สามก๊กฉบับลายคราม
เล่าปี่ผู้พนมมือถือดาบ (๑๑)
เมื่อซุนกวนได้ทราบถึงความพยาบาทจองเวรของพระเจ้าเล่าปี่แล้ว ก็ตกใจจนตัวสั่นนิ่งอึ้งตลึงแล ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป
กำเจ๊กซึ่งเป็นกุนซือจึงทูลว่า ในเมืองกังตั๋งยังมีคนดีอยู่อีกคนหนึ่ง มีสติปัญญาพอฟัดพอเหวี่ยงกับจิวยี่ ชื่อ ลกซุน อยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว เมื่อครั้งที่เมืองเกงจิ๋วแตกจับกวนอูได้ ก็ได้อาศัยความคิดของคนผู้นี้
ขุนนางคนอื่น ๆ ก็พากันแย้งว่าลกซุนนี้ยังอายุน้อย เคยรับราชการในตำแหน่งน้อยทางฝ่ายบุ๋น ถึงจะดีจริงก็คงจะเอามาเป็นแม่ทัพบังคับบัญชาทหาร สู้รบทำศึกใหญ่กับพระเจ้าเล่าปี่เห็นจะไม่ได้
กำเจ๊กก็ยังยืนยันถึงขนาดยอมเอาตนเองและบุตรภรรยาเป็นตัวประกัน จนซุนกวนเห็นด้วยจึงให้ไปตามตัวมาจากเมืองเกงจิ๋ว แล้วก็มอบอาญาสิทธิ์ให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ว่าราชการทั้งปวง ถ้าผู้ใดขัดขวางมิทำตาม ให้ตัดศีรษะได้ทันที
ลกซุนก็จัดกองทัพบกทัพเรือ โดยมี ชีเซ่งและ เตงฮอง เป็นนายทหารใหญ่ซ้ายขวา ยกไปเสริมกำลังที่ค่ายของเมืองกังตั๋ง ซึ่งตั้งยันกองทัพพระเจ้าเล่าปี่อยู่ ฮันต๋งและจิวท่ายซึ่งเป็นแม่ทัพอยู่เก่าก็ไม่ค่อยจะเคารพยำเกรงแม่ทัพใหญ่เท่าใดนัก
ลกซุนจึงเรียกประชุมนายทัพนายกองทั้งปวง แล้วประกาศอาญาสิทธิ์ที่ตนได้รับมาจากพระเจ้าซุนกวนให้ทราบโดยทั่วกัน แต่ถ้าเห็นสิ่งใดไม่ถูกต้องก็ให้ทักท้วงตักเตือนได้
จิวท่ายจึงเสนอให้ยกทหารไปช่วย ซุนหวน หลานพระเจ้าซุนกวน ซึ่งถูกทัพหน้าของพระเจ้าเล่าปี่ล้อมอยู่ที่เมืองอิเหลงก่อน ลกซุนก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อตีทัพพระเจ้าเล่าปี่แตกไปแล้วซุนหวนก็พ้นอันตรายไปเอง แล้วก็ออกคำพสั่งให้เสริมสร้างค่ายคูให้แข็งแรง ตั้งมั่นรักษาค่ายไว้ให้มั่นคง แม้ข้าศึกยกมาก็ไม่ต้องออกไปรบด้วย
แม่ทัพนายกองก็พากันเมินเฉยเสีย ไม่เอาใจใส่ต่อคำสั่งนั้น และเยาะเย้ยว่าเรายกกองทัพมารบกับพระเจ้าเล่าปี่ แต่กลับตั้งมั่นอยุ่ในค่าย จะให้เทพดามาช่วยหรือ ลกซุนจึงต้องปรพกาศว่าถ้าผู้ใดขัดคำสั่งจะตัดศีรษะเสีย คำสั่งนั้นจึงศักดิ์สิทธิ์ขึ้น
ฝ่ายพระเจ้าเล่าปี่นั้น สั่งให้ตั้งค่ายเรียงรายตั้งแต่ตำบลลอเต๋งไปถึงตำบลฉวนเค้าระยะทางพันเส้นเป็นจำนวนถึงสี่สิบค่าย แต่ก็ไม่เห็นข้าศึกนำทหารออกมาตีก็สงสัย ครั้นซักไซ้ไล่เรียงทหารที่ไปสอดแนม และถามไถ่ที่ปรึกษา ก็ได้ความว่าแม่ทัพของข้าศึกคือลกซุน เป็นข้าราชการพลเรือนตำแหน่งน้อย อายุก็ยังน้อยแต่มีสติปัญญาและวิชาความรู้มากเสมอด้วยจิวยี่ ขออย่าเพิ่งผลีผลามเข้ารบ ควรดำริตริตรองดูก่อน
พระเจ้าเล่าปี่ก็ประมาทว่า
เรารบศึกมานักหนา แต่หนุ่มจนแก่แล้ว จะเกรงอะไรกับลกซุนอ้ายเด็กวานนี้
แล้วก็ยกทหารออกจากค่ายไปถึงหน้าค่ายฝ่ายกังตั๋ง และให้ทหารดาหน้าเข้าไปร้องด่าท้าทายตั้งแต่เช้าไปจนตลอดทั้งวัน
ลกซุนกลัวว่าทหารของตนจะทนไม่ได้ แล้วขัดคำสั่งออกไปตะลุมบอนกับศัตรูก็จะเสียแผน จึงขึ้นไปบนเชิงเทินของค่ายบนเขาด้วยตนเอง แล้วคอยให้กำลังใจทหารทั้งหลายว่าอย่ามัวเอาใจใส่กับคำด่าเหล่านั้น จงอุตส่าห์สะกดใจเอากระดาษจุกหูเสียเถิด
และบอกกับฮันต๋งว่า พระเจ้าเล่าปี่ชำนิชำนาญศึก รบชนะมามากแล้ว ทหารก็มีฝีมือ ท่านจะออกไปรบมิได้อยู่แต่ในค่ายให้มั่นเถิด ถ้าทหารฝ่ายเขาเหนื่อยแล้วทนร้อนแดดไม่ไหวเข้าหาที่พักริมเขา หรือร่มไม้เมื่อใดเราจะคิดอ่านทำการรบเอง
ฝ่ายพระเจ้าเล่าปี่กลุ้มใจที่ข้าศึกไม่ออกมารบด้วย รู้สึกอึดอัดขัดเคือง ม้าเลี้ยงซึ่งเป็นที่ปรึกษาก็ปลอบใจว่า ควรดำริดูให้ดีเกลือกมันจะทำเลินเล่อให้เราไว้ใจ
พระเจ้าเล่าปี่ก็ว่ามันจะมีความคิดอะไรหนักหนา นอกจากมันจะกลัวเราจริง ๆ แต่ครั้นให้ทหารออกไปด่าวันละหลายเวลา พอหลายวันเข้าทหารก็พากันอ่อนเพลีย เนื่องจากเป็นฤดูร้อนและอยู่ใกล้ภูเขา ต้นไม้ก็น้อย ลำน้ำก็อยู่ไกล
พระเจ้าเล่าปี่ก็คิดว่าจะถอนทัพไปตั้งใกล้แม่น้ำที่มีร่มไม้ จึงวางแผนป้องกันการถอย โดยให้งอปั้นคุมทหารหมื่นหนึ่งคอยระวังหลัง ตรงปากทางที่ข้าศึกจะยกตามมา และพระองค์เองจะคุมทหารแปดพันล้วนแต่ฝีมือชั้นดีซุ่มอยู่ที่ซอกเขา ถ้ากองทัพถอยไปแล้วข้าศึกยกทหารมาตามตี ให้งอปั้นทำเป็นแพ้ถอยมา จะได้ตีโอบตัดท้ายข้าศึกให้กระเจิงไป
ม้าเลี้ยงก็เห็นชอบด้วยแต่ก็เสนอว่า เมื่อพระเจ้าเล่าปี่จะไปตั้งค่ายลงใหม่นั้น จะต้องด้วยพิชัยสงครามหรือไม่ ขงเบ้งซึ่งเป็นอาจารย์ก็อยู่รักษาเมืองมิได้มาเห็นด้วย สมควรจะเขียนแผนที่เอาไปให้ขงเบ้งพิจารณาดูว่าจะดีร้ายประการใด
พระเจ้าเล่าปี่ก็อนุญาตและว่าขงเบ้งมีความเห็นอย่างไร ให้รีบกลับมาบอกโดยเร็ว ม้าเลี้ยงก็เขียนแผนที่ แล้วรีบกลับไปเมืองเสฉวนตามรับสั่ง
กองทัพของพระเจ้าเล่าปี่ถอยทัพไปได้ถึงสามวัน ลกซุนก็ไม่ส่งทหารออกมาตีตามแผนเลย งอปั้นคิดว่าทหารเมืองกังตั๋งไม่กล้าออกรบแน่ จึงถอยตามกองทัพส่วนใหญ่ไป
ลกซุนก้เรียกนายทัพนายกองมาดูที่เชิงเทินของค่ายบนเขา ก็แลเห็นชัดเจนว่าเมื่อกองหลังถอยไปหมดแล้ว กองทหารในหว่างเขาที่ถอยตามล้วนแต่ถือธงเหลืองทั้งสิ้น แสดงว่าเป็นกองทหารของพระเจ้าเล่าปี่เอง นายทหารทั้งหลายได้เห็นแล้วก็ตกตะลึง
ลกซุนจึงว่าพระเจ้าเล่าปี่มีความคิดมาก และยกทัพใหญ่มาด้วยแรงพยาบาท จะเข้าไปรับหน้าเหมือนหักไฟหัวลมจะได้หรือ บัดนี้อ่อนแรงลงแล้วจึงถอยไป ฝ่ายทหารทั้งปวงก็จะเลินเล่อไว้ใจว่ามาครั้งนี้ไม่ต้องรบ ก็จะเที่ยวซุกซนหลับนอนหาที่สบายกระจัดกระจายอยู่ เราคอยดูให้ได้ท่วงทีแล้วก็ตีหักตะบึงเข้าไปก็จะได้โดยง่าย
เมื่อพระเจ้าเล่าปี่ได้ถอยทัพตามแผนที่วางไว้ มาตั้งค่ายอยู่ที่ริมแม่น้ำเรียงยาวไปตามลำน้ำเจ็ดพันเส้น ส่วนทัพเรือก็ตั้งค่ายอยู่ใกล้เคียงพอบังเรือ เตรียมเคลื่อนเข้าตีเมืองกังตั๋ง
ห้องกวนนายทหารเอกเสนอว่า อันทัพเรือนั้นเมื่อยกเข้าตีเมืองกังตั๋งเห็นจะง่าย แต่ถ้าจะถอยออกมาคงจะยากเพราะทวนน้ำ จึงขอไปตั้งทัพหน้าอยู่ใกล้ทัพเรือเพื่อจะได้ช่วยเหลือกันง่าย ส่วนพระเจ้าเล่าปี่เป็นทัพหลวงคอยระวังกองทัพบก
พระเจ้าเล่าปี่ก็ว่ากลัวมันทำไมกะอ้ายชาวเมืองกังตั๋ง มันหลบหัวเราอยู่แล้วที่ไหนจะมารบอย่าสงสัยเลย แล้วก็ให้ห้องกวนยกทัพหน้าไปตั้งทางทิศเหนือคอยป้องกันพระเจ้าโจผี เผื่อจะยกมาช่วยเมืองกังตั๋ง แล้วพระองค์ก็ตั้งทัพหลวงอยู่ใกล้ทัพเรือแทน
พอพระเจ้าเล่าปี่ตั้งค่ายยาวเหยียดไปตามริมแม่น่ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลกซุนก็ให้ตุนอิตั๋นนายทหารรองคุมพลห้าพัน ไปตีค่ายพระเจ้าเล่าปี่เป็นการหยั่งกำลัง และให้ชีเซ่งกับเตงฮองคุมทหารคนละสามพันไปคอยช่วยเหลือ ปรากฏว่าตุนอิตั๋นต้องพาทหารถอยกลับมา โดยตนเองถูกเกาทัณฑ์บาดเจ็บ จนถึงพื้นที่ซึ่งชีเซ่งกับเตงฮองซุ่มอยู่ จึงช่วยตีโต้ทหารของพระเจ้าเล่าปี่จนต้องถอยกลับไปค่าย
เมื่อตุนอิตันกลับมาหาลกซุนก็ร้องไห้ขอโทษ ที่ตนแตกพ่ายข้าศึกมา ลกซุนก็ว่าเราไม่เอาโทษเพราะใช้ไปทั้งนี้ หวังจะดูกำลังข้าศึกก็ได้เห็นแล้ว คราวต่อไปเราจะตีให้แตกให้จงได้
จากนั้นลกซุนก็จัดทัพทันที ให้จูเหียนเป็นนายกองทัพเรือ ในลำเรือนั้นบรรทุกฟางเต็มลำ ฝ่ายทัพบกให้ฮันต๋งคุมทหารเข้าตีค่ายทางเหนือ จิวท่ายคุมทหารเข้าตีค่ายทางใต้ ให้ทหารมีข้าวตากคาดไถ้เป็นเสบียงกรัง กับพกเหล็กไฟมัดฟางห่อดินประสิวล่ามสายชนวนถือไปด้วยทุกคน
พรุ่งนี้พอลมพัดกล้าในตอนค่ำ ให้ทัพบกทัพเรือยกเข้าตีข้าศึกพร้อมกัน แล้วจุดเพลิงขึ้นค่ายหนึ่งเว้นค่ายหนึ่งให้ตลอดทั้งสี่สิบค่าย ถ้าแม้ค่ายแตกเมื่อใดให้เร่งติดตามจับตัวพระเจ้าเล่าปี่มาให้ได้
ฝ่ายพระเจ้าเล่าปี่นั่งว่าราชการอยู่บนเก้าอี้ จัดแจงทัพที่จะออกรบยังไม่ทันแล้ว ก็เกิดอัศจรรย์ธงรบซึ่งปักแน่นอยู่ล้มลงต่อหน้าพระที่นั่งโดยลมมิได้พัด ทำให้พระเจ้าเล่าปี่ตกพระทัย ถามที่ปรึกษาว่าเหตุดีร้ายประการใด
ที่ปรึกษาก็ว่าเหตุนี้ร้ายอยู่ข้าศึกคงจะยกเข้าตีเป็นแน่ พระเจ้าเล่าปี่ก็ว่า รบครั้งใดเราก็ตีแตกไปทุกครั้ง ฝ่ายมันเสียทหารเป็นอันมากจนกลัวหัวหดอยู่แล้ว ที่ไหนมันจะยกมาตีเราได้
พูดจบก็มีทหารเข้ามาบอกว่า เห็นทหารเมืองกังตั๋งยกมามากแล้วแยกกันไปเป็นสองทาง พวกหนึ่งไปทางเหนืออีกพวกหนึ่งไปทางใต้
พระเจ้าเล่าปี่ก็ให้กวนหินกับเตียวเปาออกไปดู ก็กลับมาบอกว่าทางเหนือเห็นแสงไฟเรียงรายไปข้าศึกคงจะหุงข้าว พระเจ้าเล่าปี่ยังไม่เชื่อ ให้กวนหินไปทางเหนือ เตียวเปาไปทางใต้ คุมทหารข้างห้าร้อยคน ไปสืบดูให้แน่อีกครั้งว่าข้าศึกจะทำอะไร
ฝ่ายกองทัพของเมืองกังตั๋งเมื่อพร้อมได้เวลานัด ลมพัดแรงขึ้นแล้ว ก็พาทหารเข้าตีค่ายของเสฉวนทั้งทางบกทางน้ำและจุดไฟขึ้นพร้อมกัน พระเจ้าเล่าปี่เห็นทหารโห่ร้องเข้ามา เพลิงก็ติดค่ายไปทั่วหมด จะยกไปช่วยทางไหนก็ไม่ได้ ไฟก็กล้าลมก็แรงละล้าละลังอยู่จะทำอย่างไร ทหารที่อยู่ทางค่ายซ้ายขวาก็แตกเข้ามาในค่ายพระเจ้าเล่าปี่ ถึงกับเหยียบกันล้มตายไปเป็นอันมาก
พระเจ้าเล่าปี่เห็นเหลือกำลังจะสู้รบ ก็ขึ้นม้าคุมทหารหนีไปหาปองสิบนายทหารที่อยู่อีกค่ายหนึ่ง ปรากฏว่าค่ายของปองสิบก็แตก เพลิงลุกไหม้อยู่ ตัวปองสิบออกมารบกับชีเซ่ง
พระเจ้าเล่าปี่ก็ไม่ได้ช่วยเหลือ กลับพาทหารหนีออกไปทางทิศตะวันออก ชีเซ่งเห็นดังนั้นก็ละจากปองสิบ รีบติดตามพระเจ้าเล่าปี่ไปทันทีพระเจ้าเล่าปี่รบพลางหนีพลางไปได้ประมาณร้อยเส้น ก็เจอเข้ากับเตงฮองซึ่งคุมทหารเมืองกังตั๋งมาสกัดหน้าอยู่อีก ทำท่าจะหนีไม่รอด
พอดีเตียวเปาที่ออกไปสืบข่าวทางใต้ เห็นแสงเพลิงติดค่ายมากก็หวนกลับมาค้นหาพระเจ้าเล่าปี่ เจอกำลังถูกล้อมอยู่ก็ตีหักเข้าไปช่วย จนเตงฮองต้องถอย
เตียวเปาจึงพาพระเจ้าเล่าปี่หนีไปได้อีกประมาณสามร้อยเส้น ก็พบเปาเตียวเข้าอีกคน และพากันหนีต่อไปถึงเขาม้าอั๋ว กองทหารของลกซุนติดตามมาทัน ทั้งสองจึงพาพระเจ้าเล่าปี่ขึ้นไปอยู่บนเขา แล้วคอยรบระวังอยู่ที่ซอกเขาไม่ให้ข้าศึกล่วงล้ำขึ้นไปได้
ลกซุนก็ให้ทหารล้อมเชิงเขาไว้ พอรุ่งเช้าสังเกตดูหญ้าที่ขึ้นอยู่ มีแห้งบ้างสดบ้างก็ให้ทหารระดมจุดไฟเผาหญ้าให้รอบเขา พระเจ้าเล่าปี่ก็ติดอยู่ข้างบนลงไม่ได้
ฝ่ายกวนหินซึ่งไปสอดแนมทางเหนือ รู้ว่าค่ายพระเจ้าเล่าปี่แตกแล้วก็ติดตามจนพบทหารเมืองกังตั๋งล้อมเขาม้าอั๋วอยู่ ก็พาทหารไปช่วยกันดับไฟ แล้วขึ้นไปหาพระเจ้าเล่าปี่ พากันลงจากเขาจะไปอาศัยอยู่ที่เมืองเป๊กเต้ โดยมีกวนหินนำหน้า เตียวเปาอยู่กลาง และเปาเตียวระวังหลัง ห้อมล้อมพระเจ้าเล่าปี่ตีหักแหวกวงล้อมออกไปได้
ลกซุนก็พาทหารติดตามไประหว่างซอกเขา
ฝ่ายจูเหียนแม่ทัพเรือของลกซุน เผาค่ายทัพเรือของพระเจ้าเล่าปี่แตกหมดแล้ว ก็รีบติดตามมาดักหน้าขบวนของพระเจ้าเล่าปี่ไว้อีก กวนหินกับเตียวเปาก็หมดแรงรบต่อไปไม่ไหว เปาเตียวก็คอยระวังหลังอยู่เกือบจะเสียที
พระเจ้าเล่าปี่ตกใจหน้าซีดร้องว่า ทีนี้เราคงตายแน่แล้ว
จากคุณ :
เจียวต้าย
- [
22 ก.ค. 49 19:33:43
]