ความคิดเห็นที่ 1 ขออภัยไม่มีข้อความจะโพสต์ครับผม แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 49 16:11:39 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 24 ก.ค. 49 13:06:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สวัสดีครับ รบกวนถามนิดหนึ่ง คือผมจะค้นภาคเก่าๆได้จากที่ใด ช่วยรบกวนชี้แนะด้วยครับ คือของพันทิพเขาลบฐานข้อมูลเร็วมากๆเลย แค่ภาค 87 ก็ย้อนไปไม่ได้แล้วหล่ะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 24 ก.ค. 49 20:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เชิญคุณอุ้ยที่นี่เลยค่ะ คุณหมอ ฮา ฮา ยี เก็บไว้ให้ทุกตอน http://www.geocities.com/drsak/ จากคุณ : WIWANDA - [ 24 ก.ค. 49 23:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สวัสดีครับคุณอุ้ย  ตอนนี้อาจารย์สื่อกำลังร่ายประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่พอดีเลย  สนใจจะเป็นคุณครูซักวิชานึงมั้ยครับ จากคุณ : @(-_-)@ - [ 25 ก.ค. 49 08:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ค. 49 19:09:52 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 25 ก.ค. 49 16:29:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รออ่าน ต่อครับ... แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 49 14:11:58 จากคุณ : แข้งบวม - [ 25 ก.ค. 49 17:59:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณ คุณ WIWANDA  มากๆครับ เรียนคุณ @(-_-)@ กระผมไม่ถนัดประวัติศาสตร์จีนยุคใกล้ คงขอเพียงอ่านจากคุณ สื่อศิลป ดีกว่า หุหุ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 25 ก.ค. 49 20:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เกิดอะไรขึ้นครับ หลังจาก คคห. ของผมแล้ว คุณสื่อศิลป์แก้ไขข้อความหมดเลย (คคห.ที่ 5 ผมเข้ามาอ่านไม่ทัน) ถ้าเป็นเพราะผม ต้องขอโทษด้วยครับ ไม่ได้มีเจตนาจะว่าอะไรใครเลย ที่โพสทักคุณอุ้ยไปเพราะเคยเห็นตอบประวัติศาสตร์ได้ดีมากๆ ถ้าเข้ามาช่วยกันแจมกับคุณสื่อศิลป์ น่าจะดีต่อคนที่เข้ามาอ่านเท่านั้นเองนะครับ ต้องขอโทษจริงๆ ครับ จากคุณ : @(-_-)@ - [ 25 ก.ค. 49 22:49:05 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตามมาอ่านต่อครับ จากคุณ : Mamew - [ 26 ก.ค. 49 11:34:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ก่อนอื่น  ต้องขอสวัสดีคุณอุ้ยก่อนค่ะ และขอ welcom to  กระทู้มหากาพย์ยังเตริ์กด้วยความความยินดียิ่งค่ะ ช่วงนี้ของกระทู้ยังเตริ์ก  ท่านผู้เขียนกำลังเล่าเรื่องประเทศจีน  ช่วงที่กำลังเปลี่ยนการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ค่ะ ท่านได้เล่าถึงพัฒนาการของการก่อกำเนิดของพรรคดาวแดงของจีน  และได้เปรียบเทียบให้ฟังว่า  เป็นเพราะเหตุใด  พรรคชาตินิยมจีน  จึงไม่ประสบความสำเร็จในการปกครองจีน   ทั้งๆที่ก้าวแรกของการโค่นล้มระบบศักดินาจีน  ก็มาจากแกนนำของพรรคชาตินิยม   แต่เหตุใด?และทำไมหรือ?  จีนเองสาหัสขนาดหมอไม่รักษาแล้วหรืออย่างไร ผู้ป่วยแห่งเอเชียผู้นี้  จึงต้องอาศัยยาจากหมอกลางบ้าน  ที่ทั้งขม ทั้งขื่น ช่วยประคองชีวิตไว้ เพียงแค่พอรู้ว่า  ยังมีลมหายใจเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องจีนโบราณ  เป็นสิ่งที่มีค่าควรแก่การกล่าวถึงเป็นอย่างยิ่งค่ะ   เพราะปัจจุบันที่เป็นอยู่  ย่อมมาจากอดีตที่ถูกเป็นใช่ไหมคะ การเรียนรู้อดีต  ก็เพื่อเข้าใจในปัจจุบัน สิ่งที่ท่านผู้เขียนเพียรพยายาม ทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังใจตลอระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา  เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ให้ผู้อ่านที่สนใจในเรื่องเดียวกัน  เข้ามาเสพหาความรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด   การที่ท่านอื่น จะเสริมเรื่องราวทั้งที่เกี่ยวข้อง หรือไม่เกี่ยวข้องก็ตาม    แต่ก็ต้องยอมรับว่า  ถ้าเป็นประวัติศาสตร์แล้ว   มันเกี่ยวข้องกันทั้งหมดค่ะ พี่วิวันดาเคยบอกว่า   การอ่านประวัติศาตร์  ก็เหมือการต่อจิ๊กซอว์แผ่นใหญ่   ที่เราต้องหาส่วนที่ขาดแหว่ง  มาเติมให้เต็ม  แล้วเราจะเห็นภาพในประวัติศาสตร์ที่ชัดเจน การอ่านเรื่องของจีนยุคใหม่  ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเข้าใจที่มาและที่ไปของความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง ทำไมต้องโค่นล้มศักดินา? ทำไมประชาธิปไตยจึงไม่เจริญงอกงามในจีน? คอมมิวนิสต์  มีดีอะไรหรือ  ทำไมจีนถึงอ้าแขนรับไว้ และพรรคคอมมิวนิสต์จีน  เก่งกาจสามารถหรืออย่างไรกัน หรือเมาเซตุง  เป็นผู้มีอิธิฤทธิ์   คอมมิวนิสต์จีน ถึงได้เข้ามาจ่อประตูหน้าบ้านเอเชียอาร์คเนย์ในระยะหายใจรดต้นคอ     โดยที่คอมมิวนิสต์รัสเซียเอง ยังแหยง   อเมริกา ก็ร้อนอาสนะ จนนิ่งเฉยไม่ไหว ทั้งปวงเหล่านี้  ถือว่าเป็นเกมส์ต่อแผ่นจิ๊กซอว์ได้หรือเปล่าคะ? หากเพื่อนๆ สนในที่จะต่อแผ่นจิ๊กซอว์แผ่นนี้ให้เป็นรูปเป็นร่าง เพื่อการมองเห็นที่ชัดเจนร่วมกัน ก็คงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกอะไรนะคะ   ที่เราจะมาช่วยกันเล่า  ช่วยกันคุ้ย  ช่วยกันถาม  ช่วยกันเข็น เพื่อต่อยอด และแตกประเด็นเก่าให้เป็นประเด็นใหม่  ที่ยังคงอรรถรสของการสนทนาประสามิตรสหายที่เครพซึ่งกันและกัน การที่เกิดบรรยากาศเช่นนี้ขึ้นในกระทู้  ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าเป็นเพราะเหตุใด แต่ตั้งแต่อ่านกระทู้นี้มา  ยังไม่เคยพบว่า  ท่านผู้เขียน จะลังเลในข้อเขียนของตนเอง จนถึงขนาดต้องลบข้อความที่โพลต์แล้วทิ้งไป เข้ามาอ่านโพสต์ที่ห้าไม่ทันเหมือนกันค่ะ   แต่ทันโพสต์ที่สอง  ซึ่งท่านได้ลบทิ้งไปแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีข้อความอันใดที่ต้องลบทิ้งนี่คะ   ก็ยังเป็นข้อเขียนของท่าน  ที่ยังคงเอกลัษณ์ของตัวท่านเองไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนุ่มเจ้าสำราญ  ที่มีโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆไ ด้เท่าที่สังขารจะพาไปไหว หรือในความช่างสังเกตของท่านเอง    ที่ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวหรือทำงานในสถานที่ใด   ท่านก็มักจะเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่คนอื่นเขามองข้าม  เข้ามาวิเคราะห์ หาเหตุผล  เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่พบเห็นอยู่ประจำ ทำให้เราต้องพลอยคิดตามไปด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้  เป็นเหมือนการเติมผงชูรสในการอ่านนะคะ   เพราะหากเป็นเรื่องเล่าจากบันทึกอย่างเดียว  เราไปหาหนังสือเก่าแถวเจๆอ่านก็ได้ แต่นี่ไม่ใช่ค่ะ   เราอยากรู้อะไร  ก็จิ้มเข้าไปตรงนั้น   ถ้าจิ้มถูกจุด  ถูกเวลาและตำแหน่ง อาหารสมองจานโตที่ถูกปรุงโดยพ่อครัวฝีมือเยี่ยม  ก็จะหลั่งไหลออกมาอยู่ตรงหน้า แต่ถ้าจิ้มผิด จิ้มถูก  หรือไม่รู้รหัสลับในการไขปริศนา ขืนจิ้มสุ่มสี่สุ่มห้า  หรือจิ้มในเวลาที่ผู้เล่าไม่มีฟิลลิ่งในการถ่ายทอดแล้วละก้อ ดีไม่ดี  ยังอาจได้ของแถมแบบผู้รับไม่ต้องการก็ได้ค่ะ ถ้าเจออย่างนี้ ก็ตัว who  ตัว it นะคะ  ha ha ha !!!! จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 26 ก.ค. 49 20:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับ คุณ กาสะลองบานแล้ว ผมก็มาปูเสื่อ รอคุณ สื่อศิลปเช่นกัน เลยขอโยนกระเบื้องล่อหยกหน่อยละน้อ ในภาคที่ 91 คุณ สื่อศิลป ได้กล่าวถึง กลุ่มพวกบูชาตำรา อันมีนามว่า กลุ่มบอลเชวิก 28 คน ครับ หนึ่งในผู้ที่ค่อนข้างมีความสำคัญ และเป็นที่รู้จักกันมาก ในกลุ่มนี้ก็คือ ป๋อกู่ หรือมีชื่อจริงว่า ฉินปังเซี่ยง หมอนี่เป็นนักเรียนทุน ไปเรียนในมอสโคว์ ศึกษาตำรามาร์กซ์อย่างถึงแก่นจริงๆ (หนอนหนังสือของแท้) เรียกว่า เป็นนักโต้วาที เข้าตำหรับจีนโบราณ ที่คุยกันทีไร ก็อ้างหนังสือตำราเข้าว่า อันปราชญ์ท่านว่า บลา บลา บลา..... และเถียงชนะเสมอๆ ป๋อกู่ นั้น อ้างว่าตนมีความรู้ เท่ากับนักมาร์กซิมส์ 1 คนครึ่ง บางทีเลยเรียกกลุ่ม 28 บอลเชวิกว่า กลุ่ม บอลเชวิก 28 คนครึ่ง เพราะนับป๋อกู่เป็นครึ่งคนด้วย แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 49 23:30:38 จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) - [ 26 ก.ค. 49 23:18:06 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้า คุณอุ้ยมาแจมด้วย จำได้ว่าเป็นท่านหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนได้มันมาก ปล.คงไม่มีอะไรนะครับ ปูเสื่อรอต่อไป จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 27 ก.ค. 49 02:29:21 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขออธิบายครับ อย่าเข้าใจผิดครับ ผมไม่ได้เคืองท่านใดในนี้ แต่อย่างใด ยิ่งท่านที่ส่งเทียบเชิญให้ซือแป๋อุ้ย เข้ามาช่วยบรรเลงนั้น แค่พลิกข้อมือสะบัดชายเสื้อนิดเดียว มุกมณีก็หล่นลงบนจานหยกแล้วว่า อันว่ากลุ่ม 28 บอลเชวิกนั้น หาได้มีแค่ 28 ไม่ แต่มีถึง 28 ครึ่ง ที่แสดงถึงความอหังกาของกลุ่มนี้เป็นอย่างดี ส่วนเรื่องของผมนั้น ไม่มีอะไรมากครับ พอดีได้กระทำการอันเป็นอนันตริยกรรมไปหน่อย ก็เลยขอปวารณาชำระโทษตัวเองด้วยการหันหน้าเข้าข้างฝานั่งสมาธิชำระล้างจิตใจสักระยะหนึ่ง ก็เลยขอรบกวนเหล่าซือแป๋ทั้งหลาย ขอได้ช่วยกันนั่งล้อมวงกันใต้โคนต้นสนโบราณที่ปลายผา แล้วเสวนาเรื่องการปฎิวัติเมืองจีนกันต่อแล้วกัน ส่วนผมขออนุญาต(เถอะครับ) เว้นวรรคการเขียนข้อความใด ๆ และการใช้ชื่อนี้สักพักหนึ่งแล้วกัน ขอบคุณครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 27 ก.ค. 49 10:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่รู้ว่าคุณสื่อทำอะไร  แต่จะรออ่านข้อเขียนของคุณต่อครับ (โล่งใจที่ไม่ได้เป็นเพราะผมด้วยแหละ) ปล. อย่างนี้คงต้องรบกวนคุณอุ้ย และท่านอื่นๆ ช่วยกันโยนกระเบื้องมาอีกซักโกดังนึง หยกจะได้กลับมาครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 49 12:03:30 จากคุณ : @(-_-)@ - [ 27 ก.ค. 49 12:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แว่บมาลงชื่อครับ จากคุณ : Jump.Jr - [ 28 ก.ค. 49 13:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มีใบสั่งให้มาอธิบายครับ ทีแรกผมจะขอหันหน้าเข้าผนังถ้ำนั่งสมาธิชำระความผิดของตัวเองสักหน่อย (ซึ่งดีกว่าถูกตัดมือหรือให้ยืนขาเดียวอมที่เปิดไวน์แบบลืมง้างใบมีดกะเกลียวเหล็กเก็บ) แต่เมื่อเกิดการเข้าใจผิดกันใหญ่ ก็เลยขอชี้แจงอีกที อย่างแรก คือ ผมไม่ได้เคืองใครในที่นี้หรือที่อื่นด้วยประการใด ๆ เลยครับ ไม่ว่าคุณอุ้ย คุณกาสะลอง หรือท่านใดก็ตาม อย่างที่สอง ผมอยากให้เข้ามาช่วยกันเขียนเรื่องจีนจริง ๆ เพราะในที่นี้มีผู้รู้เยอะ มาช่วยกันก็ดี ซึ่งข้อนี้ผมว่าไม่น่าติดใจกัน เพราะแต่ไหนแต่ไรมาผมก็เปิดกว้างและอยากให้ทุกคนเข้าร่วมเขียนด้วยอยู่แล้ว ซึ่งเป็รที่ทราบกันดีอยู่ทุกกระทู้ แต่เมื่อไม่เป็นตามนั้น คือ มีการเข้าใจผิดว่าผมไปเคืองใครจนเลิกเขียน ก็เลยต้องหันหลังกลับแบบ 306 องศา ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติสักที ก็ขอเริ่มใหม่แบบไม่ท้าวความถึงเรื่องเก่า ๆ แล้วกัน ที่ผ่านมาก็ช่างมันเหอะ ย้ำอีกทีว่าผมไม่ได้แค้นเคืองใครทั้งนั้น จริง ๆ ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 ก.ค. 49 15:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 : ) จากคุณ : @(-_-)@ - [ 28 ก.ค. 49 15:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ............. งง   แต่จบสวยก็โอเค อย่าคิดมากครับอาจารย์สื่อฯ ไว้จะมาช่วยร่ายเพลงยุทธด้วยครับ อย่าพึ่งถอดใจครับ จากคุณ : ryzon - [ 28 ก.ค. 49 18:19:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณที่ยังอยู่ให้ความรู้ครับ อึดอีกนิดครับ จะผ่านแนวต้านที่ร้อยกระทู้แล้ว แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 49 19:34:24 จากคุณ : เพราะผมไม่มี Time Machine - [ 28 ก.ค. 49 19:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าว่างรบกวนเขียนเรื่องกบฎไม่มาตามนัดหน่อยสิครับ เห็นกระทู้ข้างบนยังไม่มีคนตอบเลยครับ จากคุณ : Jump.Jr - [ วันภาษาไทยแห่งชาติ 22:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 "เสียสัตย์เพื่อชาติ" คนที่พูดคำนี้จบ จปร รุ่นเดียวกับพ่อตาผมง่ะ แถมเป็นเพื่อนซี้กันอีกตังหาก กลับมาแล้วครับ ตามเก็บกระทู้อยู่ ขอบคุณกำลังใจ + ความห่วงใยจากทุกๆท่านครับ จากคุณ : ha ha yee - [ 30 ก.ค. 49 06:58:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีครับคุณหมอ   คุณพี่วิวันดา แจ้งข่าวให้ผมทราบแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ แต่แหม  แอบอ่านแอบเขียนกันมาตั้งนาน ไม่ยักกะรู้ว่าคุณหมอเป็นลูกเขย จปร.รุ่นประวัติศาสตร์ เลยไม่กล้าเดาเลยว่า ที่สนิทเนี่ยคนไหน กลัวเป็นหวัด (หมายถึงกลัวจนหนาวนะ  มุกนี้โดนลูกน้องอำ อึ้งไป 5 นาทีกว่า ๆ แต่พอลองเอาไปใช้กับเพื่อน ๆ ดันโดนโห่ว่ามุกกระบือมาก) จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 31 ก.ค. 49 11:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีครับคุณหมอ   คุณพี่วิวันดา แจ้งข่าวให้ผมทราบแล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ แต่แหม  แอบอ่านแอบเขียนกันมาตั้งนาน ไม่ยักกะรู้ว่าคุณหมอเป็นลูกเขย จปร.รุ่นประวัติศาสตร์ เลยไม่กล้าเดาเลยว่า ที่สนิทเนี่ยคนไหน กลัวเป็นหวัด (หมายถึงกลัวจนหนาวนะ  มุกนี้โดนลูกน้องอำ อึ้งไป 5 นาทีกว่า ๆ แต่พอลองเอาไปใช้กับเพื่อน ๆ ดันโดนโห่ว่ามุกกระบือมาก) จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 31 ก.ค. 49 11:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เอาลูกบาสมาโยนใส่กันหน่อย get มั้ยครับมุขนี้ ตอบ เป็นห่วงไงครับ ผมเอามาจากใน pantip นี่แหละครับ แต่จำไม่ได้ว่าจากใคร ต้องขออภัย และขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย คุณสื่อลองเอาไปใช้กับเพื่อนบ้างสิครับ ถ้าใช้ได้ดีก็ขอรับความดีความชอบ ถ้าไม่ได้ก็ยกความผิดให้ ให้ ให้ใครดีหว่า จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 31 ก.ค. 49 11:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้าเรื่องบ้าง อู้มานาน นอกจากป๋อกู่ ที่มั่นกับตัวเองมากถึงขนาดคิดว่าเป็นมาร์กซิสต์ถึงคนครึ่ง กลุ่ม 28 บอลเชวิก ยังมีแกนนำคู่กันอีกคน คือ หวังหมิง หวังหมิง คนนี้เอง ที่วิเคราะห์สถานการณ์ญี่ปุ่นบุกแมนจูเรียเอาไว้ว่า เป้าหมายสุดท้ายของญี่ปุ่นคือทำสงครามกับโซเวียต และนั่นหมายถึงการปฎิวัติโลก  เพราะโซเวียตต้องได้ชัย (ก็ถูกของแกนี่หว่า) ส่วนสถานการณ์การปฎิวัติจีนนั้น  จากความสามารถในการนำทัพของเหมา ที่ทำให้กองทัพแดงฟันฝ่าการล้อมปราบขนานใหญ่มาได้ถึง 3 ครั้ง 3 ครา ทั้ง ๆ ที่กำลังทหารน้อยกว่าจนเทียบไม่ติด หวังหมิง ก้ประเมินว่า สถานการณ์เช่นนี้ ควรที่พรรคจะเร่งการจัดชุมนุมสไตรค์ในเมืองขึ้น พร้อม ๆ กับการใช้กำลังทหารเข้ายึดเมืองใหญ่ ๆ เป็นฐานที่มั่นอีกสักแห่งสองแห่ง พูดง่าย ๆ ก้คือ ก๊อปแนวยุทธศาสตร์มาจากโซเวียตที่มุ่งไปสู่การจราจลในเมืองให้เป็นปัจจัยชี้ขาดในการนำชัยชนะมาให้กับการปฎิวัติอยู่ดี ขณะที่ทางศูนย์การนำพรรคคิดแนวยุทธศาสตร์ในการปฎิวัติแบบขัดแย้งกันเองระหว่างวิธีของเหมากับกลุ่ม 28 บอลเชวิกที่เดินตามก้นโซเวียตแล้ว ฝ่ายเจียงก็ไม่น้อยหน้า  จากกรณีที่ญี่ปุ่นบุกแมนจูเรีย  แต่เจียงกับไม่สนใจ แม้ว่าคนจีนจะถูกสังหารและทารุึณกรรมอย่างนับไม่ถ้วน เจียงก็ยังคิดว่าญี่ปุ่นดีกว่าคอมมิวนิสต์ เพราะญี่ปุ่นนั้น เจียงเจรจาได้  เหมือน ๆ กับการเจรจากับคนอื่น ๆ ในสมัยนั้น นั่นคือหาสินบนที่ถูกใจให้ เดี๋ยวญี่ปุ่นก็หยุดไปเอง ไม่้หมือนคอมมิวนิสต์ที่พูดไม่รู้เรื่อง จ้องแต่จะล้มเจียงอย่างเดียว ในทางการเมือง เจียงตัดสินใจเจจรจากับญี่ปุ่นให้ยุติการโจมตีจีน โดยยกแมนจูเรียให้ทั้งหมด ทำให้ญี่ปุ่นสามารถตั้งประเทศแมนจูกัว แล้วไปเอาปูยีมาเป็นจักพรรดิ์กำมะลอ เชิดไปมาได้พักนึงทีเดียว จากคุณ : ปูยี (สื่อศิลป) - [ 31 ก.ค. 49 13:08:41 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ในความคิดของเจียงนั้น เขาเห็นว่า หากทุ่มกำลังทหารไปสู้รบกับญี่ปุ่นที่ไม่แน่ใจว่าจะชนะแล้วหรือไม่ ย่อมสูญเสียกำลังไปเยอะ  แล้วอย่างดีที่สุดก็แค่ผลักดันให้ทัพญี่ปุ่นถอยกลับไป ซึ่งคงต้องแลกกับทหารจีนจำนวนมหาศาล กำลังทัพเขาก็อ่อนแอลง เป็นช่องให้เหมาเสียบเข้ามาอย่างง่าย ๆ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเจรจาต่อรองยกดินแดนที่คนจีนแท้ ๆ เองก็ไม่ชอบขี้หน้านัก อย่างแมนจูเรีย ที่เขาพึ่งล้มราชวงศ์ลงได้สำเร็จ ก็เหมือนกับตัดไส้ติ่งทิ้งไปเท่านั้นเอง หาใช่แขนขาหรืออวัยะสำคัญแต่อย่างใดไม่ แต่เป้าหมายของคอมมิวนิสต์นั้นน่ากลัวกว่า เพราะพุ่งตรงเข้าหาหัวใจ นั่นคือยึดอำนาจรัฐอย่างเต็มที่ เจียงจึงเลือกยุทธศาสตรืการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ก่อนญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะถูกต้องตามหลักการทหารที่เจียงชำนาญก็ได้ แต่ไม่ถูกใจประชาชนจีนเลย เพราะกองทัพญี่ปุ่นเมื่อครั้งเข้ายึดตจีนนั้น โหดเหี้ยมสุดพรรณา ขระที่กองทัพแดง นอกจากสู้รบแล้ว ยังทำงานการเมืองควบคู่ไปด้วย ทำให้ซื้อใจประชาชนได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า คนที่เกลียดกองทัพแดงก็มีไม่น้อย โดยเฉพาะคนเมือง หรือผู้ที่หารายได้กับการทำงานให้ต่างชาติ แต่เมื่อเทียบกับประชาชนจีนส่วนใหญ่แล้ว ย่อมเกลียดญี่ปุ่นผู้นุกรานมากกว่า ดังนั้นเมื่อเจียง เลือกยุทธศาสตร์เจรจาญี่ปุ่น รบคอมมิวนิสต์ ประชาชนจึงไม่รักเจียงซะแล้ว และที่สำคัญ คือ ทหารตั้งนายระดับนายพลลงไปจนถึงพลทหาร ก็เริ่มตั้งคำถามต่อแนวทางการสู้รบตามนโยบายของเจียงเสียแล้ว เจียงจึงแพ้การรบตั้งแต่ยังไม่ทันยิงกระสุนนัดแรกของการล้อมปราบครั้งที่ 4 เลย จากคุณ : ญี่ปุ่น (สื่อศิลป) - [ 31 ก.ค. 49 13:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ในทางการทหารแล้ว เจียง ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าทัพแดงเลย  เพราะพร้อมพรั่งทั้งอำนาจรัฐ (แม้จะพร่อง ๆ ไปบ้าง) กำลังทหาร (ที่ระดมมาจากเหล่าขุนศึกผู้ภักดี) และสรรพอาวุธ (ที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมันที่มีที่ปรึกษาเข้าร่วมด้วย ลูกชายเจียงก็ไปศึกษาวิชาการทหารที่เยอรมันเหมือนกัน) แต่เจียงขาดการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นระดับประชาชาติ หรือระดับประชาชน ไม่มีกระทั่งการต่อสู้ในแนวทางชาตินิยม ที่เป็นสูตรสำเร็จในการระดมการสนับสนุนจากคนในชาติได้ดีที่สุด ผลก็คือ ไม่ทันได้ล้อมปราบครั้งที่ 4 ทหารจากกองทัพที่ 26 ก็พร้อมใจกันแปรพักต์ เข้าร่วมกับกองทัพแดงกว่า 2 หมื่นคน รวมทั้งอาวุธยุทธโะปกรณือันทันสมัยอีกจำนวนมาก เสริมเขี้ยวเล็บให้มังกรเหมาหนักขึ้นไปอีก แต่ที่หนักที่สุด เห็นจะเป็นกรณีนายพลไช่ถิงข่าย ผู้นำทัพลู่ที่ 19 ที่สร้างผลงานในการสู้รบต่อต้านญี่ปุ่นที่เซียงไฮ้ได้อย่างชนะใจประชาชนจีน แต่เจียงก็ไม่สนใจ กลับมีคำสั่งให้นายพลผู้นี้เคลื่อนย้ายกองทหารเข้าฟูเจี้ยน เพื่อหันไปรบกับคอมมิวนิสต์ต่อ ทั้ง ๆ ที่ซามูไร จ่อคอหอยอยู่อย่างนั้น ผลก็คือ นายพลไช่ถิงข่าว น๊อตหลุด ประกาศไม่รับฟังคำสั่งจากเจียงไคเช๊กอีกต่อไป เป็นอันว่าเสร็จเฮียเหมาเขาไปอีกคน โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเลย นี่แหละผลของการไม่ทำสงครามมวลชน ไม่สนใจเกมการเมือง จากคุณ : ข่าย (สื่อศิลป) - [ 31 ก.ค. 49 17:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตามอ่านด้วยความปิติ..รอต่ออยู่จ้า.. จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ส.ค. 49 13:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คลานตามมาอ่าน จากคุณ : ทองเบิ้ม (ทองเบิ้ม) - [ 1 ส.ค. 49 14:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 กรณีนายพลไชถิงข่ายเป็นกบฎต่อเจียงนี้  เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะเจียงเห็นแก่ผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าประเทศชาติ  ท่านนายพลเลยกระโดดหนี ซึ่งกรณีอย่างนี้พรรคคอมมิวนิสต์น่าจะฉวยโอกาสเชิญชวนให้เข้าร่วมเป็นพวก ซึ่งแกก็น่าจะเต็มใจอยู่แล้ว แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น  เพราะการนำของป๋อกู่แห่ง 28 บอลเชวิก  เขาเห็นว่า นายพลคนนี้เคยเป็นผู้ต่อต้านคอมมิวนิสต์มาก่อน จึงรับไม่ได้  ถ้าจะต้องไปร่วมมือกับเขา ยิ่ง หวางหมิงที่ช่วงนั้นอยู่ที่มอสโคว์ ถึงกับบอกว่า ถ้าจะให้จับมือกับนายคนนี้ ขอถ่มน้ำลายรดหน้าก่อนได้ไหม สุดท้ายแล้ว พคจ.ก็เลยไม่ได้ร่วมมือกับนายพลข่าย ซึ่งมีกำลังพลอยู่ถึง 2 หมื่นคน ทำให้ต้องต่อสู้กับกองทัพของเจียงอย่างเดียวดาย   และแพ้พ่ายไปเพียงในเวลา 2 สัปดาห์เท่านั้นเอง จากคุณ : ฟูเจี้ยน (สื่อศิลป) - [ 1 ส.ค. 49 14:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ชัยชนะที่เกิดจากการต้านการล้อมปราบถึง 3 ครั้ง 3 ครา ทั้ง ๆ ที่กำลังทหารต่างกันราวฟ้ากับเหว  ทำให้กองทัพแดงฮึกเหิมขึ้นมาก และคงได้ชัยชนะได้ไม่ยาก ถ้าไม่มี 28 บอลเชวิก เข้ามาชี้นำ แนวคิดทางยุทธศาสตร์ของ 28 บอลเชวิก ก็ยังคงเป็นบอลเชวิกอยู่วันยังค่ำ  ขระที่เหมานั้น ใช้หลักการของการรบแบบจรยุทธ์ที่เหมาะกับผู้ที่มีกำลังน้อยกว่า นั่นคือ  1.  ไม่ให้ความสำคัญกับการยึดพื้นที่  ตลอดเวลาของการทำศึกล้อมปราบ  กองทัพแดง เดินทางอยู่ตลอดเวลา  ซึ่งถ้าเราได้ไปดูหนังจีนเกี่ยวกับสงครามตอนนี้  จะเห็นว่ายุทธวิธีของประธานเหมาคือให้กองทัพแดงข้ามแม่น้ำ 3 รอบ 4 รอบ เพื่อหลอกล่อกองทัพของเจียงไปมาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งยุทธวิธีแบบนี้ ถึงกำลังทหารมากกว่าก็ไม่ได้เปรียบ เพราะไม่ได้เข้าตีกันตรง  ๆ แต่แนวทางยุทธศาสตร์ของ 28 บอลเชวิก กลับไม่เป็นแบบนั้น  เขาเห็นว่า การได้ชัยชนะมาถึง 3 ครั้ง (รวมทั้งครั้งที่ 4 ที่เริ่มเปลี่ยนยุทธวิธีแล้ว ทำให้บอลเชวิกชะล่าใจมาก) กองทัพแดง ควรจะปักหลักสู้แบบเต็มตัวได้แล้ว นั่นหมายถึงว่า กองทัพต้องรบแบบกองทหาร ไม่ใช่กองโจร คำสั่งของศูนย์การนำพรรค คือ กองทัพแดง ต้องเตรียมการทำสงครามป้อมค่าย และ รักษาพื้นที่เขตโซเวียต หรือเขตยึดครองเอาไว้ให้ได้ ซึ่งต่างจากการรบแบบเหมาอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าเหมาไม่เห็นด้วยกับศูนย์การนำพรรค แต่เมื่อพยายามคัดค้าน ประกอบกับอาการของมาลาเรียกำเริบจนต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นช่องให้ป๋อกู่ และแกนนำ ประกาศจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมกองทัพใหม่ ไม่มี เหมา เจ๋อ ตุง เป็นผู้นำ หรือแม้แต่กรรมการร่วม การนำทัพครั้งใหม่นี้จึงตกมาเป็นของโจว เอิน ไหล ที่ตอนนั้น  ยังคงเชื่อว่า แนวทางของคณะกรรมการบริหารพรรคอยู่ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ในภายหลังว่าผิดพลาดอย่างยิ่ง คงเป็นเพราะเหตุนี้ด้วยมั๊ง ที่ทำให้ โจว เอิน ไหล ยอมเป็นรองประธานเหมาไปชั่วชีวิต จากคุณ : โจว (สื่อศิลป) - [ 1 ส.ค. 49 15:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 การล้อมปราบครั้งที่ 5 เกิดขึ้น โดยทั้ง 2 ฝ่ายต่างเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีของตนเอง ฝ่ายเจียงนั้น อาจจะไม่นับได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีนัก เพราะในความจริงคือได้รับน้ำเลี้ยงดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ จากการได้รับเงินกู้ทั้งจขากอังกฤษและอเมริกา ที่กลัวคอมมิวนิสต์จับใจ (ก็ตัวเองกำลังเสวยสุขอยูในเขตเช่าขนาดนั้น จะยอมให้เจียงหล่นจากเก้าอี้ได้ไง) ขณะเดียวกันก็ได้รับการสนับสนุนทางด้านที่ปรึกษาทางการทหารจากเยอรมันที่ส่งระดับยอดขุนพลมาเป็นที่ปรึกษาเยอะแยะไปหมด โดยมีระดับสุดยอด คือ นายพลฮันด์ ฟอลด์ ชีค เป็นผู้นำ พร้อมด้วยการระดมกำลังทหารครั้งประวัติศาสตร์กว่า 1 ล้านคน พรั่งพร้อมด้วยอาวุธยุทโะปกรณ์นานาชนิด ทั้งรถถัง เครื่องบิน ปืนใหญ่ ทั้งหมดนี้เพื่อไล่จับตั๊กแตนเหมาให้ได้ จากคุณ : เหมา (สื่อศิลป) - [ 1 ส.ค. 49 18:36:38 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ยุทธวิธีการรบของก๊กมินตั๋งยังเป็นเช่นเดิม คือ ระดมกำลังโอบล้อมทั้งปีกซ้ายและขวา บีบกรงเล็บเข้ามาเรื่อย ๆ เพื่อให้กองทัพแดงติดกับอยู่ตรงกลาง แล้วจึงบดขยี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของผู้มีจำนวนทหารและศักยภาพการรบที่เหนือกว่าต้องใช้ยุทธวิธีเช่นนี้ ขระเดียวกัน ผู้มีทหารน้อยกว่า หลักพื้นฐานคือต้องหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรง  แต่ให้เลือกตีจุดที่อ่อนแอที่สุดของข้าศึกไปที่ละจุด ซึ่้งผู้ใช้ยุทธวิธีนี้ให้ประสบความสำเร็๋จ ต้องมีการเคลื่อนทัพที่รวดเร็วคล่องตัวเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะต้องโผล่ตรงโน้นที โผล่ตรงนี้ที ขระที่ทัพใหญ่ คนเยอะ จะอุ้ยอ้ายเคลื่อนย้ายลำบาก ตกเป็นเป้านิ่งให้กองจรยุทธิ์เข้าตีอย่างฉาบฉวยเพื่อทอนกำลังได้ เหมือนกับที่ ร.1ของไทยใช้ยุทธวิธีเช่นนี้ในการยันกองทัพพม่าที่ยกมาถึง 9 ทัพได้ แต่กองทัพแดง ในยามที่ไร้ผู้นำที่ชื่อเหมาเจ๋อตุง กลับทำตรงกันข้าม ด้วยการชี้แนะของป๋อกู่ และหลี่เต๋อ ภายใต้การนำโดยตำแหน่งประธานคณะกรรมการทหารของโจเอินไหล ทหารแดงเลือกที่จะใช้วิธีเข้าปะทะโดยตรง เพื่อยันกองทัพก๊มินตั๋งไว้ไม่ให้รุกเข้าเขตโซเวียต หรือเขตปกครองของ พคจ.ได้ ทั้ง ๆ ที่กำลังน้อยกว่านับสิบนับร้อยเท่า ผลก็คือ เพียงการรบผ่านไปไม่นาน กองทัพแดงก็สูญเสียกำลังพลไปถึง 1 ใน 3 เสียพื้นที่ยึดครองที่ได้มาเมื่อครั้งทำสงครามล้อมปราบครั้งก่อน ๆ ไปเกือบหมดสิ้น เหมาเองในฐานะทหารคนหนึ่ง ก็โดนไข้มาลาเรียเล่นงานจนต้องหามส่งโรงพยาบาลไปอีกรอบ จากคุณ : หลี่เต๋อ (สื่อศิลป) - [ 1 ส.ค. 49 18:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 34 การล้อมปราบครั้งที่ 5 ดำเนินไปไม่กี่เดือน กองทัพแดงก็เริ่มยอมรับสภาพของการพ่ายแพ้ที่กำลังจะมาเยือน คำตอบสุดท้ายที่เหล่าผู้นำจะตอบให้กับบรรดาทหารหาญที่เอาเลือดเนื้อและชีวิตเข้าแลกกับงานปฎิวัติได้นั้นก็เหลือประการเดียว คือ ถอย แต่ปัญหาคือจะถอยไปที่ไหน เพราะวงล้อมของก๊กมินตั๋งแน่นหนาขึ้นทุกวันจนกระทั่งส่งผลกระทบต่อการลำเลียงเสีบยงจากนอกเขตสู้รบมาสนับสนุนกองทัพแดงได้ สุดท้ายคณะกรรมการศูนย์กลางพรรคก็ต้องไปหามเอาเหมาเจ๋อตุงออกมาจากโรงพยาบาล หรือถ้าจะพูดให้ถูกกว่านั้นก็คือปล่อยเหมาออกมาจากการกักบริเวณในบ้านพักของตัวเอง เหมือนที่ออง ซาน ซูจี โดนอยู่ยามนี้ เพื่อมาเป็นหนึ่งในสภาการทหาร เพื่อชี้นำการล่าถอยของกองทัพแดงออกไปให้พ้นจากวงล้อมของหายนะ สภากองทัพในขระนั้นประกอบไปด้วย  เหมา เจ๋อ ตุง  โจวเอินไหล จูเต๋อ หวังเจียเสียง  และที่ขาดไม่ได้ คือ ป๋อกู่ และหลี่เต๋อ หรือออตโต บราวน์ เ้าของไอเดียเดินหน้าชนนั่นเอง จากคุณ : ออตโต (สื่อศิลป) - [ 1 ส.ค. 49 18:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนนั้น ป๋อกู่กับหลี่เต๋อ เห็นพ้องกันว่า จะต้องถอยทัพไปสมทบกับทัพของเฮ่อหลง ขุนพลอีกคนนึงของกองทัพแดง ที่ชุมนุมพลกันอยู่ที่หูหนาน หูเป่ย แม้ว่าเหมาจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการเดินทัพถอยไปหาเฮ่อหลงที่หูหนาน  แต่เนื่องจากช่วงนั้น เหมาพึ่งจะพึ่งได้รับการยอมรับให้กลับมานำกองทัพแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทำให้เหมายังไม่กล้าคัดค้านความคิดของป๋อกู่เท่าไรนัก ปี 1934 กองทัพแดง 3 แสนคน จึงตัดสินใจที่จะเถอยหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งต่อมารู้จักกันดีในนามของ "การเดินทัพทางไกล 25,000 ลี้ อันลือลั่น แต่ในยามนั้น ทั้งนายและลูกน้อง ไม่ได้คาดคิดเลยว่า กำลังดำเนินกืจกรรมทางประวัติศาสตร์อยู่ ทุกคนคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรจึงจะแหวกวงล้อมก๊กมินตั๋งไปได้ก่อนที่จะสลายทั้งกองทัพ เื่มื่อศูนย์การนำตัดสินใจแล้ว  กองทัพก็จัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ส่วนแรก ประมาณ 1 แสนคน คือ กลุ่มที่เป็นกำลังหลักที่จะต้องอพยพออกไปพร้อม ๆ กัน ส่นที่สองอีกประมาณ 1 แสน 5 หมื่นคน ต้องทยอยแยกย้ายกันออกไปเป็นกองจรยุทธ์ค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านข้าศึกเล้ดลอดออกไปกันเอง ส่นอีก 5 หมื่นคนสุดท้าย คือผู้ที่จะต้องปักหลักอยู่ที่ฐานที่มั่นรุ่ยจิง เพื่อต้านกองัพของก๊กมินตั๋งเอาไว้ให้นานที่สุด เพื่อให้กลุ่มที่ต้องเดินทัพ สามารถเดินทางออกไปได้โดยปลอดภัย หนึ่งในห้าหมื่นคนสุดท้ายที่หยัดยืนอยู่ในฐานที่มั่นรุ่ยจิงนี้ คือ เหมา เจ๋อ ถาน น้องชายของเหมา เจ๋อ ตุง ผู้ที่ทำหน้าที่ตามหาเหล่าผู้นำทัพแดง เมื่อครั้งที่แตกพ่ายจากการลุกฮือในเมือง และเหมาไปตั้งมั่นบนเขาจิงกังนั่นเอง เหมา เจ๋อ ถาน อยู่ที่ฐานที่มั่นจนนาทีสุดท้าย และถูกทหาสรนก๊กมินตั๋งจับได้ ก่อนจะถูกประหารในที่สุด ไม่ทันได้เห็นพี่ชายตัวเองสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้สมัยใหม่ แต่อย่างใด จากคุณ : เหมา เจ๋อ ถาน (สื่อศิลป) - [ 1 ส.ค. 49 19:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อุแม่เจ้า วันนี้อาจารย์สื่อฯ ตั้ง 5 กระทู้รวด แกฟิตแฮะ สงสัยจะลืมวัย เอาน่าครับ อาจารย์สื่อฯ อยากทำอะไรก็ทำไปเถิด ถ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน อย่าคิดมาก เราก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เกิดมาบนโลกนี้ ส่วนข้าเจ้าขอตัวจรรีไปก่อน ไว้จะมาแทรกเมื่อชาติตองการ อิอิ... จากคุณ : ryzon - [ 1 ส.ค. 49 20:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตาม มา ดู (คิดถึงคนตั้งกระทู้จัง ..... งิ๋งๆๆ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 2 ส.ค. 49 03:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 38 การถอยร่น หรือการแพ้เป็นครั้งแรก หลังจากผ่านศึกล้อมปราบมาได้ถึง 4 ครั้ง  ในเวลาต่อมาก็คือ การเดินทัพทางไกล 25,000 ลี้อันเกรียงไกร และสร้างชื่อให้กับกองทัพแดงเป็นเกียรติภูมิกองทัพระดับตำนานในประวัติศาสตร์การศึกของโลกนั่นเอง แต่ตอนนั้น ถ้าให้เลือกได้ ทั้งนายทั้งบ่าวของกองทัพแดง คงไม่มีใครอยากจะสร้างตำนานนี้เป็นแน่ โดยเฉพาะเหมา เจ๋อ ตุง ที่รู้สึกอยู่เสมอว่า หากเขาได้เป็นผู้นำทัพในการสู้สึกล้อมปราบครั้งที่ 5 ตั้งแต่ทีแรก กองทัพแดงคงไม่ต้องจำใจสร้างวีรกรรมบันลือโลกในครั้งนี้ก็ได้ เพราะเหมาไม่เห็นด้วยกับป๋อกู่ตั้งแต่ยุทธวิธีในการรบ จนกระทั่งเป้าหมายในการเดินทัพทางไกลครั้งนี้ แต่เมื่อเป็นมติศูนย์กลางพรรค เหมาก็ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทำตามไป พร้อม ๆ กับการสูญเสียลูกชายเล็ก  ๆ 2 คนที่เกิดจากภรรยาคนแรก  เพราะติดวินัยกองทัพว่า ผู้ตามทัพแดงไปได้ ต้องช่วยเหลือตัวเองได้ไม่เป็นภาระกับผู้อื่น แต่ลูกของเหมายังเล็กเกินไป ทำให้ต้องฝากมวลชนในพื้นที่เลี้ยงเอาไว้  และตามประวัติของเหมาก็ระบุว่า เหมาไม่เคยได้เจอลูกชาย 2 คนนี้อีกเลย แม้กระทั่งเดินทัพไปแล้ว และเมียคนแรกของเหมา ตั้งท้องลูกคนที่ 3 ก็ยังแท้งระหว่างเดินทัพเสียอีก จากคุณ : เฮ่อจือจิ่น (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 13:32:37 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่้าว แล้วคนเขียนกระทู้ละ  คุณพี่สี่ตาขา จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 13:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 40 รูป ครับ ตาม น้าสื่อ Request ป๋อกู่ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 2 ส.ค. 49 14:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 41 หวาง หมิง จากคุณ : Natt_ac121 - [ 2 ส.ค. 49 14:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เหมา เจ๋อ ถาน หรือ เหมา เจ๋อ หลิง จากคุณ : Natt_ac121 - [ 2 ส.ค. 49 14:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โจว เอิน ไหล จากคุณ : Natt_ac121 - [ 2 ส.ค. 49 15:04:21 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อันนี้ พิเศษ ให้พี่กะสะลอง เหมาภาคหัวล้านปรกติ น่าจะเคยเห็นกันมาแล้วมั้งครับ อันนี้ ภาค พิเศษ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 2 ส.ค. 49 15:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 45 จูเต๋อ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 2 ส.ค. 49 15:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เครดิต ทั้งหมดจาก วิกกี้ พีเดีย, ไป๋ ตู้, กูเกิล รูปสุดท้าย หลี่เต๋อครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 2 ส.ค. 49 15:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มีการฝากข่าวกับอีกกระทู้หนึ่งเสียด้วยซิครับ ... จักรพรรดิปูยีขณะที่ปกครองแมนจูกัว ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 1932 ( ภาพจาก csuchico.edu ) จากคุณ : sofatboy - [ 2 ส.ค. 49 15:28:56 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จักรพรรดิ์ปูยีขณะสนทนากับเจ้าหน้าที่ทหาร จากคุณ : sofatboy - [ 2 ส.ค. 49 15:31:27 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามาฮากับของฝากของคุณกาสะลอง.. อีตาสื่อศิลปไปบ่นน้อยอกน้อยใจที่หลานๆไม่มาแปะรูป.. คราวนี้ส่งกันเป็นชุดเลย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 2 ส.ค. 49 15:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตามมางิ๋งๆกับคุณ Tweety สี่ตา ด้วย.. แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 49 15:48:09 จากคุณ : WIWANDA - [ 2 ส.ค. 49 15:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 51 Mr. Reginald Johnston / Sir Reginald Fleming Johnston (1874–1938) ได้ถูกเลือกให้เป็นพระอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ให้กับจักรพรรดิปูยี ในหนังเรื่อง The Last Emperor แสดงโดย ปีเตอร์ โอทูล ... เขาว่ากันว่า น่าจะมีอิทธิพล ทางความคิดกับปูยีมากพอสมควร ต่อมาได้เขียนหนังสือ ชื่อ  Twilight in the Forbidden City ที่ตีพิมพ์ครั้งแรก ในปี 1934  หนังสือเล่มนี้ผู้กำกับ Bernardo Bertolucci นำมาเป็นใช้อ้างอิงในการสร้างหนังเรื่องนี้ด้วยครับ ภาพจาก talesofoldchina จากคุณ : sofatboy - [ 2 ส.ค. 49 16:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไม่คิดถึงคนเขียนหรอก ...   แบร้ๆๆ  :p (แหม   หัวล้านแล้วแน่ๆ จารย์สื่อนี่  ไม่คิดแล้วจะตามมาอ่านทำไมเนี่ยเอ๊อ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 2 ส.ค. 49 17:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 53 แหม  ให้มันได้ยังงี้สิ ก็หน้าพี่ป๋อกู่ เขาออกจะหล่อเหลาปานนั้น นี้ถ้าเขานำทางการปฎิวัติอย่างชาญฉลาด และรู้จริงถึงพื้นฐานสังคมจีนเหมือนกับเหมา เจ๋อ ตุง ละก็ ผู้นำการปฎิวัติจีนอาจจะหล่อกว่า อีตาหัวล้านลงพุงเอกเขนกสูบซิการ์ (ไปเลียนแบบเชอร์ชิลเขาทำไม มีหนังอยู่เรื่องนึง จำไม่ได้แล้ว เป็นฉากที่เชอร์ชิลเรียก ลอร์ดหลุยเมาแบตแทนเข้ามารับฟังคำสั่งให้ไปดูแลการสงครามฝั่งตะวันออกไกล ขณะที่เชอร์ชิลกำลังนอนอาบน้ำอยู่ในอ่าง แถมสูบซิการ์พ่นควันฉุย  ไม่รู้เรื่องจริงหรือเปล่า) ขอบคุณสำหรับทุกรูปครับ แต่ถ้าจะยอดเยี่ยมกว่านี้อีกนิด ลองช่วยหารูปท่านรองโจวเอินไหลสมัยศึกล้อมปราบที่ท่านไว้หนวดไว้เคราด้วยสิครับ รับรองว่าจะแปลกตาดี เพราะส่วนใหญ่จะเห็นภาพตอนท่านหน้าเรียบ ๆ คิ้วหนา ๆ มากกว่า แต่ถ้าเราไปดูหนังของจีนเกี่ยวกับการปฎิวัติช่วงนั้น รองโจวจะไว้หนวดไว้เคราด้วยครับ เอ้อ ได้คืบจะเอาศอกแน่ะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ทีแรกนึกว่าจะไม่มีรูปคั่นสายตา ก็เลยไปเอารูปที่ไปถ่ายที่เวียงจันยามนั้นมาให้ดู แต่พอเตรียมเสร็จแล้ว ก็เห็นฝีมือคุณSofat เข้าพอดี  แต่เพื่อไม่ให้เสียความตั้งใจ ก็ขอเอามาแทรกให้ดูแก้เซ็งแล้วกัน ถ่ายด้วยมือถือครับ คุณภาพอาจจะแย่หน่อย จากคุณ : สื่อศิลป - [ 2 ส.ค. 49 18:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อีกรูปนึงนะ จากคุณ : พระธาตุหลวงในวันฟ้าหม่น (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:24:28 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อีกมุมนึงของวัดสีสะเกด จากคุณ : แสงเงาที่วัดสีสะเกด (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อ้าวรูปหาย เอาใหม่ จากคุณ : แสงเงาที่วัดสะเกด (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อดีตเคยรุ่ง จากคุณ : หอพระแก้ว (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 59 อัตตาด้อยกว่าธรรมะ จากคุณ : แหงนหน้ามองพระธาตุ (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 60 วัดช่อฟ้ากลางหลังคาแดง จากคุณ : ศิลปส่องทางกัน (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ในเงาแดด แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 49 13:44:28 จากคุณ : คือความมืด (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อีกมุมขององค์พระธาตุ จากคุณ : อีกด้านของพระธรรม (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 63 รูปหายอีกแล้ว เอาใหม่อีกที จากคุณ : อีกด้านของพระธรรม (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ช่อฟ้า จากคุณ : หลังคาแดง (สื่อศิลป) - [ 2 ส.ค. 49 18:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คคห.ที่ 53..แก้ด่วน...!! เพราะ ท่านลอร์ดหลุยส์เป็นพระราชวงค์ เป็นถึงพระปิตุลาของสมเด็จพระนางเจ้าอะลิซาเบธที่สอง.. เป็นไปไม่ได้ ที่เชอร์ชิลล์จะบังอาจเอื้อมตีเสมอ... เรื่องมันเป็นอย่างนี้...เชอร์ชิลล์ไปอเมริกาในปี 1943 เพื่อที่จะพบปะหารือกับ ปธน. รูสเวลท์ สำหรับการประชุมที่ยัลต้า..และเป็นแขกที่พำนักในทำเนียบขาว.. เช้าวันหนึ่ง..รูสเวลต์เดินไปหาเพื่อพบเป็นการส่วนตัวตามที่นัดเอาไว้..(ปรากฏว่า ทั่นนายกเชอร์ชิลล์เกิดลืม..นอนแช่น้ำเพลิน) ฝ่ายทส. ก็บอกว่า..ท่านเชอร์ชิลล์กำลังอาบน้ำอยู่ รูสเวลต์รีบขอโทษ..มีการทักทายพูดคุยกันตามปรกติ.. ก่อนที่จะหันหลังกลับ.. เชอรฺชิลล์ได้ยินเสียง..ก็ออกมาทั้งๆที่ยังล้อนจ้อน ปากคาบซิการ์   รูสเวลต์..ตกตะลึง...ยืนนิ่ง..อ้าปากค้าง..ตาเบิกโพลง.. เชอร์ชิลล์เลย(แกล้งๆ)ดุเอาว่า.. "What are you staring at, homo?" จากคุณ : WIWANDA - [ 2 ส.ค. 49 23:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 66 โจวเอินไหล ตอนที่มีหนวด ... เอาใจสุดฤทธิ์ จากคุณ : sofatboy - [ 3 ส.ค. 49 07:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ได้ครับพี่  (อีกหน่อยจะต่อดีครับผม เหมาะสมครับท่าน  แหม ผมนี่ถ้ารับราชการน่าจะรุ่งเรืองดีนะ) คืออย่างว่าแหละครับ จำได้เลา ๆ ยังนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่า มันเป็นหนังเรื่องอะไร คือพื้นฐานมันก็มาจากหนังแล้วละ  ไม่ใช่หนังสือประวัติศาตร์ประเภทอ้างอิงได้ พอเห็นภาพเฮียเหมาแบบนั้นก็๋เลยนึกขึ้นได้ แล้วเอามาพูดเล่น ๆ ขำ ๆ ก็ขอแก้ตามนั้นแล้วกันครับ ส่วนคุณน้อง sofat ก็สุดยอดจริง ๆ ผมชอบรูปรองโจวที่มีหนวดมีเคราตรงที่ว่า เมื่อเทียบผู้นำคนอื่น ๆ ในวัยชราแล้ว ผมว่า นายกฯโจว หน้าตาแกเปลี่ยนไปเยอะสุดนะ เห็นหน้าแบบนี้แล้วนึกภาพตอนท่านมีอายุไม่ค่อยออกเลย มีเรื่องมาเมาท์ให้ฟังอีกเรื่องนึง  พอดีช่วงนี้กำลังเขียนเรื่องของจีน ก็เลยเดินท่อม ๆ ไปหาซื้อซีดีหนังจีนแดงที่มีเรื่องเกี่ยวกับการสงครามล้อมปราบคราวนี้ ทีนี้หนังจีนแดงนี่ เข็ดมาตั้งแต่เรื่องสงครามฝิ่นแล้ว  ที่ฝีมือเขายังไม่ค่อยเท่าไร แต่เมื่อไหน ๆ ก็ไหน ๆ ก็เลยลองซื้อมาดู เพราะราคามันปรับลดลงมาเหลือแค่ไม่ถึงร้อย จากเดิมที่ร้อยห้าสิบ ที่คิดว่ามันน่าจะแพงไป ทีนี้มันมีตั้งหลายเรื่องหลายแผ่น ไม่รู้จะเลือกอันไหนดี ก็เลยหยิบมั่ว ๆ มาแผ่นนึง เป้นแบบกล่องเล็ก ไม่ใช่กล่องยาว ๆ ปรากฎว่าเมื่อเอามาดูแล้ว ก็โอเคครับ แม้ว่าโปรดักชั่นอาจจะออกแนวละครไปหน่อย  แต่น่าสนใจตรงที่ว่าเขาเลือกตัวแสดงมาเล่นได้เหมือนมาก   โดยเฉพาะเฮียเหมากับมาดเท้าสะเอวนี่ เรียกอารมณ์ผู้นำปฎิวัติได้เลย ส่วนเนื้อเรื่องก็เป็นเรื่องศึกล้อมปราบนี่แหละครับ เมื่อเห็นว่าพอไหว คุ้มราคากับเวลาที่ต้องดูร่วม 2 ชั่วโมง  ก็เลยเหิมเกริม ไปหาซื้อแผ่นอื่นมาดูอีก ทีนี้ก็เกิดปัญหาสิ เพราะว่า มันมี 2 แบบ คือ แบบกล่องเล้ก กับกล่อง ยาว ๆ ส่วนเนื้อเรื่องมันก็คือเหตุการณ์เดียวกันนั่นแหละ ก็เลยไม่มั่นใจ เพราะพอรู้ทางพวกซีดีราคาถูกอยู่ว่าชอบย้อมแมวขาย  กลัวว่าจะแผ่นเดียวกันเปลี่ยนปกมาหลอกขายหรือเปล่าวะ หันซ้ายหันขวา หาคนขายสาว ๆ ไม่ได้ เห็นไอ้ตี๋หนุ่มนั่งยอง ๆ เช็ดแผ่นอยู่ข้าง ๆ ก็เลยกวักมือเรียกมาถามข้อสงกะสังทันที น้อง ๆ ไอ้แผ่นนี้ (ชี้ไปที่กล่องเล็กมาตรฐาน) มันจะซ้ำกับกล่องนี้ไหม (หยิบกล่งยาว ๆ มาให้ดู) เพราะพี่ซื้อแบบกล่องเล็กไปแล้ว กลัวว่าเดี๋ยวจะซ้ำกัน คือว่าความเข้าใจของเรา เห็นว่ามันเป็นเรื่องของสงครามล้อมปราบเหมือนกัน ก็กลัวว่าจะซ้ำกัน แต่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น ไอ้น้องนั่นมันทำท่างง ๆ อยู่พักนึง  แล้วก็ตอบฉะฉานอย่างมั่นใจว่า ไม่ซ้ำหรอกครับพี่ (ดีแล้ว ถ้าเรียกลุงกรูจะไม่ซื้อ) เพราะไอ้กล่องนี้ (ชี้ไปที่กล่องเล็ก )  มันชื่อว่าศึกแม่น้ำสีเลือด  ส่วนไอ้กล่องยาวนี่ มันชื่อว่า สงครามกู้แผ่นดิน เอ้อ  พึ่งเข้าใจคำโบราณที่ว่า รู้มากยากนาน ก็วันนี้แหละ คือจริง ๆ แล้ว มีแต่เรานี่แหละ ที่ไปสนใจว่า นี่มันเป็นเรื่องของสงครามล้อมปราบครั้งที่ 1-4 ที่ไม่ใช่การเดินทัพทางไกล พอเห็นว่าอีกแผ่นมันมีเนื้อหาคล้าย ๆ กันก็เกรงว่ามันจะซ้ำ แต่เด็ดคนขายเขาไม่ได้มาสนใจด้วยนี่ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนนำพากองทัพแดง ฝ่าการล้อมปราบของกองทัพก๊กมินตั๋งและกลุ่มขุนศึก ออกมาได้ไง เขาก็ดูแค่ชื่อว่ามันไม่เหมือนกัน ก็แสดงว่าไม่ซ้ำกันแล้ว เนอะ รู้มากก็ใช่ว่าจะสบายเร็วอย่างที่เขาว่าจริง ๆ นั่นแหละ ก็ตอนที่ผมไปยืนเพ่งพินิจหน้าเคาเตอร์เลือกซีดีนะ มันเกือบ 15 นาทีเชียวนะ ที่ตัดสินใจไม่ได้ แต่ไอ้น้องนี่มันใช้เวลาคิดแค่ไม่น่าจะเกิน 15 วินาทีเท่านั้น แถมพอเอากลับไปเปิดดูที่บ้านแล้ว มันก็ไม่ซ้ำกันจริง ๆ นั่นแหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ส.ค. 49 11:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ใครว่าไม่เหมือน แต่ผมว่าเหมือนนะ โจวภาคโกนเครา ณ จิ่งกังซาน ปล, ขอโทษฮะ ตัดต่อได้น่าเกลียดชมัด จากคุณ : Natt_ac121 - [ 3 ส.ค. 49 12:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หนังน่ะ เก็บไว้ดีๆนะ..จะได้ขอดูมั่ง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 3 ส.ค. 49 12:47:04 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ไม่ต้องห่วงพี่ ขอให้มาจริง ๆ สักทีเหอะ สมาชิกเขารอพี่กลับมาหลายปีแล้ว หนังสือที่ซื้อไว้ให้  ปลวกมันก็เอาทำรังเรียบร้อยแล้ว ส่วนวีดีโอที่เที่ยวไปเสาะมาทั่ว เขาก็เปลี่ยนเทคโนโลยีเป็นแผ่นซีดีไปหมดแล้วเหมือนกัน ส่วนนายกฯโจวนี่ ที่ผมว่าไม่เหมือน คือ อารมณ์แกตอนแก่นี่เหมือนคุณลุงใจดีเอามาก ๆ แต่ตอนหนุ่ม ๆ ไว้เคราไว้หนวด มันเหมือนโจรโทรม ๆ ยังไงไม่รู้ เหมาตอนหนุ่ม ๆ ยังดูเหมือนจิ๊กโก๋อกหักแบบพี่อัศนี ดูดีกว่าเยอะ ผิดกับตอนแก่ เหมือนคนเลอะ ๆ ยังไงก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ภูมิหลังแก ดูเหมือนจะมีการศึกษา มีชาติตระกูล มากกว่าผู้นำคนอื่น ๆ อีกนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 3 ส.ค. 49 13:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 71 และแล้วเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 1935 กองทัพแดง ก็ได้เริ่มถอนตัวจากที่มั่น  ที่แม้ว่าภายหลังจะมีการขนานนามการเดินทัพครั้งนี้ว่าเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการต่อสู้ แต่ตอนนั้น นี่เป็นเพียงการหนีตาย หนีจากการล่มสลายทั้งกองทัพเท่านั้นเอง การบัญชาการทัพในครั้งนั้น จะมีจูเต๊อะ เป็นผบ. มีเผิงเต๊อะไหว เป็นรองผบ. เย่เจี้ยนอิง เป็นเสนาธิการ  หลิวป๋อฉิง เป็นหัวหน้ายุทธการ ส่วนเหมาเองเป็นแค่ทหารคนนึงที่ร่วมเดินทัพไปด้วยเท่านั้น  แถมไม่ใช่ชุุดแรกที่ไปอีกต่างหาก เพราะกว่าเหมาจะเริ่มเดินทางก็อีก 2 สัปดาห์ต่อมาเข้าไปแล้ว และการนำทั้งหมดก็ยังคงอยู่กับป๋อกู่ ที่ไม่ได้มีแผนยุทธศาสตร์อะไรเลย นอกจากกระเซอะกระเซิงหนีตายไปสมทบกับทัพของเฮ่อหลงให้ได้เท่านั้น จากคุณ : เฮ่อหลง (สื่อศิลป) - [ 3 ส.ค. 49 18:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 72 การเดินทัพทางไกล หรือการซมซานหนีตายของกองทัพแดงในครั้งนั้น ประสบความยากลำบากอย่างแสนสาหัส มีการสูญเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก  เพราะมีการปะทะกับข้าศึกอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะผิดพลาดและเสียหายอย่างหนักขนาดนี้แล้วก็ตาม แต่การนำก็ยังคงอยู่กับป๋อกู่ที่ยังยืนยันให้ไปสมทบกับเฮ่หลงตามเดิม ขณะที่เหมา ซึ่งยังเป็นแค่ผู้นำเสียงข้างน้อย เห็นว่าไม่ควรที่จะไปตามเส้นทางนั้น  แต่ไม่มีใครฟัง (ลูกสาวเติ้งเสี่ยวผิงเคยถามพ่อของตัวว่า ตอนเดินทัพทางไกล พ่อทำอะไร  เติ้งตอบสั้น ๆ ว่า ก็เดินตามทัพไป) จนกระทั่งเดือนธันวาคม กองทัพแดงเดินทัพมาถึงตงเถา ชายแดนกุ้ยโจว เหมา ได้เรียกร้องอีกครั้งว่า อย่าเดินทัพไปหาเฮ่อหลง แต่ให้เปลี่ยนทิศเข้าไปยึดมณฑลกุ้ยโจวแทน เพราะที่นั้น กองทัพของขุนศึกประจำมณฑลอ่อนแอ ทัพแดงน่าจะเข้ายึดเป็นฐานที่มั่นได้ พรุ่งนี้มาต่อแล้วกันนะ ว่าทัพแดงจะไปรอดหรือไม่ จากคุณ : กุ้ยโจว (สื่อศิลป) - [ 3 ส.ค. 49 19:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ................กร๊ากกกกกก............ คุณ Natt เนี่ย  น่ารักจังเลยค่ะ! อุตสาห์ส่งรูป Rate X มาแปะไว้กลางกระทู้     พี่ขอ save ไว้ใน my picture เลยนะคะ เผื่อคืนไหนนอนไม่หลับ  จะได้เอาออกมาดู   แต่ถ้าจะให้ภาพสมบูรณ์อีกนิด  พี่ว่าน่าจะหาชะลอมมาครอบเอาไว้หน่อยน่าจะดีนะคะ   เสร็จแล้วเอาไม้คานมาสอดตรงกลาง คุณ Natt หามด้านหัว  พี่หามด้านหาง!   ok ไหมคะ? ดูภาพก่อนนอนคืนนี้  อาจจะฝันว่าได้กินคากิ...ฮิ ฮิ ฮิ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 3 ส.ค. 49 22:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 74 จะหามเฮียเหมาผมไปไหน เดี๋ยวแกน้อยใจไม่มาแสดงให้ดูหรอก กองทัพแดงฝ่าด่านทหารก๊กมินตั๋งอย่างสะบักสะบอม กว่าจะมาตงเถาที่เป็นรอยต่อระหว่างหูหนานกับกุ้ยโจได้ ที่ตงเถานี้เองที่เหมาแสดงอิทธิฤทธิ์อีกครั้ง ด้วยการเรียกร้องให้มีการประชุมขึ้นเพื่อคัดค้านไม่ให้ถอยทัพไปหาเฮ่อหลง  (คุณSofat ฝากหาอีกคน  แม่ทัพแดงคนนี้มีหนวดอีกเหมือนกัน) สิ่งที่เหมาเสนอคือทัพแดงควรที่จะเข้ายึดเมืองแถว ๆ นี้สักเมือง เป็นฐานที่มั่นพักพล เพราะขุนศึกแถวนี้ไม่ค่อยเข็มแข็งนัก ถ้าเป็นเมือก่อน  การเสนอความคิดแบบนี้ของเหมา คงถูกป๋อกู่จับโยนทิ้งถังขยะเช่นเคย แต่คราวนี้สภาพทุลักทุเลของกองทัพแดง ทำให้ทุกคนตระหนักว่า การนำทัพของป๋อกู่นั้น ช่างไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ติดออกจะหายนะด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับการนำของเหมาเมื่อสู้ศึกล้อมปราบที่ผ่านมา ในที่สุด เหล่าผู้นำทัพก็ยอมฟังเหมา และเลือกที่จะเข้าตีเมืองจุนอี้เอาไว้ได้ โดยใช้กลุยทุธปลอมตัวเป็นทหารขุนศึก บุกเข้าชิงเมืองเอาง่าย ๆ ยังงั้นแหละ ก็มันหมดแรงแล้วนี้ครับ จะไปหาญหักอะไรกับใครไหว มันก็ต้องเล่นรเลห์เล่นกลกันบ้าง และที่จุนอี้นี้เองที่เกิดการประชุมคณะกรรมการพรรคขึ้น และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของกองทัพแดงไปตลอดกาล จากคุณ : จุนอี้ (สื่อศิลป) - [ 4 ส.ค. 49 17:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เอามาแปะคั่น ... แผ่นโฆษณาชวนเชื่อ (  Propaganda ) ว่าผู้หญิงก็มีส่วนในการรบกับเขาได้เหมือนกัน ภาพจาก  iisg.nl จากคุณ : sofatboy - [ 4 ส.ค. 49 19:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 76 .. จากคุณ : sofatboy - [ 4 ส.ค. 49 19:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อยากจะบอกว่าปัจจุบัน แผ่นโปสเตอร์โฆษณาเหล่านี้ ของแท้ สภาพดีๆ มีการซื้อขายกันในราคาที่สูงมากเหมือนกันครับ จากคุณ : sofatboy - [ 4 ส.ค. 49 19:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 78 กลายเป็นของสะสมราคาแพงในที่สุด สมัยนี้ เขาคงไม่ถือว่าแผ่นโฆษณาเหล่านี้เป็นการปลุกระดมหรอกครับ  มองเป็นศิลปะกันหมดแล้ว จากคุณ : sofatboy - [ 4 ส.ค. 49 19:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 79 นายพลเฮ่อหลง จากคุณ : sofatboy - [ 4 ส.ค. 49 19:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 80 พวกเข็มกลัดรูปเหมาเมื่อยุคปฎิวัติวัฒนธรรม  เดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นของหายาก เพราะคนชอบเก็บสะสมในฐานะเข็มกลัดที่ระลึกไปหมดแล้ว อนิจจัง ก็เป็นฉะนี้แล จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันรพี 12:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คำถามประจำวันนี้ นกเสียงแหลมมีสีเหลืองเพราะอะไร ใครตอบได้บ้าง ตอบถูกมีรางวัล งามแต๊งามว่า งามหลายหลวงทีเดียวเจียว (พี่วิฯ เจ้าของซีอิ๊วและน้ำปลา ตราคนแบกถุงไม้กอล์ฟ ชูสกอร์การ์ด เหยียบลูกโลก เป็นผู้อุปถัมภ์รายการและของรางวัล) จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันรพี 12:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เป็นคำผวนรึเปล่าครับ นกเสียงแหลมมีสีเหลือง -> นกสีเหลืองมีเสียงแหลม จากคุณ : @(-_-)@ - [ วันรพี 12:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เปล่าครับ แต่ต้องถอดรหัสหน่อยว่า นกอะไรบ้างที่มีสีเหลือง ใบ้เพิ่มอีกนิด ในฐานะที่เข้ามาตอบเร็ว นกสีเหลืองที่ว่านี้มี 4 ตาด้วยแหละ แต่ยังถามประโยคเดิมว่าทราบไหมว่า ทำไมถึงเป็นสีเหลือง จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันรพี 12:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เอ้า  เดี๋ยวจะว่ายากเกินไป เรามีรางวัลปลอบใจให้อีกนิด บอกชื่อมาก่อนก็๋ได้ว่า นกสีเหลืองนี้ มีชื่อว่าอะไร จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันรพี 13:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 85 Tweety ครับ รีบเข้ามาตอบด้วยความงกของรางวัล ถูกหรือไม่ถูกไม่รู้ละขอตอบไว้ก่อน จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ วันรพี 17:14:15 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ถูกต้องนะคร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาบ ชื่อนกตัวเล้ก ๆ สีเหลืองที่เสียงแหลม ๆ ทีนี้ต้องตอบอีกคำถามครับ ถึงจะได้เป็นแฟนพันแท้ตัวจริง พร้อมของรางวัลมากมาย (เอ้อ แต่ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างนึงนะครับว่า จะเป็นน้ำปลา หรือซีอิ๊วขาว ตราเจ๊วิวันดา ถือขวดไวน์แบกไม้กอล์ฟ เหยียบลูกโลกหมุนติ้ว ๆ ) ถามว่าแล้วทำไม นกทวีสตี้ เสียงแหลม ๆ ต้องมีสีเหลืองด้วยครับ คำตอบ คือ...คือ (ลองทำเสียงคล้าย ๆ พี่ปัญญา บิวด์อารมณ์ตื่นเต้นก่อนฟังคำเฉลยครับ) จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันรพี 18:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เข้าเรื่องสักหน่อย เล่นมากไป เดี๋ยวสปอนเซอร์ถอนแอด (ทำท่าจะถองผางด้วยละ) เมื่อกองทัพแดงใช้กลศึก หลอกแต่งกายเป็นทหารก๊กมินตั๋ง เข้ายึดเมืองจุนอี้ไว้ได้แล้ว ก็ตั้งทัพพักรบเอาแรงที่นั่น พร้อมทั้งเปิดประชุมครั้งประวัติศาตร์อีกครั้งนึงของกองทัพแดง นั่นคือ การประชุมคณะกรรมการกรมการเมืองขยายวง เพื่อพิจารณาสถานการณ์ของการสู้รบ ที่ประชุมเคร่งเครียดกับแนวทางของป๋อกู่ ที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าล้มเหลว เพราะแทนที่จะได้ชัยชนะ กองทัพแดงกลับถูกล้อมปราบจนเหลือกำลังพลแค่ 3 หมื่นกว่าคน (จากเป็นแสน) การประชุมครั้งนี้ เหมาได้เป็นผู้เสนอก่อน โดยได้ระบุถึงปัญหาในเรื่องอนวทางการนำพรรคและองทัพของป๋อกู่ ที่เรียกกันว่า ลัทธิสุ่มเสี่ยงเอียงซ้าย (ยึดติดตำรามากเกินไป) สร้างความเสียหายให้กับกองทัพแดงอย่างหนักหน่วง คนต่อมาที่อภิปราย คือ จูเต๋อ ซึ่งแน่นอนว่า ได้กล่าวสนับสนุนเหมาอบ่างเต็มที่ ยิ่งในฐานะนายทหารผู้นำทัพเข้าเผชิญศึกมานับไม่ถ้วน  ยิ่งสร้างเครดิตให้กับเหมามากบิ่งขึ้น ต่อมาป๋อกู่ ก็เป็นคนอภิปรายบ้าง ซึ่งแน่นอน ปีศาจตำรา อย่างป๋อกู่ ย่อมนำหลักทฤษฎีมาหักล้างความคิดของเหมาและจูเต๋อที่เป็นแค่ทหารบ้านนอกได้อย่างง่ายดาย (แม้ว่าผลงานจะกระจ่างชัดกะตาขนาดนั้นก็ตาม) ความสำคัญ จึงมาตกอยู่กับผู้อภิปรายคนสุดท้าย คือ โจว เอิน ไหล ในฐานะประธานคณะกรรมการทหาร ซึ่งโจว เอิน ไหล กล่าวอย่างรวบรัดว่า จากคุณ : จูอี้ (สื่อศิลป) - [ วันรพี 18:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 88 "เราควรเชื่อเหมา เพราะความคิดเห็นของเขาถูกต้องเสมอ" หลังจากนั้น โจวก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการทหาร ที่มีหน้าที่นำทัพโดยตรง และขอยกตำแหน่งนี้ให้กับเหมาแทน ซึ่งที่ประชุมก็ยอมรับ ขณะที่ป๋อกู่ พูดอะไรไม่ออก เพราะโจว เอิน ไหล ที่น่าจะเป็นคนที่เข้าข้างป๋อกู่มากที่สุดแล้ว (ก็ตั้งมากะมือ) ยังไปสนับสนุนเหมาเสียนี่ หลังจากการประชุมครั้งนี้แล้ว ก็ทำให้เหมาเจ๋อตุง กลายเป็นผู้นำทัพแดงไปตลอดกาล จากคุณ : เหมา (สื่อศิลป) - [ วันรพี 18:38:52 ]

ความคิดเห็นที่ 89 แม้ว่า เหมาจะได้เป็นผู้นำกองทัพแดง แต่สถานภาพของเหมาในพรรคก็ยังคงเป็นแค่กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่เป็นตำแหน่งสูงสุดนั้น ยังคงเป็นของ จางเหวินเทียน 1 ใน 28 บอลเชวิก แต่อย่างน้อย จาง ก็เป็นคนที่มีแนวคิดสนับสนุนเหมามากกว่าป๋อกู่  ทำให้การทำงานระหว่างผู้นำทัพกับผู้นำพรรคไม่ขัดแย้งกันเท่าไร ซึ่งเหมาเองก็ไม่ต้องการหักหาญกลุ่ม 28 บอลเชวิกมากมายอะไรในขระนี้ เพราะการถอยทัพขึ้นเหนือ ก็หมายจะพึ่งพาการสนับสนุนจากโซเวียต ซึ่งขณะนั้นมีสตาลิน ที่เป็นพี่ใหญ่ของ 28 บอลเชวิก กุมบังเหียนอยู่ และแน่นอนว่า หากพรรคยังนำโดยคนของ 28 บอลเชวิก ก็เป็นหลักประกันได้ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีน ยังคงได้รับการสนับสนุนจากโซเวียต จากคุณ : สตาลิน (สื่อศิลป) - [ วันรพี 18:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 90 คุณ sofat ครับ เอ้อ คือว่า เอ้อ จางเหวินเทียน ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ วันรพี 18:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 91 แฮะๆๆ เล่นไรหว่า??? เดี๋ยวโดนถอนแอดจริงๆ หรอก ก็มันเป็นนกขมิ้นนี่นา มันก๊ ต้องสีเหลืองจิ้ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 8 ส.ค. 49 02:05:19 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ผิดครับ (เสียงเข้มแบบน้าปัญญาด้วย อย่าลืม) ตอบใหม่ได้อีก 1 ครั้งครับ มิฉนั้นคู่แข่งของคุณจะได้เงินล้านไปครอง หา อะไรนะ เจ๊ ฯ  อ้อ ได้ ได้ เออ สปอนเซอร์ของเรา แจ้งมาว่า ช่วงนี้เริ่มเข้าช่วงเทศกาลเลือกตั้ง แจกเงินโจ่งแจ้งเดี๋ยวโดนใบแดง  เลยขอเปลี่ยนจากเงินล้าน มาเป็นซีอิ๊วขาวตราวิวันดาแบกถุงกอล์ฟถือไวน์เหยียบโลก ของแท้ 100 % จำนวน 1 ขวด พร้อมฝาปิดจุกอย่างดี มีดตัดไม่ขาดอีก 1 อันแทน ทายใหม่ครับ ว่าทำไมนกเสียงแหลมถึงสีเหลือง ถ้าพร้อมแล้ว กดครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 ส.ค. 49 10:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ฮืมมม อะไรหว่า??? รู้สึกตุเหม่ ตุเหม่ ชอบกล ยิ่งพารานอยด์อยู่ด้วย -_-" จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 8 ส.ค. 49 10:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ถ้า วงพารานอยด์ นี่แสดงว่า เข้าขั้นสาวโบ แล้วนะครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 ส.ค. 49 11:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 95 รู้สึกว่าจะได้กลิ่น ตุๆ แล้วนะ ตุๆ แบบมีอะไรบูดๆ น่ะ   รีบเฉลยมาเหอะอาจารย์สื่อ ใครจะไปเดาออก ชื่อเหมาเจ๋อตุงนี่เขียนเป็นภาษาอังกฤษยังไงถึงจะถูกคะ? เพราะเห็นมีหลายรูปแบบค่ะ Mao Tse Tung บ้าง Mao Sedong บ้าง  เลยชัก งง ค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 8 ส.ค. 49 18:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 96 แล้วจางเหวินเทียน เขียนเป็นภาษาอังกฤษยังไงคะ? พยายามจะช่วยหารูป  หายังไงก็หาไม่เจอ อยากให้คุณ sofat ช่วยอธิบายจังเลยค่ะ ว่ามีเทคนิคการหายังไง ..สุดยอดดดด ....ไร้เทียมทาน จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 8 ส.ค. 49 18:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 97 พลิกตำราตามพี่สื่อ ... หัวฟูเหมือนกันครับ จางเหวินเทียน จากคุณ : sofatboy - [ 9 ส.ค. 49 16:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 98 อีกภาพครับ จากคุณ : sofatboy - [ 9 ส.ค. 49 16:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 99 จางเหวินเทียนกับเหมา จากคุณ : sofatboy - [ 9 ส.ค. 49 16:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อยากเป็นคคห.ที่ 100   อ้อ..แล้วที่ไปสนามไดร์ฟมา..เป็นไงบ้างละ? จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 08:51:40 ]

ความคิดเห็นที่ 101 โถพี่วิ  มาแย่งที่ 100 ของหนูไปซะแระ ตั้งใจไว้ว่า ทานข้าวเสร็จ  จะเข้ามาตอบปัญหาชิงรางวัลเรื่องนกสีเหลืองที่มีเสียงแหลม เอ  หรือว่า นกเสียงแหลมที่มีสีเหลืองก็ไม่แน่ใจค่ะ แต่หนูขอเลือกของรางวัลก่อนได้ไหมค่ะ ถ้าตอบถูกจะได้อะไร? แต่ซีอิ๊วขาว ไม่เอานะคะ  เพราะทานเค็มมากประเดี๋ยวไตจะป่วยค่ะ พี่วิขา  ช่วงนี้ย่างเข้าปลายฝนต้นหนาวแล้วค่ะ   อากาศแถบชานเมืองกรุงเทพ สุดแส๊นนนนที่จะโรแมนติค เย็นสบายเหลือเกินค่ะ ต้นกาสะลองแข่งกันออกดอกขาวสะพรั่งไปทั้งต้น ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทุ่งเชียวละคะ ร้านอาหารแบบ open air  ที่อยู่ห่างออกไปหน่อย  พอตกเย็นมาแดดร่มลมตก ไม่รู้ผู้คนหลั่งไหลมาจากไหน คงจะหนีเมือง หนีควาวุ่นวายมาหาบรรยากาศหรูแต่สงบและอาหารก็อร่อยด้วยสิคะ หนูมีความจำเป็นต้องมองหาโลเคชั่นแบบนี้อยู่บ่อยๆค่ะ  เพราะสถานที่ในเมืองแบบที่พี่ๆเอ่ยมาในกระทู้ไวน์นั้น หนูไม่สันทัดจริงๆค่ะ  เต็มที่ก็จิตรฯดอนเมือง เท่านั้น แกงคั่วหอยขม  ยังคงความเข้มข้น หวานมันของรสชาติดั้งเดิมไม่ผิดเพี้ยนกว่าเมื่อสิบปีที่แล้วเลย แม้ตอนนี้เขาจะเปลี่ยนมาเป็น ย่าปาน แคทเทอริ่งแล้วก็ตาม แต่ถ้าขับรถออกไปนอกเมืองหน่อย  มองหาร้านบรรยากาศหรูแต่นั่งสบาย บริการเยี่ยม อาหารอร่อย ที่จอดรถสะดวกสบาย ตอนนี้ หนูติดปัญหาอยู่ที่ว่า  หนูจะหิ้วอะไรดีคะ ที่เหมาะกับปลาสำลีแดดเดียวยำมะม่วง ซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของทุกคน เด็กทานได้  ผู้ใหญ่ก็ทานดี แม้แต่กำนัน ก็ยังชอบทานค่ะ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 10 ส.ค. 49 09:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 102 นกสีเหลือง เสียงแหลม เพราะ... มันเมาไวน์ ใช่ก่คับ... หุหุ ไม่ได้รางวัลที่ 1 ได้รางวัลชมเชยก็ยังดี จากคุณ : ลูกแม่ลอยพ่อน้อย - [ 10 ส.ค. 49 10:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 103 สงสัยป่านนี้คนถามก็ยังไม่รู้ว่าทำไมมันสีเหลือง เฉลยไม่ออกก็ข้ามไปเฮอะ มาเขียนเรื่องต่อดีกว่าน่า นะ นะ นะ คุณ sofatboy ก็แปะรูปให้แล้วด้วยนะจ๊ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 10 ส.ค. 49 10:58:52 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คำตอบที่ 102 ได้รางวัลความคิดสร้างสรรค์ดีเด่นค่ะ ถ้างั้นขอถามต่อค่ะว่า  ...ทำไมนกเมาไวน์ ต้องเป็นสีเหลือง..?? จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 10 ส.ค. 49 11:05:56 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เอ่อม...ขอ-ไวท์บอร์ด-ดีกว่าครับ จากคุณ : ลูกแม่ลอยพ่อน้อย - [ 10 ส.ค. 49 11:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เดาอีกทีก็ด้ะ เหลืองเพราะมันร่วมฉลองพระเจ้าอยู่หัวครองราชสมบัติ 60 ปี ใช่ป่าว ใช่ป่าว??? ถูกแหงๆ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 10 ส.ค. 49 11:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 107 นกสีเหลือง  เพราะร่วมครองราชย์ในหลวง.....คิดได้งัยคะพี่ ? ถ้างั้นรับรางวัลสร้างสรรค์สังคมดีเด่นก็แล้วกันนะคะ ฮิๆๆ ส่วนนกในภาพที่ 105   เรียกว่า นกทรงเครื่องค่ะ ถอดเคื่องทรงออกเมื่อไร  จะเตรียมตั้งกะทะน้ำมันร้อนๆ  จับขา ห้อยหัว ค่อยๆหย่อนลงไปในกะทะทองแดง คอยๆ ทอดแบบ กรอบนอกนุ่มใน อร่อยลิ้นอย่าบอกใคร แต่ก็อีกนั่นแหละค่ะ   เกจิไวน์ท่านบอกว่า   ไวน์แดงทานกับเนื้อ  ไวน์ขาว  ทานกับปลา แล้ว "นก" ละคะ   ทานกับอะไร จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 10 ส.ค. 49 11:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 108 สงสัยต้องแจกซีอิ๊วกันหมดโรงงานแหง ๆ ไม่เป็นไรครับ  งานนี้เจ๊สั่งลุยอยู่แล้ว ที่ว่านกเมาไวน์แล้วเสียงแหลมนี่ถูกครับ เพราะไวน์หรืออะไรก็ตามที่มันเจือแอลกอฮอล์เข้าไปด้วยเนี่ย พออยู่กับมันดึก ๆ หน่อย เสียงเรามันจะดังกว่าปกติครับ ดังนั้น พอมันอยู่บนพื้นฐานของความดังแล้ว ถ้าเสียงทุ้่ม  มันก็จะทุ้มกว่าปกติ ถ้าเสียงมันแหลม มันก็จะแหลมกว่าปกติไปด้วย อันนี้เฮียโมสาร์ท ท่านมาเข้าฝันบอกผมด้วยตัวเองเลยนะเนี่ย แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า แกพูดเป็นภาษาเยอรมันหรืออิตาลีเท่านั้นแหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 12:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ไม่ค่อยรู้เรื่องภาษาต่างด้าวนะสิแฮะ แต่ปกติจะเห็นคำนี้นะ Mao Tse Tung ส่วนอีกคำ ก็พอจะเห็นอยู่บ้าง แต่เวลาออกเสียงแล้ว มันออก "ด่อง ๆ "ยังไงก็ไม่รู้นะสิ เหมือนจะกลายเป็นนักปฎิวัติเวียดนามไปซะงั้น งั้นเอาแบบแรกดีกว่าเนอะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 12:09:27 ]

ความคิดเห็นที่ 110 สนามไดรฟ์ ก็ดีครับ เพราะได้รู้ตั้งแต่โป้งแรกเลยว่า แขนผมมันไม่เหยียดออกไปเสมือนนักตีกอล์ฟที่ดีทั้งหลายเขาเป็นกัน ทีนี้แทนที่จะได้แก้ปีกไก่ ก็เลยต้องมาแก้หมูหันแทน เอาไปเอามา หมดไป 3 ถาม หมูก็ยังหัน ไก่ก็ยังบินเหมือนเดิมแหละครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 12:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ไม่จริงนะ แก้แล้วก็ตีตรงขึ้นตั้งเยอะ ต้องซ้อมอีก ต้องปลูกงา ใช้ตัวหมุนได้แทนแขนฟาด ปีกไก่ก็จะหายไปเอง น้องกาสะลองจะกินนกก็ระวัง H1N1 นะจ๊ะ มันมาถึงกรุงเทพแล้ว น่ากลัวมั่กๆ ตอนนี้ ลูกเล็กเด็กแดงถูกเก็บเข้าบ้านหมด ไม่ให้ออกไปวิ่งเล่นเหมือนเคยแล้ว กลัวไปสัมผัสเอาพวกดร็อปปิ้งส์ของตัวที่บินๆ เข้า อาจารย์สื่อ ตกลงใครได้ซีอิ๊วบ้างคะ? ไม่อยากได้น้ำซีอิ๊วหรอก มีเยอะแยะ อยากได้แต่ฉลากค่ะ ฉลากตรา "วิวันดาแบกถุงกอล์ฟถือไวน์เหยียบโลก" น่ะค่ะ จะเอาไปแปะหน้าบ้านแทนยันต์หัวเสือ :D จากคุณ : เมื่อคืนพระจันทร์สวยจัง (Tweety สี่ตา) - [ 10 ส.ค. 49 13:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 112 " จางเหวินเทียน " ถ้าเขียนเป็นภาษาพินอิน น่าจะเป็น " ZHANG WEN TIAN " ลองค้นดู น่าจะใช่ จากคุณ : คนชอบฟรี - [ 10 ส.ค. 49 16:00:57 A:58.136.85.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 113 แหม เรื่องฉลากน่าสะสมนี่เข้าใจครับ เพราะความตั้งใจของคุณพี่เจ๊ ฯ แก คือ กะเน้นฉลากให้เลิศสูสีกะฉลากของมูตอง รอธไชด์ ไวน์ยี่ห้อดังนั่นเลยทีเดียว แต่ว่าสรรพคุณทางคุณไสยอะไรนั่น เห็นคุณพี่แกว่า ไม่ได้เน้นทางป้องกันเภทภัยไป ๆ มา ๆ เหมือนฮุ้กาเกี่ยม เขานะ แต่ถ้าจะเอาไปแทนนางกวัก เอวสะอ้อน อะไรประมาณนี้ละก็ เจ็ให้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 17:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เข้าเรื่องหน่อย  เดี๋ยวโดนเฉ่ง เมื่อเหมาได้รับการแต้งตั้งเป็นผู้นำกองทัพ (ยังไม่ใช่ผู้นำพรรค)  อย่างเป็นทางการแล้ว เขาก็ประกาศนโยบายในการนำทัพแดงทันที นั่นคือ 1.  การรบแต่ละครั้ง กองทัพแดง ต้องคำนึงถึงการสูญเสียไว้ด้วย คือ ถ้ามีแนวโน้มว่าจะแพ้ราบคายหรือทหารตายกันเยอะ ก็ถอยเสีย 2. การรบแต่ละครั้ง ต้องไม่คำนึงถึงการรักษาพื้นที่ การถอยที่เรียกว่า ถอยทางยุทธศาสตร์ เพื่อการรักษากำลังไว้ เป็นเรื่องที่ควรจะทำ (แต่ไม่ใช่ประเภทแตกพ่ายอะไรยังงี้) พูดง่าย ๆ คือ กำลังคนมีค่ากว่าขนาดของพื้นที่ เรื่องนี้เหมายังยึดไว้เป็นแนวทางนำทัพแดงมาตลอดสงคราม  โดยดูจากที่เขายึดเยนอาน หรือเอี๋ยนอัน เอาไว้เป็นฐานที่มั่นได้นานถึง 4 ปี จนเรียกว่ากลายเป็นเมืองหลวงของคอมมิวนิสต์ไปในช่วงนั้นแล้ว แต่เมื่อก๊กมินตั๋ง โถมกำลังเข้าใส่จนมีชัยยึดเอาเมืองคืนมาได้ พร้อมกับการฉลองเสียใหญ่โต เหมา ก็พร้อมจะทิ้งเมืองออกไป โดยไม่ได้อาลัยอาวรณ์ หรือประกาศคำขวัญประเภท แม้ตารางนิ้วเดียวก็เสียไม่ได้ แต่อย่างใด 3. ภาระกิจหลักที่ควบคู่กับการรบ คือ การสร้างมวลชน  ดังนั้น ไม่ว่ากองทัพแดงจะเดินทางไปแห่งไหน ต้องสร้างฐานมวลชนเอาไว้ด้วยเสมอ อันนี้ก็หลัก นับรบคือปลา ประชาคือน้ำ นั่นเอง ซึ่งด้วยนโยบายนี้ ทำให้กองทัพต้องมีนายทหารผู้ชี้นำทางการเมืองขึ้น  ซึ่งจะคอยทำหน้าที่ให้คำแนะนำ หรือสอนให้ทหารได้เข้าใจถึงแนวทางการปฎิวัติที่ถูกต้อง ทั้งทหารในกองทัพและมวลชนที่กองทัพผ่านไป คล้าย ๆ กับอนุศาสจารย์ในกองทัพนั่นแหละ และสุดท้าย คือ หากไม่แน่ใจว่าจะชนะ ก็อย่าเข้าสู้รบ  การตัดสินใจเข้ารบของกองทัพแดง คือ ต้องมั่นใจว่าจะชนะศึก อันนี้ ก็ พิชัยสงครามของซุนวูธรรมดา ที่ว่าอย่าทำสงครามที่รู้ว่าเราจะแพ้แน่ๆ ฟังดูง่าย ๆ นะ แต่ในความจริงก็มีเยอะ สำหรับพวกชอบสุ่งเสี่ยง กะว่าเผื่อฟลุก อะไรทำนองนั้น ซึ่งเหมาไม่เอาด้วย ด้วยนโยบายเช่นนี้ ทำให้กองทัพแดงที่อิดโรย สามารถฟื้นฟูกำลัง และเรียกขานมวลชนเข้ากองทัพจากเมืองจุนอี้นี้ได้อีก 4 พันคน (ยอมรับด้วนะว่าถึงจะเป็นกองทัพประชาชน แต่ก็มีประเภทไปไล่จับไง่เกณฑ์มาเหมือนกันแหละ  ไม่ได้อาสาล้วน ๆ หรอก จากคุณ : จุนอี้ (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 18:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 115 หลังจากพักพลอยู่ประมาณ 12 วัน ทัพแดงก็เคลื่อนออกจากจุนอี้ เป้าหมายของทัพแดงภายใต้การนำของเหมาเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว ตอนนี้เขากำหนดเส้นทางไว้ว่าจะต้องเดินทัพผ่านเสฉวน เข้าส่านซี แต่วิธีการของเหมาไม่ได้เรียบง่ายแบบนั้น ด้วยการยึดหลักยุทธศาสตร์ลวง  เหมาวางแผนเดินทัพหลอกล่อข้าศึกเป็นวงกลมให้ฝ่ายก๊กมินตั๋งจับทางไม่ได้ว่ากำลังจะไปทางไหนแน่ ถึงขนาดให้กองทัพข้ามแม่น้ำแดงในเสฉวนถึง 2 ครั้ง แถมเดินอ้อมไปอ้อมมาอยู่อีก 4 เดือน บางครั้งยังมีการสั่งให้กองพันพิเศษแยกเดินสวนกับกองพันหลัก เพื่อให้สายของก๊กมินตั๋งรายงานเส้นทางผิดอีกตางหาก และพร้อม ๆ กับการปฎิบัติงานมวลชนในพื้นที่ที่เดินผ่าน กองทัพแดงของเหมาก็เปลี่ยนสถานการณ์จากถอยร่นเป็นเข้ารุก ตลอดระยะเวลาของการสู้รบในช่วงนี้ กองทัพแดง สามารถบดขยี้ทหารขุนศึกของก๊กมินตั๋งให้ละลายไปได้ถึง 22 กรม ก่อนจะข้ามแม่น้ำกลับเข้ามายึดจุนอี้ไว้อีกครั้งหนึ่ง การรบที่มีชื่อเสียงในช่วงนี้ก็คือการตีด่านโหลวซานที่แข็งแกร่งได้สำเร็จ นับเป็นเกียรติภูมิที่สำคัญของกองทัพแดงในขณะนั้น จากคุณ : ฉางเจียง (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 18:54:25 ]

ความคิดเห็นที่ 116 แม้ว่าเหมาจะสามารถมีชัยทางการเมืองภายในพรรค เหนือกลุ่มบอลเชวิก 28 มาได้ แต่ก็ใช่ว่าผู้คัดค้านเขาจะหมดไปเสียทีเดียว ในขณะที่ประชุมมีมติให้เขาเป็นผู้นำทัพ และเปลี่ยนเส้นทางเดินทัพนั้น หลังจากส่งรายงานประชุมไปยังแกนนำของพรรคแล้ว จาง กั๋ว เถา ที่เป็นกรรมการกรมการเมืองอยู่ ก็ตอบโทรเลขกลับมาคัดค้านการตัดสินใจของที่ประชุมอย่างหนัก โดยระบุว่า  ทัพแดงควรที่จะเดินทางไปยึดฐานที่มั่นในทิเบต ซึ่งที่นั่น เขากำลังไปสร้างฐานที่มั่นโซเวียตขึ้น โดยตัวเขาจะเป็นประธานประเทศเองด้วย แต่เหมาก็ไม่ได้สนใจคำคัดค้านนี้ ยังคงมุ่งมั่นยึดแผนการเดิม  โดยเฉพาะยังสนุกกับการหลอกล่อกองทัพของก๊กมินตั๋งให้หัวปั่นเล่น ด้วยการข้ามแม่น้ำกลับไปกลับมา หรือหลอกล่อให้ทัพหลักของข้าศึกวิ่งไล่ตามกองพันเล็ก ๆ เพียงกองพันเดียวที่เดินย้อนศรกับกองทัพหลักอยู่เสมอ การหลอกล่อนี้ ทำให้เจียงหัวปั่นมาก เช่น ครั้งนึง เหมาให้กำลังหลักมุ่งลงใต้  ทำท่าเหมือนจะบุกเข้าไปตีเมืองกุ้ยหยาง  ซึ่งเจียงนั่งบัญชาการทัพอยู่ เจียงพอรู้ว่าทัพหลักของเหมามุ่งมาทางนี้ก็ปอดแหก เร่งสั่งให้กองทัพหลักของยูนนานรีบมาช่วยกุ้ยหยางโดยด่วน เมื่อทัพหลักของยูนนานยกออกจากเมือง  เหมาก็ส่งหลินเปียว  แม่ทัพคนสำคัญของทัพแดง (คนนี้จะมีบทบาทอย่างมากในช่วงปฎิวัติวัฒนธรรม) ยกทหารส่วนหนึ่งมุ่งไปยูนนานทันที ด้วยระยะทาง 125 ไมล์ คำสั่งของเหมาคือต้องไปให้ถึงให้ได้ภายใน 3 วัน เจียงนั้นเมื่อรู้ข่าวว่าทัพแดงจะมุ่งมากุ้ยหยาง ก็รีบพาภรรยาบินมาที่ยูนนาน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่กว่าพอดี ยังไม่ทันนั่งหายหายเหนื่อย  ข่าวทัพแดงของหลินเปียวกำลังพุ่งเข้ายูนนานในยามที่ทหารหลักเดินทัพออกไปช่วยกุ้ยหยางแล้ว ทำเอาเจียงตกใจแทบจะหล่นจากเก้าอี้  รีบหาทางหนีทีไล่ ถึงขนาดเตรียมแผนอพยพลงมาที่เวียดนามทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือจากทหารอาณานิคมฝรั่งเศสที่ปกครองอินโดจีนอยู่ในเวลานั้น แต่หลินเปียวก็หาได้เข้าตีเมืองไม่  เพราะจริง ๆ แล้วทหารมีนิดเดียว ระหว่างที่เจียงเรียกทหารที่ส่งออกไปแล้วกลับมาป้องกันยูนนานอย่างเร่งด่วน ทำให้ทหารส่วนใหญ่ต้องเคลื่อนพลไปมาอย่างเปล่าประโยชน์ ทัพหลักที่แท้จริงของเหมา ก็ใช้ช่วงเวลาที่ปลอดจากการปะทะกับทหารก๊กมินตั๋งนั้น เดินข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงกันอย่างสนุกสนานสำราญบานตะไท  เพราะไร้ซึ่งข้าศึกมารบกวน ถึงขนาดเดินเล่นเพลิน ๆ ใช้เวลาถึง 9 วัน 9 คืนกว่าจะหมดกองทัพแดง ที่แสบกว่านั้นคือกองพันของหลินเปียวที่ยกไปข่มขวัญเจียงที่ยูนนานก็เดินทางกลับมาข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงตามทัพหลักไปทันเหมือนกันอีกด้วย เจียง ผู้ได้รับการเรียกขานว่า "อาจารย์ใหญ่"ของกองทัพก๊กมินตั๋ง เพราะเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนนายร้อยหวังปูอันโ่งดัง ถึงขนาดหัวเสียอย่างหนักที่โดนกองทัพแดงที่กำลังจะแพ้พ่ายอยู่แล้ว มาหลอกล่อจนหัวปั่น จึงบินมาที่เสฉวน เพื่อเตรียมยุทธการสุดท้ายล้างทัพแดงให้ได้ ตอนนั้น ทัพแดงต้องข้ามแม่น้ำต้าตูอีกครั้งนึง  ซึ่งแม่น้ำนี้เป็นที่เดียวกับกองทัพกบฎไต้ผิง ที่มารอข้ามแม่น้ำอยู่ 3 วัน (ไม่ได้ข้ามช้า แต่หัวหน้าดันได้ลูกชายพอดี ก็เลยปิดกองทัพเลี้ยงฉลองอยู่ริมฝั่งน้ำซะ 3 วัน 3 คืน จนกองทัพหลวงยกตามมาทัน ฆ่าพวกกบฎไต้เผงจนตายสิ้น) เจียงก็ต้องการใช้ยุทธศาสตร์เดียวกันนี้ ที่จะผลักดันให้กองทัพแดงหันหลังให้แม่น้ำ แล้วทัพก๊มินตั๋งระดมเข้ามาทุกทิศทางเพื่อล้อมปราด้วยกำลังที่เหนือกว่า เหมือนครั้งไต้เผงให้ได้ เสียดายที่เหมาก็รู้ประวัติศาสตร์ช่วงนี้เหมือนกัน จากคุณ : ต้าตู (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 19:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 117 คืนนี้ พระจันทร์ก็ยังสวยค่ะพี่นก เกือบทุกคืนที่หนูกลับเข้าบ้าน มักเห็นพระจันทร์ลอยอยู่เหนือหลังคาบ้านแล้วเสมอ แต่ถ้าคืนไหน ขึ้น15 ค่ำ  หรือแรม 1 ค่ำ  พระจันทร์จะสวยเป็นพิเศษค่ะ   พอเปิดประตูรั้วปุ๊บ ก็ได้กลิ่นหอมของไม้หอมที่หอมกลางคืนที่ชาวบ้านปลูกไว้บริเวณนั้น  จนอดไม่ได้ที่จะต้องแอบนั่งชมจันท์ก่อนเข้าบ้านทุกทีไปค่ะ มองไปมองมา  ก็ไม่แปลกใจหรอกนะคะว่าทำไมเขาถึงเปรียบหญิงสาวว่าสวยเหมือนพระจันทร์ หนูว่าถ้าจะให้ถูกต้องพูดว่า สวยเหมือนแสงจันทร์มากกว่านะคะ แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 49 20:47:26 จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 10 ส.ค. 49 20:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 118 "แกงคั่วหอยขม  ยังคงความเข้มข้น หวานมันของรสชาติดั้งเดิมไม่ผิดเพี้ยนกว่าเมื่อสิบปีที่แล้วเลย แม้ตอนนี้เขาจะเปลี่ยนมาเป็น ย่าปาน แคทเทอริ่งแล้วก็ตาม" โห พี่สาวว่าคนอื่นเค้า ตัวเองอายุก็ไม่น้อยเหมือนกันนี่ครับ555 แวะมาแซวแอนด์ลงชื่อรอฟัง ขอตัวก่อนครับ... จากคุณ : ryzon - [ 10 ส.ค. 49 20:45:24 ]

ความคิดเห็นที่ 119 รูปใหญ่เกิน จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 10 ส.ค. 49 20:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 120 118  โผล่มาจากไหนเนี่ย? เค้ากำลังหาวิธีลดขนาดรูปอยู่ค่ะ กว่าจะลดได้  เล่นเอาเมื่อยนิ้วเหมือนกัน โดนน้องริวปาดหน้าไปซะอีกแน่ะ ของพี่น่ะ เป็นความทรงจำแค่ สิบปีนะจ๊ะน้อง ส่วนของคนอื่น  เขาว่าถึง 20ปีโน่นเลย   ที่หนักกว่านั้นนะคะ   บางคนว่ากันถึง 40 สิบปีเลยเชียวล่ะ ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอก  อยู่แถวนี้แหละ..ลองอ่านดูดีๆจิ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 10 ส.ค. 49 20:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 121 อย่ามาว่าอาจารย์สื่อฯของผมนะครับ ถึงแกแก่แล้วแต่หัวใจแกยังวัยรุ่นอยู่ (เอ๊ นี่จะมาช่วยหรืทอมาซ้ำเนี่ย แซวเล่นนะครับ) ส่วนคุณวิวันดานั้น เอ่อ................ ช่างเถอะครับ ผู้หลักผู้ใหญ่เราควรนับถือ จรรีอีกรอบ จากคุณ : ryzon - [ 10 ส.ค. 49 20:55:34 ]

ความคิดเห็นที่ 122 อาจารย์สื่อช่วยคิดเล่นๆ หน่อยได้มั้ยคะ ว่าถ้าตอนนั้นรับรักลูกชายประธานก๊กมินตั๋ง ป่านนี้จะเป็นไงมั่ง (นอกจากพูดภาษาจีนได้) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 11 ส.ค. 49 12:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 123 รู้สึกว่ารูปพระจันทร์ของน้องกาสะลองดูน่ากลัวยังไงชอบกลค่ะ ทำไมท้องฟ้าดำปิ๊ดปี๋ขนาดนั้น พระจันทร์วันเพ็ญที่ผ่านมาสวยเป็นพิเศษสำหรับพี่เพราะว่า นอกจากทรงกลดแล้ว มีคนมาร้องเพลงรักให้ฟังข้างๆ หูน่ะจ้ะ   :p (ห้ามพี่หวานอ่านนะคะ ถ้าอ่านแล้วห้ามดุหนูด้วย คิกๆๆ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 11 ส.ค. 49 12:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 124 http://www.geocities.com/drsak/ อัพเดทแล้วครับ หลังจากไร้เรี่ยวแรงจะแก้ไขมาหลายวัน ยังไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่จะค่อยๆจัดการ ขอบคุณครับ จากคุณ : ha ha yee - [ 11 ส.ค. 49 13:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ก็ได้เป็นอดตีสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของไต้หวันนะสิครับ เพราะตอนนี้ พรรคก๊กมินตั๋ง ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว คนไต้หวัน เสื่อมความนิยมพรรคนี้ไปแล้วในปัจจุบัน แต่ถ้าเป็นลูกชายประธานรุ่นหลังๆที่ไม่ใช่ลูกชายเ้จียงแล้ว คือประมาณว่าสัก เกือบ 20 ปีก่อน (ประมาณการช่วงเวลาจากอายุคนถาม ) ตอนนี้ก็คงเป็นมาดามของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็เ้ท่ากับภริยาคุณอภิสิทธิ์ นั่นแหละครับ แต่จะสวยเท่าหรือเปล่านี่ ไม่ทราบจริง ๆ เอ้อ ลูกปืนที่ซื้อไป ใช้หมดหรือยังครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 11 ส.ค. 49 13:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ข่าวดี ข่าวด่วน คุณหมอ เปลี่ยนรูปรวมกระทู้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 7 ปีแล้ว ตื่นเต้นจริง ๆ แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 49 14:06:05 แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 49 14:03:37 จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 11 ส.ค. 49 14:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 127 มาเฉลยคำถามครับ นกเสียงแหลมมีสีเหลือง เพราะกินบะหมี่มากไปหน่อย เลยเหลืองไปทั้งตัว ถ้าลดบะหมี่ลงบ้าง เดี๋ยวก็หายเหลือง ใครตอบไม่ถูกก็อย่าเสียใจครับ เพราะของรางวัลไม่มีเหลือเลย เจ๊วิฯแกเอามาแพ่นกบาลผมตั้งแต่ออกไอเดียฉลากแล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 13 ส.ค. 49 00:20:58 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ทำไมเมื่อคืนอาจารย์สื่อนอนดึกจังเลยคะ? กำลังจะกลับบ้านนอน หรือกำลังเตรียมตัวจะไปเมา? วันอาทิตย์ตื่นสายได้นี่  ไม่รู้ป่านนี้ตื่นหรือยังเนาะ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 13 ส.ค. 49 13:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ไปงานเลี้ยงมาครับ เขาไม่ได้เชิญ สงสัยกลัวเราใส่ซองไม่คุ้มค่าอาหารโรงแรม ได้แต่แอบ ๆ ไปเจอเพื่อน ๆ หลังงานเลิก เลยกลับดึกหน่อย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 13 ส.ค. 49 19:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 130 จะบอกว่าตอนนี้กำลังตามอ่านค่ะ หลังจากหยุดอ่านไปนาน ^O^ จากคุณ : monkeylink - [ 13 ส.ค. 49 19:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 131 โอ้ ใจเย็นๆๆๆๆไว้นะโยมสื่อศิลป ตื่นเต้นมากไปเดี๋ยวช็อคสลบไป โดนผายปอด mouth-to-mouth จะได้สัมผัสโครงเนื้อแน่นหนา กลิ่นโอ๊ค โคลนเขียว ผลไม้สุกๆเก่าๆ แอซิดิตี้เข้มข้นมาก แทนนินต่ำ จบยาววววววว เอิ๊ก... จากคุณ : ha ha yee - [ 14 ส.ค. 49 06:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 132 รีบมาขึ้นกระทู้ให้ใหม่..ตามเคยละค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ส.ค. 49 09:08:04 ]