหลวงตากันก็ตัดสินใจ ฮึ!  เป็นไงเป็นกันไม่ถึงกับตายหรอกน่า   ดังนั้นพอใกล้จะถึงวันกำหนดเข้าพระบรมมหาราชวัง   ขรัวตากันคัดเอาลูกศิษย์ก้นกุฏิติดตามไปด้วย ๒ คน การเดินทางสมัยโน้นยังไม่มีเรือกลไฟ   ขรัวตากันจึงเอาเรือมาดมีประทุนแจวไป  โดยมีลูกศิษย์แจวหัวแจวท้าย  รอนแรมเรื่อยไป  กว่าจะถึงกรุงเทพฯ ก็เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๔-๕ วัน เมื่อไปถึงพระบรมมหาราชวังแล้ว  ก็ไม่มีอะไร   พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงมีพระราชประสงค์จะทรงสนทนาปราศรัยกับขรัวตากันเท่านั้น แล้วพระพุทธเจ้าหลวงพระราชทานเครื่องไทยทานมาหลายอย่าง   อาทิ เช่น .     เรือเล็กขนาดยาว ๓ วา ๑ ลำ .     ขันทองเหลือง .     ผ้าไตร .     ผ้าสังฆาฏิ  ปักอักษรย่อ "จปร." .     ปิ่นโต .     ตู้ใส่หนังสือ ด้านหน้า ด้านข้าง เป็นกระจก   ด้านหลังทึบกระหนกเป็นลายดอกไม้  และประแจจีน  เท้าสิงห์ศิลปคล้ายฝีมือจีน  สูง ๙๗ ซม. กว้าง ๘๘ ซม. ลึก ๔๕ ซม.  พร้อมด้วยหนังสือ ตู้ใบนี้ยังคงรักษาอยู่ที่วัดแค ส่วนไตร จีวร สังฆาฏิ ฯลฯ หมดสภาพไป จากคุณ : NickyNick - [ 21 ก.ค. 49 14:08:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขรัวตากันกับลูกศิษย์สองคนภูมิใจยิ่งนัก  โยงเรือลำที่พระราชทานมากับเรือแจว  ค่ำที่ไหนขรัวตากันก็เข้าพักวัดนั้น ขรัวตากันคุยฟุ้งว่า  พระพุทธเจ้าหลวงโปรดให้เข้าไปฉันภัตตาหารในพระบรมมหาราชวัง   แล้วพระราชทานสิ่งของต่างๆ มาหลายอย่าง ชวนเจ้าอาวาสวัดนั้นๆ ที่ขรัวตากันพักแรมไปดูของในเรือ  เป็นการคุยโอ่อย่างไม่หยุดปาก เมื่อกลับมาถึงวัดแค  ขรัวตากันคุยฟุ้งยิ่งขึ้น  กว่าจะหยุดคุยก็อีกหลายวันทีเดียว จากคุณ : NickyNick - [ 21 ก.ค. 49 14:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากค่ะ   ..... จากคุณ : กำปงพิราเทวี - [ 21 ก.ค. 49 18:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ชอบอ่านเรื่องประพาสต้นมานานแล้วค่ะ เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน  ขอบคุณค่ะที่นำมาแบ่งปัน จากคุณ : แสนอักษร - [ 22 ก.ค. 49 00:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออนุญาตปาดขัดจังหวะหน่อย..  ไอติม Swensen's เดี๋ยวนี้แก้วละร้อยกว่าบาทแล้วเหรอเนี่ย  ผมเชยขนาดนี้เชียวหรือ!!?! ฟังคุณพ่อเล่าเรื่องพาลูกไปกินไอติมก็น่ารักดีครับ จากคุณ : twojay - [ 22 ก.ค. 49 02:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีเวลาเช้าทุกท่าน เห็นเป็นของแปลกสำหรับชาวเวป เลยเอามาโชว์ เพราะคนท่องเวปมักจะไม่ค่อยได้เห็นบันทึกชาวบ้านแบบนี้ แต่ก็อย่าเชื่อผมเต็มร้อยนะครับ เป็นหลักอ้างอิงคงไม่ได้ แต่อ้างถึงคงได้ แหม คุณ twojay  ท่านทำเป็นแปลกใจ อ้อ นึกออกแล้ว  ที่นั่นไม่ถึงร้อย  ร้อยยูเอสดอลลาร์นะท่าน อย่ามัวแต่อ่านเฉพาะเรื่องของผม  จนลืมของขรัวตากันก็แล้วกัน  เดี๋ยวท่านจะน้อยใจ จากคุณ : NickyNick - [ 22 ก.ค. 49 09:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ภาพถ่ายหลวงตากันเท่าที่ทราบ  ตอนนี้เหลืออยู่เพียงภาพใหญ่ภาพเดียว เป็นมรดกตกทอดถึงหลานปู่  ซึ่งเป็นลูกสาวของลูกชายคนโต (ที่เกิดปี ๒๔๒๒ ตาม คคห.๒) เป็นภาพที่ยังสมบูรณ์มากเหมือนกับถ่ายมาเมื่อไม่เกิน ๕๐ ปี  แต่จากการสอบถามและสังเกตเครื่องประกอบในภาพ  น่าจะเป็นภาพที่ถ่ายครั้งได้รับนมัสการจากสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงให้ไปฉันภัตตาหารในวังครั้งนั้น  คือประมาณ ๑๐๐ ปีล่วงมาแล้ว แต่เสียดายที่ไม่อาจนำมาเผยแพร่ได้ทันขณะนี้ จากคุณ : NickyNick - [ 22 ก.ค. 49 09:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หลานปู่ของหลวงตากันท่านนี้  เป็นเพื่อนรุ่นน้องของคุณพ่อผม หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง  เคยเป็นแฟนเก่ากันมาก่อน หากผมไปเยี่ยมท่าน   แล้วกระเซ้าเย้าแหย่คนแก่อายุเกือบ ๘๐ ปี ท่านนี้ถึงเรื่องราวความรักแต่หนหลัง  ก็ยังออกอาการหน้าแดงให้เราพอสังเกตได้ ถือว่าช่วยให้ท่านมีอายุยืนเพิ่มขึ้นอีกทีละปีก็แล้วกัน  กุศลแรง จากคุณ : NickyNick - [ 22 ก.ค. 49 09:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรือสำปั้นพระราชทาน  ตกอยู่กับหลานตาท่านหนึ่งของหลวงตากัน  ปัจจุบันนี้ท่านมีอายุได้ ๘๓ ปีแล้ว เป็นลูกสาวของลูกสาวคนเดียวของท่าน  หลวงตากันมีลูกชายรวม ๕  หญิง ๑  เป็น ๖ คน ได้ผูกเรือลำนี้ไว้ที่บ้านริมแม่น้ำสุพรรณ (ท่าจีน) ทางฝั่งตะวันตกเหนือวัดประตูสาร  แล้วถูกขโมยลักไป ซึ่งเรื่องนี้มันเกิดมาเนิ่นนานแล้ว จากคุณ : NickyNick - [ 22 ก.ค. 49 09:56:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ตาเดช  ทายกวัด  ตาม คคห.๑๗ คือ นายเดช สะอาดดี มีแต่ลูกสาว  ลูกสาวคนโตเกิดปีกุน ๒๔๔๒ จากคุณ : NickyNick - [ 22 ก.ค. 49 10:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ต่อมาในราว ๔ ปี  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  เสด็จประพาสต้นครั้งที่สอง  ไปทางแม่น้ำมะขามเฒ่า (ต้นแม่น้ำท่าจีน)   เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๑  ผ่านอำเภอเดิมบางนางบวชเรื่อยมาจนถึงวัดแค ดังนี้ "วันที่ ๒๐ ตุลาคม (พ.ศ.๒๔๕๑)  วันนี้จะลองไปต้นน้ำ  ได้จัดการให้แตรเป่านำกระบวน แล้วตัวเองก็ลงมาในเรือพระที่นั่งหน่อยหนึ่ง  จึงลงเรือศรีเทพ  แวะๆ เวียนๆ  ให้ล้าลงไปหมายจะมาท้ายกระบวน  แต่ไม่สำเร็จอย่างเพราะพวกนแม่น้ำไม่รู้จักแตร  รู้แต่ว่าเสด็จมาเรือเล็กข้างหลัง  หรือจะจำเรือศรีเทพได้  แตรเป่าก็เฉย  ตาพวกผู้ใหญ่บ้านก็ไม่คำนับ  นักเรียนก็ไม่ร้องเพลง  เรือที่ผ่านลงมาเท่าไรๆ ก็เฉย  เฉพาะเรือศรีเทพไปที่ไหนได้คำนับและร้องเพลงกันที่นั่น   พวกคอยรับเสมาก็คอยตามเรือศรีเทพและเวียนอยู่จนปล่อยเรือแจวลงไปหมดแล้ว   คราวนี้ถึงเรือไฟยิ่งร้ายหนักขึ้น   ในการที่จะห้ามกะลาสียืนคำนับนั้นพ้นวิสัย  ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งประกาศให้คนรู้  เลยไม่มีผลสำเร็จอะไรได้เลย  จนต้องหยุดทำกับข้าวกันใต้ต้นไม่ดื้อๆ   ที่ทำนั้นเยื้องจากวัด (วัดแค?)  สักครู่หนึ่งพวกนักเรียนแลพบ  อุตส่าห์เดินเลียบตลิ่งลงมาจากพ้นเขตวัด  พอตรงเรือก็ร้องสรรเสริญบารมี   ทำจำจะต้องผิด  ให้เป็นพระเกียรติยศ  เลยต้องทนตื้อเอาเฉยๆ   เมื่อเรือผ่านวัดแคที่เคยไปทำกับข้าวครั้งก่อน  เป็นที่เรียบร้อยดีมาก  คงจะนึกได้นั้น  เดี๋ยวนี้ศาลาที่หัวโดนนั้นได้รื้อเสียแล้ว  รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนแปลกไป  ถ้าไม่ถามทีจะจำไม่ใคร่ได้ ........" ทั้งนี้เป็นการแสดงว่า  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงมีพระราชหฤทัยผูกพันอยู่ไม่น้อยทีเดียว ......... จากคุณ : NickyNick - [ 22 ก.ค. 49 16:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อคืนดู UBC AF - 3  น้องบรูน่าร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร กลัวว่าพอถึงคราวของเธอ  น้ำตาจะเหือดแห้งหมดซะก่อน ดูเธออารมณ์ศิลปินมั่กมั่ก  สะเทือนใจนิ้ดหน่อยก็กลั้นไม่อยู่  ร้องเพลงตอนจบกับเขาไม่ได้เลย  สะอื้นฮั่กฮั่ก  เหมือนเราเลยแหละ  นี่พยายามจะลิ้งค์ให้เป็นพวกเดียวกันนะ  แล้วก็ ตรงสเป้คพี่ด้วย  สูงยาว  เข่าดี  หน้าอินเตอร์  ถ้าขาดคนปลอบใจ  พี่คนนี้ขอยืนเคียงข้างน้องเสมอ รับ ๑ โหวตไปเลยครับ  น้อง V 11  ทนเห็นน้ำตาผู้หญิงไม่ได้ จากคุณ : NickyNick - [ 23 ก.ค. 49 10:17:46 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จบแค่นี้ก็แล้วกันครับ ไว้ให้เจอน้องเน็ตสวยๆ งามๆ ไวๆ ซักหนึ่ง จะส่งภาพสวยๆ ไปให้ในกระทู้ต่อๆ ไป จากคุณ : NickyNick - [ 26 ก.ค. 49 15:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สัปดาห์นี้ ผมเพิ่งได้ว่างพอจะเข้ามาอ่านกระทู้ (แต่ก็ยังไม่จบหรอกครับ) ถึงได้ทราบว่าเป็นวันเกิดคุณเจ้าของกระทู้ ถ้าจะขออนุญาต Happy Belate Birthday เจ้าของกระทู้จะค้อนให้มั้ยครับเนี่ยะ หุหุ จากคุณ : สังหยู - [ 27 ก.ค. 49 10:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าจะให้ผม Happy ก็ไม่ต้องขออนุญาตดอก  มาเร็วมาช้าก็ดีใจเหมือนกัน เมื่อคืนวันเสาร์นี้ ดู AF - 3  แล้วเธอก็ต้องจากไปจนได้  ตามเพื่อนรักเพื่อนซี้กันไป เฮ้อ   บอกแล้วไง  จะไม่มีน้ำตาเหลือไว้ให้กับตัวเอง  ได้แต่หวังว่า  หากมีการโหวตกลับเข้าบ้าน  เธอจะได้รับความรักความเอ็นดูจากพวกเราอีกครั้ง ปีนี้ไม่ปลื้มนักร้องตอนร้องเพลงจะเลิก  เอ เรียกอะไรดี  เพลงโลโก้ของ AF เลย   เพราะพวกเธอมัวแต่สะอื้นฮั่กๆ  เสียงเลยออกไม่เต็มที่   ชอบเพลงนี้มาก  จะฟังตอนร้องเปิดเวทีก็ไม่ทัน  พอตอนจบเธอก็มัวแต่โศกเศร้าอยู่นั่นแหละ  เมื่อ ๒ รุ่นแรกเสียงพวกเขามีพลังกันมากกว่านี้  ได้แต่รอเมื่อไรจะเข้าฝักกันซักที จากคุณ : NickyNick - [ 1 ส.ค. 49 09:29:00 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผ่านไปทางหน้าวัดแค  กะจะถ่ายรูปวัด + ต้นมะขามยักษ์ + พระพุทธบาท + ของสำคัญอื่นๆ มาให้ได้ชมกัน   แต่ทางวัดมีเทศน์มหาชาติ  คนมากันตรึม  เลยไม่ได้จอดรถลงไป  ชาวบ้านพูดกันหนาหูว่า  พระเทศน์ให้ฟังยังกะดูคอนเสิร์ท  เป็นพระ ๒ รูปที่ออกโทรทัศน์บ่อยๆ   ท่านแหล่ได้มันสะเด็ดยาดเหลือเกิน จากคุณ : NickyNick - [ 1 ส.ค. 49 09:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 36 บอกว่าจะจบกันตั้งนานแล้ว  พอดีมีเหตุบังเอิญ  เลยต้องมาขยายความเพิ่มเติมใหม่อีก วันอาทิตย์เดียวกันนั่นแหละ  ไปร่วมแสดงความยินดีกับทายาทชั้น "โหลน" ของหลวงตากัน เธอเพิ่งจบและรับปริญญาตรีศิลปากรเมื่อวันเสาร์  วันอาทิตย์เราไปแต่ไม่เจอ  เธอกลับไปกรุงเทพแล้ว  ก็ได้คุยกับคุณแม่ของเธอ  เล่าให้ฟังว่า เธอจบคณะโบราณคดี  เอกโบราณคดี  สรุปแล้ว โบราณฯ ทั้งตัว เธอได้รับเกียรตินิยมอันดับ ๑ รับเป็นคนแรกของคณะ  โอ้ว!  ที่สุดของโบราณฯ เลย  แต่ไม่ได้เป็นคนที่ได้เหรียญทองหรอกนะ  บอกว่าคนที่ได้เหรียญทองไม่มารับ  เพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง แล้วเธอก็จะไปเรียนโทต่อที่ราม  คณะมานุษย์ฯ เอกภาษาอังกฤษ  โทภาษาจีน  ตกลงจบโบราณแล้ว  ต้องมาต่อให้เป็นมนุษย์อีกรอบ  กรรมเวร ก็ได้แต่แสดงความยินดีกับความสำเร็จของเธอ  ซึ่งเป็นโหลนเทียดของ "ขรัวตากัน ทองมี" แห่งวัดแคเมืองสุพรรณ จากคุณ : NickyNick - [ 1 ส.ค. 49 09:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 37 กลายเป็นกระทู้เก็บตก AF ไปซะแล้ว แล้วเธอก็ไปกันเกือบหมด  คราวนี้ไปคู่เลย  ฝาแฝดมหัศจรรย์ของผม  มีเสียงหวานๆ ให้ฟังกันน้อยลงแล้วล่ะ จากคุณ : NickyNick - [ 8 ส.ค. 49 08:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ NickyNick  อยู่สุพรรณเหรอ ค่ะ น้องก็อยู่สุพรรณเหมือนกัน แต่มาเรียนไกลไปนิด วัดแคก็ไปบ่อย เพราะไปกินก๊วยจับแถวๆ นั้น ว่าแต่ที่สุพรรณมีไอติมเซเวนเส่นส์ ด้วยหรือค่ะ หรือว่าไม่ได้กลับบ้านช่วงนี้ ร้านมาเปิดใหม่ หรือว่าเข้าใจอะไรผิด ยังไงก็สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะค่ะ จากคุณ : primjang - [ 8 ส.ค. 49 10:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนนี้ย้ายบ้านแล้วคร้าบ  เขาไม่ให้อยู่ที่นั่นแล้ว  คงทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่ก็ยังแวะเวียนตามไปหลอกหลอนคนแถวนั้น  นานๆ ที หากน้องอยากอ่านเรื่องเกี่ยวกับสุพรรณเพิ่มเติม  แวบไปอ่านในเวปวิชาการดอทคอมบ้างเป็นไร  กำลังมีกระทู้ฮ้อทของพี่อยู่  อ้า  แต่ว่า  ฮ้อทแค่คนเดียว  ที่นั่นเงี๊ยบเงียบ  เพียงแต่ว่ากระทู้ไม่ตกไวเหมือนที่นี่ครับ จากคุณ : NickyNick - [ 9 ส.ค. 49 08:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอเก็บรวมฮิต AF 3 ไว้ตรงนี้อีกก็แล้วกัน เมื่อคืนใจหายใจคว่ำ  ลุ้นตลอด  เห็นว่าน้องตุ้ยร้องเพลงดีที่สุด  ทำไมถึงต้องออกนอกบ้าน เล่นแบบนี้ไม่ไหว  สงสารคุณแม่  คนแก่หัวใจจะวายซะเปล่าๆ  ตอนสัมภาษณ์แม่ทีหลัง  บอกว่า  คนจนๆ อย่างเรามาถึงแค่นี้ก็บุญแล้ว  เฮ้อ  คนจนย่อมเห็นใจด้วยกันเน๊าะ จากคุณ : NickyNick - [ 13 ส.ค. 49 09:01:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 รวมฮิตอีกรอบ เมื่อคืนดู เพิ่งเห็นน้องตุ้ย V12 ร้องไห้จนร้องเพลงโลโก้ไม่ไหว ระดับเซียนยังเป็นยังงี้ คิดถึงคนถูกโหวตให้ออกรึเปล่าไม่รู้ เพื่อนซี้กันรึเปล่า?  ไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไร จากคุณ : NickyNick - [ 27 ส.ค. 49 11:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 test แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 49 11:30:17 จากคุณ : NickyNick - [ 8 ก.ย. 49 08:36:27 ]