ความคิดเห็นที่ 49
(ต่อ)
เมื่อกองทัพขึ้นไปถึงเมืองหลวงพระบางแล้ว แม่ทัพสอบสวนเรื่องราวข่าวทัพฮ่อ ได้ทราบข้อความตามที่เมืองหลวงพระบางบอกลงมายังกรุงเทพฯโดยเพียงแต่รู้จากคำพวกราษฎรบอกเล่า เพราะหนทางจากเมืองหลวงพระบางไปยังเมืองหัวพันห้าทั้งหก ต้องเดินข้ามห้วยเขาป่าดงเป็นทางกันดาร การที่แต่งคนไปสืบข้อราชการ ถ้าแต่งคนไปมากก็ติดขัดด้วยเรื่องเสบียงอาหาร ถ้าแต่งไปน้อยพอหาเสบียงอาหารได้ ก็ไม่กล้าไปไกลด้วยเกรงอันตราย จึงได้แต่ไถ่ถามพวกราษฎรในท้องที่ใกล้ๆมารายงาน จะเชื่อฟังเอาเป็นจริงทีเดียวไม่ได้ คงฟังได้เป็นหลักฐานแต่ว่ามีพวกฮ่อเข้ามาตั้งค่ายอยู่ในแดนเมืองหัวพันห้าทั้งหกหลายตำบล และหัวเมืองเหล่านั้นท้าวขุนต่างเมืองรักษาประโยชน์ของตนหาได้รวมกันไม่ แม่ทัพเห็นว่าซึ่งจะตั้งอำนวยการปราบฮ่ออยู่ที่เมืองหลวงพระบางนั้นห่างนัก ตรวจดูตามแผนที่อันที่พอจะรู้ได้ในเวลานั้นประกอบกับคำชี้แจงที่เมืองหลวงพระบาง เห็นว่ากองทัพจะต้องขึ้นไปตั้งอยู่ที่เมืองซ่อนในเขตเมืองหัวพันห้าทั้งหก จึงจะปราบปรามพวกฮ่อตลอดไปได้ทุกเมือง และกำหนดที่จะยกกองทัพขึ้นไปให้ถึงเมืองซ่อนในเดือน ๔ ปีระกานั้น ให้ได้ทำการปราบฮ่อก่อนถึงฤดูฝน
ครั้นถึงวันอังคาร เดือน ๔ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีระกา เจ้าหมื่นไวยฯยกกองทัพจำนวนพล ๒,๕๐๐ คน ออกจากเมืองหลวงพระบางเดินทางบกไป ๑๐ วัน ข้ามลำน้ำอูไปพัก ณ เมืองงอยเห็นทางเดินทัพกันดาร จึงปรึกษากับพระยาสุโขทัยและเจ้าราชวงศ์เมืองหลวงพระบาง เห็นพร้อมกันว่าจะรีบยกกองทัพขึ้นไปเมืองซ่อนทั้งหมด เสบียงอาหารคงส่งไม่ทัน จะตั้งอยู่เมืองงอยคอยให้เสบียงอาหารพรักพร้อมเสียก่อนก็จะชักช้าการไป แม่ทัพจึงแบ่งทหารหัวเมืองให้พระยาสุโขทัย กับนายพันตรี พระพหล(กิ่ม)คุมอยู่ที่เมืองงอยกอง ๑ เพื่อจะได้ลำเลียงเสบียงอาหารส่งไปโดยเร็ว เมื่อได้เสบียงพอแล้ว แม่ทัพจะมีหนังสือลงมายังเมืองงอยให้พระยาสุโขทัยและพระพหลตามขึ้นไป แต่งให้เจ้าราชวงศ์เมืองหลวงพระบางคุมไพร่พลยกขึ้นไปตั้งมั่นอยู่ตำบลสบซาง คอยรับเสบียงอาหารส่งไปถึงเมืองซ่อนอีกกอง ๑ ส่วนแม่ทัพกับลนายจ่ายวดจะคุมกองทัพกรุงเทพฯรีบยกขึ้นไปเมืองซ่อนทีเดียว
ถึงวันอังคาร แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ กองทัพใหญ่ก็ได้ยกออกจากเมืองงอย เดินในทางทุรัศกันดารข้ามห้วยธารและเทือกเขาไปประมาณ ๑๕ วัน ถึงเมืองซ่อนเมื่อวันเสาร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีจอ พ.ศ. ๒๔๒๙ ให้ตั้งค่ายอยู่ ณ เมืองซ่อนนั้น
ทำเลเมืองซ่อนนั้นมีทางที่จะแยกไปยังเมืองอื่น ๔ ทาง ทางที่ ๑ จากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปเมืองสบแอดระยะทาง ๘ วัน ทางที่ ๒ จากทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปเมืองแวน และเมืองลำพูนระยะทาง ๑๐ วัน ทางที่ ๓ ไปทุ่งเชียงคำระยะทาง ๑๐ วัน ทางที่ ๔ คือทางมาเมืองงอยที่กองทัพยกขึ้นไป แม่ทัพจึงให้ตั้งค่ายรักษาด่านให้มั่นคง เมื่อกองทัพไปถึงเมืองซ่อนสืบได้ความว่ามีฮ่อตั้งค่ายอยู่ที่ตำบลบ้านได แขวงเมืองสบแอดหลายค่าย และยังมีครอบครัวของพวกฮ่อนั้นตั้งบ้านเรือนอยู่ในค่ายบ้านได ทั้งในค่ายบ้านนาปา แขวงเมืองสบแอด ซึ่งเป็นที่ตั้งมั่น ระยะทางแต่สบแอดถึงค่ายฮ่อที่เมืองพูนอีกแห่งหนึ่งประมาณ ๔๐ เส้น มีฮ่อและผู้ไทยทู้อยู่ในค่ายทั้ง ๓ นั้นประมาณ ๘๐๐ เศษ เมื่อได้ความมั่นคงดังกล่าวแล้ว แม่ทัพจึงแต่งให้นายร้อยเอก หลวงดัษกรปลาศ(อยู่) กับเจ้าราชภาคิไนย คุมทหารกรุงเทพฯกับทหารหัวเมืองนายไพร่ ๓๐๐ คน ยกไปทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ หมายไปตีค่ายบ้านไดและบ้านนาปผา แขวงเมืองสบแอดกอง ๑ ให้นายร้อยเอก หลวงจำนง(อิ่ม) กับเจ้าราชวงศ์ คุมทหารกรุงเทพฯกับทหารหัวเมืองรวม ๔๐๐ คน ยกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ หมายไปตีค่ายฮ่อที่ตั้งอยู่ ณ เมืองพูนอีกกอง ๑ ให้ฮ่อพะว้าพะวังต้องต่อสู้เป็น ๒ ทาง อย่าให้รวมกำลังกันได้
ในระวางทัพตั้งอยู่ที่เมืองซ่อนนั้น ได้มีพวกพลเมืองทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในเมืองพูน ๑ เมืองโสย ๑ เมืองสบเเอด ๑ พากันอพยพหลบหนีพวกฮ่อเข้ามาหากองทัพ รวม ๓ เมืองเป็นครอบครัว ๙๕ ครัว จำนวนคน ๑,๑๐๑ คน แม่ทัพต้องรับไว้ที่เมืองซ่อนทั้งหมด เสบียงอาหารที่จะแจกจ่ายเจือจานก็อัตคัด และเวลาก็จวนฤดูฝน พวกครัวซึ่งมารวบรวมกันอยู่ยังหามีถิ่นที่ไร่นาจะทำกินพอเลี้ยงชีวิตต่อไปไม่ แม่ทัพจึงให้เจ้าราชวงศ์ขอยืมที่นาของราษฎรในเมืองซ่อนที่ยังรกร้างมีอยู่บ้าง กับพื้นที่ว่างเปล่าอันมีอยู่แบ่งปันให้แก่พวกครัวพอจะได้ทำมาหากิน โคซึ่งมีไปสำหรับเป็นเสบียงอาหารในกองทัพอันมิใช่โคพาหนะ แม่ทัพก็ให้ยืมพอที่พวกครัวจะได้ใช้ในการทำนานั้น และได้แจ้งความลงไปยังเจ้านครหลวงพระบาง ขอให้จัดหากระบือพร้อมทั้งเครื่องมือสำหรับการเพาะปลูกส่งขึ้นไปให้ จะได้เป็นกำลังตามสมควร แต่พวกครัวทั้ง ๓ เมืองที่เป็นชายฉกรรจ์นั้น แม่ทัพเกณฑ์ให้ขนลำเลียงอาหารแต่เมืองซ่อนขึ้นไปส่งกองทัพที่ได้ยกขึ้นไปตีค่ายพวกฮ่อนั้น
ฝ่ายกองหลวงดัษกรปลาศและเจ้าราชภาคิไนย ซึ่งยกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงไปตีค่ายฮ่อบ้านได บ้านนาปา แขวงเมืองสบแอดนั้น ยกเข้าตีค่ายฮ่อเมื่อ ณ วันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีจอ ฮ่อยกออกต่อสู้นอกค่าย เอาปืนใหญ่กระสุนเท่าผลส้มเกลี้ยงลากออกมาตั้งยิงที่หน้าค่าย พอยิงปืนปืนนั้นแตก ฮ่อหนีกลับเข้าค่าย กองทหารไทยได้ทีก็รุกไล่เข้าไปในค่าย ร้อยโทดวงคุมทหารหมวดหนึ่งเข้าพังประตูค่ายด้านใต้ นายร้อยเอกหลวงดัษกรปลาศกับเจ้าราชภาคิไนย นายร้อยโทเจ๊ก นายร้อยโทเอื้อน คุมทหารหมวดหนึ่งเข้าพังประตูทางทิศตะวันตก พระพิพิธณรงค์ กรมการเมืองลัแล กับพระเจริญจตุรงค์ กรมการเมืองพิชัย คุมทหารหัวเมืองเป็นกองหนุน ทหารหมวดนายร้อยโทดวงพังประตูด้านใต้ตีหักเข้าไปได้ก่อนด้านอื่น ฮ่อแตกกระจัดกระจายพ่านหนีออกหลังค่ายทิศตะวันออก ทหารก็หักเข้าไปได้ทั้ง ๒ ทาง ฮ่อก็มิได้ต่อสู้ทิ้งค่ายหนีไป กระสุนปืนถูกฮ่อตายในที่รบ ๒๓ คน และถูกอาวุธป่วยเจ็บเป็นอันมาก
ในเวลาที่สู้รบกันอยู่นั้น กระสุนปืนถูกฮ่อกอยี่ซึ่งเป็นนายรักษาด่านบ้านไดที่ขาซ้ายป่วยลำบากอยู่ จ่านายสิบธูปคุมทหาร ๔ คนตรงไปจับคุมตัว กอยี่ชักปืนสั้นออกยิงตัวเองขาดใจตาย ทหารจับได้ครอบครัวฮ่อ คือภรรยากวานหลวงฮ่อกับบุตรคน ๑ ภรรยากวานยี่ฮ่อคน ๑ กับครอบครัวพวกฮ่อรวม ๓๒ คน เก็บได้เครื่องศัสตราวุธและเสบียงอาหารเป็นอันมาก กองทหารก็เข้าตั้งมั่นอยู่ในค่ายบ้านไดแต่ในขณะนั้น
ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ พวกชาวเมืองสบแอดที่เข้ายอมทู้ฮ่อประมาณ ๔๐๐ เศษ นำครอบครัวมาหากองทัพทั้งสิ้น แจ้งความว่าเกรงกลัวฮ่อจึงได้ยอมเข้าทู้ หาได้คิดจะเป็นกำลังช่วยฮ่อต่อสู้กองทัพไม่ กับแจ้งให้ทราบว่าที่ค่ายบ้านนาปานั้นมีฮ่อแท้ ๕๐ คน นอกนั้นเป็นแต่พวกผู้ไทยทู้ เมื่อกลางคืนเวลา ๒ ยาม ได้ข่าวว่ากองทหารตีค่ายบ้านไดแตกแล้ว คนที่เข้าทู้ก็เอาใจออกหากพากันหลบหนีไปสิ้น ฮ่อเห็นว่าจะต่อสู้มิได้ ทิ้งค่ายบ้านนาปาหนีเข้าป่าดงไปแล้ว แต่เสบียงอาหารยังอยู่เต็มฉาง หลวงดัษกรปลาศกับเจ้าราชภาคิไนยจึงคุมทหารไปยังค่ายบ้านนาปา เกณฑ์คนพลเมืองให้ขนข้าวในฉางนั้นมารวมไว้ในฉางค่ายบ้านไดทั้งสิ้น รวมเข้า(ข้าว)ที่ได้ทั้งสองค่ายทั้งข้าวเปลือก ข้าวสาร ๕,๘๒๐ ถัง
จากคุณ :
กัมม์
- [
9 ส.ค. 49 12:18:11
]
|
|
|