20 นาทีหรือคะ จะเขียนให้ in a nutshell ค่ะ
สำหรับคนอื่นม่ะรู้ แต่นี่สำหรับตัวเอง .........
เริ่มต้นตอนเด็กๆม่ะค่อยแข็งแรง เป็นภูมิแพ้ เรียนสุขศึกษาเขาสอนว่า กินนมเยอะๆ กับผักสดและผลไม้เยอะๆ เรายิ่งกินก็ยิ่งปวดหัวไม่เกรน ตอนจบไปค้นพบจาก Macrobiotics ว่า นมวัวทำให้เป็นภูมิแพ้ ผักสด และผลไม้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลไม้เมืองร้อน) ทำให้ตัวเย็นและสูญเสียกำลังภายใน........
เราเรียนมวยไทย พอไปปล่อย "ไม้พันลำ" (หมัดเท้าเข่าศอกไวๆเป็นชุดๆ) กลางหิมะอุณหภูมิ -3 องศาเซลเซียส เหงื่อไม่ออก?
แต่พอรำมวยไทชี่ (ไทเก็ก) ช้าๆ กลางหิมะอุณหภูมิ -3 องศาเซลเซียส เหงื่อออกท่วมกายจนต้องแก้ผ้ารำ...เพราะทนความร้อนไม่ไหว (ดีว่ามันเป็นตอนตี 3 กลางสวนสาธารณะในลอนดอน) ..........
อ่านประวัติคนเป็นมะเร็งเป็นเบาหวาน ที่ไปหาหมอ หมอสั่งตัดอวัยวะทีละชิ้นสองชิ้น .....ตอนจบตายหมด ........แต่อ่านเรื่องเกี่ยวกับที่คนไข้ซึ่งหมอบอกว่า "ต้องตายแหงๆ" พวกเนี้ย เมื่อรู้ว่า "ต้องตายแน่ๆ" ก็กล้าเสี่ยง ลองฝึก Macrobiotics กับฝึกกำลังภายใน ......... และรักษาโรคร้ายได้ในที่สุด...........???
เราเลยอยากค้นคว้าศาสตร์พวกเนี้ยให้มากกว่านี้ ก็เลย (หลงผิด) ขนตำราพวกเนี้ยกลับเมืองไทยมาหลายร้อยเล่มกะว่าจะแปลให้ได้เงิน แล้วเอาเงินที่ได้มา ไปซื้อหนังสืออ่านหาความรู้เพิ่ม หรือไปจ่ายค่าเรียนวรยุทธ์ (เรียนกำลังภายในเพิ่ม) .........
แต่อนิจา หัดแปล แปลไปแปลจากอังกฤษเป็นไทย แปลไปแล้วอ่านไม่รู้เรื่อง .....ก็ไปสมัครงานเป็นนักแปลฝึกหัดในบริษัทแปล .....พอปีกกล้าขาแข็งก็ออกมาเป็นนักแปลอิสระ .................
แปลไปแปลมาส่วนใหญ่โดนจับให้แปล ไทยเป็นอังกฤษ ..พอจะขยับแปลหนังสือ ก็แปลเรื่องที่ต้วเองอยากแปลไม่ได้ จะแจ้งเกิดต้องแปลวรรณกรรม 100 กว่าปี .........
แปลๆไปก็สนุก แต่มันไม่บรรลุเป้าหมายสักที
....แต่อยู่ดีๆพบว่าหนังสือแนวที่เราอยากแปล ปรากฎว่ามีกระทาชายนายหนึ่งเขา plagiarized ไปเรียบร้อยแล้วอย่างแนบเนียนมากๆ .........เขาลอกตำราที่ญี่ปุ่นเขียนไว้ แล้วเขียนใหม่เป็นไทย บอกว่า คนจีนพูดว่า.......แล้วเขาเปลี่ยนภาพวาดแบบญี่ปุ่นให้กลายเป็นจีน .......
เราตกใจมั่กๆ.........หนังสือเขาพิมพ์ออกมาเป็นสิบๆเล่มแล้ว .........ตกลงเขากลายเป็นแนวหน้า ทำสิ่งที่เราอยากทำ และได้รับผลกระทบที่รุนแรง นั่นก็คือว่า เวลาเขาสอนคนไทยว่า "อย่ากินน้ำตาล" และ "อย่ากินผลไม้ไทย" หากว่าต้องการสุขภาพดี ........ปรากฎว่า "เขาโดนคนไทยรุมด่าเละเลยไ ............
เราจึงปลงคิดว่า เป้าหมายของเรา ถ้าบรรลุได้เราก็โดนด่า It is ironical!
แล้วเรื่องแปลเอกสาร ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจการขาย คนที่หาลูกค้าได้เป็น "ผู้ชนะ" ...........นักแปลเก่งๆไม่มีทางทำงาน administration ได้ ...............
จะมีบริษัทแปลหรือคนหางานแปลบนเว็บ ที่มีเครือข่ายหางานได้ บางทีต้องติดใต้โต๊ะเงินเป็นแสน เพื่อให้หน่วยงานบางหน่วยงาน "โก่งราคา" ........(เตี๊ยมกันระหว่างนักแปลกับใส้ศึกในหน่วยงาน) .........แล้วนักแปลหรือบริษัทแปลก็เอางานมา outsource .......แค่กินหัวคิวก็อยู่รวยและแล้ว.....ในขณะที่นักแปลมือดีๆคนเก่งๆต้องทำงานหนักจนเครียด..........
ส่วนงานแปลภาพยนต์ ถ้าเป็นหนังโรงใหญ่ๆจะมีตระกูลใหญ่ๆผูกขาด เขาจะอ้างว่า ไม่จ้างคนใหม่ๆเพราะไม่รู้ฝีมือ แต่แท้จริงแล้วเขาเล่นพรรคพวกกัน .......
นักแปลคนที่ติดสินบนเพื่อให้ได้งานรู้ว่าคนที่ว่าจ้างงานแปลภาพยนต์เป็นภรรยายักษ์ใหญ่ในวงการ ก็เลยไปสวามิภักดิ์เพื่อให้ได้งานจากเธอมา...........
เขาเคยเป็นเพื่อนเรา แต่เขาทรยศเรา ........เขาทำทุกอย่างเพื่อเงิน.......
เรากล้าๆกลัวๆที่จะแปลหนังสือ กลัวแปลไปแล้วได้เงินช้า แต่มีนนักแปลที่มีชื่อเสียง พาพวกเข้ามารุมด่าเราหาว่า "อยากแปลแต่ไม่ขวนขวาย"
จริงๆแล้วเรากลัวจะได้แปลหนังสือ แล้วเราก็แปลไปแล้ว 2 เล่มแรก เราต้องสูญเสียรายได้ไปเป็นเงินประมาณ 100,000 บาท ....ผลลงเอย เราโดนแฟนเก่าเราเยอะเย้ยเราเรื่องเสียรายได้ขนาดนี้ และเยาะเย้ยเราว่า "เราอิจฉาเด็ก ต้องแย้มฝาโลงศพมาแปลแข่งกับเด็ก" .......ตกลงหนังสือ 2 เล่มแรกที่เราแปล นอกจากจะสูญเสียรายได้ (เอาเวลาไปแปลเอกสารได้เงินมากกว่า) ........ ไป 100,000 บาทแถมเรายังโชคดีได้เลิกกับแฟน ......โมโหที่มันเข้าข้างนักแปลผู้มีเชื่อเสียง โดยการหมิ่นประมาทเราว่า "แย้มฝาโลงศพขึ้นมาแปล แล้วไม่ดังเท่าเด็ก ก็เลยโมโห) จนตอนนี้เราเป็นโสด....และกำลังย้อนยุคกลับเป็นหน้าเด็กขึ้นทุกวัน ออกวิ่งทุกวัน ฝึกโยคะทุกวัน ฝึกมวยจีนทุกวัน ........เพราะไอ้นักแปลผู้มีชื่อเสียงมันพาพวกมันมาพูดว่า "พวกมันจะถอนหงอกเรา" .......ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า หน้าตาเราดีขึ้นกว่าเดิม จนถึงชั้นจีบเด็กวัยรุ่นได้เยย..........ไชโย....... 5555555555555555555555
15 ปีที่เราหลวมตัวเข้ามาในวงการแปล มันบัดซบสิ้นดีเลย ........เร็วๆนี้เราคงมีทรัพยากรพอที่จะหนีไปทำงานอื่น
สรุปแล้ว เราอยากแปล ..จนถึงขั้นลงทุนลงแรงเรียนการแปลด้วยตนเอง.....มันมีเหตุผลเดียวก็คือว่า เราอยากแปลหนังสือเรื่องศาสตร์เร้นลับ พวก macrobiotics โยคะ กำลังภายใน เต่า ฝึกสมาธิ ..........
แต่ลงเอย เรากลายมาเป็น "มือปืนรับจ้าง" ที่แปลงานพวกสัญญากฎหมาย เอกสารในเชิงพาณิชย์ ทั้งหลาย ........แปลๆไปพอจะเข้าสู้วงการแปลหนังสือ เราก็โชคไม่ดี ไม่เคยได้หนังสือง่ายๆมาแปล ที่แปลแล้วดังไวๆเหมือนชื่อบะหมี่ เจอแต่หนังสือยากๆ.........แต่ละเล่มเคี้ยวไม่ค่อยจะลง...........
แต่มันก็สนุกดี ........นี่แหละคือการต่อสู้ในชีวิตชองนักแปลคนหนึ่งที่ไม่มีพวก ไม่มีพ้อง ไม่มีโครตพ่อโครตแม่ดังๆพาเข้าสู่วงการ...........
หวังว่าข้อมูลนี้คงเพียงพอสำหรับคุณนะ
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 49 23:48:40
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 49 23:43:58
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 49 23:42:16
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 49 23:40:13
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 49 23:37:25
แก้ไขเมื่อ 20 ส.ค. 49 23:36:19