ความคิดเห็นที่ 1 ผลงาน : กวีนิรนาม "เมื่อมั่งมีมากมายมิตรหมายมอง เมื่อมัวหมองมิตรมองเหมือนหมูหมา เมื่อไม่มีมิตรเมินไม่มองมา เมื่อมอดม้วยหมูหมาไม่มามอง" คมคาย ไพเราะ ไม่ทราบว่าเป็นผลงานท่านผู้ใด จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 27 ก.ค. 49 21:39:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผลงาน : พรานบูรพ์ (คุณ จวงจันทร์ จันทร์คณา) "คนเห็นคนเป็นคนนั่นแหละคน คนเห็นคนใช่คนใช่คนไม่ กำเนิดคนต้องเป็นคนทุกคนไป จนหรือมีผู้ดีไพร่ไม่พ้นคน เกิดหนหนึ่งตายหนหนึ่งพึงนึกไว้ ไม่เกิดใหม่ตายใหม่ได้หลายหน อย่าโอหังอย่างจะดีวิเศษล้น ก็แค่คนคนหนึ่งเท่านั้นเอง" ผมเคยเห็นกลอนบทนี้แต่ไม่รู้ว่าของใคร เพิ่งมารู้ว่าเป็นของพรานบูรพ์เมื่ออ่านหนังสือ "สนุกกับภาษาไทย" เล่ม 2 ของ อาจารย์ ช่วย พูลเพิ่ม ก็เลยขอคัดลอกมาแปะไว้ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 27 ก.ค. 49 21:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผลงานของ จิตร ภูมิศักดิ์ จับมาจากที่นี่นะครับ http://www.anamai.moph.go.th/kmportal/conner/conner_view.php?cat_id=17&id=67 เป็นร้อยกรองที่ผมชอบมากอีกบทหนึ่ง จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันภาษาไทยแห่งชาติ 11:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "หัวใจเมือง" โดย อัครรักษ์ (ถนอม อัครเศรณี) หรือ ศิราณี ประพันธ์กลอนบทนี้ให้โรงเรียนประจำอำเภอบ้านโป่ง เมื่อ พ.ศ.2492 ( อ้างอิง : ฌาณิศ วงษ์สุวรรณ  http://my.dek-d.com/dek-d/story/view.php?id=1176 ) เมืองใดไร้สิ่งอันพึงมี....................ย่อมเสื่อมศักดิ์ศรีไร้คุณค่า พระมหาธีรราชเจ้าจอมปรัชญา........ทรงพระนิพนธ์ไว้ว่าน่ากังวล เมืองใดไม่มีทหารหาญ........เมืองนั้นไม่นานเป็นข้า เมืองใดไร้จอมพารา...........เมืองนั้นไม่ช้าอับจน เมืองใดไม่มีพณิชเลิศ..........เมืองนั้นย่อมเกิดขัดสน เมืองใดไร้ศิลป์โสภณ..........เมืองนั้นไม่พ้นเสื่อมทราม เมืองใดไม่มีกวีแก้ว.............เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม เมืองใดไร้นารีงาม..............เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ.........เมืองนั้นไม่เพริศพิสมัย เมืองใดไร้ธรรมอำไพ..........เมืองนั้นบรรลัยแน่เอย ฯ (ครูแจ๋ว หรือ ครู สง่า อารัมภีร์ ได้แต่งทำนองประกอบ ตั้งชื่อเพลงว่า เมืองกังวล ) จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันภาษาไทยแห่งชาติ 21:06:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กลอนดอกสร้อย "รำพึงในป่าช้า" ผู้แต่ง : พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) แปลจาก An Elegy Written in a Country Churchyard โดย Thomas Gray ฉบับเต็มดูได้ที่เว็บนี้นะครับ ขอบคุณเจ้าของเว็บที่กรุณาให้วิทยาทานครับ http://faylicity.com/echo/echo2.html จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 30 ก.ค. 49 10:05:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กระทู้นี้ อ่านแล้วชื่นใจดี กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้าคงต้องขออนุญาตว่า "แปร" ได้งดงามเป็นไทยๆ มากเลยค่ะ จากคุณ : lilymay - [ 30 ก.ค. 49 10:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คว้างคว้างใบไม้ปลิว............ละลิ่วหล่นลงสู่ดิน เอื่อยเอื่อยธารไหลริน..........มิรู้สิ้น ณ แห่งใด เปรียบดังชีวิตนี้..................มิมีที่จะพักใจ อ้างว้างร้างฤทัย.................จวบชีพดับลงลับสูญ ผลงาน : สีฟ้า (ม.ล. ศรีฟ้า "ลดาวัลย" มหาวรรณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2539) กาพย์ยานี 11 สั้นๆสองบทนี้ ผมอ่านพบตั้งแต่เมื่อเป็นเด็กในนวนิยายเรื่องหนึ่งที่ตีพิมพ์ในหนังสือรายสัปดาห์ที่แม่อ่านเป็นประจำ นวนิยายเรื่องนั้นชื่ออะไรผมจำไม่ได้ นิตยสารฉบับนั้นชื่ออะไรก็จำไม่ได้ แต่ร้อยกรองบทนี้กลับติดหูติดตามผมมาจนบัดนี้ เมื่อค้นหาด้วยกุ๊กเกิ้ล ผมพบด้วยความประหลาดใจว่ามีคนอีกเป็นจำนวนมากที่รักร้อยกรองบทนี้เช่นเดียวกัน คุณ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีเอกรัตนโกสินทร์ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนี้ คนที่รักร้อยกรองบทนี้มีหลากหลายอายุ แม้ในกลุ่มวัยรุ่น นี่คือบทพิสูจน์ความอมตะ ไร้กาลเวลา ของบทประพันธ์ รู้จักท่านศิลปินแห่งชาติท่านนี้ให้มากขึ้นได้ที่นี่ http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp?stcolumnid=1981&stissueid=2521&stcolcatid=1&stauthorid=58 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 49 15:03:20 จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 30 ก.ค. 49 14:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นิราศเดือน ผลงาน หลวงศุภมาตรา (นายมี) ศิษย์สุนทรภู่ "ถึงได้แหวนไว้ชมก็ตรมจิต.............ไม่เหมือนได้มิ่งมิตรพิสมัย ได้ของอื่นหมื่นแสนทั้งแดนไตร......ไม่เหมือนได้นิ่มน้องประคองนอน จะว่าโศกโศกอะไรที่ในโลก............ไม่เท่าโศกใจหนักเหมือนรักสมร จะว่าหนักหนักอะไรในดินดอน.........ถึงสิงขรก็ไม่หนักเหมือนรักกัน จะว่าเจ็บเจ็บแผลพอแก้หาย............ถ้าเจ็บกายแล้วชีวาจะอาสัญ แต่เจ็บแค้นนี่แลแสนจะเจ็บครัน.......สุดจะกลั้นสุดจะกลืนขืนอารมณ์ จะว่าขมขมอะไรในพิภพ................ไม่อาจลบบอระเพ็ดที่เข็ดขม ถึงดาบคมก็ไม่สู้คารมคน................จะว่าลมลมปากนี้มากแรง" นายมี หรือ เสมียนมี เป็นกวีสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ร่วมสมัยเดียวกับสุนทรภู่ มีชีวิตอยู่ระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๓๕๘ จนถึงในราว พ.ศ.๒๔๑๓-๑๔ เมื่อในวัยเยาว์ ได้เคยมาบวชเป็นสามเณร เพื่อเล่าเรียนอยู่ที่วัดพระเชตุพน เข้าใจว่า จะได้เคยพบกับสุนทรภู่ และน่าจะได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ์เรียนวิชาแต่งกลอนมาบ้าง ลีลากลอนของนายมี จึงมีส่วนคล้ายสุนทรภู่อยู่มาก นายมีได้เข้ารับราชการเป็นนายอากรเมืองสุพรรณบุรี บรรดาศักดิ์ หมื่นพรหมสมพัตสร ต่อมาได้เลื่อนเป็น หลวงศุภมาตรา ย้ายไปรับราชการที่ จังหวัดชัยนาทบ้านเกิด และเสียชีวิตในตำแหน่งนี้ นายมี มีผลงานนิราศที่เป็นที่รู้จัก ๔ เรื่องด้วยกัน คือ นิราศถลาง นิราศพระแท่นดงรัง นิราศเดือน และ นิราศสุพรรณ ขณะแต่งนิราศเดือนนี้ นายเดือนบวชเป็นพระภิกษุอยู่ และ ยังอยู่ในวัยหนุ่ม สำนวนโวหารจึง ค่อนข้างโลดโผน มีการกระทบกระเทียบเปรียบเปรย แสบแสบคันคัน พอสมควร เนื้อเรื่องเป็นนิราศที่ผู้แต่งไม่ได้เดินทางไปที่ใด แต่พรรณนาตามเดือนต่างๆ แทรกความรู้ ขนบธรรมเนียม พิธีการต่างๆ ในแต่ละเดือน สลับกับการคร่ำครวญถึงคนรัก อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่นะครับ ขอขอบพระคุณเจ้าของเว็บเพจสำหรับวิทยาทาน http://www.geocities.com/thailiterature/nrd.htm จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 1 ส.ค. 49 11:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 "โอ้สงสารสุริยาฟ้าพยับ.........................จะเลื่อนลับยุคุนธรศิงขรเขา พระอาทิตย์ดวงเดียวเปลี่ยวเหมือนเรา.......กำสรดเศร้าโศกมาเอกากาย ถึงมีเพื่อนเหมือนพี่ไม่มีเพื่อน..................เพราะไม่เหมือนนุชนาฏที่มาดหมาย มีเพื่อนเล่นก็ไม่เหมือนกับเพื่อนตาย.........มีเพื่อนชายก็ไม่เหมือนกับเพื่อนชม ถึงจะมีวิมานสถานทิพย์.........................ให้ลอยลิบเลิศมนุษย์สุดประถม ถ้าไม่มีคู่เคียงเรียงภิรมย์.......................จะเตรียมตรมตรึกหาเป็นอาจิณฯ " นิราศพระแท่นดงรัง ของ นายมี (เจ้าเดียวกับข้างบน) แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 49 09:43:44 จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 6 ส.ค. 49 09:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กาพย์เห่เรือ พระนิพนธ์ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/boatsong/btsong10.htm จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันรพี 11:30:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนต่อของกาพย์เห่เรือ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันรพี 11:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตามมาอ่านต่อค่ะ จากคุณ : เอ็นจัง - [ 13 ส.ค. 49 13:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณป๋าที่สุดเลย หลายๆบท อ่านแล้วว่าตามยังพอได้ ทั้งๆที่ไม่ได้นึกถึงมาหลายสิบปี อ่านแล้วทำไมไม่รู้นึกถึงขุนช้างขุนแผน ตอนเด็กๆ นึกในใจว่า วันทองไปอยู่กับขุนช้างได้ยังไง ขุนแผนออกหล่อ เดี๋ยวนี้ เข้าใจแล้ว อายุมาขึ้นก็ดีอย่างนี้แหละเนาะคะ จะตามมาอ่านต่อ จากคุณ : ตา (ta/'o-o/') - [ 14 ส.ค. 49 16:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พระนลคำหลวง พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า คำนำ ฉบับพิมพ์ครั้งที่สาม จำนวน 1,000 เล่ม พ.ศ.2517 สำนักพิมพ์คลังวิทยา "...เรื่องพระนลคำหลวงนี้ เป็นเรื่องที่มีอยู่ในคัมภีร์มหาภารตะของมุนีกฤษณไทวปายน ชื่อเรื่องว่า นโลปาขยาน บรรพ ซึ่ง เซอร์ โมเนียร์ โมเนียร์วิลเลียมส์ ได้แปลความออกเป็นภาษาอังกฤษ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงใช้ต้นฉบับภาษาอังกฤษของเซอร์ โมเนียร์ โมเนียร์วิลเลียมส์ นี้ แปลมาเป็นภาษาไทย คำประพันธ์ที่ทรงใช้ในการพระราชนิพนธ์หนังสือเรื่องพระนลคำหลวง มีทั้ง โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ซึ่งมีความไพเราะทุกแบบสลับกัน นอกจากนี้ทรงใช้วิธีการเล่าเรื่องประการหนึ่งประกอบกับมีคติสอนใจอีกประการหนึ่ง ทำให้พระนลคำหลวงเป็นวรรณคดีที่บริบูรณ์ด้วยองค์แห่งวิชาการ เหมาะแก่ผู้ที่นิยมใฝ่หารสวรรณคดีเป็นเครื่องบันเทิงใจ..." ตอนที่คัดมานี้ อยู่ใน สรรคที่ 13 เป็นตอนที่นางทมยันตีออกร่อนเร่ตามหาพระนล เดินทางมากับกองเกวียน มาถึงบึงแห่งหนึ่ง ตอนนี้เป็นกาพย์ห่อโคลง บรรยายความรู้สึกของนาง ธรรมชาติจะเย็นสักแค่ไหนแต่คนร้อนใจนั้นก็ไม่เย็นไปด้วย เดินทางวันหนึ่งไซร้..........จึงถับ บึงใหญ่ใครเห็นจับ............จิตแท้ บัวหลวงแน่นแนวนับ.........ห่อนครบ กอเลย ส่งสุคนธรสแล้................เลิศล้วน ยวนใจฯ เดินไปได้วันหนึ่ง.............จึงถึงบึงในอรัญ แลเลิศประเสริฐสรรพ์.......ครั้นได้ดูเห็นเย็นตา บัวหลวงมีดาษดื่น............หอมกลิ่นรื่นชื่นนาสา โอ้อกฟกอุรา..................หอมเหมือนผ้าที่เคยทรง บึงกว้างสำอางค์ตา...........พวกพ่อค้าสมจำนง มีหญ้าน่าประสงค์............พอเลี้ยงสัตว์รีบตัดมา ขอบบึงซึ่งเยี่ยมใหญ่.......สดไสวมากมาลา ต่างพรรณเหลือพรรณนา..ส่งกลิ่นฟุ้งจรุงใจ พณิชจิตบ่เศร้า................เขาสำรวลกันร่วนไป แต่นางเจ้าห่างไกล...........พระภรรดรอ่อนอกกรม หอมกลิ่นผกากรอง..........คิดถึงห้องสองเคยรมย์ โอ้อกฟกระบม...............กลิ่นยิ่งหอมยิ่งตรอมทรวง อยู่วังนั่งในสวน...............มาลีล้วนลออดวง ชะอุ่มเป็นพุ่มพวง............ปวงปลูกไว้ให้เราเชย กลิ่นแซมแกมกลิ่นรัก......จึงหอมนักนะอกเอ๋ย ผัวไกลไร้เสบย...............ได้กลิ่นหอมจึงตรอมใจ นานาผลาผล.................สุกๆหล่นกล่นเกลื่อนไป ลองลิ้มชิมดูไซร้.............หวานกระไรชื่นใจครัน หวานผลวิมลรส..............ยิ่งกำสรดกรรแสงศัลย์ คำนึงถึงทรงธรรม์...........พลันรสกลืนกลายขื่นขม หวานใดไม่หวานหนัก......เท่ารสรักสมัคสม ไร้รักหนักอารมณ์...........หวานเหมือนขมอมโสกา แลดูหมู่ปักษิณ..............บ้างโบกบินบ้างกินปลา บ้างร้องก้องพนา............เพรียกหาคู่ดูเหมือนเนียง อ้านกวิหคหาญ..............อยากใคร่วานเจ้าส่งเสียง ช่วยน้อมจิตพร้อมเพรียง..ส่งสำเนียงเชิญพระมา น้ำบึงซึ่งน่าเพ่ง...............ดูใสเหน่งเล็งเห็นปลา เลี้ยวไล่กันไปมา............บ้างเล่นล่อริมกอบัว ธาราน่าลงเล่น...............อาบน้ำเย็นเย็นแต่ตัว ใจโศกวิโยคผัว..............เย็นแต่ตัวหัวอกร้อน ฯ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 19 ส.ค. 49 11:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 15 และนี่เป็นทีเด็ดของพระนลคำหลวง ตอนที่นางทมยันตีตามหาพระนล มาพบต้นอโศกใหญ่กลางป่า จึงรำพึงกับต้นอโศกดังต่อไปนี้ อยู่ใน สรรค ที่ 12 อ้าดูอโศกนี้.............................ศรีไสว อยู่ ณ ท่ามกลางไพร.................เพริศแท้ ชื่นชุ่มชอุ่มใบ..........................ลมระบัด ดูสุขสนุกแม้............................มาทแม้นจอมผา ฯ อ้าดูอโศกนี้............................ศรีไสววิไลตา อยู่หว่างกลางพนา....................เปนสง่าแห่งแนวไพร ชุ่มชื่นรื่นอารมณ์......................ลมเพยพัดระบัดใบ ดูสุขสนุกใจ............................เหมือนแลดูจอมภูผา อโศกดูแสนสุข.......................ช่วยดับทุกข์ด้วยสักครา โศกเศร้าเผาอุรา......................อ้าอโศกโรคข้าร้าย อโศกโยกกิ่งไกว.....................จงตอบไปดังใจหมาย ได้เห็นพระฦาสาย....................ผ่านมาบ้างฤาอย่างไร พระนั้นชื่อพระนล.....................ผู้เรืองรณอริกษัย เป็นผัวนางทรามไวย.................นามนิยมทมยันตี พระองค์ทรงสวัสดิ์....................เป็นนิษัธธิบดี ทูลหัวทมยันตี.........................มาทางนี้บ้างฤาไฉน พระมีผ้าห่มกึ่ง........................ปรกกายครึ่งหนึ่งนั้นไว้ อันกายฦาสายไซร้..................ผิวเธออ่อนสุนทรทรง เห็นเธอบ้างฤาไม่....................พระทรงชัยฤทธิรงค์ เหนื่อยยากลำบากองค์..............ด้นดั้นป่าโอ้อาดูร อ้าต้นอโศกใหญ่.....................ตูข้าไซร้โศกบ่สูญ พฤกษาอย่าช่วยพูล.................จงตัดโศกวิโยคใจ อโศกเหมาะสมญา...................ตัดโศกาดูรพิไร จงตอบให้ชอบใจ....................ตัดโศกใหญ่ให้สักที ฯ จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 19 ส.ค. 49 11:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เฮ้ย เหงาอีกแล้วหรือนี่ ระวังเขาจะมาเอาคืนอีกเน้อ อิอิ จากคุณ : เอ็นจัง - [ 25 ส.ค. 49 02:07:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เย้ๆๆ  ได้ห้องกลับคืนมาแร้ว!!! Dead Poets prevail!!! ขั้นต่อไป ต้อง fight ให้มี DPS link จากห้องสมุดมาด้วย จากคุณ : Goddess - [ 1 ก.ย. 49 14:15:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : เอ็นจัง - [ 8 ก.ย. 49 03:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ เอาลิงค์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Goddess - [ 8 ก.ย. 49 16:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เอาด้วยๆๆๆ เอาลิงก์เรามาๆๆๆๆๆๆๆ แปะต่อ กลอนตอนพาลีเกี้ยวนางดารา บทโขนของกรมศิลปากร พิศพักตร์พักตร์ผ่องดังดวงจันทร์ พิศขนงดังคันธนูศิลป์ พิศเนตรดังเนตรมฤคิน พิศทนต์ดั่งนิลเรียงราย พิศโอษฐ์โอษฐ์เอี่ยมดังจะแย้ม พิศนาสิกนาสิกแสล้มเฉิดฉาย พิศปรางค์ดังปรางทองราย พิศกรรณกรรณคล้ายบุษบา สงสัยอยู่สองข้อ ข้อแรก "..ทนต์ดังนิลเรียงราย.." มันสวยตรงไหน ฟันดำปี๋ทั้งปาก ข้อสอง "..กรรณคล้ายบุษบา.." มันสวยอย่างไร หูสวย? แสดงว่าทั้งตัวบุษบานี่หูสวยที่สุด? จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 9 ก.ย. 49 21:08:53 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ข้อแรก สมัยก่อนเค้านิยมเคี้ยวหมากให้ฟันดำไงคะ เป็นแฟชั่น คงเหมือนวัยรุ่นสมัยนี้ที่นิยมเหล็กดัด ข้อสอง ก็คงงั้น เพราะบุษบามีดีที่หูสวย+ทัดดอกไม้โชว์หู (อันนี้มั่ว คิกๆๆ) จากคุณ : Goddess - [ 12 ก.ย. 49 13:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาเยี่ยมเยือนค่ะ จากคุณ : เอ็นจัง - [ 19 ก.ย. 49 00:09:29 ]

ความคิดเห็นที่ 23 กาพย์ยานี 11 วิชาเหมือนสินค้า.............อันมีค่าอยู่เมืองไกล ต้องยากลำบากไป...........จึงจะได้สินค้ามา จงตั้งเอากายเจ้า..............เป็นสำเภาอันโสภา ความเพียรเป็นโยธา.........แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ นิ้วเป็นสายระยาง............สองเท้าต่างสมอใหญ่ ปากเป็นนายงานไป.........อัชฌาศัยเป็นเสบียง สติเป็นหางเสือ...............ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง ถือไว้อย่าให้เอียง............ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา ปัญญาเป็นกล้องแก้ว.......ส่องดูแถวแนวหินผา เจ้าจงเอาหูตา.................เป็นล้าต้าฟังดูลม ขี้เกียจคือปลาร้าย...........จะทำลายให้เรือจม เอาใจเป็นปืนคม..............ยิงระดมให้จมไป จึงจะได้สินค้า.................คือวิชาอันพิสมัย จงหมั่นมั่นหมายใจ..........อย่าเกียจคร้านการวิชา (ของเก่า จากหนังสือ ดรุณศึกษา เล่ม 3) แก้ไขเมื่อ 23 ก.ย. 49 07:23:02 จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 22 ก.ย. 49 22:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพยอม อาจจะน้อมจิตโน้มให้โลมลง แม้ล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม ดังดูดดื่มบอระเพ็ดต้องเข็ดขม ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์ ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหรา กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ) จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 25 ก.ย. 49 00:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก              แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย              แม้เจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย              เจ็บจนตายก็ไม่เหน็บเท่าเจ็บใจ (สุนทรภู่) จากคุณ : Goddess - [ 27 ก.ย. 49 11:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กลอนสี่ หนังสือเรียนภาษาไทย ชั้น ป.1 เล่ม 2 คนไทยนี้ดี................เป็นพี่เป็นน้อง เมืองไทยเมืองทอง.....เป็นของคนไทย คนไทยเข้มแข็ง.........รวมแรงรวมใจ รักชาติยิ่งใหญ่...........ไทยสามัคคี ธงไทยไตรรงค์.........เป็นธงสามสี ทั้งสามสิ่งนี้..............เป็นที่บูชา สีแดงคือชาติ............สีขาวศาสนา น้ำเงินงามตา............พระมหากษัตริย์ไทย เรารักเพื่อนบ้าน........ไม่รานรุกใคร เมื่อยามมีภัย............ร่วมใจป้องกัน เรารักท้องถิ่น...........หากินแบ่งปัน ถิ่นไทยเรานั้น..........ช่วยกันดูแล จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 8 ต.ค. 49 13:30:32 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จากคุณ : โก้ (เซโก้4) - [ 9 ต.ค. 49 18:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ดีจ้า จากคุณ : Goddess - [ 11 ต.ค. 49 17:01:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 กาพย์ฉบัง 16 เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน................เหมือนอย่างนางเชิญ พระแสงสำอางข้างเคียง เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง...........................เริงร้องซ้องเสียง สำเนียงน่าฟังวังเวง กลางไพรไก่ขันบรรเลง.......................ฟังเสียงเพียงเพลง ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดัง....................เพียงฆ้องกลองระฆัง แตรสังข์กังสดาลขานเสียง กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง..............พญาลอคลอเคียง แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง...................เพลินฟังวังเวง อีเก้งเริงร้องรองเชิง ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง.......................คางแข็งแรงเริง ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง ป่าสูงยูงยางช้างโขลง........................อึงคะนึงผึงโผง โยงกันเล่นน้ำคล่ำไป มูลบทบรรพกิจ : พระศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 27 ต.ค. 49 23:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แต่งเครื่องแบบแถวพราวดาวบนบ่า........ใส่เสื้อผ้ามากมายหลายสีสัน อีกทรัพย์สินนานาสาระพัน...................อย่าหลงมั่นมัวปลื้มจนลืมตน ค่ามนุษย์จุดใหญ่ที่ใจสูง.....................ใช่นกยูงสวยแต่เพียงแค่ขน ใจสูงด้วยช่วยเด่นความเป็นคน.............อย่าชั่วฉลเฉออกนอกศีลธรรม กวีนิรนาม (ได้จากผนังห้องแถว นิวาสถานของผมเมื่อตอนจบจากโรงเรียนใหม่ๆแล้วเขาบรรจุไปทำงานที่ จ.นครพนม เจ้าของคนก่อนเขาเอาชอล์คเขียนประดับฝาบ้านไว้ เห็นว่าแยบคายดี มีคติสอนใจ ก็เลยจดจำไว้จนถึงเดี๋ยวนี้เตือนใจตัวเอง) จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ 17 พ.ย. 49 06:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่อยเรื่อยมารอนรอน............ทิพากรจะตกต่ำ สนธยาจะใกล้ค่ำ..................คำนึงหน้าเจ้าตราตรู เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง...........นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาพลัดคู่.................เหมือนพี่อยู่ผู้เดียวดาย (กาพย์เห่เรือ เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์) จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด (แอ๊ด ปากเกร็ด) - [ 2 ธ.ค. 49 00:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 งั่มๆๆ จากคุณ : Goddess - [ 21 ธ.ค. 49 21:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อาจารย์แอ๊ดยัง active สุดๆเลยนะครับ สวัสดีนะท่านเทพธิดา และทุกๆคน ขออวยพรปีใหม่ครับ จากคุณ : Imperial - [ 25 ธ.ค. 49 10:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดี หมออิมฯ สวัสดีปีใหม่ครับ ยังสงสัยอยู่ว่ากลับมาแล้วไหงหายหน้าหายตาไป จากคุณ : แอ๊ด ปากเกร็ด - [ วันปีใหม่ 14:02:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ท่านอิมกลับมาก็งานยุ่ง กลายเป็น workaholic ไปเลย :) จากคุณ : Goddess - [ 8 ม.ค. 50 09:08:08 ]