CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ส.พระนครเหนือชี้ข้อผิดพลาดการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของ สกอ.

    ส.พระนครเหนือชี้ข้อผิดพลาดการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของ สกอ

       ศาสตราจารย์ ดร.ธีรวุฒ  บุณยโสภณ  อธิการบดี  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ(สจพ.) ได้รับมอบอำนาจจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารให้ชี้แจงข้อผิดพลาดของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) ในการตั้งเกณฑ์การประเมินการจัดอันดับมหาวิทยาลัยและความผิดพลาดในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ไม่ตรงตามสภาพความเป็นจริงของมหาวิทยาลัย ก่อให้เกิดความตระหนกตกใจแก่นักศึกษา  ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป  โดยส่งจดหมายชี้แจงให้ ท่านรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ นายจาตุรนต์  ฉายแสง ได้ทราบดังนี้   ด้วยคณะกรรมการบริหาร  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ  ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2549  มีมติไม่ยอมรับเกี่ยวกับรายงานผลการจัดอันดับเพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย ปี 2548  ด้านการเรียนการสอนและด้านการวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการ                การอุดมศึกษาและให้สถาบันฯ ชี้แจงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการทราบข้อสังเกต  โดยมีเหตุผล ดังนี้

       1.  ข้อมูลการจำแนกคณะตามกลุ่มสาขาวิชา     หลายกลุ่มสาขาวิชาไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง   ตัวอย่าง เช่น    คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ    คณะผู้วิจัยเอกสารของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา    ได้จัดอันดับไว้ในกลุ่มสาขามนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์ โดยไม่สอบถามความเห็นของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ   ซึ่งในความเป็นจริงควรจัดอยู่ในกลุ่มสาขาศึกษาศาสตร์หรือกลุ่มเทคโนโลยี  เนื่องจากเป็นคณะที่ผลิตครูช่าง  ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนทั้งวิชาชีพครู และเน้นการสอนวิชาเทคโนโลยีเฉพาะทางในโรงฝึกงานและห้องปฏิบัติการผสมผสานกันในหลักสูตรเป็นส่วนใหญ่   ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาควรสอบถามกับมหาวิทยาลัยก่อนว่า ถูกต้องหรือไม่  อย่างไร ซึ่งนักวิจัยระดับชาติอาจไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้สัมผัสกับการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาขาวิชาดังกล่าวของมหาวิทยาลัย

         2.  ข้อมูลตำแหน่งทางวิชาการของอาจารย์    การนับเฉพาะตำแหน่งศาสตราจารย์ไม่สะท้อนสภาพความเป็นจริงและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยไทยที่มีตำแหน่งทางวิชาการทั้งผู้ช่วยศาสตราจารย์  และรองศาสตราจารย์   ควรนับคะแนนโดยให้น้ำหนักลดหลั่นลงไปในช่วง 3 ปีแรกก่อนมีการประกาศนับคะแนนเฉพาะตำแหน่งศาสตราจารย์   รวมทั้งหนังสือ/ตำราด้านกฎหมายไทย  ภาษาไทย สังคมไทยหรือรัฐศาสตร์ เป็นต้น  ซึ่งต้องเขียนเป็นภาษาต่างประเทศนั้น ไม่สอดคล้องกับสภาพการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยไทย  การนำเกณฑ์การจัดอันดับของมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศมาใช้ทั้งหมด  จะเกิดความไม่เสมอภาคกับมหาวิทยาลัยเอกชน  มหาวิทยาลัยใหม่  และมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้เปิดสอนด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ  ซึ่งถ้าจะใช้เกณฑ์ดังกล่าว ควรจะมีการตกลงกันล่วงหน้า 1 ปี  เพื่อให้ทุกมหาวิทยาลัยได้เตรียมตัว  มิใช่ดำเนินการเลยทันที โดยไม่ตกลงกติกาให้ทราบล่วงหน้าก่อน  1  ปี สำหรับการใช้เกณฑ์ในการประเมินที่ไปเอามาจากหน่วยงานประเมินในต่างประเทศ    การจะปฏิรูปการอุดมศึกษาของไทยด้วยวิธีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ดี  แต่ควรจะมีช่วงระยะเวลาการเตรียมตัว

    และค่อยเป็นค่อยไปด้วยความรอบคอบในด้านฐานข้อมูลและตัวชี้วัด  รวมทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารที่ให้ส่งทาง  On-line  เป็นการใช้ข้อมูลทางเดียวแบบฉุกละหุก  เมื่อทำแล้วจึงเกิดความผิดพลาด เพราะคิดเอง ทำเองจากความรู้สึก  โดยอ้างว่ามหาวิทยาลัยต่างประเทศเขาทำกันมานานแล้ว

    มหาวิทยาลัยไทยจะล้าหลังถ้าไม่จัดอันดับ ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี  ทำให้เกิดความผิดพลาดที่หาคนรับผิดชอบไม่ได้  โดยมหาวิทยาลัยใหม่อย่างน้อย 6 แห่งที่มีเครื่องมือ/เครื่องจักรและอุปกรณ์การเรียนการสอน  รวมทั้งจำนวนอาจารย์ผู้สอนและตำแหน่งทางวิชาการ ยังไม่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานระดับอุดมศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) เพราะเพิ่งก่อตั้งใหม่และยังไม่ได้จัดโครงสร้างระดับคณะในปีการศึกษา 2548  แต่กลับถูกจัดอันดับให้สูงกว่ามหาวิทยาลัยที่ไปช่วยผลิตครู-อาจารย์ระดับปริญญาโทและปริญญาเอกให้ในปัจจุบัน      จึงน่าจะผิดพลาดในเรื่องการให้ข้อมูล และการใช้เกณฑ์การประเมิน  ซึ่งคงหาคนรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

       3. ข้อมูลเรื่องหนังสือ/ตำรา   จากการที่คณะผู้วิจัยเอกสารของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ถึงลูกถึงคน”  เมื่อคืนวันที่  31 สิงหาคม  2549  ว่าได้นับหนังสือ/ตำราที่เป็นภาษาไทยด้วย   แต่ในข้อเท็จจริงคือ ในเอกสารคำแนะนำการกรอกข้อมูลของคณะผู้วิจัยเอกสาร  ข้อ 17   ระบุให้กรอกข้อมูลเฉพาะจำนวนหนังสือ/ตำราที่เขียนเป็นภาษาต่างประเทศเท่านั้น   โดยให้ส่งทาง  On-line  เท่านั้น   จึงทำให้มหาวิทยาลัยหลายแห่งไม่ได้กรอกข้อมูลหนังสือ/ตำรา ที่เป็นภาษาไทย   เพราะสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้กำหนดเกณฑ์ไปแล้วว่า รับเฉพาะหนังสือ/ตำราภาษาต่างประเทศ  ซึ่งตรงกับการคัดค้านไม่เห็นด้วยของอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และอีกหลายมหาวิทยาลัย

       4.  จากเอกสารประกอบการสัมมนาของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเรื่อง  การรายงานการจัดอันดับจากระบบฐานข้อมูล On-line เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย  เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์นั้น   การประมวลผลของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษายังไม่ถูกต้อง  แต่รีบเผยแพร่ก่อนการสัมมนา  ทั้ง ๆ ที่ข้อมูลผิดพลาดมาก ได้แก่  ด้านการเรียนการสอน  มีความผิดพลาด ดังนี้

            4.1 การจัดอันดับของกลุ่มสาขาชีวการแพทย์  (ดังตารางที่ 1 )

       - ลำดับที่ 1  คณะแพทยศาสตร์  โรงพยาบาลรามาธิบดี  มหาวิทยาลัยมหิดล  Faculty Resources  คะแนนเต็ม 20% แต่คะแนนที่ได้สูงกว่าคะแนนเต็ม คือได้ 21.08% ซึ่งมีความผิดพลาดในการวิเคราะห์ข้อมูล  เพราะเกินเกณฑ์ที่ตั้งไว้ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ

    - ลำดับที่ 2 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล Quality of Education    คะแนนเต็ม 10%   แต่คะแนนที่ได้สูงกว่าคะแนนเต็ม คือได้ 10.19%  ซึ่งเกินเกณฑ์ที่ตั้งไว้

       - ลำดับที่ 3  คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล  Internationality  คะแนนเต็ม 10%  แต่คะแนนที่ได้สูงกว่าคะแนนเต็ม คือได้ 11.74%  ซึ่งเกินเกณฑ์ที่ตั้งไว้    

           - ลำดับที่ 4 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น Quality of Education คะแนนเต็ม 10%  แต่คะแนนที่ได้สูงกว่าคะแนนเต็ม คือได้ 14.57%  ซึ่งไม่น่าจะผิดพลาดมากขนาดนี้

       4.2 การจัดอันดับของกลุ่มสาขามนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์   (ดังตารางที่ 2 )

    -    ลำดับที่ 1  คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร  Quality of Education  คะแนน

    เต็ม  10%  แต่คะแนนที่ได้สูงกว่าคะแนนเต็ม คือได้ 11.63%  ซึ่งเกินเกณฑ์ที่ตั้งไว้

            4.3  การจัดอันดับของกลุ่มสาขาสังคมศาสตร์  (ดังตารางที่ 3)

       - ลำดับที่ 1 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  Financial Resources

    คะแนนเต็ม  20%  แต่คะแนนที่ได้สูงกว่าคะแนนเต็ม คือได้ 30.36%  ซึ่งไม่น่าจะผิดพลาดมากขนาดนี้

       - ลำดับที่ 2  สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ  ศศินทร์   จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    Internationality  คะแนนเต็ม 10%  แต่คะแนนที่ได้สูงกว่าคะแนนเต็ม คือได้ 12.34%  ซึ่งไม่น่าจะผิดพลาดมากขนาดนี้

                 ดังนั้น   การประมวลผลข้อมูลของคณะผู้วิจัยเอกสารของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา         จึงไม่น่าเชื่อถือ  แม้ที่ประชุมจะทักท้วงแล้วก็ตาม   แต่ผู้รับผิดชอบก็ยืนยันที่จะไม่แก้ไข  เพราะได้แถลงข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้  จึงไม่สามารถแก้ไขได้    รวมทั้งได้แจ้งว่า  มหาวิทยาลัยไหนที่กรอกข้อมูลทาง  On-line  ครบถ้วนก็จะได้คะแนนมาก   ส่วนมหาวิทยาลัยไหนที่กรอกข้อมูลไม่ครบถ้วนก็จะได้คะแนนน้อย   ซึ่งไม่น่า จะกล่าวเช่นนั้นต่อที่ประชุมสัมมนา ในวันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม 2549 ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ กรุงเทพฯ

       จากข้อมูลคะแนนประมวลผลที่ผิดพลาดดังกล่าว   ซึ่งเป็นการวิจัยเอกสารแบบขอข้อมูลเอกสารจากมหาวิทยาลัยโดยวิธี  On-line ทางเดียว    โดยไม่เคยมาเห็นสภาพการจัดการเรียนการสอนที่แท้จริง   ไม่เคยสัมภาษณ์ผู้บริหาร  ครูผู้สอน  นักศึกษาในเรื่องการเรียนการสอน  ศิษย์เก่าที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ สิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้บริการนักศึกษา และความพึงพอใจในคุณภาพของนักศึกษาจากนายจ้างและชุมชน  รวมทั้งไม่ได้ใช้หลักเกณฑ์การประเมินที่ครอบคลุมพันธกิจของมหาวิทยาลัย  อาจส่งผลดังนี้

       1. การจัดอันดับกลุ่มสาขาวิชา มีความผิดพลาดไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง

       2. จากผลการจัดอันดับกลุ่มมหาวิทยาลัยที่ไม่มีหลักเกณฑ์การประเมินที่ถูกต้อง เหมาะสม  ส่งผลให้หลายมหาวิทยาลัยที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับอุดมศึกษา ในด้านความพร้อมของจำนวนอาจารย์ผู้สอนและตำแหน่งทางวิชาการ  รวมทั้งเครื่องมือ/เครื่องจักรและอุปกรณ์การเรียนการสอน  เนื่องจากอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างระดับคณะของมหาวิทยาลัยที่เพิ่งก่อตั้งใหม่  แต่กลับได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มที่สูงกว่ามหาวิทยาลัยที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับอุดมศึกษา ซึ่งเรื่องนี้คงหาคนรับผิดชอบไม่ได้

       3. การทำอะไรรีบร้อน  ไม่หารือและไม่ฟังข้อคิดเห็นของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ก่อนดำเนินการ จนเกิดความผิดพลาดนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อการทำงานทางวิชาการร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปฏิรูปการศึกษา  

       ดังนั้น คณะกรรมการบริหาร  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ  จึงมีความเห็นว่า   แม้ว่าการจัดอันดับมหาวิทยาลัยไทยเป็นเรื่องที่ดีก็ตาม  แต่การทำแบบฉุกละหุกโดยได้รับข้อมูลไม่ถูกต้อง ครบถ้วน  และไปใช้เกณฑ์ของต่างประเทศมาใช้ประเมินทั้งหมด  ไม่คำนึงถึงข้อจำกัดด้านสภาพแวดล้อมใน

    การจัดการศึกษาและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ  และมหาวิทยาลัยที่เพิ่งตั้งใหม่  ควรให้ทุกมหาวิทยาลัยได้มีการเตรียมความพร้อมและมีความเข้าใจถึงเกณฑ์หรือกติกาใหม่ที่จะใช้อย่างน้อย  1 ปี   ซึ่งรูปแบบการทำวิจัยเพื่อการจัดอันดับมหาวิทยาลัยของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาที่เหมาะสม น่าจะมีการเยี่ยมชมภารกิจและรับทราบพันธกิจของแต่ละมหาวิทยาลัยสำหรับนำมาจัดกลุ่มสาขาวิชาให้ถูกต้อง   อีกทั้งการประเมินผลจากฝ่ายเดียวและมั่นใจว่าข้อมูลการวิเคราะห์ถูกต้อง  โดยไม่คำนึงถึงพันธกิจของมหาวิทยาลัยไทย  ซึ่งมิได้มีเพียงแค่การเรียนการสอนและการวิจัยเท่านั้น  แต่ยังต้องมีพันธกิจอื่น ๆ อีก เช่น  การให้บริการวิชาการแก่สังคม และชุมชนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง  รวมทั้งต้องธำรงรักษา ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติให้ดำรงไว้อย่างยั่งยืน เป็นต้น การให้น้ำหนักคะแนนอาจจะลดหลั่นลงไป เพื่อให้ครบพันธกิจของมหาวิทยาลัยไทยทุกแห่ง  อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้มหาวิทยาลัยทุกแห่งยอมรับมาตรฐานการประเมินเพื่อประกันคุณภาพการศึกษาของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ.เท่านั้น  เพราะเป็นองค์กรกลางที่มีมาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นระบบและเข้าใจพันธกิจของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี และได้นำข้อสังเกตของคณะกรรมการบริหาร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ  แจ้งให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาคนใหม่  (รองศาสตราจารย์ ดร.นริศ   ชัยสูตร)  ได้รับทราบ  เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีกเหมือนกับกรณี  O-net, A-net  ที่มีปัญหาในปัจจุบัน
     

              ข้อมูลจากhttp://www.dek-d.com/myBoard/view.php?id=652869 เอามาฝากค่ะ

    จากคุณ : รักเธอนะแต่ไม่แสดงออก - [ 5 ก.ย. 49 19:33:12 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com