เรื่องนี้เกิดในสมัย ร4 ครับ ในช่วงที่จักวรรดิ์นิยมตะวันตก แผ่ขยายอำนาจเข้ามาในภูมิภาคเอเซีย ช่วงนั้นเอง ฝรั่งเศสพยายามขยายอิทธิพลเข้ามาในเขมร กษัตริย์ของเขมรในช่วงนั้นก็คือพระหริรักษ์(คนๆนี้คือบิดาของเจ้านโรดมคนที่ว่ามีปัญหาเรื่องพิธีสวมมงกุฏนะแหละ) และด้วยนิสัยโลเลสองจิตสองใจของเขมรเองนั้น ทำให้พระหริรักษ์จะคอยฉวยโอกาสดึงเอาอำนาจภายนอกมาช่วยเหลือตนเองเสมอๆเช่น ในปี2397 เขมรได้แอบส่งสารลับไปยังฝรั่งเศส โดยขอให้ฝรั่งเศสนั้นช่วยกู้ดินแดนที่เสียไปให้ญวณ ให้กลับมาอยู่กับเขมรอีกครั้ง
บัดนี้ ตูพอพระทัยรักใคร่มหาราชพระบรมนาโปเลออนคำรบ3 เป็นเจ้านครฝรั่งเศส ก็อยากใคร่บอกใจรักซื้อตรงกับเธอ ด้วยตูเปนเจ้าเมืองเขมร ก็มีใจยินดีอยากจะผูกไมตรีกับเจ้าเมืองฝรั่งเศส จะมีประโยชน์ไมตรียืดยาวต่อไป นครก็จะได้กว้างขวางมีประโยชน์แก่ราษฏรเปนอันมาก เขมรกับฝรั่งเศสก็จะได้เปนไมตรีรักใคร่กัน
ที่ยกมานี้เป็นเนื้อความในสารที่พระหริรักษ์ส่งไปให้ จักพรรดิ์นโปเลียนที่3ครับ ซึ่งแน่นอนว่า จดหมายแบบนี้ย่อมเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ซึ่งทางฝ่ายสยามเองก็ไม่พอใจเป็นอันมาก ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ร4 เองก็มีพระบัญชาโดยตรงมายังราชสำรักอุดงมีชัยว่า ห้ามทำสนธิสัญญาใดๆทั้งสิ้นกับผู้แทนฝรั่งเศส ซึ่งการกระทำครั้งนี้ของกษัตริย์เขมรก็เท่ากับเป็นการลูบคมผู้ทรงอิทธิพลในภาคพื้นอุษาคเนย์สยามแบบสุดๆ ทางสยามเองก็เลยแก้เผ็ดทางราชสำนักเขมรครับ โดยเมื่อฝรั่งเศสได้ส่งทูตชื่อ มงติญยี่เข้ามาถึงเมืองกำปอดนั้น ทาง ร.4 ได้ส่งคนนำทาง ชาวเขมรมา 9 คน เพื่อนำทางท่านทูตไปยังราชสำนักเขมร (ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่จำเป็นเลย ที่สยามจะต้อง ส่งตรง คนนำทางเพื่อนำทางท่านทูตไปราชสำนักเขมร เรื่องแค่นี้จริงๆแล้วให้ทางราชสำนักเขมรส่งคนมารับก็ย่อมได้ ไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่จะต้องส่งตรง แบบ ทีวีไดเร็ก นอกเหนือจากจะเป็นการแสดงอำนาจให้เห็นว่า ข้าตะหากที่คุมเขมร ไม่ใช่แก) ซึ่งแน่นอนครับ ในคนเหล่านี้ ก็คงไม่พ้นเป็นสายลับของสยามนี่แหละ คนเหล่านี้แสบมากครับ นำทางให้ไปถึงราชสำนักเขมร แต่กลับไม่อนุญาติให้ทูตฝรั่งเศสเข้าไปถึงอุดงมีชัย(แสบมั๊ย นำทางไปให้ถึงหน้าบ้าน แต่ไม่ให้เข้าบ้าน ให้ดูเฉยๆ) แค่นี้ยังไม่พอครับ หลังจากแก้เผ็ดทางฝรั่งเศสแล้ว ก็ถึงตาของกษัตริย์เขมรบ้าง ร.4ได้มีบัญชาให้ ขุนนางไทยที่เมืองพระตระบองไปทำภารกิจ ชนิดที่เรียกได้ว่า Mission Impossible ยังต้องเรียกพี่ คำสั่งที่ขุนนางที่พระตระบองได้รับก็คือ สำรวจปราสาทพระนครวัด และย้ายปราสาทเข้ามาในกรุงเทพซะ แน่นอนครับว่า ถ้าทำได้ก็เทพแล้ว ขนาดปัจจุบันนี้ จะไปย้ายปราสาทนครวัดทั้งหลังก็ยังเรียกได้ว่า หืดขึ้นคอเลย ซึ่งเมื่อคณะสำรวจรายงานผลกลับมานั้นว่า ไม่ว่ายังไงๆ ก็คงทำไม่ได้ เพราะปราสาทนครวัดใหญ่เกินไป ร.4 ท่านก็เลยให้ภารกิจใหม่อีกชิ้นที่ง่ายกว่าเดิม(หน่อยนึง) ก็คือ ให้ย้ายปราสาทหินขนาดย่อมๆ 2 หลังแทน ปราสาทพระนครวัด เป็นไงครับ ง่ายขึ้นกว่าเดิมไหมครับ, โดยที่เมื่อย้ายมาแล้ว ให้นำมาตั้งไว้ที่เขามหาสวรรค์ และที่วัดปทุมวัน ซึ่งปราสาทหิน 2 หลังที่จะทำการื้อถอนก็คือปราสาทพระขรรค์ และปราสาทตาพรหม และเพื่อการนี้ได้มีการส่งกำลังพลเข้าไปถึง1000นายเพื่อทำการรื้อถอน ซึ่งจริงๆแล้วแต่เดิมเราก็ไม่ได้สนใจปราสาทสไต เขมรหรอกครับ บ้านเรามีเยอะแยะ อยู่ใกล้ๆด้วยเช่นที่ เพชรบุรีเป็นต้น การที่ยอมบุกป่าฝ่าดงเขมรเป็นระยะทาง600 กิโลเมตร เพื่อรื้อถอนปราสาทนั้น เรียกได้ว่า หินซะยิ่งกว่าหิน เพราะเส้นทางนั้นนอกจะลุยป่าแล้ว ยังมีเทือกเขากั้นอยู่อีก และนอกจากความยากลำบากในการขนย้ายแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องการถูกจู่โจมโดยชาวเขมรอีกเรื่องนี้มีบันทึกในพระราชพงศาวดาร รัชกาลที่4ครับ โดยในนั้นระบุว่า จณะที่ทำพิธีบวงสรวงนั้น ได้มีคนราวๆ 300 คนออกมาจากป่า เข้าจู่โจม จากเหตุการครั้งนั้น ทำให้มีคนตายหลายคน เช่นพระสุพรรณพิศาล พระวัง บุตรพระสุพรรณพิศาล ส่วนพระมหาดไทยและพระยกกระบัตร นั้นบาดเจ็บ แต่กระนั้นก็ตามMission impossibleนี้ก็ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป จนในที่สุดเหล่าเสนาบดีก็ทนไม่ไหวเลยเข้าชื่อกันเพื่อถวายเรื่องให้ยกเลิกภารกิจอันเหลือเชื่อนี้ไว้ โดยให้เหตุผลว่า แค่จะรื้อลงมาก็ยากแล้ว เวลาขนกลับมาก็ยากยิ่งกว่า แถมถ้าขนกลับมาที่กรุงเทพได้แล้ว แต่ดันประกอบให้เหมือนเดิมไม่ได้จะยิ่งขายหน้าเขาเปล่าๆ(เออ ก็จริงนะ) ในที่สุด รัชกาลที่4 ก็จนใจกับคำแย้งของเหล่านุนนาง ก็เลยระงับภารกิจนี้ไว้ซะ แต่ตัวท่านเองนั้นก็ไม่คิดเลิกล้มแผนการนี้ซะทีเดียว ในที่สุด ในปี 2410 รัชกาลที่4 ทรงส่งเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปยังเสียมราฐอีกครั้งเพื่อถ่ายรูปประสาทพระนครวัด เพื่ออะไรเหรอครับ... ก็ในเมื่อขนเข้ามาไม่ได้ ก็ทำจำลองมันซะในกรุงเทพนี่แหละ โดย ในบันทึกระบุว่า
และเมื่อ ณ เดือน 3 แรม 13 ค่ำ ปีขาลอัฐศก โปรดเกล้าฯ ให้พระสามภพออกไปถ่ายแบบปราสาที่นครวัด จะจำลองขึ้นไว้ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อให้คนทั้งหลายเห็นว่าเป็นของอัศจรรย์
ซึ่งตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่า นครวัดจำลองแห่งนี้ยังอยู่ในวัดพระแก้วอีกหรือเปล่า เพราะไม่ได้ไปวัดพระแก้วนานมากๆๆๆ(ไปครั้งสุดท้ายตอน10ขวบ)
ปล. ข้อมูลส่วนใหญ่อ้างอิงจากหนังสือ คิงมงกุฏ หยุดยุโรปยึดสยามครับ ผิดถูกตกหล่นอะไร รบกวนช่วยแก้ด้วยครับ
จากคุณ :
GusZ
- [
31 ส.ค. 49 21:30:24
]