ความคิดเห็นที่ 13
กรรมนั้น ใครทำย่อมได้รับกันไปเองแน่นอน
ไม่ช้า ก็เร็ว
ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า
พระพุทธเจ้าท่านก็สอนเรื่องนี้มาตลอด
ผู้ที่มีปัญญา จะรู้ได้เองว่า เขาทำผูกพันกันมาเอง ชาติที่แล้วคนนี้ฆ่าเขา ชาติต่อมาเขาก็ฆ่ากลับ พระพุทธเจ้าเองก็เคยทรงเล่าเรื่องพระญาติในศากยวงศ์ที่ในที่สุดก็ต้องโดนฆ่าล้างทั้งวงศ์ไปเพราะจองเวรกันมาทุกภพชาตินี่แหละ
โหดเสียยิ่งกว่าเรื่องนานกิงนี้อีก ลูกเด็กเล็กแดงก็ไม่เว้น นั่นเรื่องตั้งแต่สมัยพุทธกาลด้วยซ้ำ ๒,๕๐๐ ปีมาแล้วด้วยซ้ำ
กิเลสในใจมนุษย์ไม่ได้เป็นเรื่องแปลก หรือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเลย
คนที่มีบุญทันได้เกิดในสมัยที่มีพระพุทธศาสนาแล้วอย่างตอนนี้ แต่ไม่เข้าใจอะไรเลยนี่สิน่าสงสารยิ่งกว่า
ไปยึดติดกับกรรมเวรของคนอื่น ไปเรียกร้องให้กายกับใจของคนอื่นจะต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้ โดยหารู้ไม่ว่า จริง ๆ แล้วทั้งทุกข์ และ สุขนั้น อยู่ที่ใจของตัวเองนั่นเอง
คนที่เรียนรู้เป็น ปล่อยวางเป็น ไม่ยึดติดได้ ใจก็จะปลอดโปร่งโล่งสบายเป็นยิ่งนัก
คนที่สงสัยเสมอว่า "ทำไม ๆ ๆ ๆ " กับสิ่งนอกกาย กับสิ่งรอบตัว กับคนอื่น กับสังคมนั้น ถ้าปฏิบัติธรรมไปนาน ๆ ความสงสัยเหล่านั้นมันจะหายไปเองทั้งหมด
ถ้าอยากรู้ก็เกรงว่าคงต้องทำเอง เพราะธรรมะเป็นปัจจัตตัง คือรู้ได้ด้วยตัวเอง
แต่พอมองย้อนตัวเองมาแล้วก็จะขำตัวเอง ว่าอะไรกันนักกันหนา เพราะแม้นแต่สิ่งที่เรานึกว่าเป็น "ตัวเอง" ยังไม่มีตัวตน และ ไม่ใช่ สิ่งที่เราเคยนึกเล้ย
แต่ก็นั่นแหละ แม้นแต่พระพุทธเจ้าท่านก็ยังทรงบอกว่า พรหมวิหารมี ๔ ข้อ
ข้อแรกนั้น เราย่อมปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ซึ่งสุขใดจะเหนือกว่าความสงบนั้น ไม่มี
ข้อสอง คือ ย่อมปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
ข้อที่สาม คือ ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นมีความสุข
ข้อที่สี่ คือ ถ้าพยายามแล้วทุกทาง เขาก็ยังไม่สามารถเห็นทางไปสู่ความสงบนั้นได้ ยังจะไปยึดติดกับกรรมเวรของคนอื่นสิ่งที่สร้างอกุศลจิตให้กับตัวเองอย่างไม่จำเป็นทุกขณะจิตที่ระลึกถึงมัน ก็ต้องวางใจเป็นกลาง คืออุเบกขา หรือวางเฉยเสีย
เพราะนั่นคือสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงทำเหมือนกัน
เราอาจจะยังตรัสรู้อย่างพระองค์ท่านไม่ได้วันนี้
แต่เราสามารถเรียนรู้ที่จะวางใจเป็นกลาง หรือวางอุเบกขาได้ไม่ใช่หรือ?
หรือพระพุทธองค์เคยทรงสอนว่าเวรนั้นต้องระงับด้วยการแถลงข่าวสำนึกผิดและขึ้นศาลจ่ายเงินทดแทน?
แม้นแต่ตอนจะทรงปรินิพพานก็ทรงทราบด้วยวาระจิตว่า เนื้อสุกรที่จะทรงฉันนั้นมีพิษ แต่เนื่องจากในชาติก่อน ๆ เคยทรงให้อาหารที่มีพิษกับสัตว์ที่เคยทรงเลี้ยง และทรงทราบว่าถึงเวลาที่วิบากกรรมจะให้ผลแล้ว ก็ทรงรับถวายภัตตาหาร และฉันองค์เดียว โดยให้ฝังอาหารที่เหลือเสีย ไม่ให้ถวายพระภิกษุรูปอื่นในคณะที่ไปด้วย
ถ้าจะมีสิ่งที่มนุษย์น่าจะเรียนรู้ได้ที่สุด จากเหตุการณ์นานกิง ก็คือ การเรียนรู้ภัยของการเวียนว่ายตายเกิด และการรู้จักใจตนเอง เมื่อได้รับรู้เหตุการณ์นี้
และน่าจะเรียนรู้ว่า จะทำอย่างไร จึงจะสามารถหมุนสิ่งนี้ให้ใจเราเกิดปัญญาขึ้นมาได้ โดยไม่เกิดจิตตกเป็นอกุศลไปเสียก่อน
วิธีนั้นมีอยู่ ไม่มีค่าลิขสิทธิ์มาสองพันปีแล้ว ขึ้นอยู่กับว่า จะมีผู้แสวงหา และกล้าลองทำหรือไม่
จากคุณ :
kenzen
- [
29 ส.ค. 49 23:28:17
]
|
|
|