ความคิดเห็นที่ 1 ใช่เป็นตอนที่18พันธมิตรบุกตีลั่วหยางแล้วขุนนาง3คนทัดท้านความเห็นของตั๋งโหรือเปล่าครับ หรือว่า เป็นตอนที่เล่าเจี้ยงยอมเปิดประตูยอมแพ้เล่าปี่ไม่ทำตามความเห็นของขุนนางที่ให้เผาไร่อพยพชาวเมือง จากคุณ : ขุนพลน้อย (ฌลา) - [ 22 ก.ค. 49 10:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณขุนพลน้อย(ฌลา) ตอบได้ถูกต้องเร็วมากครับ เมื่อเล่าปี่เตรียมจะบุกเสฉวนขั้นสุดท้าย เล่าเจี้ยงก็เรียกประชุมขุนนางเพื่อปรึกษาหารือ ว่าจะรับศึกครั้งนี้อย่างไรดี ที่ปรึกษาคนหนึ่งก็แนะนำให้กวาดต้อนผู้คนเข้ามาตั้งรับในเมือง และเผาเสบียงอาหารเสีย ข้าศึกจะได้ไม่เอาไปเป็นประโยขน์ แต่เล่าเจี้ยงสงสารราษฎร จึงกล่าวประโยคนั้น รายละเอียดอยู่ใน ผู้พนมมือถือดาบ ตอนที่ ๙ ครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4545831/K4545831.html. แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 49 11:35:58 จากคุณ : เจียวต้าย - [ 22 ก.ค. 49 11:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอบกันได้อย่างรวดเร็วมากครับผม อย่างนั้นผมขอขึ้นคำถามใหม่ครับ "เกิดเป็นชายถึงจะตายในท่ามกลางศึกก็อย่าเสียดายชีวิต ชอบจะคิดทำการให้ถึงขนาด เหตุใดถึงจะมาสิ้นอายุเสียแต่หนุ่มฉะนี้ " เป็นคำกล่าวของขุนศึกผู้เหี้ยมหาญท่านหนึ่งที่พลีชีพในสนามรบก่อนวัยอันควร บุคคลท่านนี้แม้มีอายุไม่มากแต่ก็มีความสามารถและมีความจงรักภักดีรับผิดชอบต่อหน้าที่จนตัวตายครับผม พอจะทราบหรือไม่ครับว่าเป็นคำกล่าวของใครกับใครครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 22 ก.ค. 49 12:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จิวยี่อะเปล่า จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 22 ก.ค. 49 15:15:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไทสูจู้ กล่าวตอนจะตาย ขอให้ผู้อื่นขยายความครับ. แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 49 15:28:12 จากคุณ : เจียวต้าย - [ 22 ก.ค. 49 15:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลูกเมียเปรียบเสมือนเสื้อผ้า  ขาดแล้วเย็บใหม่ได้ พี่น้องเปรียบเสมือนแขนขา  ขาดแล้วมิอาจงอกใหม่ได้ ใช้ได้ดีมากเวลา  จะชวนเพื่อนไปกินเหล้า บอกประโยคนี้ไปรับรองเพื่อนท่านไปร่วมร่ำสุรากับท่านแน่นอน จากคุณ : sheehan - [ 23 ก.ค. 49 02:07:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อะจ๊าก  ไทสูจู้กล่าวตอนไหนฟะ  ทำไมข้าเจ้าทายไม่เคยถูกเลยเนี่ย 555 คุณ sheehan เจ้า  แต่ถ้าภรรเมียได้ยินคนพูดอาจคอขาดได้นะเออ... จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 23 ก.ค. 49 03:18:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รายละเอียดมีอยู่ในเสี้ยวสามก๊ก ตอน ลิ่วล้อผู้อาภัพ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4559287/K4559287.html จากคุณ : เจียวต้าย - [ 23 ก.ค. 49 06:01:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คำถามที่ คห. 3 คุณเจียวต้ายตอบได้ถูกต้องครับผม แต่ขอขยายความเพิ่มเติมว่า ... หลังจากที่ไทสูจู้รบพุ่งกับเตียวเลี้ยวแล้วเสมอกัน ไทสูจู้ได้เสนออุบายไส้ศึกตามที่คุณเจียวต้ายได้เล่าเอาไว้ใน "ลิ่วล้อผู้อาภัพ" ประเด็นที่น่าสนใจคือ ไทสูจู้นั้นแม้เป็นขุนศึกผู้เหี้ยมหาญชำนาญในการรบแต่ก็ยังไร้เดียงสาในการวางแผนยุทธการ โดยมิได้ฟังคำเตือนของจูกัดกิ๋นเพียงแต่เชื่อฟังโกเตงนายทหารผู้น้อยของตนและอาวโจซึ่งเป็นเพียงคนเลี้ยงม้าของเตียวเลี้ยว จึงประมาทในสติปัญญาของเตียวเลี้ยวและคาดการณ์ว่าแผนของตนจะสำเร็จได้อย่างง่ายดาย ส่วนซุนกวนในขณะนั้นก็ยังอ่อนแก่ความ ไม่เชี่ยวชาญกลยุทธและด้วยความเศร้าเสียใจที่สูญเสียซงเขียมทำให้บดบังสติปัญญาไม่เชื่อฟังคำเตือนของจูกัดกิ๋นเช่นกัน ขณะที่เตียวเลี้ยวเองแม้มิทราบล่วงหน้าว่าจะมีไส้ศึกและมีกองทัพมาปล้นเมือง แต่ก็ยังตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ให้ทหารสวมเสื้อเกราะนอนและรักษาการเวรยามและระเบียบวินัยแข็งขัน "อันธรรมดาผู้เป็นแม่ทัพนายกองในการทำสงคราม ถ้าแพ้ก็อย่าเพ่อเสียใจ ถ้าชนะก็อย่าเพ่อทะนง" ครั้นเมื่ออาจโจและโกเตงจุดไฟก่อความวุ่นวายภายในเมือง เตียวเลี้ยวก็ยังคงมีสติและความเยือกเย็นในการจัดการกับปัญหาและซ้อนกลไทสูจู้ให้พ่ายแพ้กลับไปได้ เรื่องนี้น่าจะเป็นอุธาหรณ์สอนใจดังพระพุทธพจน์ที่ว่า "ความประมาทเป็นหนทานแห่งความตาย ความไม่ประมาทเป็นหนทางแห่งความไม่ตาย ผู้ที่ไม่ประมาทเปรียบเสมือนผู้ที่ไม่ตาย ส่วนผู้ที่ประมาทได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่ตายแล้ว ท่านทั้งหลายจงยังการทั้งปวงให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด" แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 49 16:05:45 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 23 ก.ค. 49 15:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อีกตัวอย่างหนึ่งของความประมาทนั่นคือ ... ขณะที่เล่าปี่และกวนอูยกทัพไปรบกับอ้วนสุด เล่าปี่ได้มอบหมายให้เตียวหุยรักษาเมืองชีจิ๋ว แต่เตียวหุยนั้นเมาสุราอาละวาดโบยตีโจป้าพ่อตาลิโป้ ทำให้ลิโป้เจ็บแค้นและได้ข้ออ้างที่จะยกทัพมายึดเมืองชีจิ๋วโดยที่เตียวหุยเมาสุราและมิได้ป้องกันรักษาเมืองไว้ได้ เตียวหุยได้แตกพ่ายหนีตามลำพังและพบกับเล่าปี่ โดยเตียวหุยนั้นละอายใจที่เพราะความประมาทของตนทำให้เล่าปี่ต้องเสียการและครอบครัวของเล่าปี่ยังติดอยู่ในเมืองชีจิ๋ว จึงชักกระบี่จะเชือดคอตาย เล่าปี่ได้ห้ามไว้และกล่าวว่า "คำโบราณกล่าวไว้ว่า ธรรมดาภรรยาอุปมาเหมือนดั่งเสื้อผ้า ขาดแลหายแล้วก็จะหาได้ พี่น้องเหมือนแขนซ้ายขวาขาดแล้วยากที่จะต่อได้" ซึ่งเป็นคำตอบในคำถามที่ คห. ที่ 6 ครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 23 ก.ค. 49 16:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 งั้นผมขอตั้งคำถามใหม่นะครับ มีเจ้าเมืองผู้ปกครองท่านหนึ่งให้การยกย่องที่ปรึกษาของตนโดยให้การคำนับต่อหน้าคนทั้งปวง แสดงให้ปรากฏว่าตนมีความนบนอบเคารพต่อที่ปรึกษาท่านนี้เป็นอันมาก เจ้าเมืองท่านนั้นได้ถามที่ปรึกษาว่า "เราทำอ่อนน้อมให้เป็นสง่าไว้แก่ท่านครั้งนี้ชอบใจท่านแล้วหรือยัง" ที่ปรึกษาผู้นั้นตอบว่า "อันความสง่าที่ทำให้ปรากฏเพื่อให้เป็นที่ยำเกรงแก่คนทั้งปวงนั้น ข้าพเจ้ายังหาชอบใจไม่" เจ้าเมืองจึงถามต่อว่า "ถ้าหากการนี้ไม่เป็นที่ต้องใจท่าน แล้วการใดเล่าจึงจะทำให้ท่านชอบใจได้" ที่ปรึกษาท่านนั้นจึงตอบว่า " ขอให้ท่านคิดตั้งตัวเป็นใหญ่ให้จงได้ แล้วตั้งอยู่ในสัตย์ ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎรทั้งปวงให้ได้ความสุขจึงจะชอบใจข้าพเจ้า นานไปภายหน้าชื่อของข้าพเจ้าก็จะปรากฏว่าเป็นทหารสัตย์ซื่อช่วยทำนุบำรุงต่อท่าน" โอ... ใครกันหนอที่ตอบได้เยี่ยงนี้ ลองเดากันดูนะครับว่าเป็นใครพูดกับใครครับผม แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 49 20:03:08 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 23 ก.ค. 49 16:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แง้ว  เดาไม่ออกเลยคุณกระบี่...ยากอะ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย - [ 23 ก.ค. 49 17:17:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โลซก (ที่ปรึกษา) กล่าวกับ ซุนกวน (เจ้าเมือง) อันคนเป็นที่ปรึกษาก็ดี เป็นข้าทหารของท่านก็ดี เป็นขุนนางที่ช่วยว่ากล่าวกิจการใดๆก็ดี จะเจริญก้าวหน้า มีชื่อเสียงลือชาปรากฏไปได้ถึงชั่วลูกหลาน ก็ต่อเมื่อ ได้ทำนุบำรุงเจ้า ด้วยความสัตย์ซื่อถึงขนาด จากคุณ : ลุงอ่ำ - [ 23 ก.ค. 49 19:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืม ยากจิงๆ ขอเดาละกันครับ เป็นคำพูดของโลซก ที่มีต่อ ซุนกวน  ใช่ป่าวหว่า งิงิ จากคุณ : CrazyMc - [ 23 ก.ค. 49 20:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หง่ะ เพิ่งเข้ามาดู ช้ากว่า คห. 13 ไป 4 นาที T_T จากคุณ : CrazyMc - [ 24 ก.ค. 49 13:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทั้งคุณลุงอ่ำและคุณ CrazyMc ตอบได้อย่างถูกต้องในเวลาใกล้เคียงกัน เก่งมากครับผม จากคำกล่าวที่ คห. 11 โลซกตอบซุนกวนได้อย่างดีมาก ตอบได้อย่างมีชั้นเชิงมิใช้คนด้อยสติปัญญา ที่จะตอบว่าตนพอใจแล้ว อ่านเผินๆแล้วเหมือนว่าโลซกจะตอบเพราะความรักในแผ่นดิน เฉพาะในความเห็นส่วนตัวผมนะ ผมกลับมองว่า เป็นคำตอบที่สุดยอดขี้ฉ้อเพ็ดทูล คล้ายกับนักการเมืองในปัจจุบันบางท่านที่สวมบทบาทเล่นละครตบตาประชาชนเพื่อสร้างภาพให้กับตนเอง ดังนั้นผมจึงคิดว่า เมื่อใครกล่าวคำทำนองเพื่อประโยชน์ส่วนรวมแบบนี้ ก็ควรฟังหูไว้หูพิจารณาดูบ้างก็ดีครับ เพราะทุกพรรคการเมืองต่างก็หาเสียงกันแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ความว่าทุกพรรคการเมืองและทุกบุคคลที่ได้รับเลือกตั้งจะเป็นผู้ตงฉินทั้งหมด แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 49 21:21:22 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 24 ก.ค. 49 21:20:32 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ว่าการเมืองมากเกินไป เกือบจะหลุดจนโดนแบนซะแล้ว... มาเริ่มคำถามใหม่กันดีกว่า วันนี้กระผมได้อ่านวิธีแนวคิดและทางปฏิบัติของหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้นึกถึงประโยคเด็ดขึ้นมา(อีกแล้ว) "อันธรรมดาคนนี้เดิมคิดว่าจะหาแต่หนึ่ง ครั้นได้หนึ่งแล้วก็คิดกำเริบจะหาสองต่อขึ้นไปอีกเพราะโลภ" ลองทายกันดูนะครับ ใครพูดกับใคร และลองวิเคราะห์เจตนาการกระทำที่มาของบุคคลที่กล่าวคำกล่าวนี้กันนะครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 24 ก.ค. 49 21:22:32 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ยังไม่มีใครมาตอบอีกหรือครับ ผมมัวแต่ไปธุระที่โรงพยาบาล เลยไม่มีปัญญาจะคิดครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 26 ก.ค. 49 19:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังมิมีผู้ใดตอบเช่นเคย ผมเฉลยเลยละกันนะครับ หลังจากที่โจโฉได้ครอบครองแคว้นฮันต๋ง ปราบปรามหัวเมืองน้อยใหญ่ในดินแดนตังฉวนได้ราบคาบหมดสิ้นแล้ว โจโฉคิดจะยกทัพไปปราบเล่าปี่ต่อแต่ก็ยังต้องรักษาภาพพจน์ของตน โจโฉจึงเรียกประชุมขุนนางแม่ทัพนายกองทั้งหลายแล้วกล่าวว่า การศึกที่ผ่านมาในดินแดนทุรกันดารแห่งนี้ทหารทั้งปวงได้รับความลำบากและคิดถึงครอบครัวกันเป็นอันมาก จึงชอบที่เราจะยกทัพกลับไปที่เมืองฮูโต๋ ทหารทั้งปวงได้ฟังก็บังเกิดความยินดีกันทั่วหน้า สุมาอี้ได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวว่า หนทางทุรกันดารแห่งนี้ครั้นได้มาแล้วการข้างหน้าเมื่อใดเล่าจะได้มาอีก จึงชอบที่จะยกทัพไปปราบเล่าปี่ที่เมืองเสฉวนต่อไป ทั้งนี้สุมาอี้นั้นมองเห็นว่าเล่าปี่เพิ่งจะได้ครอบครองแคว้นเสฉวน การจัดการปกครองภายในยังไม่เรียบร้อยมั่นคงจึงควรที่จะรีบฉวยโอกาสนี้กำจัดเล่าปี่เสีย และที่สำคัญคือสุมาอี้นั้นรู้เท่าทันโจโฉว่า โจโฉจะใช้เหตุผลนี้เป็นข้ออ้างอันชอบธรรมโดยมิให้เสียน้ำใจทหารที่จะยกทัพไปตีเมืองเสฉวนต่อไป ฝ่ายโจโฉได้ฟังดังนั้นก็ตกใจว่าสุมาอี้รู้เท่าทันความคิดของตน จึงกล่าวกระทบกระทั่งเสียดสีสุมาอี้ว่า "อันธรรมดาคนนี้เดิมคิดว่าจะหาแต่หนึ่ง ครั้นได้หนึ่งแล้วก็คิดกำเริบจะหาสองต่อขึ้นไปอีกเพราะโลภ" โจโฉกล่าวเช่นนั้นราวกับตนเป็นพ่อพระผู้เมตตา แต่อันที่จริงที่โจโฉยังไม่ยกทัพไปเสฉวนทันทีเพราะจากการศึกที่ผ่านมาทหารยังเหน็ดเหนื่อยอิดโรยอยู่ยังไม่พร้อมจะออกรบ ทั้งๆที่โจโฉยกมาฮันต๋งครั้งนี้จุดประสงค์หลักคือต้องการกวาดล้างเล่าปี่เพียงแต่ในตอนนี้ยังมิพร้อมทำไม่ได้ โจโฉจึงยังคงปลงทัพตระเตรียมกำลังพลอยู่ที่เมืองปาต๋งนั่นโดยมิได้ยกทัพกลับฮูโต๋ ตามที่กล่าววาจาสวยหรูเอาไว้เลยครับผม แต่เป็นที่น่าสนใจว่า โจโฉนั้นที่กล่าววาจาด่าสุมาอี้นั้นเพราะโจโฉไม่เคยไว้วางใจในตัวสุมาอี้เลย ถึงจะยอมรับในสติปัญญาแต่ก็มองเห็นถึงอันตรายในอนาคต ทั้งพระเจ้าโจผีเองก็มองเห็นในจุดนี้เช่นกันถึงได้รับสั่งต่อโจยอยก่อนสิ้นพระชนม์ว่า อย่าได้ไว้วางใจในตัวสุมาอี้เด็ดขาด แก้ไขเมื่อ 29 ก.ค. 49 09:37:15 จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ วันภาษาไทยแห่งชาติ 09:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอรับสารภารพแต่โดยดีว่า ผมพลิกสามก๊กเพื่อเอามาเขียน เป็นเวลากว่าสิบปี ไม่กระทบประโยคที่ยกมาเลยครับ ขอแสดงความนับถือ ความนั้นมีเต็ม ๆ ว่า อันธรรมดาคนนี้ เดิมคิดว่าจะหาแต่หนึ่ง ครั้นได้หนึ่งแล้ว ก็คิดกำเริบจะหาสองต่อขึ้นไปเพราะโลภ แต่ได้เมืองฮันต๋งแล้วยังมิหนำ จะซ้ำไปตีเอาเมืองเสฉวน ซึ่งเป็นทางกันดารอีกเล่า ขณะนั้นสุมาอี้ได้เข้ามาอยู่ด้วยโจโฉ แต่เมื่อยังอยู่เมืองฮูโต๋ โจโฉให้สุมาอี้เป็นสมุห์บัญชีทหารเลวยังไม่ใช่ที่ปรึกษา โจโฉจึงไม่เชื่อถือกระมังครับ ส่วนที่ว่าพระเจ้าโจผีสั่งพระเจ้าโจยอยไม่ให้ไว้ใจสุมาอี้นั้น ในฉบับหลวงไม่มีครับ ครั้นถึงเดือนแปดพระเจ้าโจผีประชวรไข้จับ หมอพยาบาลเท่าใดก็ไม่คลาย จึงให้หา โจจิ๋นหนึ่ง ตันกุ๋นหนึ่ง สุมาอี้หนึ่ง ซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่ กับโจยอย เข้ามา พระเจ้าโจผีจึงตรัสว่า บัดนี้ตัวเราก็ป่วยหนักเห็นจะไม่รอดแล้ว เราคิดวิตกด้วยโจยอยยังหนุ่มแก่ความนักอยู่ ถ้าเราหาบุญไม่แล้ว ท่านทั้งสามเคยทำราชการกับเราฉันใด จงช่วยเอาใจใส่ราชการบ้านเมือง ทำนุบำรุงบุตรเราเหมือนฉะนั้นเถิด และพระเจ้าโจผีทรงกรรแสงตรัสแก่โจฮิวว่า ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ช่วยปราบปรามข้าศึกมาแต่เมืองฮูโต๋ยังไม่ตั้งมั่นได้ จนใหญ่หลวงเป็นสุขขึ้นถึงเพียงนี้ บัดนี้เรายังไม่แก่ชรานัก อายุได้สี่สิบปี ครองราชสมบัติได้เจ็ดปี โรคภัยก้เบียดเบียนนัก เห็นจะสิ้นอายุเสียมั่นคงแล้ว ท่านอยู่ภายหลังจงช่วยทำนุบำรุงบุตรเราโดยสุจริตให้เราสิ้นวิตกเถิด พอขาดคำ พระเจ้าโจผีก็สวรรคต จากคุณ : เจียวต้าย - [ 30 ก.ค. 49 12:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 กลับมาอ่านอีกครั้งก็พบว่าตนเองผิดไปบางส่วน ขอประทานโทษครับสงสัยผมจะเบลอจริงๆ พระเจ้าโจผีนั้นมิได้ระแวงสุมาอี้แต่ไว้ใจในสติปัญญาและฝากฝังราชการบ้านเมืองกับสุมาอี้ตามที่คุณเจียวต้ายกล่าวไว้ในความเห็นที่ 20 ครับ ขอบพระคุณคุณเจียวต้ายที่ช่วยแก้ไขให้ถูกต้องครับผม ส่วนเรื่องที่ว่าโจโฉไม่ไว้วางใจสุมาอี้ ผมคิดว่า นั่นมิใช่เพราะสุมาอี้มีตำแหน่งเป็นเพียงสมุห์บัญชีทหารเลวครับ เพราะตอนที่โจโฉยึดเมืองฮันต๋งขณะนั้นสุมาอี้มีตำแหน่งเป็นเจ้ากรมกำลังพลซึ่งถึงแม้ว่าจะมิใช่ตำแหน่งใหญ่มากนักแต่ก็มิใช่เป็นตำแหน่งเล็กเลย แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือโจโฉมิได้วางใจสุมาอี้จึงมิได้ตั้งให้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ต่างหากครับผม จะเห็นได้จากตอนที่ขงเบ้งคิดจะยกทัพบุกวุยก๊กครั้งแรก สุมาอี้ได้อาสายกกองทัพไปรักษาการที่เมืองเสเหลียงและหัวเมืองชายแดนด้านตะวันตกของวุยก๊ก ม้าเจ๊กได้เสนออุบายใส่ความสุมาอี้ว่าเป็นกบฏ พระเจ้าโจยอยนั้นตกพระทัยและเรียกประชุมเหล่าขุนนาง ฮัวหิมได้กราบทูลว่า " ที่สุมาอี้ขออาสาไปรักษาเมืองเสเหลียงและหัวเมืองชายแดนด้านตะวันตกนั้นก็ด้วยคิดแผนกบฏไว้ก่อน เมื่อพระเจ้าวุยอ๋องยังมีพระชนม์อยู่ก็มิได้วางพระทัยสุมาอี้ ตรัสอยู่เนืองๆว่า สุมาอี้คนนี้ถ้าชุบเลี้ยงให้คุมทหารขึ้นเป็นใหญ่เมื่อใดจะเป็นขบถคิดร้ายต่อแผ่นดิน" ในสามก๊กฉบับสมบูรณ์ ฮัวหิมได้กราบทูลว่า "ในครั้งก่อนไท่โจ๊บู๊ฮ่องเต้โจโฉทรงเคยรับสั่งกับข้าพระพุทธเจ้าว่า อันลักษณะของสุมาอี้นั้นใช้ตามองประดุจนกเหยี่ยว เวลาเหลือบหันมองประดุจสุนัขจิ้งจอก มิควรให้มีอำนาจในราชการกองทัพ แม้นานไปจะเป็นเภทภัยอันใหญ่หลวงของประเทศชาติ วันนี้เรื่องคิดทรยศได้เกิดขึ้น ควรจะได้เร่งรีบบำราบปราบปราม" จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 30 ก.ค. 49 17:49:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คำถามใหม่ครับผม คราวนี้คงมิยากเกินไปกระมังครับ มีขุนศึกผู้หนึ่งออกรบอย่างห้าวหาญและกล่าววาจาประโยคเด็ดว่า " อันตัวข้าพเจ้านี้ถึงตายก็จะเอาโลหิตทาแผ่นดินไว้ให้ปรากฏ จะขอสนองคุณท่าน " ใครคือขุนพลผู้จงรักภักดีที่กล่าวประโยคเช่นนั้นครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 30 ก.ค. 49 17:52:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดูเหมือนจะเป็นคำพูดของฮองตงนะครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 30 ก.ค. 49 18:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อไปเปิดดูตอนพระเจ้าเล่าปี่ยกทัพไปรบซุนกวน เพื่อแก้แค้นแทนกวนอู พระเจ้าเล่าปี่ตรัสยกย่อง เตียวเปากับกวนหิน และเสียดายที่นายทหารเก่าฝีมือดีก็แก่ชราไปตาม ๆ กันหมด ฮองตงก็น้อยใจจึงยกทหารไปรบพัวเจี้ยง นายทหารเอกของซุนกวน ซึ่งเป็นผู้วางกับดักกวนอูและจับตัวได้ แต่ฮองตงก็กลับได้รับบาดเจ็บสาหัส พระเจ้าเล่าปี่จึงไปเยี่ยมปลอบขวัญ ฮองตงจึงทูลว่า " ข้าพจ้าเป็นชาติทหาร ทำราชการสนองพระเดชพระคุณมาช้านานแล้ว จะกลัวอะไรแก่ความตาย......." จึงยังไม่ตรงกับปัญหาที่คุณกระบี่หักตั้งไว้ แต่ย้อนกลับมาดูตอนกลางเรื่อง มีอยู่คนหนึ่ง ที่เล่าปี่ขอให้งดการออกรบไว้ก่อน ด้วยเกรงว่าจะเป็นอันตราย เขาผู้นั้นกล่าวว่า " ตัวข้าพเจ้ามาทำราชการอยู่ด้วยท่าน ตั้งใจจะอาสาให้ถึงขนาด ปรารถนาจะเอาโลหิตทาแผ่นดินไว้ให้ปรากฏไปภายหน้า ถึงจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตก็มิได้คิด......" เขาผู้นั้นคือบังทอง พูดเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนจะเสียชีวิต ในการรบที่เมืองลกเสีย แคว้นเสฉวน พอจะใกล้เคียงไหมครับ ? จากคุณ : เจียวต้าย - [ 1 ส.ค. 49 09:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สำหรับคำกล่าวของบังทองในคห.ที่ 23 นั้นคล้ายกันกับคำถามในคห. 22 ครับผม สำหรับคำตอบคือเป็นคำกล่าวของจูล่งในตอนจูล่งฝ่าทัพรับอาเต๊าในแบบเรียนวิชาภาษาไทยครับผม พอดีผมยกมาถามเนื่องในโอกาสวันภาษาไทยแห่งชาติพอดีครับ แต่ขอชื่นชมคุณเจียวต้ายที่ตอบคำถามได้ใกล้เคียงมากครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 1 ส.ค. 49 20:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณครับ ที่กรุณาปลอบใจว่าตอบได้ใกล้เคียงมาก เพราะความจริงก็ห่างกันแค่สองร้อยหน้ากว่า ๆ เท่านั้นเอง นะครับ จากคุณ : เจียวต้าย - [ 1 ส.ค. 49 20:46:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มีประโยคที่คิดว่าง่ายต่อการเดาครับ ความว่า "...ตัวเรานี้....... เป็นคนเข็ญใจอยู่นั้น เราก็พอใจคบเพื่อน แล้วหาวิชาก็มิได้เห็นผู้ใดที่จะมีสติปัญญาหลักแหลมเหมือนท่าน บัดนี้เรามาพบท่านก็มีความยินดีนัก ท่านไปอยู่กับเราเถิด........" ใครชวนใครครับ? จากคุณ : เจียวต้าย - [ 2 ส.ค. 49 06:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ที่ผมชมว่าตอบได้ใกล้เคียงนั่นหมายถึงคำตอบของคุณเจียวต้ายที่เป็นคำพูดของบังทองนั้นคล้ายกับคำกล่าวของจูล่งที่เป็นคำถามที่ตั้งไว้ในคห. 22 ครับผม ขอแสดงความนับถือที่หาคำตอบมาได้ใกล้เคียงมากครับ สำหรับคำถามในคห.ที่ 27 น่าจะเป็นคำกล่าวของขงเบ้งที่ชักชวนเกียงอุยเข้าร่วมฝ่ายจ๊กก๊กครับผม ขงเบ้งเห็นว่าเกียงอุยเป็นผู้มีสติปัญญาระดับเดียวกับบังทองและสามารถเป็นผู้สืบทอดวิชาความรู้และภาระหน้าที่ของตนได้ จึงได้ออกอุบายปล่อยแฮหัวหลิมเพื่อให้ได้ตัวเกียงอุยเข้ามาไว้เป็นพวกครับ กล่าวถึงการเชื้อเชิญผู้มีสติปัญญา ผมนึกถึงบุคคลผู้หนึ่งที่กล่าวกับผู้มีสติปัญญาท่านนึงประสงค์จะสวามิภักดิ์ร่วมทำการใหญ่ว่า "คำน้องท่านเปรียบดังสายฝนโปรยมายามหน้าแล้ง ต้นไม้ใบหญ้าดังข้าพเจ้านี้ยินแล้วอิ่มใจสดชื่นยิ่งนัก มั่นใจว่าการใหญ่ของเราจักสำเร็จเป็นมั่นคง" มีเพียงไม่กี่คนในเรื่องสามก๊กครับที่มีความสัมพันธ์ระหว่างนายบ่าวประดุจพี่กับน้อง ลองทายกันดูนะครับว่าเป็นใครกล่าวกับใครครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 2 ส.ค. 49 21:44:04 ]

ความคิดเห็นที่ 29 และแล้วก็ยังคงมิมีผู้ใดมาตอบอีกเช่นเคย ผมขออนุญาตเฉลยเลยละกันครับ ซุนเซ็กได้ที่มอบตราหยกให้กับอ้วนสุดแลกกับการขอยืมทหารไปเพื่อช่วยงอเก๋งผู้เป็นน้าชายและเจ้าเมืองตันเอี๋ยงรบกับเล่าอิ้ว ระหว่างทางได้พบกับจิวยี่ซึ่งซุนเซ็กรู้จักถูกชะตากันมาก่อนในสมัยที่ซุนเกี๋ยนยกทัพไปร่วมพันธมิตรสิบเจ็ดหัวเมือง จิวยี่ได้ขอสวามิภักดิ์ติดตามซุนเซ็กทำการใหญ่ ซุนเซ็กจึงดีใจยิ่งนักและได้กล่าวคำหวานดังคำกล่าวในคห.ที่ 28 ครับผม จากคุณ : กระบี่หัก (charan_ck) - [ 4 ส.ค. 49 21:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 30 "... ผู้ใดอาศัยในแผ่นดินของท่านแล้วคิดยกเอาแผ่นดินไปให้ผู้อื่นเสีย ผู้นั้นเป็นคนหาความสัตย์ไม่....." ข้อความทำนองนี้ดูจะเป็นประเพณีของสามก๊ก คือถือความสัตย์ซื่อต่อแผ่นดินเป็นประมาณ ประโยคนี้เป็นของใคร และประนามใครครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 5 ส.ค. 49 19:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ใน คห.๓๐ ประโยคเต็ม ๆ มีอยู่ว่า ".....ผู้ใดกินข้าวแดงท่าน และฆ่าท่านผู้มีคุณเสีย ผู้นั้นเป็นคนหากตัญญูไม่ ผู้ใดอาศัยในแผ่นดินของท่านแล้วคิดยกเอาแผ่นดินไปให้ผู้อื่นเสีย ผู้นั้นเป็นคนหาความสัตย์ไม่ อุยเอี๋ยนนี้มิได้มีความสัตย์และกตัญญู ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นไม่ควร  อนึ่งข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูลักษณะอุยเอี๋ยนนั้น  เห็นหาตรงต่อผู้มีคุณไม่ ถึงมาทว่าเราจะเลี้ยงไว้นานไป ก็จะทรยศเสียเป็นมั่นคง....." ซึ่ง เป็นคำพูดของขงเบ้ง ขออภัยที่หากินเอาแถวนี้เอง http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4596714/K4596714.html แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 49 06:28:03 จากคุณ : พจนารถ๓๒๒ - [ วันรพี 06:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ยินดีด้วยครับที่หาเจอ ผมเลยขออนุญาตย้ายไปตั้งกระทู้ใหม่แล้วครับ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4604461/K4604461.html จากคุณ : เจียวต้าย - [ 8 ส.ค. 49 09:46:48 ]